
บุพเพวายร้าย
44.50%
ลืมตาตื่นก็เห็นใบหน้าได้รูปพร้อมตาคมที่มีขนตาหนากำลังจ้องมอง
“ ตื่นนานแล้วเหรอครับ?” ผมถามขยับร่างกายที่นอนซุกตัวพี่วุฒิออกมาแต่แขนที่กอดผมอยู่จึงทำได้แค่นิดหน่อย
“ นาน” พี่วุฒิตอบ แม้ไม่ได้มองผมก็รู้ว่า พี่วุฒิยังมองผมอยู่
“ .......................” ผมจะลุกขึ้น แต่ท่อนแขนแข็งแรงก็กอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“ พี่ครับ ผมจะไปอาบน้ำทำกับข้าวอย่างที่พี่บอกไงครับ” ผมบอกจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่พี่วุฒิก็ยังไม่ยอม พอผมหันไปมองกลับยิ้มเหมือนกำลังสนุก
“................พี่ครับ”
“ .........อยากไปก็ไปดิ ใครเขาว่า” พูดแล้วไปก็ยิ้มอีก
“ แต่พี่ไม่ยังได้ปล่อยผม”
“ อ้าวเหรอ” พี่วุฒิตอบหน้าตาเฉย แขนยังไม่ขยับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยตัวผมด้วย
“ .............................................”(ผม)
“.................................” พี่วุฒิพูดเอาจมูกมาลูบๆหัวผม
“.............พี่ครับ.................”
“ ...............................................ก็ได้ จะให้เวลา แต่อย่านาน” พี่วุฒิพูด ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรแต่พอคิดถึงเรื่องเวลาแล้วผมก็คิดออกทันที
เรื่องที่พี่วุฒิบอกว่าจะมีอะไรกับผมวันนี้ นี่หมายความว่าจะให้เวลาผมเพิ่มเท่าที่ผมต้องการใช่ไหม?
“ ขอบคุณนะครับ” ผมบอกมองพี่วุฒิกลับ อย่างน้อยพี่วุฒิก็ยอมรับความคิดของผมแล้ว แต่กลับเป็นพี่วุฒิไม่ยอมสบตา
หน้าตาพี่วุฒิอย่างกะเขิน
เขินจริงๆด้วยครับ หน้าเริ่มแดงหน่อยๆแล้ว เขินเพราะผมพูดว่าขอบคุณครับ เหรอ? พอเรื่องที่อายแต่ไม่อาย
- น่ารัก –
!!? เสียงดังเบาๆจากด้านนอก
เป็นเสียงกดออดครับ และมันก็ดังขึ้นอีกถี่กว่าเดิมด้วย เหมือนเร่งให้ไปเปิดประตู
“ ..................................”
“ ใครวะ!!” พี่วุฒิเปลี่ยนท่าทีเป็นอารมณ์เสีย แล้วลุกขึ้น ผมลุกขึ้นตาม
นั่นนะสิครับ ใครมาหาตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้า (6.50)
พี่วุฒิเดินเปิดประตูออกจากห้องออกไป และแค่แปปเดียวประตูก็เปิดออกอีกพร้อมกับเสียงที่ว่า
“Good morning”
พี่ชนะเป็นคนเปิดประตูเข้ามาครับ ผมยังนั่งอยู่บนเตียงอยู่เลย(ตกใจนิดหน่อยครับที่อยู่ๆก็เปิด)
“คะครับ”
“ ได้ยินมาว่า จะทำกับข้าวเหมือนเดิมแล้วพี่กับพี่แบงค์เลยมาขอกินข้าวด้วย”
“ ครับ” ผมพยักหน้า
“ มาแต่เช้าทำไมวะ!” พี่วุฒิเดินเข้ามาในกรอบประตูกับพี่ชนะ
“ ข้าวเช้าจะให้มากินเที่ยงหรือไง!” พี่ชนะพูดพร้อมจะเดินเข้ามา แต่พี่วุฒิกำคอเสื้อด้านหลังแล้วดึงออกไป แล้วหันมาหาผม
“ ทำธุระเสร็จแล้วตามออกมา” พี่วุฒิบอกแล้วเปิดประตูไว้เหมือนเดิม แต่ผมได้ยินเสียงพี่ชนะจากด้านนอกเบาๆพอจับใจความได้ว่า พี่ชนะจะเข้ามาดูตุ๊กตาลิง 2 ตัวที่นั่งอยู่ในห้องผม
“ ...........................”
.
.
.
