สปอยๆ นางร้ายปรากฏแล้ว

เค้าจูบกันแน่แล้ว คึคึ
===============================
ตอนที่ 9น้องฟางเดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มแล้ว จากที่ดู น้องเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะมีเจตนาไม่ดีหรอก แต่น้องเค้าคงลืมคิดก่อนพูด คำพูดของน้องเลยออกมาในแนวที่ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ไอ้ฉานเองมันก็คงจะรู้สึกไม่ดี ที่ยังไม่ทันจะได้ติวกันเลย แต่กลับมีคนออกมาพูดในทำนองไม่เชื่อใจ ผมรู้นิสัยไอ้ฉานดี มันเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะทุ่มเทมาก และมันเองก็คงเกร็งไม่น้อย ที่ได้รับเลือกให้เป็นสต๊าฟ สอนติว ถึงแม้ว่าไอ้ฉานมันจะเก่งเรื่องเรียนสักแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
คนเรียนเก่ง จะเป็นคนที่สื่อสาร ให้คนอื่นเข้าใจได้เก่ง ผมเองก็ยังลุ้นและหวังว่า ไอ้ฉานมันจะสอนได้ดีเหมือนกับการเรียน
ปกติไอ้ฉาน มันจะคุยเก่งและสนุกสนานเฮฮา เป็นไอ้บ้าฉาน เฉพาะกับคนที่มันสนิทด้วย หากคนที่ไม่รู้จักหรือไม่ได้สนิทกัน
มากนัก ไอ้ฉานในสายตาคนเหล่านั้น จะเป็นคนเงียบๆที่ติดจะดูหยิ่งๆ ด้วยซ้ำ
ออกแนวมนุษย์สัมพันธ์แย่กับคนแปลกหน้า
ผมเดินตามหาไอ้ฉานไปทั่วคณะ เห็นมันมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ริมน้ำ
“ เอาตีนลงไปแช่น้ำดับร้อนเหรอวะฉาน มึงท่าจะร้อนมากนะเนี่ย ควันออกทั้งทางจมูก ทางปากเลยเนี่ย” มาแนวเนียนๆ จะได้ผลมั้ยเนี่ย
เงียบ เป็นคำตอบที่ท่านได้รับ ปฎิบัติการนี้ล้มเหลว
การปลอบใจไอ้ฉาน เป็นอะไรที่สร้างความกลุ้มใจให้ผมเสมอครับ ไม่รู้ต้องเข้าหามันด้วยอารมณ์ไหน ในสถานการณ์แบบนี้ การปลอบใจไอ้ฉาน ไม่มีหลักการตายตัวครับ เรียกว่าต้องมั่วแบบเดาสุ่ม
ซึ่งวิธีการกวนส้นตีน ในครั้งนี้ ไม่ได้ผลครับ
“ ฉานมึงก็อย่าคิดมากเลยนะ น้องเค้าคงเป็นเด็กโดนพ่อแม่ตามใจอะมึง พูดอะไรไม่ทันคิด หรืออาจจะคิด แต่เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก” เหมือนครั้งนึง ตอนที่ผมกะไอ้ฉานรู้จักกันได้ไม่นานเท่าไหร่ แม่นิ่มคงกลัวว่า ผมกะไอ้ฉานจะเข้ากันไม่ได้ กลัวจะเล่นกันแล้วทะเลาะกัน แบบเด็กๆทั่วไป ที่ไม่ได้ดั่งใจก็งอแงตีกันซะงั้น แต่พอผ่านไปสักพักก็กลับมาเล่นกันใหม่
“ ฉาน น้องเมฆดีกะฉานมั้ย เล่นกันไม่มีปัญหาอะไรกันใช่มั้ยลูก” แม่นิ่มถามความเห็นไอ้ฉานที่มีต่อผม ซึ่งความจริง แม่นิ่มควรถามผมมากกว่า ว่าไอ้ผู้กำกับแห่งชาติคนนี้ มันดีกะลูกแม่นิ่มรึเปล่า มันสั่งเอาๆ แม่จะรู้มั้ย
“อือ...”
