บุพเพวายร้าย(สอง)
1 5.
กินลูกชิ้นไป2 ไม้กับน้ำครึ่งขวดเรียบร้อย แต่ลูกชิ้นไม่หมดนะครับ ยายแกให้มาตั้ง 6 ไม้ คงเห็นตัวผมมั้ง
“ มีแรงยัง?” จักรถาม แรงน่ะผมมีแต่ตอนนี้อยากมารยาเรียกคะแนนสงสาร
“ เวียนหัว” ผมบอก จักรมองเหมือนไม่เชื่อที่ผมพูดเท่าไร
“ปวดหัวด้วย” ผมบอกเอาหัวพิงตัวจักรที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่จักรเดินหนีผมเกือบล้มหัวฟาดพื้น(เวอร์อยู่นิดหน่อย) จักรเลยเดินเข้ามาจับไหล่ผม ผมเลยถือโอกาสนั้นเอาหัวพิงจักรอีกครั้ง แล้วก้มหน้าลงหวังว่าคงดูน่าสงสาร
“ ......................” จักรเงียบ ผมที่ก้มหน้าอยู่ใช้หางตามองเห็นว่าจักรเหมือนกำลังคิด
“ .......งั้นก็ไปหาหมอ” จักรว่า
แค่เป็นลมไม่ต้องไปหาหมอหรอก แต่ผมไม่พูดหรอก
“ พี่คิดว่าแค่ได้นอนพักก็คงพอ” ผมบอกสียงโรย
“ ...........................”(จักร)
“ พี่พอมีแรงแล้วคงต้องกลับ หวังแต่ว่าจะไม่หลับในแท็กซี่ และไม่เจอแท็กซี่มิจฉาชีพขโมยของไป แล้วปล่อยพี่ไปทิ้งไว้ตรงไหนก็ไม่รู้” ผมแต่งเรื่อง
“ เว่อร์!”จักรพูด ผมเงียบ
“........................”
“ เดี๋ยวกรูไปส่ง” นั่นไงเข้าทาง ดีใจจนอยากหัวเราะเสียงดังๆ แต่ต้องทำหน้าเศร้าว่าอาการร่อแร่มากมาย
“ .................”
“ ยื่นขึ้นเซ่
! ” จักรสั่งหลังจากเดินไปขอบคุณยายเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเดินไปโบกแท็กซี่ที่กำลังวิ่งมา ผมก็เดินตามครับ จักรเปิดประตูแท็กซี่รอ แล้วให้ผมเข้าไปก่อน จนเมื่อผมเข้าไปแล้วจักรถึงตามเข้ามา
ผมบอกทางแท็กซี่ แล้วทำหงอยต่อเพื่อเรียกคะแนนสงสาร
“.................” จักรนั่งในรถไม่พูดจา ผมทำเป็นง่วงเอาหน้าวางต้นคอจักร แล้วหลับตาลง
“ ชิ” เสียงจากปากจักรไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง แต่จักรไม่ผลักตัวผมออกก็ดีแล้ว
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่จักรเรียก(ผมเผลอหลับไปจริงๆครับ ||.|| )
“ ตื่น
ตื่นดิ!” จักรตบหน้าปลุกผม ซึ่งน่าจะเบากว่านี้เพราะผมไม่สบาย
“ หือ ถึงแล้วเหรอ?” ผมถามปรืบตาขึ้นมา ยังง่วงอยู่เลย
“ เออดิ แล้วก็เอาเงินมา ค่ารถ 210 บาท” จักรบอก ผมเลยยื่นกระเป๋าให้จักรไปทั้งใบ จักรเอาก็เอาเงินจากระเป๋านั้นจ่ายแท็กซี่ไป ก่อนที่จะดึงแขนผมให้ตามจักรออกไป
ออกมาจากรถเป็นด้านหน้าของคอนโด จักรก็ผลักประตู(กระจก)เข้าไป ผ่านประชาสัมพันธ์มาถึงลิฟท์ ตามด้วยกดชั้น จักรคงจำได้ตอนผมพามาครั้งที่แล้ว…
“..................” พอกดลิฟท์เสร็จจักรก็เดินไป
“ จักร?!” ผมเดินตามจักรไปทางเดินที่เพิ่งเดินมา
“ อะไรอีกล่ะ!? กรูก็มาส่งถึงที่แล้ว
ไง!” จักรหันกลับมา ผมหยุด(อีก 2 ก้าวจะประชิดตัวจักร)
“ ไม่ไปส่งพี่ถึงห้องเหรอ?”