ผมแปรงฟันอาบน้ำแล้วออกมา พี่วุฒิ พี่แบงค์และพี่ชนะนั่งกองกันบนโชฟา ไม่ได้ดูโทรทัศน์แต่เหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่
“ ........มีของในตู้เย็น ถ้าอะไรไม่มีบอก พี่จะให้คนเอามาให้” พี่วุฒิบอก ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นที่อัดแน่นไปด้วยผัก ผลไม้ และยังมีของสดจำพวกเนื้อหมู เนื้อไก่ ไส้กรอกก็มี และยังมีนมอีกหลายขวด(ตู้เย็นสีขาว 2 ประตู )
คงไม่มีอะไรไม่พอหรอกครับ มีแต่เหลือมากกว่า ไม่รู้ว่าทำทั้งอาทิตย์จะกินกันหมดไหม ดีที่วันนี้พี่ชนะพี่แบงค์มากินข้าวด้วยจะได้ทำเยอะๆไม่เสียของ
“...............ทำแกงจืดล่ะ 1 อย่าง” ผมว่า เพราะชอบเป็นการส่วนตัว
“ ผัดผักละอีก 1 อย่าง” ผมหันไปหาต้นเสียง พี่แบงค์ยืนยิ้มอยู่ครับ
“ ครับ” ผมบอกพี่แบงค์คงอยากกิน เลยมาบอกผมทำ ในตู้เย็นมีผักหลายอย่างครับ ยอดคะน้า กว้างตุ้ง กระหล่ำดอก ผักกาดขาว มีเห็ดสดด้วย อย่างกะยกตลาดมาไว้ในตู้เย็นก็ไม่ปาน
“ ผัดผักใส่แฮมได้ป่ะ?” พี่ชนะเดินตามออกมาว่า
“ คงได้มั้งครับ” ผมตอบแต่คิดว่าจะทำได้แม้ว่าจะไม่เคยทำ
“ แบงค์จะเข้าห้องน้ำเข้าไปสิวะ หรือจะรอตีท้ายครัวไอ้วุฒิ” ทั้งๆที่พี่ชนะพูดเล่นๆ แต่ในห้องกลับเงียบกริบ
ก็เพราะว่าไม่มีใครพูดอะไรนี่แหละ ....
“ ...........................” พี่วุฒิที่เดินตามพี่ชนะมา ยืนนิ่งครับ
พี่ชนะหันหน้าไปมองพี่วุฒิแล้วหันกลับไปมองพี่แบงค์
- เงียบ. .
. . เงียบ -
บรรยากาศชวนให้อึดอัด
“ไปดิจะเข้าน้ำไม่ใช่หรือไง! ท้ายครัวไอ้วุฒิกรูจองแล้วตัดใจซ่ะเถอะหนุ่มน้อย” พี่ชนะพูดต่อพยายามจะให้บรรยากาศมันดีขึ้น พี่แบงค์สบตากับผมเหมือนจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่อะไรสักคำ ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างๆห้องครัว
“ ชนะอย่าล้อเล่นแบบนี้ กรูไม่ชอบ!” พี่วุฒิพูดเดินเข้ามาในห้องครัว
“ เพราะเป็นไอ้แบงค์หรอกกรูถึงได้พูด มรึงก็รู้......” พี่ชนะพูดพร้อมเอาแขนกอดคอผม
“ แล้วทำไม มรึงชอบแตะอั๋งเมียกรูอยู่เรื่อย” พี่วุฒิพูดเดินมาหาผมกับพี่ชนะ แต่ไม่ทันถึงตัวพี่ชนะก็เดินหนีครับ พี่วุฒิไม่ตาม
“ หน้าจุมเวลาโดนแกล้งตลกดี กรูชอบ”
“กรูหวง!” พี่วุฒิพูดผมหน้าแดงถึงขั้นร้อนฉ่า ไม่กล้าสบตาพี่ชนะ ที่กำลังมองมา
“ เพราะเวลาแกล้งจุม เหมือนได้แกล้งมรึงด้วยกรูยิ่งชอบ” พี่ชนะพูดหัวเราะเสียงดัง พี่วุฒิเขม็นมองก็ไม่สน
ผมใช้เวลาทำกับข้าวไม่นานครับ แล้วก็ยกมาวางบนโต๊ะมีพี่วุฒิคอยช่วย
“ มรึงยกจานชามแล้วดูไม่จืดวะวุฒิ” พี่ชนะที่นั่งรอพูด
“ เรื่องของกรู!”พี่วุฒิพูดนั่งลง ผมวางช้อนกับส้อมที่กำมาบนจานข้าวแต่ละคน แต่พอมาถึงจานตัวเองกลับไม่มีช้อน ผมเอามาไม่ครบครับ
