กฎของธรรมชาติ ไม่ว่าใครก็ฝืนมันไม่ได้ มันก็เหมือนกับผู้ชายที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องคู่ควรกับผู้หญิงถึงแม้มันจะเป็น สิ่งเดียวที่ใครคนนั้นพร่ำบอกผมเสมอ เวลาที่ผมรู้สึกไม่มั่นใจ ว่ามันเป็นกฎที่ฝืนได้
แต่วันนี้ใครคนนั้นไม่ได้อยู่ข้างกายผมอีกแล้ว ผมจะเอาคำตอบมาจากไหน ว่าไอ้กฎบ้าๆนั่นมันยังฝืนได้อยู่
หรือว่าต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
แรงบีบมือเป็นจังหวะหนักเบาสลับกัน มาจากคนที่ส่งสายตาห่วงใยมาให้ผม
สุดท้ายคนที่ตั้งใจจะเป็นผู้แล กลับกลายมาเป็นคนที่ต้องได้รับการดูแลเสียเอง
อันดาเรียกแท็กซี่ได้ ขณะที่ใจผมลอยไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ปลายทางที่จะไปอันดาก็จัดการ
แต่แท็กซี่จะขับไปทางไหน นั่นก็สุดแล้วแต่ จากรามคำแหงไปสถานีรถไฟฟ้าพญาไทแล้วค่อยวนไปแถวสยาม
แท็กซี่จะขับไปอ้อมวงเวียนใหญ่ ผมก็คงไม่มีปัญญาไปทำอะไรได้
แก้มผมถูกประทุษร้ายจากมือบางของคนข้างๆ มือเล็กๆแต่พิษสงเหลือร้าย ผมซี๊ดปากด้วยความเจ็บทันทีที่กล้ามเนื้อบริเวณแก้มทั้งสองถูกสองมือบิดจนเป็นเกลียว หน้าอันดากับหน้าผมตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“พี่เมฆ ไม่เป็นอะไรนะ” รอยยิ้มที่ส่งมา เรียกความละอายใจห่าใหญ่มากระแทกใจผมเลยทีเดียว
ตุ๊ดชิบหายเลยพี่เมฆ!!! แทนที่มึงจะปลอบน้อง กลายเป็นน้องต้องมานั่งปลอบ แล้วไอ้ที่มึงพยายามสร้างภาพว่าแมน ว่าเป็นสมชายจดปลายเท้ามันจะมีความหมายอะไร
ก็ในเมื่อคำนี้ควรจะเป็นคำที่ใช้พูดกับอันดาไม่ใช่เหรอ??? ประโยคเดียวกันใช้ถูกที่แต่ผิดเวลา
ผมเอื้อมมือไปยีหัวอันดาเล่น ผมเริ่มจะติดอาการนี้ซะแล้ว แก้เขิน แก้เก้อ แก้มันทุกอย่าง ส่งความอุ่นใจแบบเอนกประสงค์
“เออ พี่ไม่เป็นไรสักหน่อย” ตอแหลชิบหายไอ้เมฆ ทั้งๆที่เมื่อกี้มึงคงจะเผลอทำหน้าจะเป็นจะตายให้น้องเห็น เสียงตุบตับหยอกล้อเอาคืนกันเรียกรอยยิ้มจากพี่แท็กซี่ที่ผมลอบมองผ่านกระจก
“ดีมากค่ะคุณชาย ช่วยทำหน้าหล่อๆ ยิ้มด้วยๆ เออ อย่างนี้สิค่อยดีขึ้นมาหน่อย อุตส่าอวดเพื่อนเอาไว้ว่าพี่เมฆหล่อ”ท่าทางจัดฉากการแสดงบนใบหน้าผมของอันดา เรียกเสียงหัวเราะจากผมได้ น้ำตาที่กำลังตกใน ก็เหือดหายไปเล็กน้อย
ผมกับอันดาเป็นพี่น้อง แต่คนละพ่อกัน หน้าคมสมเป็นลูกครึ่งของอันดานั้น ไม่มีอะไรที่เหมือนผมเลย
ร้อยทั้งร้อยเจอผมกับอันดาเล่นกันแบบนี้ ถ้าไม่รู้จักเราสองคน ก็ต้องคิดว่าเป็นคู่รักกันแน่ๆ
ก็แล้วถ้าเหตุการณ์เมื่อกี้แต่เปลี่ยนจากอันดาเป็นไอ้ฉาน พี่แท็กซี่จะส่งยิ้มให้ หรือตกใจขวัญผวากันนะ!!