“ ไม่!” พูดจบจักรก็เดินออกไปทันที ผมไม่ได้เดินตาม เพราะคิดว่ายังไงจักรก็ไม่มีทางขึ้นห้องไปกับผมแน่ๆ
อยากจะรั้งไว้ แต่มันไม่กล้าพอ เพราะว่าทำไม่ดีเอาไว้ ไม่อยากให้จักรไม่พอใจไปมากกว่านี้ เพราะความผิดที่มีอยู่ก็ไม่รู้เมื่อไรว่าจักรจะยกโทษให้
“...............”
ผมรู้ตัวเองว่าแคร์จักรมากกว่าที่ตัวเองคิด ผมยกขวดน้ำในมือขึ้นมาดู มีน้ำเหลือไม่ถึงครึ่งขวด ผมมองเห็นหน้าคนให้ลอยขึ้นมา ดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไงที่จักรไม่ปล่อยผมทิ้งไว้ข้างถนน แล้วยังมาส่งผมอีก ทั้งที่จักรก็เกลียดผมแทบตาย ผมรู้สึกมีต้นความหวังปลูกขึ้นในใจ แม้มันจะเป็นแค่ต้นอ่อนที่ยังติดเมล็ดแต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วผมก็หวังให้มันเจริญเติบโตในไม่ช้า
จักรพี่หวังว่าสักวันหนึ่ง จักรจะมองพี่บ้าง ยิ้มให้พี่บ้าง ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงจะดีมาก แล้วพี่จะกอดจักรไว้อ้อมแขนของพี่เอง
** **
7 นาฬิกา 30 นาที ผมยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเมื่อจักรเปิดประตูบ้านออกมา
“ ..................” จักรชะงักครับ แต่ก็เดินออกมา พอจักรเดินออกมานอกรั้วผมก็เปิดประตูรถรอเพราะรู้หน้าที่ดี
“ เชิญครับ” ผมบอกลากเสียงยาว ยิ้มระรื่นเพราะคิดว่าตัวเองมีหวัง 55 ไปนอนคิดทั้งคืนว่าจักรก็ดูเป็นห่วงผม
มีหวังครับ^^
“ ทำไมมรึงต้องทำถึงขนาดนี้?” จักรถาม (ผมเปิดยังประตูรถค้างไว้)
“ ก็พี่อยากให้จักรยกโทษให้” ผมบอก
“ มรึงไม่เห็นต้องสนใจ!?” ก็จริง แต่..
“ ไม่มีใครอยากให้คนชอบเกลียดตัวเองหรอก” ผมบอก จ้องใบหน้าขาวลึกเข้าไปดวงตาโตๆเรียวๆ
“
ทำไม มรึงติดใจกรูขนาดนั้นเหรอ!” พูดดูถูกโจ้งแจ้ง
“ จักร!?....” “ อ้าวพี่จักรยังไม่ไปอีกเหรอ?” น้องสาวจักรในชุดเนตรนารีเปิดประตูรั้วออกมาถาม
ผมกับจักรเลยจำเป็นต้องเงียบและเลิกพูดเรื่องนี้
“ กำลังจะไป”จักรตอบ
“ สวัดดีค่ะ” น้องสาวจักรหันมาพูดกับผม
“ สวัดดีครับ” ผมตอบน้องเขายิ้มก่อนที่จะเดินพวกผมไปโรงเรียน ที่อยู่ด้านซ้ายของตัวบ้านไป ราว 100 เมตร
“..................” จักรเปิดประตูด้านหลังเข้าไปในรถทั้งที่ผมเปิดประตูด้านหน้าให้ แต่ไม่เป็นไรผมไม่ถือ รีบปิดประตูรถตรงนี้วิ่งอ้อมไปประจำที่คนขับ
“...................”
“ จักร พี่คิดจะจริงจังกับจักรจริงๆนะ พี่ขอให้จักรเปิดโอกาสให้พี่ได้แสดงความจริงใจ..”
“ อย่าฝัน แล้วก็...........................พอมรึงไปส่งกรูที่มอครั้งนี้แล้วก็ไม่ต้องเสนอหนังหน้ามาให้กรูเห็นอีก!” จักรบอกเบือนหน้าหนีไปด้านข้าง
ผมหดหู่
“ จักรทำไม แค่พี่ทำผิดไปครั้งเดียว ถึงจะไม่ยอมให้โอกาสพี่เลยเหรอ?”
