
บุพเพวายร้าย
56.50%
6 โมงเย็นพี่วุฒิขับรถพาผมไปโรงแรมพี่เขาอยูในถนนสุขุมวิท เป็นโรงแรมใหญ่มากครับ และก็หรูมากด้วย เกิดมาผมก็ไม่เคยเข้ามาเลย และก็ไม่รู้ว่าผมจะเข้ามาทำไมด้วย
พี่วุฒิพารถเข้าไปจอดหน้าโรงแรม แล้วออกมาก็มีคนแต่งสูทยูนิฟอร์มสีชมพูมารับกุญแจไปหลังจากที่พี่ออกจากรถ อีกคนมาเปิดประตูให้ผม
“ ขอบคุณครับ” ผมบอกก้มหัวลง
นอกรถมีผู้ชายสูทชมพูอายุราว 50 ยืนรออยู่แล้วครับ
“ คุณพ่อล่ะ?” พี่วุฒิเดินมายืนข้างๆผมแล้วถาม
“ รออยู่ชั้น 8 แล้วครับ”
“ เหรอ” พี่วุฒิว่าจูงมือผมเข้าไป ผ่านประตูกระจกใส 2 บาน(ใหญ่) มีดอร์แมนเปิดประตูให้ครับ
เรื่องที่วุฒิจูงมือผมนั้น ผมก็อายครับ
พนักงานโอเปอเรเตอร์ตรงเคาร์เตอร์ก็มองผม แต่พอผมจะดึงมือกลับ มือพี่วุฒิก็กำมือผมแน่นจนผมเจ็บ รู้ได้เลยว่าพี่วุฒิจะไม่ยอมปล่อย
ในลิฟท์ พี่วุฒิเอาการ์ดเสียบตรงช่องใต้ปุ่มกดก่อนที่จะกดชั้น8
“.............” ผมรู้สึกตื่นเต้นครับ เพราะผมไม่เคยเจอพ่อพี่วุฒิ(พี่วุฒิบอกผมเคยเจอท่าน 3 ครั้ง ก่อนที่ความจำเสื่อม )
ลิฟท์มาหยุดที่ชั้น 8 พวกผมก้าวออกมา ชั้นนี้เป็นเหมือนชั้นออฟฟิตครับ เพราะเต็มไปด้วยห้องและพนักงานจำนวนหนึ่งนั่งบนโต๊ะทำงาน ในห้องกระจก
หลายๆคนหันมาผมผมกับพี่วุฒิแต่ก็หันกลับไปในทันที
“ คุณพ่ออยู่ไหน?” พี่วิฒุถามพนักงานหญิงที่เดินมาหา(สวยครับ)
“ ในห้อง..” ไม่ทันที่พี่เขาจะบอกจบพี่วุฒิก็เดินดึงแขนผมเข้าไปตามทางเดินยาวเข้าไป เข้าไปในห้องด้านในสุดโดยไม่เคาะ
แกร๊ก!? พี่วุฒิเปิดประตูเข้าไป ผู้ชายเสื้อเซิ้ตแขนยาวสียาวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ มองมาที่พวกผม
“ จะเข้าห้องก็เคาะประตูก่อน” บอกไม่มีท่าทีตำหนิ เป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคม อายุราว 40 ต้นๆ แต่พ่อพี่วุฒิจะ 50 แล้วครับ
“ สวัดดีครับ” ผมดึงมือตัวเองจากมือพี่วุฒิยกมือไหว้ท่าน
“ สวัดสดี อาการเป็นไงบ้าง พ่อไม่ได้เยื่ยมที่โรงพยาบาลเลย งานยุ่งอย่างที่เห็น”
พ่อ!!!? 0.0
ผมหันไปมองพี่วุฒิหน้าเลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูกครับ เจอหน้ากันครั้งแรก(จากที่จำได้)ก็เรียกแทนตัวเองว่าพ่อเลย ปรับตัวไม่ทัน
“ กะก็...ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ยังจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม” ผมบอก
“ จำไม่ได้ก็ไม่จำ ชีวิตปัจจุบันสำคัญที่สุด..” พูดพร้อมยืนขึ้น
“ครับ” ผมพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวครับ เกร็งๆท่านเหมือนกัน แต่ท่าทางท่านเป็นคนใจดี
“ เรียกมามีไร!?” พี่วุฒิถาม ดึงแขนผมแทบคม้ำล้มให้ไปนั่งโชฟาที่ติดผนังอีกด้าน
“ เดือนที่แล้วสัญญาว่าจะมาช่วยงานพ่อ แต่ไม่มา . . .”
