Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ชอบเรื่องนี้หรือเปล่า

เฉยๆๆ
18 (5.9%)
ชอบ
280 (92.1%)
ไม่ชอบ
6 (2%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 181

ผู้เขียน หัวข้อ: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ( พิเศษ ) ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ หน้า ๓๔  (อ่าน 306128 ครั้ง)

ออฟไลน์ jantaro

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 16 Mar 18, 2010
«ตอบ #90 เมื่อ18-03-2010 23:11:31 »

 :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #91 เมื่อ19-03-2010 07:35:37 »

               บางทีความในใจมันก็ยากเหลือเกินที่จะอธิบาย
               บางทีความเจ็บปวดในใจมันก็ ยากเหลือเกินที่จะแบ่งปัน



                             ตอน สิบเจ็ด




ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า เสียงเต้นของอะไรสักอย่างดัง ตุ๊บๆ อยู่ข้างหู ผมลืมตาขึ้นห้องยังคงมืด แม้จะมีแสงสว่างลอดเข้ามาตามผ้าม่านแล้วก็ตาม ผมขยับตัว ก็โดนกับคนตัวใหญ่ที่นอนอยู่ติดกัน ใช่สิเรื่องเมื่อคืน พลันผมก็คิดไปถึงเรื่องที่ตามมา มันจะเป็นยังไงนะนับจากนี้ ไม่น่าเลยเรา แค่ความหวั่นไหวชั่ววูบ มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป จะมองหน้าอาจารย์ปริศนายังไง จะบอกแม่ว่าอะไร ความคิดในแง่ลบวนเวียนอยู่ในหัว ผมมองดูมันนอนหลับอย่างสบายใจ แปลก ผมเองก็หลับสบาย รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ไม่เคยมีใครนอนกอดผมข้ามคืน แม้แต่พี่ตั้มเองก็ไม่เคย ผมมองดูตัวเองในผ้าห่ม นอนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของมันเหมือนเด็กที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่ ผมขยับตัวแกะแขนมันออกจากตัวแล้วลุกขึ้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคิดไปในทางนั้น มันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่เคยชอบมันเลย อีกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

"จะไปไหนคะ"

มันงัวเงียถาม ผมไม่ตอบมันพยายามดันตัวลุกขึ้น ทั้งที่ตายังลืมไม่เต็มตา

"โอ๊ย แขนผม"

มันร้อง แล้วกลับไปนอนเต็มหลัง

"โอ๊ย มันชา เจ็บจังเลยพี่"

มันร้องทำหน้าเหยเก ผมนั่งมอง เพราะคิดว่ามันคงแสดงละครอีก แต่ดูท่าคงไม่ใช่เพราะมันคงเหน็บกินจริงๆ

"ก็นอนแบบนี้ทั้งคืน มันก็ชาสิ ไหน"

ผมพูดประชด แต่ก็เข้าไปยกแขนมันมาบีบนวด แต่มันก็ร้อง เจ็บๆ อยู่ตลอด แขนข้่างที่โดนกัดก็ยังเป็นแผลพันผ้าอยู่ ข้างนี้จะพิการอีกไหม

"ค่อยยังชั่วหรือยัง"

ผมถาม แต่ก็ยังไม่หยุดนวด

"ยัง มันยังชาๆ อยู่เลย จะพิการไหมเนี่ย"

"อืม คงใช้ไม่ได้แล้วล่ะแขนข้างนี้"

"ไม่เป็นไร ถ้าพี่จะนวดให้ผมทุกวัน"

มันยังมีหน้ามาพูดเล่น ผมบีบแรงขึ้นจนมันร้อง แสดงว่าไม่เจ็บแบบเหน็บกินแล้ว

"พอล่ะ น่าจะไม่เป็นไรแล้ว"

ผมลุกขึ้น มันคว้าตัวไว้ทันที

"จะไปไหนคะ ไม่ให้ไป"

ผมกลับมานอนอยู่ท่าเดิม พูดตามจริงผมรู้สึกแปลกๆ แต่มันก็เป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่มีทาง

"ไปเข้าห้องน้ำ"

ผมพูดเสียงแข็ง แต่มันยังคงนัวเนียอยู่ สักพักมันจึงยอมปล่อย

"ผมรู้สึกดีจริงๆเลยพี่ รู้งี้เอาพี่เป็นแฟนตั้งนานล่ะ ไม่ปล่อยไว้นานแบบนี้หรอก"

ผม ไม่สนใจฟังหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ พอเสร็จผมก็ลงไปข้างล่างเลย ไปนั่งเหม่ออยู่ในครัว คิดไม่ออก กลุ้มใจ สมองมันตื้อไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ไม่พอผมเดินออกไปจะรดน้ำต้นไม้ แต่ก็นั่งเหม่ออยู่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน เปิดน้ำอยู่อย่างนั้น ไม่มีต้นไม้ต้นไหนโดนน้ำ อาจารย์ปริศนาอุตสาห์ไว้วางใจให้คอยเป็นพี่ คอยบอกคอยสอน แม่เองก็วางใจ เพราะเชื่อใจผมมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แล้วผมทำอะไรลงไป ผมทำลงไปได้ยังไง ทำไมปล่อยให้กิเลสมันครอบงำจิตใต้สำนึก ทำไมปล่อยให้ตัวเองหน้ามืดตามัวไปแบบนั้น แล้วผมจะสอนมันต่อยังไง แล้วผมจะมองหน้ามันยังไงในฐานะ ครูกับศิษย์ นั่งอยู่นานแสนนาน ผมจึงลุกมาเจียวไข่ พอเสร็จก็ไปตามมันลงมากินข้าว มันยังคงละลาบละล้วงผมเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่พูดอะไร

"เอ เรามาคุยกันเรื่องเมื่อคืนเถอะ"

ผมโพล่งออกมา แต่กว่าจะพูดมันออกมาได้มันแสนยากเย็น เหมือนมีใครมาคอยปิดปากเอาไว้

"ผมยังทำไม่ถูกใจเหรอ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปต่อกัน"

"เรื่องเมื่อคืน ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ"

ผมยังคงพูดต่อไม่สนใจคำยั่วยุของมัน

"พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นละกัน"

เสียงผมแผ่วเบาเหมือนกระซิบ มันเงียบทันที

"ทำไม พี่รังเกียจผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องให้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมทำ ไม่ใช่เพราะคะนอง"

มันจ้องหน้าผม เสียงแข็ง นับเป็นครั้งแรกที่เห็นมันดูจริงจังกับคำพูดขนาดนี้

"แล้วแต่เราจะคิด แต่พี่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นผลดีกับเราทั้งสองคน พี่เป็นคนสอนเธอนะ พี่ทำใจไม่ได้"

