(เรื่องสั้น) the messenger ปอน้อย+ไอ้หม้อไฟ up 5 07/07/10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) the messenger ปอน้อย+ไอ้หม้อไฟ up 5 07/07/10  (อ่าน 19655 ครั้ง)

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


...........................................
 




อ่า เอามาให้อ่านเล่นกันครับ  กับ ความรัก ความอบอุ่น  อ่านสบายๆ   เป็นเรื่องสั่นจบในตอนม่ะมีค้าง  ขอเชิญทัศนากันได้นะคร้าบบบบบ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2010 13:07:46 โดย guppa »

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตอน  อุบัติรัก nc กันตั้งแต่ฉากแรก






เคยคิดไหมว่าบางทีความรักมันก็อยู่ใกล้ตัวเรา  คนที่เป็นคู่แท้ของเราที่หัวใจเฝ้ารอ... รอและ รอมาตลอด จู่ๆอาจจะปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าตอนเช้าวันพรุ่งนี้ก็ได้



10.00 น.


   “น้องปอๆ” สาว(เทียม) ออฟฟิสคนสวยประจำหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์เรียกนายปอ หรือ ปรมินทร์ เมสเซนเจอร์หน้ามน คนตัวเล็ก  ผิวขาวจัด เขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอไปพลางๆอยู่ที่โซฟาขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังจัดการกับเอกสารอยู่. ดวงตากลมโตละจากข่าวในหนังสือพิมพ์ตรงหน้าและพับเก็บลงก่อนจะเดินไปหาเจ้พรคนงามประจำสำนักงาน


   “อันนี้เอาไปส่งให้ผู้จัดการที่สาขางามวงศ์วานนะ  ส่วนอันนี้เอาไปส่งให้คุณนันทการที่บริษัท N C Leasing  อยู่แถวปากเกร็ด ช่วงบ่ายก็ไปเอาเช็คไปเข้าบัญชีที่แบงค์ แล้วก็แวะเข้าไปส่งสรุปงบบัญชีเดือนนี้ให้สำนักงานใหญ่แถวสีลมด้วย  ไปไกลหน่อยนะสงสัยคงทั้งวันไม่ต้องกลับเข้ามาที่นี้แล้วล่ะ ส่วนอันนี้ส่งให้ที่ไปรษณีย์ตอนเช้าก็ได้  ของพี่เองน่ะ วานหน่อยนะแล้วจะเลี้ยงข้าวตอบแทนนะจ๊ะ”แก้มขาวถูกหอมด้วยความเอ็นดูเล็กๆน้อยๆตามประสารุ่นพี่ที่น่ารัก  . ปอหน้าแดงก่อนจะโวยคนหอมแก้มเสียงค่อยๆด้วยความเกรงใจเพราะว่าคนอื่นทำงานกันอยู่


   “เจ้  ไม่เอาน่า  ผมก็อายเป็นนะลูกค้าก็นั่งอยู่เห็นไหม เจ้นะเจ้.... ผมไปแล้ว  เดี๋ยวช้า ช่วงนี้รถยิ่งติดอยู่” แล้วก็คว้าเอกสารใส่กระเป๋าเดินลูบแก้มป้อยๆลงไปที่ลานจอดรถจักรยานยนตร์  . ปอทำงานเป็นเมสเซนเจอร์ของที่นี่มาได้2-3 ปีแล้ว  ความรู้ก็แค่ม.6 ได้งานทำที่นี่ก็ดีพอแล้วอีกไม่กี่ปีก็จะจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่สู้อุตส่าห์ลงเรียนทางไปรษณีย์ไว้อย่างมุมานะ  อนาคตคงต้องดีกว่านี้แน่  ฉลามบุก!  เอ้ย  ไม่ใช่โฆษณาเครื่องดื่มชูกำลังนะ  เห้อ.....  เอาเถอะสู้เขาต่อไป ไอ้ปอ  เพื่อปากท้องพ่อแม่ทางบ้านอีก  ถึงแม้จะไม่มีเงินเรียนอย่างคนอื่นเขา เราก็ทำงานไปเรียนไปแบบนี้นะหล่ะ.ว่าแล้วก็สตาร์ทฟีโน่สีสันสดใสเหมือนลูกกวาดสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตของปอ ที่ท่านพ่อท่านแม่ถอยให้เป็นของขวัญเมื่อจบม.6  เผื่อเอาไว้ใช้งานและไปไหนมาไหนสะดวกขึ้นเมื่อหนุ่มเชียงใหม่อย่างเขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่เมืองกรุงเพียงลำพัง.  วันนี้เส้นทางการส่งเอกสารค่อนข้างไกลต้องไปถึงแจ้งวัฒนะต้องเร่งมือหน่อย


                 “ อืม..จากเยาวราชไปก็ต้องตั้งหลักเข้าเส้นราชเทวีไปทางอนุสาวรีย์ก่อนมุ่งไปหมอชิตเข้าเส้นวิภาวดีผ่านหลัก4เข้าแจ้งวัฒนะ แล้วค่อยเลยไปงามวงศ์วานก็แล้วกัน”  เมื่อเขาคำนวนเส้นทางเสร็จก็รีบจรลีไปในทันที . ภารกิจของเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้น .


   ขณะนี้เป็นเวลา15นาฬิกา 45 นาทีอีกประมาณ15นาทีก็จะถึงจุดหมายที่สุดท้าย.สภาพการจราจรขาเข้าติดขัดพอสมควรเพราะฝนกำลังตกพรำๆ .ปอพยายามหาทางแทรกมอเตอร์ไซด์ลัดเลาะหลบหนีรถติดเพื่อแข่งกับเวลาให้ทันก่อนออฟฟิสจะปิด.  อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จงานแล้วหิวก็หิวปวดฉี่ก็ปวด ตำรวจจราจรมัวแต่ไปอู้งานอยู่ไหนกันหมด  ไอ้ปอนึกฮึดฮัดอยู่ในใจพลางไถฟีโน่สีสดใสขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้สำเร็จ . 10...9...8....7...6...5....4...3...2..1  ไฟเขียวแล้วเหล่าแมงกะไซด์บิดเครื่องออกตัวราวกับกำลังแข่งอยู่ในสนามพัทยาเซอร์กิตก็ไม่ปาน  น้องปอของเราก็โชว์ลีลาได้ไม่แพ้กัน  แต่ขับไปได้สักพัก  เรื่องก็เกิดขึ้น  เมื่อ BMW ซีรี่ย์ 5 สีดำคันใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดป้ายแดงเสียด้วย  คงจะใหม่พอกับฝีมือคนขับ  อยู่ดีๆพี่แกก็เป๋มาปาดหน้ากันซะงั้น  


“เฮ้ยยยยยย!” ตายละหวา  ไอ้ปอจะสิ้นชื่อก็คราวนี้ล่ะ แถมยังโชว์ภาพกีฬามันส์ๆกันซะอย่างงั้น  .  ปอรถล้มไถลลื่นไปไกล 3 ตลบ ดีว่าใส่หมวกกันน็อกไม่อย่างนั้นคงได้นอนอ่านหนังสือพิมพ์เล่นกลางถนนแน่ๆ  . รถคันนั้นรีบตบไฟหลบเข้าข้างทางทันทีก่อนเจ้าของรถจะก้าวลงมารีบวิ่งตรงเข้ามาช่วยหน้าตาตื่น ปอที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมเล็กน้อยค่อยๆลุกขึ้นมานั่งมึนๆหลังจากหัวกระแทกกับพื้นนิดหน่อย แต่มันก็มึนๆหัวอ่ะนะ โอ้....พระเจ้ายังไม่ต้องการตัวผมยังอยากให้ผมอยู่ดูแลพ่อกะแม่ต่อไปก่อน  ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา.....ฮาเรลูย่า....ตรูนึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว   พอถอดหมวกกันน็อกออกมาได้ก็มองหาคู่กรณีว่าชิ่งหนีไปรึเปล่า (เดี๋ยวตรูเคลมประกันไม่ได้อ่ะ) ปรากฏว่าเจ้าของรถนั้นมันแสนจะดีรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้นพาไปรอที่รถก่อนจะยกฟีโน่เข็นเข้ามาจอดไว้ข้างๆกันระหว่างนั้น ปอก็ลอบสังเกตุชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ใส่สูทผูกไทด์อย่างดี ถึงแม้ตอนนี้จะตัวเปียกมะล่อกมะแล่กแต่ก็ยังดูดี


“ปะ ปะ เปน...อ่าไรมาก  ไหมคับ ” ภาษาไทยสำเนียงแหม่งๆเอ่ยถามขึ้น ดูเหมือนคนหน้าเข้ม ผิวขาว ท่าทางจะมีเชื้อสายมาจากแดนอาทิตย์อุทัย  แม้ว่าตาจะไม่ตี่  แต่วิธีการพูดมันบอกได้ชัด. ต่างชาติก็ต่างชาติสิขับรถไม่ระวังแบบนี้เดี๋ยวพ่อจะด่าเป็นภาษาอังกฤษเข้าให้ เห็นว่ามันยังมีน้ำใจอุตส่าห์เข้ามาช่วยดีอยู่หรอกนะเลยอนุโลมลดโทษให้กึ่งหนึ่ง


“ I’m fine …… It’s OK. Notthing serious  But what ‘s happen  Why you suddenly turn left like that  Can’ t you see I’m riding my moter bike….so what you gonna do ?  See… my headlight break  my side mirror too”  เอาล่ะโว้ย  ปกติต่อมภาษามันไม่ค่อยได้ทำงานแต่งานนี้ต้องมีเคลียร์ (นี่เรียกด่าแล้วหรือเนี้ย น้องปอ  สุภาพซะ )


“โผมพอพูดทายได้คร้าบ  ถึงแมว่าจะมายค่อยช้าดแต่ก็พอเข้าจ๋าย”สุดท้ายพ่อยุ่นนั้นก็ยังคงยืนยันที่จะสื่อสารกันด้วยภาษาไทยกันต่อ  ดี ผมจะได้ไม่ต้องแปลไทยเป็นอังกฤษให้ปวดหัว  แปลไทยเป็นไทยมันยังง่ายกว่า


“เออ  ก็ดี  แล้วไงเนี้ย  ดูดิ รถก็พัง  ทำไมอยู่ๆก็มาปาดหน้ากันซะงั้นล่ะ” ปอยืนเท้าสะเอวชี้ไปยังจุดที่น้องฟีโน่ของเขาเสียหาย


“เด๋ว ผ้มโทเรียกปะกันได้คร้าบ  โผมผิดเอง  ทีหักโหลบมอไซทางขวาที่แซงมาม่ายโพ้น เลยมาโดนคูณแทน....ขอโทดคับ”ชายหนุ่มคนนั้นก้มหัวขอขมาทำให้ปอตกใจรีบบอกกให้เจ้าตัวเลิกทำ


“เอ้ยย  ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก  ก้มหัวทำไม  แล้วไปแล้วก็ให้แล้วกันไป  ให้ประกันมาจัดการตามสมควรก็แล้วกัน”  ปอเข้าไปแตะที่ไหล่หนาฉุดให้เงยหน้าขึ้นมาคุยกันดีดี  เมื่อเขาได้มายืนดูอยู่ใกล้อย่างนี้ถึงได้รู้ว่า  ผู้ชายคนนี้แมร่งงงงง.......โคตรหล่อ หล่อขั้นเทพ ดวงตาคมแกร่ง สะกดทุกหัวใจ  ผิวหน้าสะอาดใสเพราะใช้แอ็คเน่ เฮ้ยย....ไม่ใช่แล้ว  สรุปเอาเป็นว่า  หล่อมากๆขนาดผมเองที่เป็นผู้ชายเหมือนกันยังอดอิจฉาไม่ได้เลย . ขณะที่น้องปอกำลังมองใบหน้านั้นอย่างเคลิบเคลิ้มมือหนาก็จับกุมไหล่บางให้หันตัวพลิกซ้ายขวาเพื่อสำรวจร่างกาย


“บาดเจ็บ ตงหนายรรึป่าวคับ” ดวงตาคู่นั้นจ้องมองถามกลับมาแต่ปอก็เริ่มรู้สึกเจ็บที่แขนขวาตรงที่โดนจับจนต้องร้องออกมา


“โอ้ย!” ชายหนุ่มรีบปล่อยมืออกเมื่อได้ยินเสียง  ปอเพิ่งสังเกตุเห็นว่าแขนเสื้อด้านขวาขาดจึงรูดซิปและพยายามงอแขนจะถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออกเพื่อดู แต่ก็ทำได้ด้วยความลำบาก


“ ห้ายโผมช่วยนะ” ร่างสูงเดินไปอยู่ด้านหลังปอค่อยๆดึงเสื้อออกอย่างเบามือ.  แขนเรียวเต็มไปด้วยริ้วรอยขีดข่วนบริเวณกว้าง ตรงข้อศอก ไหล่ และหลังเป็นแผลลึกเลือดหยดซึมเป็นทาง  คนหน้าหล่อกระวีกระวาดล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามากดปิดปากแผลห้ามเลือดที่ข้อศอกเอาไว้ก่อน


“ แย่แหล่ว   ตองรีบปายทำแผลนาคับ”เขารีบดันตัวคนเจ็บเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรส่งภาษาญี่ปุ่นอาริงาโต้อะไรก็ไม่รู้ ปอฟังไม่ออกหรอกแล้วก็ขึ้นมาขับรถออกไปจากตรงนั้น


“อ้าว...แล้วรถมผมล่ะคุณ” ปอเป็นห่วงสมบัติชิ้นเดียวของตน


“โผมโทให้คนเอามายกรถไปส้อมแหล่ว  บริส้าทโผมอยู่ใกล้ๆหนีเองมายต้องห่วง”


“แต่ผมต้องเอกสารไปส่งก่อน คุณช่วยแวะให้หน่อยได้ไหมล่ะ  แยกหน้านี่เอง” ปอชูกระเป๋าเอกสารให้เจ้าตัวดู


“ชื่อบริสัดอารายคับ” คนขับเหลือบหันมาถาม


“ W I G investment ”  ถึงแม้ว่าบริษัทที่ปอทำงานอยู่จะเป็นบริษัทเงินทุนของญี่ปุ่นแต่ก็ใช้ว่าเขาจะต้องพูดญี่ปุ่นได้นิ  ภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็เอาอยู่แล้ว  แถมยังเป็นแค่  เด็กส่งเอกสารเท่านั้น. คนขับกำลังหัวเราะหึหึ  เออขำ  ขำเข้าไปปอไม่ใช่ตลกคณะเชิญยิ้มนะ จะได้มานั่งขำเป็นดูตลกคาเฟ่


“ ขำอะไรมิทราบ” ปอเริ่มหงุดหงิดจ้องตาเขียวใส่ พอรถขับเลยสี่แยกที่บอกก็เลี้ยวเข้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท W I G Investment  ทันทีโดยไม่ต้องบอกทาง


“ง่ะ....คุณรู้ได้ไงว่าผมจะมาที่นี่”  คนขับที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลก็พาเข้ามาจอดรถเรียบร้อยก้จะหันมาตอบ


“ก้อโผมตั้งจายจะพาคุณมาทีนี้อยู่แหล่วนาสิ” จากนั้นก็ยื่นนามบัตรออกมาให้ปอดู  เมื่อปอรู้ว่าคนคนนี้เป็นใครก็ต้องอ้าปากค้าง


“  เทนริวอิจิ  วาตานาเบะ  ตำแหน่งประธานบริษัท  W I G  Investment [Watanabe international group Inverment]  ”  อะไรมันจะจุดใต้ตำตอขนาดนี้วะ

“คร้าบบบผ้ม” วาตานาเบะทำหน้าทะเล้นใส่น่ารักน่าหยิกเสียจริงส่วนไอ้ปอนะหรือ  หน้าซีดตัวสั่น   พ่อจ๋าแม่จ๋าหนูขอโทษนะ สงสัยคงต้องหางานใหม่แน่ๆ ฮือๆๆๆ เศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างนี้เตะฝุ่นอีกนานชัวร์ ฮือๆๆ  

(  T_T  )


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2010 13:32:47 โดย guppa »

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โลงไปกันเถอะคับ เด๋วโผมทำแผลห้าย” วาตานาเบะเดินลงเปิดประตูรถให้ ปอรู้สึกเกรงใจมากที่ต้องให้เจ้านายมาบริการให้ขนาดนี้.


“อย่าเลยครับผมเกรงใจ  แผลแค่นี้ผมจัดการเองได้  ขอบคุณมากๆครับที่อุตส่าห์มาส่ง” พูดจบปอก็ทำท่าจะวิ่งหนีหากแต่โดนมือแกร่งคว้าเอาไว้ได้เสียก่อน


“ม่ายด้าย...โผมทำคุณเจ็บ โผมตองรับผิดชอบ....นีตองอาวไปห้ายคราย” ยังไม่พอ  ร่างสูงย้งมือไวหยิบเอาเอกสารไปถือไว้เสียอีก

“แผนกบัญชีครับ” ปอตอบเสียงอ่อย  จากนั้นวาตานาเบะก็เรียกยามแถวนั้นมารับเอกสารไปแล้วก็ลากปอไปขึ้นลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารสุดหรู. ระหว่างนั้นวาตานาเบะ ไม่ยอมปล่อยมือที่จับเอาไว้ให้หลุดออกไปเลย ทำเอาหนูปอหน้าแดงรู้สึกแปลกๆกับสัมผัสอันอบอุ่นที่ส่งผ่านมือคู่นั้นมา  นี่เราเป็นอะไรไปเนี้ย  เขาก็เป็นผู้ชายนี่หน่า จะมาคิดอะไรบ้าบอกับเขาได้ยังไงกัน  ซ้ำยังเป็นท่านประธานใหญ่มีรถขับโก้หรู  ดูก็รู้แล้วว่าอยู่กันคนละชนชั้น  เขาจะมาสนใจอะไร  ปอที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ก็เงยขึ้นจะมองดูว่าลิฟท์ถึงชั้นไหนแล้วแต่ปรากฏพลังสายตาก็ดันจ้องประสานกับดวงตาคมแลดูอ่อนโยนที่มองมาทางปอเข้าพอดี


“หนาวรึป่าว”เสียงทุ้มนุ่มกล่าวถามพร้อมกับกระชับมือปอที่กุมไว้แน่นขึ้น


“เด๋วทำแผลเส็ดก็อาบน้ามเปลี่ยนชุดที่ห้องพักของโผมก่อด้าย...เด๋วจาไม่สบาย”  สัญญาณลิฟท์ดังขึ้นเมื่อถึงชั้น26 ชั้นนี้ไม่มีพนักงานทำงานอยู่ ทั้งฟอร์มีเพียงแค่ห้องประชุม ห้องทำงาน และห้องพักของท่านประธานเท่านั้น ปอประหม่าเหลือเกินเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับโลกใบนี้มีเขาอยู่กับนายวาตานาเบะแค่ 2 คน (อ่าโฮะ อ่าโฮะ ) ร่างสูงพาปอเดินตรงไปยังห้องพัก ซึ่งเขาใช้เป็นที่นอนอยู่เกือบทุกคืนเนื่องจากสะดวกดี ไม่ต้องไปกลับบ้านให้เหนื่อยเสาร์อาทิตย์ค่อยกลับบ้านที   


“อะ เออ....คือว่า   ปล่อยมือผมก่อนก็ได้ครับ” ปอท้วงเสียงค่อยทำให้วาตานาเบะนึกขึ้นได้จึงยอมปล่อยอย่างเสียไม่ได้


“ขะ ขอโทดคับ”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็ส่งยิ้มแห้งให้พลางนึกเสียดาย  มือนิ่มๆ  ชวนให้สัมผัสไม่รู้เบื่อ   เขาบอกให้ปอนั่งรออยู่บนเตียงนุ่มหลังใหญ่ของเขาไปก่อน เดี๋ยวจะไปหากล่องปฐมพยาบาลมาก่อนจากนั้นไม่ถึง10นาทีก็กลับเข้ามาพร้อมอุปกรณ์และขวดยาใส่แผลในกล่องพลาสติกใบน้อย  มือหนาเอื้อมไปจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของปอออกทำให้ร่างเล็กร้องห้ามโวยวายเสียงดัง


“ว้ากกก  จะทำอะไรผมน่ะครับ”


“จาถอดเสื้อห้าย”


“บอกก็ได้ครับ  ผมทำเองได้” ปอกล่าวอย่างอายๆก่อนจะหันหลังให้แล้วค่อยๆบรรจงถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตอนนี้สกปรกมอมแมมไปหมดเอาออก.วาตานาเบะมองกิริยาท่าทางของคนตรงหน้าด้วยใจระทึก  เมื่อเห็นผิวขาวอมชมพูนวลและแผ่นหลังเนียนน่าสัมผัสที่อยู่ตรงหน้านี้  คิเรย์นะ.....สวยจัง  น่ารักจริงๆ อยากลองชิมจัง......อ้าวเฮ้ย  นี่มันโอโตโกะ(เด็กผู้ชาย)นะ  บากะยาโร่ (ไอ้บ้า) ท่าทางจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆเรา  วาตานาเบะผู้ที่กำลังสับสน( ทางเพศ ? )นึกต่อต้านอยู่ในใจแล้วก็แข็งใจลงมือใส่ยามือไม้สั่น


“อู้ยยย  เบาๆหน่อยสิครับ” ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อแสบแผลพาเอาวาตานาเบะตกใจไปด้วย


“โกเมนนาไซ....ขอโทดคร้าบ” เขาเป่าไปที่แผลเล่นเอาปอขนลุกกับลมหายใจอุ่นที่พ่นออกมา


“ความเจ็บ จงหายปาย...ไม่เจ็บแหล่วนะ” ปอนึกขำ  ทำอย่างกับเขาเป็นเด็กๆไปได้  สักพัก วาตานาเบะก็ใส่ยาที่แผลให้เสร็จรียนร้อยแล้วก็หมุนตัวร่างเล็กให้หันมา


“เด๋วคุณไปอาบน้ามก่อนแล้วค่อยมาพานแผลทีหลัง  ราวางอย่าห้ายแผลโดนน้ามนะ  ข้าวจ๋ายนาคับ”   
ปอรับผ้าเช็ดตัวผืนใหม่กับเสื้อคลุมอาบน้ำตัวใหญ่จากวาตานาเบะเข้าห้องน้ำไป พอลับตาหนูปอคุณวาตานาเบะก็เอามือกุมหน้าอกแล้วถอนหายใจออกมาอย่างแรง  วิ้ววว....คนอะไรน่ารักโดนใจซะขนาดนั้น  มันคือรักแรกพบ และเป็นรักครั้งแรกแน่ๆ  ตั้งแต่เกิดมาเป็นไอ้เสือหนุ่มวาตานาเบะคนนี้มา 25 ปียังไม่เคยมีสาวคนไหนทำให้ใจสั่นได้ขนาดนี้มาก่อนเลย  สงสัยท่าจะมาสิ้นลายกับหนุ่มหน้าหวานเป็นตาลเฉอะคนนี้เสียแล้ว  ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือแน่.....รับรอง  ขณะเดียวกันนั้นอีกฝากฝั่งของประตูห้องน้ำ  ปอน้อยไม่ได้รับรู้ถึงออร่าสีม่วงที่ก่อตัวขึ้นอยู่ภายนอกเลยแม้แต่น้อย (เห้อๆๆๆ )  แถมยังเพลิดเพลินกันการนอนแช่น้ำในอ่างเล่นอย่างสบายตัว    ชีวิตนี้ไอ้ปอก็เพิ่งได้มีบุญมานั่งแช่น้ำในอ่างจากุชชี่ก็คราวนี้ละวะ ห้องน้ำบ้าอะไรฟะใหญ่กว่าห้องนอนตูเสียอีก  ต้องรีบกอบโกยผลประโยชน์ก่อนจะโดนไล่ออก อิอิ  ว่าแต่แหมใครได้คุณนาเบะไปเป็นฝาละมีเนี้ยคงโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่1เสียอีกนะเนี้ย  รวยก็รวย  หล่อก็หล่อ  ดูท่าทางก็เป็นคนดีของสังคม(ถ้าไม่โกธรที่ถูกผมยืนด่าจนไล่ผมออกอ่ะนะ)เป็น แมน ออฟ เดอะ เยียร์ ซะขนาดนั้น  ดูสิขนาดผู้ชายด้วยกันยังอดหวั่นไหวไม่ได้เลย  อิอิ  หนูปอเกิดอาการลืมตัวละเมอเพ้อพกไปเรื่อย  ผ่านไปสักพักเมื่อขัดสีฉวีวรรณเป็นที่เรียบร้อยแล้วปอก็เดินใส่เสื้อคลุมออกไป


“เส็ดแหล่วหรือคับ มาทางนี้สิคร้าบ โผมจาด้ายพานแผลห้าย” เสียงทุ้มเอ่ยทักเมื่อเห็นร่างบางออกมาเป็น  ปอยืนตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างสูงอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนโชว์แผงอกล่ำสมชาย นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนน้อยปกปิดส่วนล่างเอาไว้ เซ็กซื่กระชากใจแท้ แต่แล้วช็อทเด็ดกีฬามันส์กันอีกแล้วเมื่อพ่อยุ่นไฮโซหันหน้ามา  ผ้าขนหนูที่ช่วยบังสิ่งสงวนเอาไว้ดันมาทรยศกันซะงั้น  จะด้วยเพราะเจ้าตัวเหน็บไว้ไม่ดีหรือด้วยอุบัติเหตุเภทภัยใดๆก็ตาม  เจ้าผ้าขนหนูเจ้ากรรมนั้น....มันหลุดครับ


“อ้ากกกก  มาซากะ(พระเจ้าช่วย)”  ชายญี่ปุ่นรูปร่างสันทัดรีบเอามือตะปบปิดมังกรน้อยก่อนที่มันจะออกมาสำแดงเดช


“ย้ากกกกก  ทำบ้าอะไรน่ะไอ้คุณนาเบะ” ชายไทยตัวเล็กกระทัดรัดก็เอามือตะปบเหมือนกัน  แต่ ตะปบปิดตาตัวเองนะ แล้วก็โวยวายต่อว่าผีทะเลญี่ปุ่นที่มายืนเป็นชีเปลือยอยู่


“โทดที....มันเปนอุบัดเหด....ว่าแต่เรื่องอารายมาเรียกผมเป็นหม้อฟายสุกี้อย่างนั้นเล่า” วาตานาเบะพูดพลางหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันตัว


“ สุกี้บ้าบออะไรเล่า  คนลามกจกเปรต  ถึงเป็นผู้ชายด้วยกัน ผมก็ไม่อยากดูให้เสียลูกกะตาหรอก” ปอที่ยังไม่ยอมเปิดตาขึ้นมามองก็ยังคงอยู่อย่างนั้น


“เปิดตาด้ายแหล่ว  โผมม่ายด้ายโป้วแหล่ว”  พอสิ้นคำบอกปอก็ค่อยๆเอามือออกหรี่ตามองขึ้นมาทีละข้าง เห้อ....โล่งอก ใบหน้ายังคงแดงอยู่ ทำเอาวาตานาเบะอดขำในความบริสุทธิน่ารักน่าเอ็นดูของปอไม่ได้  แค่นี้ยังอาย  แล้วถ้าเห็นมากกว่านี้ละไม่เป็นลมไปแล้วเหรอ


“อายทามมาย  เรื่องแบบนี้ชาวหยีปุ่นเค้าม่ายถือสากันหรอก”วาตานาเบะบอกพลางหัวเราะอารมณ์ดี จูงแขนเล็กให้ตามไปพันแผล


“นั้นมันบ้านคุณไม่ใช่บ้านผมนี่” คนหน้าแดงเถียงออกมาเบาๆก่อนจะเดินตามแรงจูงไปนั่งที่เตียงเหมือนตอนแรก ร่างสูงกดไหล่ปอให้นั่งลงพร้อมกับหยิบผ้าพันแผลที่เตรียมไว้มาพันที่แขนแล้วก็บอกให้ปอเปิดเสื้อคลุมออกซึ่งปอก็เปิดให้เห็นแค่ไหล่เท่านั้น  วาตานาเบะใส่ยาที่แผลอีกครั้งก่อนปิดปากแผลด้วยผ้าก๊อต


“ทีนี้คูณบอกโผมด้ายหรือยังว่าทามมายเรียกโผมแบบนั้น” เขาเอ่ยถามไปพร้อมๆกับปฐมพยาบาลคนตรงหน้าไปด้วย
“ กะ..ก็ชื่อคนมันยาวนี่ จำก็ยาก  ผมก็เลยเรียกคุณสั้นๆ  คุณถือเหรอ” ร่างบางทำหน้าจ๋อยเพิ่งนึกได้ว่าอยู่ดีๆจะไปเรียกชื่อเจ้านายส่งเดชแบบนั้นได้ยังไง เสียงหัวเราะจากร่างสูงทำให้ปอรู้สึกสบายใจขึ้นเพราะแน่ใจได้ว่าคงไม่ได้โกธร


“ป่าว...ม่ายช่ายหรอก  นาเบะ ในภาสาหยีปุ่นเรามานคือ สุกี้หม้อฟายปาเภทนึง  นิโยมกินกานในฤดูหนาว”  ได้ยินอย่านี้ปอปอก็ยิ่งจ๋อยหนักเข้าไปใหญ่  อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปเรียกเขาเป็นสุกี้หม้อไฟซะงั้น  วาตานาเบะแอบส่งยิ้มหวานให้อย่างเอ็นดู


“ ว่าแต่ คูนชื่ออารายคับ ” สก็อตเทปติดผ้าก๊อตถูกตัดออก  เป็นอันเสร็จสิ้นกับการทำแผล  ร่างบางยกแขนหมุนขยับไหล่เล็กน้อยคลายความปวดเมื่อย ก่อนจะหันมาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ


“ผม ชื่อ ปรมินทร์ ครับเป็นเมสเซนเจอร์อยู่สาขาเยาวราช  จะเรียกผมว่า ปอ ก็ได้ครับ คุณ..วาตา....เออ  ท่านประธาน” เรียกตำแหน่งมันซะเลยดีกว่าง่ายดี ชื่อก็ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เราจำก็ยาก


“ม่ายอาว  เรียกโผม นาเบะก็ได้ โผมชอบ” คนพูดยิ้มแฉ่งอารมณ์ดีจ้องเขาตาไม่กระพริบ ปอไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับ  แล้วบรรยากาศในห้องก็ต้องอยู่ในความเงียบ อึดอัดกับสายตาคมที่มองมา ในขณะที่อีกคนกำลังเพลิดเพลินกับการลอบพิจารณาใบหน้าสวยใสไม่รู้เบื่อ  ปอทนไม่ไหวจึงตั้งคำถามแก้เขินขึ้นมา


“ทำไมคุณ...เออ...คุณนาเบะถึงได้มาทำธุระกิจที่เมืองไทยละครับ  แล้วใครสอนภาษาไทยให้หรือครับ”
“โอโต้ซัง...อ้อ  คุณพ่อนาคับท้านมาหุ้นลงทุนที่ทายกับกลุ่มเพื่อนๆที่หยีปุ่นมาหลายปีแหล่ว  คูณแม่โผมเปนคนทาย แต่หลังจากแต่งงานกับคูนพ่อก็เดินทางปายหยูที่หยีปุ่น โผมเลยโตที่นั้น จนกาทั้งโผมเรียนจบ  คูณพ่อก็เลยส่งโผมมาทำงานที่นี่แทน หลังจากทีท่านต้องเดินทางปายมาอยู่บ่อยครั้ง  ปีนี้ท่านก้ออายูมากแหล่วเลยกลับมาหยูที่ทายกับคูณแม่ เพาะหว่าท่านรักปาเทดทาย” วาตานาเบะเล่าอย่างกระท่อนกระแท่นอย่างอายที่พูดไม่ค่อยชัด


“แต่ยางงายภาษาทาย  ก้อย้ากกจาง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เกาหัวแกร่กๆแก้มแดง


“ฮ่าๆๆ ไม่หรอกครับ  แต่นี้ก็เก่งมากแล้ว” ปอชมอย่างจริงใจ


“เอ ไม่ลองมีแฟนเป็นคนไทยสิครับ  รับรอง  เป็นเร็วแน่ ฮ่าๆๆ”
วาตานาเบะมองภาพประทับใจกับรอยยิ้มของคนตรงหน้า มีความสุขจัง อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปจัง ปอ....ปอจังที่น่ารัก มือหนาเอื้อมากุมมือเรียวเอาไว้สายตามองลึกเข้าไปในจิตใจของผู้ที่ถูกจ้อง  ปอจังตอนนี้ใจกำลังจะละลายหมดแล้ว  โอ้ย....ขอทีได้ไหมไอ้ตาเยิ้มๆเนี้ย  เชื่อเลยที่เขาว่าคนญี่ปุ่นอะลามก ก็ดูเอาเถอะ พ่อมองอย่างกับจะทะลวงไปถึงตับไตไส้พุงขนาดนี้   ผมกลัวแล้วครับพี่อย่ากินหนูเลย


“คูนเชื่อเรื่องรักแรกโพบหมาย”  โอ้วอยู่ๆก็เข้าประเด็นกันเลยรึแล้วจะตอบยังไงล่ะที่นี้


“..................”


