
บุพเพวายร้าย
49.20%
ผมเดินกลับยังไม่ถึงห้องพี่วุฒิก็โทรมาแล้วครับ แต่ผมไม่รับ วางโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้บนโต๊ะแล้วไปนอน ผมอยากจะหายเร็วๆจะได้ไปโรงเรียนสักที
คิดถึงเรื่องพี่วุฒิ แล้วผมอยากจะให้มันจบ ผมอยากจะกลับไปใช้ชีวิตของผม ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมยังสงสัยในความรู้สึกผมที่มีต่อพี่วุฒิก็ตาม แต่สิ่งที่พี่วุฒิทำกับผมทำยังไงผมก็ยังยอมรับไม่ได้
ผมไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ของใครที่เมื่อต้องการก็จะใช้กำลังไม่สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไง
รู้ไหมว่าผมเจ็บ
ตอนนั้น ในผับที่พี่วุฒิมองผม …กับเรื่องที่พี่วุฒิข่มขืนผม ใช้กำลังกับผม ด่าถ่อผมมันช่างต่างกันเหลือเกิน
ที่พาผมหนี จับมือผมวิ่ง ผมอุ่นใจมากที่พี่ไม่ทิ้งผม เป็นห่วงผม และพาผมออกมาด้วยกัน แต่ยิ่งคิด หัวใจผมก็ยิ่งปวด
ทำให้ผมคิดว่า ความรู้สึก ตัวจริงของพี่คือตอนนั้นไหนกันแน่ หรือว่าไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนนั้นนั่นก็คือตัวตนของพี่วุฒิจริงๆ
.
.
.
ตอนเย็นพี่แบงค์กลับมา ทราบเรื่องผมกับพี่วุฒิจากป้าทราย ก็คงจะมาหาผมเลยเพราะยังอยู่ในชุดนิสิต
“ จุมไม่น่าลงไปเลย” พี่แบงค์พูดยืนอยู่ข้างเตียง ส่วนผมนั่งอยู่บนเตียง
“ อะไรหรือครับ?”
“ ก็จุมออกไปหาไอ้วุฒิ” พี่แบงค์พูดเหมือนไม่พอใจ
“ ผมแค่อยากรู้ และนึกเป็นห่วงพี่วุฒิครับ เพราะป้าทรายบอกว่าพี่เขานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อวาน ข้าวก็ไม่ได้กิน” ผมบอก พี่แบงค์ถอนหายใจ
“ถ้าจุมอยากไปหาไอ้วุฒิ ถ้าไม่มีพี่อย่าลงไปอีกนะ พี่เป็นห่วง” พี่แบงค์ว่า ผมพยักหน้าเข้าใจไม่อยากให้พี่แบงค์มากังวลเรื่องผม
ผมคิดเรื่องที่ผมคุยกับพี่วุฒินั้น ผมคิดว่าตัวเองก็น่าจะกลับไปอยู่บ้าน อยู่ที่นี่ก็รบกวนพี่แบงค์ กลับไปอยู่บ้านตัวเองสบายใจกว่า เห็นท่าทางพี่วุฒิแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถึงขนาดที่ว่าผมจะกลับไปอยู่บ้านไม่ได้ หรือแม่ผมจะได้รับอันตราย
“ พี่ครับขอบคุณนะครับที่ให้ผมมาอยู่บ้านพี่”
“ พี่บอกแล้วว่าพี่เต็มใจ” พี่แบงค์ว่านั่งลงเอามือมาจับมือผม แต่ผมชักกลับ พี่แบงค์เลยหน้าเสีย
“ แต่ผมขอกลับไปอยู่บ้านเถอะครับ ไม่อยากรบกวนพี่”
“ ไอ้วุฒิมันพูดอะไรกับจุม!?” พี่แบงค์ถามเสียงสูง
“ ถึงพี่วุฒิไม่พูดผมก็คิดอยู่แล้วครับ ว่ายังไงก็ต้องกลับไปอยู่บ้าน”
“ หากจุมคิดว่ารบกวนพี่ นั่นมันไม่ใช่เลย”
“ .......................” ผมสบสายตาพี่แบงค์ ไม่อยากคิดอย่างคนหลงตัวเองว่าพี่แบงค์คิดกับผมมากกว่าที่ผมคิด
“ จุมพี่ระ......” จำเป็นที่ผมต้องหันหน้ามองพี่แบงค์ที่มองผมอย่างจริงจัง พี่แบงค์เงียบไป ผมกำลังกลัวสิ่งที่พี่แบงค์กำลังจะพูด
“ พี่ครับ อย่าพูดเลยครับ” ผมว่าหลบสายตา
“ จุมห้ามพี่พูด แต่ห้ามความรู้สึกพี่ไม่ได้หรอก” พี่แบงค์พูดเร็วๆบอกผม ทั้งยังดึงมือผมไปกุมไว้ทั้ง 2 ข้าง ผมจะดึงกลับมาพี่แบงค์กลับดึงไว้ ผมเลยปล่อยไว้อย่างงั้น
“ นานแล้วนะจุม ที่พี่ต้องเก็บมันไว้ มันทรมานที่ต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไร มันเจ็บปวดที่ต้องเมินเฉยต่อความรู้สึกของตัวเอง . . . ”
“ พี่ครับ ผม ...”