"งั้นก็ไม่ต้องสอนแล้ว ถ้าพี่ลำบากใจ แค่พี่คบกับผม"

"เอ เธอไม่เข้าใจหรอก แม่เธอล่ะ จะว่ายังไง แม่พี่ล่ะจะคิดยังไง มันเป็นไปไม่ได้ เอ"

ผมพยายามอธิบาย

"ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ ทีพี่คบคนอื่นแม่พี่ยังไม่ว่า แล้วคบกับผมมันจะเสียหายตรงไหน"

" มันไม่ใช่แบบนั้น เข้าใจพี่ด้วย เรายังมีอนาคตอีกไกลนะ เอ อย่ามาเสียคนเพราะพี่ อย่าทำแบบนี้ พี่อยากให้เราเป็นในสิ่งที่เราหวังไว้ พี่อยากเห็นเรามีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ใช่แบบพี่"

น้ำตาผมคลอเบ้า รู้สึกหดหู่เหลือเกิน รู้สึกยากเกินจะอธิบาย ไม่อยากให้มันเป็นเหมือนผม เหมือนผม คำๆนี้รู้สึกอายตัวเองเหลือเกิน ผมเป็นตัวประหลาดไปแล้วหรือ ผมแย้งตัวเองในใจ ทั้งที่ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกอายตัวเองเลย นอกจากวันนี้

"เราคบกันผมก็ไปถึงสิ่งที่ผมหวังไว้ได้เหมือนกัน เราคบกันมันก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นได้เหมือนกัน ทำไมพี่"

"เอ"

ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกตันจุกอยู่ที่คอ ไม่ได้อยากร้องไห้ให้มันเห็น แต่น้ำตามันก็ไหลออกมา

"ผมไม่สนใจหรอก ว่าแม่หรือ แม่อรจะว่าอะไร ผมจะบอกท่านเอง ว่าผมจะคบกับพี่"

"เอ ถ้าเธอทำแบบนั้น ชาตินี้เราไม่ต้องเจอหน้ากันอีก"

ผมตะโกนทั้งน้ำตา มันนิ่ง ตาแดงเหมือนกัน

"สรุป มันเพราะอะไร พี่ ทำไม พี่ถึงไม่อยากคบกับผม ทำไม"

มันเสียงดังเหมือนกัน น้ำตาคลอเบ้า

"มันเป็นไปไม่ได้ เอ เข้าใจพี่ไหม มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง"

"ผมไม่สน คอยดู ผมจะทำให้พี่เห็นว่าเราคบกันได้ พี่คอยดู"

มัน ลุกขึ้น เดินออกไปจากบ้าน ผมนั่งหมดอาลัย น้ำตาไหลไม่รู้จะทำยังไง โทษตัวเองที่ให้เรื่องมันลามมาถึงขั้นนี้ พอใจหรือยังล่ะ ผมด่าตัวเอง ผมร้องไห้อยู่นานจนน้ำตาแห้งไปเอง ความคิดต่างๆนานาสุมเข้ามาในหัว คิดจนรู้สึกมึนๆหัว ไม่มีใจจะทำอะไร ผมกลับขึ้นไปนอนต่อ นานแค่ไหนไม่รู้ตื่นขึ้นตอนแม่มาเขย่าตัว

"โยๆ เป็นอะไรไปลูก"

แม่ถาม ผมงัวเงียจะลุกขึ้นแต่รู้สึกหนักหัวเหลือเกิน

"นั่นเสื้อผ้าตาเอหรือเปล่าลูก น้องมานอนนี่เหรอเมื่อคืน"

แม่ถามแต่ผมยังคงหลับตาเอามือกดขมับ ปวดหัวเหลือเกิน

"ปวดหัวหรือลูก"

แม่ถามอย่างห่วงใย พลางลูบผมแล้วจับหน้าผาก

"นอนเถอะ เดี๋ยวแม่ไปทำข้าวต้มให้"

แม่ นั่งมองผมอยู่สักพักก็ลงไปจากห้อง แม่คงรู้แล้วว่าผมผิดปกติไป เพราะนอกจากจะไม่พูดสักคำ ผมยังเอาแต่หลับตา ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ใจ ร้อนรนเหลือเกิน อยากลงไปคุยกับแม่ แต่ก็หนักหัวเหลือเกิน ปวดไปทั้งท้ายทอยลามขึ้นมาขมับ

ตอนเช้าผมก็ตื่นไม่ไหว ปวดหัวยิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อคืนนอนคิดทั้งคืน แม่เองก็คงห่วง เพราะเดินมาดูผมหลายรอบ พอพ้นสายตาแม่ผมเองก็สะท้อนใจร้องไห้ไม่รู้กี่ที ทั้งอาทิตย์ผมพยายามทำตัวให้ยุ่งมากที่สุด ตอนทำงานพอว่างจากงานของตัวเองก็อาสาช่วยพี่ๆ จนพลมันสงสัย ผมเล่าให้มันฟัง แปลกที่มันไม่พูดไร้สาระ แต่กลับพูดให้กำลังใจผม มันคงเห็นสภาพ จ๋าเองก็คอยโทรมาตลอด ที่จริงพวกมันจะนัดเจอ แต่ผมไม่อยากจะคุยอะไรมาก อยากอยู่คนเดียว แต่พออยู่คนเดียวผมก็คิดมาก จึงพยายามทำทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่หน้าบ้าน จนถึงหลังบ้าน แม่เองก็คงสังเกตุได้ว่าผมแปลกไป ผมพูดน้อยลงแม้จะพยายามทำตัวร่าเริงเหมือนเดิม แต่แม่คงรู้ เพราะท่านเลี้ยงมาของท่าน มีหรือเรื่องแค่นี้แม่จะไม่รู้

"โย ไหนมาคุยกันหน่อยสิลูก"

แม่เดินมานั่งตรงม้าหินอ่อน บอกผมที่กำลังแต่งกิ่งมะลิอยู่ ผมรู้สึกร้อนวูบเสียวสันหลัง ร้อนๆหนาวๆ จ๋ามันคงไม่บอกแม่หรอกนะ ผมคิด

"เป็นอะไรไปลุก ดูมีอะไรในใจ"

แม่จ้องหน้าผมที่นั่งก้มหน้ามองพื้น

"ไม่มีอะไรนี่แม่ โยแค่เหนื่อยๆ"

"เรื่องน้องเหรอ ลูก"

ผมสะดุ้ง มองหน้าแม่ จ๋ามันบอกแน่ๆ

"เอ้อ ไม่นี่ครับแม่ น้องมันก็ตั้งใจเรียนดี ไม่มีอะไรนี่ครับ"

ผมพุดตะกุกตะกัก

"มีอะไรกันหรือเปล่า ดูเราไม่สบายใจเลย"