“ มรึงแน่ใจว่าครั้งเดียว!” ไม่ใช่ครั้งเดียว ใช่..............
“ จักร พี่ยอมรับผิดแล้ว จักรจะให้พี่ทำอะไรก็ยอม” ผมบอก
“ ให้มรึงทำอะไรให้กรูแล้วเรื่องมันจะหายไปเหรอ!?
ก็ไม่!! มรึงไม่ได้เป็นฝ่าย
ถูกกระทำมรึงไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง!” รถกำลังติดไฟแดงผมหันหน้าไปมองจักร
“...................”
“ มรึงสำนึกผิด แล้วกรูล่ะ!?
กรูมีชีวิอยู่ยังไงจากการกระทำของมรึง มรึงไม่เคยรู้!!” “ จักรพี่ขอโทษ..” ผมก็ทำไถ่โทษอยู่นี่ไง
“ เปิดประตูกรูจะลง!” จักรบอกเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก ขอให้ไปเขียวทีเถอะผมคิดแต่ไฟมันยังแดงอยู่เลย ต้องถ่วงเวลา
“ บอกว่าให้เปิดประตู!”
“ ให้พี่ไปส่งเถอะ”
“ ไม่! กรูไม่อยากเห็นหน้ามรึง เห็นหน้ามรึงกรูแล้วสะอิดสะเอียดเต็มทน!” จักรว่า หัวใจผมเหมือนโดนมีดแทงจนทะลุด้วยความรวดเร็ว
“ ไม่มีเลยเหรอ ที่จักรจะอภัยให้พี่” ผมถามรู้สึกคอแห้งจนเหมือนมันบีบตันสนิท
“ ไม่มี!” “ แล้วเมื่อวานที่จักรดูแลพี่” ผมยกขึ้นมาอ้างแต่มันคือการปลอบใจตัว
“ เหอะ เป็นใครก็ทำแบบกรู ขนาดหมาจรจัดกรูยังให้ข้าวกิน!” จักรว่ายิ้มเหยียดให้ผม
“ จักร!?” นอกจากจะไม่ให้อภัยยังพูดจาให้ผมต้องช้ำใจเจ็บปวด รับรู้ว่าโกรธเกลียดผมจากสายตาและท่าทาง
“ รับรู้แล้วก็
เปิดประตูกรูจะลง!” จักรสั่งผม
แต่ผมไม่ทำ!
“ ไฟเขียวแล้ว” ผมบอกน้ำเสียงเป็นปกติจนเหลือเชื่อ พร้อมกับหันกลับมาขับรถ
“จอดให้กรูลง!”“ ไม่”
“ นี่มรึงเป็นบ้าอะไรอีก!?” “ จักรยังปฎิเสธพี่ได้ พี่ก็ปฎิเสธสิ่งที่จักรต้องการได้เหมือนกัน!” ผมทำแบบนี้ เพราะน้อยใจครับ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าทำแบบนี้ไปมีแต่เสียกับเสีย แต่ให้ทำดีแค่ไหนก็ไม่มีอะไรขึ้นมาเลย ไม่เห็นใจเลยด้วยซ้ำ มีแต่คำพูดที่บั่นทอนจิตใจ
“ กรูก็คิดแล้วว่ามรึงจะทำเป็นคนดีได้สักกี่น้ำ!” “ และสักกี่น้ำล่ะ?!” ผมก็โกรธเป็นเหมือนกันนะครับ ที่ผมทำมาทั้งหมดไม่ได้เสแสร้ง ผมสำนึกผิดจริงๆและตอนนี้ที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่คิดจะไปมากกว่านี้หรอก เพราะผมประชดล้วนๆถึงรู้ว่าประชดไปจักรก็คงไม่รู้หรอก
“ เลว” จักรว่าก่อนที่จะเงียบ
“................”
ผมเองก็เงียบเช่นกัน คิดต่อว่าตัวเองไม่น่าใจร้อนเลย เพราะทุกอย่างที่ทำมามันจบแค่คำพูดไม่กี่ประโยค
“................”
