ตอนที่ 33
เฮ้ยย พวกมึงฟักไข่กันอยู่หรือไง ห๊า หรือว่าจะรอให้ประตูพังก่อนถึงจะออกมาเปิดเนี่ย ไอ้ฉาน ไอ้เมฆ เร๊วๆ แม่มึงมีเรื่องมาบอก ปัง!! ปัง

คล้อยหลังที่ไอ้ฉานออกจากห้องไปไม่เท่าไหร่ ผมคุ้ยหาเสื้อผ้าที่มิดชิดพอที่จะปกปิดสายตาแสนรู้ของไอ้หน่า อย่างว่องไว
ความอยากรู้ ไม่เข้าใครออกใคร และตอนนี้ ผมก็อยู่ในสภาวะนั้น ความอยากรู้อยากเห็นมันตีตื้นขึ้นมาแทบจะล้นอก
เสียงทุบประตูไม่มีให้ได้ยินแล้ว สงสัย ศอส.(ศูนย์อำนวยการเสือก)ไม่เลือกเวลาและสถานที่อย่างไอ้หน่า
ถูกอัญเชิญเข้ามาในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"เฮ้ยยยย!! มึงว่าไงนะหน่า" เสียงไอ้ฉานดังกว่าปกติ ยี่สิบสามส่วนสี่เท่า ทำเอาผมสะดุ้งโหยง
ปัง!!! เสียงบานประตูกระทบผนัง ให้ไอ้สองตัวนั่นต้องสะดุ้งขึ้นมาบ้าง
"เฮ้ย!!! ออกมาทำไม" เสียงไอ้ฉานโวยวาย
"เฮ้ยยย ไอ้เมฆ มึงจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนได้มั้ย อุจาดลูกกะตากูฉิบ ไอ้บ้า ถ้ารูม่านตากูสูญเสียการมองเห็น กูจะฆ่ามึง "
เสียงไอ้หน่า ดังขึ้นพร้อมเสียงไอ้ฉานนั่นแหละครับ ไอ้ฉานหนะมัวแต่ตกใจตาค้าง อ้าปากกว้างยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ไอ้ทอมห้าวอย่างไอ้หน่านี่สิครับ มันมีพรสวรรค์ ด่าผมได้ภายในเสี้ยววินาที ที่พี่เมฆพลาด บอกแล้ว ไอ้นี่มันเทพ
ประตูห้องถูกผมกระชากปิดเข้ามาอีกครั้ง ผมรีบเร่งใส่เสื้อผ้า สองแขนสองขาแทบจะพันกัน
" เฮ้ยๆ รอกูก่อน เกิดอะไรขึ้นวะ แป๊บๆ จะเสร็จแล้ว" ผมไม่ยอมพลาดเหตุการณ์ระทึกขวัญหรอกนะครับ ทุกเหตุการณ์ต้องมีพี่เมฆเป็นพยานเสมอ
ผมเปิดประตูออกมาเห็นไอ้หน่าทำสีหน้าตื่น ปากสั่นฟันกระทบกันดังกึกกัก ตัวมัน กระโดดขึ้นลง เหมือนยืนหนาวอยู่ท่ามกลางเมืองหิมะ เป็นภาพที่น่าสมเพชพร้อมๆกับน่าขันไปในคราวเดียวกัน เหมือนคนที่กำลังจะพรั่งพรูอะไรออกมา แล้วโดนกดปุ่มหยุดแบบกระทันหัน นั่นแหละครับ
" เอ้า พร้อมแล้ว มึงมีอะไรวะหน่า มาแต่เช้า เล่าช้าๆ ใจเย็นๆ อย่ามาเป็นลมบ้าหมูในห้องกูนะมึง " ไอ้ฉานเปิดปากให้สัญญาณไอ้หน่า หลังจากที่มันสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าผมแล้วว่า ไม่มีอะไรเล็ดลอด ออกมากระชากสายตาไอ้หน่า ให้มันไปโพนทะนาบอกต่อในหมู่เพื่อนฝูง
" ก็ไอ้ ไอ้ ไอ้ " มันพูดติดอ่างอยู่อย่างนั้น จนผมเองชักทนไม่ไหว
"ไอ้อะไรวะมึง เฮ้ย ตั้งสติ " ผมเอาปลายนิ้วโป้งทั้งสองกดลงที่ขมับมันทั้งสองข้าง นวดคลึงไปมา ครู่เดียว อาการตื่นเต้นไอ้หน่าค่อยสงบลง