ถ้าเป็นไอ้ฉานมันจะไม่แค่จับมือผมแล้วบีบเอาไว้ มันต้องมากกว่านั้นถ้าเป็นฉานแสง อย่างน้อยตัวผมท่อนบนต้องอยู่ในพันธนาการของอ้อมกอดมัน จมูกคงอยู่ไม่ไกลจากหน้าผาก แก้มหรือปลายคางผมสักเท่าไหร่หรอก แล้วถ้าลองว่าไม่มีบุคคลที่สามขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมกล้าพนันแบบสิบเอาหนึ่งเลยก็ได้ว่า ลิ้นผมต้องโดนมันดูดกินเข้าไปแน่ๆ ปากผมก็คงจะมันวาวไปด้วยลิปกลอสใสๆจากน้ำลายของมัน คำปลอบโยนจะที่ได้ คงหลังจากที่มันกินลิ้นผมจนพอใจแล้วนั่นแหละ
สุดท้ายผมก็ต้องคิดถึงมันอีกจนได้.......
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟฟ้าพญาไท ก็หมดเวลาจมอยู่กับควมคิดของตัวเองทันที
บรรยากาศรอบข้างกระตุ้นให้ผมยิ้มได้ ถึงมันไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ แต่ก็ดีกว่ามานั่งร้องไห้ให้เสียความแมน เพื่อนอันดาอีกสองชีวิตเข้ามาอัดอยู่ในแท็กซี่คันเดียวกันผม เสียงเจี้ยวจ๊าวเหมือนนกกระจิบแตกรังดังเข้าหูจนรู้สึกหลอน อานุภาพแห่งการคุยของผู้หญิงน่ากลัวจริงๆก็วันนี้
คาปูชิโน่แก้วใหญ่เพิมวิปครีมพิเศษเท่าหลังคาบ้าน ถูกผมตักส่งเข้าปากแบบไม่แคร์ว่าจะมีคอเรสเตอรอลมหาศาลแค่ไหน ไม่เคยต้องมาสนใจว่าวิปครีมลูกใหญ่กว่าฝาครอบแก้วนี้จะโลวแฟตหรือไม่
ผมเป็นผู้ชาย.....ไม่เคยแคร์อะไรอยู่แล้ว
เสียงจอแจวุ่นวายของเด็กม.ปลายที่มาเข้าคิวสมัครเรียนกันยังกับของฟรี ผมนั่งรอที่ม้านั่งที่ทางสถาบันติวเค้าจัดไว้ แต่คงวางไว้เป็นแค่พร็อพประดับสถานที่เฉยๆ ในเมื่อคนที่ควรจะต้องใช้งานกลับไปยืนเข้าคิวยาวไกลเป็นกิโลเห็นจะได้ อันดากับเพื่อนจัดการเรื่องของตัวเองกันไป ปล่อยผมให้นั่งซึมซับบรรยายกาศของเด็กหัวเกรียน ม.ปลาย และเด็กผู้หญิงหางม้าไปแกล้มคาปูชิโนเย็นแก้วใหญ่ไป
ทั่วบริเวณอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยผู้ปกครองที่มาให้กำลังใจลูกหลานเสมือนงานประเพณีประจำปีอะไรสักอย่าง มีทั้งเด็กกรุงเทพและเด็กต่างจังหวัดเดินสวนกันไปมาจนผมตาลาย เสียงในฟิล์มของแต่ละภาคมีเสน่ห์จนผมอดยิ้มไม่ได้ ผมชอบคนที่รักภาษาบ้านเกิดของตัวเอง ภาษาของทุกภาคมีเสน่ห์ และผมก็ชอบฟัง บรรยากาศวุ่นวายชวนให้ตาลายไปบ้าง แต่โดยรวมก็สนุกดี นานๆครั้งถึงจะส่งสายตามองหาน้องสาวตัวเองบ้าง
ขนาดผมเองยังมองสาวๆที่เดินผ่านตาไปมา แล้วจะไม่มีใครมองอันดาน้องสาวผมเลยเหรอ ผมมั่นใจว่าน้องตัวเองสวยไม่แพ้ใคร แล้วสายเลือดของชาวต่างชาติที่หลอมรวมครึ่งนึงในตัวอันดา ยิ่งขับให้อันดาสวยเด่นขึ้นอีกเป็นไหนๆ อันดาไม่ได้ขาวจนส่องประกายได้ แต่ผิวเนียนเรียบลื่นไม่แพ้ใครอันนี้ผมยืนยัน