“ จารังเกียดหมาย ถ้าโผมจาบอกว่าคูนปอคือโคนๆนั้น”


“   -////- “   ปอหัวใจเต้นโครมคราม   เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอเนี้ยล่ะ


“ อาจจาเรวเกินปาย ช่ายหมาย” วาตานาเบะเศร้าใจทำหน้าเป็นลูกหมาถูก


“ไม่ใช่นะ....ตะ แต่ว่า  ผมเป็นผู้ชายนะครับ” ใบหน้าหวานก้มหลบลง


“ม่ายเปนราย  นั้นม่ายช่ายปันหา....” เขาเชยคางให้ตาโตๆคู่นั้นสบตากับเขา


“ขอเพียงแค่....ร้ากกานก้อพอ” จากนั้นริมฝีปากบางเฉียบนั้นก็แนบลงสัมผัสไปที่หน้าผากมนแผ่วเบา


“ม่ายชอบรึป่าว” เขาถามเพื่อความมั่นใจว่าเขาไม่ได้บังคับฝืนใจอะไรให้ร่างบางต้องรังเกียจ. แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือการส่ายหน้า  ชายหนุ่มเริ่มย่ามใจค่อยๆก้มลงประทับจูบลงไปบนปากสีแดงสด ดูเอิบอิ่ม ปอที่ไม่เคยรู้จักกับรสสัมผัสแปลกใหม่นี้กำลังอารมณ์เตลิดไปตามการชักนำของคนที่มีประสพการณ์มาอย่างโชกโชนอย่างวาตานาเบะ เรียวลิ้นหนาหยั่งลึกเข้าไปค้นหาความหอมหวานจากร่างบางตรงหน้าลำแขนแกร่งโอบตวัดเอวอ้อนแอ้นเข้าหาอย่างอ่อนโยน มือเรียวทั้งคู้ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาเกาะรั้งบนบ่ากกว้าง


“อะ อื้ม ....อึก” เด็กหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกนัก ตอบรับจุมพิศดื่มด่ำอย่างเงอะๆงะๆเพราะว่าไม่เคยมาก่อน แต่วาตานาเบะก็ชอบในปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ไร้เดียงสาแบบนี้  ลิ้นอุ่นๆชักนำเกี่ยวกระหวัดสอนบทสวาทอย่างเต็มใจ มือกร้านข้างหนึ่งกระตุกสายคาดเอวเสื้อคลุมอาบน้ำออกแล้วลูบไล้มาตามสีข้างขึ้นสูงมาเรื่อยๆเพื่อสัมผัสกับยอดอกนิ่มๆ


“อื้อ....ฮะ  หื้มม......อะ ฮ้า ” ปลายนิ้วไล้วนหยอกเย้าติ่งนิ่มๆทั้งสองกลางแผ่นอกขาวชายหนุ่มขบลงไปบนริมฝีปากนุ่ม  ดูดรั้งเบาๆเป็นการส่งท้ายก่อนจะกดปลายจมูกสูดกลิ่นหอมจากแก้มใสแล้วซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว พร้อมกับค่อยๆเอนตัวกดร่างบางตรงหน้านอนหงายลงไปอย่างแผ่วเบาเนื่องจากกลัวจะร่างบางจ็บแผล


“เจ็บ แผลหม้าย”เขากระซิบถามหากแต่ไม่มีถ้อยคำเอ่ยตอบกลับมานอกจากแววตาที่ดูก็รู้ว่ากำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน เสื้อคลุมถูกแหวกเปิดออก เผยผิวกายขาวสะอาดละเอียด   น่าลิ้มลองไปทุกสัดส่วนเขาขบฝังรอยจูบไปตามต้นคอเรียวต่ำลงมายังแผ่นอกนิ่มชวนสัมผัส  ทุกครั้งที่เขาแตะ...เด็กหนุ่มรู้สึกสั่นสะท้านไปทุกอณู 

“อะ ยะ  อย่า....อ๊า” สัมผัสอุ่นเปียกชิ้นบนผิวกายบริเวณยอดอกสร้างความรู้สึกเสียวซ่าน แผ่นหลังบางแอ่นโค้งสะเทือนไหวเมื่อชายหนุ่มขบลงไปเบาๆก่อให้เกิดอาการเจ็บแปล็บจนสะดุ้ง มือทั้งสองไล้ต่ำลงมายังบริเวณสะโพกนิ่มบีบเคล้นเล่นอย่างมันส์มือ  แขนเล็กทั้งสองจิกทึ้งลองไปบนที่นอนเมื่อชายหนุ่มตรงเข้าสัมผัสกอบกุมส่วนอ่อนไหวนั้น  ปลายขาเรียวจิกเกร็งยามที่มือแกร่งขยับท่อนเนื้อนุ่มตรงหว่างขาจนมันเริ่มแข็งขึงขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ร่างสูงก็ตระโพมจูบไล่ลงตามร่องอกจนถึงหน้าท้องแบนราบ


“อ๊า...ฮ๊า...พะ พอ  จะ จะไม่ไหวแล้ว  อื้อ” เสียงครางหวานร่ำร้องด้วยสีหน้าเร้าอารมณ์แม้จะมีหยดน้ำไหลซึมจากดวงตากลมใสก็ตาม แต่ ณ เวลานี้  ไม่มีอะไรอื่นให้สนใจแล้ว  วาตานาเบะกำลังครอบครองส่วนนั้นไว้ในโพรงปากอุ่นร้อน  ปอดิ้นพล่านด้วยอารมณ์สวาทที่พุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีก  ลิ้นนุ่มๆไล้เลียไปตามความยาวตลอดทั้งลำแท่ง กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งขมวด การดูดดุนแล้วรูดรั้งส่วนนั้นกำลังทรมานเขาใจแทบขาด


“ มะ...ม่าย  อ๊า....ห๊ะ ฮื้อ...อื้มมมม ” ร่างบางแอ่นกระตุกเกร็งจนสะโพกลอย เมื่อถึงจุด สายน้ำแห่งความสุขพ่นทะลักออกมาอย่างท่วมท้นโดยมีร่างสูงแลบลิ้นชิมรสอันหอมหวานทุกหยาดหยดด้วยความปรีเปรม 


“อ๊ะ  จะ....จะทำอะไร”  ปอร้องผวาเมื่อถูกจับหัวเข่าบังคับให้ขาทั้งสองแยกออกกว้าง


“  อ๊า....” สะโพกถูกดันให้ยกสูงขึ้น  เผยให้เห็นช่องทางลอยเด่นอยู่ตรงหน้า วาตานาเบะก้มลงกัดที่ต้นขาขาวนวลเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวฝากไว้ 2 3 รอย ทำเอาปอสะดุ้งเฮือก จากนั้นก็โลมเลียปากทางสีชมพูสวยจนชุ่มชื่น


 “ ตรงนั้นมัน  อะ ฮ๊า   อ๊า   ย  ย๊า อย่า” ชายหนุ่มไม่ฟังเสียงท้วงใดๆยังก้มหน้าก้มตาทำต่อไป ช่องทางอ่อนนุ่มนั้นกระตุกรัดแน่น เมื่อส่งนิ้วเรียวเข้าไปเบิกทาง  ความอบอุ่นเนียนนุ่มภายในแทบทำให้เขาอดรนทนไม่ไหว  นิ้วที่ 2และสามจึงตามเข้าไปในทันนั้น


“อ้า  ห๊ะ ....ฮ๊า  ฮ๊า  อะ อ๊า” เสียงหายใจหอบหนัก ประสานกัน ผสมกับเสียงครางครวญอ่อนหวานพาให้ความเร่าร้อนในกายเพิ่มสูงขึ้น ชายหนุ่มค่อยๆสอดใส่เข้าไปอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าร่างบางนั้นจะรับไม่ไหว 


“อะ อึก ดะ ดี  อย่างงั้นล่ะ ซี๊ดดด..”วาตานาเบะครวญ ขณะที่ผนังนุ่นด้านในตอดรัดเป็นจังหวะ จนกระทั่งเข้ามาจนสุด


“จะ เจ็บ..ฮะ อึก   ฮื้อ  อื้อ   ฮื้อ ...”  ปอร่ำร้องจะขาดใจหากแต่ในความเจ็บปวดกลับมีความสุขแฝงอยู่ลึก


“ ไม่หรอก  เด๋วก็หาย”  จากนั้นวาตานาเบะก็ค่อยๆเร่งจังหวะสะโพกจากช้ามาเร็ว  และเร็วขึ้นเรื่อยๆตามแรงปรารถนา


“อื้อ  ๆ   ๆ   ๆ  ฮะ อื้ม  อื้อ  อะ อ๊า ๆ ๆ” ร่างเล็กเริ่มสัมผัสได้ถึงความรักและความอบอุ่น ที่หลั่งไหลเข้ามาทีละน้อย หัวใจเขาเปิดรับเอาชายหนุ่มเข้ามาไว้จนหมดห้องหัวใจ  เขาคืออีกครึ่งหนึ่งของชีวิตที่มาเติมเต็มให้อย่างปฏิเสธไม่ได้


“อะ อื้ม  อึก  ปะ ปอ  ทสึโก่ย... (สุดยอด) ”  ร่างสูงปลดปล่อยทำหยาดหยดฝังลึกไว้ในจิตใจของปอ น้ำสีขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาตามโคนขาเจือด้วยสีแดงอ่อน  ปอหมดแรงแน่นิ่งไปแล้ววาตานาเบะก้มลงจูบที่หน้าผากมนแล้วกระซิบถ้อยคำหวานหูด้วยน้ำเสียงแหบทุ่มก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาโอบกอดเอาไว้


“ ไอชิเตรุ ปอ (รักนะ ปอ)” และดูเหมือนปอจะรับรู้และเข้าใจกับสิ่งที่วาตานาเบะกล่าวก็จะเป็นแค่ละเมอก็ไม่อาจรู้ได้หากแต่ ปอกลับซุกตัวเข้าหาไออุ่นจากแผ่นออกกว้างแล้วก็เอ่ยตอบกลับไป


“อืม  ผมก็รักคุณคับ”  ใบหน้ายามหลับของปอตอนนนี้กำลังยิ้มอย่างเป็นสุข เช่นเดียวกันวาตานาเบะที่เฝ้ามองคนรักคนแรกของเขาราวกับจะคอยปกป้องจากฝันร้ายที่จะมาทำลายความสุขของคนในอ้อมแขนนี้  เขาห่มผ้าห่มกระชับวงแขนให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นแล้วชายหนุ่มตามเข้าสู่นิทราไป  ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ดูสดใสราวกับจะต้อนรับและยินดีกับความรักที่เกิดขึ้นพร้อมกับอวยพรคู่รักคู่ใหม่อีกคู่หนึ่ง........บนโลกใบนี้       


 “ รัก ไม่มีพรมแดน ไม่ชาติ ไม่มีศาสนา  ไม่ว่าจะเป็นหญิง ไม่ว่าจะชาย  ความรักเกิดขึ้นกันตัวคุณได้เสมอ”

 1910

 [The  end]


NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องใหม่น่าสนุก

:mc4: :mc4:

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตอน2  นายหญิงคนใหม่




The messenger ตอน 2  - เปิดตัวว่าที่นายหญิงของท่านประธาน
   อืมมม......สบายจังเล้ยยยยย อากาศเย็นไปนิดแต่กำลังน่านอน  เตียงก็นู๊มมม....นุ่ม  ไม่อยากลุกไปทำงานเลย เมื่อวานกว่าจะเสร็จก็.....เอ...เมื่อวาน  เรากลับมาตอนไหนหวา  อืมมมม....เรากำลังไปส่งเอกสารที่สำนักงานใหญ่เป็นที่สุดท้ายก็ดันมาเกิดอุบัติเหตุซะก่อนแล้วก็...... งืมๆๆ นึกไม่ออก ช่างมันเถอะ ขอหลับสบายๆอีกสักแป๊ปแล้วกันค่อยตื่น ปอปอพลิกตัวตะแคงข้างฉวยเอาผ้าห่มคลุมโปงพร้อมกับควานหาหมอนข้างใบโปรด...แต่เอ๊ะ!...ทำไมหมอนข้างมันใหญ่ขึ้นฟระ  แถมยังแข็งกว่าเดิม  กลิ่นก็ผิดแปลกไป??? อีกทั้งสัมผัสที่หยุ่นๆดึ๋งๆ ลมหายใจอุ่นๆปะทะใบหน้าที่มาพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ.  ปอน้อยนอนตัวแข็งเมื่อรู้สึกได้ว่าเจ้าหมอนข้างมัน...ขยับได้  แถมยังมากอดเขาตอบอีกน่ะ...ไสยาศาสตร์มีจริง แงๆๆ ช่วยด้วย ผีมันอมเอ้ย! มันอำหนู  ตากลมโตเบิกกว้าง เหยอ...หมอนข้างดิ้นได้  ไม่ใช่สิ  นี่มันคนนี่หวา  พอเงยดูว่าเป็นเท่านั้น โอ้วแม่เจ้า!  พี่เรนมานอนเคียงข้างด้วยตั้งแต่เมื่อไหรแม้ไม่ใช่ตัวจริงแต่ก็หล่อพอๆกันละฟะ  ใบหน้าคมหลับพริ้มดูราวกับเด็กน่ารัก( ลักหลับ )เป็นบ้า......เหวอออ คิดบ้าอะไรเนี้ย  ผู้ชายนะโว้ย  he is a man นาโว้ยยยย....จริงสิ!เมื่อวานตรูกับคุณนาเบะ...( - /////- ) อร๊ากกกกกก...ทำไมใจง่ายอย่างนี้วะเรา  ไม่เท่าไหรก็เรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่นไปซะแล้ว...ถ้าท้องขึ้นมาจะทำยังไงละทีนี่  อ๊ะ! แต่ตรูก็ผู้ชายนี่หวามันจะป่องได้ยังไงกัน  ไม่ใช่ม้าน้ำนิ  ม้วนหางไม่เป็น  จะไปด่ามันก็ไม่ได้(ก็เจ้านายนี่หวา)แถมตรูยังยอมให้เขาเองอีกต่างหาก  โว้ยยยย...เพราะไอ้ตาคมๆกับรอยยิ้มซื่อๆนั้นแท้ๆเชียว  อีป้อ อีแม่ ปอน้อยสุมาเตอะ (ขอโทษ) ที่เฮามันจ๊าดง่าว(โง่) มันบ่ฮักดี  ผิดผีผิดผู้ผิดคนก่อนออกเฮือนเสียแล้ว หนำซ้ำยังเป็นป้อจายต่างแดนโต้ย  ฮือๆๆๆๆ ผีปู่ ผีย่า เฮาจะยะจะได๋ดี  งือๆๆๆ  ระหว่างนั้นอ้ายบ่าวตาชั้นเดียวก็เริ่มขยุกขยิกขยี้ตาตื่นขึ้นมาส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาพร้อมกับลมหายใจหอมสดชื่นราวกับโฆษณายาสีฟันเดงที๊ดเต้
“โอไฮโยะ ปอซัง (อรุณสวัสดิ์ครับ  ปอ ) ” เขาทักพร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากมน....เมื่อตาต่อตามาประสาน [ ป่ะ เท่ง เท่ง ] ใจปอก็วาบไหวหวิว [ ป่ะ เท่ง เท่ง ]…..เฮ้ย...ไม่ใช่วิกลิเก...ปอน้อยหน้าแดงกล่ำเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านไปเมื่อคืน  แต่แล้วปอก็ต้องสลดเมื่อนึกถึงความจริงอยู่ในใจ. วาตานาเบะที่กำลังอารมณ์ดีก็หอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่  ชื่นใจดีแท้ความสุขมันยังเอิบอิ่มอยู่ในหัวใจยังไม่จางหาย  ปกติเขาเองไม่ใช่คนใจเร็วด่วนได้ขนาดนี้ แม้ play boy หนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้จะมีสาวงามเข้าคิวมาให้เลือกมาหน้าหลายตา แต่ยังไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะเปิดเกมส์(รัก)รุกฆาตภายในคืนเดียวแบบนี้   เขาให้เกียรติผู้หญิงพอที่จะไม่ทำรุ่มร่ามน่าเกลียดอะไรอย่างนั้น(ถ้าสาวเจ้าไม่เล่นด้วยอ่ะนะ)  ส่วนใหญ่ก็แค่จูบ....อาจจะเป็นเพราะด้วยตำแหน่งหน้าที่ทางการงานและฐานะทางสังคมที่เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีระดับแนวหน้าในญี่ปุ่น จึงยากนักที่จะหาคนที่จะมารักและจริงใจโดยไม่มองถึงทรัพย์สมบัติมากมายที่อยู่ด้านหลัง ด้วยเหตุนี้เองจึงยังไม่เคยมีใครพิชิตหัวใจเขาได้เลย  แต่จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรก....ก็คงจะเกินไปสำหรับคาสาโนว่าอย่างเขา  แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาพึงพอใจและจะจดจำไปอีกนานแสนนาน...ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มตัวเล็กตรงหน้าจะคว้าใจเอาไปได้เพียงแรกพบ  ดวงตากลมโต ใบหน้าเนียน และความน่ารัก  ใสซื่อนั้น  ทำให้เขาหลงจนถึงกับจับรวบหัวรวบหาง(กินกลางตลอดตัว งิงิ )ให้ได้มาเป็นของตน
“อะ..เออ  ท่านประธานครับ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดเขาเล็กน้อย

“คร้าบบบ” เมื่อขานรับแล้วเขาก็กระชับวงแขนแน่นขึ้น

“ผะ ผม  อ่ะ โอ๊ย!” ปอร้องออกมาเมื่อแขนแกร่งไปโดนแผลเข้า  วาตานาเบะรีบคลายอ้อมกอดปล่อยทันที

“เปนอาไรม้ากหมาย  เจ็บเหรอ......ขอโทด” วาตานาเบะหน้าจ๋อยเมื่อทำคนรักเจ็บ  ปอค่อยๆลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยเสียงเครียดโดยไม่หันมามองหน้า

“ผม.....ผมอยากให้ท่านประธานลืมเรื่องเมื่อคืนนี้”

“ทามม๊าย....”ร่างสูงผวาเด้งตัวลุกขึ้นมารวบเอวบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น ส่วนคนที่ถูกโอบกอดจากด้านหลังนั้นพาลน้ำตาจะไหล  ต้องสะกดกลั้นมันเอาไว้ด้วยรู้แก่ใจดีว่าความรักครั้งนี้ก็ฌหมือนกับฝันคืนหนึ่งกลางฤดูร้อน ที่พอตื่นขึ้นมามันก็จะหายไป  ปอกุมมือแกร่งที่สั่นเทานั้นเอาไว้

“มันเร็วเกินไป....แล้วคุณก็ยังเป็นถึงประธานบริษัท ส่วนผมมันก็แค่เด็กส่งเอกสาร... เราต่างกันมากเกินไป  อย่าไหวอารมณ์หวั่นไหวเพียงชั่วคืนมาทำลายอนาคตชีวิตของคุณเลยครับ....ฮะ อึก” พูดได้แค่นั้นความอดทนทั้งหมดของปอน้อยก็เป็นอันหมดสิ้น  เขื่อนน้ำตาแตกไหลพรากยิ่งกว่าได้ดูหนังเกาหลีตอนจบ...อาไรจะนางเอกขนาดนั้น ตรู แต่ก็อย่างว่า รักต่างชนชั้น แถมยังผู้ชายด้วยกันอีก  ไวไฟเป็นน้ำมันก๊าดแบบจุดปุ๊บติดปั๊บแล้วมันจะไปเหลือรึ....เสียแล้วเสียไปยังไงก็เรียกหวนคืนมาไม่ได้ ลูกผู้ชายอยู่แล้วนิไม่จำเป็นต้องให้ใครมารับผิดชอบหรอก  ปล่อยให้เขาไปตามทางดีกว่า เจ็บเสียตั้งแต่ตอนนี้....ใบหน้างามดูซึมเศร้าลงถนัดตา วาตานาเบะจับไหล่บางหมุนให้หันมาเผชิญหน้า  ตาคมจ้องมองลึกเข้าไปดังจะค้นหาความหมายในสายตาที่มองตอบกลับมา

“ด้าย...ท่าปอซังม่ายเชื่อจายโผม มายมั่นจายนายความร้ากของโผม   ง้านก้อปายกาบโผม” แล้วร่างสูงก็จับเอาคนในอ้อมกอดขึ้นอุ้มตรงไปยังห้องน้ำโดยไม่ฟังอีร้าฆ่าอีลมอะไร ปอน้อได้แต่ดิ้นด๊อกแด๊กไปมาร้องประท้วงเสียงดัง

“เดี๋ยว...เดี๋ยวด้วยจะไปไหน มะ...อุ๊บ”ริมฝีปากอิ่มถูกปิดไว้ด้วยจุมพิศอันร้อนแรงก่อนที่จะได้ปฏิเสธออกไป...จูบนั้นเนิ่นนานราวกับจะดูดเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขาไป  อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นพลางกระชิบถ้อยคำหวานชิดติดใบหู ปอเองไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรอก  หากแต่รับรู้ผ่านน้ำเสียงอันอ่อนโยนของเขาได้

“ nani mo kowaiyo ne … Anata wa watashi no dake do koibito….Zenpude watashi no Aishiteru ga Porsan wa  haraimasu…( ไม่มีอะไรต้องกลัวนะ คุณคือคนรักของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น  ความรักทั้งหมดของผม  ขอมอบให้ปอซัง)”

“อะ เออ  ผม” เขาจุ๊ปากเบาๆเป็นเชิงเพื่อที่จะหยุดคำพูดใดๆที่ปอจะเอ่ยออกมา

“ชู๊ววว...เชื่อโผม....นะ”ท่าทางจริงจังที่แสดงออกมาทำให้ปอไม่อาจจะปฎิเสธได้  ทำได้เพียงแค่พยักหน้าหงึกๆตอบรับ คนอุ้มพอใจยิ้มหน้าบานระรื่นพาวิ่งตรงไปเปิดประตูห้องน้ำ

“ง้าน...ปายอาบน้ามกานก่อนนาคับ” ว่าแล้วก็จัดการลาก...เอ้ย อุ้มคนรักพาไปเข้าไปด้วยกัน  
“เย้ย!.........ม่ายยยอาววว  ป๋มอาบเองได้  อร้ากกกก พ่ออุ้ย แม่อุ้ย เจ้าป่า เจ้าเขา ช่วยละอ่อนน้อยด้วยเน้ออออ....” แล้วประตูห้อนน้ำก็ปิดลงส่วนเหตุการณ์ข้างในนั้น  ขอปล่อยให้คนอ่านจิ้นกันต่อเองก็แล้วกัน  อิอิอิอิ  

--------------------------------------------------------------------------------------------------------   หลังจากนั้น 3ชั่วโมง   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 ตอนนี้ทั้งคู่ได้ขึ้นมานั่งอยู่บนรถคันหรูโดยมีตุ๊กตาหน้ารถ????หน้างอหงิกอยู่ข้างๆคนขับรูปหล่อ  วาตานาเบะลอบมองหวานใจข้ามคืนของเขาแล้วก็หน้าจ๋อยพลางถามเสียงอ่อย

“ปอจัง....อาโรมม่ายดี....โกธรโผมช่ายหมาย”  เจ้าตุ๊กตาหน้ารถที่ทนนิ่งอยู่นานก็หันควับมาทำหน้าไม่พอใจ

“ก็คุณนะ....ฮึยย” ท่านประธานไม่ฟังผมเลยบอกว่าไม่ๆๆก็ไม่ยอมหยุด นึกไปแล้วตัวเองก็หน้าแดงวาบ ก็ตาหม้อไฟหื่นกามนี่น่ะสิเล่นทำแฮ็ดทริกต่ออีก 3 รอบ...แถมยัง...ในอ่างอาบน้ำอีก บ้าที่สุดเลย  เชื่อแล้วที่ว่าคนญี่ปุ่นเนี้ย sex จัดจริงๆ  นี่ขนาดเพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียวนะเนี้ย ค้ากำไรเกินควรนี่หว่า  เปลี่ยนใจแล้วถ้าไม่รับผิดชอบกันละก็น่าดู ชิ... ปอน้อยกอดอกสะบัดหน้าพรืดเมินหนีออกไปนอกรถ

“คิงมันสึ่งตึงอู้จะได๋ก็บ่าฟัง อะหยัง อะหยัง ก่อจะยะเฮาท่าเดียว ป้อจายลามก เป็นตาย่านแต้ บ่าควรป๊ะแห่มเข้าใกล้เล้ยยย ฮู้จะอี้แล้วก็ไว้ใจ๋บ่าได้แล้ว......ผ่อเตอะ ยังมายะซว่างอกซว่างใจ๋อยู๋ได้...มันเจ๊บใจขนาด(คุณนะมันบ้า พูดอะไรก็ไม่ฟัง อะไรๆก็จะทำท่าเดียว ผู้ชายลามก..น่ากลัวแท้ ไม่น่าเข้าใกล้เล้ยยย รู้อย่างนี้ก็ไว้ใจไม่ได้แล้ว....ดูเถอะ  ยังมาทำเป็นสบายอกสบายใจอยู่ได้  มันน่าเจ็บใจนัก) ” อ้ายละอ่อนหนุ่มเมืองเหนือบ่นอุบด่าเป็นภาษาคำเมือง  เอ้าซี้....จ้างให้ก็ด่ากลับไม่ถูกเพราะมันฟังไม่ออกแน่ งิงิ  นายหม้อไฟทำหน้างงเพราะว่าไม่รู้เรื่องแล้วก็ฟังไม่ทันจริงๆกับคำด่าที่รัวมาเป็นชุด

“โผมฟางม่ายข้าวจาย...แตว่าคูนคงม่ายพอจายโผมจิงๆสินะ......ขอโทดนาคับ....ดีกานน้า”  นิ้วก้อยถูกชูขึ้นมาอยู่ตรงหน้า
“ดีกานน้า  ร้ากกานๆ.....นะ” หึ  ยังมาทำหน้าทะเล้นอีก เชอะ! อย่ามาง้อซะให้ยาก โกธร เฟ้ย โกธร.... แก้มนวลป่องแทบปริไม่ยอมพูดด้วยเรียกรอยยิ้มจากไอ้หนุ่มนักรักจากโอซาก้าได้เป็นอย่างดี น่ารักจริงๆปอจังของผมยิ่งงอนก็ยิ่งน่ารักเห็นแล้วมันอยากแกล้งนักเชียว
“ม่ายอาวน่าคับ! อย่างอนปายเลยคาวน่าโผมจาม่ายทำอีกแหล้ว.....อาวแครอบเดียวยานเช้า...ม้วนเดียววววววโจบ....โอ้ย..อิไตเน่(เจ็บนะ)” พูดยังไม่ทันจบประโยคฝ่ามือมหากาฬก็ซัดป๊าบลงบนไหล่หนาทันที
“ทะลึ่ง....คนผี” ร่างบางหน้าแดงแป๊ด
“โผมโคนยี่ปุ่นคับ” คนโดนฟาดยังไม่เข็ด
“ท่านประธาน!” ปอขู่เสียงดัง
“ม่ายเรียกโผม นาเบะ แหล้วเหรอคับ” แนะ....ยังมันทำตาปริบๆอ้อนอีก มันน่าหยิก น่าตี น่าตบ น่า....น่ารัก อร้ากกกกกก...บ้าไปแล้วตรู  ฝ่ายวาตานาเบะเห็นคนรักนั่งเขินอยู่เงียบๆก็ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ
“แล้วนี้จะพาผมไปไหนครับ”ดูเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังถูกลากไปไหนด้วยก็ไม่รู้ จะพาไปทำมิดีมิร้ายต่อรึป่าวเนี้ย โอ้ว...แย่แน่ๆ

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
“จาถึงแหล้ว เดี๋ยวก้อรู้”  ไม่นานนักหลังจากที่เลี้ยวเข้ามาในซอยหนึ่งในย่านสีลมที่ถือได้ว่าเป็น japan town ในประเทศไทยก็ว่าได้  เมื่อผ่านตึกอาคารพานิชย์ต่างๆเข้ามาจนถึงสุดซอย ประตูไม้บานเบ้อเริ่มที่แกะสลักสวยงานยังกะทางเข้าวัดหรือไม่ก็ศาลเจ้าก็มิปานปรากฏอยู่ตรงหน้า  นี้คิงกึ๊ดว่าจะบวชชดใช้ให้เฮาได้ก๋านี่(นี่มันคิดจะบวชชดใช้ให้รึฟระ)  ประตูค่อยๆแง้มเปิดออกต้อนรับพวกเขาเข้าไป รถก็พาแล่นไปจอดตรงหน้าบ้านทรงญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ที่จัดสวนโดยรวบเอาไว้อย่างสวยงาม  แต่อะไรก็ไม่ดึงดูดความสนใจของปอได้เท่ากับขบวนการ men in black ที่ตั้งแถวยาวต้อนรับอยู่ตรงหน้า
“ Ogaerinasai Koyabun (ยินดีต้อนรับกลับมาครับ ท่านเจ้าบ้าน)” ปอสะดุ้งโหยงไปหลบอยู่ด้านหลังวาตานาเบะด้วยตกใจ  นี่นอกจากจะเป็นเจ้าของบริษัทเงินทุนข้ามชาติแล้วเบื้องหลังยังเป็นหัวหน้าแก็งค์ยากูซ่าอีกเด้วยเหรอเนี้ย  ร่างบางกลืนน้ำลายเอื้อก หน้าซีด เหงื่อตกเดินแกะหลังเจ้าของบ้านไม่ปล่อย วาตานาเบะเห็นแล้วก็นึกขำแต่ก็อดสงสารไม่ได้ โถก็ดูสิตัวสั่นงันงกไปหมด เขายกมือโบกไล่คนของตัวเองด้วยท่าทีที่ดูสบายๆและเป็นกันเอง
“ hai hai… tadaima  mite  Sakurawasan  Porjan  ga  odoroku desu  . maeni kokoe kaeri koenjanaiyo… ( ครับ..ครับ  กลับมาแล้ว ดูซิ  ซากุราว่าซัง ปอจังตกใจกลัวหมด คราวหน้าไม่กล้ากลับมาที่นี่กันพอดี)”
“ Sumimasen desu(ขอโทษด้วยครับ)” เจ้าหน้าโหดที่วาตานาเบะอะไรอยู่ด้วยก็ไม่รู้เมื่อกี้ หันมาโค้งหักศอก 45 องศาเป๊ะให้กับผม  ผมก็รีบก้มหัวคำนับใหญ่ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“สะ..สวัสดีครับ” ปอน้อยทักทายอย่างกล้าๆกลัวๆ คำนับกัน 2 รอบ 3 รอบ  ไฮ มาผมก็ไฮ กลับ  ซากุราวะซังเองก็ต้องก้มคำนับตอบกลับด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นแขกของเจ้าบ้าน จนวาตานาเบะอดหัวเราะเจ้าตุ๊กตาคำนับที่อยู่ตามร้านขายยา2ตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้
“ฮ่าๆๆ พอแหล้ว ปอจัง เค้าแค่อยากจาขอโทดที่ทามห้ายคูนโตกจายเท่าน้าน...ราวเข้าบ้านกานดีกว่าคับ” แล้ววาตานาเบะก็รุนหลังบางให้ตามเข้าบ้านไป....อ้าวบ้านคนเหรอ....งงอ่ะดิคับผม ปอน้อยไม่เข้าใจมึนๆเดินเอ๋อแดรกตามไป  ประตูเลื่อนเปิดนำเข้าสู่โถงทางเดินกว้าง ยาวและลึกเข้าไปตามความยาวของตัวบ้าน  โดยมีฉากกั้นขนาดใหญ่เป็นรูปเทพวายุกับเทพอัสนีย์บาตดูน่าเกรงขามแบ่งทางขึ้นลงบ้านที่ยกพื้นสูงพอประมาณออกเป็นสองฝั่ง เหนือขึ้นไปเป็นป้ายไม้ที่แกะสลักเป็นตัวอักษรคันจิที่คาดว่าน่าจะเป็นชื่อพรรรค อลังการงานสร้างมาก  สาวใช้สองคนดูท่าทางสงบเสงียมเรียบร้อยนั่งคุกเข่าก้มลงคำนับก่อนจะวางสลิปเปอร์ที่ใส่ในบ้านมาวางตรงหน้าเตรียมไว้ให้เปลี่ยน 