“ ไม่ต้องเดี๋ยวไปเอาเอง” พี่วุฒิบอกเอาช้อนพี่วุฒิให้ผม ส่วนตัวเองลุกขึ้นเดินไปเอาช้อนในครัว พี่ชนะที่นั่งตรงข้าม ชะโงกหน้ามาหาพูดผมเบาๆว่า
“ โคตรเชื่อง”
“............?.......”(ผม)
“ เชื่องขนาดนี้ เอาไปเดินเล่นไม่ต้องใส่สายจูงให้ยุ่งยาก”
“ มรึงนินทาอะไรกรู!” พี่วุฒิที่กำลังเดินกลับมาพูด
“ เปล๊า~ ใช่ป่ะแบงค์” ผมหันไปมองพี่แบงค์โดยปริยายรวมพี่วุฒิด้วย
“ มรึงว่าไงนะเมื่อกี้กรูไม่ได้ยิน” พี่แบงค์ตอบ ไม่ยอมมีส่วนร่วมง่ายๆ จนพี่ชนะหน้ามุ่ย
“ ไอ้แบงค์ มรึงไม่คิดจะช่วยกรูเลย กรูขอให้มรึงไม่มีแฟนอีกต่อไปในขณะที่กรูกับไอ้วุฒิอยู่สวรรค์ชั้น7” พี่ชนะพูดเคืองๆ พี่วุฒินั่งลงพอดี
“ กรูไม่อยากมีแฟน กรูอยากมีเมีย ....” พี่แบงค์บอก
“ เจนเขาสวย ไม่ได้เลวร้ายอะไร มรึงเสือกเลิกเอง มาเสียใจไม่ทันแล้ว” พี่ชนะพูดตักผักให้ผมก่อนให้ตัวเอง
“ ...................” พี่แบงค์ไม่ตอบโต้
“ กรูรู้แล้ว ช่วงนี้มรึงเป็นอะไร มรึงไม่ได้เอาใครเลยใช่ป่ะ งั้นคืนนี้กรูพาไปปลดปล่อย” พี่ชนะพูด แต่คนที่ดูดีใจกับคำพูดนี้น่าจะเป็นพี่ชนะมากกว่า
“ ก็ดี เผื่อกรูจะลืมๆอะไรบ้าง” พี่แบงค์พูดผิดกับที่ผมคิดไว้
“ จุมไปป่ะ? พี่ชายคนนี้จะพาไปเปิดหูเปิดตา” (พี่ชนะ)
“ ไม่ดีกว่าครับ” ผมตอบตักผัดผักให้พี่แบงค์บ้าง เพราะทั้งที่บอกให้ผมทำแต่ไม่ยักกินสักคำ พี่แบงค์ดูอึ้งๆที่ผมตักให้
“วุฒิพาจุมไปด้วยดิ”
“ ไม่มีทาง” พี่วุฒิตอบ
“ ไรวะ หวงทำแปะ มรึงก็ไปด้วยน้องเขาจะไปเปิดหูเปิดตาไง”
“ ไม่!” พี่วุฒิตอบคำเดียว แล้วหันมามองผม “ เอาไข่ตุ่น”
“ .......................”
“ ..เอาไข่ตุ่น” พี่วุฒิพูดซ้ำ
ถึงผมจะงงแต่ก็ตักไข่ตุ่นให้ครับ
“ ไอ้วุฒิมันไม่พอใจที่จุมตักผัดผักให้ไอ้แบงค์ก็แค่นั้นแหละ ไม่ต้องทำหน้างง” พี่ชนะบอกผม ผมเลยหันไปมองพี่วุฒิ แต่พี่วุฒิไม่สนใจผมครับ
!? หรือว่าโกรธ ผมหันหน้าไปหาพี่ชนะเป็นการถามว่าพี่วุฒิเป็นอะไร พี่ชนะพูดไม่มีสียงตอบกลับมา ผมพออ่านปากได้ว่า
‘มันงอน’
ผมคิดว่าถ้าพี่วุฒิงอนผมเรื่องผมตักผัดผักให้พี่แบงค์ ผมเลยตักผัดผักให้พี่วุฒิบ้าง แต่ไม่เป็นผลครับพี่วุฒิยังคงหน้าบึ้ง ผมไม่รู้จะทำยังเลยตักเห็ดหอมในแกงจืดให้พี่วุฒิด้วย
ดีขึ้นทันตาครับ พี่วุฒิทำหน้าดีขึ้นไม่ค่อยหน้ากลัวแล้ว ผมเลยโล่งใจ
“วุฒิ แล้ววันจันทร์จุมไปโรงเรียนยังไง?” พี่แบงค์ถามพี่วุฒิผมเลยหันหน้าไป
“ ..............” ผมยังไม่เคยไปโรงเรียน แต่ผมพอรู้ว่าอยู่ตรงไหน เพราะสาธิตGเป็นโรงเรียนดังใครๆก็รู้จัก
“เดี๋ยวกรูไปส่งตอนเช้า ตอนเย็นให้คนที่บ้านมารับ” พี่วุฒิบอก
“ ไม่ต้องหรอกครับผม ผมกลับเองได้” ผมบอก ไม่ต้องมีคนมารับผมหรอกครับผมกลับเองได้โรงเรียนก็อยู่ไม่ไกลมากขนาดนั้น
“ ไม่ให้กลับเอง!” พี่วุฒิพูดหันมาจ้องหน้าผมเหมือนผมทำอะไรผิด
“ ..................โรงเรียนอยู่แค่นี้เอง พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” ผมบอกอีก พี่ชนะหัวเราะคิกคัก