สัญชาตญาณของพี่ชายเข้ามากอบกุมหัวใจผม อาการหวงน้องทำให้หางคิ้วกระตุก เมื่อสังเกตุจริงๆถึงรู้ว่า ผู้ชายมากหน้าหลายตามองน้องกูกันตาเป็นมันเลยนะไอ้พวกเกรียนทั้งหลาย จากที่คอยสอดส่องหาอาหารตาทั่วๆไป กลายเป็นยืนส่งสายตากดดันไอ้พวกริ้นไร ที่มันแอบมองน้องผมเท่านั้น เพื่อนอันดาเห็นอาการเหมือนหมาบ้าคาปูชิโน่ของผมก็สะกิดบอกต่อกัน หัวร่องอหงายสนุกกันไป
ไม่นานอันดาก็วิ่งมาหา พร้อมใบหน้าบูดสนิท หน้างอง้ำ ทำให้ผมซ้อมขมวดคิ้วสงสัยตั้งแต่อันดายังมาไม่ถึง เกิดอะไรขึ้นกับนางฟ้าน้อยๆของผม
“เป็นอะไรหืม หน้าบูดมาเชียว จองคอร์สไม่ได้ ห้องเต็ม รอบเต็มหรืออะไร” ปากบางที่เม้มเข้าหากันไม่มีคำตอบอะไรให้นอกจากสะบัดหน้าปฎิเสธทุกข้อสงสัย
“ก็แล้วเป็นอะไรหละ ไม่บอกพี่ไม่รู้นะ ใครทำอะไรน้องพี่บอกมา พี่จะเข้าไปจัดการมันให้เดี๊ยวนี้แหละ” ผมไม่ได้เอาจริงเอาจังแค่คำพูด แต่ผมเริ่มถลกแขนเสื้อขึ้นมารอท่าแล้วด้วย (ทั้งๆที่ไม่เคยจะเข้าใจว่าทำไมเวลาจะมีเรื่อง ต้องถกแขนเสื้อขึ้นก่อน นิ้วโป้งต้องเอามาถูจมูกไม่งั้นไม่ถูกต้องตามมาตรฐานของการมีเรื่อง ถึงไม่เข้าใจ แต่ผมก็ทำตาม T_T)
“อันดาได้รอบวันธรรมดา” ผมชะงัก ปลายเสื้อที่ถลกขึ้นไปเสมอหัวไหล่ ค่อยๆคลี่คลายออกมาเหมือนเดิม
“ว่าไงนะ” ผมไม่เข้าใจว่า การได้เรียนรอบวันธรรมดา มันทำให้นางฟ้าของผมหน้างอได้ไง ถึงพี่เมฆจะหล่อ แต่คนหล่อก็สามารถสงสัยได้นะครับ ไม่แปลกๆ
“ก็อันดาได้เรียนรอบธรรมดานะสิ พี่เมฆต้องไปเรียนใช่มั้ย ก็ไม่ได้มารับมาส่งอันดา” อ๋อ !! ที่แท้น้องก็อยากอยู่กับพี่ชาย นางฟ้าของผมน่ารักสุดหัวใจเลยใช่มั้ยครับ แต่การเรียนต้องมาก่อน เรามีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต เมื่อไหร่ก็เจอกันได้ วันหยุดผมจะชดเชยเวลาให้น้องอย่างเต็มที่ พี่เมฆขอสัญญา เอาขาหน้าแปะโป้งไว้ก่อนเลย
มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นละนะ ก็ไอ้ฉานมันไม่มาป้วนเปี้ยนบงการชีวิตผมแล้วนี่ ไม่ต้องแบ่งเวลาให้ใคร ผมยกให้น้องไปเลยเต็มที่
“เรียนวันธรรมดาก็ไม่เห็นเป็นไร นั่งแท็กซี่ไปกลับเลยก็ได้ ไม่มีปัญหา เสาร์อาทิตย์ พี่ชดเชยให้เต็มที่” น้องผมเป็นผู้หญิง เรื่องความสะดวกสบายก็ต้องเป็นเรื่องที่กังวลกันนิดหน่อยใช่มั้ยหละครับ