“ จุมเข้าโรง-บาล” พี่วุฒิตอบ พ่อพี่วุฒิหันมามองผมที่นั่งตัวติดกัน ( พี่วุฒิดึงแขนผมให้ไปนั่งติดแบบนี้ครับ)
“ ...............”หมายความว่าเป็นเพราะผมหรือครับ
พ่อพี่วุฒิถอนหายใจเบาๆ
“ จะ 20 แล้วนะวุฒิ พ่ออยากให้มาเรียนรู้งานที่โรงแรมให้เป็นกิจจะลักษณะ”
“ เรื่อง!!?” “ วุฒิ” (พ่อพี่วุฒิ)
“ ได้คืบจะเอาศอก
บอกมาเดือนนี้ให้มาวันไหน?”
“ พี่ครับพูดดีๆ ก็ได้” ผมบอกพี่วุฒิ เพราะพี่วุฒิพูดกับพ่อไม่มีหางเสียง แล้วยังพูดห้วนๆอีก
“ ..................” พี่วุฒิหันมามองผม ไม่ได้พูดอะไร
“ ถ้าพรุ่งนี้ว่างก็มา เพราะเดี๋ยวถ้าใกล้สอบแล้ว พ่อก็อยากให้อ่านหนังสือมากกว่า”
“ แค่นี้ ใช่ไหม?” พี่วุฒิพูดเสียงไม่ห้วนเหมือนเมื่อกี้ ถึงจะไม่มากก็เถอะ แต่ก็ดีขึ้นครับ
“ กินข้าวด้วยกันก่อนสิ พ่อให้คนเตรียมไว้แล้ว”
“ จะมีเวลา
เร้อ” พี่วุฒิพูดท้ายประโยคเสียงสูง ก่อนที่จะหันมาพูดกับผมเสียงปกติว่า ‘กลับ’
ตอนแรกผมก็ไม่ได้ลุกขึ้นตามพี่วุฒิครับ เพราะยังไม่รู้ว่าตกลงเอายังไงกัน
“ วันนี้พ่อว่าง”
“ ฮ่าๆ”พี่วุฒิหัวเราะเหมือนกับตลกมาก ?? ผมหันไปมองพ่อพี่วุฒิท่านมีสีหน้าลำบากใจ
“ เอ้~ หรือว่าโดนเขาทิ้ง จะว่าไปก็คบคนนี้มา หลายปีแล้วนี่เนอะ”
“ วุฒิ” เสียงพ่อพี่วุฒิมีแววตัดเพ้อ
“ เก็บไว้หลอกอีหนูเถอะ ขอร้อง!” พี่วุฒิหยุดหัวเราะโดยฉับพลันแล้วดึงแขนผมให้เดินออกจากห้อง
“ พี่ครับ?”
“ อย่าถาม อย่าพูดอะไรทั้งนั้น!” พี่วุฒิพูดเสียงดุ
“ แต่พี่พูดแบบนั้นกับพ่อ ท่านจะ..”