มีอะไรกันหรือเปล่า ผมไม่ได้ดีความหมายไปในทางเดียวกับแม่ มีอะไรกัน ใช่ครับแม่ เรามีอะไรกัน ผมถึงต้องมานั่งทุกข์อย่างนี้ไง

"ไม่มีนี่แม่ ไม่มีครับ"

ผม ร้อง โบกไม้โบกมือ ปฏิเสธสุดตัว แม่มองหน้าผมแล้วถอนหายใจ ที่จริงผมไม่เคยปิดแม่สักเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องไหน รู้สึกละอายใจเหลือเกิน ขอโทษนะครับแม่ ผมพูดไม่ได้จริงๆ ผมบอกแม่ไม่ได้

"โย เป็นอะไรไปลูก แม่บอกแล้วนี่ จะพูดอะไร จะทำอะไร ให้ตรองให้หนัก อย่าให้ใจนำเสียทุกเรื่อง แม่ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่ไม่ว่าหรอก สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ทำอะไรกับมันได้ แม่เชื่อว่าโยคงพยายามแล้ว อย่ามานั่งเป็นทุกข์นะลูก เพราะเราไม่ได้ทุกข์คนเดียว แม่เองก็เป็นทุกข์ เพื่อนๆ ก็เป็นทุกข์ สิ่งที่ผ่านก็ให้มันผ่านไป หน้าที่ของเราคือประครองน้องมันให้ไปให้ถึงสิ่งที่เขาหวังไว้"

ผมก้ม หน้าซบแขนตัวเอง ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย แม่รู้แล้ว ผมอายแม่เหลือเกิน แม่ลูบหลังผมเบาๆ เพราะนานแล้วตั้งแต่เด็กๆ ที่แม่เห็นผมร้องไห้ ผมเสียใจที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นไปในทางนี้ ผมเสียใจนะครับแม่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:23:48 โดย eiky »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #92 เมื่อ19-03-2010 08:09:29 »

สงสารโย :monkeysad:
คุณแม่ห้ามใช้ใจนำทาง
กลุ้มแทน  :เฮ้อ:

+1 เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ aorta999

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #93 เมื่อ19-03-2010 10:43:24 »

มันจะเป็นยังไงต่อล่ะ......


ให้กำลังใจคราบบบบบบบ

jadezii

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #94 เมื่อ19-03-2010 18:22:10 »

ไม่ได้เข้ามาอ่านแค่ไม่กี่วัน = ='
เยอะมากกกกกก เลยค่ะ
ตามอ่านไม่ทัน :z3:

จะทยอยอ่าน นะ TT :impress3:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #95 เมื่อ19-03-2010 18:54:58 »

อร๊ายยยยยยยยยยยย ทำไมหนูคิดมากหลายเรื่องจังค่ะ เด็กมันแบะท่ามาขนาดนี้ก็เป็นผัวเมียชีวิตแฮปปี้ไปดีกว่า

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #96 เมื่อ20-03-2010 02:27:38 »

 :sad4:

เรื่องนี้มันเศ้ราจังคะ

ไม่นานทุกอย่างจะดีขึ้นคะ เบนเชื่ออย่างนั้น

กำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆ


ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 17 Mar 19, 2010
«ตอบ #97 เมื่อ20-03-2010 06:21:14 »

เกิดอีกสิบชาติก็หาแม่ที่น่ารักและดีแบบนี้ไม่ได้ สมแล้วเป็นแม่พิมพ์ของชาติ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #98 เมื่อ20-03-2010 07:18:45 »

                                               ทำไมหัวใจมันเหมือนชินชา


                                              ทำไมร้องไห้ไม่มีน้ำตา



                                             รอยเปื้อนด่างในหัวใจ...... เอาอะไรลบออกดี




                                                                   ตอน สิบแปด




วันเสาร์มาถึงแล้ว ผมยังไม่อยากจะเจอหน้ามัน ไม่พร้อมที่จะเจอ แม่ไปวิปัสนาที่วัดอีกแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ที่จริงเอมันเปืดเทอมแล้วตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ปลายเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นตอนกลางคืน แต่กลางวันก็ร้อนระอุเหมือนเดิม ผมไม่คิดว่าผมจะหนักใจมากขนาดนี้ ผลของสิ่งที่ทำไปคืนนั้น มันก่อกวนผมได้มากขนาดนี้ ผมนอนไม่หลับตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา คิดวกไปเวียนมา ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่มันเกิดได้อย่างไร ทำตัวเฉยๆไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็คงไม่ได้ เพราะแม่รู้แล้ว แต่เชื่อว่าแม่คงยังไม่บอกอาจารย์ปริศนา ผมรู้สึกอาย ละอายแก่ใจแม้แต่จะเจอหน้าแม่ในแต่ละวัน แต่แม่เองก็คอยถาม คอยห่วงใย ลำบากใจเหลือเกิน ผมจะทำยังไงดี ผมนอนนิ่งมองเพดานห้อง ผมยังไม่อยากเจอใครในตอนนี้ ผมคิดอยู่นานจึงกดโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ปริศนา

"สวัสดีครับ อาจารย์ ผมโยนะครับ"

เสียงผมแหบพร่า

"ว่าไงลูกโย ไม่สบายหรือเปล่า เสียงไม่สู้ดีเลย"

"เอ่อ ผมไม่ค่อยสบายครับ จึงโทรมาบอกอาจารย์ว่า วันนี้คงไปสอนน้องไม่ไหว"

" อ้อ ไม่เป็นไรลูกโย เดี๋ยวแม่ขึ้นไปบอกน้องเขา โยเก่งนะอาทิตย์นี้เห็นตาเอ ขยันอ่านหนังสือ ช่วยทำงานบ้านอีกต่างหาก จนแม่แปลกใจ ไม่เป็นไรลูกเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวแม่ออกไปซื้อกับข้าวมาไว้ให้น้องมัน แต่เอายังไงดี วันนี้แม่ต้องพาตาโอไปค้างที่ปราจีนฯ"

อาจารย์ปริศนาหยุดคิด ผมเองก็แอบถอนหายใจ โล่งใจที่ไม่ได้ไปสอน แต่ก็หนักใจในเรื่องที่อาจารย์ปริศนากำลังจะพูด

" โย ฝากน้องให้ไปค้างที่บ้านได้ไหมลูก ความจริงแม่คุยกับ อรแล้วล่ะ สงสัยยังไม่ได้บอกเรา แม่จะกลับมาก็วันพุธโน่นแน่ะลูก ปล่อยให้อยู่คนเดียว สงสัยจะไม่ดี คงพาเืพื่อนมาค้างแน่ๆ ยังไงรบกวนลูกโยด้วยนะลูก"

นั่นไง ผมกะไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แล้วผมจะบอกปัดไปยังไงล่ะ

"อ้อ ครับ ได้ครับ"