“ ขอโทษ” ผมบอกในที่สุด รถก็เข้ามาในมหาลัยแล้ว
“ ไม่จำเป็น เพราะมันไม่มีประโยชน์” จักรบอกไม่มองหน้าผม
ผมนี่มันบ้าจริงๆ ความอดทนมีได้แค่นี้ ทั้งที่เทียบจากที่จักรพูดยั่วโมโหกับวิ่งที่ผมทำมันคนละเรื่องกันเลย
“ พี่ผิดเอง ต่อไปพี่จะใจเย็นกว่านี้”
“ ไม่ต้อง อย่ามายุ่งกับกรูก็พอ!” พูดพร้อมขยับให้ชิดกับประตูมากที่สุด เพื่อที่พอรถจอดจะได้ออกไปจากรถทันที..
“ ไม่ได้หรอก พี่ชอบจักร พี่จะจีบ” ผมบอกหน้าด้านหน้าทนเหลือ
“ กรูไม่ได้ชอบผู้ชาย และ
กรูเกลียดมรึง ได้ยินไหม!” “ พี่รู้”
“ แล้วจะมายุ่งกับกรูทำไม! หน้าตาอย่างมรึงมันไม่ยากหรอกที่จะมีแฟนสักคน!” จักรว่า เหมือนเป็นคำชมแต่ผมไม่ดีใจ เพราะการที่ผมจะมีแฟนคนสักคนมันยากเหลือเกินในตอนนี้
อย่างไอ้แบงค์ ที่คำว่าเพื่อนมาค้ำคอ
อย่างจักร ที่ผมก็กำลังพยายามอยู่....แต่ไม่เป็นผล
................................ไม่ใช่ว่าใครก็ได้
“ ไม่ง่ายหรอกเพราะตอนนี้พี่ชอบจักร อยากเป็นแฟนกับจักร” ผมพูดอีก เหมือนไม่รับรู้ว่าจักรรู้สึกยังไง แต่ผมรู้ ยิ่งรู้ยิ่งเจ็บ
“ กรูไม่รู้จะสรรหาคำไหนว่าพูดกับมรึง เพราะพูดอะไรไป
มันก็ไม่เข้าหูมรึงสักอย่าง!” “ พี่เองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
“ เพราะมรึงมันบ้า มันโรคจิต!” “ คงใช่” ผมตอบ พารถเข้าไปจอดในลานจอดรถของคณะที่ตอนนี้ยังโล่งอยู่มากเพราะยังเช้า(ตรงข้ามกับตึก)
“ .............”
“ และอย่าให้อาการพี่กำเริบ ช่วยว่าง่ายๆด้วย” ผมขู่ เพราะคิดว่าถ้าไม่ขู่จักรไว้บ้างผมก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้จักร คำที่ใช้ขู่ก็ไม่ได้มีบทลงโทษอะไร
“ มรึงขู่กรู!” “ พี่เปล่า” ใช่พี่ขู่จักร
“ ไอ้เลว!” “ พี่ไม่เคยดีในสายตาจักรอยู่แล้ว” ผมบอกน้อยใจมหาศาล มีใครบ้างไม่อยากดีในสายตาของคนที่ชอบบ้าง
“ เพราะมรึงเลวไง!” “ ............” ผมเงียบ เหนื่อย.............
“ เปิดประตู!” จักรสั่ง ผมทำตามที่จักรบอกปลดล็อคประตูให้ และจักรก็เปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน ผมมองตามไม่วางตา
ผมรับรู้ถึงความว่างเปล่ารอบตัวและใจตัวเอง
“ ..................”
วันนี้จักรเลิกเที่ยง ผมไม่ได้ไปรับ เพราะเจ้าตัวคงไม่อยากให้ไปรับ และยิ่งจะเกลียดผมไปมากกว่าเดิม..
ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จักรถึงจะมองผมในแง่ดีบ้าง แต่ไม่ว่าผมจะทำยังไงจักรก็ไม่เห็นดีเห็นงาม ที่จักรดูแลผมที่เป็นลมเมื่อวาน ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าจักรอาจจะมีใจให้ผมบ้างแต่ไม่ใช่เลย อย่างที่จักรพูดเป็นใครก็ต้องแบบจักร ขนาดยายขายลูกชิ้นยังช่วยจักรดูแลผม
แต่ผมมันมีใจอยู่แล้วก็คิดเป็นตุเป็นตะว่าจักรอาจจะชอบผม เห็นใจผมบ้างแล้ว ...
..............ไม่
เลย
ไม่เลยสักนิด...............
ผมรู้สึกเหงา เศร้า เลยโทรไปชวนไอ้วุฒิ ไปเที่ยวผับกัน ซึ่งมันไม่ปฏิเสธ ทว่ามันถาม..