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไมครับ” ผมถามออกไปขณะที่สวมรองเท้า หลังจากที่ขอบคุณสาวใช้หน้ามนที่เอารองเท้าผมไปเก็บให้อีกต่างหาก  แหมเกรงใจจังบริการกันขนาดนี้

“ก้อโผมพามาโพบโอโต้ซังกับโอก้าซัง(พ่อกับแม่)ของผ้มงาย”

“ หา!  ว่าไงนะ  ไม่เอาแล้วผมกลับดีกว่า” จะอยู่ทำไมล่ะครับ กลัวโดนตัดนิ้วอ่ะ   ปอน้อยทำท่าจะออกวิ่งหนีแต่พ่อยุ่นมือไวใจเร็วก็คว้าตัวเอาไว้ได้  ก็ลากเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่สนใจเสียงคร่ำครวญของเด็กดื้อแต่อย่างใด

“ไดโจบุกาโย! ม่ายต้องห่วง โอโต้ซังอาจจาดูดุแตก้อจายดีนะ โอก้าซังก้อร้ากกกเด็กมั่ก ตองชอบปอจังของผ้มแน่”  ตรูม่ายช่ายเด็กเล็กๆนะ.....มานต้องม่ายช่ายอย่างนั้นจิ....อยู่ๆก็จะให้มาเจอพ่อผัวแม่ผัวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลย เล่นกันแบบนี้เลยเหยอ  ทำไมไม่ให้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจกันบ้าง...แต่มันก็สายไปแล้วล่ะครับ เมื่อไอ้บ้าห้าร้อยนั่นลากผมมานั่งอยู่คนเดียวในห้องรับแขกโล่งๆ ปูด้วยเสื่อตาตามิ มีเบาะรองนั่งวางจัดเอาไว้อยู่4ที่

หลังจากสาวใช้เข้ามาเสริฟน้ำชาแล้วก็ออกไปอย่างเงียบเชียบ ผมก็ลอบสำรวจไปรอบๆมุมหนึ่งจัดไว้เป็นที่โชว์ดาบและชุดเกราะนักรบโบราณเมื่อบวกกับความเงียบสงบรอบๆทำให้บรรยากาศในห้องดูศักดิ์สิทธิ์ พอมองออกไปยังสวนหินตามแบบลัทธิเซนด้านนอกก็ทำให้ผ่อนคลายอารมณ์ลงได้บ้าง  สักครู่ใหญ่ประตูเลื่อนเปิดออก  ผมสะดุ้งโหยง(ไอ๋หยา  มากันแล้ว )อ้ายบ่าวตั๋วดีเสนอหน้าเข้ามาก่อนตามมาด้วยคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่ดูมีอายุหน่อยเดินมานั่งประจำที่เบาะฝั่งตรงข้ามกับผม   โอยยยย พุทโธ ธัมโม สังโฆ  สยองมากครับ คุณลุงจ้องเขม็งมาที่ผมท่าทางน่ากลัว จะกัดตรูไหมเนี้ย    มีรอยแผลเป็นยาวที่หัวคิ้วด้วยอ่ะ  สงสัยจะกรำมาหลายศึก   ไม่รอดแน่คราวนี้   เกิดทำอะไรให้พี่แกไม่พอใจ โดนจับฝังปูนซีเมนต์ถ่วงอ่าวไทยแหง๋ม  แต่คุณป้าดูท่าทางใจดีที่นั่งคู่กันส่งยิ้มหวานมาให้ ป้าครับช่วยผมด้วยนะครับ อย่าให้ลุงแกลุกขึ้นมาคว้าดาบฟันคอผมขาดล่ะ  วาตานาเบะส่งสายตามาให้ก่อนที่นั่งลงข้างๆด้วยทีท่าเป้นการเป็นงาน  ผายมือออกมาทางด้านหน้าเป็นเชิงว่าจะแนะนำบุคคลตรงหน้า

“ปอซัง  นี้คือโอโต้ซังกับโอก้าซังของโผม  เทนริวอิจิ  ทาเคโซ   กาบ แมจ๋า จานทิมา” ผมรีบยกมือไหว้ทักทายแบบไทยๆ

“สวัสดีครับท่าน”

“ไหว้พระเถอะพ่อหนู”คุณป้ายังคงยิ้มรับเช่นเดียวกับที่คุณลุงทาเคโซที่ยังคงตีหน้าเข้มรักษามาด แต่ก็ยังพยักหน้ารับเล็กน้อย

“โอโต้ซัง....โอก้าซัง  นีปอจัง  โคนร้ากของโผมคับ” เย้ย....เปิดประเด็นกันโต้งๆอย่างนี้เลยเนี้ยนะ

“อะเออ คือ  ผม” ท่านทั้งสองคงจะตกใจที่อยู่ๆลูกชายก็พาสะใภ้หนุ่มเข้ามาบ้าน ขนาดคุณลุงยังฟอร์มหลุดหน้าเหวอเชียว

“ หนูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  มาจากที่ไหนกันหรือจ๊ะ โทษทีเถอะนะที่ป้าต้องถาม” ง่ะ....สีหน้าป้าแกเปลี่ยนไปเลยครับ เข้าสู่โหมดจงอางหวงลูกขึ้นมาทันที

“ผะ...ผมชื่อจริงชื่อ ปรเมศ กาวินทร์กุล  เป็นลูกของพ่อบุญโฮม  กับ แม่ลออ ผมเป็นคนเชียงใหม่ครับ ตอนนี้ทำงานเป็นเด็กส่งเอกสารอยู่ที่บริษัท...”ก่อนที่ผมจะได้อธิบายอะไรต่อ อยู่ๆคุณป้าก็ร้องอุทานขึ้นเสียงดัง

“อ้าว......คนเจียงใหม่หื้อกั๋นก่า  แล้วที่เปิ้นว่าเปิ้นเป๋นลูกของแม่ลออ พนาพฤกลูกสาวผู้ใหญ่ฟ้าฮ่ามแม่นก่า”  น้ำเสียงดูเป็นมิตรขึ้นมาทันที  เฮ้อ....ค่อยยังชั่วหน่อยยังไงก็คนบ้านเดียวกัน  ว่าแต่ป้ารู้จักแม่กับตาผมได้ยังไง...ปอน้อยงงครับ

“ใจ่เจ้า...แม่เฮานามสกุลเก่าก้อ...พนาพฤษ  เจ้า”  ทีนี้คุณป้าแกโผเข้ากอดผมเลยครับ  ผมก็มึนๆงงๆก่งก๊ง หันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆเลิกลั่ก ซึง่ดูเหมือนเจ้าตัวก็คงจะงงเหมือนกันว่าสะใภ้คนนี้ถูกใจโอก้าซังขนาดนั้นเชียว???

“ โอ้ยยย...บ่านึกบ่าฝันว่าจะได้มาป๊ะกับลูกจายแม่ลออทีนี้เลยเนอะ....เฮาแม่เปิ้นเคยเป๋นเพื่อนฮักกันมาตั้งแต่ละอ่อนโน้นล่ะ พอเฮาออกเฮือนไปก็บ่าได้ติดต่อกันนานจนป่านนี้ เป็นจะได๋มาจะได๋เปิ้นถึงได้มาเป็นคนฮักกั๋นได้เล่า”

“โอก้าซังคุยอาไรกาน โผมฟางม่ายรูเรื่อง งงปายโหมดแหล้ว”  หนุ่มน้อยกับหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ด้วยพากันสงสัยโดยเฉพาะคุณทาเคโซที่ปั้นหน้าเป็นม้าหมากรุก คงไม่พอใจเท่าไหรที่อยู่ๆป้าแกก็มาซบอกไอ้หนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้  ก่อนที่ความสงสัยจะบานปลายมากไปกว่านี้คุณป้าจ๋าก็ได้ชี้แจงแถลงไขให้คุณสามีกับลูกชายทราบ

“โอก้าซังกับแม่ของหนูปอเคยเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็กๆน่ะลูก  พอแม่แต่งงานไปอยู่กับโอโต้ซังที่ญี่ปุ่นก็เลยขาดการติดต่อกันไปเลย จุดใต้ตำตอจริงๆ เมื่อก่อนน่ะนะ โอก้าซังกับแม่ลออเคยตกลงกันไว้เมื่อนานมาแล้วว่าถ้าเรามีลูกก็อยากจะให้ลูกของเรามาดองกัน ติดอยู่ตรงที่ต้องตามพ่อเราไปอยู่โน้น....ดีจริงๆไหนมาใกล้ๆสิ ขอดูหน้าชัดๆหน่อย........น่ารักน่าชังอย่างนี้นี่เองตาวัฒน์ถึงได้หลง”  ป้าจ๋าแกก็ลูบหน้าลูบหลังรับขวัญเป็นการใหญ่ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เจ้าบ้านหนุ่มก็พลอยโล่งอกไปด้วยเมื่อเห็นแม่ผัวลูกสะใภ้  เข้ากันได้ดี 

“ฮอนโตนิ  โอก้าซัง  อ่า....อีเดสุโย ท่าอย่างน้านโอก้าซังก้อคงม่ายมีปานหาช่ายไหมคับ หากผ้มกับปอจังจาแต่งงานกาน”  ร่างสูงพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เอ้ย!...” ฟ้าผ่าหัวหมาตายสิครับงานนี้ ใจกล้าหน้าไม่อายขอผู้ชายแต่งงานต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง อุ้ย ตาย  ว้าย กรี๊ด   คุณลุงคุณป้าทั้งสองนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะหันไปแอบกระซิบกระซาบปรึกษาอะไรกัน  ระหว่างนั้นผมก็หันไปมองหน้าคนบ้าที่ดูหล่อที่สุดเท่าที่เคยพบ นี่คุณนาเบะเอาจริงหรือเนี้ย นี่เราไปทำเสน่ห์ใส่มันตอนไหนฟระ  แป๊ปเดียวหลังจากอึ้งทึ้งเสียวกันไปตะกี้คุณป้าจ๋าก็เอ่ยขึ้น
“ ปัญหานะมีแน่....ตาวัฒน์ ” ชายหนุ่มนั่งหน้าเครียด  ผมลอบถอนหายใจเบาๆ  ยังไงซะคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงต้องอยากเห็นลูกตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่เหมาะสมอยู่ดี  ใครมันจะบ้ายอมรับผู้ชายด้วยกับมาเป็นสะใภ้กัน ยอมรับความจริงเถอะไอ้ปอเอ๋ย  ผมก้มหัวแสร้งจิบน้ำชาเมื่อรู้สึกคอแห้ง
“แม่มีปัญหาแน่ถ้าหนูปอยังไม่พร้อมแล้วก็ยังไม่ได้บอกกล่าวสู่ขอกับผู้ใหญ่ทางนั้นให้มันเรียบร้อย”
“อึ๊ก...  คคะแค่กๆ” สำลักครับสำลัก
“ว่าไงลูกหนูปอ”  ไหงเป็นงี้เป็นได้ล่ะ  โยนมุกนี้มารับแทบไม่ทันตอนนี้สายตาทั้งสามคู่จ้องมากดดันผม คู่หนึ่งมองมาด้วยความหวังว่าผมจะตอบรับรักมันเต็มที่ อีกสองคู่ที่เหลือก็เหมือนจะเฝ้ารอคำตอบจากผม
“ผะ..ผมเป็นผู้ชายนะครับ”
“ป้าไม่ถือหรอกจ๊ะ คุณลุงเขาก็รับได้  ที่จริงเราสองคนเคยบอกตาวัฒน์เสมอว่าไอ้พวกที่เขาคบเล่นๆน่ะ พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ถ้าเมื่อไหรที่เจอคนที่เขารักจริงๆก็ขอให้พามาแนะนำให้รู้จัก  ป้ากับลุงยอมรับการตัดสินใจของลูกเสมอ”
“แต่....ผมเพิ่งรู้จักกับคุณ..วาตานาเบะ ได้ไม่นาน”  ที่จริงก็เพิ่งเจอกันเมื่อวานด้วยซ้ำ
“ไม่สำคัญหรอกจ๊ะ  มันขึ้นอยู่กับว่าหนูพร้อมมัน  แล้วหนูรักมันจริงๆรึเปล่า ” สามคนพ่อแม่ลูกก็ยังจ้องผมยังกับกำลังลุ้นหวยรางวัลที่1.....งื้ออออ...กดดันอ่ะ...จะมาบีบคั้นอาไรกันตอนนี้ง่ะ   ผมนั่งนิ่งใช้สมอง  นั่งสมาธิ ติ๊กต๊อก...ติ๊กต๊อก..ติ๊กต๊อก ....ติ๊ง(นึกถึงอิ๊กคิวซัง)คิดออกแล้ว   ใบหน้าหวานแดงซ่านค่อยพยักหน้าตอบรับ  แหมก็ยอมเขาไปแล้วนิจะบอกว่าไม่รักก็ดูจะโกหกตัวเองไป  อิอิ  นายหม้อไฟตัวดีของผมกำหมัดร้องเยสด้วยความสะใจ ส่วนคุณป้าก็อดร้องไห้ดีใจไปด้วยไม่ได้  แม้แต่คุณลุงที่นั่งแก๊กขรึมอยู่ได้ตั้งนานถึงกับยิ้มบางๆที่มุมปากเข้ามาลูบหัวแล้วเอ่ยคำช้าๆชัดๆที่ละคำเป็นประโยค
“ยิน- ดี –ต้อน-รับ”  ผมเลยถึงบางอ้อ ว่าอ๋อที่นั่งเงียบอยู่ตั้งเป็นนานเนี้ยก็เพราะพูดภาษาไทยยังไม่ค่อยได้นี่เอง  อุตส่าห์นึกกลัวอยู่ตั้งนาน  คุณลุงตบสมือขึ้น3ครั้งเรียกสาวใช้เข้ามาสั่งการส่งภาษาญี่ปุ่นโล้งเล้งเป็นการใหญ่พร้อมกับเรียกลูกน้องในกลุ่ม men in black คนหนึ่งเข้ามาเป็นคนต่อไป

“ อย่างนี่ต้องฉาหลอง ”  พอสิ้นเสียงของคุณนาเบะเท่านั้น  สักพักผนังห้องด้านหลังก็เลื่อนออกเปิดให้เห็นกลุ่มคนในพรรคที่มานั่งรวมตัวอย่างเป็นระเบียบในห้องถัดไป

“ ยินดีด้วยครับท่านรุ่นที่3  ยินดีต้อนรับครับ   นายหญิง ” เสียงอันเข้มแข็งของกลุ่มคนที่จงรักภักดีกังวานสะท้านก้อง  ผมปวดตับจี๊ดๆขึ้นมาทันที นี่ตรูหลงรักคนผิดรึเปล่าเนี้ย ต้องกลายมาเป็นซ้อใหญ่แก๊งค์ยากูซ่าไปซะแล้ว....อนาคตต่อไปของผมจะเป็นยังไงกันล่ะเนี้ย....
แล้วงานเลี้ยงต้อนรับนายหญิงคนใหม่ของบ้านก็ดำเนินต้องไปอย่างครื้นเครงเป็นกันเอง........เฮ้อ........ชีวิต



= ต่อกันอีกนิด =

“ป้าจ๋า  เอ้ย...โอก้าซังล่ะครับ” ผมถามคุณนาเบะขณะกำลังกินดื่มกันอยู่กับลูกพรรคอย่างสนุกสนาน  ดูเหมือนพ่อสุกี้หม้อไฟของผมเริ่มจะเมานิดๆเพราะหน้ามันแดงแล้วครับ
“โอก้าซัง คุยโทระสับอยู่กาบคูนแม่ปอจังเรื่องของราวอยู่ นาคับ”ป้าจ๋าที่ได้เบอร์ติดต่อแม่จากผมก็รีบโทรไปเม้าท์ทันที  ไอ้แม่ผมก็ดีใจตื่นเต้นอย่างมากมาย เห็นดีเห็นงามด้วยที่ลูกชายตัวกับลูกชายของเพื่อนรักจะแต่งงานด้วยกัน
“ อ้ายปอเอ้ยย! แล้วก้อบ่าบอกแม่ว่าลูกไปยะการยะงานอยู่กะป้าเขา  ดีแต้ก่า แม่จะได้บ่าต้องห่วง  คู่กั๋นแล้วย่อมบ่าแคล้วกันแต้เนอะ  หมั่นหมายกันยังตั้งแต่บ่าเกิด  ยังบ่าฮู้โตยซ้ำว่าเป็นหญิงหรือจาย  บ่ากึ๊ดเลยว่าจะมีวันนี้ ”  นั้นเป็นคำพูดที่ผมเพิ่งได้คุยกับแม่ไปหลังเจรจาสู่ขอทางไกลกันครับ  ไม่หวงลูกชายกะเขาบ้างเลยนะแม่ ยกให้ง่ายๆซะงั้น  ผู้ใหญ่สมัยนี้ก็เปิดกว้างดีเนอะ
“ นี่...คุณนาเบะครับ” ผมหันหน้าไปหาอ้ายบ่าวของผม
“มีอารายหรือคับ ปอจัง”  เจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้เอามือโอบเอวผม  เฮ้ยยๆๆ  ไม่ต้องเลย  อย่ามาหื่นต่อหน้าธารกำนัล
“ ผมสงสัย.... ทำไมโอก้าซังเรียกคุณว่าตาวัฒน์ล่ะครับ ”
“ ก้อชื่อทายของผ้มทีโอก้าซังตั้งให้ ชื่อ วัดทานา (วัฒนา)  โอก้าซังก้อเลยเรียกผ้มอย่างนี้มาตังแต่เล้กๆแหล้ว”
“อืมม  อย่างนี้นี่เอง  ต่อไปผมจะได้เรียกชื่อคุณวัฒน์  สั้นๆ จำง่ายดี”
“ ม่ายอาว ” วาตานาเบะส่ายหน้ายิก 
“ทำไมละครับ”ปอน้อยเอียงคอถาม”
“ก้อโผมอยากห้ายปอจังเรียกว่า ทีร้ากกก มั่กกว่างาย...จุ๊บ”
“  ( - ////-  ) “

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
The Messenger ส่งรักมาถึงคุณ 3 ตอน sweet valentine กับ honeymoon ขำฮา
   

        แต่น...แตน แตน แตน...แต่น แต๊น  แต้น แตน....แต่งไปทำไม แต่งเพื่ออะไร  แต่งไปเป็นคนใช้ หรือ ไม่ ก็เป็นคนสวน  แต่น...แตน แตน แตน...แต่น แต๊น  แต้น แตน....ฮะเอิ้ก  ขำขำ  ผู้ชายทั่วไปส่วนใหญ่อาจจะอยากร้องเพลงนี้หลังจากที่ได้แต่งงานกันไปแล้ว แต่สำหรับผมน่ะเหรอ  เห้อๆๆๆ อย่าให้ said   หลังจากตกลงปลงใจไปเป็นสะใภ้ญี่ปุ่น ดำเนินการสู่ขอกันเป็นเรื่องเป็นราว จัดงานกันอย่างง่ายตามประเพณีไทยและญี่ปุ่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พ่อสุกี้หม้อไฟของผมก็ดูแลปรนณิบัติเป็นอย่างดี ต้องการอะไรอยากทำอะไรจัดให้ทุกอย่างจนผมแทบไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรเลย   แถมพี่ท่านเล่นถึงกับขนาดจะออกคำสั่งย้ายผมออกจากตำแหน่ง  Messengerให้มาอยู่บ้านอย่างเดียวเป็นเพื่อนป้าจ๋า  แน่นอนครับ ผมไม่ยอมออกจากงานหรอก เรื่องอื่นพอยอมได้แต่เรื่องนี้ขอครับ ผมจึงต้องไปฟ้องป้าจ๋าแม่ผัวสุดที่เลิฟของผมให้จัดการให้  ทีแรกคุณนาเบะก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปขี่มอเตอร์ไซด์ส่งเอกสารให้ผิวเสียทำไม แดดก็แรง  แถมจะได้เอาเวลาไปเรียนนิติศาสตร์ของผมซึ่งจะจบอยู่ในเทอมนี้แล้วจะดีกว่า  แต่แหมมหาลัยผมมันเป็นเรียนแบบการศึกษานอกระบบ เรียนด้วยตัวเองที่บ้านรอไปสอบอย่างเดียวมันก็ว่างอ่ะดิครับ อีกอย่างนิพนธ์ผมก็จัดการไปเรียบร้อยตั้งกะกลางเทอมแล้ว  เหลือแค่รอสอบปลายภาคเท่านั้น  ถึงผมจะได้ฝาละมีรวยแต่ก็ใช่ว่าผมจะมานั่งกินนอนกินอยู่เฉยๆนี่ครับ ไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะได้อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน   ผมจึงได้ยื่นคำขาดกับไอ้หม้อไฟว่า ถ้าเราแต่งงานกันแล้วชีวิตผมต้องเปลี่ยนไปขนาดนี้  ผมจะกลับไปอยู่หอเหมือนเดิม แม้จะมีงอนผมอยู่บ้างแต่พ่อเจ้าประคุณก็ได้ยอมปล่อยให้ผมได้มาทำงานที่บริษัทตามเดิมเพียงแต่ผมต้องย้ายมาอยู่ประจำที่สำนักงานใหญ่แทน  แล้วก็ยังไม่วายประกาศฐานะของผมให้พนักงานในบริษัทได้รับทราบ กลุ่มผู้ร่วมงานกับพี่ๆที่เคยรู้จักกันก็พากันเกรงใจไม่กล้าปล่อยให้ผมทำหน้าที่อะไรหนักๆเลยจนผมต้องขอร้องพูดคุยทำความเข้าใจกันบอกว่ายังไงผมก็ยังเป็นไอ้ปอน้อยคนเดิมของพี่ๆน่ะละ ปฏิกิริยาเหล่านั้นจึงค่อยๆลดลงไป   ส่วนในฐานะนายหญิงคนใหม่ช่วงแรกๆก็ลำบากใจครับกับการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับบรรดา men in black ทั้งหลาย แต่พอได้มาสัมผัสคลุกคลีกันจริงๆพวกนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด คุณซากุราวะเองก็ใจดี แถมยังทำอาหารอร่อยอีกต่างหาก นี่ผมยังไม่แอบฝึกวิชากับเขาด้วยเลย คนในพรรคก็จริงใจดีครับ ไปรู้มาว่าเจ้าพวกนั้นบางคนไปเข้าคอร์สเรียนภาษาไทยเพื่อที่จะได้คุยกับผมได้ ฮ่าๆๆ พยายามกันดีเนอะ   มาถึงทุกวันนี้ผมก็มีความสุขดีครับครับถึงแม้เวลาขับน้องฟีโน่(ที่มันเอาไปซ่อมมาให้แล้ว)ไปส่งเอกสารจะต้องมีเด็กๆในพรรคขับรถแอบตามมาอยู่ห่างๆแต่เราพบกันครึ่งทางครับ เข้าใจว่าเขาก็รักก็หวงตามประสาของเขาเลยยอมตามใจ  อีกอย่าง  ถึงคุณนาเบะไม่สั่งเด็กมันก็ต้องทำหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ชินเสียแล้วครับ
    โอเคผ่านไปกับ2อาทิตย์ของชีวิตข้าวใหม่ปลามันของผมกลับมา ณ ตอนนี้ขณะนี้  วันที่ 14 กุมภาพันธ์วันแห่งความรักอันเป็นวันกฤษ์งาม ยามดีที่เราทั้งคู่เดินทางมาที่อำเภอเพื่อจดทะเบียนสมรสกันครับ  อ๊ะๆๆอย่ามองผมแบบนั้น เราไม่ได้บ้าเห่อตามเทศกาลกันหรอกครับแต่ว่ากฤษ์เนี้ยพระครูที่เคยผูกดวงตอนเกิดให้ผมท่านให้มา ในเมืองไทยเราเรื่องนี้ยังไม่มีกฎหมายรองรับหรอกครับแต่ที่ญี่ปุ่นเขามี  พวกผมจึงมาจดทะเบียนที่นี้เพื่อจะได้เอาไปแสดงหลักฐานกับทางโน้นเขา  จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไป  เดี๋ยวทนายของพรรคเขาจะช่วยจัดการให้  คุณนาเบะพาผมมาที่สำนักงานเขตบางรัก  บอกว่าความรักของเราจะได้ยั่งยืนยาวเลยพามาจดที่นี่ ...เอาเถอะพ่อคุณว่าไงว่ากัน  เพราะรักนะเนี้ย  อิอิ
“ปอจังมาน่างตงนี้กานก่อนดีกว่า”เมื่อเราขึ้นมาข้างบนก็พบว่ามีคู่รักมากมายกำลังเข้าคิวรอกันเต็มไปหมดสมแล้วที่เป็นวันแห่งความรัก พวกเราจึงไปนั่งรออยู่ที่โซฟาชุดแถวๆนั้นที่เพิ่งมีคนลุกไป

“เห็นไหมครับ ผมบอกคุณแล้วว่าที่นี่น่ะคนเยอะ”

“ม่ายเปงรายนี่คับ วานนี้เราก้อม่ายด้ายรีบอารายนี่คับ”

“ มันก็จริงอยู่ครับ  แต่ว่า......” ผมสอดส่ายสายตาไปรอบๆเมื่อรู้สึกว่าคู่รักชายหญิง 2-3 คู่จ้องมองมา  ฝ่ามืออันอบอุ่นบีบแน่นขึ้นพร้อมขยับตัวเข้ามาใกล้

“ อย่าปายโสนจายเลย ครายอยากมองก้อมองปาย   โผมม่ายอาย ปอจังก้อม่ายจำเปนต้องอาย...ข้าวจายนะ ” วาตานาเบะลูบผมนิ่มพลางปลอบใจแถมยังทำสวีทอย่าไม่แคร์คนรอบข้างด้วยการหอมแก้มโชว์ซะเลย

“ ร้อนหมายที่ร้าก หิวรือป่าว  รอเด๋วนะ”  แล้วพ่อตัวดีก็กุลีกุจอไปกดน้ำเย็นมาให้พร้อมกับหยิบเอาพัดแบบที่พับได้อันเล็กๆออกมาพัดวี
“ โอดโทนไว้นาคับ เด๋วก้อถึงคิวราวแหล้ว” เขินอ่ะดิคับ  หน้าร้อนผ่าวเลย
“ คิงกึ๊ดอะหยังก้อบ่าฮู้ บ่าหันผู้อื่นนั่งคกงก(นั่งหัวโด่)อยู่เต็มไปหมดเนี้ย” ผมกระซิบบ่นเบาๆ   คุณนาเบะยังยิ้มแป้นโบกพัดให้อย่างอารมณ์ดี คู่รักที่นั่งอยู่ติดๆกันหันมายิ้มให้
“ รักกันดีนะคะ  ฮะๆๆ ”พี่ผู้หญิงทัก ผมก็ได้แต่หัวเราะแฮะๆ ก้มหน้างุด ถึงจะอายแต่ก็...มีความสุขจังเยยคับ...