ผม ก็ต้องตอบรับไปแบบนี้สินะ พอวางสายผมก็นอนคิดหนักเลย จะมองหน้ามันยังไง ถ้ามันกวนขึ้นมาอีกล่ะ โอยย ปวดหัว กว่าผมจะลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วลงไปรดน้ำต้นไม้ ทำกับข้าวกินก็เกือบเก้าโมง พอเสร็จก็นอนอยู่โซฟา นอนดูโทรทัศน์ อยากคุยกับจ๋าแต่ก็ยังเคืองที่มันเอาเรื่องนั้นไปบอกแม่ มันโทรมาผมก็คุยไม่มาก แต่มาคิดๆดูแล้ว มันก็ไม่ผิดหรอกผมเองที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้เองทำให้คนรอบข้างเป็น ห่วง ผมนอนมองดูโทรทัศน์ไปโดยที่ไม่รู้เรื่อง จนเผลอหลับไป รู้สึกตัวขึ้นมาเสียงโทรทัศน์ก็เงียบไปแล้ว ผมไม่ได้ปิดนี่

"ตื่นแล้วเหรอคะ"

เสียงที่ผมกำลังหนีอยู่ดังลอยมาจากอีกฝั่งของโซฟา ผมกระเด้งตัวขึ้นทันที

"เห็น นอนเลยไม่ปลุก ผมกำลังทบทวนบทเรียนอยู่"

มัน พูดแล้วหันมายิ้มให้ผม หน้าตามันดูเซียวๆไป คงนอนน้อย ผมคิดไปไกลถึงขนาดนั้น มันหันกลับไปอ่านหนังสืออีก ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี บ้านผมมันคงปีนเข้าจนรู้ลู่ทางแล้ว

"กินข้าวหรือยัง เอ"

ผมถาม แล้วลุกนั่ง

"กินแล้ว ตัวเองหิวเหรอ"

ผมรู้สึกเอียน เลี่ยนขึ้นมาทันทีกับคำพูดที่มันใช้แทนตัวผม

"วันนี้ พี่ปวดหัวนะ คงสอนเราไม่รู้เรื่อง เอาไว้วันหลังนะ"

ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากให้มันพูดอะไรเกี่ยวโยงมาเรื่องนี้มากนัก

"ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็จะนอนนี่จนถึงวันพุธล่ะ สอนตอนไหนก็ได้"

ผมรู้สึกกลุ้มขึ้นมาทันที ไม่อยากเจอหน้ามันยิ่งได้อยู่กับมันจะทำท่ารังเกียจก็ดูจะเกินไป เราเองที่เผลอตัวไปกับมัน

"งั้นพี่ขึ้นไปนอนพักนะ เราอ่านหนังสือไปก่อน"

ผม เดินขึ้นข้างบนหนีหน้ามันไปเฉยๆ ล็อกห้องแล้วนอนทั้งที่ไม่ง่วง ในใจผมกระวนกระวายเหลือเกิน ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ดูท่าทีมันก็ไม่เห็นจะเปลี่ยนแปลงอะไร แล้วทำไมผมจึงต้องหนีหน้ามันด้วย ผมคิดวนเวียน คิดไม่ตกจนผ่านไปนาน รู้สึกหิวขึ้นมา มองดูนาฬิกาหัวเตียงเกือบบ่ายสามแล้ว ผมจึงเดินลงไปข้างล่าง มันยังคงอ่านหนังสืออยู่ที่เดิม

"เอ หิวข้าวไหม"

ผมถาม มันเงยหน้ามามองแล้วยิ้ม พยักหน้า แววตามันช่างสดใสเหลือเกิน เห็นแล้วน้ำตาจะไหล นี่ผมทำอะไรลงไปกับมัน

"ตัวเองหิวแล้วเหรอ"

ผมไม่ตอบแต่เดินไปที่ครัว ไม่อยากจะทำอะไรเลย มันเดินตามเข้ามา

"พาผมไปดูหนังหน่อย อ่านหนังสือมากปวดตา"

มันพูดขึ้น แล้วขยี้ตา ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่พยักหน้า ดีเหมือนกัน อยู่ในบ้านสองคนแบบนี้ อึดอัดออกไปข้างนอกบ้างก็น่าจะดี

เรา นั่งรถสองแถวออกจากซอยอ่อนนุช วันเสาร์รถก็ยังติดรถสองแถวคนแน่นเราต้องยืนโหนท้ายรถ มันยืนข้างหลังผมหายใจรดต้นคอจนผมอึดอัด หวั่นไหวในใจ ไม่มีทางมันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ กว่าจะได้ลงจากรถ ผมก็แทบแย่เพราะคนยิ่งแน่นตัวมันก็ยิ่งติดกับผมมากขึ้น ใจผมเต้นตึกตัก เราไปนั่งรถเมล์สาย ๔๘ ไปลงหน้าท้องฟ้าจำลองแล้วข้ามฝั่งไปเมเจอร์

"กินอะไรก่อนไหม" ผมถาม

"อืม ตัวเองอยากกินไรคะ"

"นี่ถามหน่อย พี่ไม่ใช่ผู้หญิงนะ มาค๊งมาคะอะไร"

ผมชักทนไม่ไหว กับคำพูดของมัน

"อ้าวก็อยากพูดอ่ะ ทำไมพูดไม่ได้ ก็เป็นแฟนกันเขาก็พูดแบบนี้ล่ะ"

"ใครเป็นแฟนเธอ"

ผมพูดเสียงแข็ง

"พี่นั่นล่ะ อย่ากวน วันนี้ผมอ่านหนังสือมากเครียด"

มัน พูดหน้าตาเฉยแล้วดันหลังผมเดินนำหน้าขึ้นไปชั้นบน มันดันให้ผมไปยืนหน้าโปรแกรมหนัง ผมไม่ได้สนใจที่จะดู ไม่สนใจว่าหนังเรื่องอะไร รู้สึกอายคนเพราะมีคนเริ่มมอง ผมพยายามขัดขืน แต่ดูปล่าวประโยชน์ เวลาที่ผมจะดิ้นหนี มันบีบบ่าผมแรงๆ บอกให้รู้ว่าอย่าทำ ผมดูเชื่อฟังมันทันที ไม่รู้ทำไม พอมันเลือกรอบได้มันก็ดันหลังให้ผมไปต่อคิวซื้อตั๋ว ผมก้มหน้าอาย รู้สึกหน้าแดงเพราะคนแอบมองแล้วอมยิ้ม พอถึงคิวเรามันก็ดันมายืนข้างหลังผมอีก ทั้งที่เบี่ยงตัวออกมันก็ดึงกลับมา มันเป็นคนเลือกที่นั่ง เหมือนเคย ผมเป็นคนจ่ายเงิน พอซื้อตั๋วเสร็จมันก็เกาะบ่าผมเหมือนเดิม