“ วุฒิให้น้องเขาให้ชีวิตปกติบ้างเถอะ”
“ อย่ายุ่งแบงค์”
“ อย่ายุ่งแบงค์ แต่ชนะยุ่งได้ใช่ป่ะ?” พี่ชนะพูดพี่วุฒิเลยหันไปจ้องพี่ชนะแทน
“ เอางี้ดิ มรึงก็ให้รถน้องเขาไปคัน น้องเขาจะได้ไปเองกลับเอง” พี่ชนะบอก ผมไม่เข้าใจครับว่าแค่ไปโรงเรียนดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องขึ้นมา
“ กรูจะให้คนไปรับ”
“ พี่เป็นห่วงผมเรื่องความจำเสื่อมใช่ไหมครับ?” ผมถามพี่วุฒิคิดว่าคงจะเป็นเรื่องนี้แหละครับที่พี่วุฒิจะไปส่งผมและให้คนไปรับ
“ ไม่ความจำเสื่อมก็เป็นอย่างงี้แหละจุม” พี่ชนะบอกผม
“ จุม อย่าให้เป็นเรื่อง แค่เรื่องไปโรงเรียน” พี่วุฒิบอกผมน้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด
“วุฒิ ไหนมรึงว่ามรึงสัญญาแล้ว ว่าจะพยายามใจเย็น” (พี่แบงค์)
“ ก็เรื่องไปโรงเรียนแค่นี้ แต่กลับต่อปากต่อคำ” พี่วุฒิพูดวางช้อนเสียงดัง ผมสะดุ้งกับแค่พี่วุฒิวางช้อน ?
“ ก็แค่โรงเรียนไปโรงเรียน ทำไมมรึงไม่เข้าใจน้องเขาบ้าง ที่เขาไม่อยากให้คนที่บ้านมรึงไปรับก็เพราะเกรงใจ มรึงน่าจะเข้าใจ” พี่แบงค์พูดตรงใจผมเลยครับ ผมเห็นว่าโรงเรียนก็อยู่แค่นี้ไม่น่าต้องรบกวนบ้านพี่วุฒิ ผมกลับเองได้
“ เหรอ?” พี่วุฒิถามผมเสียงเบาลง
“ครับ”
“ ไม่ต้องเกรงใจ....” พี่วุฒิพูดสีหน้าจริงจัง
“ ใช่จุมไม่ต้องเกรงใจ เพราะไอ้วุฒิมันได้ประโยชน์ไปเต็มๆ” ผมงงกับคำพูดพี่ชนะที่ว่าพี่วุฒิได้ประโยชน์คนที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นผม พี่ชนะคงเห็นหน้าผมสงสัย เลยพูดต่อว่า
“ มันได้ความสบายใจไงว่าจุมจะได้ไม่มีเวลามากจนมีเวลาไปเจาะแจะกับใคร ทั้งที่จุมอยู่โรงเรียนทั้งวันถ้าจะไปเจาะแจะใครก็ทำไปนานแล้ว คือความจริงมันบ้า จุมเข้าใจมันหน่อยเถอะ”
“ ชนะมรึงพูดมากขนาดนั้นก็อย่ามากินมันเลยข้าว!” พี่วุฒิพูดทันทีที่ที่พี่ชนะพูดจบแล้วยังยกจานข้าวพี่ชนะขึ้นด้วย
“ ขอโทษครับท่านวุฒิ ข้ากะผ๊มผิดไปแร้ว” พี่ชนะพูดแย่งจานข้าวคืนจากพี่วุฒิ แล้วกลับมากินต่อปากบ่นอุบอิบ แต่ก็ทำบรรยายการกินดีขึ้นครับ
หลังกินข้าวเสร็จพี่ชนะเป็นคนเก็บโต๊ะ ล้างจานครับ เพราะพี่วุฒิสั่ง ถ้าพี่ชนะไม่ยอมเก็บพี่วุฒิจะไม่ให้มากินข้าวที่นี่อีก ขณะที่พี่ชนะล้างจานก็ทำจานแตก ผมเลยเข้ามาช่วยกว่าจะเสร็จก็ทุลักทุเล
ล้างจานเสร็จผมก็กลับเข้าห้อง ดูหนังสือเรียน สุมดวิชาต่างๆว่าเรียนถึงไหนแล้ว เพราะตอนนี้ผมลืมหมดแล้ว ต้องเตรียมตัวไปก่อนไม่งั้นเรียนไม่ทันเพื่อนแน่
แกร่ก!?
ประตูเปิด(ไม่มีเคาะบอก)พี่วุฒิเดินเข้ามา
“ ทำไร?” พี่วุฒิถาม
“ ดูว่าเรียนไปถึงไหนแล้ว ผมจะได้เตรียมตัว” ผมบอก เปิดสมุดไปพลาง พี่วุฒิเดินมาหยุดข้างเก้าอี้ ดึงสมุดที่ผมกำลังเปิดไปดู
“ ติวให้เอาเปล่า?”