“ป่าว อันดาไม่ได้กังวลเรื่องนั้นสักหน่อย ก็ถ้าแม่รู้ว่าเรียนวันธรรมดาแล้วพี่เมฆมารับมาส่งอันดาไม่ได้ แม่ต้องส่งใครมารับส่งอันดาแน่ๆเลย ทีนี้ถ้าจะแว่บไปไหนก็ไม่ได้อะดิ เรื่องถึงหูแม่แน่ๆ แต่ถ้าเป็นพี่เมฆ เราคุยกันได้ใช่ม๊า” ศอกที่มากระแทกไหล่ผม พร้อมรอยยิ้มยียวนแถมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอผมก็เชื่อสนิทใจ ว่าอันดานี่ใช่น้องผมแน่ๆ ถ้าผู้หญิงใช้คำว่ากะล่อนได้แบบผู้ชาย ผมว่าอันดานี่เข้าข่ายกะล่อนตัวแม่
“โอ้ยย พี่อุตส่าห์ดีใจ คิดว่าน้องอยากจะอยู่ด้วย ที่ไหนได้ วางแผนหนีเที่ยวแบบให้พี่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดนี่เอง” ผมตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่ ถือว่าไล่ความโง่ และเขย่าขี้เลื่อยให้มันกระจายๆ เผื่อเนื้อสมองจะได้ทำงานได้คล่องขึ้น
“แหมพี่ฉาน เรามีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต แต่อันดาอ่ะเข้ามหาลัยแล้วต้องตั้งใจเรียนไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ก็ขอปลดปล่อยบ้างอะไรบ้าง” คิดดูนะครับว่ายังต้องตรวจดีเอ็นเออีกไหม ขนาดคำพูดอันดายังกอปปี้ออกมาจากความคิดผมแบบเป๊ะๆ ไม่ผิดพลาดเลยสักคำ
ผมถอนหายใจไว้อาลัยให้กับชะตาชีวิตของตัวเองเสียเฮือกใหญ่ กำลังเทคอาการเข้าปอดแทนที่อากาศที่ถ่ายออกไป สายตากำลังมองหาของสวยงามมาปลอบใจ ในกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ตาผมกลับไปหยุดอยู่ที่ผู้ชายที่สูงโดดเด่นออกมาจนเป็นจุดสนใจ เขาไม่ใช่คนที่เรียกได้ว่าหล่อ แต่ของที่เอามาประดับอยู่บนตัวทั้งเสื้อผ้าหน้าผมทั้งหลาย ทำให้เขาเป็นผู้ชายที่จัดว่าดูดี ไม่ต้องหล่อ แต่บุคลิคแบบนี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของสาวๆได้ไม่ยาก
แค่ยืนคนเดียวก็เด่นมากพออยู่แล้ว ยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่เมื่อข้างกายมีสาวน้อยที่ผมใช้สายตามองทะลุชั้นหนาของเครื่องสำอางค์ แล้วพบว่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับอันดา การแต่งตัวตามสมัยของวัยรุ่นไทยใจกลางสยาม ถุงเท้าเซเลอร์มูนห่อหุ้มขาไว้ถึงเข่า กระโปรงสั้นจนผมอดหัวใจวายแทนผู้ปกครองของน้องคนนั้นไม่ได้ เสื้อกล้ามสีสดตัดกับเนินอกขาวที่โผล่ออกมาล่อตาล่อใจ ถึงแม้จะมีเสื้อคลุมตัวบางทับด้านนอกเอาไว้อีกที ก็แทบจะปกปิดอะไรไม่ได้ ไม่ต้องจินตนาการอะไรมากนักก็พอจะรู้ ว่าทรวดทรงน้องเค้าประกอบกันด้วยเลขอะไรบ้าง เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงไอ้แกละทันที