“พูดกะผู้ใหญ่ก็ไม่เพราะ ครูสอนจำไม่ได้รึงัย พูดกับผู้ใหญ่ต้องมีหางเสียง” ไอ้ตัวดีมันตวัดสายตาอาฆาต กลับมาทันที
“ ครับ เมฆก็ดี ไม่กวนใจอะไรฉาน” ใช่สิไอ้หน้าลิง กูจะกล้ามีอะไรกะมึง มึงมันมาเฟียดีๆ นี่เอง กูหือกะมึง กูต้องเจอสมุนมึงกี่ตีนหละ คนอย่างท่านเมฆหน้าตาดีไม่พอหรอกเว้ย ฉลาดด้วย
“แล้วฉานชอบน้องเมฆมั้ย” แม่นิ่มอย่าถามเลยครับ น้องเมฆกลัวคำตอบ จะออกแนวดีก็ยังขัดใจ อะไรประมาณนี้
“รักครับ” หือออ มันตอบแบบนี้จริงๆ นะครับตอนนั้น
“ตอบก็ไม่ถูก” ผมในตอนนั้น หมายถึงไอ้ฉานมันตอบไม่ตรงคำถามแหละครับ
คิดถึงตอนนั้นทีไร อดยิ้มไม่ได้ทุกที ไอ้ฉานมันน่ารัก เข้าหาผู้ใหญ่เก่ง ใครๆก็รักมัน บางทีผมก็อยากจะได้สักครึ่งนึงของมัน
ผมนั่งลงข้างๆมัน เอาเท้าจุ่มน้ำแล้วแกว่งเล่น โยกตัวไปมากระแทกไหล่ไอ้ฉานเล่น
“เมฆ มึงจะสั่นขาหาอาม่ามึงเหรอ แล้วโยกตัวมากระแทกไหล่กูอีก เดี๋ยวกูจับลากลงน้ำกินทั้งสดๆซะดีมั้ย” แค่นี้ก็พอครับ แค่นี้มันก็เพียงพอทำให้ผมยิ้มได้แล้ว แค่ไอ้ฉานยอมพูด แค่มันกลับมากวนตีนผมเหมือนเดิม ต่อให้มันกวนตีนผมหนักกว่านี้ ผมก็จะไม่ว่ามันครับ เพราะถ้ามันกวนตีนได้ แสดงว่ามันใจเย็นลงเยอะแล้ว
“พี่ฉานค่ะ” น้องฟางนั่นเองครับ เดินมากะเพื่อนคนนึง น่าจะมาเรียนติวด้วยกันนั่นแหละ
“ฟางขอโทษนะคะพี่ ฟางไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่า พี่ฉานไม่ดี ดูแลกลุ่มเราได้ไม่ทั่วถึงนะค่ะ ฟางขอโทษจริงๆค่ะฟางใจร้อนไปหน่อย พอดีตอนแรก แม่ฟางบอกว่า ให้มาสมัครติวที่นี่คะ แล้วพอสมัครเสร็จ ก็ให้หาพี่สักคน ขอให้เค้าสอนแบบตัวต่อตัวหนะค่ะ เพราะฟางอยากเรียนคณะนี้จริงๆ นะคะ แต่ฟางไม่ได้ฝึกความถนัดเลย ถ้าจะเรียนแบบตัวต่อตัวกับสถาบันติว ก็ยิ่งไม่มีโอกาสใหญ่เลย อีกอย่างถ้าเรียนกันเป็นกลุ่ม ฟางกลัวจะเป็นตัวถ่วงให้กลุ่มอะค่ะ” น้องฟางอธิบายไปยกมือไหว้ไป ดูท่าทางน้องเองก็คงไม่สบายใจกับคำพูดตัวเองเท่าไหร่หรอก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เข้าใจ กลับไปรวมตัวปฐมนิเทศกับเพื่อนๆ ต่อเถอะ เสร็จแล้วเย็นนี้ พี่จะพาบ้านกริฟฟินดอร์ ไปฉลองที่ร้านหัวหมู หมู่บ้านฮอกส์มีดส์กันนะ” ไอ้ฟาย เปลี่ยนอารมณ์ไวมาก เมื่อกี้ยังทำหน้าเป็นหมาหงอยอยู่เลย
แล้วนี่คณะมึงทั้งคณะบ้าแฮรี่พอตเตอร์กันหมดเลยเหรอ ไอ้ปัญญาอ่อนเอ้ยยยยยย
ปล่อยให้ไอ้ฉานไปทำกิจกรรมในคณะมันต่อครับ เดียวเย็นนี้ มันต้องพาน้องๆกลุ่มติวไปเลี้ยงต้อนรับ ก็เหมือนเลี้ยงน้องรหัสนั่นแหละครับ เหมือนทำความคุ้นเคยกันมากกว่า เป็นเทคนิคของถาปัตย์ทุกปี เรียกว่าเลี้ยงนัดกระชับมิตร ซึ่งท่านเมฆคนนี้ต้องไม่พลาดอยู่แล้วครับ กินฟรี สามีจ่าย(เอากะเค้าหน่อย) สบายท้องและสบายกระเป๋า