“ ก็ดีครับ แต่ให้ผมอ่านเองก่อนถ้าไม่เข้าใจตรงไหนแล้วผมขอไปถามพี่นะครับ” ผมบอก พี่วุฒิยิ้มตอบ แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนกางขากางแขนบนเตียง ผมหันกลับไปมอง เห็นว่าไม่มีอะไร ผมก็หันกลับมาอ่านหนังสือ โดยคิดว่าจะเริ่มจากคณิตศาตร์ก่อน
“ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะ” เสียงพี่วุฒิพูดจากกด้านหลัง ผมหันกลับไป
“.................”
“ มันน่าจะเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ................” พี่วุฒิพูดแล้วเงียบไป ผมก็ไม่ถามแม้จะสงสัยในคำพูดพี่วุฒิก็ตาม จนนานครู่ใหญ่พี่วุฒิไม่พูดอะไรอีกผมก็หันกลับมาอยู่หนังสือคณิตศาตร์อีก(หันไปอีกที่พี่วุฒิหลับไปแล้ว)
+
บุพเพวายร้าย
44.50%
ตอนเที่ยงพี่ชนะกับพี่แบงค์ที่ดูหนังอยู่นี่ยังไม่ได้กลับออกไปซื้อข้าวมันไก่มาเป็นมือเที่ยง ซื้อมาทั้งหมด 8 กล่อง คือคนละ 2 กล่อง แต่ผมกินหมดแค่กล่องเดียวครับ ส่วนพี่ๆกินกันคนละ 2 กล่อง พี่ชนะบอกว่ามื้อเย็นจะเลี้ยงเอง และจะพาไปกินร้านอร่อยๆที่แฟนแนะนำมาด้วย(แฟนพี่ชนะชื่อ พี่ปราง ครับ)
ตอนบ่ายพี่วุฒิออกไปดูหนังกับพี่ชนะกับพี่แบงค์นอกห้องจนเย็น
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตู
“ครับ เข้ามาได้เลย ผมไม่ได้ล็อก” ผมบอก คงไม่ใช่พี่วุฒิครับ เพราะถ้าเป็นพี่วุฒิจะไม่เคาะแต่เข้ามาเลย
“ ขยันจริง” พี่ชนะพูด เดินตรงไปหาตุ๊กตาลิงยักย์แล้วนั่งลงบนตักมัน
“ เย็นนี้ไปด้วยกันเปล่า?” พี่ชนะถาม
“ไปไหนครับ?” ผมถามละสายตาจากหนังสือและถือเป็นการพักสายตาไปในตัว
“ ก็ไปแดนซ์แอนดริ้งกันไง” พี่ชนะว่า
“ ไม่ดีกว่าครับ ผมอ่านหนังสือดีกว่า” ผมบอก
“ ไปเถอะ ไปปรามไอ้วุฒิมัน พวกพี่จะได้ไม่ต้องคอยดูว่ามันจะไปหักคอใคร”
“ ผมอายุยังไม่ถึง” ผมบอกเพราะพอจะรู้ว่าจากที่พี่เขาพูดกันตอนกินข้าวว่าจะไปผับกัน
“ พวกพี่ก็ยังไม่ถึง อย่าได้แคร์ เพราะ 16 , 17 แดนซ์กันให้กระจายไม่มีใครมาถามอายุหรอก”
“ พี่วุฒิคงไม่ให้ผมไปด้วยหรอกครับ” ผมพูดนี่ไม่ได้อยากไปนะครับ อยากอ่านหนังสือมากกว่า เพราะเรียนไปไกลพอดูทั้งที่เปิดเทอมได้เดือนกว่า และก็อีกไม่นานก็คงสอบกลางภาค แล้วผมจะเอาอะไรไปสอบ
“ งั้นพี่พูดให้” พี่ชนะพูดลุกขึ้น
“ ไม่ใช่ครับพี่ ผมไม่อยากไป” ผมบอกกลัวพี่ชนะจะเข้าใจผิด
“ มีไรกัน?” พี่วฒิเปิดประตูเข้ามาถาม
“ เคาะประตูหน่อยดิ มารยาทสะกดเป็นไหม?” (พี่ชนะ)
“ สะกดเป็นไม่ได้โง่ แต่ไม่ทำขี้เกียจ”
“ พูดกับมรึงกรูปวดกระบานตามเคย”
“ เข้ามาในห้องเมียกรูทำไม!?”