“แต่งตัวแบบนี้ พ่อแม่ไม่ว่าเหรอจ๊ะ แต่ถ้าเป็นแฟนพี่ พี่จับเปลี่ยนสถานะเป็นเมียตั้งแต่ไม่ก้าวขาออกจากบ้านแล้วละจ๊ะ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่ง พี่จะตีให้ลืมไปเลยว่าวันพุธสีอะไร” ประโยคล้นๆ งง ของไอ้แกละ ถูกพวกผมต่อต้านด้วยการทำร้ายกบาลมันเสมอ เมื่อเจอมันแซวสาวๆที่แต่งตัวโชว์สรีระแบบไม่ต้องให้พวกผู้ชายใช้จินตนาการ จะว่าเพื่อนผมฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อเธอจงใจเดินเข้ามาในฝูงหมาเอง แต่นั่นมันก็นานๆทีแหละครับ ที่อาหารตาพวกนี้จะหลุดมาแถวคณะผม ก็อย่างที่บอกถาปัตย์กับศิลปกรรมโดนเนรเทศไปอยู่สุดขอบมหาลัยขนาดนั้น นางฟ้าคนไหนจะผ่านไปนี่ต้องตั้งใจนะครับ อ้างว่าบังเอิญนี่เชื่อไม่ได้
แล้วถ้ามาเป็นน้องผู้หญิงคนนี้ ไอ้แกละเพื่อนผมมันไม่ปรี่เข้าไปสั่งสอนน้องเขาเลยเหรอ ในเมื่อสิ่งไม่ถูกต้องไม่ใช่แค่การแต่งตัว แต่สองมือที่เกาะแขนผู้ชายที่ผมเริ่มคุ้นมาได้เมื่อไม่นาน ใบหน้าที่แทบจะเบียดเข้าหาท่อนแขนทุกทีที่มีการสนทนากัน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ท่ามกลางประชาชี ผมก็อาจจะเข้าใจผิดไปได้ว่าไอ้ที่เค้ากระซิบกระซาบคุยกันอยู่นั้น มันมองยังไงๆ ก็ไม่ต่างจากการหอมแก้มกันสักเท่าไหร่หรอก นี่ขนาดท่ามกลางสายตาสาธารณชนยังทำขนาดนี้ แล้วลับหลังมันไม่เอาลิ้นออกมาพันเกลียวกันกลางอากาศแลกออกซิเจนกันแบบ ดูดเป็นดูด คายเป็นคาย ความ(เร่า)ร้อนกันเลยเหรอ
ไม่มีสัญญาในหมู่โจรที่สปีชีย์อยู่ในข่ายสัตว์เดรัจฉาน
ไอ้อาทส่งข้อความมาบอกผมว่า จะเดินรออยู่แถวลานกิจกรรมสยามตอนบ่ายๆไม่ใช่เหรอ แต่นี่มันเพิ่งจะสิบเอ็ดโมง ทำไมผมถึงเจอมันอยู่ที่สถาบันติวเตอร์แห่งนี้ได้หละ ผมยังปลอบใจตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่คิดได้ว่า ยังมีเวลาให้อันดาทำใจ และตัวผมเองได้ทำใจ แต่นี่มันอะไร มันเร็วเกินไปไม่ใช่เหรอ ขนาดผมที่วางเกมส์ไว้เอง เมื่อเจอรุกฆาตอย่างนี้ผมยังช็อค แล้วอันดาหละ นางฟ้าของผมหละจะอยู่ในสภาพไหน