“ แล้วมรึงโทรชวนไอ้แบงค์ยัง? ถ้ายังเดี๋ยวกรูไป” ไอ้วุฒิถามทั้งที่ผมไม่อยากเจอไอ้แบงค์ตอนนี้ โดยปกติผมก็ต้องโทรชวนไอ้แบงค์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ ผมไม่สามารถมองมันอย่างเพื่อนอย่างเคยมองได้
“ ชวนแล้ว มันไม่ว่างอยู่กับเจน” ผมโกหกอย่างสมเหตุสมผล
ไอ้วุฒิมันเลยไม่ได้ถามต่อ ผมก็นัดมัน 3 ทุ่มที่ผับแถวเอกมัย แต่ไม่ใช่ผับประจำ ผมอยากเปลี่ยนบรรยายกาศบ้าง
จน 2 ทุ่มผมก็แต่งตัวออกจากห้อง พยายามไม่คิดเรื่องอะไรในสมอง แต่ในใจมันโคตรฟุ้งซ่าน
3 ทุ่มผมก็ไปถึง เดินผ่านผู้คนขึ้นไปชั้น 2 ตามที่ไอ้วุฒิมันโทรบอกระหว่างทางว่าได้โต๊ะชั้น 2 แต่ด้านใน ทำเลไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะไม่ได้จองไว้ตั้งแต่แรก (ผับนี้เปิดไฟสว่างมาก แต่ยิ่งดึกก็ยิ่งหรี่ไฟลง สไตล์โมเดิล เน้นสี แดงทอง)
ผมกำลังเดินบันไดสีทอง
“ พี่ชนะ!?” เสียงแหลมทัก ผมเงยหน้ามอง ซีซี่ ................. ชิด? ใส่เสื้อยืดสีดำ ผ้าพันคอสีดำ
“ บังเอิญจังค่ะ ซีซี่ จักร และยู ก็มาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน” จักร?
“ แล้วจักรล่ะ?” ผมถาม ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ คืนนี้ด้วย
“ ข้างบนค่ะ ที่นั่งติดผนังด้านในสุดเลย แต่ตอนนี้ซีซี่ต้องจะลงไปทักเพื่อนข้างล่างค่ะ” ซีซี่บอก ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนทีซีซี่จะเดินลงบันไดผ่านผมไป
พอผมขึ้นมาถึงชั้น2 ก็มองหาจักรทันที แต่มองเห็นไอ้วุฒิก่อน เพราะมันโคตรเด่น แบบหล่อจนออล่าออก ผมเลยเดินไปหามัน
“ ................” ผมนั่งลงตรงหน้ามีแก้วเหล้าที่ไอ้วุฒิชงไว้เสร็จสับ
“ มองหาใคร?” ไอ้วุฒิถามผมที่ชะเง้อคอไปทางนั้นทีทางนี้ที ก็ผมมองไม่เห็นจักรเลย
“ มองหาจักร” ผมบอก
“ น้องเขามาที่นี่?”
“ มากับซีซี ยู ” ผมบอก จำได้ว่ายังไม่ได้บอกไอ้วุฒิเรื่องผมเข้าใจผิดจักร แต่ไอ้แบงค์อาจจะบอกแล้วก็ได้
“ ไอ้แบงค์เล่าให้มรึงฟังหรือยังว่ากรูเข้าใจจักรผิด” ผมถามและมองเห็นจักรพอดี นั่งกับเพื่อนอีกคน คงเป็นยู
“ เล่าแล้ว”
“ ก็ดีกรูจะได้ไม่ต้องพูด” ผมว่าเห็นจักรลุกขึ้นผมก็ชะเง้อคอดู มิน่าผมถึงไม่ทันสังเกตเห็นจักรเพราะนั่งไกลจากพวกผมมาก เป็นโต๊ะด้านในที่ใกล้ทางไปห้องน้ำ และห้องอื่นๆ
จักรพูดกับยู 2 3คำแล้วเดินเข้าไปทางเดินด้านหลัง น่าจะไปห้องน้ำผมเลยหันกลับมาไอ้วุฒิที่ทำหน้าหล่ออยู่ ซึ่งมากกว่าผมแค่นิดเดียว
“ แล้วมรึงเอาไงต่อ?” ไอ้วุฒิถามกระดกเหล้าเข้าปากเหมือนกินน้ำ มาคิดดูผมก็ไม่ต่างกัน