ผมเดินลัดตรงลานกิจกรรมถาปัตย์ มาทางสวนหย่อม “ตรงซุ้มทำใจ “
ซุ้มทำใจ เป็นโต๊ะม้านั่ง ที่มีหลายชุดเรียงรายไว้ในสวน ส่วนกลางของคณะ ทุกซุ้มจะมีไม้หอมปลูกคลุมระแนงหลังคา คละพันธ์กันครับ บ้างเป็นไม้เลื้อยที่หอมกลางคืน บ้างก็เป็นไม้เลื้อยที่หอมกลางวัน ปลูกสลับกันไป ไม่งั้นกลิ่นคงตีกันจนมึนมากกว่าหอมแน่ๆ ว่ากันว่า ซุ้มทำใจ คณะบดีคิดขึ้นมา เพราะเวลาเด็กในคณะกำลังจะพรีเซนต์โปรเจคกันเมื่อไหร่ มักจะลนลานทำอะไรไม่ถูก ออกแนวคลุ้มคลั่ง เลยทำซุ้มไว้ให้สงบสติอารมณ์ก่อนเข้าพรีเซนต์ เป็นเทคนิคธรรมชาติบำบัดที่แยบยลมาก
นอกจากนี้ สวนหย่อมของสถาปัตย์ ยังเป็นที่ ที่มักจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายกันเยอะ ส่วนหนึ่งคงเพราะบรรยากาศให้
ลมพัดเย็นสบาย เพราะมีทั้งต้นไม้และน้ำจากทะเลสาบพัดไอ้เย็นขึ้นมา
ผมพาตัวเองมาเข้าห้องน้ำที่มีไว้บริการกลางสวน ห้องน้ำนี้ผมชอบมาใช้บ่อยๆเวลามารอไอ้ฉานที่คณะ เหมือนห้องน้ำสวยๆตามรีสอร์ทเลยครับ
ขณะที่กำลังฮัมเพลงชื่นชมบรรยากาศ ๆจีบนกหนูแมลงไปเรื่อย ช่วงที่กำลังดึงน้องออกมาร้องไห้
“ เฮ้ยแก นี่ตกลงแกสนใจพี่เมฆจริงๆเหรอวะ ชั้นก็คิดว่าแกสนใจพี่ฉานซะอีก พี่เมฆอ่ะ น่ารักไป พี่ฉานนี่ทั้งหล่อ ทั้งแมน ทั้งเท่นะเว้ย” เสียงผู้หญิงคุยกันลอยออกมาจากห้องน้ำหญิงฝั่งตรงข้ามครับ อันนี้เป็นเรื่องปกติ ห้องน้ำสาธารณะแบบนี้ ธรรมดามากที่ห้องน้ำชายและหญิงจะอยู่ติดกัน
“อะไรที่ทำให้แกคิดว่าฉันสนใจพี่เมฆเหรอ”
“อ้าว ก็ชั้นเห็นแกวิ่งถลาไปหาพี่เมฆ ชั้นก็คิดว่าแกเล็งพี่เมฆสิ ยังแอบคิดเลยว่า แกจะกระโตกกระตากไปไหน”
“ฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ใครจะไปรู้หละ นึกว่าแกอดอยากมานาน เลยรีบ “
“ แกเข้าใจถูกแล้ว ชั้นสนใจพี่ฉาน แต่ชั้นก็ต้องพิสูจน์อะไรบ้างสิ”
“พิสูจน์อะไรวะ”
“ก็พิสูจน์ว่าพี่ฉานคิดกะพี่เมฆจริง อย่างที่เค้าแซวกันมั้ย “
“เรื่องพี่เค้าเป็นแฟนกันอะเหรอ แล้วแกคิดว่าเค้าเป็นกันจริงมั้ย”
“ ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจ เรื่องที่ชั้นทำวันนี้ ก็พอจะเป็นไปได้ แต่ไม่รู้พี่ฉานโกรธชั้นเรื่องอะไร เรื่องไม่ไว้ใจเรื่องสอนหรือเรื่องที่ชั้นเข้าหาพี่เมฆ”
มันเรื่องอะไรกันครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ทุกประโยคที่น้องผู้หญิงสองคนโต้ตอบกัน หมายถึงผมกับไอ้ฉานแน่ๆ