   สองชั่วโมงต่อมาคนเริ่มบางตาลงจนเหลือเพียงแค่ 4-5 คู่ ซึ่งก็รวมถึงผมกับคุณนาเบะด้วย เจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานหัวฟุมาทั้งวันก็กดโฟนประกาศเรียก
“ ขอเชิญหมายเลข xxx ที่ช่องหมายเลข..3 คะ”  ( อะ แฮ่ม อย่าเข้าใจผิดว่ามาแบงค์กันนะ) พวกผมรีบตรวจเอกสารให้พร้อมก่อนที่จะยื่นให้กับเจ้าหน้าที่จากนั้นก็ตรงไปยังโต๊ะนายทะเบียน คุณลุงนายทะเบียนเลื่อนเอกสารใบทะเบียนสมรสมาให้ตรงหน้า เราทั้งคู๋เซ็นต์ชื่อลงไปพร้อมๆกันก่อนที่คุณนาบะจะหันมาสบตาด้วยใบหน้าที่อิ่มเอมใจ  ผมเองก็เช่นกัน  ไม่รู้ว่าตอนที่พ่อกับแม่แต่งงานกันนั้นจะมีความสุขเหมือนกับผมในตอนนี้ไหมน้า
”ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ รักกันนานๆ อยู่กันให้ยืดยาว ด้วยความรักความเข้าใจ อย่าต้องมาขึ้นอำเภอมาเจอกับผมอีกรอบนะครับ  เพราะผมไม่อยากต้องทำเรื่องขอหย่าให้   รักกันมากๆนะครับ”
“ขอบคุณมากครับ”เราทั้งคู่กราบขอบคุณ จากนั้นคุณลุงก็เอาอุปกรณ์อะไรบางอย่างรูปร่างเหมือนกล่องล้อหมุนออกรางวัลแบบในการ์ตูนวางไว้ตรงหน้า พวกผมมองกันอย่างงงๆ
“ ทางสำนักงานเขตเราจัดให้มีการแจกรางวัลให้กับคู่รักที่มาจดทะเบียนกันในวันนี้ได้ร่วมสนุกกัน เชิญเสี่ยงดวงดูเลยครับ ขอให้โชคดีได้รางวัลใหญ่นะครับ”  มีอย่างนี้ด้วย ตากลมโตเบิกกว้างเหมือนเด็กเห็นของเล่น  วาตานาบะขยับให้คนรักเข้ามาใกล้ๆเพื่อจะให้หมุนออกรางวัล
“อาวเลยคับ  เทบทิดานามโชคของโผม” วาตานาเบะปล่อยให้ปอน้อยเล่นสนุก
“ ไม่เอาครับมาหมุนด้วยกันสิ 2แรงแข็งขัน รวมพลังกัน มาเร็วครับ” แล้วปอน้อยก็จับมือวาตานาเบะมาโยกคันหมุนด้วยกัน เสียงลูกบอลกลิ้งดังกลุ๊กกลิ๊กตามแรงเหวี่ยง จากนั้นลูกบอลสีทองเล็กๆก็กลิ้งออกมาจากช่องกลมๆที่เจาะเอาไว้
“ โอ้วคุณโชคดีมากๆเลยครับ คุณได้รับรางวัลใหญ่เป็น package tour Honeymoon สุขสันต์ที่จังหวัดกระบี่ 3 วัน 2 คืน พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2 ที่นั่ง ขอให้สนุกกับการไปฮันนี่มูนนะครับ”ทุกคนในที่นั่นลุกขึ้นตบมือแสดงความยินดีให้กับเรา ว้าวอะไรจะเฮงขนาดนี้ ดีใจกระดั๊กกระเดี่ย ( ???? ) ดีใจขนาด
“เย้ๆๆ ได้ไปแอ่วทะเลโต้ยกันเน้อ  ไปแอ่วทะเล ไปแอ่วทะเล” ผมกระโดดดึ๋งๆไปมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับเด็กจับมือเขย่าไปมาเต้นระบำฮูล่าอย่างกับได้ไปฮาวาย  แหม ก็เด็กเหนืออย่างผมไม่เคยไปสัมผัสกับท้องน้ำกว้างใหญ่สายลมที่พัดพาเอากลิ่นไอเกลือ ไม่เคยได้ยินเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดซาดนี่ครับ อยู่แต่กับป่าเขาลำเนาไพร  เชียงใหม่กับภาคใต้ไกลกันออก  ถึงผมจะได้ลงมาอยู่กรุงเทพแต่ผมก็ไม่มีเวลาไม่มีกะตังค์ไปเที่ยวเล่นนิ
“  ซึกิเดโช (ชอบเหรอ)ปอจัง ดีจางเลยนะ ปายเที่ยวอุมิ(ทะเล)กานสองโคนคงจาโรแมนติกดีนาคับ”
“  อื้ม ” ผมหันไปยิ้มดีใจจนหน้าบาน จากนั้นเราก็รับมอบของรางวัลเสร็จแล้วก็ลงไปหาคุณซากุราว่าที่วันนี้อาสาทำหน้าที่เป็นสารถีให้เพื่อขึ้นรถกลับเคหสถาน รังรักของเรา  หุหุหุหุ.......
...หลังจากนั้น 3 วันต่อมา...
โอ้ทะเลแสนงาม..ฟ้าสีครามสดใส ...มองเห็นเรือใบ..ลอยอยู่ในทะเล จู้ ฮุ๊ก กรู๊  ฮ่า ฮ่า หลังจากรอให้คุณนาเบะจัดการงานเคลียร์ตารางให้ว่าง  วันนี้ผมและสุดที่รัก คุณนาเบะก็ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามายังสนามบินชื่อฉาว  อุ๊บ...เซ็นเซอร์  ขึ้นเครื่องไปลงที่จังหวัดภูเก็ตแล้วต่อรถไปกระบี่กันสองคน ปล่อยให้เด็กๆในแก๊งค์เฝ้าบ้านกันไป เพราะว่าโอโต้ซังกับโอก้าซังก็ขอกลับไปบ้านที่โอซาก้า  แอบไประลึกความหลังครั้งยังหวาน ( ตอนนี้ก็ยังหวานกันอยู่นะครับ )   นอกจากผมจะได้ไปเที่ยวทะเลเป็นครั้งแรกในชีวิตแล้ว ผมยังจะได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกอีกด้วย ตอนเครื่องบินกำลังขึ้นผมกลัวมาเลยครับแถมยังสะลิด(กระแดะ)มานั่งติดหน้าต่าง  สูงมากเลยครับ  มันสูงมากๆ  มองลงไปแล้วรู้สึกเหมือนกำลังดุแผนที่ดาวเทียมใน  google  เลย    ผมคว้าแขนฝาละมีสุดที่ฮักมากอดเอาไว้แน่น  อ้ายบ่าวตัวดีของผมยังมีหน้ามานั่งหัวเราะชอบใจอีกเลยหยิกเหน็บเข้าให้ที่สีข้างจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง


“ นี่แนะ  ม่วนนักใจ่ก่อ (สนุก นักใช่ไหม) นี่แนะ นี่แนะ   บ่าต้องมายิ้มเลย ” หนอยบังอาจมาหัวเราะเยาะกันได้


“ โอ้ย .... ขอโทดคร้าบบบบ  พอแหล้ว  ฮ่าๆๆ  อิไตเน่... ฮ่าๆ  ”  เราหยอกล้อเล่นกันเสียงดังพอสมควร  ดีนะ ที่พวกผมนั่งชั้น first class จึงไม่มีคนอื่นนอกจากพวกแอร์ฯ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว  เกือบ 2 ชั่วโมงเครื่องบินก็ถึงสนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ต ( ถ้านั่งรถกันมาเองละก็ข้ามวันข้ามคืนแน่) เราต้องเดินทางด้วยรถกันต่อซึ่งทางโรงแรมจัดรถตู้มารับที่สนามบิน  หึหึ  มากับใครให้มันรู้ซะบ้างระดับเจ้าของบริษัทเงินทุนระหว่างประเทศซะอย่าง  สบายไปร้อยแปด  โฮะๆๆ  คุณนาเบะเดินลากกระเป๋าใบโตของเราสองคนตามต้อยๆ  แถมยังแบกเอากระเป๋ากล้องใบใหญ่มาอีก  ส่วนผมหรือถือถุงน้ำกับขนมครับก็เดินตัวปลิว นี่ล่ะครับของดีของการมีสามี

“ คุณครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำจัง รอผมแป้ปเดียวนะครับ” ผมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะถึงทางออก

“ วาคัตตะ (เข้าใจแล้วครับ)  โผมจารอตงนี้นะ” ผมยื่นถุงของให้คุณนาเบะแล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที.....ปวดฉี่มากครับ.  หลังจากทำกิจส่วนตัวเสร็จผมก็ล้างมือทำความสะอาดแต่พอหมุนตัวกลับจะออกไป

“ โอ๊ะ...ระวังนะหนู” ผมคว้าตัวเด็กน้อยที่พรวดพราดเข้ามาชนก่อนที่ร่างเล็กจะล้มลง

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ขอโต๊ดคะ  หนูไม่ได้ตั้งใจ” สาวน้อยตัวสูงประมาณเอวแต่งตัวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีหม่นๆดูมอซอ หากแต่ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก  กำลังยืนบิดไปบิดมาทำท่าเหมือนอยากจะเข้าห้องน้ำมาก  ผมย่อตัวลงจนอยู่ในระดับเดียวกันกับดวงตาใสแจ๋วคู่นั้น

“ หนูเข้าผิดห้องแล้วนะคะ  นี่น่ะ ....มันห้องน้ำชาย” ผมลูบหัวเด็กน้อยหลงแสนน่ารักทางคนนี้ด้วยความเอ็นดู

“แต่หนูปวดฉี่จะยาดแย้ว”

“งั้นก็เข้าไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่รอนี่นะ” ผมรุนหลังหนุน้อยให้เข้าห้องน้ำไป  โชคดีที่ไม่มีใคร  ผมยืนเฝ้าไม่นานน้องเขาก็ออกมา  หนูน้อยพยายามจะล้างมือแต่เอื้อมไม่ถึงก๊อกน้ำ

“มา  พี่ช่วยนะคะ” ปอน้อยอุ้มเด็กหญิงขึ้นกระเดียดเข้าเอวพร้อมเปิดก๊อกน้ำให้  ระหว่างนั้นประตูก็เปิดขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา  ชายคนนั้นทำท่าตกใจแล้วร้องขึ้น

“เฮ้ย....จะทำอะไรน่ะ”

“ ทำอะไร? ” ปอวางเด็กน้อยลงเมื่อเห็นว่าล้างมือเสร็จแล้ว

“นี่มันห้องน้ำชายนะคุณ  พาเด็กผู้หญิงเข้ามาได้ยังไง”  ท่าทางยียวนกวนประสาทของหมอนั่นทำให้ปอหมั่นไส้  เห็นเราเป็นคนโรคจิตหรือยังไง

“ ถ้าคุณพ่อพาลูกสาวที่มากันสองแล้วจะมาเข้าห้องน้ำด้วยกัน.....มันแปลกตรงไหน  คนก็ไม่มี ” กวนมาก็กวนไป  เอาสิ

“ แน่ใจ....ไม่ใช่ว่าไปล่อลวงมาทำมิดีมิร้ายนะ”ชายแปลกหน้ายังมีหน้ามาจ้องจับผิด

“คิดอกุศล....  เราไปกันดีกว่านะคะอย่าไปยุ่งกับคนบ้าเลย”

“อ้าวเฮ้ย  ด่ากันนี่หว่า”  ปอไม่สนใจเดินหนีออกมาข้างนอกจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา

“หนูมากับใครคะเนี้ยอย่าบอกนะว่ามาคนเดียว”ปออดเป็นห่วงไม่ได้กลัวว่าเด็กน้อยจะหลงทางอีก

“หนูมากับยาย...ยายมาทำงาน” เด็กน้อยบอกพร้อมกับหันซ้ายหันขวาเหลียวมองหาผู้ที่เป็นยาย  สักพัก  เด็กน้อยก็ชี้ไปยังหญิงสูงวัยซึ่งอยู่ในชุดพนักงานทำความสะอาดท่าทางซีดเซียวกำลังถือไม้ถูพื้นวิ่งเข้ามา
 
“ แค่กๆ  หนูแขไปไหนมา  ยายบอกแล้วว่าอย่าไปซนไหน แค่กๆๆ” หญิงแก่พูดไปบ่นไปท่าทางไม่ค่อยจะสู้ดี

“ หนูปวดฉี่...เลยไปห้องน้ำ พี่ชายใจดีอยู่เป็นเพื่อนหนู ”  เด็กหญิงรายงานผู้เป็นยายให้ฟัง

“ขอโทษด้วยนะคะ แค่กๆ  ที่ยายหนูไปรบกวนคุณ” หญิงชรายกมือไหว้จนปอต้องรีบห้าม

“ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับยาย  ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง”

“ขอบคุณ นะคะ  ไปยายหนู  แค่ก ” ยายจูงหลานสาวให้ตามไป

“บ๊าย บาย พี่ชาย “ เด็กน้อยโบกมือหยอยๆจนลับตาไปกับฝูงชนแล้วปอก็รีบกลับไปหานายหม้อไฟที่กำลังรอเขาอยู่

   รถของโรงแรมมารับเราไปยังท่าเรือในจังหวัดกระบี่เพื่อขึ้นเรือไปยังเกาะลันตา  ตลอดทางปอน้อยครึกครื้นตื่นเต้นเมื่อได้เห็นทะเลอยู่ตรงหน้านึกในใจว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาไปดำผุดดำว่ายน้ำทะเลกันสักที  เรามาพักกันที่   Pimalai   Resort and Spa โรงแรมระดับ 5 ดาวบนเกาะแห่งนี่ ที่จัดบรรยากาศเป็นแบบลากุน่า
  หรูหราสุดๆ  ห้องพักมีทั้งห้องนั่งเล่นดุทีวีจอใหญ่  ครัวเล็กๆ  แยกกันเป็นสัดส่วน  ห้องนอนมีเตียงใหญ่ขนาด  king size ( เป็นเตียงน้ำทรงกลมด้วยละ หุหุ) ผมกระโจนขึ้นไปบนเตียงด้วยความสนุกสนาน
“ คุณนาเบะดูสิ เตียง ใหญ๊  ใหญ่   นู๊มมม นุ่ม  เด้งดึ๋งดั๋งเลย  อุ้ย  เห็นทะเลด้วย” ว่าแล้วผมก็ถลาไปเปิดประตูกระจกออกไปยังระเบียง ซึ่งหันหน้าเข้าหาทะเล  ผมสูดกลิ่นไอสดชื่นจากท้องสมุทรเข้าเต็มปอด คุณนาเบะที่เพิ่งส่งเด็กยกกระเป่าออกไปพร้อมกับทิปเล็กๆน้อยๆ ปิดประตูแล้วเดินตามมาโอบกอดผมจากทางด้านหลังด้วยสีหน้าสุขล้น บรรจงจุบแก้มนิ่มเบาๆ
“  เด๋วราวพ้ากกานก่อนเกบแรงอาวว้ายปายดำน้ามตอนบ่ายกานดีกว่านะคับ”

“อื้อ..” ผมพยักหน้ารับยิ้มแป้นเอาใจคุณสามี  เรายืนกินลมชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามกันอยู่สักพักก่อนจะกลับเข้าไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋กันต่อในห้อง.....หุหุหุ


   ความสนุกในการมาเที่ยวเริ่มขึ้นเมื่อ...................อะแฮ่ม...............เริ่มขึ้นหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ( ผมรู้นะว่าพวกคุณกำลังคิดอะไร)  ตามโปรแกรมวันนี้เราจะไปดำน้ำและเที่ยวชมรอบๆเกาะรอกในพร้อมกับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ (และญี่ปุ่นอีกหนึ่ง)  คุณนาเบะแบกกระเป๋ากล้องใบโตที่มีทั้งกล้อง dslr และ ดิจิตอลคอมแพ็ค พร้อมด้วยเลนส์ขนาดต่างๆเต็มไปหมด   ที่รักของผมชอบถ่ายภาพมากเลยครับ ผมก็ได้เห็นรูปที่คุณนาเบะถ่ายเวลาไปเที่ยวตามที่ต่างๆสวยๆทั้งนั้น แถมยังเคยมีผลงานตีพิมพ์อีกด้วย( เก่งจริงๆสามีใครเนี้ย )
คุณนาเบะบันทึกภาพของผมชนิดที่ว่าถ่ายได้ถ่ายดี  ถ่ายผมจริงถ่ายผมจัง จนผมเผลอนึกว่าตัวเองเป็นนายแบบชื่อดังไปแล้ว  ระหว่างที่เรือกำลังแล่น  คุณนาเบะที่เพิ่งละมือจากการถ่ายรูปผมกับวิวก็หันมาหยิบครีมกันแดดจากเป้ขึ้นมา
“ปอจัง  แดดมานร้อนโผมทาคีมห้ายนะคับ”ว่าแล้วก็บีบหลอดครีมกันแดดทั้งทาทั้งนวดลงมาบนแขนเรียวทั้ง2อย่างอ้อยอิ่งแถมยังจะก้มลงไปทาทีขาให้อีกจนปอน้อยต้องสะกิด
“พอแล้วครับ  ผมทาเองได้น่า..อายคนอื่นเขา” อ้ายละอ่อนหนุ่มหน้าแดงปะหลิ้ง (แดงจัด) ก็คว้าหลอดครีมกันแดดมาทาเอง  ใบหน้าร้อนผ่าวไม่รู้ว่าร้อนเพราะไอแดดหรือเพราะไอร้อนของความรักกันแน่
 
คุณนาเบะซึ่งอยู่ในชุดสบายๆสวมหมวกแก็บใส่แว่นตาดำ  กาเกงบอดี้โกล์ฟขาสั้นสีสดเข้ากับเสื้อกล้ามสีดำตัดกับผิวขาวๆอวดแขนล่ำสะท้านใจสาวทั้งฝรั่งและไทยที่ลงเรือมาด้วยอดไม่ได้ที่จะแอบมองจนเหลียวหลังไปตามๆกัน กรรมของคนมีแฟนหล่อก็อย่านี้ล่ะครับ  ดูแต่ตามืออย่าต้องเดี๋ยวของผมจะเสียนะครับ ฮุฮุ  พอถึงจุดดำน้ำครูฝึกสอนดำน้ำก็อธิบายวิธีใช้อุปกรณ์พร้อมกับสาธิตให้ดู จากนั้นก็ปล่อยให้นักท่องเที่ยวลงไป snockling (ดำแบบอยู่บนผิวน้ำ)กันหรือใครที่เก่งกล้าสามารถมีใบอนุญาตจะดำน้ำแบบ scoppa (ดำแบบใช้ถังออกซิเจน)ก็มีจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่พวกผมเลือกแบบง่ายๆก่อนดีกว่า  เราสวมเสื้อชูชีพสีแสบกับsnockle(หน้ากากดำน้ำพร้อมท่อหายใจ )ลงไปชมความงามใต้ท้องทะเลกัน  สวยมากเลยครับ Amazing Thailand จริงๆ เหมือนกับที่เคยเห็นในสารคดีเลย  ลึกกว่าคลองแถวบ้านผมอีก (??? ) ปะการังขนาดอลังการมาก  คุณนาเบะจับมือผมคอยว่ายนำทางอยู่ตลอด  อู้หู ปลากนกแก้วว่ายมาใกล้ๆสีเขียวสด  โอ้ว  ปลาหักเป้าตัวกลม  ว้าวๆๆ มีปลาดาวกับหอยเม่นด้วย ดูจิ   อะอ้าว........คุณนาเบะไปไหน  ผมลอยคอเคว้งคว้างอยู่นอกกลุ่มอยู่คนเดียวแล้วอ้ายบ่าวผมไปไหนซะล่ะ

“คุณนาเบะครับ........คุณนาเบะ” ผมเริ่มใจคอไม่ดีเพราะมองหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอปรากฏเสื้อชูชีพสีส้มลอยมาติดอยู่ข้างๆผมไม่ใกล้นักหน้ากากดำน้ำก็ลอยอยู่ตรงนั้น

“คุณนาเบะ.......ฮือออ  คุณนาเบะอยู่ไหน” ปอน้อยหน้าซีดตะโกนร้องไห้เสียงดัง  ไม่จริง......คุณนาเบะต้องแกล้งกันแน่ๆ ......หายไปไหน......ทำไมเหลือแต่ชูชีพกับหน้ากาก  หรือว่าเป็นตะคริวหมดแรงจมน้ำไปแล้ ว  หรือว่า ฉลามกัด  ฮือๆๆ  ไม่เอานะ  เขายังไม่อยากเป้นม่ายตอนนี้นะแงๆๆๆ

“ซ่า----------ฮ่าห์” เสียงของอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาบนผิวน้ำทำให้ปอน้อยสะดุ้ง  ร่างสูงลอยตังพุ่งขึ้นมาสะบัดผมที่เปียกลู่โผล่ขึ้นมาจากทะเลลึกแล้วก็ว่ายตรงเข้ามาหาปอโผเข้าใส่อ้อมกอดแกร่งแทบจะทันทีที่คว้าเอาไว้ได้

“ ฮือๆๆ  คิงเล่นบ้าอะหยังจะอี้ หายแซบหายสอยไปจะอี้ ใจหายหมดฮู้ก่อ (คุณเล่นบ้าอะไรอย่างนี้  หายตัวไปแบบนี้ใจหายหมดรู้ไหม) ฮือๆๆ  ”  กำปั้นน้อยทุบรัวลงบนแผ่นอกกว้างเป็นการลงโทษ  วาตานาเบะโอบกอดเพื่อปลอบโยนเด็กขี้แง

“ ม่ายอาว อย่าร้องนะคับโคนดี  โผมอาวนี้มาห้าย”  ในมือของเขามีหินปะการังชิ้นน้อยสีสดสวยอันหนึ่ง  ปอตีไปที่ไหล่หนาแรงๆแก้เขินก่อนจะบ่นเบาๆ

“ เล่นอะไรห่ามๆ  กับแค่ของแค่นี้ ”

“ก้อเหนมานหากโตกอยู่  สวยดีเลยโงมมาห้ายปอจัง”

“ลึกตั้ง 5 เมตรเนี้ยนะ”

“ม่ายเปงราย โผมเคยเรียนดำน้าม”  ยังจะมายิ้มอีก  เขาโกธรนะรู้ไหม  เคืองอ่ะ  ปอน้อยก็หน้าคว่ำหน้างองอนเป็นการใหญ่จนพ่อนาเบะหม้อไฟต้องตามง้อกันตลอดบ่าย
   เมื่อดำน้ำดูปะการังอันสวยงามเสร็จเรือก็พาวนชมทัศนียภาพรอบๆเกาะแล้วก็กลับเข้ามาเทียบท่าที่โรงแรมตอนเวลาเกือบ 4 โมงเย็นพอมาถึงห้องเราก็อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน โดยที่ผมขอตัวเข้าไปอาบก่อนระหว่างนั้นคุณนาเบธก็เอารูปที่ถ่ายกันมาวันนี้โหลดลง Note Book.  ร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาพร้อมยื่นผ้าเช็ดตัวให้คนรักที่นั่งตัวเปียกอยู่ที่ระเบียง
“รีบไปอาบไปน้ำเถอะครับเดี๋ยวเป็นหวัด” เขาลุกขึ้นรับผ้าเช็ดตัวมาแล้วก็อาศัยความเร็วรวบเอวบางเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่พลางกระซิบติดใบหู
“อาบห้ายหน่อยซีคับ” ร่างเล็กส่งเสียงแหวพลางไล่ตีอย่างหมั่นเขี้ยว นายหม้อไฟก็หลบได้หลบดีไวปานวอก
“ ไปเลยเชียวคุณนี่  ทะลึ่งจริงๆ” วาตานาเบะหัวเราะชอบใจที่ได้แหย่คนรักก่อนจะเข้าห้องน้ำไป  ปอน้อยนั่งดูรูปเพลินก่อนจะเลือก 2-3 รูปสวยๆส่งเมล์ไปให้โอโต้ซังกับป้าจ๋าดู ที่จริงคุณนาเบะก็ถ่ายรูปเก่งนะเนี้ยท้องทะเลออกมาใสแจ๋วเป็นสีฟ้าครามเชียว   อืมม...เล่นเน็ตต่อดีกว่ายังไม่ได้ตอบเมล์เจ้ปองเลย โอ๊ะมีดูดวงวันนี้  ไหนขออ่านหน่อยสิ
“ราศีกรกฏ  จะได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า บริวารรอบข้างกำลังจะเดือดร้อน  จะมีปากเสียงกับคู่รัก แต่ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
“ดูอะรายอยู่คับที่ร้าก” พอจัดการตัวเองเรียบร้อยวาตานาเบะก็ตรงเข้ามาออดอ้อนทันที
“แหม ใสอ้อดหล้อด” ปอน้อยพูดแล้วก็จุ๊บไปที่แก้มสาก1ที
“หืมม  อาราย ลอดๆนะคับ”อ้ายบ่าวผมฟังไม่เข้าใจครับ  ทำท่างงใหญ่
“ฮ่าๆ ใสอ้อดหล้อดหมายถึงสะอาดสดใสเหมือนตอนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่แล้ว...ชื่นใจแบบนี้ไง” นี่แนะแถมหอมแก้มให้อีก1ฟอด วาตานาเบะยิ้มหวานตาเยิ้มราวกับอยู่ไหนฝัน...ไหนๆพวกผมมา honey moon กันทั้งทีก็ service กันหน่อยจะเป็นไรไป อิอิ
“ ผมส่งรูปไปให้โอโต้ซังกับป้าจ๋าดูด้วยล่ะครับ นี่ไง รูปนี้ รูปนี้ แล้วก็ อ๊ะ..” คุณนาเบะอ่ะไม่ฟังกันบ้างเลย นั้นๆ มือซนคว้าผมไปกอดหมับแถมยัง....จะลูบเข้ามาในเสื้อผมทำมายยยย  เอาออกปายย  สะหยิว  ...ก่อนที่อะไรๆจะเลยเถิดผมก็แกะมือนั้นออกช้าๆออดอ้อนเล็กน้อยถึงปานกลาง ( ??? ) ยังสว่างโจ้โล้อยู่เลย  อายครับ
“ อย่าเพิ่งเลยนะครับ  มาเที่ยวทั้งที  ไปเดินเล่นหาดกันดีกว่า นะนะนะ  ผมอยากไปตลาดนัดในหมู่บ้านประมงตรงท้ายหาดด้วย  นะนะนะ” ผมใช้ท่าไม้ตายหนูน้อยแอ๊บแบ้วส่งสายตาแป๋วแหววออดอ้อนเพื่อยื้อเวลาขึ้นเตียง.... เอ้ย...ขึ้นเขียงวาตานาเบะถอนหายใจยกมือยอมแพ้ 
“กอด้ายคับ แต่ยางไงคืนนี้ห้ามปะตีเสดนะคับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นตรงมุมปาก  เห้อๆๆ หวานซิครับงานนี้เสียวสันหลังวืด
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลมและสองเรา  ยินเพียวแผ่วเบา ยินเพียงเสียงคลื่นกับเสียงเรา...โฮะๆๆ
อะไรจะสุขปานนี้  เราเดินทอดน่องกันมาจนถึงตลาดนัดเล็กๆท้ายหาดไม่ไกลนัก  มีทั้งกุ้งหอยปูปลาสดๆจากทะเลมาขายอีกทั้ง กรอบรูป โมบาย ที่ทำจากเปลืกหอยและของที่ระลึกต่างๆให้เลือกซื้อหามากมาย คุณนาเบะในชุดเสื้อแขนกุดกางเกงเลดูกลมกลืนกับบบรรยากาศของทะเลเช่นเดียวกับผมที่นุ่งกางเกงเลขาสั้นสวมเสื้อยืดพิมพ์คำว่าประเทศไทยบนลายธงชาติตรงหน้าอกมีหวมกคาวบอยที่ทำจากฟางที่คุณนาเบะเพิ่งซื้อให้ตะกี้

“ น้างพักกันก่อนนะคับ ”  เรามาหยุดพักกันอยู่ด้านนอกตลาดหลังจากเดินชมกันจนเต็มอิ่มขอบอกว่าเต็มอิ่มจริงๆ  เพราะล่อลูกชิ้นปิ้งกันไปคนละ4ไม้กับขนมอีก  อิ่มจริงครับ  คุณนาเบะหยิบกล้องตัวใหญ่ขึ้นมาเก็บความงามยามอาทิตย์อัสดงย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีส้ม 
“ มาถ่ายรูปกานนะ”  แล้วคุณนาเบะก็วิ่งเข้ามาถ่ายคู่กันโดยมีทะเลเป็นฉากหลัง  เราเอาแก้มชนกันผมชูมือ2นิ้วในท่าพื้นฐาน คุณนาเบะก็ด้วย จากนั้นกล้องคอมแพ็กตัวเล็กก็ลั่นแช๊ะ ไป1รูป 
“ปอจัง” ผมหันหน้าไปหาเลยกลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้คนฉวยโอกาสแอบถ่ายรูปตอนโดนหอมแก้มไปพอดี ผมหันหน้าหนีไปทางทะเล  ตอนนี้หน้าผมแดงไปหมด คนบ้า  ไม่รู้จักอายฟ้าอายดิน  ดีนะที่ตรงนี้ไม่มีคน  คุณนาเบะกอดผมเบาๆก่อนจะเอ่ยถ้อยคำว่าที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ฟังได้ไม่รู้เบื่อ
“ปอจัง....ไอชิเตะรุโย  ผมรักคุณ” คุณนาเบะพยายามพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำผมหันกลับไปหาเขาด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ
“ ผมก็รักคุณครับ”  จากนั้นริมฝีปากอิ่มก็แนบลมหายใจอุ่นๆเข้าหากันระหว่างที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์นั้นสายตาผมก็พลันเห็นอะไรแว้บๆ ไหว หลบอยู่หลังดงมะพร้าว  ผมชะงักไปจนคุณนาเบะสังเกต
“มีอาไรหรือคับ”
“เออ  ไม่มีอะไรครับ  เรากลับกันดีกว่าเย็นมากแล้ว”   ผมคงตาฝาด  ไม่มีอะไรหรอกมั่ง
 
ระหว่างกลับผมก็ยังจูงมือเดินคุยกับที่รักของผมเป็นที่น่าอิจฉาแก่คนที่ผ่านไปมาแต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อมีแรงปะทะพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง คุณนาเบะคว้าตัวผมหมับแต่ว่า

“  น้องแข! ”  ร่างน้อยโผเข้ากอดเอวผมร้องไห้โฮ

“ พี่ชาย......ฮือๆๆๆ” ผมอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาโอบกอดเอาไว้คุณนาเบะมองอย่างสงสัยว่าเด็กน้อยรู้จักกับผมได้อย่างไร

“กลับไปห้องกันก่อนเถอะครับแล้วผมจะอธิบายให้ฟัง”

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เมื่อถึงห้องผมพาหนูน้อยไปอาบน้ำซะก่อนเพราเนื้อตัวมอมแมมไปหมดระหว่างนั้นผมก็เล่าทุกอย่างให้คุณนาเบะฟังในขณะที่มือก็คอยขัดสีฉวีวรรณให้สาวน้อยที่กำลังสนุกอยู่ในอ่างอาบน้ำ   สักพักหนูน้อยที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่ก็มานั่งอยู่บนตักขณะที่ผมเอาไดร์เป่าผมให้บนเตียง คุณนาเบะนี่ท่าทางจะเป็นคนรักเด็กเนอะ จากทีแรกที่น้องแขเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดยอมจาจะด้วยเพราเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่พอคุณนาเบะยิ้มให้แล้วค่อยๆชวนคุยแหย่เล่นน้องแขก็อารมณ์ดีขึ้น

“น้งแค” คุณนาเบะที่ล้มตัวนอนอยู่ข้างๆบนเตียงแกล้งพูดเสียงเหน่อเมื่อสาวน้อยพยายามสอนให้เขาเรียกชื่อของตัวเอง


“ไม่ใช่คะ....แข..ขอไข่  ไม่ใช่ คอ ควาย”


“ คอ......ข่าย”  เด็กน้อยขำกับสำเนียงภาษาไทยตลกๆของคุณนาเบะ


“น้าเบะอายุเท่าไหรแล้วคะ หนูยังพูดชัดกว่าเลย”


“ก้อโผมโคนยี่ปุ่นนีคับ  พูดทายด้ายนิดนอย” พูดอย่างเดียวไม่พอเขายังยกมือขึ้นแสดงท่าให้เห็นว่านิ๊ดดด...เดียวจริงๆ


“งั้นหนูจะเป็นครูสอนให้  หนูอยากเป็นครู” เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นไปมาบนเตียงอย่างชอบอกชอบใจ


“คับคูนคู” เห็นอย่างนี้แล้วผมก็รู้สึกที่น้องแขไม่ซึมไม่ร้องไห้เหมือนที่เจอกันที่หาดผมจึงลองถามข้อสงสัย


“น้องแขมาที่นี่ได้ยังไงคะ ใครพามาหรือมากับใคร”  ผมพูดขณะจับเจ้าตัวเล็กใส่เสื้อยืดตัวเล็กของผมไปด้วย


“ยายส่งหนูมา ยายบอกว่าให้หนูมาหาพี่ชาย  อย่ากลับไปบ้าน เดี๋ยวคนไม่ดีจะมาจับตัวไป  ยายส่งหนูขึ้นรถลุงบัวให้ลงเรือมาที่นี่ ลุงบัวกลับไปแล้ว  หนูไม่รู้จักใครเลย  หนูกลัว หิวด้วย  โชคดีเจอน้าเบะกับพี่ชาย
“เรียก พี่ปอก็ได้คะ “ ผมลูบหัวพลางยิ้มให้ด้วยความสงสาร น้องแขกอดคอเราทั้งคู่ออดอ้อนฉอเลาะน่าเอ็นดูผมจึงหอมแก้มนุ่มไปทีหนึ่ง ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าใครจะมาจับน้องแขไปแล้วยายน้องแขรู้ได้ยังไงว่าพวกผมอยู่ที่นี่ แล้วทำอย่างนี้เพื่ออะไร เด็ฏน้องทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วก็กระวีกระวาดไปกยิบกระเป๋าสะพายใบน้อยที่นำติดตัวมาล้วงเอาจดหมายฉบับหนึ่งส่งให้
“ยายบอกว่าถ้าเจอพี่ชาย..เอ้ย พี่ปอก็ให้เอาให้พี่ปอคะ”ผมหันไปสบตากับคุณนาเบอย่างงงแต่ก็รับจดหมายมาแกะออกอ่าน

“ ถึงคุณผู้ใจดี

   ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ดิฉันต้องทำอย่างนี้ ดิฉันป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ เวลาชีวิตของดิฉันใกล้หมดแล้วเราไม่มีญาติมิตรที่ไหนเหลือกันอยู่2คนยายหลานแม่มันเอายัยแขมาฝากแล้วก็หายไปหลายปีแล้วส่วนพ่อมันก็ติดการพนันติดเหล้างอมแงมจนเป็นโรคตับตายไปเมื่อไม่นาน แถมยังไปเป็นหนี้เป็นสินเจ้าพ่อแถบนี้จนมันส่งคนมาทวงเช้าทวงเย็นเพราไอ้พ่อสารเลวมันเอาหลานดิฉันไปขัดดอกมันเอาไว้ ดิฉันห่วงเหลือเกินว่าหลานดิฉันจะอยู่ได้อย่างไรถ้าหากดิฉันสิ้นบุญไปเสียแล้ว เกรงว่าอนาคตก็คงไม่พ้นมืดมนแน่ๆ  ดิฉันเห็นว่าคุณเป็นคนดีมีเมตตาจึงสละเงินก้อนสุดท้ายทั้งหมดให้น้องแขมาตามหาคุณ อภํยให้ดิฉันด้วยที่ต้องละลาบละล้วงไปแอบดูตอนคุณขึ้นรถของโรงแรมมาที่นี้  ดิฉันไม่มีหนทางอื่นแล้ว โปรดสงสารยัยแขด้วยเถอะนะคะ ถือซะว่าเป็นคำขอสุดท้ายของคนที่ใกล้จะตายไม่งั้นคงตายตาไม่หลับแน่

                                                                                                          ขอความเมตตาด้วย
                                ยายน้องแข


ปล. อย่าได้ตามหาอิฉันเลยขอให้ดิฉันได้รอวันตายจากไปอย่างสงบเถิด
                             

   ผมกับคุณนาเบะนิ่งอึ้งเมื่ออ่านจบ  น่าผมฝันไปใช่ไหมเนี้ยหรือว่าไอ้คนเขียนมันติดละครน้ำเน่าอยู่เลยเขียนออกมาแบบนี้ (เปล่านะยะ ...คนเขียน) น้องแขที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่าได้แต่จ้องตาแป๋ว คุณยายแก่คงพยายามอธิบายกับหนูน้อยอย่างง่ายๆเท่าที่เด็กอายุ4ขวบจะเข้าใจและรับได้ “จะได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า”ผมนึกถึงคำทำนายที่อ่านไปเมื่อตอนเย็น  อะไรมันจะแม่นขนาดนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับผมบ่อยเหลือเกิน  ระหว่างที่สมองกำลังสับสน คุณวาตานาเบะกลับอุ้มหนูแขมานั่งบนตักกว้าง แม่หนูแหงนหน้ามองเขาด้วยตาใสแจ๋วจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความบริสุทธ์ไร้เดียงสา

“น้งแขหยากอยู่กับนาเบะกับ ปอจังหมาย”หนูน้อยปีนขึ้นมาโอบรอบคอหนาหันมาจ้องดวงตาคมเข้ม

“หนูอยู่ได้เหรอคะ” 

“ด้ายสิ ก้อน้งแขบอกว่าจาเปนคูห้ายนาเบะไง” เขาลูบหน้าลูบหลังเด็กหญิงอย่างเอ็นดูผมมองคุณนาเบะด้วยความชื่นชมในน้ำใจแต่ว่าความกังวลยังไม่จางหายไป

“คุณแน่ใจหรือครับ”

“ท่าเราม่ายรับ น้งแขก้อลำบากสิ”  ก็จริง...แต่เอาเถอะลองดูกันซักตั้งไหนๆฟ้าก็ประทานลาภชิ้นใหญ่มาให้แล้วนี่

“มีนาเบะ ปอจัง แหล้วก้อน้งแขเปน ซูซูเมะ(ลูกสาว)ที่น่าร้าก  เปนคอบคัวเดียวกาน ดีหมาย”

“ดีใจจังทีนี้หนูจะได้มีพ่อกับแม่เหมือนคนอื่นเขาสักที น้าเบะหล่อให้เป็นคุณพ่อ ส่วนพี่ปอหน้าสวยก็เป็นคุณแม่  เย้ๆๆๆ”
อ้าว...ซะงั้น น้องแขอย่างให้พี่เป็นอะไรแปลกๆอย่างนั้นดิ   จากนั้นครอบครัวสุขสันต์ของเรา(???) ก็ฉลองกันเล็กด้วยการสั่งอาหารมาทางกันที่ห้องโดยกินกันที่ระเบียงท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่นมีดวงดาวพร่างพรายท้องฟ้าเป็นฉากตัดกับท้องทะเลที่มีเรือหาปลาลอยลำอยู่ไกลลิบ  ระหว่างรับประทานมื้อค่ำผมสังเกตเห็นน้องแขชอบกินปลามาก  สมแล้วที่เกิดมาเป็นลูกทะเล ป้อนหาย ป้อนหาย  เลี้ยงง่ายอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย   พออิ่มกันแล้วเราสามคนก็ยังคงนั่งเล่นดูดาวรับลมทะเลอย่างเพลิดเพลินเสียงน้องแขเจื้อยแจ้วคุยฟุ้งกันใหญ่กับคุณนาเบะที่กำลังเล่านิทานหลอกเด็กอยู่

“ ...แหล้วจ้าวหยิง คางุยะ ก้อขึ้นราดชะรถกลับปายดวงจันทร์แล้วอยู่ทีนั้นอย่างมีความสุข...”