“ กรูชอบ กรูจะจีบเอาเป็นแฟนให้ได้” ผมพูดทำเก่งทั้งที่จักรหน้าผมยังไม่มอง
“ ......................” ไอ้วุฒิเงียบ ไม่ออกความคิดเห็น
“ กรูชอบน้องเขามากเลยวะ” ผมบอก
“ แล้วถ้าเขาไม่ชอบมรึงล่ะ?” ไอ้วุฒิถาม หน้านิ่งได้อีก ทำให้คิดถึงได้แบงค์ขึ้นมา
“ กรูถึงได้จีบอยู่นี่ไง” ผมว่า มองไปที่โต๊ะจักรยังไม่กลับมา
“..................”(ไอ้วุฒิ)
“ แล้วข่าวจุมล่ะ มีอะไรเพิ่มเติมไหม?” ผมถาม พอมองเห็นสร้อยร้อยแหวน 3 วงที่มันใส่อยู่ผมก็อดถามไม่ได้ทุกที
“ ไม่มี” ไอ้วุฒิส่ายหน้า หน้าเศร้าไปทันที ทำซ่ะน่าสงสาร ตอนน้องเขาอยู่ก็ทรมานทำร้ายจนไม่ใช่คนพอน้องเขาหนีไปก็คว้านหาจนแทบพลิกแผ่นดิน ตอนจุมหนีไปตอนแรกๆไอ้วุฒิมันโกรธจุมมาก ทั้งคาดโทษต่างๆนานาว่าถ้าเจอจุมล่ะก็ จะล่ามโซ่ไว้จะได้ไม่หนีไปไหนอีก ตอนนั้นผมไม่อยากให้ไอ้วุฒิตามจุมเจอเลยกลัวว่ามันจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าไอ้วุฒิมันคงไม่ทำแบบนั้นแล้ว เพราะมันได้รู้ว่าตอนที่มันไม่มีจุมมันเป็นยังไง
“ ตอนนี้ไม่มีข่าว แต่ต่อไปต้องมีแน่” ผมบอกปลอบมัน แต่ฟังดูไม่ขึ้นเลย 2 ปีนี้จุมหายไปอยู่ไหนผมก็อยากรู้
“ อย่าให้เจอ” “ ห๊ะ!? มรึงว่าไงนะ?” ผมถามไอ้วุฒิเพราะได้ยินไม่ชัด (เปิดเพลงดังขึ้นมาก)
“ กรูก็พูดไปเรื่อย”
“ .....................” ทำไมจักรยังไม่มา ผมเป็นห่วงขึ้นมา เพราะสถานที่อโคจรแบบนี้ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
“ วุฒิกรูไปห้องน้ำเดี๋ยวมา!” ผมบอกยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านในผ่านโต๊ะ หลายโต๊ะเข้าจนถึงห้องน้ำในที่สุด
ในห้องน้ำ ผมกวาดสายตามองทั่วไม่เห็นเงาจักร หรือว่าจะออกไปแล้ว
พลั่ก!? ตุบ! เสียงห้องน้ำด้านในทำให้ผมสาวเท้าเข้าไปดู แต่ห้องน้ำปิดอยู่ ด้านซ้าย 2 ห้องและ ด้านขวาอีก1
ผมเข้าไปทุบประตูทั้ง 3 ห้องเพราะเมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัด
“ ออกมา โว้ย!” ผมวิ่งทุบประตูจนครบ3 ห้อง
“ เหี้ยอะไรวะ!” เสียงห้องด้านขวาสถบหัวเสียก่อนที่จะออกมาสบตากับผม มันเป็นฝ่ายหลบก่อน และห้องด้านซ้ายที่เปิดออกมาเงียบแต่อีกห้องยังเงียบ เอาตรีนยันประตู
ตุบ! ตุบ!
“ ออกมา !!” ผมว่า
เงียบ
เหมือนไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้น
“ ถ้าไม่ออกมากรูจะพังประตูเข้าไป!!” ผมตะโกนเกรี้ยวกาจ ร้อนรนจนทนไม่ไหว
แกร๊ก!?
เสียงกลอนจากด้านใน ไอ้ 2 คนที่มันออกมาก่อน ยังยืนอยู่ไม่ไกล เหมือนอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป (มีคนในห้องน้ำ 3 คนตอนนี้ และก็หันหน้ามาสนใจเช่นกัน)
แกร๊ก?