สมองผมมันกำลังประมวลผลอย่างมึนๆ ผมไม่เคยใส่ใจเรื่องที่เพื่อนๆคณะผมและไอ้ฉานมันแซว ออกจะเฉยๆด้วยซ้ำ เพราะเข้าใจปากเพื่อนๆ รวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งสองคณะดีอยู่ แต่ที่แปลกใจคือ น้องทั้งสองคนนี้เพิ่งเจอผมกับไอ้ฉานครั้งแรก ทำไมน้องเขาสงสัยในตัวผมกับไอ้ฉานได้ จะว่าเป็นเพราะพี่โก้ แซวตอนที่ผมกับไอ้ฉานเดินเข้าคณะก็มีส่วน แต่นี่ดูเหมือนน้องเค้าไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่งั้นน้องเค้าคงไม่คิดที่จะพิสูจน์เรื่องนี้แน่ๆ แล้วน้องเค้าชอบไอ้ฉานเหรอ
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรที่มีคนมาชอบไอ้ฉาน ปีนึงๆ มีเรื่องเข้าหูผมแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน นั่นไม่ทำให้ผมกังวลใจเท่ากับเรื่องที่มีคนคิดว่า ผมกับไอ้ฉานเป็นแฟนกันจริงจังแบบนี้มาก่อน
ก็แล้วทำไมผมต้องต้องมาคิดหาคำตอบให้เรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายปีที่เราสนิทกันนี้ ผมเองก็ไม่เข้าใจ
ผมแสร้งทำเป็นสนุกสนานตลอดเวลาที่กินเลี้ยงกับน้องๆในกลุ่มติวของไอ้ฉาน น้องฟางกับเพื่อนก็ดูสนุกสนานร่าเริงสดใสดี
มันก็ไม่แปลกหรอก เพราะน้องเค้าไม่รู้ว่าผมได้ยินเรื่องที่เค้าคุยกัน ก็นะ ในคณะก็มีห้องน้ำเยอะแยะ ใครจะไปคิดว่าจะใจตรงใช้ห้องน้ำที่เดียวกันหละ ไอ้ฉานเองก็หายเกร็งไปเยอะ ดูมันให้ความสนใจน้องๆทุกคนดี อย่างนี้แหละ ไอ้ฉานมันกำลังเข้าสู่ปีสอง มันเป็นน้องมาตลอด ตอนนี้กำลังจะเป็นรุ่นพี่ อารมณ์อยากเอาใจใส่น้องเป็นเรื่องธรรมดาสุดๆ
“เอ๊ะ ไหนว่าพี่เมฆกะพี่ฉานเป็นสามีภรรยากัน ทำไมวันนี้ถึงได้นั่งห่างกันละคะ” น้องคนหนึ่งในกลุ่ม เหล้าคงเข้าปากมากแล้ว เลยกล้าแซวซะสนิทแบบนี้
“อ๋อ เมื่อคืนพี่ไม่มีแรงทำการบ้านหนะ วันนี้เมียเลยงอน เอ้า!!! ชนแก้วให้กำลังใจ ผู้ชายเมียงอนหน่อย” เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆได้ดีทีเดียวครับ ผู้หญิงสมัยนี้ก็แปลก ทั้งๆที่ผมกะไอ้ฉานเป็นผู้ชาย โดนมองว่าเป็นแฟนกัน แทนที่จะตกใจ กลับรู้สึกตื่นเต้นยินดีไปซะนี่ เฮ้อออออออออ กลุ้มใจ เอาตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากตอนนี้ได้ ผมทำไปนานแล้ว
“หนูช่วยเต็มที่พี่ หนูสนับสนุนให้ผู้ชายรักกันอย่างเป็นทางการ พี่เมฆพี่ฉาน จงเจริญ” ตอนน้องเค้าพูดจบ ผมมองเห็นภาพกราฟฟิครูปหัวใจลอยไปมาในอากาศ แต่ทำไมมันไม่ทำให้ผมดีใจหละ ตอนนี้ ขนแขนสแตนอัพพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เหมือนๆจะรู้สึกว่า หมาแถวนี้เห่ารับ เสียงประกาศของน้องเค้าด้วยนะ