“ เขาไม่อะไรหรอก! ” พี่วุฒิตะคอกผมตรงหน้าลิฟท์
“ เขาไม่ได้สนใจอะไร!!” “ ทำไมต้องตะคอกผมด้วย”ผมถามรู้สึกหวิวๆในอก
“ ก็บอกว่าถาม อย่าพูด!! ” พี่วุฒิตะคอก จับไหล่ผมเขย่าแรงๆ
“ พี่ครับ ผมเจ็บ”
“ อย่าพูด!!” พี่เป็นอะไรครับ !!?? “ วุฒิ หยุด!!” พ่อพี่วุฒิเข้ามาดึงพี่วุฒิออกไป ผมน้ำตาไหลตัวสั่น
“ เห็นไหมว่าจุมกลัวแกจนตัวสั่น!!”
“ .......................”
พี่วุฒิมองผมแววตารู้สึก ...สีหน้ารู้สึกผิด แล้วยื่นมือจะมาหา ผมถอยหนี เอามือข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาไปด้วย ผมกลัวครับ..
“จุม” พี่วุฒิเดินมาหาผมอีกอาศัยความเร็วแรงๆดึงตัวผมเข้าไปกอด
“ ขอโทษ” พี่วุฒิบอก ผมนิ่งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จะทำอะไร ... จนพ่อพี่วุฒิบอกว่า
“ จะไปปลอบกันต่อที่ห้องไหมนี่การ์ด ที่นี่ไม่สะดวก” พ่อพี่วุฒิยื่นการ์ดให้พี่วุฒิ ก่อนที่พี่เขาจะโอบไหล่ผมเดินเข้าไปในลิฟท์ (เพิ่งรู้ตัวว่ามีพนักงานทั้งชายและหญิงราว 7 8 คนยืนจับกลุ่มมองพวกผมอยู่ ผมรู้ผมไม่ได้อายเท่าไร เพราะผมกำลังลังเล สับสน ไม่ไว้ใจ )
แค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้ผม กลัวขึ้นมาได้? !
“ พี่ขอโทษ” พี่วุฒิบอกผมเมื่อประตูลิฟท์ปิด
“..........” ผมก้มหน้ามองเท้าตัวเอง เมื่อกี้ผมทั้งสับสนและก็กลัวพี่วุฒิมาก ตัวมันสั่น ใจหวิว มองทุกอย่างไม่น่าไว้ใจ
“ ขอโทษ” ในลิฟท์ พี่วุฒิบอกพร้อมทั้งเดินมาตรงหน้าแล้วเอาแขนโอบกอดตัวผม
“...........................” พี่วุฒิกอดแล้วรู้สึกขนลุกครับ
“ ยกโทษให้ไหม?”
“ พี่ทำให้ผมกลัว” ผมบอกเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่วุฒิ
“ อะไรกัน ชอบกลัวพี่อยู่เรื่อย” พี่วุฒิพูดเอามือดันหลังผมไปซบตัวพี่เขา
“.................”
“ ไม่ต้องกลัว พี่บอกแล้วไง”
“ ..............................”(ผม)
-
กิ้ง!-
เสียงเตือนแล้วประตูลิฟท์เปิดออก
“ พี่ครับ ผมว่าเรากลับบ้านเถอะ” ผมบอกอยากกลับบ้านมากกว่า
พี่วุฒิก็เห็นด้วย พาผมกลับบ้าน ถึงบ้านราวทุ่มเศษๆ แม่ยังไม่กลับมาแต่แม่โทรบอกว่ากำลังซื้อกับข้าวหน้าปากซอยแล้วให้ผมหุงข้าวรอเหมือนเดิมครับ
ระหว่างนั้นผมก็นั่งรอแม่ตรงห้องรับแขก เปิดโทรทัศน์ดูข่าวไป พี่วุฒินั่งลงข้างผม ผมเลยปิดโทรทัศน์คิดว่าจะพูดเรื่องวันนี้กับพี่วุฒิ
“ พี่ครับ ทำไมถึงพูดกับพ่อแบบนั้นล่ะครับ?” ผมถาม พี่วุฒิเอามือที่โอบไหล่ผมออกไปทันที ไม่ตอบผมด้วย
“ พ่อคือคนให้กำเนิดเรา คือผู้มีพระคุณคือคนรักเรา พี่ควรจะ..”