"เดินห่างๆกันได้ไหม อายคน"

ผมกัดฟันพูด

"อายใครคะ ไม่มีใครมองสักหน่อย"

มันก้มลงพูดข้างหู เหมือนมันแกล้ง

"จะกินไร เร็วๆหิว"

ผมเริ่มเหวี่ยงใส่มัน ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่พามันออกมาข้างนอกบ้าน

"กินโออิชิ"

"โห เงินไม่พอหรอกนะ"

"กิน ขนมก่อนก็ได้ ดูหนังเสร็จค่อยซื้อไปกินที่บ้าน"

ผมถอนหายใจ มันจะอะไรกันหนักหนา มันดันให้ผมขึ้นไปชั้นสาม ร้านเดิม ร้านที่เคยมากินกับพี่ตั้ม

"กินอย่างอื่นไม่ได้เหรอ"

"อ้าว ก็กินง่ายๆ ก่อนไงคะ แล้วค่อยกิน ตัวเองหิวมากไหมล่ะ"

"เออๆ"

เรา เข้าไปสั่งขนมปังกิน มันสั่งทั้งยำมาม่า ขนมปังอีกสี่ห้าอย่าง ผมมองแล้วท้อใจ มันกินหรือมันซื้อไปแจกใคร เวลากินมันไม่คุยเลย แค่เคี้ยวๆแล้วก็ยิ้มให้ผม ส่วนผมเองก็นั่งเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ มันกินหมดเร็วมาก

"จะเอาอีกไหม" ผมพูดประชด

"ไม่อ่ะ เดี๋ยวอิ่มมากง่วงนอน"

มันยังมีหน้ามาพูด แต่ก็มองดูรายการอาหารอีก

"อ้าว เฮ้ย ไอ้เชี่ย เอ มึงมาทำไรวะ กูโทรไปบอกเรียน ไอ้ห่า"

เสียงทักที่ดูเหมือนด่ามากกว่าดังมาจากทางเข้าร้าน เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับมันเดินเข้ามาหาเรา

"อ้าว ไอ้ ห่าบอม มึงมาทำไร ก็เรียนนอกสถานที่ไง ไอ้โง่"

ฝ่ายนี้ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เด็กที่ชื่อบอมนั่งลงข้างๆมันทันที ผมมองหน้าเอ กระอักกระอ่วนใจบอกไม่ถูก

"มึงไหว้ก่อน นี่ครูกู"

มันคงรู้ว่าผมอึกอัด โบ้ยปากให้เพื่อน มันยกมือไหว้ผมแบบกวนๆ

"หวัดดีพี่ ครูมึงหรือเด็กมึง ไอ้ห่ามึงอย่ามาหลอกกู คนนี้เหรอที่มึงบอกว่ารักจริงน่ะ"

ผม รู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที ทำไมเด็กพวกนี้มันถึงไร้มารยาทกันจัง รู้ว่าเรียนชายล้วนแต่จวกกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้เลย เอมันคงรู้เหมือนว่าผมคงอึดอัด

"เออ แล้วไง มึงหัดมีมารยาทหน่อย ไอ้ห่า ไปไหนก็ไปเลย คนจะอยู่ด้วยกัน"

"โหมึง พอมีแฟนแล้วไม่เอาเพื่อนเลยนะมึง เออ ไปก็ได้ แต่ว่าเด็กมึง น่ารักดีว่ะ"

"ไอ้ส้นตีน"

ดี ที่ไอ้นั่นลุกไปก่อน เพราะเอมันยกเท้าขึ้นแล้ว มันหันมายิ้มให้ผมตาหวานฉ่ำก่อนที่จะวิ่งออกจากร้าน มันหันมามองหน้าผมยิ้มเขินๆ ผมหน้าตึงไปแล้ว

"ขอโทษน้า เพื่อนผมมันปากไม่ดีอย่างนี้ล่ะ"

"ก็เหมือนเรานี่"

ผมได้ที

"อ่า พูดแบบนี้ไม่งอนแล้วสิ"

มัน หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมเองที่เป็นฝ่ายค้อนประหลับประเหลือก เราเข้าโรงหนังไปตอนสี่โมงกว่า พอเข้าไปถึงที่นั่ง มันก็เอาที่กั้นออกแล้วเอามือสอดมาที่สะโพกผมทันที ผมเด้งตัวออก หันมาทำตาโตใส่มัน แต่มันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอเอนหลังไปอีก มันก็เอามาสอดอีกคราวนี้มันเกาะเอวไว้เลย ผมพยายามแกะมือมันออก แต่ก็ไม่เป็นผล จะด่ามันก็เกรงใจคนในโรงหนัง จะสะดิ้งมาก คนข้างหลังคงได้ด่าเอา ผมจึงยอมให้มันเอามือลูบอยู่ตรงเอว มือมันอุ่นจนร้อน บางทีมันก็เกาเบาๆ บางทีมันก็สอดนิ้วเข้าไปใต้หัวกางเกง ผมเอนหลังให้ติดเบาะมากที่สุดเพราะมือมันจะได้ไม่กระดุกกระดิก พอหนังฉายมันก็โน้มตัวลงมาหอมแก้ม ผมผลักน้ามันออก

"ทำไรน่ะ บ้าเหรอ"

ผมเบี่ยงตัวออก มันไม่ตอบแต่ยิ้มอย่างพอใจที่มันแกล้งผมได้ น่ารำคาญที่สุด ผมจะหนีมันยังไงถึงจะพ้นนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:24:19 โดย eiky »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #99 เมื่อ20-03-2010 07:41:59 »

สงสารใครดี
น้องเอหรือพี่โย   o18

+1 เป็นกำลังใจนะ writer

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
« ตอบ #99 เมื่อ: 20-03-2010 07:41:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sweetener

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #100 เมื่อ20-03-2010 09:21:39 »

เลิกคิดเยอะแล้วคบกันดู  มันอาจจะดีกว่ารักครั้งก่อนก็ได้นะ

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #101 เมื่อ20-03-2010 20:09:03 »

ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้วก็ตามน้ำไปเถอะ
แต่ถ้าจะให้ดี สถานะแฟน ควรจะรอให้พ้นสภาพครูกับศิษย์ก่อนน่าจะดีกว่านะ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #102 เมื่อ20-03-2010 20:21:13 »

 :-[ แหมมมม ไม่ต้องหนีหรอกคะ

เด็กเค้าออกจะน่ารัก

555


 :กอด1:

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #103 เมื่อ20-03-2010 21:34:44 »

เหนื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไม๊ทำไมกลัวเด็ก สงสัยกลัวเด็กไม่รัก :pigha2: :pigha2: :pigha2:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #104 เมื่อ20-03-2010 23:05:56 »