“ มาชวนจุมไปLLด้วย”(ผมมารู้ที่หลังว่าเป็นชื่อผับ)
“ กรูบอกแล้วไง ไม่ให้ไป” พี่วุฒิพูดเดินเข้ามาในห้อง
“ กรูมาถามเผื่อน้องเขาอยากไป”
“ อยากไปก็ไม่ให้ไป!” พี่วุฒิหันมาจ้องผมเอาเป็นเอาตาย หรือจะคิดว่าผมอยากไปจริงๆ
“ แต่น้องเขาอยากไป”
“ ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้อยากไป!” ผมรีบออกตัว
“ อ้าวไหนว่า ไอ้วุฒิมันไม่ยอมให้ไป” ก็ใช่ครับ แต่ประโยคนั้นผมไม่ได้หมายความอยากไปเลย
“ อยากไปเหรอ?” พี่วุฒิถาม ผมส่ายหน้าปฏิเสธไมได้อยากไปเลยครับ
“ ไม่ครับ ผมไม่อยากไป”
“ น้องเขากลัวมรึงว่า เลยไม่กล้าบอกว่าอยากไป”
“ พี่ชนะผมไม่ได้พูดอย่างงั้นนะครับ” ผมว่า คิดว่ามีแต่พี่วุฒิเสียอีกที่พูดไม่รู้เรื่อง แต่พี่ชนะก็พูดไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“ จุมอยากไปเหรอ?” พี่แบงค์เดินเข้าเข้ามาผ่านประตูที่พี่วุฒิเปิดทิ้งไว้ถาม
“ ...........................”(พี่วุฒิ)
“ ผมไม่ดะ....”
“ อยากไปก็ไป” พี่วุฒิพูด พี่ชนะหันมายักไหล่ยิ้มให้ผม แบบเห็นฟันครบ 32 ซี่ ส่วนพี่แบงค์ส่ายหน้าเหมือนปลงๆ
“ ตอนนี้ทุ่มแล้วก็ไปเตรียมตัวกัน แต่ก่อนหน้านั้นไปกินข้าวกันก่อน” พี่ชนะบอก พี่วุฒิเดินออกจากห้องไปก่อนเพื่อน
รู้สึกเหมือนพี่วุฒิกำลังไม่พอใจครับ
“ ชนะมรึงทำอะไรของมรึง หรือจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่าเดิม” พี่แบงค์ยังยืนอยู่ที่เดิมถามพี่ชนะ ผมก็อยากรู้ครับว่าทำไมพี่ชนะถึงอยากให้ผมไปนัก
“ เปล่า กรูก็แค่อยากให้จุมไปเปิดหูเปิดตา บ้าง” (พี่ชนะ)
“ อย่าโกหกชนะ กรูรู้จักมรึงดี พูดมาเพราะอะไร” (พี่แบงค์)
“ กรูแค่อยากรู้ว่าไอ้วุฒิมันจะทนได้สักแค่ไหน? เออ ใช่ๆเป็นการฝึกความอดทนไง” (พี่ชนะ)
“ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ มันเหมือนเป็นการยั่วโมโหมัน”(พี่แบงค์)
“ มันจะได้รู้ไงว่า ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่มันคิด” (พี่ชนะ)
“ มรึงคิดเป็นเด็ก!” (พี่แบงค์)
“ พี่ครับ ผมไม่ได้อยากไปนะครับ” ผมบอก
“ พี่รู้ แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว” พี่แบงค์บอกผม
“ เดี๋ยวผมจะไปบอกพี่วุฒิเองครับ” ผมบอกจะเดินออกจากห้องไปหาพี่วุฒิแต่พี่แบงค์จับแขนผมพร้อมกับบอกว่า
“ ไปก็ไปเถอะจุม เดี๋ยวจุมไปบอกว่าไม่ไป ไอ้วุฒิมันอาจจะหงุดหงิกว่าจุมจะเอายังไงกันแน่ อย่าทำให้มันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” พี่แบงค์พูดพร้อมส่งหางตาไปดุพี่ชนะ ที่ยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ ก็ได้ครับ” ผมบอก และขอตัวไปอาบน้ำ พี่แบงค์กับพี่ชนะบอกว่าจะกลับเหมือนกันและไปเจอกันที่ร้านเลย และให้พี่วุฒิโทรถามทางไปที่ร้านตอนออกไป
ผมไปอาบน้ำ พออาบเสร็จพี่วุฒิยืนรออยู่ในห้อง หน้าตาเรียบเฉยแต่ผมจับบบรรยากาศได้ว่ากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่
“ เดี๋ยวผมใส่เสื้อผ้าแล้วก็เสร็จครับ” ผมบอกคิดว่าพี่วุฒิคงจะไม่พอใจที่รอผม ทั้งที่ผมคิดว่าอาบน้ำไม่นาน
พี่วุฒิไม่ตอบ ผมเลยรีบเอากางเกงกับเสื้อใส่ เป็นเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อน กับกางเกงยินต์สีดำ พี่วุฒิใส่เดฟดำกับเสื้อสีแดง(สด) ติดกรัดุมแค่ 3 เม็ดล่างครับ ทำให้เห็นแผ่นอกสีขาวค่อนข้างมาก
“ ทำไมอยากไปไม่บอก” พี่วุฒิพูดมือ ผมที่กำลังใส่เข็ดหยุด ... พี่วุฒิเดินมาใกล้ ผมถอยหลังครับ
“ ........คือว่า....”
“ทำไมต้องไปบอกไอ้ชนะ”
“........ผมก็ไม่ได้...........”