“ ไม่ได้รัก!” พี่วุฒิพูดแทรกผม
“ ไม่ได้รัก หมายถึงใครครับ?”
“ เขาไม่ได้รักพี่..” พูดพร้อมหันหลังให้ผม
“ .............พี่ครับ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกของตัวเองหรอก” ผมบอกเข้าไปกอดพี่วุฒิจากด้านหลัง
“ ถ้าพ่อพี่ไม่รักพี่ แล้วจะเลี้ยงพี่มาจนโตเหรอครับ” ผมบอก เห็นได้ชัดว่าพี่วุฒิถูกเลี้ยงมาแบบตามใจแค่ไหนนั่นไม่ใช่เพราะรักหรือไง
“ จุมรักพี่คนเดียวก็พอ” พี่วุฒิหันมาแกะมือผมที่กอดพี่เขาออก
“ ไม่ได้หรอกครับ ไม่พอ” ผมบอกอมยิ้ม ไม่ได้เขิน แต่กลับรู้สึกเอ็นดูพี่วุฒิขึ้นมา
“ พอ” พี่วุฒิกอดผมแน่น
“ พี่ครับ ผมจะหายใจไม่ออก” แต่พี่วุฒิไม่ได้กอดแน่นผมขนาดนั้น
“ พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก เมียทั้งคนรักมากด้วย” ดีใจนะครับได้ยินแบบนี้
“ พี่อ่ะบ้า” ผมว่ายอมให้พี่วุฒิกอดตามที่พอใจ และผมก็พอใจ ..
“ นะครับพี่ พูดดีๆกับท่าน”
“ ไม่เอา” ยังกอดผมอยู่
“ ทำไมล่ะครับ?”
“ .................”ถามคราวนี้ไม่ตอบครับ
“ พี่ครับ?” ผมพูดเป็นการถามย้ำ
“ คุณพ่อพี่เขาไม่รักพี่เท่าชู้รักเขาหรอก แม่พี่ก็เหมือนกันไม่รักพี่เท่าไอ้คนขับรถของตัวเองหรอก ..”
“ .............” ผมไม่เข้าใจ
“ ตั้งแต่เด็กแล้ว พี่มันไม่มีค่าพอ..........” แล้วพี่วุฒิก็พูดถึงเรื่องพี่เขาให้ผมฟัง เป็นการเล่าที่ไม่ประติดประต่อเท่าไร นึกอยากจะเล่าก็เล่า ขึ้นมาเฉยๆ อยากเรื่องที่พี่วุฒิท้องเสียเข้าโรงบาลที่เคยเล่าให้ผมฟังแล้ว เรื่องที่พี่วุฒิแอบเห็นแม่กับคนขับรถจูบกันซึ่งไม่ใช่คนนี้ เห็นเมียน้อยของพ่อ พี่วุฒิเคยบอกให้พ่อแม่เลิกแต่พวกท่านไม่มีใครเลิกแต่ขอให้พี่วุฒิเข้าใจ เรื่องที่พี่วุฒิเคยเผารถคันโปรดของพ่อ พี่วุฒิบอกว่าสะใจดี ทั้งจ้างคนไปซ้อมคนขับรถของแม่ พี่เขาบอกสมน้ำหน้า หนีโรงเรียน ต่อยอาจารย์ตอนมอต้น ยกพวกตีกัน ที่พี่วุฒิทำไปทุกอย่างผมคิดว่า เรียกร้องความสนใจ
“ มีตอนมอ 3 นะ พี่หนีเรียน ไม่กลับบ้านเป็นเดือน พอพี่กลับมา นมขมิ้นบอกพี่ว่าคุณพ่อคุณแม่พี่ตามหาพี่แทบพลิกแผ่นดิน ..ฮ่าๆ...” พี่วุฒิหัวเราะอีกแล้ว
-สงสาร-
ผมกอดกอดพี่วุฒิตอบ พี่เขาเงียบไปไม่หัวเราะ...........
ในห้องเงียบ
“ แล้วตอนที่พี่กลับมา ท่านว่าไงครับ?” ผมถามวางหน้าบนไหล่พี่วุฒิ
“ จะว่าอะไรได้ ก็พากันยืนนิ่ง แต่คุณแม่พี่ร้องไห้นะ แต่เห็นจนชินแล้วล่ะไอ้บีบน้ำตา ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยน” ร้องไห้เพราะดีใจที่พี่ไม่เป็นต่างหากครับ
“ ท่านไม่ด่า หรือว่าพี่สักคำหรือครับ?” ผมถาม
“ลองดูดิ จะอาระวาดไม่ให้อยู่สุขกันทั้งบ้าน ทั้งพวกชู้ ..” พี่วุฒิบอกผม
“ .......................”
ถึงพี่วุฒิจะพูดว่าอะไร ทำอะไร แต่ก็เรียกคุณพ่อคุณแม่ทุกคำ พี่วุฒิก็รักพ่อแม่มาก และต้องการสิ่งที่ต้องการแสดงว่ารักตอบเช่นกัน
ผู้ใหญ่ก็มีเหตุผลและความต้องการที่เราไม่เข้าใจ ....
ตอนที่พี่วุฒิอายุ 14 ที่เรื่องต่างๆประทั้งเข้ามามากๆ พี่เขาคงมีหลายอย่างที่หาคำตอบไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีเรื่องครอบครัวตอนอายุเท่านั้นผมก็สับสนในหลายสิ่ง ..ดีที่ผมมีแม่เป็นที่ปรึกษา ถึงแม้จะไม่มีพ่อก็ตาม..แต่พี่วุฒิไม่มีใคร ไม่ไว้ใจใคร..
5 6ปีมานี้พี่เขาโตมาด้วยตัวคนเดียว คิดคนเดียว ทำตามที่ตัวเองต้องการ ไม่มีใครบอก ไม่ดุด่า ต่อว่าในสิ่งที่ผิด....พี่เขาโดดเดียว แม้จะมีเพื่อนอย่างพี่แบงค์ พี่ชนะ แต่บางเวลาพี่เขาก็รู้สึกต้องการความรักจากพ่อแม่บ้าง แต่มันไม่มีในความรู้สึกพี่เขา ทั้งที่ผมคิดว่าพี่เขาก็รับมาเหมือนกัน
พี่เขา ...โตมาแบบนั้น...เหรอครับ?
“ ......................”
“ร้องไห้ทำไม?” พี่วุฒิถามหลังจากเอามือดันไหล่ผมออกมา คงเพราะน้ำตาผมไหลลงเสื้อพี่เขาจนเปียก
“ ................”
“ เรื่องพี่เล่ามันเศร้าหรือไง?” จ้องหน้า เอานิ้วมาเขี่ยหยาดน้ำตาบนแก้มผม
“ ครับ”
“ไม่เห็นเศร้าออกจะสนุก” พี่วุฒิบอก ผมดึงแขนพี่เขาที่เช็ดน้ำตาให้ผมลงมาแล้วกอดโดยไม่พูดอะไร
“ ..........................”
“ ...................................”
พี่วุฒิกอดผมไม่พูดอะไรเหมือนกัน ความเงียบที่ทำให้อบอุ่น
.
.
เรากอดกันและกันจนผมได้ยินเสียงรถแม่จึงดันตัวพี่วุฒิออกไป
“ แม่มาแล้วครับ”
“ มาแล้วไง” พี่วุฒิพูดหน้าตาเฉย แต่ก็ยอมปล่อยผมโดยดี
“ .......................” ผมยิ้มตอบเดินไปเปิดประตูช่วยแม่ถือของ พี่วุฒิเดินตามออกมาพร้อมกัน
** * **
หลายๆท่านระแวงอิพี่วุฒิกันมากทีเดียว(ฮา)