น้องโยก็คิดมากเกินไป ถ้าเปิดใจลองศึกษาน้องเอดูก็ไม่น่ายาก ชีวิตจะยาวก็ไม่ยาวจะสั้นก็ไม่สั่น มัวแต่ยึดติดกับคำสมมุติระวังจะเสียใจภายหลัง

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 18 Mar 20, 2010
«ตอบ #105 เมื่อ20-03-2010 23:26:44 »

สนุกดีค่ะ อ่านถึงตอนนี้แล้วปวดหัวแทนโย
ขอดูฝีมือเอหน่อยซิว่าจะทำให้โยใจอ่อนได้มั้ย หุหุ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #106 เมื่อ21-03-2010 07:01:29 »

 ขอบคุณ ทุกกำลังใจนะครับ เริ่มเขียนยากขึ้นทุกที มันควรจะต่อยังไงดีช่วยคิดหน่อยนะครับ

 :serius2:                        :serius2:                            :serius2:



             ตอน ต่อ ค้าบบบ



                                     ตอน สิบเก้า


กว่าหนังจะจบผมต้องยุกยิกอยู่ตลอดเวลา จนคนที่นั่งข้างหลังกระแอมด่าหลายที จนหลังๆผมต้องนั่งนิ่งๆ มันเห็นว่าผมนั่งนิ่งแทนที่จะเกรงใจมันกลับเอานิ้วล้วงเข้าไปในกางเกงตรง สะโพกเขี่ยเล่นอยู่อย่างนั้น ผมต้องทำใจอยากลุกหนีไปเลยแต่มันขู่ว่าถ้าผมลุกมันจะโวยวาย ผมไม่ใช่กลัวแต่ไม่อยากจะเสี่ยงเพราะที่นี่ผมมาดูหนังบ่อยไม่อยากให้เสีย ประวัติ แล้วกลับมาดูหนังอีกไม่ได้ที่จริงมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่ผมรู้สึกเกรงมันยังไงไม่รู้ พอหนังจบผมรีบลุกเลยแต่มันก็ดึงมือไว้

"ปวดห้องน้ำเหรอคะ"

มันถามแบบกวนๆ ผมลุกตอนที่คนยังไม่ลุกหันไปมองคนอื่นมองที่ผมเหมือนกัน

"เออ"

ผมตอบสะบัดไป แล้วแกะมือมันออกเดินออกจากโรงหนัง มันเดินตามออกมา ที่จริงไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำแต่รำคาญมัน

"อ้าว ไม่ไปห้องน้ำล่ะ"

"หิว อยากรีบกลับบ้าน"

"อ้อ"

มันเกาหัวแล้วเกาะบ่าผมเหมือนเดิม ตอนลงบันไดเลื่อนมันก็จับมือ ผมสะบัดออก มันก็เกาะเอว โอ๊ย อยากจะถีบมันเหลือเกิน เดินเหวี่ยงใส่มันมาจนถึงชั้นล่าง ตายสองทุ่มครึ่งแล้ว ถึงว่าหิวจัง ผมรำพรรณกับตัวเอง

"กินอะไรดีคะ"

เบื่อคำว่า คะ ของมันจังเลย ฟังแล้วอยากจะเอามือตบปากมัน ไม่อายปาก

"ไม่รู้ แต่ไม่กินแถวนี้"

ผมตอบกวนๆ

"โย ต๊าย โย ควงเด็กเหรอแก"

เสียง ทักที่น่ารังเกียจที่สุด นัท ยืนอยู่กับคนที่เคยทำให้ผมร้องไห้ข้ามคืนมาแล้ว คนที่ทำให้ผมยังเจ็บปวดใจอยู่ แม้จะไม่มากก็ไม่ใช่ว่าอยากจะเจอเขา ตอนนี้ พี่ตั้ม รู้สึกใจหล่นหายไปเหมือนกัน ตั้งแต่เลิกกันเพิ่งจะได้เจอเขา แต่ก็เจออยู่กับไอ้คนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด รอยร้าวที่เกิดขึ้นในใจมันยากเหลือเกินที่จะเกลี่ยให้มันคืนกลับเป็นดังเดิม ทั้งสองเดินเข้ามาหาเรา เอมันมองหน้าผมคงรู้ว่าพวกนี้เป็นใคร เพราะผมคงสีหน้าอาการออกมาก มันโอบเอวผมทันที

"สบายดีเหรอโย ไม่เจอกันตั้งนาน"

พี่ตั้มถาม แต่ตามองที่เอ

"ครับ สบายดี"

ผมตอบเสียงสั่น ทำไมไม่รู้ทำไมยังมีความรู้สึกกับคนแบบนี้ ใจเต้นแรง สั่น แม้จะพยายามควบคุม แต่มันก็ยากเหลือเกิน

"แล้วนี่"

"จะใครล่ะพี่ตั้ม ก็เด็กใหม่มันไง ไม่ยักรู้ว่าโยมันจะชอบกินเด็ก"

นัทพูดแล้วหัวเราะ รู้สึกหมั่นไส้มันขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่อยากจะพูดกับมันแม้แต่คำเดียว

"ยังเด็กๆ อยู่เลยนะโย น่าจะเรียน ม ปลายป่ะ น้อง"

พี่ตั้มหันไปถามเอ

" ครับพี่ ผมยังเรียน ม ปลาย อยู่ แต่ก็รักเดียวใจเดียวครับ ไม่มั่ว ไม่หลายใจ ผมโชคดีครับที่ได้แฟนน่ารัก ใครปล่อยหลุดมือไป โง่เป็นควายเลยนะผมว่า ตัวเล้ก เรารีบกลับบ้านเถอะ เค้าหิวข้าวแล้ว ตัวเองว่าจะทำสุกี้ให้เค้ากินใช่มะ"

เอมองหน้าพี่ตั้มนิ่ง สายตามันดูไม่กลัวหรือเกรงเลย แต่ถือเป็นเรื่องปกติเพราะมันก็มองผมแบบนี้บ่อยๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะมองคนแปลกหน้าด้วยสายตาแบบนี้ มันพูดจบก็ดึงเอวผมเข้าไปกอดอย่างไม่อายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แปลกที่ผมยอมโดยง่าย เรารีบเดินออกมาหน้าประตู

"เดี๋ยว โย"

นัทมันวิ่งตามออกมา

"อะไร"

ผมหันไปอย่างไม่พอใจ ท่าจะมีเรื่องกันอีกแน่

" ฉันไม่ได้อยากคุยกับแก แต่อยากคุยกับน้องเขา นี่น้องหล่อๆ อย่างนี้น่ะมาดูหนังกับพี่ไหมวันหลัง อยากได้อะไรพี่ซื้อให้หมดเลย นี่เบอร์พี่ พี่โยน่ะเขาคงไม่มีกำลังจะซื้อให้เราหรอก"