“ พี่ปอขา  มีคนอยู่บนดวงจันทร์ด้วยเหรอคะ”เด็กน้อยที่น้อยหนุนตักผมอยู่ถามขึ้นมา

“ไม่รู้สิคะ ที่เท่าที่รู้  บนดวงจันทร์มีกระต่ายด้วยนะ  ดูดีดีสิ ” ผมชี้ให้น้องแขดู

“ จริงด้วยๆ กระต่ายตัวโตเท่าพระจันทร์เลย”  หนูน้อยโบกมือชี้โบ๊ชี้เบ๊ใหญ่

“แล้วรู้ไหม ชื่อหนูก็อยู่บนฟ้าด้วยนะ” หนูน้อยทำหน้างงขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจ

“ก็คำว่า แข  แปลว่า พระจันทร์ยังไงล่ะคะ”

“จริงเหรอ  หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลย  พี่ปอคนสวยเก่งจัง”  หนูน้อยกล่าวเสียงงัวเงียด้วยความง่วง ล้วคุณนาเบะที่นั่งฟังอยู่ก็พูดขึ้นมา
“อืมมม  พระจันทร์   ง้านก้อต้องเปน Tsukino ซีนะ  นาเบะห้ายน้งแขชื่อยี่ปุ่นว่า สึกิโนะ  ชอบหมาย”
“ชอบคะ...น้องแขอยากเป็นญี่ปุ่น....อ่ะ  ห้าววว” หนูน้อยยิ้มหวานตอบ   แพขนตางอนค่อยๆหนาหลุบลงปิดสนิทพร้อมกับอาการหาวหวอดๆ ร่างน้อยซุกตัวเข้าหาไออุ่นหลับเข้าสู้นิทราแทบจะในทันที  ลมทะเลพัดมาทำให้รู้สึกว่าอากาศเย็นพอสมควร คุณนาเบะเลยกลับเข้าไปหยิบผ้าคลุมผืนใหญ่ไม่หนาไม่บางมากนักที่เอาติดมาด้วยมาห่มคลุมไหล่ให้ผม และร่างน้อยในอ้อมกอด คุณนาเบะนั่งลงข้างๆโอบกอดให้ขยับเข้าไปใกล้ เขาก้มลงจุทมพิศแก้มยุ้ยๆของน้องแขกับผมพร้อมแอบกระซิบบอกความนัย
“เพาะ สึกิโนะอยู่ด้วยหรอกนะ ม่ายง้านคืนนี้ม่ายรอดแน่” ผมก้มหน้าอายม้วนต้วนเมื่อนึกถึงคำที่เขาพูดไว้เมื่อตอนเย็น แล้วค่ำคืนที่(ทุกท่าน)รอคอยก็ผ่านไปอย่างสงบสุข (หุหุหุ  อดแอ้มไปก่อนนะจ๊ะตาหม้อไฟ อิอิอิ)

เช้าวันรุ่งขึ้นแสงทองจับอยู่ตรงขอบฟ้า บทพิสูจน์แรกของการเป็นผู้ปกครองก็เริ่มขึ้น  น้องแขตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกอย่างกระปรี้กระเปร้า....อ่า...นี่สินะทุกข์และสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่

“พี่ปอ.......ตื่นได้แล้ว  มาดูพระอาทิตย์กัน  น้าเบะ  ตื่นๆๆ”  หนูน้อยเขย่าปลุกผมทีปลุกคุณนาเบะผมแกล้งทำเป็นนอนหลับต่อ  อยากรู้ว่าน้องแขจะทำยังไงต่อ....ดูเหมือนว่าคุณนาเบะจะลุกแล้ว

“โอไฮโยะ สึกิโนะจัง”เขาทักเสียงใส

“พี่ปอยังไม่ยอมตื่นเลยคะน้าเบะ”สาวยน้อยฟ้องทันทีแต่ผมก็ยังแกล้งทำเป็นนอนต่อยังไม่ยอมลุก น้องแขก็ยังไม่ลดละความพยายามมือน้อยๆยังสะกิดเรียกผม ทั้งจี๋เอวจี๋เท้าแต่ผมไม่บ้าจี้ครับ    จนกระทั้ง

“เย้ย!” ผมลุกพรึบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอุ่นๆชื่นๆมาสัมผัสที่ใบหู

“คุณนาเบะ” ผมดุเขาแต่ท่าทางพ่อคุณจะไม่ได้กลัวเลย แถมยังมาทำหน้าทพเล้นใส่อีก  น้องแขที่นั่งเกาะขาผมอยู่ก็หัวเราะชอบใจ

“พี่ปอขี้เซาโดนน้าเบะกัดหูเลย ฮะๆๆๆ”   น้องแขขา  เขาไม่ได้กัดหูพี่หรอกคะ  เขาเรียกว่าเลียหูคะลูก  ผมหันไปค้อนปะหลักปะเหลื่อพร้อมกับหยิกเข้าให้ที่ท้องแขน

“ต่อหน้าต่อตาเด็กนะครับ เดี๋ยวเถอะ....” ผมบ่นอ้ายบ่าวตัวดีของผม

“ก้อปอจังอยากขี้เซาทามมายล่ะคับ”  แน่ะ  ยังมาย้อนผมทำลอยหน้าลอยตาอีก  จริงๆเลยเชียว

   กิจกรรมหลังจากที่เราทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันไปตลาดตรงท่าเรือให้รถของโรงแรมไปส่งเพื่อหาซื้อของใช้จำเป็นให้น้องแขเพิ่มเติมนอกจากเสื้อผ้า 3 ชุดที่ติดตัวมา  ผมเลือกชุดน่ารักๆกับหมวดปีกกว้างเอาไว้ให้หนูน้อยสวมกันแดด  กางเกง  กระโปรงอย่างละ 2-3 ชุด  เอาแค่พอใช้  2 วันนี้ก่อนที่เหลือค่อยไปหาซื้อที่กรุงเทพฯน่าจะได้ของดีกว่า

“อืมมม ชุดนี้หนูชอบไหมคะ “ผมหยิบชุดกางเกงขาสั้นสีชมพูลายดอกไม้ขึ้นมาทาบตัววัดขนาด

“ไม่เอาแล้วคะ  พอแล้ว    ซื้อหลายชุดแล้ว เปลืองคะ  แค่นี้หนูก็ขอบคุณพี่ปอมากแล้วคะ”  โถๆๆๆ น้องแข  เด็กดีจริงๆ

“ม่ายเปงราย  นาเบะอยากซื้อห้ายสึกิโนะจัง”สาวน้อยหันมายิ้มแป้น

“ซื้อไปเถอะคะ หนูมีชุดมาแค่ไม่กี่ตัว  ของใช้จำเป็นทั้งนั้น  ไม่เปลืองหรอกคะ”
“ขอบคุณคะ” หนูน้อยก้มลงไหว้อย่างอ่อนน้อมน่าเอ็นดู  ผมมองหาคนขายในขณะที่คุณนาเบะให้น้องแขขี่คอเดินเล่นรออยู่หน้าร้าน  พอจ่ายเงินเสร็จกำลังจะออกไปหาทั้งคู่สายตาก็เห็นคน กลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในร้านกาแฟตรงข้ามหันมามองทางเรา  คนหนึ่งสบตากับผมเข้าแต่ก็เสก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ผมรู้สึกคุ้นๆหน้าชอบกลแต่ก็นึกไม่ออกช่างเถอะยังไงก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าพวกมันกำลังตามเราอยู่  ผมนึกถึงเมื่อวานตอนที่เราไปเดินตลาดนัดกัน  นี่แสดงความรู้สึกนั้นผมไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ  ผมตรงเข้าไปหาคุณนาเบะพลางกระซิบบอก

“คุณนาเบะครับ   ดูซิ ” ผมพยักเพยิดไปทางคนกลุ่มนั้น

“โผมเหนมาตั้งแต่เรามาถึงแล้วคับ ม่ายต้องกัว เฉยๆอาวว้าย”เขาจูงมือผมออกเดินด้วยท่าทีปกติ  ในใจผมนั้นเต้นตุ๊มๆต่อมๆด้วยความตื่นเต้น พวกนั้นเป็นใคร  หรือว่าจะเป็นคนที่จะมาจับน้องแขไป   ดูเหมือนน้องแขจะรับรู้ได้ถึงความตื่นตระหนกของเรา น้องแขที่ขี่คอคุณนาเบะอยู่ก็เกาะคอคุณนาเบะแน่นขึ้น

“น้าเบะขา  จะรีบไปไหน  เดินเร็วจัง หนูกลัว” คุณนาเบะที่เริ่มเร่งความเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นตามมา  เราเดินซอกแซกไปตามกลุ่มคนลัดเลาะหลบหนี  น้องแขโอบเกาะศรีษะคุณนาเบะแน่นหลับตาปี๋  มือแกร่งฉุดนำให้ผมออกวิ่งเมื่อคนกลุ่มนัดตามติดๆ  เราหนีหลบเข้าตรอกที่เป็นทางตันข้างๆตกแถวที่พักอาศัยซึ่งอยู่ใกล้ร้านรวงอยู่พอสมควร 
 “อยู่ตงนี้  อย่าออกมา ดูสึกิโนะด้วย” เขาอุ้มเอาน้องแขลงมาหลังจากพาผมไปแอบหลังแท็งค์น้ำใบใหญ่  เสียงฝีเท้าที่ไล่กวดตามเข้ามาทำให้ผมรู้สึกกลัวและตื่นเต้นเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในหนังฮ่องกง  ผมไม่กล้ามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลับตากอดน้องแขที่ตัวสั่นงันงกซุกหน้าอยู่กับอกผม  คนแรกที่โผล่หน้าตามมาโดนคุณนาเบะที่แอบตรงกำแพงตึกซัดเปรี้ยงเข้าไปที่ดั้ง ตามด้วยลูกเตะพิฆาตสอยคนที่สองร่วงลงไป


“ matteyo koyabunsama (เดี๋ยวก่อนครับท่านเจ้าบ้าน)” เสียงโอดโอยร้องเป็นภาษษญี่ปุ่นดังขึ้น คณนาเบะหยุด  ก้มลงถอดแว่นตาดำของสองคนที่ถูกซัดไปตะกี้ออก  จากนั้นพวกที่ตจามมาทีหลังก็นั่งลงคุกเข่าก้มหัวขอโทษกันใหย่


“อากาชิ! โทบิ ! ทู๊กคนมาทามอารายกัน”ผมที่ค่อยๆโผล่หน้าออกไปเนื่องจากเห็นว่าเหตุการณืมันเงียบลงไป  จึงได้เห็นว่ากลุ่มคนเหล่านั้นก็คือเด็กๆในพรรคนั้นเอง  คุณนาเบะยืนเท้าเอวเอามือตบลงกลางหน้าผากอย่างปวดขมับ


“ตามมาทามมายกาน  หื้อออออ” เหล่าบรรดาลูกน้องก็ได้แต่ก้มหัวขอขมาท่ามกลางเสียงด่าอีโหลงโฉงเฉงของคุณนาเบะ

“พวกเราเป็นห่วงนายท่าน...เลย”

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
“บากะสะเนโร่ (บ้าไปกันใหญ่แล้ว) ช้านมา honeymoon นะ “  เด็กหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พลางส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผมช่วย  ช่วยไม่ได้โว้ยย  เคลียร์กันเองนะเรื่องนี้ แมร่งทำเอาตกอกตกใจกันหมด  อุตส่าห์ว่าจะมาสีทกันสองดันแอบตามมากันอีกทั้งที่กำชับไว้แล้วเชียวว่าไม่ต้องตามมาเฮ้อ .....สรุปเป็นว่าเหตุการณ์ปกติแต่งานนี้ต่อไปจะเป็นยังไงบ้างนะ ....เหนื่อยจริงๆกับ honeymoon trip นี้
   หลังจากคุณนาเบะแจกลูกมะเหงกไปคนละทีกับความแสนรู้เกินหน้าที่ของพวกลูกน้อง  เรากลับโรงแรมพร้อมกับขบวนผู้ติดตามมาเป็นพรวน  น้องแขหายตื่นตกใจกับฉากบู๊เล็กๆเมื่อสักครู่แล้วก็เริ่มกล้าพูดคุยกับเจ้าพวกนั้นที่อยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับคุณหนูคนใหม่ของบ้านเท็นริวอิจิ  จากนั้นก็เริ่มเล่นสนุกกันใหญ่ขี่ม้า ส่งเมือง เล่นซ่อนหา  เจ้าพวกนี้ถึงแม้จะหน้าโฉดแต่ก็ท่าทางรักเด็กกันจริงๆ (ก็แหงดิ คุณหนูของพรรคนี่หว่า)  ผมปล่อยให้น้องแขเล่นน้ำกับเด็กๆในพรรคอยู่ตรงหาดแถวหน้าบ้านพักแล้วเราสองคนก็มานั่งพักกันอยู่ตรงหน้าระเบียง

“คิ้วผูกโบว์แล้วคุณ เดี๋ยวไม่หล่อนะครับ” ผมกระเซ้าคุณนาเบะที่ยังคงหน้ามุ้ยอารมณ์บูดอยู่....เจ้าตัวถอนหายใจหนักๆก่อนจะดึงผมโอบเข้ามาใกล้โดยจับให้ผมเอนซบลงบนบ่ากว้าง
“มานน่าสั่งตาดนิ้วก้อยโลงโทดนัก” ผมผละขึ้นมามามองหน้าคนพูด
“อย่าเชียวนะครับ ผมขอร้อง ” ผมเกาะแขนเสื้ออ้อนวอน  เขาคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะค่อยๆกดศรีษะผมลงซบเหมือนเดิม
“คร้าบบ  โผมก้อพูดปายอย่างนั้นละคับ  ม่ายทามจิงๆหรอก”  ได้ยินอย่างนี้แล้วผมก็สบายใจขึ้นแต่ยังไงซะคุณนาเบะก็ไม่ได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเหมือนกับยากูซ่าในหนังหรอกครับ  ออกจะใจดีด้วยซ้ำ  แต่ถ้าถึงเวลารบก็เอาเรื่องนะครับ  ภาพน้องแขกำลังกวักน้ำทะเลใส่อากาชิ(เจ้าคนที่โดนคุณนาเบะตั้นจมูก)และลูกพรรคเล่นหันหัวเราะเสียงดังสนุกสนานทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจที่หนูน้อยมีความสุขเมื่อมาอยู่กับเรา

   ใกล้เที่ยงแดดเริ่มแรงผมจึงเรียกน้องแขกลับห้องมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลัวจะไม่สบายเพราะว่าเล่นน้ำกันมาตั้งนานแล้ว  เราไปทานข้าวมื้อกลางวันที่ห้องอาหารกันเสร็จแล้วเราก็ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันในสวนระหว่างกลับมาบ้านพัก จนแม่หนูน้อยของผมเริ่มเพลียพล่อยหลับแทบจะทันทีเมื่อผมให้นมไปกินกล่องหนึ่ง(เลี้ยงง่ายดีจริงๆ)คุณนาเบะก็อุ้มน้องแขไปที่เตียงปล่อยให้นอนกลางวันไป  ส่วนผมกับคุณนาเบะก็ไปเข้าสปาแอนด์ฟิตเนสกัน  หุหุหุ มาทั้งทีก็ขอนวดหน้า นวดตัว  อบซาวน่า กับเขาบ้างสิ อิอิ ส่วนคุณนาเบะก็เลือกที่จะขอตัวไปเล่นฟิตเนสออกกำลังกายรอผมระหว่างทำสปา

“เดี๋ยว เจอกานนะคับที่ร้าก”  คุณนาเบะแล้วก็ส่งจูบมาให้ผมเล่นเอาผมอายพนักงานอย่างมากมายครับ เมื่อสาวๆพนักงานต่างพากันยิ้มให้

   ในฟิตเนสสุดหรูบนลู่วิ่งที่หันหน้าสู่ทะเลกระทาชายนายวาตานาเบะผู้ที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกกำลังวิ่งออกกำลังกายรอหวานใจอยู่ โดนไม่สนสายตาของสาวๆหนุ่มๆละแวกนั้นที่แอบมองหุ่นล่ำๆกระชากใจของตน  ตอนนี้กระผมเพลย์บอยกลับใจ มิได้ตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไปแล้ว  ผมมีทั้งสุดที่รักปอจังแล้วยังลูกสาวฟ้าประทานสึกิโนะอีกด้วยอะไรจะเป็นแพ๊กเก็จขนาดนี้  ชีวิตผมตอนนี้มีความสุขที่สุดเลยครับ  ระหว่างที่ผมกำลังวิ่งคิดอะไรไปเพลินๆก็มีคนมาสะกิด ป้าป!??? เข้าที่หลัง


“อ้าว!  มากี้  มาด้ายยางงาย”ชายหนุ่มรูปร่างสูงไล่เลี่ยกับ ใบหน้าคมสันฉีกยิ้มให้  ไอ้นี่เป็นลูกของเพื่อนสนิทโอโต้ซังครับเราเลยรู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยม.ต้นที่มันถูกพ่อของมันส่งไปดัดนิสัยอยู่โรงเรียนประจำที่เดียวกันกับผมที่ญี่ปุ่นจนกระทั่งจบมหาลัย


“ มาเที่ยวด้วยแล้วก็มาทำงานด้วยว่ะ  แล้วแกล่ะพ่อเทพบุตรนาทีทองมาเตร่อยู่แถวนี้ได้ยังไงวะ”


“มา honey moon “ ผมบอกพลางยักคิ้วส่งยิ้มเผล่ให้


“เฮ้ยยย  จริงดิ  เสือโอซาก้าถอดเขี้ยวถอดเล็บซะแล้วหรอกเนี้ย  อย่างนี้ยัยเบนซ์น้องฉันไม่ต้องร้องไห้โฮกันเหรอวะ”มากี้แซวอย่างอารมณ์ดี

“ ยาดะ (ไม่เอาน่า) ยางไม่หยากข้าวคุก” ก็แน่สิครับน้องมันเพิ่งจะ 8 ขวบเท่านั้นเอง  เราสองคนคุยกันอยู่แป้ปหนึ่งเจ้ามากี้ก็ก้มลงดูนาฬิกาก่อนจะเอ่ยขอตัว

“โทษทีว่ะ  มีนัดกับลูกค้าพักอยู่บ้านหลังไหนเดี๋ยวไปหาจะไปดูหน้าสาวผู้โชคดีซะหน่อย เอ  หรือว่าจะโชคร้ายฟะ  ฮ่ะๆๆๆ”

“ ฮ่ะๆ  บ้านพ้ากริมทะเลหลังที่หย่าญที่สุด ด้านใน  มาทานข้าวด้วยกานนะค่ำนี้” ผมชวนเขาแต่ไม่ยอมบอกหรอกว่าไอ้ที่มันคิดว่าเป็น lucky girl น่ะ  ที่จริงเป็นหนุ่มน้อยหน้าหวานต่างหาก ฮ่ะๆๆ อยากรู้นักว่ามันจะทำหน้ายังไง หึหึหึ
“อืมๆ  ไปก่อนนะ  แล้วเจอกัน” พูดจบเจ้ามากี้ก็คว้ากระเป๋ากีฬากับผ้าขนหนูออกไปทันที  เอาล่ะ  ผมเองก็ต้องไปบ้าง  ป่านนี้ที่รักผมคงจะสปาเสร็จแล้ว  พอผมเดินไปถึงปอจังสุดสวาทขาดดิ้นของผมก็ออกมาพอดี สดใสปริ๊งๆหน้าผ่องมาแต่ไกลเลยครับ  น่ารักน่าฟัดเป็นที่สุด

“อ้าว! มารอนานแล้วหรือครับ ไปครับกลับบ้านพักกันดีกว่า  เดี๋ยวน้องแขตื่นแล้วจะร้องหา”


“คับ” เราทั้งสองก็กลับที่พักกันพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคนที่รออยู่ด้านหน้า  พอไปถึงพวกลูกน้องที่ผมสั่งให้คอยดูแลสึกิโนะที่ห้องก็เปิดประตูรับและรายงานสถานะผมว่าน้องแขยังไม่ตื่น  ผมแค่พยักหน้ารับแล้วเจ้าพวกนั้นก็พากันออกไป....เฮ้อ ....เหนื่อยใจครับไม่รู้ว่าจะตามกันมาทำไม  มันน่านัก  สงสัยซษกุราว่าต้องเป็นคนจัดการแน่ๆแล้วก็ไม่ใช่คำสั่งของใครนอกจากโอโต้ซัง....  ช่างเถอะท่านก็คงเป็นห่วงถ้าจะให้มากันเองสองคน  แต่ช่วยแอบๆตามมาแบบไม่ให้รู้ตัวกันหน่อยจะได้ไหม..เข้าใจว่าช่วงนี้ผมเพิ่งร่วมลงทุนธุรกิจตัวใหม่ที่มาเลเซีย  คู่แข่งเยอะซะด้วยก็ต้องระวังตัวกันหน่อย  แต่ผมมา honeymoon นะครับ...แม้ว่าปอจังจะไม่ได้ว่าอะไรกับการที่ต้องมีคนในพรรคคอยตามเวลาไปไหนมาไหน  แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วที่รักผมก็มีอึดอัดใจบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยครับ  เราไม่มีทางรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ผมไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมารับเคราะห์แทนหรือโดนลูกหลงจากงานและธุระกิจที่ผม  ยังไงซะเจ้าพวกนี้มันก็ไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามซะจนไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวหรอก...จริงไหมครับ

   พระอาทิตย์ยอแสงยามเย็นดูสวยงาม พอสึกิโนะตื่นแล้วเราก็พากันเดินเล่นถ่ายรูปกันที่ชายหาดโดยมีเจ้าพวกนั้นคอยอารักษ์ขาอย่างห่างๆ(เพราะว่าผมสั่งเอาไว้ครับ ใครเข้ามาใกล้เกิน 50เมตร  ตาย....หึหึหึ )ผมถ่ายบันทึกภาพความประทับใจของปอจังกับสึกิโนะที่กำลังช่วยกันก่อปราสาททรายเล็กๆประดับด้วยเปลือหอยหลากสี ดูราวกับคู่แม่ลูกที่รักกันมากจิตใจผมเป็นสุขและสงบ รู้สึกดีกับบรรยากาศอบอุ่นตรงหน้า  ผมขอสัญญากับท้องทะเลและฝากฟ้าอันกว้างใหญ่ตรงนี้เลยว่าจะขอรักและปกป้องพวกเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่  พวกเขาจะเป็นคนสำคัญและเราจะเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป
    
   พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วพวกเราจึงเดินไปรับประทานมื้อค่ำที่ห้องอาหาร ผมลองโทรหามากี้ว่าจะชวนมาร่วมโต๊ะด้วย แต่ว่าสายไม่ว่างคิดว่ายังคงทำธุระไม่เสร็จผมก็เลยเลิกล้มความตั้งใจไป.  พนักงานส่งเมนูมาให้ผมตัดสินใจให้ปอจังเป็นคนสั่งอาหาร ไม่นานอาหารก็มาเสริฟ  ปลากระพงทอดกระเทียม  ต้มยำกุ้งน้ำข้น(อันนี้ของโปรดผมครับ)  ผัดปลาหมึกไข่เค็มและปูผัดผงกระหรี่แล้วเราก็ลงมือกินกัน  ระหว่างนั้นปอจังก็คอยตักปลาแกะกุ้งใส่จานให้สึกิโนะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กได้ทานแล้วยังไม่วายคอยตักโน้นนี่ให้ผมด้วย สมเป็นยอดภรรยาจริงๆน่ารักเป็นที่สุด ผมจึงตักข้าวขนาดพอดีคำขึ้นมาจรดอยู่ตรงริมฝีปากงาม


“ทานบ้างสิคับ โผมป้อนห้าย”ทีแรกปอจังไม่ยอมแต่สุดท้ายก็อ้าปากงับเข้าไปอย่างอายๆ  ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อน่ามองยิ่งนักเจ้าตัวเล็กชอบใจกระตุกแขนเสื้อผมเรียก


“แขป้อนให้น้าเบะมั่ง”แล้วสึกิโนะจังก็เอาช้อนเล็กๆตักข้าวส่งมาป้อนผม  เราสามคนก็พลัดกันป้อนบ้าง ตักกับข้าวให้กันบ้างดูรักใคร่กลมเกลียวกันเหมือนกับครอบครัวเล็กๆที่แสนอบอุ่นอย่างที่ผมเคยวาดฝันเอาไว้  ถ้าจะไม่นึกถึงเจ้าพวกลูกเจี๊ยบที่ยกขโยงกันตามมานะครับ  ดีที่ว่าพวกมันไปพักกันที่รีสอร์ทข้างๆโรงแรม  ไม่มาวุ่นวายถ้าหากผมไม่สั่ง คืนสุดท้ายของการ honey moon ครั้งนี้ผมไม่ยอมให้ใครมาขวางทางผมแน่ๆแม้แต่สึกิโนะเองก็เถอะ  หึหึหึ  แอบเตี้ยมกันไว้อย่างดี ให้สึกิโนะนอนห้องเล็กข้างคืนนี้  ผมอ้างว่ากลัวจะนอนทับสึกิโนะถ้านอนด้วยกัน ฉนั้นควรหัดให้แยกห้องนอนเสียแต่เนิ่นๆจะดีกว่า(หวังผลระยะยาวครับ หึหึหึ)  ปอจังแสนซื่อของผมก็พลอยเชื่อ(เสร็จตรูล่ะ) แล้วผมยังกันเหนียวติดสินบนไปกระซิบบอกสึกิโนะว่าถ้าคืนนี้คนเก่งนอนคนเดียวได้จะซื้อตุ๊กตาไบรล์ให้เลย  แต่เจ้าตัวน้อยต่อรองบอกขอเป็นหนังสือนิทานเล่มใหญ่ๆสีสวยๆได้ไหม สึกิโนะบอกว่าเขาชอบอ่านนิทานที่มีเจ้าหญิงกับเจ้าชายแต่งตัวสวยๆออกมาเต้นรำกันแล้วมีข้อแม้ว่าผมต้องมาเล่าให้ฟังก่อนนอนทุกคืนด้วยนะ  เพราะใฝ่ฝันมานานแล้วว่าสักวันหนึ่งอยากจะให้คุณพ่อมานอนเล่านิทานให้  ฟัง(โถ  น่าสงสารจริงๆหนู)ได้เลยลูกจัดให้ แถมตุ๊กตาหมีให้อีกตัวเลยก็ยังได้  เป็นอันว่าคืนนี้ทางสะดวก หึหึหึ จะได้สมกับที่ได้มาดื่มน้ำผึ้งชมพระจันทร์จริงๆเสียที 

   สองทุ่มเมื่อพวกเราอิ่มกันเต็มที่อาหารอร่อยมาก ก็พากันกลับที่พัก สุดที่รักของผมก็พาสึกิโนะไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน หนูน้อยโผเข้ามาหอมแก้มกู๊ดไนท์คิสก่อนปอจังจะจูงมือเข้าห้องนอนเล็กติดๆกัน  ผมขยิบตาส่งซิกส์ให้สึกิโนะจังแม่หนูก็ทำสัญลักษณ์โอเคตอบกลับมาเป็นอันว่ารู้กัน  ผมก็เข้าห้องมาอาบน้ำปะแป้งหอมฟุ้งนอนดูข่าวรอ คงอีกสักพักใหญ่ละครับกว่าจะกล่อมหนูน้อยให้หลับ  ก็อกๆๆ  โอ้วเร็วจริงๆมาแล้วหรือครับที่รัก  ผมกระโดดตัวลอยไปเปิดประตูทันที come on baby  พี่รออยู่นานแล้ว  ผมกอดหมับเข้าทันที

“เฮ้ย! ไอ้เบะ เล่นบ้าอะไรวะ” อ้าวไอ้มากี้  มันมาได้ยังไงฟะแล้วมาทำไมเอาป่านนี้

“ เข้ามาด้ายไง ”เจ้ามากี้ที่สบัดตัวทำท่าขนลุกขนพอง หน้าตาแหยงสุดฤทธิ์

“ก็เห็นไฟเปิดอยู่ หน้าต่างก็ไม่ได้ล็อกกะว่าจะแกล้งมาเซอร์ไฟรส์ซะหน่อย  ดันเจอเซอร์ไพรส์กว่า  บรื้อส์....โอ้ย”ผมเขกกะบาลไอ้เพื่อนเลิฟไปที  สันดานชอบก่อกวนชาวบ้านไม่เคยเปลี่ยน

“ พิเรนหย่าญแล้ว  ราวังจาเจอดี” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน 

“เจอฉากเด็ดดีๆละไม่ว่า” มันยังไม่สำนึกครับ  ไม่สะดุ้งสะเทือนเดินมานั่งบนเตียงกับผมหน้าตาเฉย

“ว่าแต่ไหนละ  เมียแก  หนีกลับกรุงเทพฯไปแล้วหรือไงถึงได้ทิ้งแกไว้คนเดียว”

“ปากเสีย  อยู่ห้องข้างๆ  กลอมลุกนอนยู” ไอ้มากี้หันมาทำหน้าตาตื่น

“หา! นี่เมิงล่อแม่ม่ายเรือพ่วงเลยหรือวะ ” ผมอมยิ้มอำมันต่อ

“ ไฮ...โซเดสเนะ(ถูกต้องแล้วคร้าบบบ)” มากี้ตบเข่าฉาด
“บ๊ะ ...อย่างนี้คงจะสวยน่าดูซินะถึงทำให้แกลืมยัยริซะ โมโดกะ ชีนะและใครต่อใครที่ญี่ปุ่นแล้วมาลงหลักปักฐานที่นี่ได้”มันพูดอย่างเดียวไม่พอมันยัง  เอ้ย......รูปพวกนั้น  ไอ้เพื่อนทรพีมันเอารูปที่ผมเคยถ่ายคู่กับบรรดาสาวๆรายก่อนๆโบกไปมาอยู่ในมือ  ผมรีบคว้าเอาคืนแต่มันไวกว่าครับหลบได้
“ อาวคืนมา “ ผมกระโจนเข้ายื้อแย่งแต่ไอ้ตัวแสบมันก็มันดันกลิ้งตัวหนีไปได้
“ เรื่องดิ  ถือซะว่าเป็นของขวัญแต่งงานจากใจกูยังไงล่ะ 555 ที่รักของมึงจะได้รับทราบวีรกรรมก่อนแต่งของมึง555 ” เอากับมันดิครับ
“ยูดนะ” พวกผมไล่ต้อนกันไปมาจนกระทั่งเอาคืนมาได้แต่ไอ้เวรมากี้ไม่ยอม
“เฮ้ย!” ผมเสียหลักล้มลงไปบนเตียงมือผมคว้าหมับไปที่คอเสื้อดึงมันลงมาด้วย
“อู๊ยยย...อิไต” เจ็บสิครับไอ้บ้านี้มันทับผมมาทั้งตัวหุ่นก็ไซส์น้องๆควายดีๆนี่เองล่ะครับ  และแล้วเรื่องน่ากลัวก็เกิดขึ้น
“คุณนาเบะ!....นาย!คนที่เจอที่สนามบิน ” เราสองคนหันควับ โอ้ว.......คุณพระคุณเจ้าช่วย  ช๊อกยิ่งกว่าอุกาบาตจะชนโลกทำไมมาได้จังหวะดีอย่างนี้ล่ะครับที่รัก  ผมซึ่งโพลส์อยู่ในท่าหมิ่นเหม่ชวนให้จิ้นไปไกลอยู่บนเตียงกับมากี้มันก็ได้สติถีบไอ้เพื่อนเวรมันออกไป
“ปอจัง ฟางโผมก่อนนาคับ” งานเข้าล่ะสิตรูสวรรค์ล่มผิดแผนกันหมด
“นาย...ไอ้โรคจิตพ่อลูกอ่อนนั้น...ไอ้เบะอย่าบอกนะว่านี่เมียแก”มากี้อ้าปากค้างหน้าเหวอ  ทำอะไรไม่ถูก  ผมไม่สนว่ามันพล่ามบ้าอะไรอยู่เพราะไปแล้วครับ  ที่รักของผมออกตัววิ่งน้ำตาไหลนำไปก่อนแล้วครับผมจึงออกสตาร์ทตามไปทันก่อนที่จะพ้นประตูบ้านไป
“ข้าวจายผิดแล้ว  ฟางก่อน”
“ฮือๆๆบ่าฟังอะหยังทั้งนั้น พาจู้มาหื้อผ่อกันจะอี้ เฮาฮับบ่าได้แถมคิงยังคื้อฝ่าย....ฮือๆๆ(ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น  พาชู้มาให้เห็นกันอย่างนี้  รับไม่ได้แถมยังเป็นฝ่าย....)” ปอจังดิ้นไม่หลุดเพราะผมกอดแน่นไม่ยอมปล่อย
“ม่ายช่ายนาคับ...ห้ายฟ้าผ่าตายเถอะ...โอ้ย” ใครปาหัวหมาเอ้ย..หัวตรูฟะ
“กูก็ไม่เอากับมึงหรอกโว้ย  ยี้.....สยอง  ชายไทยหน้าตาดีอย่างกูไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้น  ว่าแตต่นี่มันอะไรกันเนี้ยมึงเปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่เมื่อไหรวะ  พูดมาเลยนะโว้ย” ระหว่างที่ไอ้มากี้โวยวาย ไอ้ของที่มันเอามาปาหัวผมมันก็แผ่หลาประจานหลักฐานให้เห็นกันคาตาเลยครับ โอ้....พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  ปอจังก้มลงไปเก็บมาดูมองตาไม่กระพริบบรรยากาศมาคุแผ่ขยายมาทันที
“ที่ร้ากคับ  โผมอาทิบายด้าย” 
“ว่ามาครับ...ผมจะทำใจเย็นรับฟัง” โอ้วจอร์จ  สายตาเฉือดเฉือนน้ำเสียงเย็นยะเยือกของฮันนี่เล่นเอาผมเหงื่อตกซีกๆปากบอกว่าจะใจเย็นแต่หน้าราวกับกำลังเบ่งพลังซุปเปอร์ไซย่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
1ชั่วโมงผ่านไปกับการสานเสวนา(???)ชี้แจงแถลงไขข้อข้องใจให้ฟังถึงเรื่องราวต่างๆ ทุกอย่างจึงสมานฉันท์ผมกอดเอวสุดที่รักที่เดินกลับมาหลังจากไปชงกาแฟมาเสริฟเจ้ามากี้ให้นั่งลงข้างๆ  เจ้าตัวยังหน้างออยู่ผมจึงหอมแก้มเมียโชว์เพื่อนมันเสียเลยเอาใจคนขี้งอนของผม  หวานใจก็เลยหยิกให้เป็นของแถม
“เมื่อก่อนโผมอาจจะมีไคต่อไคมามากแต่ตอนนี้โผมมีปอจังโคนเดียว  สึกิโนะอีกโคนนึงด้วยเอ้า!”  ปอจังหันมาค้อนแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอาเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว  ผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้างละครับ ผมก็ชายเหมือนกัน  ก็เข้าใจ  แต่ต่อไปนี้อย่าให้รู้เชียวนะ ไม่งั้นผมฟ้องป้าจ๋าแน่”จ๋อยสิครับผม...ไอ้คนที่นั่งซดกาแฟถึงกับหัวเราะ
“ฮะๆๆ เสือร้ายกลายเป็นแมวเชื่องๆซะแล้วโว้ย  คุณปอนี่แน่จริงๆ”  ง่ะ  กวนบาทาซะแล้วไอ้นี่เดี๋ยวบั๊ดโบกเข้าให้  ทำเอาซะบ้านเกือบแตกยังมีหน้ามาพูดดี  สายตาพิฆาตให้มัน
“อาวละ หน่ายๆก็รู้จักกานเรียบร้อยแล้ว ดึกแล้วก้อกาบปายได้แล้วปาย  ชิ้วๆ”ผมกวักมือไล่ตัว ก ข ค กลับเมื่อเห็นมันซดกาแฟหมดถ้วย
“เออๆ  แม่ง ไปก็ได้ ได้เมียแล้วลืมเพื่อน  ขอโทษคุณปอด้วยนะครับที่เสียมารยาทไปที่สนามบิน เสียดายชะมัดอุตส่าห์คิดว่าได้เจอเนื้อคู่แล้ว   ดันโดน ม ค บ ด (หมาคาบไปแดรก)ซะได้  ถ้าคุณปอเปลี่ยนใจยังไงก็นึกถึงผมนะครับ  5555” พอมันพูดจบผมก็ประเคนข้าวของทุกอย่างเขวี้ยงใส่มันที่วิ่งหัวเราะออกไป เฮ้อ...ที่เราไปคบกับคนแบบนี้ได้ยังไงว่ะเนี้ย

    ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง ไอ้มากี้ตัวป่วนก็กลับไปแล้ว  สึกิโนะจังก็หลับปุ๋ยอยู่อีกห้อง  คราวนี้ก็ถึงเวลา bed time ของผู้ใหญ่กันบ้างล่ะ หึหึหึ  หลังจากปิดประตูหน้าต่างลงกลอนเป็นที่เรียบร้อย ปอจังที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็เดินมานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งทาครีมบำรุงผิวสารพัดที่ผมสรรหามาให้ เสร็จแล้วก็โผล่หน้าไปดูเจ้าตัวน้อยว่าเห็นหลับสนิทดีก็กลับเข้ามา  ผมเดินเข้าไปอุ้มปอจังมานั่งบนตักผมที่ตรงปลายเตียงมือน้อยตีลงมาเบาๆที่ไหล่ผม  ใบหน้าหวานเขินอายแต่ก็ยังไม่วายทเสียงเขียวเข้าข่ม

“มาอุ้มทำไมครับ...แน่ะ....จ้องอยู่ได้”

“ม่ายห้ายมองแล้วอยากจาให้ทามอาไรล่ะคับ....ที่ร้าก”  ผมซุกไซ้จูมกจรดแก้มเนียนนุ่มไล่ลงมาตามลำคอขาวแขนข้างหนึ่งโอบเอวบางเข้าแนบชิดมืออีกข้างที่เหลือก็ปลดกระดุมเม็ดเล็กของเสื้อนอนตัวบางไปเรื่อยๆพร้อมกับสัมผัสผิวเนื้ออุ่นเรียบตึงสีขาวอมชมพูสวย  ริมฝีปากของผมระเรื่อยไปยังลาดไหล่ เรียวแขนเล็กเอื้อมมาเกาะเอาบ่าผมเป็นที่ยึดเหนี่ยว  ปอจังขยับเปลี่ยนมานั่งค่อมตักผมมาหันหน้าเข้าหากันเบียดกระแซะสะโพกงามเข้าใกล้ยิ่งขึ้น  โน้มคอผมให้ก้มลงรับจุมพิศอ่อนหวาน
“ อื้มม...อะ อื้อ  “ผมขบลงบนกลีบปากนิ่มค่อยๆก่อนจะส่งเรียวลิ้นเข้าไปค้นหาความหวานล้ำของร่าในอ้อมกอด  เสื้อนอนถูกถอดออกไปมือผมลูบไล้ตามแนวสันหลังที่โค้งเข้าหา  ผ่านส่วนเว้าของเอวคอดไปตามสีข้างเลื้อยขึ้นไปหายอดอกเม็ดเล็กทั้งสอง สัมผัลิ้มรสนวลเนื้อหอมกรุ่นของซฮกคอขาวลงมยังแผ่นอกเนียมนุ่มมือ
“ อ๊า...อ่ะ  ฮ้า....อื้อออ”ผมกัดเบาๆหยอกเอิ้นติ่งเนื้อสีสดราวกับผลไม้สุกชวนให้เชยชิม  เรียกเสียงครางหวานหูของนรักให้ดังขึ้น
“ อะ อืมม  ปอจัง  ร้ากคูนทีสุดเลย”   ปลายยจมูกดอมดมเรื่อยมาตามร่องอกเมื่อโน้มนำร่างบางให้เอนตัวลงกับเตียงกว้าง  มือเล็กทั้งสองขย่ำทึ้งผาปูที่นอนไปมาเพื่อระบายอารมณ์ ร่างงามบิดเร้าไปกับสัมผัสวาบหวามที่ผมมอบให้ลิ้นอุ่นโลมเลียหน้าท้องแบนราบ  กางเกงนอนเอวยางยืดและชั้นในถูกเกี่ยวออกให้พ้นทางจากนั้นผมถึงปลดพันธนากรของตนเองบ้างก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นคร่อมคนรักที่อ่อนระทวยอยูตรงหน้า  นัยน์ตาปรอยปรือเต็มไปด้วยแรงพิศวาสที่จ้องมายิ่งกระตุ้นให้ผมอยากครอบครองคนๆนี้ได้ไม่รู้จักเบื่อไม่รู้จักพอ   แก่นกายอ่อนนุ่มที่เริ่มชูชันจากการเล้าโลมเค้นคลึงจุดอ่อนไหวแลยั่วยวนใจเป็นยิ่งนัก
“อ่ะอ๊า....ห่ะ อ๊า... ม่ะ  จะไม่ไหวแล้ว  อื้ออ “ ปอจังครวญอย่างเสียวซ่านด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ  ผมตวัดเรียวขาขึ้นพาดบ่าก้มลงกลืนกินความปราถนาที่กำลังพุ่งทะยานราวกับหิวกระหาย
“อะ โอ้วว...ฮื้อ  อึก อื้ออ” ใบหน้าขาวสะบัดไปมา  ริมฝีปากชุ่มชื้นขบเข้าหากันเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์เร้าร้อนที่กำลังแผดเผานิ้วเรียวย้ายมาตะบปจิกลงบนหน้าขาเนียนจนแน่นขณะที่ผมดูดรั้งความเป็นชายของเขา  สะโพกมนกระเด้งสวนตอบรับทุกจังหวะสอดคล้องกันเร็วขึ้น.....แรงขึ้น
“ อ๊า..อ๊า...ฮ้า....นะ  นาเบะ ........อ๊า.....” หยดน้ำหวานลิ้นหลั่งรินออกมา ผมดื่มด่ำไอรักร้อนอย่างเพิดเพลินประกอบกับเสียงลมหอบหายใจรวยระรินดังสะท้อน  ผมเอ่ยกระซิบข้างหูเบาๆขึ้นมา
“ชอบหมาย” ร่างงามที่ชุ่มพราวไปด้วยเหงื่อทรวงอกขยับขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจเข้าออกที่ถี่รัวดูอ่อนแรงและเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีอยยิ้มบางๆส่งมาให้แทนคำตอบ  ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งพล่าน ผิวเนื้ออ่อนๆบริเวณต้นขาขาวเชิญชวนให้ฝากฝังรอยรักผมไม่รอให้เสียเวลา  ทำตามอย่างที่ใจต้องการ
“  อะ   อื้อ   อ๊า.... อะ ฮ้า...พะ   พออ  อ๊า...”เสียงครางกระเส่าเร่งเร้าให้ใจพุ่งทะยานไปให้ถึงขีดสุดของความสุข ผมพยายามอดทนต่อไปอีกนิด  ยกสะโพกกลมขึ้นสูง  จับตรงข้อพับดันขาเรียวให้แยกออกเผยให้เห็นช่องลี้ลับที่รอคอยการบุกเบิก  ปลายลิ้นสากไล้เลียมอบความชุ่มช่ำให้  เมื่อผิวเนื้อสีสดสัมผัสกับความอุ่นชื้นกล้ามเนื้อนุ่มบริเวณนั้นก็หดเกร็งตอบรับ
“มะ  ม่าย...ยะ  อย่า  ตรงนั้นมัน  อ่ะ อ๊า..........” ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อนิ้วของผมแทรกผ่านเข้าไปใช่องทางคับแคบสำรวจกล้ามเนื้อหยุ่นภายในที่กำลังตอดรัดอย่างยินดี

“ผ่อนคายนะ  หายจายลึกๆ”  เสียงสั่นของผมเอ่ยปลอบใจปอจังที่ดิ้นเร้าด้วยแรงปรารถนา  มือเล็กโอบกอดมาจิกลงตรงไหล่แน่เพื่อผ่อนคลายความอึดอัดทรมาน ขณะที่ผมค่อยๆขยับเข้าออกไปมาสร้างความคุ้นเคยให้ช่องทางที่กำลังเปิดขยายตัวกว้างขึ้น
“ อะ อ๊า..อ๊า   อะ อ๊า ....อื้อมมม อึก  อ๊า..... นะ  นาเบะ  อ๊า.....” ร่างบางแอ่นโค้งขึ้นแนบชิด  ร่างกายที่เสียดสีกันไปมานำความหฤหรรษ์เร่งให้ความเร้าร้อนโหมกระหน่ำ
“ขะ เข้ามา.......เร็ว......ได้โปรด....นะ..อะ อึก  อ๊า..........”ผมสอดแทรกท่อนเนื้อแกร่งเข้าแทนที่ในทันที จับขาขาวให้เกาะเกี่ยวไว้กับเอวหนาก่อนจะกระแทกส่งแก่นกายให้จมลึกเข้าไปท่ามกลางความอบอุ่นนุ่มนวลที่โอบล้อมเอาไว้จนสุด
“อื้อ.....อะโอ้ว  ห่ะ  อ๊า   อ๊า  อ๊า  “ กลีบปากสีสดพยามกลั้นเสียงเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้  ได้แต่ครวญคร่ำไปตามท่วงทำนองรัก ใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดระคนกับความสุขล้ำที่แทรกซึมไปทุกอณู  ผิวเนื้อเต้นระริกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพพางย์กาย  ยามเมื่อผมเงยขึ้นไปมอง ลมหายใจอุ่นร้อนพวยพุ่งจากริมฝีปากรูปกระจับที่หอบหนักปะทะผิวหน้าของผมทำใหรู้สึกดีเหลือเกิน   ผมขยับกายด่ำดิ่งลึกลงไป ลึกลงไป สะโพกเร่งจังหวะเร็วและแรงขึ้นจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นประสานกับเสียงร้องครางระงมที่ไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงจนไม่รู้ว่าว่าของใครเป็นของใคร  ต่างคนต่างพากันมุ่งไปให้ถึงจุดสุดยอดนั้น
“ อ่ะ อ๊า.... อ๊า.....ฮ้า  มะ  ไม่ไหวแล้ว....”
“ อะ อึก  อื้อ  อื้มมม  ปอจัง  อึ๊ก “

สายธารอุ่นจัดพวยพุ่งในส่วนลึกของกายผู้เป็นที่รัก  ร่างบอบบางที่กอดผมอยู่กระตุกเกร็งปลดปล่อยความสุขออกมาแทบจะพร้อมกัน  เสียงลมหายใจหอบดังสนั่น    ผมล้มตัวลงนอนกอดคนข้างๆไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง
“มีความสุกจาง...”ผมบอกความรู้สึกในใจออกไป
“ผมก็เหมือนกัน”  ปอจังพลิกตัวหันมายิ้มแล้วจูบผมเบาๆราวกับจะเอาใจ  โอ้ว....อย่างนี้ต้องมีต่อเวลาอีกรอบ หึหึหึ....และระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มแลกจูบกันอย่างอ้อยอิ่ง  เตรียมขึ้นชกต่อรอบสองนั้น
“ฮือๆๆๆ พี่ปอ”
“เฮ้ย! …. โครม” อ๊ากกกก  ที่รักครับทำไมทำกันอย่างนี้ล่ะครับ อู๊ยยย.... ปอจังเล่นถีบผมตกเตียงทันทีโดยอัตโนมัติ ดีว่าผมมือไวคว้าเจ้าผ้านวมผืนใหญ่เต็มเตียงติดตัวลงมาด้วย  ปอจังตาลีตาเหลือกอาศัยความมืดคว้ากางเกงนอนมาสวมให้ตัวเองได้ทันก่อนจะเรียกสาวน้อยให้เข้ามาหา  สึกิโนะวิ่งโผเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง
“หนูฝันร้าย  ฮือๆๆ หนูกลัว”  มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตา  ปอจังอุ้มสึกิโนะขึ้นมานั่งบนตักพลางปลอบขวัญลูบหน้าลูบหลัง
“โอ๋ๆๆ  ไม่มีอะไรนะคะ  คนเก่ง  แค่ความฝันเท่านั้นเอง  โอ๋อ..ขวัยเอ๊ย ขวัญมา”  ปากพูดกับสึกิโนะแต่มือปากางเกงนอนผมส่งมาให้ ง่ะ.... ไหนเราตกลงกันแล้วไงลูก  ผมนั่งลงกับพื้นใส่กางเกงอย่างยากลำบากตรงข้างเตียง  ดิ้นกระแด่วๆให้กางเกงมันรูดขึ้นมาถึงเอวจนสำเร็จจึงโผล่หน้าขึ้นมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อบนเตียงได้  เมื่อหนูน้อยเห็นผมเธอก็โผเข้าหาเช่นกัน
“หนูฝันว่ามีคนรังแกพี่ปอ   พี่ปอร้องไห้เสียงดังเลย  หนูตื่นขึ้นมาก็ยังได้ยินเสียงพี่ปอร้องอยู่เลย  หนูกลัวคะ ”  อะ..เฮือก  คนฟังหน้าแดงเป็นสัญญาณจราจร หันมาค้อนขวักับคนที่ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ....สึกิโนะจังขา  โอโต้ซังเปล่าแกล้งปอจังนะ  เขาเรียกว่ารักหรอกจึงหยอกเล่นต่างหาก   เกือบได้มาเป็นพยานรักหนังสดของโอโต้ซังซะแล้ว
“ ไม่มีใครกล้าหรอกคะ นิ่งซะนะคะคนดี  ไม่มีอะไรแล้ว”  สาวน้อยเชื่อฟังหยุดงอแงทันใด
“แต่เมื่อกี้พี่ปอกับน้าเบะทำอะไรกันอยู่เหรอคะ น้าเบะนอนดิ้นตกเตียงเหรอคะ”  เอาแล้วไงคำถามนี้จะตอบยังไงดี  ขอตัวช่วยด่วน
“อะเออ...ละละ เล่นปาหมอนกันใช่ไหมเนอะ  เล่นปาหมอน”  ปอจังกระทุ้งศอกแหลมๆให้รับมุก
“ช่ายๆ  ปาหมอน” เด็กน้อยทำหน้างอ
“ไม่ชวนหนูเลย”  อะฮ่าๆๆไม่ได้หรอกลูกปล่อยให้ผู้ใหญ่น่ะดีแล้วเขาเล่นกัน
“ก็มันดึกแล้วนี่คะ  เอาล่ะไปนอนกันดีกว่านะคะ เดี๋ยวพี่ไปนอนเป็นเพื่อนนะคะ”
“อ้าว!” ที่รักแล้วผมล่ะ
“oyasumanasai(ราตรีสวัสดิ์) นะครับ คืนนี้คงฝันดีมากพอแล้ว เจอกันตอนเช้านะครับ คุณนาเบะ” เจ้าตัวหันมายิ้มแล้วเดินจากไปกันสึกิโนะ เสียงประตูห้อง  เสียงล็อคประตูดังกริ๊ก ทิ้งให้ผมอ้างว้างอยู่คนเดียว  น้ำตาแห่งความเสียดายไหลพรากอยู่ในใจ  โอ้พระเจ้า  การเป็นพ่อคนนี่มันต้องอดทนถึงเพียงนี้เชียวหรือ  เมื่อแต่เวลาจู๋จี๋ดู๋ดี๋ก็ต้องยอมสละเพื่อลูกน้อย  ไม่เป็นไรเพื่อสึกิโนะจังและที่รัก  โอโต้ซังทนด้ายยยย....ฮือๆๆ  ละแล้วคืนสุดท้ายของการฮันนีมูนก็จบลงพร้อมเสียงคร่ำครวญ เกาข้างฝาแกรกๆของคุณพ่อมือใหม่.....ทั้งคืน ( ว่ะ ฮ่าๆๆๆ  สู้เขาต่อไปนะทาเคชิ เอ้ย  วาตานาเบะ)

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
The messenger ตอนที่ 4  หนึ่งวันกับคุณพ่อมือใหม่

   “ ป๊อก....ป๊อก.....ป๊อก....” เสียงของกระบอกไม้ไผ่ดีดตัวกลับยามเมื่อทาเคะเซนซุย( น้ำพุจำลองที่ต่อประกอบกับไม้ไผ่ที่ใช้ในการแต่งสวน)สายน้ำที่ไหลมาจากลำธารจำลองในสวนไหลรินลงสู่กระบอกไม้ไผ่ที่ตอนปลายของกระบอกกระดกขึ้นมารองรับน้ำอย่างพอดิบพอดี  ครั้นเมื่อน้ำเต็มกระบอกน้ำหนักของน้ำก็จะค่อยๆโน้มให้กระบอกค้อมลงมาหลั่งรินน้ำคืนสู่บ่อด้านล่างแล้วก็ดีดตัวกลับคืนอยู่อย่างนี้เป็นจังหวะดูแล้วก็เพลิดเพลินดี  ผมปล่อยใจไปกับเช้าอันแสนสงบท่ามกลางธรรมชาติสวยงามของสวนญี่ปุ่นในบ้านด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย  นั่งจิบน้ำชาไปชมความงามของทัศนีย์ภาพไป สุขไหนใดจะปาน  ผมนาย เทนริวอิจิ วาตานาเบะ  อายุ 30 ปี ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรครุ่นที่ 3  ต่อจากคุณพ่อและคุณปู่ผู้ที่ก่อตั้งพรรคขึ้นมา  ตั้งแต่เด็กผมก็ถูกฝึกอบรมอย่างหนักเพื่อโตขึ้นจะได้เป็นโคยะบุนที่สมบูรณ์แบบ อันที่จริงโดยเนื้อแท้ของจิตใจผมแล้ว  ผมรักความสงบนะครับไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้งแก่งแย่งชิงดีกันกัน แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้นี่ครับ ทำยังไงได้  เกิดมาเป็นลูกยากูซ่ามันจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้นอกจากเป็นยากูซ่า จะให้อยากเป็นตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้  ดีอย่างที่โอโต้ซังผมเข้าใจ จึงไม่ค่อยให้ผมต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างแก๊งค์ซักเท่าไหร่ให้ผมดูแลบริหารกิจการและงานในพรรคซะมากกว่า  นานๆจึงจะได้พะบู๊กับเขาสักที  แถมยังคอยช่วยเหลือดูแลเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับผมเสมอมา  พรรคเราจึงอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้....  เฮ้อ ....ไม่เอาดีกว่าคิดอะไรเครียดๆอยู่ได้พักสมองก่อน  ว่าแล้วก็ซดชาเขียวชั้นดีให้ชื่นใจ
“ครีดดดด...”ประตูบานเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างป้อมๆของเจ้าตัวน้อยคลานพุ่งเข้าใส่
“น้าเบะขา...”
“โอไฮโยะ  สึกิโนะจัง   ตื่นแต่เช้าเลยนาคับ” ผมทักพร้อมกับหอมแก้มยุ้ยซ้ายขวารับอรุณ ที่รักของผมที่เดินตามมาก็นั่งลงข้างๆหลังจากที่ปิดประตูแล้ว  วันนี้ปอจังแต่งตัวเรียบร้อยน่ารักเชียวชุดนักศึกษาเสียด้วยสงสัยจะออกไปข้างนอก
“ปอจัง จาปายไหนคับ”
“ผมจะเข้าไปพบอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเสียหน่อยน่ะครับ  ว่าจะคุยเรื่องงานกันคงจะกลับเย็นๆค่ำๆน่ะครับ”
“ห้ายผมปายส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวให้คุณซากุราวะขับรถให้  ถ้ายังไงวันนี้คุณไม่ได้ไปธุระที่ไหน  ช่วยอยู่เป็นเพื่อนน้องแขแทนผมก่อนได้ไหมครับ”  อ๊ะ  แย่ล่ะสิ.... โอโต้ซังกับโอก้าซังไม่อยู่เสียด้วยไปเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่ของปอจัง...ไม่เป็นไร ด้วยสปิริตของความเป็นพ่อเราต้องทำได้  ยังไงซะเด็กๆก็อยู่กันตั้งเยอะแยะ
“ด้ายคับ  ม่ายต้องเป็นห่วง ปอจังปายทามธุระให้เส็ดเถอะคับ”
“คุณดูแลเองไหวนะครับ”ปอจังถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ด้ายสิ  เชื่อมือโผมเถอะคับ”  ผมคว้าตัวน้องแขลุกขึ้นอุ้มด้วยสีหน้ามั่นใจเกินร้อย  ปอจังลอบถอนหายใจเบาๆ
“ถ้างั้นผมจะรีบไปรีบมานะครับ...มามะ คนดี ขอหอมแก้มทีก่อนเร็ว” สึกิโนะกางแขนออกกว้างก่อนจะโผเข้าไปให้หอมแก้มฟอดใหญ่
“อย่าดื้อ อย่าซนนะคะ  แล้วพี่จะซื้อขนมมาฝาก”
“คะ” สึกิโนะรับคำเสียงใส..  ได้ยังไงกันอ่ะหอมแก้มลูกคนเดียวได้ยังไงแล้วโต้จัง(คุณพ่อ)ล่ะ  เด็กโข่งทำหน้าไม่พอใจแก้มสากป่องพองลมเอามือจิ้มชี้แก้มตัวเองอยากจะเอาบ้าง  ปอจังอมยิ้มขำกับท่าทางเหมือนเด็กขี้งอนก่อนจะกดจมูกหอมฟอดให้ชื่นใจ  นายหมอไฟจึงยิ้มออก

“มีอะไรก็โทรหาผมนะครับ ....เป็นเด็กดีนะ  อย่าพากันซนล่ะทั้งพ่อทั้งลูก” มือเรียวบีบปลายจมูกโด่งไปมาด้วยหมั่นเขี้ยว
“คร้าบบบ”จากนั้นปอจังก็ออกเดินทางไปทิ้งให้คุณพ่อกับลูกสาวเฝ้าบ้านกันอยู่สองคน  เอาล่ะ  ทีนี้เรามาเริ่มต้นภารกิจแรกกันก่อน
“ง้าน  เราปายอาบน้ำกันนะ  จาด้ายมากินข้าวเช้ากัน”
“รับทราบครับผม”เจ้าตัวน้อยยกมือทำท่าตะเบ๊ะก่อนจะวิ่งตรื๋อเข้าไปห้องนอนเล็กที่จัดเอาไว้ให้ ผมตามเข้าไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวแล้วก็อุ้มไปห้องอาบน้ำ วันนี้ผมทั้งใจจะสอนสึกิโนะจังให้รู้จักการอาบน้ำแบบญี่ปุ่นลงโอฟุโระเลยพามาห้องอาบน้ำใหญ่ที่มีบ่อน้ำอุ่นกว้างขวาง สึกิโนะเห็นก็ตาโตตื่นเต้น
“โอ้โห  น้าเบะมีสระว่ายน้ำด้วยเหรอคะ”
“ม่ายช่ายคับ  เราเรียกว่า โอฟุโระ”
“โอฟุโระ”เด็กน้อยพูดตามแล้วก็ยิ้มตาหยี
“ ช่ายคับ  เก่งมาก โอฟุโระ  คือ  บ่อน้ำอุ่น”  ผมค่อยๆสอนภาษาญี่ปุ่นง่ายๆให้เผื่อเวลาแกคุยกับโอโต้ซังของผมแกจะได้เข้าใจ   ผมผลัดนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก  ส่วนสึกิโนะจังเปลือยล่อนจ้อนเตรียมถลาลงบ่อ
 “เด๋วก่อน  ต้องมาล้างตัวก่อนลงบ่อนาคับ” แล้วผมก็อุ้มสึกิโนะเข้าสะเอวพาไปนั่งที่เก้าอี้อาบน้ำตัวเล็กตรงก็อกน้ำ  เอาขันรองน้ำราดตัวถูสบู่อาบน้ำสระผมท่ามกลางเสียงหัวเราะแจ่มใส เราเปลี่ยนกันถูหลังให้อย่างสนุกสนาน เสร็จแล้วจึงค่อยลงแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว สึกิโนะจังนั่งอยู่บนตักผมตีขาไปมาชอบอกชอบใจใหญ่  สักพักเราก็ขึ้นมาแต่งตัว  ผมเลือกชุดยูคาตะผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มอย่างดีไม่หนามากนักมาใส่กัน เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อน  เจ้าตัวเล็กดูท่าทางจะถูกใจหมุนตัวไปมาแล้วก็บอกว่าเหมือนเจ้าหญิงดีแล้วก็กระโดดโลดเต้นไปมาตลอดทางเดินไปยังห้องทานข้าว พอไปถึงผมก็แปลกใจว่าทำไมป่านนี้แล้วยังไม่ตั้งโต๊ะกันอีก
“ป้าซายะไปไหนทำไมข้าวเช้ายังไม่ยกมา”
“ต้องขออภัยท่าน  หลานคุณซายะไม่สบายเข้าโรงพยาบาลเลยต้องรีบกลับไปดูแลตั้งแต่เมื่อตอนเช้ามืดแล้วครับนายท่าน  นายท่านกับคุณหนุอยากรับประทานอะไรกรุณาสั่งพวกเรามาได้เลยครับ”
“งั้นหรือ   ไม่ต้องหรอก  มีอะไรทำก็ไปเถอะ” ผมโบกมือไล่มันไปก่อนที่มันจะโค้งคำนับแล้วก็กลับไปทำหน้าที่ของตน  ของสดกับเครื่องปรุงต่างๆก็มีอยู่มากมายไม่เห็นต้องไปสั่งซื้อมาให้เปลืองเลยแต่ก่อนสมัยอยู่หอกับเจ้ามากี้ตอนที่ยังเรียนหนังสือด้วยกันก็ผลัดเวรกันทำกับข้าวกินเองกันบ่อยๆ ถึงจะไม่ได้เลิศรสอะไรแต่ก็พอกินยาไส้กันตายได้.... ดังนั้น ภาระกิจที่สองของคุณพ่อในวันนี้ก็คือ ชุดอาหาร happy meal ชองคุณลูก.......คุณพ่อวาตานาเบะคนนี้จะทำได้หรือไม่ สึกิโนะจังจะได้กินอาหารเช้าหรือเปล่า  เดี๋ยวเรามาคอยดูกัน  ( กรุณาจินตนาการว่าคุณกำลังอยู่ในรายการ ทีวี แชมป์เปี้ยนนะครับ ) กลับมายังห้องครัว  ร่างสูงใหญ่ที่ขณะนี้สวมผ้ากันเปื้อนแบบเต็มตัวสีชมพูสไตล์คุณแม่บ้านญี่ปุ๊นนน... ญี่ปุ่น โบร๊าณรรร  โบราณ ของป้าซายะมีติดระบายลูกไม้หวานแหวนรอบแขนกางหนังสือ “คู่มือคู่ครัว”เล่มหนาอย่างกับดิกชันนารีโดยมีแม่สาวน้อยยืนดูอยู่
“น้าเบะขา  เราจะทำอาหารกินกันเองหรือคะ”
“hai...สึกิโนะจังอยากทานอาไร” เด็ฏน้อยกระวีกระวาดขึ้นมานั่งบนตักผม เปิดหนังสือไล่ดูอยู่พักใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกความต้องการ
“หนูอยากกินนี่คะ” อ่ะ...เออ ผมมองอ้าปากค้าง อ่านชื่ออาหารที่เขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษแปลได้ว่า “แกงเหลือง” คำบรรยาย  แกงเหลืองเป็นอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของทางภาคใต้ของไทย.....ที่เหลือไม่อยากอ่านแล้วครับ  ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก   ไม่ใช่เพราะอยากทานหรอกครับ คือ...มันต่างกันมากๆกันอาหารญี่ปุ่นที่มีขั้นตอนการทำแสนจะง่ายไม่ยุ่งยากขอแค่มีข้าวสวยกับวัตถุ์ดิบอย่าง กุ้ง ปลา  หรือไม่ก็ทำไข่กวน เอามาปะบนหน้าก็ได้ซูชิกินอิ่มอร่อยแล้ว แต่นี้อาหารไทยที่เคยกินก็ยังไม่เคย  ไม่ต้องพูดถึงว่าเคยทำหรือเปล่าเลย  ไอ้หม้อไฟอย่างผมมันรู้จักก็แต่สุกี้ ฉไหนเลยจะไปรู้จักแกงเหลืองปักษ์ใต้บ้านเราได้อย่างไร ขณะที่ผมกำลังเกาหัวแกรกๆคิดไม่ตกผมก็พูดถามขึ้นมา
“สึกิโนะจังชอบเหรอ”
“คะ  คุณยายทำให้กินอยู่บ่อยๆ  นะคะนะคะ น้าเบะ  น้า....นะคะ”สาวน้อยเกาะแขนผมเขย่าเป็นออกเซียมซี คุณพ่อจะไม่จัดให้ได้อย่างไรกัน  ลองดูกันสักตั้ง  สู้ เพื่อ ลูก
“ง้านเรามาช่วยกานนะ กันปาเรเน่ (สู้ๆ)”
“ ไฮ  กันปะริมัสโช (ค่ะ มาพยายามด้วยกันนะคะ)”แล้วเราทั้งคู่ก็เริ่มลงมือทำอาหารกัน  ผู้ช่วยตัวน้อยที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ทำหน้าที่คอยอ่านเครื่องปรุงที่ต้องใช่โดยมีผมคอยหยิบออกมาจากตู้เย็นใบมหึมาซึ่งเป็นเสมือนคลังเสบียงของคนทั้งพรรค
“ปลาทุ 1 กิโล” เสียงใสตะโกนบอก    อืมมม 1 กิโลมันกี่ตัวหว่า เอามัน 3 ตัวแล้วกันว่าแล้วก็หยิบใส่จาน ปุ๊ก!
“มะนาว 1 ลูก”  อยู่ไหน  อยู่ไหนมะนาว  เอ้า นี่ไง ปุ๊ก!
“พริกขี้หนูแห้ง”  เอานี่ ปุ๊ก!
“กระเทียม”  กระเทียมได้แล้ว ปุ๊ก
“หน่อไม้เปรี้ยว” อยู่ใต้ชั้นหรือเปล่านะ  อ่ะ เจอแล้ว ปุ๊ก!
“น้ำปลา....มะขามเปียก” อยู่ในตู้เก็บเครื่องเทศ  เอ้า ปุ๊ก!
“ แล้วก็สุดท้าย  กะปิคะ” ชึ้ง.......ประสบการณ์ที่ยิ่งกว่าผีหลอกวิญญาณหลอนผุดขึ้นมาในมโนจิตทันทีที่ได้ยินคำว่า “กะปิ”  ขนแขนพร้อมใจกันสแตนด์อัพขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงคราวที่ถูกไอ้เพื่อนรักมากี้มันหลอก  วันนั้นผมเพิ่งกลับมาห้องพักที่ซุกหัวอยู่กับมันหลังจากเรียนเสร็จ  เห็นมันกำลังนั่งกินอะไรอยู่ก็ไม่รู้อยู่ที่หน้าทีวีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกเสียจากกลิ่นแปลกๆที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง
“กินอะไรฟะ  กลิ่นแรงจัง” มันหันมายิ้มแล้วก็เอาป๊อกกี้แบบที่ไม่ได้เคลือบรส  เป็นเหมือนขนมปังบิสกิตแบบแท่งธรรมด๊า.. ธรรมดาแต่มันเอาจิ้มอะไรสักอย่างคล้ายๆช็อกโกแล๊ตส่งมาให้ผม
“ลองกินดิ ช็อกโกแล๊ตเมืองไทย  แม่เพิ่งส่งมาให้”
“ช๊อกโกแล๊ต! ทำไมกลิ่นแรงจัง”ผมทำท่างงๆ
“เออน่ะ  อย่าถามมากน่า  เขาแต่งกลิ่นลงไป  ลองดู”สีหน้ามัน want อยากให้ผมได้ try on this จริงๆ   ผมลังเลอยู่นิดหน่อยแต่...แม่มันเป็นคนส่งมาจากเมืองไทย  คงไม่เป็นไรหรอกมั๊ง  ว่าแล้วก็  อิตาดากิมัส (แดรกล่ะนะครับ) อ้ำ.....วินาทีช๊อกโลกขณะนั้นจำได้ขึ้นใจ รสชาดเค็มปะแล่มๆชวนแหวะ  บวกกับกลิ่นฉุนๆของมันทำให้ผมต้องพุ่งตรงเข้าห้องน้ำในทันที
“ เฮ้ย! เป็นอะไรวะ  เจอช็อกโกแล๊ตเมืองไทยเข้าไปหน่อยถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอวะ  อร่อยมากไหม ช็อกโกแล๊ตยี่ห้อ กะปิ น่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”เสียงหัวเราะกวนประสาทของมันยังดังก้องอยู่ในหูทุกทีที่นึกถึงเหตุการณ์ฝังใจคราวนั้น
 “น้าเบะขา  กะปิล่ะคะ”  ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่นจะกลั้นใจเอื้อมมือไปหยิบมันออกมา....เอาล่ะคราวนี้ทุกอย่างก็พร้อมปรุง

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
"ขั้นแรก เอากะปินำมาห่อด้วยใบตองแล้วเอาไปย่าง" สาวน้อยผู้ช่วยจำเป็นของผมอ่านวิธีการทำให้ฟัง  โอย.....ขั้นแรกก็เจอเลย....กะปิเผา...โอ้แม่เจ้า เอาปืนมายิงกันเลยดีกว่า  ผมหาตัวช่วยซึ่งก็คือ ผ้าคาดปิดปากปิดจมูกพร้อมถุงมือยางมาใส่ สึกิโนะจังมองสภาพไอ้บ้า(ผมเอง)ด้วยสีหน้างงๆ
"น้าเบะเล่นอะไรหรือคะ"
" อะ เออ  คะคือ   เพื่อความสาอาดนะคับ"ลูกสาวผมเหล่ตามองอย่างไม่ค่อยเชื่อใจเมื่อเห็นท่าทางโอโต้ซังค่อยๆคีบกระปุกกะปิขึ้นมาราวกับว่ามันเป็นวัตถุระเบิด.....45นาทีต่อมาหลังจากผ่านสงครามก้นครัวกันสองคนพ่อลูกท่ามกลางเสียงโวยวายเจี๊ยกจ๊ากของพ่อครัวมือใหม่ให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา ตำพริกแห้งโขกกระเทียมจนกระเด็นเข้าตา หั่นหน่อไม้ก็โดนมีดบาดมือ โชคดีที่ปลาทูทำเอาไว้ก่อนแล้ว หนำซ้ำยังลืมต้มน้ำทิ้งไว้จนเดือดพล่านพอจะเอาลงจากเตาก็ถูกน้ำร้อนกระเฉาะใส่ดีว่าไม่คว่ำหม้อคว่ำไหไม่งั้นวันนี้อดมื้อเช้ากันแน่ๆ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ออกมานอกจากแกงสีเหลืองหม่นๆข้นแขละหม้อหนึ่งแล้วยังมีสภาพเยินๆที่ดูไม่จืดของผมอีกด้วย  สึกิโนะถอนหายใจเฮือกก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
“รู้อย่างนี้หนูน่าจะขอให้ทำอะไรง่ายๆอย่างไข่เจียวยังจะดีกว่า”คุณป๊ะป๋ามือใหม่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆก่อนพลันสายตาจะเหลือบไปเห็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่เดินผ่านหน้าห้องครัวมาพอดี
“โทชิ  มานี่สิ” เจ้าของชื่อเข้ามาหาอย่างงงๆ
“ ครับนายท่าน ” ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจก่อนจะส่งหม้อแกงใบน้อยที่มีผลงานชิ้นโบว์แดงของผมอยู่ยื่นให้มัน  มันมองผมทำหน้าตาเหรอหรา
“ ชิมดูสิว่าอร่อยไหม” มันก้มลงพิจารณาสิ่งที่อยู่ในหม้อทำจมูกฟุดฟิดแล้วก็หน้าขึ้นมาอ้อนวอนด้วยสายตา
“ เอาจริงหรือครับนายท่าน”
“ ชิม...เร็ว...” อาศัยอำนาจข่มขู่เล็กน้อย พร้อมกับส่งช้อนให้
“ น้องแขชิมเองก็ได้คะน้าเบะ” หนูน้อยหวังดี
“ ม่ายเปงราย ....ม่ายต้องคะ  มานเปนหน้าที่ของพี่เขา   จริงไหมโทชิ ”
“คะ  ครับ คุณหนู” หนูทดลองที่อยู่ตรงหน้ากัดฟันตอบน้ำตาแทบไหล  นายท่านจะเอาอะไรมาให้ผมกินเนี้ย  ฮือออ แล้วก็จำใจค่อยๆตักมันขึ้นมาช้อนหนึ่ง ก่อนจะดมพิสูจน์กลิ่นที่ต้องแอบเบ้หน้า 
“เร็ว!” โทชิสะดุ้งจนเกือบทำแกงหกเพราะมัวแต่ถือช้อนจ่อปากอยู่เป็นนาน  วันนี้วันตรูซวยจริงๆ  เอาวะ เพื่อพรรค  จะขอยอมตายในหน้าที่ เสร็จแล้วก็กลั้นใจซดเข้าทันใด...โฮ้ก....
“ เป็นไง ”  ผมกับสึกิโนะยืนลุ้นรอคำตอบด้วยใจระทึกและดูเหมือนว่าไอ้คนชิมมันจะอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นชมเปาะ
“ อร่อยครับนายท่าน  อร่อยมาก  ถึงกลิ่นจะะแปลกๆก็เถอะ ไม่นึกว่านายท่านจะทำอาหารไทยเป็น  สุดยอดครับ ”
“จริงหรือ”
“ครับนายท่าน”  สึกิโนะที่รอดูท่าทีอยู่นานก็คว้าช้อนไปตักแกงหน้าตาขี้เหร่แต่ทว่าเลิศรสขึ้นมาชิมบ้าง
“อื้อหือ เหมือนที่ยายเคยทำเลย  น้าเบะเก่งจัง” เท่านั้นล่ะครับผมก็ยืนกอดอกทำจมูกเชิดด้วยความภูมิใจที่ในที่สุดภารกิจ happy meal ก็ผ่านไปได้ด้วยดี  จากนั้นเราก็ลงมือทานอาหารเช้าด้วย  อ่ะๆ ถึงแม้ว่าแกงของผมจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม  ผมก็ไม่มีวันกินเป็นเด็ดขาด  ขอบายครับ มื้อเช้าของผมจึงเป็นข้าวสวยร้อนๆโรยผงฟุริคาเคะกับซุปมิโซะแบบชงสำเร็จแบบง่ายๆแทน  จบมื้อเช้าแล้วเราทั้งสองก็หลบมานอนผึ่งพุงกันอยู่ระเบียงทางเดินริมสวน
“ฮ่า.........อิ่มจังเลย” สองพ่อลูกพูดออกมาพร้อมกันหลังจากที่เอนหลังลงแผ่หลาสบายอารมณ์  อากาศดีๆ ท้องฟ้าแจ่มใส แดดดี แต่ไม่ร้อนมาก  มีลมพัดพอให้เย็นสบาย ช่างเป็นวันหยุดที่มีความสุขเสียยิ่งกระไร  นัยน์ตาคมปรือหลับลงด้วยผ่อนคลาย  แต่หนูน้อยคลานกระดึ๊บๆเข้ามาออเซาะ
“น้าเบะขา.......เรามาเล่นกันเถอะ  นะ นะ ...น้า”แม่หนูทั้งเขย่า แขนเขย่าทั้งปีนขึ้นมาขย่มบนพุง  แอ่กๆ  โอโต้ซังยอมแล้วลูก  ยอมแล้ว  โอย
“ยากเล่น อารายละคะ”  พอผมถามสึกิโนะจังก็ยิ้มร่านัยว่าเป็นอันรู้กัน   นั้นทำให้ผมเสียวสันหลังวูบ  อย่าบอกนะว่า.....
    จากนั้น ห้องน้ำชาขนาดย่อมที่นั่งกันอยู่นี้ก็กลายสภาพเป็นชั้นเรียนชั่วคราวของแม่ครูตัวน้อยไปโดยมีนักเรียนโข่งเป็นลูกพรรคของผมที่โดนลากกันมาประมาณ 20 ชีวิตกำลังศึกษาวิชาภาษาไทยกับคุณหนูสึกิโนะ  ผมเองก็ไม่รอดครับ  โดนจับนั่งอยู่ด้านหน้ากับพวกมันด้วย
“นี่อ่าว่าอะไรคะนักเรียน”
“กอ-อา-ดอ  กาด ครับ”
“แล้วตัวนี้ล่ะคะ”
“ปอ-อา-ดอ ปาด ครับ”  ฮ่าๆๆเจ้าพวกนี้ก็น่ารักจริงๆให้ทำอะไรก็ทำ ให้เล่นกับลูกผมมันก็เอา  ก็ดีนะ  เจ้าพวกนี้จะได้ไม่ต้องไปเสียตังค์เรียนภาษาไทย เพี๊ยะ...ชะอุ้ย  เจ็บ
“เด็กชาย นาเบะ ทำไมไม่อ่านคะ  มัวแต่มองเพื่อนๆอยู่ได้” โหย คุณครูใจร้ายแต่นี้ก็ต้องตีด้วย  พอได้เล่นเป็นครูทีไรวิญญาณแม่พิมพ์ของชาติเป็นต้องเข้าสิงสึกิโนะจังทันที  ดูไม่มีใครเกิน 
“ขอโทดคับคูน คู” ผมพูดพลางเอามือลูบตรงที่โดนฟุตเหล็กตีลงมา โหดสมกับเป็นลูกสาวยากูซ่าจริงๆ  สึกิโนะจังที่หันมาทำหน้าดุใส่ก็ชี้ไม้บรรทัดไปยังกระดานwhite board ที่ปอจังซื้อให้เอาไว้เล่นครูกับนักเรียนซึ่งแม่หนูของผมดูจะชอบการละเล่นนี้มากเป็นพิเศษ
“นี้อ่านว่ายังไงคะ”  ครูตัวน้อยเคาะระดานเบาๆสั่งให้ผมอ่าน  แต่เออ  คือว่า  เรื่องการพูดน่ะผมยังพอมั่นใจแม้จะออกเสียงเพี้ยนไปบ้างแต่ก็เข้าใจ  ส่วนเรื่องการอ่านเนี้ย  พอจับพยัญชนะกับสระมาใส่เป็นคำทีไรผมล่ะหวั่นใจทุกที สรุปก็คือ  ผมอ่านยังไม่ค่อยคล่อง  ไอ้ ห-า-ญ มันอ่านว่าไงหวา  ขอตัวช่วยได้ไหมอ่ะ  ฮือๆๆ
“ หะ หอ หีบ สะระ อะอา   ยะยอ หยิง อ่านว่า  หอ – อา-ยอ  หาย    เพี๊ยะ...”  อู๊ยยยย... โดนอีกแล้ว
“ไม่ใช่คะ  หอหีบ สระอา ยอหญิง  อ่านว่า ห-า-น นะคะ  จำไว้ให้ดี” เจ้าพวกนั้นมันแอบหัวเราะผมกันคิกๆคักๆ  หนอย...กับลูกสาวผมยอมได้แต่กับพวกมัน...ตาย และในช่วงจังหวะที่สึกิโนะจังหันหลังไปลบกระดานผมก็เล่นงานไอ้ตัวดีข้างๆที่มันอยู่ใกล้มือใกล้ตีนผมซะก่อนด้วยการเบิร์ดกะโหลกให้ทีด้วยความหมั่นไส้
“ อะ โอ้ยย  นายท่าน  ผมเจ็บนะครับ” ถึงมันจะไม่ได้ร้องเสียงดังเพราะผมแยกเขี้ยวยิงฟันขู่มันอยู่แต่แม่หนูของผมก็หันกลับมาเห็นพอดี 
“เด็กชายนาเบะ  ทำไมแกล้งเพื่อนอย่างนั้นล่ะคะ  ไม่ดีเลย เป็นหัวหน้าห้องซะเปล่า” 
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่คะ  ออกมาหน้าชั้นเดี๋ยวนี้”  ผมเดินคอตกออกไปก่อนจะส่งสายตาพิฆาตหมายหัวแต่ละตัวเอาไว้
“ยืนขาเดียว กางแขนเอา แล้วก็คาบนี้ด้วย” สึกิโนะจังยื่นไม้บรรทัดให้ผมคาบ
“โหยยยย” ผมโอดโอยร้องขอความเห็นใจ
“เร็วเลยคะ  อย่างอแง”  งือออ ยังดุได้อีกนะคุณครู
   ผ่านไปประมาณ 10 นาที ผมก็ชักเริ่มเมื่อยจนทนไม่ไหวจึงวางแผนเจราเปลี่ยนการละเล่นใหม่
“โอโต้จังเบื่อแล้ว เมื่อยด้วย  เล่นอย่างอื่นกันดีกว่านะคับ” ผมพยายามทำท่าง๊องแง๊งน่ารักน่าเตะเป็นที่สุดเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“อืมมมม  ก็ดีคะ น้องแขก็เบื่อแล้วเหมือนกัน” เยส...เข้าเป้ตรงประเด็นมากเลยลูก ดังนั้นสถานที่เล่นของเราจึงเปลี่ยนไปเป็นที่สวนกว้างหน้าบ้าน
“เราจะเล่นเกมส์เตะกระป๋องซ่อนหากัน (เป็นการละเล่นที่เด็กเล็กชาวญี่ปุ่นชอบเล่นกันคะ)” กติกามีอยู่ว่า คนที่เป็นคนหาจะเป็นคนเตะกระป๋องคนแรกเป็นสัญญาณให้ทุกคนไปหาที่ซ่อนแล้วจะนำกระป๋องไปไว้ที่จุดเดิม  ก่อนจะออกค้นหาผู้ที่ซ่อน  จากนั้นถ้าใครโดนเจอตัวก่อนก็จะเป็นตัวประกัน และวีธีที่จะช่วยตัวประกันก็คือ  ต้องหาทางเข้ามาเตะกระป๋องโดนที่ไม่ให้ถูกจับตัวได้( ก็คล้ายๆกับการออกไปโป้งแปะเวลาเล่นซ่อนหาของไทยนั้นล่ะคะ)    หลังจากอธิบายให้สึกิโนะจังฟังจนเข้าใจแล้ว  หนูน้อยก็อาสาไปเอากระป๋องในครัวมาให้  ระหว่างนั้นผมก็ได้แอบทำการตกลงอย่างลับๆกับลูกน้องที่น่ารักทุกคนนิดหน่อย
“มาพนันกันไหม ระหว่างฉันกับพวกแก  ถ้าพวกแกชนะฉันจะเลี้ยง black พวกแกคนละสองขวด”  มีเสียงฮือฮาเบาๆดังจากพวกมัน หึหึหึ  อยากได้ละสิ

“แล้วถ้าพวกผมแพ้ละครับนายท่าน”  บรรยากาศมาคุพร้อมรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวนายใหญ่ที่กำลังหักข้อนิ้วดังกร็อบแกร็บ
“เดี๋ยวก็รู้เอง หึหึหึ”  เหล่าโอยะบุน(ลูกบ้าน คนที่อาศัยอยู่ในบ้
าน)ทั้งหลายต่างพากันหน้าซีดไปตามๆกัน  ฮ่ะๆๆ ความแค้นในชั้นเรียนเมื่อกี้ได้เวลาสะสางกันเสียที หึหึหึ  สึกิโนะจังกลับมาพร้อมกับกระป๋องโดยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเกมส์เริ่มจากการโอนอยออกว่าใครเป็นคนหา  และแล้วก็เหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อ
“ฮ่าๆๆๆ น้าเบะเป็นคนหาหนีเร็วๆ”  หนูน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรก็ได้แต่หัวเราะสนุกสนานวิ่งหาที่หนีเป็นพันวัน ส่วนเจ้าพวกนั้นก็หายวับไปในพริบตา  หนีได้ก็หนีไปอย่าให้จับได้ก็แล้วกันพ่ออัดไม่เล่นแน่แถมจะหักเงินเดือนอีกคนละพัน  คอยดู  แค้นในห้องเรียนตอนนี้ต้องชำระ  บ๊อง......กระป๋องถูกเตะโด่งไปไกลผมก็สวมวิญญาณนักล่าตามหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย   ว่ะ ฮ่าๆๆๆ
 “โทชิ.......อามาอิ......อิชิดะ.......ไซโจ....”ชื่อผู้ที่ถูกจับได้ถูกเรียกขึ้นมาทีละคนสองคน บ้างซ่อนตามสุมทุมพุ่มไม้บ้างก็ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดมะม่วงที่ปลูกเอาไว้  บางคนลงทุนดำลงไปซ่อนตัวใต้กอบัวหลวงในสระใหญ่หน้าบ้านหรือไม่ก็แอบอยู่หลังม่านน้ำตกจำลองแต่ก็ไม่สามารถเล็ดรอดสายตาของผมไปได้หรอก หึหึหึ ผ่านไป 45 นาทีผมก็จับเจ้าพวกนั้นได้จนครบโดยที่แต่ละคนยืนหน้าบอกบุญไม่รับคลำหัวกันปอยๆเพราะได้รับมะเหงกจากผมเป็นของแถม เหลืออยู่เพียงแค่คนเดียวคือลูกสาวตัวน้อยของผมเอง เด็กๆนี่ซ่อนเก่งจริง เมื่อลองหาดูในห้องเพาะชำ  ห้องเก็บอุปกรณ์เดินหาจนทั่วก็ไม่เจอจนผมเริ่มใจเสีย
 “ป็อง.....” เฮ้ยใครมันมาแอบเตะกระป๋องตรูวะ
“เย้.....คุณหนู  เยี่ยมไปเลย” เจ้าพวกนั้นดีใจเมื่อมีคนมาช่วยให้มันรอดแล้วกเอโรกันไปซ่อนอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆ  หนีๆๆ  น้าเบะเป็นอีกตาแล้ว  ฮ่าๆๆ” โถ่ ลูก  ไปช่วยพวกมันทำม้ายยยย.....แล้วเกมส์มันก็ดำเนินไปเช่นนี้ต่อไปและต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ตกเย็นเสียงรถยนตร์เข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้านร่างบางก้าวลงมาจากรถเบนซ์สีดำเลื่อมโดยมีซากุราวะคอยเปิดประตูให้
“ขอบคุณมากนะครับคุณซากุราวะที่คอยไปรับส่งวันนี้”  ร่างสูงใหญ่นั้นก็ก้มลงคำนับแทนคำตอบ  ปอน้อยยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป  วันนี้คุยกับอาจารย์เรื่องวิทยานิพนธ์นานไปหน่อยแถมยังเจอพวกเพื่อนๆชวนกันไปกินข้าวพากันไปเดินห้างเล่นก็เลยมาถึงซะเย็นเลย  ป่านนี้ไม่รู้ว่าพ่อตัวดีกับแม่หนูน้อยจะเป็นอย่างไรกันบ้างก็ไม่รู้  จะพากันซนรึเปล่านะพ่อลูก  ขณะที่กำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นปอก็พลันเห็นอะไรบางอย่างซึ่งเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดู  ญี่ปุ่นตัวโตนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่กลางห้องโดยมีน้องแขนอนหนุนแขนล่ำต่างหมอน  เท้าน้อยๆก่ายพาดไปบนลำตัวสองมือเกาะเสื้อยูกาตะเอาไว้แน่นใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างมีความสุข
“แน่จริงจับให้ได้จิน้าเบะ  ฮ่าๆๆ” เสียงน้องแขที่ดิ้นยุกยิกละเมอออกมาเบาๆ
“ม่ายหวายแหล่ว  โต้จังเหนื่อยแหล่ว”  ร่างสูงพรึมพรำงึมงำออกมาต่อ  ท่าทางคงจะเล่นมากันทั้งวัน ถึงได้เหนื่อยจนหมดแรงม่อยกระรอกถึงได้มาหลับกันอยู่ตรงนี้  ปออดยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนที่จะก้มจุ๊บที่แก้มสากเบาๆ
“ ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลน้องแขทั้งวัน”  จากนั้นก็ลูบหัวน้องแขเกลี่ยเอาผมที่ตกลงมาปิดหน้าปิดตาออกแล้วจึงหอมแก้มแดงๆของเด็กน้อย
“สนุกกันใหญ่เชียวนะ   แล้วก็รีบตื่นมากินข้าวเย็นกันล่ะ”  จากนั้นก็ค่อยลุกออกไปเตรียมมื้อเย็นให้อย่างทุกวันทิ้งให้คุณพ่อกับลูกสาวสนุกกันอยู่ในฝันกันต่อไป

   

the end

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
สารจากผู้แต่ง 

          ความจริงตั้งใจว่าจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นจบเสียตั้งแต่แรก(แบบว่าสั้นมากๆ) แต่แต่งไปแต่งมาก็เกิดหลงรักครอบครัวนี้เสียแล้วเลยมีผุดออกมาอีก 2ตอนก็แล้ว 3 ตอนก็แล้ว  4 ตอนก็แล้ว  แถมยังมีตอนที่5อยู่อีก  แต่ขอเก็บเอาไว้ลงรับเทศกาลสงกราตร์ดีกว่า  เลยลองเอามาลงเป็น นิยาย sit comให้เพื่อนๆได้อ่านกันดูว่าจะมีใครตกหลุมรัก ปอน้อย  นายหม้อไฟและน้องแขกันบ้างอิอิ  ถ้ายังไม่ลืมกันก็แวะมาบ่อยๆนะคะปอน้อย กับนาเบะซังมาพบพวกคุณแน่ๆ  เพราะคนเขียนมันกำลังองค์ลง  และว่างปั่นอยู่แต่ตอนหน้าขอลงต้อนรับเทศกาลสงกรานตร์นะคะ :a5:  อดใจรอสักหน่อยแล้วมาคลายร้อนกับปอน้อยและนาเบะที่นี่นะคะ  รักคนอ่านทุกคนคะ   :bye2:



 

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
สนุกดีนะคะ เหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเลย  :pig4:

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
สนุมากๆ ค่ะ น่ารักด้วย  o13

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ปอซังกับนาเบะ หายไปนาน
รออ่านต่ออยู่นะเนี่ย
ลงใหม่ตั้งแต่แรกเลยเหรอ
ขอโทษนะคะ ด้วยความงง ทำไมไม่ไปต่อที่กระทู้เดิมล่ะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=11529.0


ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ง่ะ......อันเก่าอยู่นี่เอง  แบบว่า  หาไม่เจออ่ะคะ  เลยนึกว่าไปซะแล้ว  :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมหนุ่มยุ่นที่ป้าเคยเจอแต่ละคน   ใจร้ายสุดๆ    ไม่น่ารักเหมือนนาเบะ   อุอุ :z2:

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
the messenger  5   ยากูซ่าพ่อลูกอ่อน