“ เงียบ!” พี่วุฒิพูเสียงดัง หน้าผมเหมือนโดนลมเย็นพักผ่านหน้า
“ ไม่ต้องพูดแล้ว แต่อย่าให้มีครั้งต่อไป” พี่วุฒิบอก แล้วเดินออกมาออกไปก่อนผม
ผมแทบทรุด หัวใจเต้นอ่อนสลับกับมันหายวับไปไหนก็ไม่รู้....
แล้วเดินตามพี่วุฒิออกไป...........
ในรถพี่วุฒิโทรถามทางกับพี่ชนะ จวบจนถึงร้านกับพี่วุฒิไม่ได้คุยกัน ผมก็ไม่กล้าชวนคุย เพราะพี่วุฒิทำหน้าน่ากลัวตลอด
เพราะรถค่อนข้างติดมาถึงร้านก็จวน 2 ทุ่ม เป็นร้านที่เหมือนร้านกาแฟครับแต่ใหญ่กว่า ตัวร้านเป็นไม้สีธรรมชาติ ในสวนที่มีต้นไม้ต้นเล็กๆขึ้นอยู่ประปรายอย่างจงใจ
เดินเข้าไปในร้านก้เห็นพี่แบงค์และพี่ชนะนั่งรออยู่ในร้าน และลงมากินไปแล้ว(น่าจะเป็นพี่ชนะคนเดียวเพราะข้าวในจานพี่แบงค์ไม่พร่องและไม่มีรอยเปื้อน)
“มาช้ากรูหิวเลยกินก่อน แต่ไม่ต้องเกรงใจกินตามสบาย เสี่ยชนะเลี้ยงเอง” พี่ชนะบอก ผมนั่งลงพร้อมๆกับพี่วุฒิ
“ มีอะไรกันหรือเปล่า?” พี่แบงค์เริ่มลงมากินตอนที่จานข้าวผมกับพี่วุฒิถูกนำมาวางโดยพนักงานเสริ์ฟ
“ ..................” ทั้ผมและพี่วุฒิได้ตอบ เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเหมือนกัน
“ มรึงไม่ได้รังแกจุมใช่ป่ะ?” พี่ชนะ กินน้ำสีแดงในแก้วไปหลายอึกก่อนถาม
“ จุม?” พี่แบงค์หันมาถามม ผมหันไม่มองพี่วุฒิที่ยังทำหน้าบึ้งก่อนที่จะส่ายหน้าตอบว่าไม่รู้
“ วุฒิมีอะไรก็พูดออกมา ไม่พูดไม่มีใครรู้ว่าเราคิดอะไร..............................”(พี่แบงค์)
“ กรูแค่หงุดหงิด อากาศมันร้อน” พี่วุฒิตอบ
“ ร้อนบ้าดิ ร้านก็แอร์เย็นดี แถมเสื้อที่มรึงใส่กรูว่ามันหนาววะ” พี่ชนะว่า เลยโดยพี่วุฒิจ้องเขม็ง
เสื้อที่พี่วุฒิใส่ก็ไม่บางนะครับแต่เปิดคอเสื้อกว้างไปหน่อย
“ ไม่มีอะไรก็กินข้าว” พี่แบงค์ตัดบท แล้วมาพูดกับผมว่าจะสั่งอะไรเพิ่มไหม หรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษ ผมบอกว่าไม่สั่งอะไรเพิ่มแล้วแค่นี้ก็พอแล้ว เพราะผมดูกับข้าวบนโต๊ะก็น่าจะพอแล้ว
“ ชอบคุณครับ” ผมบอก เมื่อพี่แบงค์ตักเขียวหวานไก่ให้ผม พี่ชนะจ้องผมก่อนที่จะพยักเพยิดหน้าไปทางพี่วุฒิ เหมือนเป็นการบอกอะไรผม
?? แต่ผมไม่รู้ครับ
โต๊ะไม้ที่นั่งเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนหน้าที่เกือบๆจะจัตุรัสครับ ผมนั่งข้างพี่วุฒิและพี่แบงค์ ดังนั้นพี่ชนะนั่งตรงข้ามผม
‘อะไรครับ?’ ผมถามไม่ออกเสียง พี่ชนะตอบผมไม่มีเสียงกลับมาว่า ‘ตักให้มันหน่อย’
คงจะหมายถึงตักให้พี่วุฒิ
“ จะกระซิบกระซาบกันอีกนานไหม!” พี่วุฒิพูด ทั้งผมและพี่ชนะหันไปมองครับ
“ ไม่นานอ่ะ หยุดแล้ว” พี่ชนะตอบ หัวเราะคิกคัก จนโดนศอกพี่แบงค์สะกิดจึงได้ปั้นหน้านิ่งแต่ปากกลับอมยิ้ม
“ พี่ครับ เอาหมูทอดไหมครับ ผมตักให้” ผมถาม เพราะตั้งแต่มาพี่วุฒิยังไม่กินอะไรสักคำ