เอดึงแขนผมไปอยู่ข้างหลังมันทันที

" อ้อ ขอบคุณพี่ แต่ผมไม่เอาหรอกคับ แม่ผมรวย พี่ก็น่ารักนะครับ แต่ท่าทางคงมั่ว ผมไม่อยากยุ่งหรอก ไม่อยากเป็นเอดส์ อยากได้เด็กมากก็ไปดักเอาแถวนี้สิพี่ เผื่อมีพวกหิวเงินเป็นเหยื่อ"

"ไอ้"

นัท หุบปากทันที เพราะเอมันชี้หน้า ถลึงตาใส่ ดูท่าทางเอาเรื่อง พี่ตั้มวิ่งออกมาทันก็เลยดึงตัวนัทกลับเข้าไป เอมันขึงขังน่ากลัวผมเองก็ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้ มันลากมือผมไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน มันบอกทางอย่างคล่องแคล่วเหมือนกลับไปบ้านมัน ผมไม่พูดสักคำ อึ้งงงอยู่กับสถานการณ์

"ไอ้คนนี้เหรอที่มันทิ้งพี่"

มันถามขึ้นหลังจากที่เราขึ้นรถได้ไม่นาน ผมไม่ตอบ ไม่รู้จะรื้อฟื้นขึ้นมาทำไมอีก มันหันมาจ้องหน้าผม

"ดีนะที่ผมไม่ต่อยหน้าเอา กวนตีน"

"เอาเถอะ มันผ่านมาแล้ว อย่าใจร้อนนักเลย ไม่สนใจล่ะ"

"อย่าพูดแบบนี้นะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าผมจะคบคนเพราะเรื่องแบบนั้นผมมีไปนานแล้ว ผมจะเอาพี่เป็นแฟนคนเดียว"

"ทำไม"

ผมสอดขึ้น ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ไม่น่าถาม ไม่น่าไปเปิดประเด็นให้มัน คนขับแท็กซี่เริ่มมอง

"ไม่บอก เดี๋ยวสักวันก็รู้เอง"

มัน ทำหน้ากวนใส่แล้วยิ้ม เออแปลกดี แต่มันก็เปลี่ยนหน้าเร็วอยู่แล้วนี่นะ เป็นเรื่องปกตของมัน เมื่อกี้หน้าเหมือนจะไปกินเลือดกินเนื้อใคร แต่ตอนนี้หน้ามันกลับมายียวนกวนประสาทเหมือนเดิม

"นั่งแท็กซี่นี่เราจะจ่ายเหรอ"

"จ่ายก็ได้ แต่คืนนี้"

มันทำท่าเจ้าเลห์

"คืนนี้จะนอนห้องแม่"

ผมตอบแล้วเบะปาก

"ดีเหมือนกัน ไม่เคยนอนห้องแม่อรเลย คงเตียงนุ่มเนอะ"

มันพูดหน้าตาเฉย

"ขี้เกียจพูด"

ผมตัดรำคาญ แล้วมองออกไปนอกรถ สิ่งที่เราพยายามหนีทำไมมันถึงยังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่างเลยนะ หรือว่าใจเรายังไม่สงบ

" รู้ไว้นะพี่ ใครที่ได้พี่เป็นแฟนน่ะ ผมว่าน่าจะมีความสุขที่สุดแล้ว ผมเองก็เชื่ออย่างนั้น อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด มองหน้าแล้วไม่รู้จักเบื่อ อยากมองอยู่อย่างนั้น อยากกอดอยู่อย่างนั้น ผมโชคดีใช่ไหม"

มันเพ้อขึ้นมาตอนรถรอสัญญาณไฟที่แยกพระโขนง ผมได้แต่มองหน้ามัน เอียนคำพูด ไอ้เด็กแก่แดด แหมคิดจะมาจีบ โปรยคำหวาน ไม่ตกหล่มง่ายๆหรอกแก อยากจะตะคอกใส่มัน แต่ก็เงียบไม่พูดดีกว่า ปล่อยให้มันกุมมืออยู่อย่างนั้น

ถึงบ้านสามทุ่มกว่า ผมรีบไปเปิดตู้เย็นดูของที่จะทำกิน มีไก่กับหมู ผักสามสี่อย่าง แต่ขี้เกียจเหลือเกิน เหนื่อยไม่อยากจะทำอะไรเลย ผมไปเปิดตู้เก็บของแห้งเห็นบะหมี่ก้อน ต้มหมี่กินดีกว่า ว่าแล้วผมก็ต้มบะหมี่ใส่คะน้าไข่แล้วก็ไก่ ต้มสามก้อนเพราะคงไม่พอ ไอ้ยักษ์มันคงไม่อิ่ม ผมเป็นกังวลว่าจะกินอะไรดี ส่วนมันเปิดโทรทัศน์ดูอย่างสบายใจ

"นี่ จะกินไหมข้าวน่ะ"

ผมตะโกนเรียก แต่ไม่รอมันตักบะหมี่ใส่ชาม แบ่งให้มันเยอะกว่า

"โห น่ากินจังเลย"

เป็นคำพูดเดียวที่ผมได้ยินตอนกินข้าวเพราะหลังจากนั้น มันก็กินไม่พูดไม่จาเลย

"อร่อยมาก ไม่ยักรู้ต้มมาม่ามันจะอร่อยขนาดนี้"

"เวอร์ กินเสร็จเอาชามไปล้างด้วย"

"ค้าบบ ที่รัก"

"ไอ้นี่"

ผมค้อนใส่ แต่ก็ก้มหน้ากินต่อเพราะถ้าแสดงอาการอายให้มันเห็นเดี๋ยวไม่จบง่ายๆ

"เออ มีสับปะรดอยู่ในตู้เย็นน่ะ"

ผม บอกมันแล้วกินต่อ กินเสร็จก็ล้างถ้วยจาน เดินออกไปเห็นมันนอนกินสับปะรดอย่างสบายใจ ดูโทรทัศน์ ท่าทางมันไม่ใช่เด็กที่จะเรียนได้ดีเอาเสียเลย

"โอ๊ยย อะไรกัดหลัง"

มันร้องแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ผมรีบเดินไปดู

"โอ๊ย เจ็บจังเลย ดูให้หน่อย"

มันก้มหลังแต่ยังนั่งอยู่กับที่ ผมเดินเข้าไปถลกเสื้อมันขึ้น

"ไหน ไม่เห็นมี"

"มีสิ ตรงนี้ไง โอ๊ย เจ็บ"

"ไหน ไม่เห็นมีอะไร ไม่มีรอยอะไรเลย"

ผมนั่งลงพิจารณาหลังมัน ไม่มีรอยจริงๆ หรือว่ามัน

"นี่ ทำอะไรน่ะ นิสัยเสีย หลอกพี่เหรอ"