เราสองคนกลับมาถึงห้องสักพักแล้ว ไอ้ฉานหายหัวเข้าไปห้องน้ำ ตั้งแต่มาถึงห้อง ตอนนี้ยังไม่ออกมา
วันนี้ไอ้ห่านี่เต็มที่กับชีวิตสุดๆ กินเหล้า ปล่อยมุขเรียกเสียงฮากระจาย ไม่ห่วงหล่อเลยมัน ต่างจากผมที่หลังจากได้ยินน้องฟางและเพื่อนคุยกันแล้ว ผมสงบใจ ไม่คิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลยสักครั้ง ขนาดพยายามสาดเหล้าเข้าคอเท่าไหร่ กลับยิ่งทำให้ผมกลับสงสัยขึ้นเรื่อยๆ
ผมกับไอ้ฉาน ตกลงเราเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน หรือมากกว่านั้นกันแน่
“คิดอะไรอยู่มึง คิ้วมึงขมวดกันเป็นเงื่อนพิรอดแล้วนั่น” มันออกมาจากห้องน้ำตอนไหนไม่รู้ครับ กำลังคิดอะไรเพลินๆ
“ฉาน กูขออะไรมึงอย่างได้ป่ะ “
“ได้สิจ๊ะเมียจ๋า เมียขออะไรก็ได้ แต่พี่ฉานไม่ให้ฟรีนะ” มันไม่ตอบปากเปล่าครับ มันเอามือลูบแก้มผม พร้อมทำตาวาวๆ เหมือนเสี่ยกำลังตะล่อมเมียน้อยยังงัยยังงั้นเลย
“กูจริงจังนะฉาน มึงก็เล่นไปเรื่อย” ไอ้นี่ มันคิดว่า ผมเครียดซ้อมละครคณะอยู่หรือไงเนี่ย
“ อะ อะ ว่ามาๆ “
“จูบกูที”
“หาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” อะไรแม่งหายวะ สัดนี่ กูยิ่งประหม่าอยู่
“กูบอกว่าจูบกูที” มันทำหน้าตกใจใส่ด้วยครับ ยิ่งประหม่าไปใหญ่เลยผม ฮือๆ กูไม่น่าอยากรู้เล้ย ให้ภราดรกะนาตาลีเลิกกันสิ
“จัดให้ มามะ เมียจ๋า คืนนี้เป็นของพี่ฉานซะดีๆ” พ่อมันสิ กูขอแค่จูบ มึงไม่ต้องแถมคำว่า สามีเติม’s กะกูก็ได้
“เร็วสิๆ” ตอนนี้ผมหันหน้าไปหามัน หลับตาปี๋เลยครับ ในใจนี่เต้นโครมครามสุดๆ ผมว่า ผมควักมันออกมาวางบนโต๊ะก่อนได้มั้ย เต้นกระทุ้งอกกูอยู่ได้
ไอ้ฉานมันเงียบไปครับ
เชี่ย!!!!!!! ใจกูเต้นจนจะหลุดออกมาวาดสเตปข้างนอกอยู่แระ มันจะเงียบหานกเพนกวินอะไรของมันวะ
ผมค่อยๆเปิดเปลือกตามองดูสถานการณ์ครับ แต่สายตายังไม่ทันจะปรับสภาพกับแสงได้
ผมรู้สึกเหมือนลมพัดเฉี่ยวแถวๆ เปลือกปากผมวูบนึง
ผมกระพริบตาถี่ๆ วูบนึงเมื่อกี้ มันคือไอ้ฉานฉกเปลือกปากมันมาแตะกะริมฝีปากผมครับ วูบเดียวก็ถอนออก
“ ฉาน “
“หือ มีอะไร “
“จูบก็จูบให้จริงสิ”
“แล้วเมื่อกี้ กูเปิด วีทีอาร์ ให้มึงดูหรือครับเมีย “ ห่า กูนึกว่ามึงเปิดหน้าต่างแล้วลมพัด
“ไม่ใช่ กูหมายถึงใช้ลิ้นด้วยสิ”
“หืมมมม เดี๋ยวนี้เมียพี่ฉานโตเป็นสาวแล้วน๊า อยากกินลิ้นพี่ฉานก็ไม่บอก” เออ กูไม่ต่อปากกะมึงแระ จูบกูสักที อยากรู้จนเริ่มจะไม่อยากรู้แระ ใจกูเต้นจนเหนื่อยแล้ว อยากพัก