ประตูเปิดจากด้านใน มีผู้ชายคนหนึ่งออก แต่งตัวดี หน้าตาดี ทำผมตั้ง
“ อะไรวะ!? แม่ง” มันว่าผมรีบถลาเข้าไปดูในห้องน้ำ
!?
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
“ จักร?!” จักรนั่งอยู่ ยกมือขึ้นมากุม ตัวสั่น น้ำตาไหลไม่มีเสียงสะอื้น เสื้อสีขาวที่ใส่อยู่หลุดหลุ่ย ผมถลาตัวเข้าไปหา ไม่ได้สนใจไอ้ห่านั้น !!
“ จักร!?” ผมว่ามือยืนออกไปหวังจะโอบกอดจักรให้หายเสียขวัญ แต่จักรกลับปัดมือผมออก ไม่มองด้วยซ้ำ
“ จักรพี่เอง” ผมบอก อยากตะบั้นไอ้เหี้ยนั่นให้อาบเลือดคามือ แต่ทว่าสิ่งที่ผมสนใจตอนนนี้คือจักรมากกว่า เอาเวลาที่แค้นไอ้เหี้ยนั่นมาดูแลจักรดีกว่า
“ จักร” ผมพูด ในอกร้อนรุ่ม
“ อย่า” จักรว่าเสียงเบาจนผมใจหาย ก่อนที่จะกอดจักรไม่สนใจว่าจักรจะขัดขืนยังไงผมไม่สนใจแล้ว
“ ...................อย่าแตะ ต้องกรู!!” จักรตะโกนแต่ไม่ดังอย่างที่เป็น ผมไม่พูดอะไรกอดจักรไว้อย่างเดียว
นี่ถ้าผมมาช้ากว่านี้ ไม่รู้จะจักรจะเป็นยังไง
แล้ว
“ ฮือๆ ฮือๆ” จักรร้องไห้กับอกผม ท่ามกลางสายตาของคนที่อยากรู้อยากเห็นที่มองอยู่หน้าประตู
“ ไม่เป็นไรแล้ว” ผมปลอบ
ผมทรมานเหลือเกิน ที่เขาว่าเห็นคนอื่นเจ็บแล้วตัวเองเจ็บกว่าเป็นยังไง เหมือนผมรับรู้ความเจ็บปวดที่จักรได้รับตอนนี้
“ ฮือๆ”
“ พี่จะไม่ให้ใครทำอะไรจัก ร อี ก แ ล้ ว ” ท้ายประโยคแผ่วเบา จักรซบหน้ากับอกผมจนเสื้อเปียกด้วยน้ำตา
“ ...................”
“......................”
แล้วเสียงจักรก็เงียบไป
“ .........จักร?” ผมเรียก คลายวงแขนออกเห็นว่าจักรหลับ?ไปแล้ว น้ำตายังเต็มหน้าอยู่เลย
ผมเอานิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าเนียนๆจักรเบาๆ ก่อนที่จัดเสื้อจักรให้เข้าที่แล้วอุ้มจักรขึ้นออกมา
พาออกไปนอกร้าน ไปลานจอดรถ วางจักรลงบนเบาะรถคิดว่าให้จักรอยู่ในท่าสบายตัวที่สุด
“ ....................” แม้ว่าผมจะวางจักรไปนานแล้วแต่ผมก็จ้องใบหน้าจักรอยู่ก่อนที่จะโทรไอ้วุฒิ ตายังมองดูจักรที่หลับสนิท
“ ฮัลโหลวุฒิ”
“อืม?”
“ เมื่อกี้กรูไปเจอจักรกำลังโดนปล้ำในห้องน้ำ ตอนนี้เสียขวัญจนสลบไป กรูจะพาน้องเขากลับ มรึงบอกพวกซีซี่ด้วย”
“ เออได้”
“ มรึงแต่งเรื่องตามใจมรึงว่าจะบอกว่าอะไร” ผมว่า
“ เออได้”
ผมกดโทรศัพท์ออกแล้วปิดประให้จักร ก่อนที่จะเดินอ้อมท้ายรถไปอีกประตูอีกด้าน
** ** **
เม้นต์แต่อ่านทุกเมนต์เจ้าค่ะต้อนรับที่เม้นต์ใหม่ และท่านที่ตามมาอ่านจากน้องนัส จากอีก ก็ตามแต่
ขอบคุณ