"ไอ้ไม้อะดิ มันมีเรื่อง หลังจากกลับจากกินกันเมื่อคืนอ่ะ ตอนนี้อยู่โรงบาล"
" ห๊า.......ห๊า มึงว่าอะไรนะ แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกวะ" ห๊า หนะ ผมกับไอ้ฉาน ตะโกนขึ้นพร้อมกันครับ แต่ประโยคยาวยืดข้างหลังอ่ะ ไอ้ฉานโซโล่
"พวกกูก็เพิ่งรู้ เมื่อเช้าเนี่ย โทรมาไม่มีหมาตัวไหนเปิดเครื่อง จนกูต้องมาเคาะห้องพวกมึงเนี่ย แล้วเสือกเปิดช้า ให้ข้างห้องออกมาใช้สายตาด่ากูอีก" ไอ้หน่าเป็นคนที่ อันตรายมากครับ ถ้าเราเผลอเปิดช่องให้มันย้อนด่า มันจะใส่มาเป็นชุด
"เออๆ พวกกูขอโทษนะครับ คุณน้อยหน่า คนดี ใครจะไปรู้ว่าเช้าๆแบบนี้จะมีคนมาเคาะห้องหละ เมื่อคืนฟาดไม่ยั้งกันขนาดนั้น น่าจะยังแฮงค์กันอยู่ไม่ใช่เหรอ " ผมส่งสายตาอ้อนมันไป ดุจลูกเสื้อน้อย กะว่าต้องน่าเอ็นดูหนักหนาในสายตาไอ้หน่าแน่ๆ
"เออ กูก็แฮงค์ พวกแม่งทุกตัวก็แฮงค์ แต่ตอนนี้ แมร่งหายเป็นปลิดทิ้ง"
"แล้วมันเป็นไงบ้างวะ ไปมีเรื่องกะใครได้ไงวะเนี่ย" เมื่อคืน ไอ้ไม้ก็เป็นหนึ่งในซากศพ ที่ผมเอาไปส่งถึงหอ แล้วมันไปมีเรื่องกะใครตอนไหน ผมเองก็จนปัญญา
"กู ก็ไม่รู้ ตำรวจเพิ่งติดต่อไอ้หวานได้เป็นคนแรกเนี่ย เจ็บเยอะ แต่ปลอดภัยแล้ว " ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งขึ้นมาเปราะนึงครับ
" แล้วที่บ้านมันรู้ยังวะ " ไอ้ฉานดูมันร้อนใจมาก เพราะพ่อไอ้ไม้ ค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบมาก
ไอ้ไม้เองไม่ค่อยถูกกับพ่อซักเท่าไหร่ เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด
ถ้าพ่อมันรู้เรื่องนี้เข้า ไม่ใช่คู่กรณีนะครับที่จะตาย แต่เป็นไอ้ไม้นี่แหละที่มันต้องตายคาเท้าพ่อมันแน่ๆ
สำหรับพ่อไอ้ไม้แล้ว อารมณ์มาก่อน เหตุผลนั้นค่อยว่ากันหลังออกแรงแล้ว
"น่าจะยังไม่รู้หรอกวะ เพราะตำรวจเค้าติดต่อได้แค่ไอ้หวาน ถ้าตำรวจไม่โทรไป ก็คงยังไม่รู้ เพราะไอ้หวานมันรู้งานอยู่" พวกเราทุกคนรู้เรื่องนี้ของไอ้ไม้ดีครับ
“แล้วเพื่อนคนอื่นๆ รู้เรื่องกันหมดแล้วใช่มั้ยหน่า” ผมถาม เพราะตอนนี้เพื่อนๆกระจัดกระจายกันอยู่ครับ สัปดาห์ที่ไม่เรียนก็เป็นแบบนี้ ไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อนเหมือนตอนมีเรียน
“น่าจะรู้กันหมดแล้วละหวะ เพราะตอนที่กูมาหามึง กูก็โทรบอก ไอ้ดิว ไอ้ยอนแล้ว ไอ้ไผ่พอดีเมื่อคืนมันนอนกับไอ้หวาน
มันเลยรู้เรื่องก่อนใครๆ ป่านนี้คงกระจายข่าวถึงเพื่อนทุกคนแล้วหละ