ไอ้ฉานมันค่อยๆขยับมาหาผมครับ มือมันค่อยๆดึงไหล่ผมเข้าไปหามัน มันสบตาผมแว่บนึง ก่อนจะเอาจมูกมันมาถูๆที่จมูกผม แล้วมันค่อยแตะริมผีปากมันกับผม ตอนที่ริมฝีปากเราสองคนเจอกัน ผมพยายามตั้งสติกับความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้านี้ ไอ้ฉานมันส่งลิ้นออกมาไล้แตะตามริมฝีปากผม ชั่วขณะที่ผมกำลังจะลังปิดเปลือกตาลงไป ปลายลิ้นมันก็ส่งเข้ามาในปากผม
วูบนึงผมตกใจ
นี่ผมกำลังทำอะไร
ผมอยากรู้อะไร
ใจผมมันบอกบอกว่า ผมควรจะหยุดเหตุการณ์นี้ไว้
แต่ทำไมมันกลายเป็นว่า ผมเปิดช่องว่างของโพรงปาก ให้ไอ้ฉานมานสำรวจมากขึ้น ลิ้นมันวนไปทั่วปากผม ควานไปมาเหมือนมันกำลังหาอะไรสักอย่าง
อ๋อ มันหาลิ้นผมนั่นเองครับ ยิ่งผมตวัดลิ้นหนี มันก็ส่งลิ้นมามาลุกไล่ควานหา
ยิ่งผมเบี่ยงหนีมันเท่าไหร่ เท่ากับผมเปิดโอกาสให้มันแนบชิดเปลี่ยนมุมลุกไล่ผมได้มากเท่านั้น
“อืมมมมมมมมม” นานเท่าไหร่ไม่รู้ครับ ที่ลิ้นผมกับลิ้นมันลุกไล่เกี่ยวพันกันในปาก
ในตอนแรกที่มันจูบผม
กลายเป็นเราสองคนกำลังจูบกัน
ตอนที่ผมสับสนกับความรู้สึกที่กำลังตีกันอยู่ในสมองนั้น ลิ้นไอ้ฉานมันตามลิ้นผมเจออีกครั้งครับ ครั้งนี้มันคงกลัวว่าผมจะพาลิ้นหนีมันอีก มันเลยดูดตอดปลายลิ้นผมย้ำๆ อยู่อย่างนั้น
ซาบซ่าน และเคลิบเคลิ้ม
เหมือนผมยืนอยู่ตรงปลายหน้าผา แล้วโดนผลักลงมา วูบนึงของความรู้สึก
การจูบกันมันเป็นยังงัย วันนี้ผมเพิ่งรู้ มันหวาน ใช่ มันหวานมาก เพราะถ้ามันไม่หวาน เราจะควานหากันและกันขนาดนี้เหรอ ใจผมมันรู้สึกเบาหวิวล่องลอย
ตอนแรกผมอยากรู้ว่า ถ้าผู้ชายจูบกับผู้ชายจะเป็นยังงัย โดยเฉพาะผมกับไอ้ฉาน ที่เราโตมาด้วยกัน
ตอนผมขอให้มันจูบ ถ้าไอ้ฉานมันโกรธแล้วหาว่าผมโรคจิต ผมจะทำยังงัย
แต่ตอนนี้ ผมกำลังจะตายหรือเปล่าครับ ทำไมผมรู้สึกล่องลอย อยู่ในที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเริ่มจะอึดอัด และผมพยายามจะดึงสติที่มีอยู่น้อยนิดกลับมา
“อือ อือ ฉาน พอก่อน” ผมตกใจตื่นหรือยังงัยครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเหนื่อย เหมือนวิ่งมาไกลแสนไกล
ผมอ้าปากจ้วงเอาอาการหายใจเข้าปอด เหมือนคนที่กำลังตกจากที่สูง แล้วโดนคว้ากลับขึ้นมาใหม่
“เมฆ กูขอโทษ มัน มัน มันทำให้มึงรู้สึกแย่หรือเปล่า เมฆ มึงอย่าเงียบสิ” ผมค่อยแหงนหน้าขึ้นช้าๆ ผมจะบอกมันได้ยังงัยหละครับว่าที่ผมผลักมันออกมาหนะ
เพราะว่าผมอาย
แล้วก็