“พี่รักจุม” พี่แบงค์ชิงพูดตัดให้ผมได้อึ้ง แล้วดึงมือตัวเองกลับ พี่แบงค์ยอมปล่อยโดยดีแต่กลับกอดผมทั้งตัว
“ จุมพี่รักจุม”
“ พี่ครับ อย่าทำแบบนี้” ผมดิ้นเพราะพี่แบงค์กอดแน่นมาก
“ พี่รักจุมมาก ให้พี่ได้ดูแลจุมเถอะ” พี่แบงค์บอกแล้วผลักผมลงไปกับเตียง พร้อมทั้งกดไหล่ผมไม่ให้ลุกขึ้น
“ พี่จะทำอะไร?!” ผมถามตื่นตะหนก แขนที่เป็นอิสระดันไหล่พี่แบงค์ไว้ไม่ให้ตัวได้เข้าใกล้ผมมากกว่านี้
“ ...........................” นัยน์ตากำลังเต้นระริกเหมือนเปลวไฟของพี่แบงค์จ้องผมนิ่ง
“ เมื่อเช้า พี่จูบผมเหรอครับ?” ผมถามเพราะอยากรู้ว่าใช่หรือไม่? พี่แบงค์มองผมด้วยความแปลกใจคงเพราะคิดว่าผมหลับไปแล้ว
“ ใช่พี่จูบจุม”
ผมมีคำถามเต็มไปหมด พี่แบงค์จะรักผมได้ยังไง ในเมื่อผมกับพี่วุฒิ…
“ แล้วตอนนี้ละครับ?” ผมถาม
“ พี่จะทำให้จุมเป็นของพี่ แต่ไม่ต้องกลัวนะพี่รักจุม พี่ไม่ทำให้จุมเจ็บแน่นอน”
ไม่ทำให้ผมเจ็บ หมายถึงร่างกายหรือจิตใจ แต่ถ้าเป็นจิตใจล่ะก็ ผมเจ็บไปแล้วล่ะครับ
“ ผมเสียใจรู้ไหมครับ ที่คิดว่าพี่ช่วยผมมาจากพี่วุฒิเพราะพี่คิดที่จะทำกับผมแบบนี้” ผมบอกหยาดน้ำตาไหลผ่านหางตาเชื่องช้า
นี่ผมจะเชื่อใครไม่ได้เลยใช่ไหม?
“ พี่ไม่เคยคิดที่จะหักหาญน้ำใจจุมแบบนี้ แต่พี่อยากมีสิทธิ์ในตัวจุมบ้าง พี่ก็กลัวไม่ต่างจากไอ้วุฒิที่กลัวว่าจุมจะหนีหายไป” พี่แบงค์บอกสีหน้าแสดงอาการเหมือนกำลังเจ็บปวด
“ ก็เลยจะใช้กำลังผมเหมือนพี่วุฒิทำหรือครับ?” ผมถามใจหาย
* *
ไม่ได้แกล้งกัน แต่แค่นี้เน้อ