ผมละจากภาพที่แยกแยะไม่ออกว่ามันคือเรื่องจริงหรือการแสดงของคู่รักข้างหน้า ที่แสดงสมจริงสมจังจนผมแทบสะดุดลมหายใจหัวเองตาย คนข้างตัวที่ออดอ้อนผมอยู่เมื่อครู่ ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว แค่ผมช้อนสายตาขึ้นก็พบว่า นางฟ้าของผมปลิวถลาจนจะถึงตัวไอ้คู่รักสะท้านฟ้าตรงหน้าอยู่แล้ว แต่ความจงใจมันย่อมไม่มีอะไรเหมือนความบังเอิญ ผมแน่ใจว่าไอ้อาทมองเห็นว่าผมกับอันดาอยู่ตรงไหน แต่ทำเป็นมองไม่เห็น ผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย ไอ้อาทคงจงใจอาศัยช่วงชุลมุนออกมาให้อันดาเห็นตอนนี้ แล้วมันก็เนียนทำเป็นมองไม่เห็นอันดาจนผมรู้สึกทึ่ง ตอนที่อันดากำลังจะเข้าไปใกล้ มันก็คว้าแขนน้องตุ๊กตาบาร์บี้คนนั้นฝ่าฝูงชนออกไปแบบเนียนๆ ขาผมวิ่งตามอันดาไป ผมไม่รู้ว่าไอ้อาทตั้งใจจะให้อันดาเจอกันซึ่งๆหน้าตอนไหน แต่คงไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ เพราะขณะที่ขาผมก้าววิ่งตามอันดาไป โทรศัพท์ในกระเป๋าก็พร้อมใจสั่นขึ้นมากระแทกหน้าขาจนรู้สึกรำคาญ ผมหยุดเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำลายตัวการแห่งความรำคาญนั้น สายตาก็มองตามแผ่นหลังอันดาไม่อยากให้น้องคลาดสายตาไปตอนนี้
ข้อความจากโทรศัพท์มาจากพระเอกรางวัลออสการ์ที่โชว์ผลงานออกสู่สายตาผมไปเมื่อสักครู่
ข้อความที่ส่งมาทำให้ผมต้องจิ๊ปากขึ้นมาแบบขัดใจเต็มที..
“เกมส์ใกล้จะบิงโก อย่าลืมสัญญาลูกผู้ชาย อาท รอรางวัลปลอบใจอยู่ทุกวินาที” ข้อความชวนสะอิดสะเอียดคงไม่สะใจไอ้เชี่ยนั่นมากพอ มันถึงต้องส่งท้ายด้วยอีโมชั่นเคลื่อนไหวได้ เป็นรูปหัวใจค่อยๆกลายเป็นริมฝีปากส่งจูบ ขนที่พร้อมใจกันลุกซู่โดยไม่ได้นัดหมาย ไม่ได้มาจากความเสียวซ่าน หรือวาบหวามแต่อย่างใด มันลุกขึ้นได้เพราะผมรู้สึกขยะแขยงกับข้อความที่กินความหมายมากมายนั้น
เวลาแห่งความสุขสั้นแสนจะสั้น
แต่เวลาแห่งความทุกข์นั้นมาเร็วจะเสมอ
๐ นับถอยหลังอีก 3 ตอนนะคะ สำหรับพี่เมฆกับไอ้กูปรีหนีน้ำอย่างฉานแสง
ตอนนี้คงจะมีหลายอารมณ์คละกันไปนะ ขอโทษที่ตอนที่แล้วทำหลายๆคนปวดใจ
เริ่มเกลียดพี่ฉานกันใหญ่ เหตุผลทุกคนมีเป็นของตัวเองนะค่ะ
แต่ว่ากว่าที่คนสองคนจะเจอกันที่ตรงกลางของเหตุผลได้ มันก็ต้องใช้เวลาเนอะ
ไม่เศร้าจริงๆนะ หลายคนมาทวงสัญญา ป้ายขอบคุณอันใหม่คงคลอดพร้อมตอนจบแน่ๆ:sad4:
อยากได้แบบยากๆแต่ทำเองไม่ได้ ขอช่วยจากคนอื่นก็ช้าแบบนี้ละนะ
พอรวบรวมรายชื่อคนที่เข้ามาอ่านแบบทิ้งคอมเม้นไว้
มันเยอะจนคาดไม่ถึงเลยค่ะ ต่อให้บางคนแค่หลงเข้ามาก็นับนะ
เรารักทุกคน นางเอกได้อีก
ขอบคุณทุกคนค่ะ ขอบคุณจริงๆ ยินดีต้อนรับแฟนๆ
พี่เมฆกับท่านฉานหน้าใหม่ทุกคนนะคะ
๐.....

====================

ตบคนแต่งอย่างมีเหตุผล ไหนว่าไม่เศร้า ไม่กดดัน ไม่ตึงเครียด แล้วนี่อะไร

เน้นฮาไหน