“ เออ งั้น มึงรอกูกะเมฆ แป๊บนะหน่า เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไปดูไอ้ไม้กัน ” ตอนนี้สีหน้าไอ้ฉานไม่สู้ดีเท่าไหร่ ผมเดาว่าใจมันคงไปถึงโรงพยาบาลนานแล้ว ไอ้ฉานมันรักเพื่อนมากครับ ผมว่าที่มันอบอุ่นได้ขนาดนี้ เพราะมันจิตใจดี รักเพื่อน รักครอบครัว ถึงมันจะเป็นคนที่เข้าถึงยากในสายตาใครๆ หยิ่งยโส ขนาดไหน แต่ในกลุ่มเพื่อน ทุกคนรู้ดีครับ ว่าไอ้ฉานเอาใจใส่ไม่แพ้ใครเลย
จากหอผมถึงโรงพยาบาลใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน เพราะโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่นักตลอดเวลาในการเดินทาง ไอ้ฉานไม่ปริปากพูดอะไรกับพวกผมแม้แต่สักคำเดียว ไอ้หน่าหรือแม้กระทั่งผมเองก็ไม่กล้าคุยกับมันสักเท่าไหร่ ไอ้ฉานมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกอารมณ์อะไรก็จริง แต่ผมรู้ว่าตอนนี้มันเครียด ยิ่งตอนที่อยู่ในรถเมื่อกี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหนสักคนโทรมาหามัน หลังจากมันวางสายไป ผมรับรู้ได้ในทันที ว่าเรื่องนี้ไอ้ฉานและเพื่อนๆผม ต้องไม่ปล่อยไว้แน่ๆ ผมกุมมือไอ้หน่า เดินตามแผ่นหลังไอ้ฉานแบบห่างๆ เวลาปกติ มันมักจะเดินรอผมเสมอ บ่อยครั้งที่มันหันมารีบเร่ง แต่นั่นเป็นอารมณ์กวนประสาทของมันมากกว่า ผมใช้วิธีสื่อสารความรู้สึกกับไอ้หน่าทางสายตา และให้กำลังใจกัน ผ่านการแรงบีบจากมือที่กอบกุมกันไว้ .....ผลัดกันบีบ ผลัดกันให้กำลังใจ มือผมและไอ้หน่าชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่า เหงื่อหยดไหนเป็นของใคร
ผมเดินมาทันไอ้ฉานที่หน้าโถงลิฟท์ ของอาคารผู้ป่วยใน มันกดปุ่มบอกชั้นที่ต้องการ ก่อนหันมาสบตากับผมและไอ้หน่า
แต่ว่ามันไม่พูดอะไร
“ ฉานมึงรู้เหรอว่าไอ้ไม้ อยู่ห้องไหน “ ผมถามตัดความเงียบออกไป
“ รู้ เมื่อกี้ไอ้แกละโทรมาบอกแล้ว “ มันตอบ ลิฟท์ก็มาถึงพอดี
มีแค่เราสามคนในห้องโดยสารขนาดเล็ก มีเพียงเสียงหายใจ และเสียงอิเลคโทรนิคบอกตำแหน่งชั้นที่ลิฟท์ผ่านเท่านั้น ผมกระชากยางอายแปะๆทิ้งไว้ข้างผนังลิฟท์ (อารมณ์ประมาณ คายหมากฝรั่งแล้วแปะไว้ใต้เก้าอี้) ผมยื่นมือ ไปแตะแขนไอ้ฉาน ที่ตอนนี้ มันสอดสองมือไว้ในกระเป๋ากางเกง สายตาเพ่งมองไปที่ตัวเลขบอกชั้น ผมลงแรงกดไปที่แขนมันเบาๆ แค่พอรู้สึกตัว ไอ้ฉานหันมามอง ยกคิ้วข้างเดียวแทนคำถาม
“ มึงใจเย็นๆ นะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจอะไรหละ ” ผมช้อนสายตามองมันเพื่อให้รู้ว่า ตอนนี้ผมเป็นห่วงความรู้สึกมันมากแค่ไหน และผมก็กลัวมันจะใจร้อนทำอะไรลงไปโดยไม่ได้คิด