“ .......................” พี่วุฒิไม่ตอบ ผมตักหมูทอดเกร็ดขนมปังให้พี่วุฒิ แต่พี่เขาไม่กินครับ
“ พี่ไม่ชอบกับข้าวหรือครับ?” ผมถามสงสัย เพราะพี่วุฒิไม่ยอมกินอะไรเลย แต่ผมก็ว่าอาหารเขาอร่อยดีอย่างที่พี่ชนะบอก
“ ................................” (พี่วุฒิ)
“ หรือว่าพี่ไม่หิวครับ?” ผมถามอีก
“ อย่ายุ่ง!” พี่วุฒิพูดเสียงห้วนแต่ก็เบาลงก็ประโยคก่อนหน้านี้
“ ถ้าพี่ไม่กินจะเป็นโรคกระเพาะเอาได้นะครับ” ผมบอก
“ ป้อนดิ”
“ ไอ้วุฒิ!” พี่แบงค์พี่ชนะพูดพร้อมกันเป็นเชิง
“กรูจะให้เมียกรูป้อน..” พี่วุฒิหันหน้ามาหาผม
“ ...............................” ผมหันหน้ามองซ้ายมองขวา คนในร้านไม่คอ่ยเยอะเท่าไร แต่ผมก็ไม่กล้า ที่จะป้อนพี่วุฒิหรอกครับ
“ พี่ครับ”
“ ไอ้วุฒิ” (พี่แบงค์)
“ ไม่หิว ไม่กิน!” พี่วุฒิพูดพลางผลักจานข้าวออก
“ มรึงทำตัวเป็นเด็กอีกแล้วนะ” พี่แบงค์ว่าผลักจานข้าวพี่วุฒิไปไว้ที่เดิม
“ เรื่องของกรู!”
“ ที่นี่มันไม่ใช่คอนโดมรึง แต่นี่มันร้านอาหาร มรึงเข้าใจไหม!” พี่แบงค์พยายามบีบเสียงให้เล็กลง
“ กรูรู้ และกรูไม่ให้ป้อนแล้ว เพราะกรูไม่หิว!” ดูท่าพี่วุฒิจะไม่ยอมแน่ๆครับ ผมไม่อยากจะมีเรื่องไปมากกว่านี้
“ อ้าปากครับ เดี๋ยวผมป้อน” ผมบอกเอาช้อนพี่วุฒิตักข้าวกับหมูทอดชิ้นเมื่อกี้ยกขึ้นป้อนพี่วุฒิ
“ จุม” พี่แบงค์ว่า พี่วุฒิยิ้มอ้าปากให้ผมป้อน ผมสังเกตเห็นครับว่าโต๊ะที่ถัดไปอีกโต๊ะ หนึ่งหันมามองพวกผมแปลกๆ
อาย
อายครับ! แต่ทำยังไงได้ เพราะอีกคนเอาแต่ใจแบบนี้
“ ไหนว่ามรึงไม่หิว” พี่ชนะพูด พี่วุฒิแค่ยักคิ้วให้แล้วไม่สนใจ
ผมไม่อยากคิดเลยว่าคนหน้าตาอย่างพี่วุฒิและแต่งตัวเพลย์บอยแบบนี้ที่แค่นั่งเฉยๆก็มีคนมองเป็นตาเดียว กำลังถูกคนอย่างผมป้อนข้าวในร้านอาหาร ในสายตาคนอื่นมันเป็นยังไง....
....................................แต่ก็ยังดีที่พี่วุฒิอารฒณ์ดีขึ้นมาก สัก 3 ทุ่มครึ่งได้ พวกผมก็เช็ดบิล ออกจากร้าน ส่วนพี่วุฒิก็อารมณ์แทบเป็นปกติแล้วครับ
อยู่ในรถ ผมเลยถามพี่วุฒิ(พี่ชนะไปรถพี่แบงค์)
“ พี่โกรธผมหรือครับ?” ผมถาม พี่วุฒิเงียบอยู่นานจนผมคิดว่าพี่วุฒิจะไม่ตอบแล้ว
“…………….. ก็.............ใช่………..”
“ ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมไป ผมไม่ไปก็ได้นะครับ” ผมบอก
“ อยากไป เดี๋ยวพาไป” พี่วุฒิบอก ตอนแรกผมก็ว่าจะแย้งว่าผมไม่ได้อยากไป แต่พูดไปก็ทีแต่สาวความยาว ผมก็ไม่ได้พูด อยากไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร...ไหนๆก็จะไปแล้ว
“ ขอบคุณนะครับ” ผมบอก เพราะถึงพี่วุฒิจะไม่อยากให้ผมมาด้วย แต่พอรู้ว่าผมอยากมาก็ยอมให้มา ถึงจะไม่พอใจก็ตาม
“ ..............................” พี่วุฒิไม่ตอบ แต่ผมเชื่อว่าพี่วุฒิรับรู้คำพูดของผม
* * ** * *
50% แต่เช้าเน้อเจ้าค่ะ 