ผมร้องเพราะมันพลิกตัวแล้วมาคร่อมทับผมแล้ว กว่าจะรู้ตัวว่ามันหลอก ทำไมไม่เฉลียวใจนะเรา

"อ้าว ไม่ทำแบบนี้แล้วจะได้อยู่ใกล้ๆเหรอ อยากกอดจะตายอยู่แล้ว"

มันไม่พูดปล่าวเอาหน้าลงมาซุกตรงแก้มและซอกคอ

"เอ้ย ไอ้นี่ ปล่อย เป็นบ้าเหรอ คุยกันแล้วนะเอ ปล่อย"

ผมร้องกึ่งตะโกน

"ไม่ปล่อย ผิดเหรอที่ผมจะทำแบบนี้กับแฟนตัวเอง"

"โอ๊ย จะพูดกี่ที ถึงจะเข้าใจ ไม่ใช่แฟนโว้ย ไม่มีอะไรทั้งนั้น"

ผมตวาดผลักหัวมันออก

"ไม่สน คนจะทำน่ะ พี่จะทำอะไร พีไม่อยากก็อยู่เฉยๆดิ ผมจะทำเอง"

"ไอ้นี่ ปล่อย"

"อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้น ของผมยิ่งแข็งนะ"

มัน เป็นกรรมเก่าของผมจริงๆล่ะ คิดไม่ตกอยากจะโกรธมัน แต่ตอนที่คุยกันดูมันฟังเข้าใจรู้เรื่อง แต่ตอนนี้มันก็แค่ทำอย่างที่มันอยากทำ ผมนอนนิ่งขี้เกียจจะขัดขืน รำคาญ อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่ามากกว่านี้ก็แล้วกัน

"ตัวห้อม หอม"

"กอดเฉยๆได้ไหม อย่าทำอย่างอื่น"

ผมตวาดมัน แล้วผลักหน้ามันออก

"โห ก็กอดอยู่นี่ไง ทำตรงนี้ไม่ดีหรอก อาย"

โห กล้าพูดนะแก อาย ไม่อยากจะด่า อายแต่ล้วงเอาๆ

"พอเถอะ จะไปอาบน้ำ"

"อาบด้วย"

"เสียสติเหรอ อาบเองไม่เป็นไง"

"ไม่ได้จะให้อาบให้สักหน่อย อาบด้วยกันเฉยๆ"

"ทุเรศ ปลอย"

ผม อยากจะด่ามันแรงๆ ให้มันเสียใจกลับบ้านไป แล้วเลิกให้ผมสอนมันเสียที ยิ่งอยู่มันยิ่งลามปาม หรือเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียงกับใครเหรอ มันถึงทำได้ขนาดนี้ ผมกลุ้มใจเสียเหลือเกิน จะทำยังไงดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2011 02:24:48 โดย eiky »

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #107 เมื่อ21-03-2010 07:22:02 »

กลุ้มแทนนายเอนะ   :เฮ้อ:
โยเหมือนเจ้าสาวกลัวฝน
อ้าว! ไม่ได้วางพล็อทไว้ก่อนเรอะ

+1 เป็นกำลังใจนะ writer  :L2:

benxine

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #108 เมื่อ21-03-2010 10:16:03 »

 :z1: :z1:

สู้ ๆ ๆ

ออฟไลน์ eiky

  • Played Me!!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1760/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #109 เมื่อ21-03-2010 10:38:37 »

กลุ้มแทนนายเอนะ   :เฮ้อ:
โยเหมือนเจ้าสาวกลัวฝน
อ้าว! ไม่ได้วางพล็อทไว้ก่อนเรอะ

+1 เป็นกำลังใจนะ writer  :L2:

มีพล็อตอยู่แล้ว ค้าบบ แต่อยากฟังความเห็นจากเพื่อนๆ เผื่อเอามาปรับ อิอิ ช่วยหน่อยน้าา ค้าบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
« ตอบ #109 เมื่อ: 21-03-2010 10:38:37 »





jadezii

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #110 เมื่อ21-03-2010 10:47:11 »

 :o8: :o8:

อยากอ่านต่อ ๆ

สู้ ๆ ค่ะ ไรท์เตอร์  :L2:

ออฟไลน์ aorta999

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #111 เมื่อ21-03-2010 13:27:42 »

ก็ทำใจรักมันซะสิ ดีกว่าทุกข์ใจ

5555555

tawan

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #112 เมื่อ21-03-2010 13:28:49 »

น่าลุ้น

ชอบบบบบ

 :call:

 :call:

สุดโฉด

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #113 เมื่อ21-03-2010 15:19:36 »

โย เอ้ยยยยย 


พรอตเรื่องผมว่าเอาตามคนแต่งต้องการเลยคับ 

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #114 เมื่อ21-03-2010 15:32:04 »

อยาก :beat: :beat:อีนังนัท แรงจริงอะไรจริง ต่อไปจะมีมาปะทะกันอีกมั๊ยคะเนี้ย ชอบจังเวลาน้องเอปกป้องโยอ่ะ เริ่ดๆ

 :กอด1:ไรเตอร์

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #115 เมื่อ21-03-2010 20:53:22 »

นัทเค้าเป็น มิสเป(pay)รู เปล่า
แรงได้อีกนะ เดินมาเอาเงินฟาดหัวต่อหน้าต่อตา
อีพี่ตั้มเดี๋ยวก็รู้ว่าใครเป็นเพชรใครเป็นกรวด
น้องเอทำตัวดีๆ แบบนี้ไปนานๆ นะ อย่าเป็นแค่ช่วงโปรโมชั่น

ออฟไลน์ jantaro

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #116 เมื่อ21-03-2010 21:10:33 »

 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #117 เมื่อ21-03-2010 23:19:06 »

อยาก  :z6: พี่ตั้ม

อยาก  :beat: อินัท

อยาก  :จุ๊บๆ: ไรเตอร์

เอิ้กๆ  มาต่อไวๆเน้อ 

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #118 เมื่อ21-03-2010 23:19:58 »

อยากเอาทุเรียนไปตบนังนัทมากๆ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Boy's Story ให้รักนำทางใจ ตอน 19 Mar 21, 2010
«ตอบ #119 เมื่อ22-03-2010 03:27:10 »

อ่านแล้วโมโหพี่ตั้ม อยากทำร้ายร่างกายนัท
ช่างเป็นคู่ที่สมกันซะจริงๆ นิสัย !!
ซักวันพี่ตั้มจะสำนึก โยเริ่ดๆเชิดๆเข้าไว้ อย่าได้แคร์
ส่วนน้องเอ ขอดูหน่อยซิว่าจะทำได้อย่างที่พูดมั้ย(หึหึ)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด