ตอนที่ 36

ผมแหงนหน้ามองฟ้า สูดหายใจลึก หวังให้อากาศบริสุทธิ์เข้าไปแทนที่ช่องว่างในปอด
อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ความจริงข้อนี้ ผมน่าจะรู้ดีและชินกับมันมาตั้งนานแล้ว
ผมรีบคว้าของที่ต้องการท้ายรถเร็วๆ หวังจะพาตัวเองไปให้ถึงห้องวีไอพีของโรงบาลให้เร็วที่สุด
โอกาสดีของผมยังมีอยู่บ้าง
ที่ร่างของไอ้บ้านั่นค่อยๆ ห่างออกไปจากที่ผมยืนอยู่เรื่อยๆ พร้อมโทรศัพท์ที่ยังแนบหู
ต่อให้อยากรู้แค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรรู้ การเดินตามเพื่อไปดักฟังคนคุยโทรศัพท์นั้น
ไม่ใช่พื้นฐานนิสัยของผมแน่ แล้วอีกอย่าง คนที่ผมอยากจะเดินตามเพื่อถามความจริงนั้น
เสือกเป็นบุคคลที่ควรประทับตรา
WARNNING ซะด้วยสิ
“ เป็นอะไรไอ้เมฆ ทำหน้ายังกะโดนใครดูดวิญญาณมา” เสียงไอ้ไผ่ที่ง่วนอยู่กับการเตรียมของกินตรงเคาน์เตอร์แพนทรีถามผม
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร กูเหนื่อยเฉยๆ” ผมตอบไอ้ไผ่ ก่อนจะวางถุงนอนพิงไว้ใต้เคาน์เตอร์
“แนะนำว่า ให้มึงเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนไปพบหน้าสามีมึงนะเมฆ กูจะบอกว่าไม่เนียนอย่างมากกับคำตอบเมื่อกี้ ผัวมึงซักยาวแน่ ถ้าเจอมึงสภาพนี้อ่ะ “ คำก็สามีสองคำก็ผัว ถึงผมอยากจะเข้าไปดีดปากแค่ไหน แต่ก็ยังสำนึกได้ว่ามันเตือนด้วยความหวังดี
ผมทำตามที่ไอ้ไผ่แนะนำแบบเชื่องๆ ในเมื่อมันบอกว่าล้างหน้าล้างตาแล้วจะปิดบังความกังวลในใจผมให้เนียนขึ้น
ผมก็ยินดีทำ ไอ้ไผ่พูดถูกทุกอย่าง ถ้าไอ้ฉานมันจับได้ แล้วเอาผมไปซักไซร้ไล่เรียง ผมเองก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้ว่า เรื่องทุกอย่างที่มันอัดอั้นอยู่ในใจผมจะพรั่งพรูออกไปทุกเรื่องไม่มียั้งอย่างแน่นอน
แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น........นรกแตกโดยไม่ต้องสงสัยแน่ๆ
ผมเดินออกมาเห็นไอ้ไผ่ จัดหมวดหมู่อาหารได้น่าปวดหัวมาก นี่มันมีงานจัดเลี้ยงหรือไงวะ อะไรมันจะมากมายขนาดนี้
“ไผ่ สั่งอะไรมากินกันวะ ไมมันแยะแยะ แล้วปนกันสับสนไปหมดงี้อ่ะ” ผมถามหลังจากที่กวาดตาไปทั่วทุกอณูพื้นที่เคาน์เตอร์ ไม่มีที่ว่างนอกจากเป็นที่วางของกินทั้งหมด
“ก็จะอะไรหละ พอมึงออกความเห็นว่าให้โทรสั่งอะไรง่ายๆมากิน ไอ้ยอนมันก็อาสาจะโทรสั่งแล้วลงไปเอาให้ใช่มั้ย”
ผมพยักหน้า ให้มันรู้ว่าผมฟังมันอยู่อย่างตั้งใจ
“แล้วทีนี้ก็ถามว่าจะให้สั่งอะไร พิซซ่า แมค เคเอฟซี MK คือกูก็ร่ายมาทุกยี่ห้อที่มันส่งให้อะนะ แล้วมึงก็รู้ว่าพวกเพื่อนๆเราแมร่งไม่ปกติคนกันอยู่แล้ว ไม่มีใครสรุปได้ว่าจะสั่งอะไรใช่ป่ะ พอมีคนเสนอว่าให้สั่งพิซซ่า อีกคนก็บอกว่า ไก่ก็อยากกิน แฮมเบอร์เกอร์ก็อยากกิน เถียงกันไม่จบไม่สิ้น บทสรุปเลยออกมาอย่างที่มึงเห็นเนี่ยแหละ” ไอ้ไผ่อธิบายเสียจนผมเห็นภาพความวุ่นวายในเวลานั้นเลยครับ บรึ๋ยยย!!!
“พวกมึงเลยสั่งมันมาทุกอย่างเนี่ยนะครับ ควาย “ ผมอดไม่ไหวที่จะชื่นชมมันด้วยถ้วยคำเสียดสีเล็กน้อยตามนิสัยที่ติดมาแต่กำเนิด
“เออ มึงจะโทษใครก็ไปโทษผัวมึงเลยนะ ผัวมึงนั่นแหละเป็นคนตัดสินใจว่าในเมื่อสรุปไม่ได้ก็สั่งมาทุกอย่างเลยแล้วกัน พวกกูจะไปเถียงอะไรได้ ทั้งหมดเนี่ย เงินมัน พวกกูอ่ะมากันแบบรีบๆ ไม่มีใครพกเงินมาเยอะขนาดสั่งพวกนี้ได้สักคน”
ไอ้ไผ่ มันสมควรกินน้ำตาแทนข้าวจริงๆนะ หลอกให้ผมแอบค่อนด่าไอ้ตัวต้นคิดเรื่องสั่งทุกอย่างอยู่ได้ ทำไมไม่บอกแต่แรกว่าความคิดไอ้ฉาน ไอ้ไผ่นี่มันสันดานจริงๆ
“มึงนี่โชคดีนะเมฆ ไอ้ฉาน นอกจากเรียนเก่ง หน้าตาดี กีฬาเยี่ยม เปี่ยมอุดมการณ์ แล้วยังใจป๋า ด้วยนะ เสียอย่างเดียว ตาต่ำมาเลือกมึงเนี่ยแหละหวะ” ผมกำลังพับแขนเสื้อ เข้าคลุกวงในสั่งสอนไอ้ไผ่ ที่มันปากเสีย แต่ฟ้ายังปราณีไอ้ไผ่อยู่บ้างที่ส่งกรรมการห้ามมวย เป็นคนที่พวกผมกำลังพูดถึงอยู่พอดี
“อะไรไอ้เชี่ยไผ่ เอะอะโวยวายนินทาอะไรกู ไอ้มาจัดของกินแค่นี้ อ้าวเมฆ กำลังจะลงไปตามอยู่พอดี ไปเอาถุงนอนแค่นี้มึงไปทำไมตั้งนานวะ” ไอ้ฉานมันใส่ไอ้ไผ่เป็นชุดไม่เท่าไหร่ แต่พอหันมาแล้วพบว่ามีผมอยู่ด้วย มันเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมแทนนี่สิ
แย่ แย่ แพ้สายตาคมคู่นั้นทุกที จะมองสำรวจอะไรกูหนักหนา ตั้งแต่หัวจดเท้า ทำยังกะไม่เคยเห็นไปได้ ไอ้หน้ากูปรีหนีน้ำ
“ทำปากขมุบขมิบอะไร แล้วทำไมหน้าซีดๆ ไหนมาดูดิ๊” ไอ้ฉานสาวเท้ามาประชิดตัวผมในชั่วเวลาแค่ได้หายใจเข้าแต่ยังไม่ทันได้หายใจออก มือมันก็จับข้อมือผมแล้วอะ แล้วตัวผมก็ต้องปลิวตามแรงดึงของไอ้บ้าพลังตรงหน้า มาที่โซฟามุมห้อง
ไอ้ห้องรับรองญาติของโรงพยาบาลนี้ อะไรก็ดีหมดยกเว้น ห้องนี้มันกว้างเกินไปสำหรับผม สำหรับนาทีวิกฤติแบบนี้ แล้วก็จะมีเฟอร์นิเจอร์เยอะไปไหน โซฟาตั้งสองชุดสามชุด ไอ้ฉานพาผมมาจับจองโซฟาคู่มุมห้องด้านซ้ายติดระเบียง จะว่าเป็นมุมส่วนตัวก็ส่วนตัว เพราะตอนนี้ ไอ้ฉานมันเอาตัวมันเองบังสายตาผมจากเหล่าเพื่อนฝูงเสียมิดชิด อยู่ในบริเวณเดียวกันแต่ไอ้ฉานก็สามารถสร้างบรรยากาศให้เสมือนโลกนี้มีแต่ผมกับมันแค่สองคนได้ ผมชื่นชมมันจากใจจริงๆนะเนี่ย
เพื่อนฝูงลิงทั้งหลายก็ดูจะเป็นใจ แย่งชิงของกินกันแบบไม่สนใจเลยว่า มุมห้องกำลังจะมีเพื่อนอีกคนตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน พวกมันดูจะเต็มใจที่จะสนใจของกินตรงหน้า แล้วทำเหมือนกับว่าผมและไอ้ฉานเป็นอากาศธาตุสำหรับพวกมันเสียอย่างนั้น จะมีที่สนใจอยู่บ้างก็แค่เด็กข้างบ้านไอ้ไม้ ที่สนิทกับพวกผมอย่างรวดเร็วมองมาด้วยความสงสัยเป็นระยะ ไม่นานน้องปลื้มก็ปรับตัวได้ สนใจของกินต่อไป ไม่สนใจผมกับไอ้ฉานอีกเลย
“เมฆเป็นอะไร หน้าตามึงดูไม่ดีเลยนะ” คำถามแรกผมต้องตอบแบบไหนถึงจะดีนะ
“ไม่ดียังไงเหรอ” มันเป็นเทคนิคยืดเวลา ที่ผมงัดเอามาใช้ ในช่วงที่ต้องเรียบเรียงคำพูดอย่างหนัก
“ก็ดูออกว่ามึงกำลังมีเรื่องหนักใจอยู่ก็แล้วกันอ่ะ มีอะไรบอกมา” มันก็ยังเป็นไอ้ฉานที่ยังไงก็อ่านผมออกอยู่วันยังค่ำ
“หน้ากูบอกขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมเอามือลูบหน้าตัวเอง เหมือนกับว่า ใบหน้าผมมีฉลุลายอักษรเบลล์ยังไงยังงั้น
“กับคนอื่นกูไม่รู้ แต่กูดูออกตั้งแต่แรกเห็นเลยอ่ะ” มึงจะอัจฉริยะเรื่องของกูมากไปแล้วฉาน แมร่ง
“เร็วดิเมฆ” มันเร่งเอาคำตอบจากผม มือมันก็คว้ามือที่ผมยกขึนลูบหน้ามากุมไว้ เหมือนยึดของกลางไว้ก่อน แต่กูไม่ใช่นักโทษนะไอ้บ้า
“วันนี้แม่โทรมาอ่ะ ตอนที่เอ่อ ไอ้เชี่ยนั่นกับพ่อมันมาอ่ะ” ผมเริ่มเล่า ไอ้ฉานได้แต่พยักหน้าตามที่ผมพูด
“เอ่อ แล้วมึงไม่หิวเหรอฉาน” ดูไอ้ฉานมันจะขัดใจมากที่ผมเล่นตัว แต่ กูไม่ได้อยากเล่นตัวเว้ย กูแค่กลัวหลุดเล่าเรื่องที่ไม่ควรเล่าเข้าใจกูหม้ายย.....สาด อนาถใจตัวเอง
“ตอนนี้ไม่ แล้วถ้ามึงยังยึกยักนะเมฆ กูสัญญาเลยว่ากูจะกินมึงต่อหน้าเพื่อนแทนข้าว จะเล่าได้ยัง”
“มึงขู่”
“กูไม่ได้ขู่ หรือมึงอยากลอง หืมม์ โอเคนะ พร้อมมั้ย” มันทำตากะล่อนวับวาวใส่ ผมรู้ว่ามันกล้า แล้วมันรู้มั้ยว่าผมโครตอาย
“กูเล่าแล้ว มึงตั้งใจฟังดีดี มือมึงอยู่นิ่งๆดิฉาน” ผมดุมันครับ เพราะมือมันเริ่มเลื้อย ผมไม่ไว้ใจมันแน่ ไอ้ฉานมันไม่ขู่อย่างเดียวอยู่แล้ว มันเอาจริง ฮึ่ยยย....
“ว่ามาเมฆ เร็วๆดิ มึงอย่ามาลีลาเหมือนเด็กๆนะ ชอบเห็นความห่วงใยของกูเป็นเรื่องล้อเล่นชอบเห็นตอนกูบ้าเหรอ หา” มันเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ตะคอกใส่ผมแล้วอ่ะ กูกลัวนะเว้ยไอ้หมาบ้า
“เฮ้ยๆ ไอ้ผัวเมียคู่นั้นอ่ะ มึงเคลียร์เรื่องภายในครอบครัวกันเบาๆหน่อยได้มั้ย พวกกูกินไปลุ้นชิบฉาย กระดูกไก่แมร่งจะไหลลงคออยู่แล้วเนี่ย” ไม่ต้องเดาครับพี่เมฆเฉลยให้ ปากแบบนี้มีไอ้หน่าคนเดียวครับ
ไอ้ฉานมันแค่หันไปมองปรามเพื่อนๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากหันมาทำตาขวางกับผมต่อ
“แม่เค้าโทรมาบอกว่า อันดาร่ำร้องจะมาติวที่กรุงเทพอ่ะ แต่แม่เค้าไม่อยากให้มา ไม่อยากให้ไกลหูไกลตา เค้าเลยต่อรองแค่ที่หาดใหญ่ กูเลยเสนอไปว่า ถ้าน้องอยากมาก็ให้มา มาอยู่กับแม่นิ่ม เสาร์อาทิตย์กูกลับบ้านจะช่วยดูแลให้” ไอ้ฉานมันหยุดการระรานผมในทุกทาง แล้วตั้งใจฟัง
“มึงก็เสนอแม่มึงในทางที่ถูกแล้ว แล้วจะมาคิดมากเรื่องอะไรวะ หืมม” ครั้งแรกของวันที่ผมเห็นไอ้ฉานมันยิ้ม ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ยิ้มสั้นๆ แต่ผมก็ว่ามันยิ้มนะ ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองเลยครับผม
“พอดีอันดามีแฟน แม่เค้าเลยกลัวว่าเอาเรียนมาอ้าง จริงๆแล้วคงอยากมาอยู่ใกล้แฟนอ่ะ” สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ว่าแน่ พี่เมฆว่าแพ้สิ่งที่เห็นตรงหน้าครับ ไอ้ฉานมันหัวเราะ ก่อนจะเอามือมายีหัวผม โยกไปโยกมา เอาเป็นว่าผมเริ่มเคลิ้ม เอ้ย ไม่ใช่ ผมเริ่มมึน ไอ้ฉานมันเลยอาศัยช่วงชุลมุน ดึงผมไปกอดแล้วฝังจูบมาบนขมับผมทีนึง แค่พอสะดุ้ง ผมเริ่มลนลานแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัวนะครับ เพื่อนอยู่กันเต็มห้อง ถึงพวกมันจะสนใจของกินตรงหน้ามากกว่าผมสองคน แต่ถ้ามีเพื่อนคนไหนเผลอหันมาหละ ผมไม่ต้องโดนล้อไปยันศตวรรษหน้าเลยเหรอครับ
“ฉาน มึงเล่นอะไรเนี่ย กูเครียดนะเรื่องนี้อ่ะ” มันยิ้มอีกแล้ว เอาเลยฉาน มึงยิ้มเลย เอาให้เยอะๆ เอาให้กูเคลิ้ม ให้กูละลาย เอาให้กูสลายไปตรงหน้ามึงเลยนะครับเชี่ยยยย!!!
“ก็มึงอะ เครียดได้น่ารักเกิ๊นนนน” มันประชดครับ อย่าไปหลงกลมัน
“กูยังเล่าไม่จบ ตอนกูลงไป กูเจอไอ้เชี่ยนั่น”
“มันยังอยู่ทำเหี้ยอะไร แล้วมันมาหาเรื่องมึงเปล่า” ไอ้หน้ากูปรีมันไร้มารยาท มันโพล่งขึ้นมาทั้งที่ผมยังเล่าไม่จบ ไอ้บ้านี่ มันจะรู้มั้ยว่า กว่าผมจะลากเรื่องมาถึงตรงนี้ได้ ผมต้องกลั้นหายใจไปเท่าไหร่ รวบรวมความกล้านานแค่ไหน พอทำใจได้ กะว่าจะเล่ารวดเดียวจบแบบไม่มีพิรุธให้มันจับได้ในน้ำเสียง แต่เจอมันขัดจังหวะแบบนี้ พี่เมฆก็แย่สิครับ หลบตามันเป็นพัลวัลเลยทีเดียว จะจ้องอะไรกูหนักหนา
“ไม่ใช่หนังการ์ตูนนะฉาน คนตั้งมากมายมันจะทำอะไรกูได้ (แค่โดนจับมือนิดหน่อยพี่เมฆไม่ถือว่าโดนรังแก พี่เมฆนะครับไม่ใช่ดาวพระศุกร์ จับมือพี่เมฆไม่ถือว่าคือการเสียตัว) ก็แค่มองหน้ากันนิดหน่อย แล้วพอดีโทรศัพท์มันมาแล้วมันก็รับโทรศัพท์ กูไม่ได้แอบฟังนะ แต่มันพูดเสียงดังเองอ่ะ กูเลยรู้ว่ามีผู้หญิงโทรหามัน แล้วผู้หญิงคนนั้นชื่ออันดา” ผมกลั้นใจเล่ามันจนจบครับ ถึงรายละเอียดบางเรื่องจะไม่ครบ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เล่าเลยละนะ
ไอ้คนตรงหน้าผมพอมันฟังจบ มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะมากกว่าเมื่อกี้ให้ผมต้องตาโต ไม่ใช่ผมคนเดียวนะครับที่แปลกใจกับเสียงหัวเราะไอ้ฉาน เพื่อนๆที่ผมคิดว่ามันสนใจของกินตรงหน้ามากกว่า ยังหันมามองเลยครับ ไอ้แกละกับไอ้หวาน พิซซ่ายังคาปาก ไอ้ยอนนั้นน่องไก่ยังคามือ คนอื่นๆก็มีสภาพไม่ต่างกัน
“พวกมึงมองอะไรวะ กินไปสิ ผัวเมียเค้าเคลียร์กันอยู่ สอดเข้ามาเดี๊ยวกูคว่ำโต๊ะซะดีมั้ย” ไอ้ฉานหันไปขู่ครับ เดอะแกงค์เลยก้มหน้าก้มตา ทำกิจกรรมฟาดของฟรีกันต่อ ผมรู้ว่าพวกมันแกล้งตกใจ ตอนนี้พวกมันทำทีเป็นสนใจอาหารตรงหน้า แต่ว่าหูพวกมันอ่ะ เรดาห์ดีๆนี่เอง
“มึงเลยหลอนว่า จะเป็นอันดาน้องมึงเหรอเมฆ ชีวิตคนนะเว้ยไม่ใช่ละคร แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่มึงกลัวจริงๆ อันดาจะโกรธพี่เขยมั้ยวะ ถ้าเกิดวันไหนกูสั่งฆ่าแฟนอันดาขึ้นมา “ ไอ้ฉานยิ้มเต็มหน้า สองมือมันประคองหน้าผมไปประจันหน้ากับมันก่อนจะโยกไปโยกมา ผมหมั่นไส้เลยได้โอกาสต่อยท้องมันไป เอาแค่พอรู้สึกครับ ไม่ได้ลงแรงอะไรมากมาย
“โอ้ย ใช้กำลังกับสามีเหรอมึง เอาน่ายิ้มให้กูดูก่อน อย่าคิดมากนะ ยังไงมึงก็ไม่ต้องเผชิญอะไรๆ คนเดียวอยู่แล้วหละ จริงมั้ยจ๊ะเมียจ๋า” พี่เมฆขอยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ มันรวดเร็วจนพี่เมฆไม่ทันได้ตั้งตัวจริงๆนะครับ
ช่วงเวลาเสี้ยววินาที ที่พี่เมฆกำลังคิดหาวิธีเอาคืนไอ้ฉานด้วยความหมั่นไส้อยู่นั้น ไอ้ฉานมันก็แค่โน้มหน้าพี่เมฆเข้าไปหา แล้วมันก็เอาปากมาประกบปากพี่เมฆ ก็แค่นั้น ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป้าหมายไปงับเบาๆที่ปลายจมูก แล้วผละออกมามองด้วยสายตามีความหมาย แล้วพี่เมฆจะทำอะไรได้ นอกจาก
ช็อคและอึ้ง!!!!!! ไอ้ห่าฉานมันไม่อายแต่กูอายหวะครับ ไอ้บ้า ต่อหน้าเพื่อนเลยนะเว้ย ถึงมันจะรวดเร็วมากจนพี่เมฆตั้งรับไม่ทันก็เถอะ
“ไอ้บ้า พูดเหมือนมึงกับกูเป็นคู่รักยม” ผมรู้ว่ามันเป็นมุขที่ห่วยที่สุดที่สรรหามาได้ แต่จะให้ทำยังไงละครับ ตอนนี้พี่เมฆกำลังเขิน เลยว่าไอ้ฉานแก้เก้อไปได้แค่นั้น
“กูรักมึงนะเมฆ รักมาก (มันเน้นคำว่ามาก) เพราะฉะนั้น มึงเชื่อใจกูได้มั้ยว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะอยู่กับมึง” คำพูดมันทุกคำ หนักแน่น มั่นคง ผมรับรู้ทั้งหมดนั้น จากสายตาที่มันจ้องมองผม แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากพยักหน้าให้มัน ผมตอบรับคำสัญญามันด้วยการแตะริมฝีปากไปกับปลายคางสากๆนั้นเร็วๆ แค่นี้ฉาน สำหรับวันนี้ กูจะยอมสาวแตก เพื่อแลกกับรอยยิ้มแรกของวันจากมึงเพียงแค่นี้ แล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมจะอายกับความกล้าแค่ชั่ววูบของตัวเอง แล้วซบหน้ากับหน้าอกมันหนีอาย
มันช่วยไม่ได้จริงๆนะครับ......ผมสาบานได้ ว่าไม่ใช่มารยา
ว่าแต่ว่าไอ้ฉานมันจะยิ้มเริงร่าอะไรนักหนาวะครับ
โอเคครับ กาแลคซี่ช่วยเป็นพยาน ผมเชื่อแล้วว่า ดวงตะวัน เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาลจริงๆครับ“พี่ๆคร๊าบบบบบ พี่ๆ พี่ฉาน พี่เมฆ พี่หน่า พี่ไผ่ พี่แกละ พี่หวาน พี่ยอน พี่นที พี่ดิวคร๊าบ พี่ไม้ตื่นแล้ว เร็วๆครับ พี่ไม้ตื่นแล้ว” ไอ้น้องปลื้มมันคลุ้มคลั่งเรียกชื่อพวกผมทุกคนครบแบบไม่มีตกหล่น วิ่งไปวนหน้าวนหลังคนนู้นทีคนนี้ที
วงแตก! โดยไม่ต้องสงสัย
กำลังเคลิ้มๆ ผมต้องดีดออกจากอกไอ้ฉานด้วยความไวเสียง น้องปลื้มไอ้เด็กวายร้ายข้างบ้านไอ้ไม้ มันผลุบหายไปในห้องไอ้ไม้ตอนไหน ผมไม่รู้ แต่ตอนนี้ มันหน้าตาตื่น มากระโดดร้องดีใจ ว่าไอ้ไม้ฟื้นแล้ว ผมกับไอ้ฉานและเพื่อนๆทั้งโขยงกรูเข้าไปหาไอ้ไม้ โดยพร้อมเพรียงกัน
“ยินดีต้อนรับกลับโลกมนุษย์อีกครั้งนะเพื่อนไม้ มึงหลับไปเกือบครบ 24 ชั่วโมงแล้วนะเว้ย” เสียงร่าเริงของพี่เมฆเองครับ กูร่าเริงกลบฉากเมื่อกี้ มีใครข้องใจอะไรมั้ย ถ้าข้องใจ เคลียร์กันได้กับฉานแสงแฟนผมเลยครับ กูจะเชียร์ให้กำลังใจเฉย
ผมผิวปากยักคิ้วให้ไอ้หน่า เพราะผมรู้ว่ามันจะพูดอะไร .....ช้าไปหวะเพื่อน อย่าริอาจจะแซวกูให้อายตอนนี้
อยากจะบอกว่า เห็นทุกคนเครียดแล้วกลุ้มใจ เลยเข็นตอนนี้มาให้ระบายอารมณ์ นิยายเรื่องนี้ นอกจากไม่เศร้าแล้วก็คงจะไม่ดราม่าเลือดนอง น้ำตาไหล อะไรขนาดนั้นนะ เป็นฟิคที่รักกันไปวันๆสนองอารมณ์คนแต่งและคนลงเรื่อง อาจจะมีเครียดบ้าง ที่นายเอกแสนห่ามของเรา ความแมนแบบโก๊ะๆ จะไปสะดุดตาใครต่อใคร
ส่วนเรื่องป้ายชื่อขอบคุณดิ้นได้ ขอลงของเก่าไปก่อนนะ อันใหม่กำลังดีไซน์และปั่นอยู่จ้า ศิลปะมักจะมาจากอารมณ์
องค์อาร์ตไม่ประทับทรง เลยไม่มีอะไรมาให้ชม อย่าว่ากันนะ.....
๐ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ตามกันมาตั้งแต่ตอนแรก จนถึงตอนนี้
ขอบคุณค่ะ...... 
ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนด้วยนะค่ะ ๐..... 
===================================
ดีนะที่คลี่คลาย ไม่งั้นคนเขียนจิโดนมิใช่น้อยๆ