“รู้แล้วน่า แล้วทำไมต้องทำตาละห้อย “ มันเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากผม ริมผีปากค่อยเหยียดตรง ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ
“ ก็กูกลัว มึงจะไปเอาคืนให้ไอ้ไม้นี่นา” ผมไม่อยากให้ใคร แก้แค้นให้ไอ้ไม้ โดยการเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าคนที่ทำร้ายไอ้ไม้เป็นใคร แล้วเค้าทำแบบนั้นทำไม นอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ยังอันตรายต่อสถานภาพนักศึกษาอีกต่างหาก
“ เอาคืนอ่ะ เอาคืนแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก “ มันไม่ได้ทำให้ผมกังวลใจน้อยลงสักเท่าไหร่เลยนะ
ห้องพักไอ้ไม้ เป็นห้องพักผู้ป่วยแบบเตียงเดี่ยวอยู่ริมสุดของอาคารโรงพยาบาล เงียบ สงบ จนน่าใจหาย
ผมไม่ชอบการมาโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ ก็เพราะบรรยากาศชวนเศร้าใจแบบนี้แหละ ไอ้หน่าเดินเข้าห้องไปก่อน ตามด้วยไอ้ฉาน แล้วรั้งท้ายด้วยผม ที่กำชายเสื้อไอ้ฉานเสียแน่น ในห้อง มีไอ้แกละกับไอ้ยอน นั่งกันอยู่ตรงโซฟา ข้างเตียงคนไข้
พวกเราแค่ยกมือทักทายกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร สภาพไอ้ไม้ตอนนี้ มีผ้าพันรอบหัว ตาข้างนึงบวมช้ำ เริ่มมีสีเขียวอมม่วงเข้ม แขนด้านนึงมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง มีขวดห้อยอยู่บนเสาน้ำเกลือ ถึง สองขวด ข้างลำตัว มีสายยาง สองสาย สายหนึ่งเป็นสายฉี่สังเกตุจากถุงที่มีน้ำสีเหลืองเข้มอมแดงอยู่บ้างแล้วเล็กน้อย แต่อีกสายหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกัน ทำเอาผมเข่าอ่อน มือไม้สั่น มือที่กำชายเสื้อไอ้ฉานแน่นอยู่แล้ว ถูกผมลงแรงให้มันแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ตลอดแนวสายยาง เป็นเลือดสีแดงใส ไม่เข้มข้นเท่าเลือดปกติที่เคยเห็นสักเท่าไหร่
ผมยืนนิ่งให้ร่างกายและจิตใจปรับสภาพกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ ร่างกายจึงค่อยๆผ่อนคลายลง ไอ้ยอน ขยับที่ให้ผมนั่ง ก่อนยื่นยาดม ที่ผมเห็นจะๆ คาตาเมื่อกี้นี้ว่า มันยัดเข้าไปในรู้จมูก เกือบมิดหลอด แต่วินาทีวิกฤตแบบนี้ ผมไม่มีทางเลือกมากมายอะไรหรอกครับ
“ แล้วคนอื่นๆละวะ ยังมากันไม่ถึงเหรอ “ ไอ้ฉานเปิดเวที ก่อนใคร
“ ไอ้ดิวกับไอ้ปาย ไปเอาเสื้อผ้า คืนนี้มันอาสาเฝ้าไอ้ไม้อ่ะ “ ไอ้แกละรายงานลูกพี่มันครับ ไอ้ฉานพยักหน้ารับรู้
“ ส่วนไอ้ไผ่ ไปเป็นเพื่อนไอ้หวานให้ปากคำที่โรงพัก ไอ้นทีมันกำลังนั่งรถมาจากบ้านนอก น่าจะถึงเย็นๆ นี้ ส่วนกูกับไอ้ยอน ไอ้ปายมันสั่งให้เฝ้าไอ้ไม้ แล้วก็รอพวกมึงอยู่ที่นี่อ่ะ” มันรายงานจนครบทุกคนเลยครับ
“ ดีนะ พวกมึงแบ่งหน้าที่กันไปเป็นคู่ๆ อย่าลืมนะมึง ความรักมักเกิดจากความใกล้ชิด” ผมแค่อยากสร้างบรรยากาศ ที่มันตึงเครียดให้ผ่อนคลายขึ้นอะครับ
“ เหมือนมึงกะไอ้ฉานอะเหรอเมฆ ใกล้ชิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วหละ” ไอ้แกละ สงสัยมันอยากตาย ผมยื่นมืออ้อมตัวไอ้ยอน ไปฟาดกบาลไอ้แกละให้มันหายซ่า ไม่ใช่เวลานะมึง เดี๊ยวเจอพ่อมึงงับหัว กูไม่ช่วยนะเว้ย
“ แล้วเรื่องไอ้ไม้สรุปว่าไง “ ไอ้ฉานมันส่งสายตาปรามมาทางผมกับไอ้แกละ ก่อนจะหันไปเปิดโลกส่วนตัวกับไอ้ยอน
“ มันเพิ่งออกจากไอซียู ก่อนพวกมึงมาไม่เท่าไหร่หรอก ตอนที่ให้แกละโทรไปแหละ “ ไอ้ฉานพยักหน้ารับรู้ มันนี้มันพยักหน้ามากกว่าใช้คำพูดเสียอีก
“แล้วตำรวจเค้ารู้ยัง ว่าใครเป็นคนทำ” ผมกับไอ้หน่า สบตากัน ก่อนหันมารอคำตอบจากไอ้ยอนด้วยความอยากรู้
“เท่าที่โทรคุยกะไอ้ไผ่ ตำรวจเค้ารู้แล้วว่าใครทำ แต่ยังกั๊กๆ ไว้ไม่บอกว่าเป็นใคร แต่ตำรวจบอกว่าเป็นเหตุทะเลาะวิวาทธรรมดา น่าจะเข้าใจผิดกัน จากที่สอบปากคำคนเห็นเหตุการณ์ เค้าบอกว่า คู่กรณีมากันสี่ห้าคน แล้วไอ้ไม้อ่ะ มันไปจ้องหญิงที่ไอ้หัวโจกมันควงมาด้วย ไอ้เหี้ยนั่นไม่พอใจ มีปากเสียงกันนิดหน่อย ก่อนลากไอ้ไม้ ไปรุมยำ แล้วตำรวจไปเจอนั่นแหละ”
“ ระยำเอ้ย ไอ้ไม้เมาขนาดนั้น แค่เดินมันยังจะเดินไม่ไหว จะมีแก่ใจไปจ้องเมียใครเนี่ยนะ ชาติชั่วเท่านั้นแหละที่คิดได้” ไอ้ฉานสบถ เสียงรอดไรฟัน มือมันกำเข้าหากันแน่น ผมรู้ว่าตอนนี้ไอ้ฉาน มันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการข่มอารมณ์
“ไอ้ไม้ มันไปมองเมียเค้าที่ไหนวะยอน” ผมรับไม้ผลัดมาเป็นพิธีกรแทนครับ
“ที่หน้าร้านต้มเลือดหมู ตอนออกจากร้าน มันก็บ่นอยู่ว่าเมาฉิบหาย อยากกินอะไรร้อนๆ มันก็ชวนกู แต่อารมณ์นั้น มันไม่ไหวจริงๆ หวะ กูนึกได้แค่ว่ากูอยากนอน ถ้ากูไปกับมันนะ มันก็ไม่ต้องเจ็บแบบนี้หรอกวะ” ไอ้ยอนมันหรุบตาต่ำ บอกเสียงเศร้า มันคงเสียใจที่ปฎิเสธเพื่อน แล้วเพื่อนต้องไปเจอแบบนี้
“มึงอย่าโทษตัวเองเลยยอน ไม่มีใครผิดหรอก ไอ้คนที่ผิดอ่ะ คือไอ้สารเลวนั่นต่างหาก ถ้าไอ้ไม้ ไม่เมานะ มันไม่เจ็บขนาดนี้หรอก” ผมเองก็อารมณ์ชักขึ้นครับ