“ปะ ป่าว มันรู้สึกดี แต่กูเหนื่อย แล้วเริ่มหายใจไม่ออกอะ มึงกินลิ้นกูนานไป” แทรกหน้าไปไว้ไหนดีวะเมฆ หน้าด้านเป็นที่สุด มึงขอให้เค้าจูบ พอเค้าจูบแล้วมึงเสือกบอกว่ารู้สึกดี โอยยยยยยยยย กูมุดโซฟาตอนนี้ทันไหม
“อ้าว กูก็นึกว่ามึงชอบ พอกูดึงลิ้นออก มึงก็ตามมาเกี่ยวกลับไปทุกที” มึงจะบอกกูทำม๊ายยยยยย
ตอนนี้สติกูเริ่มมา กูเริ่มรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว กูอาย ถึงเป็นพระอิศวร อวตารลงมาเกิดอย่างกู ก็อายเป็น ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ
“เมฆ อย่าไปอยากรู้อยากเห็นแบบนี้กะใครที่ไหนอีก แค่กูคนเดียวเมฆ กูขอแค่กูคนเดียว มึงรับปากกูได้ไหม”
ผมจะไปทำอะไรกะท่านฉานได้ นอกจากพยักหน้ารับปากมัน
“เพราะเป็นมึงไงฉาน กูถึงกล้า และกูคิดว่า ถ้าไม่ใช่มึง กูจะไม่มีวันกล้าทำแบบนี้กะใครอีกแน่” ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมตอบไอ้ฉานไปแบบนี้ครับ ผมคิดว่า คำตอบนี้มันออกมาจากลึกๆในใจนะ ว่าถ้าไม่ใช่ไอ้ฉาน ผมไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แน่ โดยเฉพาะ เรื่องทีไม่ใช่เรื่องปกติตามธรรมชาติ
“แล้วเป็นงัยมึง จูบกูหวานเหมือนจูบสาวๆมั้ย” หืออออออ แล้วมึงจะอยากรู้อะไรอีก ปล่อยให้กูแก้มแดงของกูไปคนเดียวจะได้มั้ย
“ไม่รู้เว้ยยยยยยยย กูไม่เคยจูบกับใคร” ก็จริงนี่ครับ ตั้งแต่โตมา มัวแต่ผูกชีวิตติดกะไอ้ฉาน เลยไม่มีโอกาสหาแฟนเลย งือๆ จนตอนนี้น้องแพท เป็นแฟนกะแดนดีทูบีไปแระ เซ็งครับเซ็ง นางฟ้าหลุดลอย
“และแล้วก็เป็นเมียพี่จริงๆแล้วนะที่รักจ๋า เพราะฉะนั้น ไปอาบน้ำสักที นี่มึงไม่สระผมอีกแล้วใช่มั้ย กูเข้าใกล้แล้วขมลงคอ”
เพราะแบบนี้รึเปล่าครับ เพราะไอ้ฉานมันเป็นคนแบบนี้ ผมถึงสนิทใจเวลาที่อยู่กะมัน เพราะมันไม่เคยทำให้ผมรู้สึกแปลก ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ มันไม่ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจ หรือคิดมาก ทั้งๆเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ผมขอให้มันจูบ แล้วมันก็จูบผม แล้วเราก็จูบกัน ที่สำคัญ ผมให้ความร่วมมือมันอย่างดีไม่มีขัดขืน
ผมยอมรับว่า ตอนที่เราจูบกัน ผมรู้สึกดีจริงๆ นะครับ ทำไมผมถึงรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้ฝืนธรรมชาติ ทั้งๆที่เราสองคนเป็นผู้ชาย
แล้วที่เราแลกลิ้นกันขนาดนั้น มันไม่คิดอะไรเลยเหรอครับ มันไม่รู้สึกอะไรเลยหรืองัยนะ
ว่ามันหนะกำลังจูบกับเพื่อนสนิทของมันอยู่
“มึงคิดยังงัยกะกูวะฉาน กูอยากรู้ “
“มึงคิดกะกูมากกว่าเพื่อน เหมือนที่ใครๆเค้าพูดกันมั้ย”
คำถามนั้น ผมกล้าถามมัน แต่เพียงในใจครับ