   เสียงของชิงช้าในสนามเด็กเล่นดังกระทบกันเอี๊ยดอ๊าด  เสียงหัวเราะเริงร่าของหนูน้อยที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานบ้างเสียงร้องไห้โยเยของเด็กๆที่ร้องอยากจะกลับบ้านก็บ้าง  บรรยายกาศในโรงเรียนยามเช้าเป็นเช่นนี้อยู่ทุกวัน  ผิดก็แต่ว่าวันนี้จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคนเท่านั้นเอง 
" น้องแขเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนนะคะ  แล้วตอนเย็นพี่จะมารับหนูนะคะ  อย่าดื้อกับคุณครูล่ะ"  ปอน้อยลูบหัวลูบหางลูกสาวฟ้าประทานตัวน้อยอย่างรักใคร่เอ็นดู   เมื่อได้เห็นเด็กน้อยอยู่ในชุดเอี้ยมกระโปรงสีน้ำเงินกับผมเปียสองข้างที่ตึงเพี๊ยะซึ่งเขาตื่นมาทำให้แต่เช้ากำลังยืนกระพุ่มมือไหว้ลาเขา  ก็อดภูมิใจลึกๆไม่ได้  สาวน้อยของเขากำลังจะโตขึ้นทุกวันทุกวัน.
"สวัสดีนะคะพี่ชาย.....น้าเบะด้วยนะคะ  หนูจะเป็นเด็กดีคะ  พี่ปอกับน้าเบะก็มารับหนูเร็วนะคะ  อย่าให้หนูรอนานนะ  เดี๋ยวหิววข้าวแย่"
" ขอรับ  องค์หญิงของพี่  ไป  เข้าห้องเรียนได้แล้ว"
"เด๋วซีคับ  มาห้ายโต้จังกอดก่อน"  ว่าแล้วคุณนาเบะก็ก้มลงอุ้มน้องแขขึ้นมาฟัดมาหอมเป็นการใหญ่
"สึกิโนะจังม่ายอยู่  โต้จังคิดึงแย่เลย  ถ้ามีครายมารังแกสึกิโนะจังลาก้อบอกโต้จังนะ  ม่ายต้องปายกัว  จำที่เคยสอนให้ด้ายไหม  โก้มตัวหลบแล้วชกซ้าย  เตะผ่าหมากมานปายเลย....อาวโทราสับโต้จังไว้นะ  มีอารายก็กดตรงนี้ โทรมานาคับ"  ขณะที่คุณพ่อจอมห่วงลูกสาว กำลังสอนแม่หนูของเขาใช้โทรศัพท์มือถือสำหรับเด็กอันเล็กๆที่สั่งตรงมาจากญี่ปุ่นส่งให้สาวน้อยของเขา  ปอส่งสายตาดุพร้อมด้วยระอากับอาการห่วงลูกสาวกำเริบ
"คุณนาเบะครับ   น้องแขอายุเพิ่ง 5 ขวบเอง  แล้วแกก็อยู่ในโรงเรียนตลอด  มีคุณครูคอยดูแลทั้งวัน  ไม่เห็นจะต้องให้แกพกโทรศัพท์มือถือเลย  แล้วไปสอนอะไรแกอย่างนั้น แกเป็นผู้หญิงนะครับ"  ผมตีไปที่หลังทีหนึ่ง นายหม้อไฟตัวไม่ตอบอะไร  พลางปล่อยตัวเด็กหญิงลงแล้วตบก้นดุนหลังเบาๆส่งเจ้าตัวเล็กเข้าโรงเรียนไป
"บ้าย บาย  แล้วเจอกันคะ" แม่หนูโบกมือลาแล้วก็เข้าชั้นเรียนไปพร้อมคุณครู  คุณนาเบะเฝ้ามองจนร่างน้อยๆลับสายตาไปก่อนจะหันมาหาผมพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ดูเหมือนจะไหลคลอหน่วยอยู่
"กะ... ก้อ  โผมเปนห่วงสึกิโนะจังนี่คับ  ลูกสาวท้างโคนจาม่ายห่วงด้ายยังงาย  ฮึก  ๆๆ "
"อ้าว...คุณนาเบะ   ร้องไห้ซะงั้นโถ้ๆๆๆมาส่งลูกเข้าโรงเรียนแท้ๆแต่ไหงคุณพ่อกลับร้องไห้แทนซะงั้นล่ะครับ "  ผมโผเข้าไปกอดปลอบใจที่รักของผม  น่ารักจริงๆคุณพ่อ  แต่จะว่าไปคุณนาเบะก็เล่นอยู่กับน้องแขอยู่บ่อยๆ  ไปทำงานก็เอาไปนั่งๆนอนๆเล่นซนอยู่ที่บริษัทด้วย  เรียกได้ว่าอยู่ติดกับน้องแขมากกว่าผมเสียด้วยซ้ำ  ก็เข้าใจอ่ะนะ  ผมเองก็รักและก็ห่วงน้องแขเหมือนกันไหนๆก็รับเขามาเป็นลูกแล้วเราก็ต้องดูแลให้ความรักเขาอย่างถึงที่สุดนี่นา  หลังจากปลอบคุณพ่อที่ร้องไห้เป็นนกถึดทืออยู่พักใหญ่เราก็เดินทางไปบริษัทเพื่อไปทำงานกัน
   หลังจากฝ่าการจราจรมาจนถึงมาจนถึงบริษัทผมกับคุณนาเบะก็จุ๊บลากันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานคนละฝ่าย
" ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะคุณพ่อ  ตั้งใจทำงานนะครับ  แล้วค่อยเจอกัน  อ้อ  แล้วที่เราคุยกันบนรถน่ะ   ไอ้เรื่องสอนให้น้องแขต่อยตีเนี้ย  ฟังกันบ้างนะ"  ผมเอ็ดส่งท้ายไปหน่อยนึง  พ่อตัวดีก็รวบเอวผมเข้าไปกอดก่อนจะเถียงอย่างอ้อน
"น่า....  โคนเด๋วนี่มานไว้จายม่ายค่อยได้  หาดว้ายก้อไม่เปนไรนี่คับ  แกจาด้ายดูแลตัวเองด้าย ตอนโผมเล็กๆผมก็เรียนต่อสู้แล้วเลย"
"ก็นั้นมันคุณนี่ครับ  น้องแขไม่ใช่เด็กผู้ชายนี่  เอาเถอะ  ตามใจคุณ  แต่อย่าให้มันเกินไปนักก็แล้วกัน  เด๋วแกจะก๋ากั่นเกินงาม"สุดท้ายปอจังก็ตามใจนายหม้อไฟจนได้  คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน  น้องแขจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้เวลาอยู่ในอันตราย  อยู่ในครอบครับยากูซ่าแบบนี้จะมีเหตุการณ์แบบเมื่อคราวที่ไปฮันนีมูนกันมาเกิดขึ้นอีกรึเปล่าก็ยังไม่รู้  ยังดีที่คราวนั้นเป็นคนของเราเอง  ถ้าเป็นศัตรูคู่อริตามขึ้นมาจริงๆล่ะก็  น่ากลัวจริงๆ   พอแยกกับคุณนาเบะลงมาที่แผนกธุรการเตรียมตัวออกไปส่งเอกสารเช่นเดิมแต่บังเอิญเดินสวนกับใครบางคนจึงหยุดทัก
"โทชิซัง  มาที่บริษัทด้วยรึวันนี้"  เจ้าลูกน้องตัวไล่เลี่ยกันผมก็ก้มโค้งคำนับ
"ครับ นายหญิง  นายท่านสั่งให้ผมเข้ามาพบ"
"เอ้ย...ไม่ต้องมานายหยงนายหญิงอะไรกันหรอก เรียก ปอ ก็ได้"
" ครับคุณปอ"
"งั้นก็ไปเถอะ  เดี๋ยวคุณนาเบะจะรอ"
"ขอตัวก่อนนะครับ"  จากนั้นเจ้าตัวก็ขึ้นลิฟท์ไป  แต่ก็ยังความสงสัยเพราะปกติเจ้าโทชินี่จะประจำอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในสีลมซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลายๆอย่างของพรรคที่คุณนาเบะให้เด็กๆในพรรคเป็นคนดูแล  ไหงวันนี้เข้ามาบริษัทได้  อืมมม  คงไม่มีอะไรหรอก  น่าจะธุระอะไรไหว้วานกันเสียมากกว่า  ว่าแล้วผมก็เลิกสนใจสตาร์ทน้องฟีโน่สีชมพูสดใสเตรียมออกไปส่งเอกสารตามปกติ  โดยที่ยังคงมีรถเบนซ์ของพรรคคอยตามอยู่ห่างๆเช่นเดิมเหมือนทุกครั้ง  แหมไอ้เรามันเด็กส่งเอกสารกิตติมาศักดิ์แท้


   กลับมาทางนายหมอไฟวาตานาเบะกันบ้าง  หลังจากที่ขึ้นมานั่งทำงานบนห้องท่ามกลางความรู้สึกรำคาญลูกกะตาของคุณเลขาเป็นที่สุดเมื่อเห็นว่านายตัวเองไม่ยอมทำอะไรนอกจากจะเดินไปเดินมา เดี๋ยวก็ยกโทรศัพท์ขึ้นจะโทร เดี๋ยวก็กดวางเป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วตั้งแต่ขึ้นมา  ไม่ได้เห็นอาการแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะเนี้ยนับตั้งแต่เจ้านายตนไปแต่งงานกันนายหญิงปอใหม่ๆ   พอนายหญิงปอออกไปส่งเอกสารทีไรก็เป็นอันต้องลุกรี้ลุกลนแบบนี้ทุกที 
" ท่านวาตานาเบะครับ "  ไกรวิทย์เลขาคู่บารมีเดินเข้ามาเอ่ยเรียกพร้อมกับเสริฟกาแฟเข้มๆที่เจ้านายหนุ่มชอบวางไว้บนโต๊ะทำงาน 
" มีอาราย "
"  วันนี้น้องแขคงจะเปิดเทอมแล้วสินะครับ  วันนี้เลยไม่ได้มากับท่านด้วย  หึหึ  สาวน้อยไม่มาอย่างนี้ออฟฟิสเราก็ดูจะเหงาไปบ้างเหมือนกันนะครับท่าน"  ไกรวิทย์พูดแหย่คนที่กำลังทำตัวเป็นคุณพ่อห่วงลูกจนนั่งอยู่กับที่ไม่ติด
"อืมมมม  จริง  ม่ายได้ยินเสียงสึกิโนะจังมาวิ่งเล่นมาออดอ้อนก็อดเหงาม่ายได้"  ร่างสูงพาตัวเองกลับมานั่งลงจิบกาแฟแล้วถอนหายใจหนักๆ  ก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่  ทำเอาไกรวิทย์แอบขำกับป๊ะป๋ายากูซ่าที่กำลังหงอยเพราะลูกสาวไปโรงเรียน  แต่ก็น่าห่วงอยู่น้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะก็แม่หนูช่างอ้อนกำลังน่ารักน่าเอ็นดูเสียขณะนั้นเห็นขลุกกันอยู่ทุกวันพอต้องห่างกันมันก็ย่อมเหงาเป็นธรรมดา 
" ก๊อกๆๆ"เสียงเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องทำให้ไกรวิทยืต้องเดินไปเปิดประตูรับก่อนจะเห็นว่า โทชิซัง จะขออนุญาตเข้ามาพบนายท่าน  เขาจึงปลีกตัวปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยงานกันตามสบาย


"นั่งก่อนสิ"  วาตานาเบะผายมือเชื้อเชิญในนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม
"ขอบพระคุณครับนายท่าน " 
"ที่ฉันสั่งไปให้ทำน่ะ  จัดการรึยัง"
" นายท่านหมายถึง.............."
...


      ลาลา  รัมมะมาม่า  กากาอุลั้ลลา  คอท  อิน อะ แบดโรแมนซ์  (bad romance  - lady gaga ) หมู่นี้ปอน้อยมีความแรงในตัวนิยมฟังเพลงแด๊นซ์   ของเจ้แม่ขาป่วน  เดินเท้างุ้มทำท่าส่องคันฉ่องเข้าออฟฟิสมา  ออกสเต็ปอย่างเมามันส์หลังจากไปส่งเอกสารเสร็จกลับเข้ามา 
"พี่จ๋า  มีเอกสารส่งอีกรึเปล่าครับ"
" หมดแล้วล่ะจ๊ะ  ปอไปพักเถอะ  ป่านนี้ท่านประธานรอทานข้าวจนหิวแย่แล้ว จะบ่ายโมงแล้วนิ"
" ครับ งั้นเดี๋ยวขอตัวก่อนนะครับ"  ว่าแล้วก็เดินเข่งก้าวกระโดดด้วยความลั้ลลาขึ้นลิฟท์ไป  จะได้ไปกินข้าวกับสุดที่รักของผมพอถึงหน้าห้องผมก็เคาะประตูก่อน  ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องฝาละมีผมแต่ก็ต้องมีมารยาทนะครับ  เปิดพรวดพราดเข้าไปได้ไง ...  เอ......เคาะรอบ1ก็แล้ว  รอบสองก็แล้ว  รอบสาม  สี่ ห้า ก็แล้ว  รอจนใจหดใจหายกลัวสุดที่รักโหมงานหนักจนเป็นลมสลบเหมือดคาโต๊ะทำงาน  คุณไกรวิทย์ยอดเลขาก็โผล่มาพอดี

" ท่านวาตานาเบะไม่อยู่หรอก น้องปอ "
"อ้าว  หรือครับ  วันนี้มีนัดกินข้าวกับลูกค้าหรือครับ"
" เปล่าหรอก  แต่เห็นออกไปไหนก็ไม่รู้  เพิ่งออกไปได้ 15 ทีก่อนนี่เอง"  คุณไกรวิทย์พูดไปหัวเราะด้วย
"แอบหนีไปกินข้าวกับสาวน้อยที่ไหนรึเปล่าก็ไม่รู้นะน้องปอ"
"อ่ะ  ได้ยังไงกัน   พี่วิทย์อ่ะ บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าพ่อตัวดีผมไปไหน"
"  โน้นๆ  ไปถามเจ้าพวกนั้นจะได้เรื่องมากกว่านะ  หึหึหึ "  ว่าแล้วไกรวิทย์ก็ทิ้งบอมส์ไปให้เจ้าพวก men in black ที่กำลังทำหน้าเลิกลั่กเมื่อเห็นปอน้อยที่ดึงหูฟัง mp3 ออกแล้วเดินมุ่งหน้ามาทางพวกตน
" คุณนาเบะ ไปไหน"
"มะ  มะ  ไม่ทราบครับนายหญิง"
"ไม่ต้องมานายหยง นายหญิงเลย  คุณนาเบะอยู่ไหน"
"อ่า......  พะ  พวกผม"  อ้ำอึ้งกันอยู่นั้นหล่ะ หึย  ทนไม่ไหวแล้ว ปอน้อยจัดการงัดท่าไม้ตายพิฆาต ยกมือขึ้นบิดหูลูกน้องตัวดี
"จะบอกไม่บอก"
"โอ้ยๆๆๆ  ยอมแล้วครับ  นายหญิง  ยอมแล้วครับ" 
    จากนั้นเจ้าพวกนั้นก็พาผมนั่งรถเบนซ์คันที่ตามผมอยู่ตลอดเช้าที่ไปส่งเอกสารไปหาคุณนาเบะตามที่ผมสั่ง   หึ  ริอาจมีกิ๊กหรือ เดี๋ยวได้เห็นฤทธิ์ ไอ้ปปอกันบ้างหล่ะ  รอก่อนเถอะ  รอก่อน  แม่  เอ้ย  พ่อจะบิดให้หูดำๆเนี้ยมันหลุดไปเลย  อยากทำตัวหม้อ(ไฟ) ดีนัก   แต่แล้ว  เมื่อรถพามาถึงที่ผมก็ถึงกับงง  นี่มันโรงเรียนของน้องแขนี่หนา  พามาทำไมเนี้ย
"  พามาที่นี่ทำไม  บอกให้พาไปหาคุณนาเบะไม่ใช่เหรอ"
"ก็นายท่านอยู่นี่หล่ะครับนายหญิง... โน้นไงครับ  รถของนายท่าน"  คนขับหันมาบอกด้วยสีหน้าหวาดๆ  หนอย จะมาจีบครูของลูกสาวล่ะสิ   อ้ายบ่าวตัวดีของผมยังนั่งอยู่บนรถซึ่งจอดอยู่ห่างโรงเรียนไปสักประมาณ 500 เมตร  ภายในโรงเรียนเด็ฏๆที่เพิ่งตื่นนอนกลางวันก็อออกมาเล่นกัน  ผมลงจากรถเดินไปหา  วันนี้เป็นไงเป็นกัน
   ส่วนนายหม้อไฟของเรายังไม่รู้ชะตากรรมยังคงนั้นถอดหุยอยู่  กระจกด้านคนขับเปิดรับลม  ทำให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังจ้องไปทางโรงเรียน 
" มายะอันหยังอยู่ที่นี่หึ บ่ายะก๋านยะงาน มาแอ่วเพลินอยู่นี่นี่เอง ( มาทำอะไรอยู่ที่นี่  ไม่ทำการทำงาน  มาเที่ยวเพลินอยู่นี่นี่เอง) "  วาตานาเบะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียตะหวาดแว้ดของสุดที่รัก
ปอเปิดประตูเข้าไปนั่งมันข้างหลังแล้วจัดการเอากำปั้นสองข้างเข้ากระหน่ำทุบลงไป
" ฮาก๋อข๋าง  ว่าจะคอย กัวว่าอ้ายจะหิวจะหม้อย  หึ  คนขี้จุ๊  หมายว่าจะมาแอ่วผู้สาว ครู โฮงเฮือน  น้องแขล่ะสิ (ผมก็กลัวว่าคุณจะคอย  กลัวว่าคุณจะหิวจะเหนื่อย หึ คนโกหก   ตั้งใจจะมาจีบครูโรงเรียนน้องแขล่ะสิ )"  ปอสะบัดหน้ากอดอกแน่นด้วยความงอนถึงที่สุด
"ป่าวนาคับ  อย่าเข้าใจผิด"
"แล้วมายะอะหยัง  หมะเข้าใจ๋  (แล้วมาทำอะไร  ไม่เข้าใจเลย)" 
"คะ..คือ  คือ "  ร่างสูงก้มหน้างุดยอมรับผิด
"คือ อะหยัง"  ปอ ปรายตามองด้วยหางตาก่อนจะเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของนายหม้อไฟ.....กล้องส่องทางไกล
"เอามาอะหยังเนี้ย"  ปอคว้ากล้องส่องทางไกลหยิบขึ้นมาส่องไปตามทิศที่วาตานาเบะมองเข้าไปในโรงเรียนแล้วก็เห็น........น้องแขกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนอยู่ 
" ก้อ ผมเปนห่วง  คิดถึงสึกิโนะจัง  กัวมาวันแรกแล้วม่ายมีเพื่อน  กัวโดนเพื่อนแกล้ง"  คุณพ่อหวงลูกสาวก็คอตกรับสารภาพเล่นเอาปออดขำไม่ได้
" คุณนาเบะนี่น้า.....เฮ้อ..."  ปอบ่นเล็กน้อยแต่ก็หายโกธรเป็นปลิดทิ้ง
"งั้นเรามาแอบดูกันดีกว่าว่าน้องแขทำอะไรอยู่"  ผมส่งยิ้มให้คุณนาเบะซึ่งดูเจ้าตัวจะมีสีหน้าอายๆนิดๆที่ถูกจับได้ว่ามาแอบดูลูกอยู่ที่หน้าโรงเรียน  จากนั้นเราก็หันไปสนใจภายในสนามเด็กเล่นแทน   น้องแขกำลังเล่นชิงช้ากับเพื่อนอยู่อย่างสนุกสนาน  รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำใหเผมรู้ว่าน้องแขเป็นสุขขนาดไหน  แต่แล้วเด็กชาย2คนท่าทางเฮี้ยวละซนก็เดินตรงเข้ามายังกลุ่มของน้องแขซึ่งกำลังผลัดกันไกวชิงช้าให้เพื่อตัวน้อยอยู่   ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ  สองเด็กน้อยก็ตรงเข้ามาพลักหนูน้อยที่นั่งชิงช้าอยู่จนหน้าขมำ  เด็กหญิงคนนั้นร้องไห้ไปหลบอยู่กับเพื่อนแต่แม่หนูของผมกลับออกประจัญหน้า
" คุณนาเบะ....ดูสิ "  ผมเรียกให้คุณนาเบะดูและท่าทางคุณนาเบะจะโมโหมากที่เด็ก2คนนั้นริอ่านทำตัวป็นนักเลงตัวจ้อย แล้วคุณนาเบะก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรออก
" ปายจัดการซะ" จากนั้นลูกน้องสองสามคนก็พุ่งตรงเข้าไป  เฮ้ย!  นั้นมันเด็กนะครับคุณนาเบะ  ใจเย็นๆ  เด็กมันยังไม่รู้เรื่อง  ตายห่า  เดี๋ยวพ่อแม่มันได้ร้องไห้ฟูมฟายมาเอาเรื่องกันพอดี
" หยุดนะครับคุณนาเบะ  สั่งพวกนั้นกลับมาเดี๋ยวนี้  จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว"  ผมร้องเสียงหลงกับความบ้าดีเดือดของไอ้หม้อไฟห่วงลูกนี่  คุณนาเบะส่งสัญญาณยกมือขึ้นหยุด  เจ้าพวกนั้นก็เลยหยุดยืนรอคำสั่งอยู่เฉย
" ทำมายละคับ   ผมแค่จาให้พวกานเข้าปายไปจับเด็กนั้นมาตีก้นสั่งสอนซักหน่อยเท่านั้นเอง""
" พอเลยครับคุณนาเบะ   เรื่องของเด็กๆผู้ใหญ่ไม่ต้องไปยุ่งหรอกครับ...ดูโน้นสิ"  ว่าแล้วเราก็กลับมาสนใจสถานะการณ์ข้างในโรงเรียน  มันกลับกลายเป็นว่า  น้องแขที่ออกเผชิญหน้าเข้าขวางอย่างไม่กลัวเกรงยืนเท้าเอวชี้หน้าด่าใหญ่  แต่สองนักเลงตัวจ้อยหากลัวไม่กลับเข้าดึงผมเปียที่ผมอุตส่าห์ถักให้ลุ่ยหมดเลยแต่แม่หนูผมก็ส่งหมัดซ้ายสังหารตามด้วยเตะผ่าพิฆาตแต่ว่าไปโดนหน้าแข้งแบบเจาะยางเต็มๆ  ตามที่คุณนาเบะสอนเมื่อเช้าเด้ะ  ไอ้หนูตัวแสบล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นแล้วก็พากันวิ่งหนีร้องไห้ไป  ลูกน้องคุณนาบะเลยไปต้องออกฉาก 
" นั้นไง  ดูเอาเถอะ  แกทำตามที่คุณสอนไว้เลย  ฮ่าๆ  สงสัยพากันวิ่งไปฟ้องครูแน่"  ผมอดหัวเราะในความแก่นแก้วของสาวน้อยของผมไม่ได้  ส่วนคนข้างๆยิ้มภูมิใจไม่เสียแรงที่ให้ฝึก
"คราวนี้โอโต้ซังก็หายห่วงได้สักทีนะ  ลูกสาวออกจะสู้คนขนาดนี้  คราวนี้กลับไปทำงานได้อย่างสบายใจแล้วใช่ไหมครับ"
แล้วเราทั้งคู่ก็ต่างพากันหัวเราะชอบอกชอบใจ  สมแล้วที่เป็นคุณหนูของแก็งค์  แก่นเซี้ยว  กล้าหาญราวกับ จีจ้า  จริงๆ  ฮ่าๆๆๆ
ตกเย็น
         หลังจากกลับไปทำการทำงานกันต่อจนกระทั่งได้เวลาเลิกเรียนของน้องผมกับคุณนาเบะก็มารับกลับตามที่สัญญากันไว้โดยที่แม่หนูน้อยวิ่งกุเรงกุเรงออกมาจากห้องโผกระโจนเข้าใส่ผมเต็มรัก
" คิดถึงจังเลยคะ   หิ๊ววววว  หิวด้วย  อยากกินไอศครีม"
"แหม เจอหน้ากันก็หิวเลยนะคะ"
"สึกิโนะจังม่ายคิดถึงโต้จังบ้างเหรอ"  คุรพ่อออกปากงอนเล็กๆ
"คิดถึงสิคะ "  ว่าแล้วแม่หนูก็กระโดดเข้าอ้อมกอดที่รออยู่ของพ่อ  แล้วก็หอมแก้มโต้จังปลอบใจไปหนึ่งฟอด  คุณครูเห็นก็อดยิ้มไม่ได้กับภาพตรงหน้า
" แหม  น้องแขคะได้ทีอ้อนใหญ่เลยนะคะ  วันนี้ก็ไปเล่นซนกันซะ มอมไปหมด " คุณครูแชวจนกระทั่งผมบอกให้น้องแขลาคุณครูแล้วก็เดินมาถึงรถ
"  วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างคะ  สนุกไหม"
หนูน้อยที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เล่าเรื่องราวต่างๆอย่างออกรสออกชาติ รวมถึงเรื่องที่ช่วยเพื่อนไม่ให้โดนแกล้งด้วย  แต่ว่าคู่กรณ๊ไม่กล้าฟ้องคุณครู เพราะรู้อยู่ว่าตัวเองทำผิดแม่หนูของผมก็เลยรอดตัวไป  จากนั้น มือน้อยๆรื้อกล่องขนมออกมาจากกระเป๋ายื่นมาให้ดู
" แล้วนี่ใครให้ขนมมาคะเนี้ย  พี่เคยบอกนี่หนาว่าอย่ารับของคนแปลกหน้า"
" ป่าวววนะคะ  เพื่อนใหม่น้องแขที่ชื่อน้องแม็คเขาให้มาคะ"
"ครายกันคับ  แหล่วให้ทำมาย"  อาการกำเริบอีกแล้วครับคุณนาเบะ
"อืมมม  ก็น้องแม็คบอกว่า  อยากขอเป็นแฟนด้วยแล้วก็ให้หนูมาคะ"  ลูกสาวผม  มาวันแรกก็ฮ๊อตซะแล้ว
"อร้ากกก  โต้จังไม่ยอมนาคับ ห้ามมีแฟนตอนนี้นาคับ น้องแม็คเปนคราย อยู่ที่หนาย  ลูกเต้าเหล่าคราย บอกโต้จังมาเลยเดี๋ยวนี้เลยนาคับ" คุณนาเบะโอดโครญท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจของน้องแขและผม  โอ้โหอย่างนี้สงสัยใครจะมาเป็นเขยบ้านนี้ละ ก็ต้องผ่านด่านคุณพ่อตาให้ได้ซะก่อนละนะ  55555

the end
 
 
 

 

KM

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
The messenge5 ตอน   สงคราม   สงกรานตร์

   วันนี้เป็นวันสงกรานตร์ แต่โบราณเขาเรียกว่าวันปีใหม่...  ตรุษไทยปีนี้พวกผมตัดสินใจกันว่าจะยกขโยงกันขึ้นมาบ้านเกิดผม  เชียงใหม่  ทั้งป้าจ๋า  โอโต้ซัง  น้องแข  แล้วก็สุดที่รัก ของผมก็เลยถือโอกาสมารดน้ำดำหัวผู้ใหญ่กัน  เมื่อนึกถึงสถานที่ท๊อปฮิตที่นิยมไปเล่นน้ำสงกรานตร์เป็นอันดับแรกๆก็คงไม่พ้นเชียงใหม่น่ะหล่ะครับ  โอโต้ซังกับป้าจ๋านั้นขึ้นมาผมเลยหลังจากผมและคุณนาเบะจะตามขึ้นไปทันทีที่เคลียร์งานที่บริษัทเรียบร้อย( ปล. ตอนนี้ผมเริ่มฝึกงานในแผนกกฎหมายของบริษัทแล้วนะครับแต่ว่าผมก็ยังคงช่วยงานส่งเอกสารอยู่เวลาขาดคน  ก็มันอดไม่ได้จริงๆนี่ครับ)  ตอนแรกคุณนาเบะจะจองตั๋วเครื่องบินแต่ว่า
“หนูอยากขึ้นรถไฟ นะคะ  น้าเบะ  ไปรถไฟกันนะคะ  นะคะนะคะนะคะ” หนูน้อยส่งสายตาเป็นประกายออดอ้อนกันขนาดนี้มีหรือเจ้าพ่อเห่อลูกจะไม่ตามใจ แผนการจึงเปลี่ยนไป  เป็นอันว่าเราสามคนจะท่องเที่ยวกันแบบ backpack กัน  เจ้าพวกลูกเจี๊ยบในพรรคต่างก็พากันงอแงโวยวายกันใหญ่  ไม่อยากให้นั่งรถไฟไป  กลัวจะลำบากบ้างล่ะ  อันตรายบ้างล่ะ
“กล้าโวยวายเหรอ  เดี๋ยวนี้มี หือ   เถียงใช่ไหม  ไปเลย  สก๊อตจัมป์คนละ100ครั้ง  ปฎิบัติ !”
“ตะ  แต่ นายหญิงครับ”
“ยังอีก   ปั่นจิ้งหรีดเพิ่มอีก 50 รอบ  ปฏิบัติ!”ผมยืนเท้าเอวขู่เสียงดัง   เจ้าพวกนั้นก็ยอมทำตามแต่โดนดี คุณนาเบะที่ยืนดูอยู่หัวเราะชอบใจกับน้องแข
“ฮ่าๆ แหม  นายหญิงของพ้ากนี้ดุเจงๆ น่ากัวจัง” ผมหันไปค้อนขวับ  ก็คุมคนหมู่มากก็ต้องอย่างนี้ละครับแต่จะให้ผมสวมบทโหด เลว ดี  ก็คงทำไม่เป็น แต่ถ้าให้เป็นครูไหวใจร้ายละก็พอได้ ซากุราวะซังที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นานก็ออกความเห็น
“นายท่านก็ให้พวกมันตามไปด้วยเถอะครับถือว่าให้พวกมันได้ไปสนุกกัน”
“อืมม...ก็จริงนะ นานๆทีไปพักผ่อนกันสักทีก็ดีเหมือนกัน  เอาเถอะ  ใครอยากไปก็เอาแต่ว่าต้องมีคนอยู่เฝ้าบ้านบ้างนะ” คุณนาเบะเอ่ยปากอนุญาตเจ้าพวกนั้นก็กระดี้กระด้ากันใหญ่
“แต่มีข้อแม้นะ....หาทางไปกันเองนะ  ที่ตอนไปกระบี่ยังแอบยกขโยงกันไปได้ เชียงใหม่แค่นี้คงไม่ลำบากหรอก”
“โถ่..นายท่าน”เจ้าโทชิโอดโครย  ท่าทางคุนาเบะจะแอบผูกใจเจ็บคราวไปฮันนี่มูนเอามากนะเนี้ย  ได้ทีเลยเอาใหญ่ ช่าง
เถอะยังไงซะเดี๋ยวคุณซากุระวะคงจะจัดทัพกันเองล่ะนะ
   เย็นวันที่ 11 เราก็มาถึงหัวลำโพง สุดท้ายคุณนาเบะก็ใจดีเหมารถไฟให้เจ้าพวกนั้นยกตู้  ส่วนพวกผมก็เอาในโบกี้ชั้นหนึ่งที่อยู่ติดๆกัน มีที่นอนติดแอร์เย็นสบาย แต่เด็กในพรรคอยู่ชั้น/2  เป็นพัดลม  โชคดีทีคนส่วนใหญ่ยังทำงานอยู่จึงยังพอมีที่ว่างจองให้ตามมาด้วยกันได้  น้องแขดูจะตื่นเต้นเป็นการมใหญ่พอได้ขึ้นรถไฟก็วิ่งไปตู้โน้นออกตู้นี้  ดีที่ว่าเจ้าโทชิและคุณซากุระวะ คอยอยู่เป็นเพื่อนผมจึงวางใจปล่อยให้น้องแขนั่งเล่นกินลมชมวิวสองข้างทางอย่างเพลิดเพลินอยู่ที่โบกี้โน้นกับเจ้าพวกนั้น  จนกระทั่งประมาณเกือบๆสองทุ่มครึ่งเห็นว่าเลยเวลามื้อเย็นไปโขจึงวานให้คุณนาเบะไปตามน้องแขมาทานข้าวที่ผมทำใส่กล่องติดมาด้วย เมื่ออิ่มกันแล้วก็เตรียมตัวเข้านอนกันโดยที่ผมกันน้องแขนอนด้วยกันที่ที่นอนชั้นบนส่วนคุณนาเบะก็นอนชั้นล่างไป  เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่รถไฟจะลอดอุโมงค์ถ้ำขุนตาลผมก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างแล้วก็ปลุกให้น้องแขกับคุณนาเบะลุกขึ้นมาดู อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย  จากนั้นประมาณสองชั่วโมงเราก็มาถึงสถานีปลายทางจังหวัดเชียงใหม่
“ป้อ  แม่  เฮาอยู่ทางนี้เน้อ”  ผมโบกมือให้พ่อกับแม่ทันทีที่เห็นเมื่อลงจากรถไฟมา  น้องแขที่สะพายเป้ลายหมีพูใบน้อยเดินตามผมต้อยๆมาพร้อมกับคุณนาเบะที่แบกทั้งกระเป๋าเป้เดินทางใบเขื่องและกระเป๋ากล้องแลพะรุงพะรัง   นี่เป็นครั้งแรกที่น้องแขเจอกับตายาย(หมายถึงพ่อกับแม่ผมน่ะครับ)และก็เป็นครั้งที่สองที่พ่อตากับลูกเขยได้เจอกัน  ผมรู้ดีครับว่าคุณพ่อตาของผมไม่ค่อยจะปลื้มกับพ่อลูกเขยสักเท่าไหร่  แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมกับคุณนาเบะเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วก็มาแต่งงานกันหรอกนะครับ แต่ท่านโมโหที่บังอาจมาขโมยลูกชายสุดที่รักไปโดยไม่บอกไม่กล่าวต่างหาก  พ่อน่ะห่วงผมยังกับอะไรดียิ่งกว่าจงอางห่วงไข่เสียอีก  ลูกชายคนเดียวก็อย่างนี้หล่ะครับ
“ป้อจ๋าแม่จ๋า  เฮาปิ๊กบ้านมาหาแล้วเน้อ  กึ๊ดฮอดขนาด” ผมโผเข้าไปกอดแม่หอมแก้มซ้ายขวาแล้วก็ยกมือไหว้พ่อ ซึ่งพ่อผมก็ลูบหัวลูบหางรับขวัญกันเป็นการใหญ่
“ซาหวัดดีคับคุนป้อ  คุนแม่”คุนาเบะกล่าวทักทายยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างเคารพนบนอบ ส่วนน้องแขที่หลบอยู่ข้างหลังโต้ซังของตัวเองเห็นอย่างนั้นก็ค่อยๆทำตาม  ด้วยความที่แกยังไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนจึงยังตื่นๆอยู่เพราว่ายังไม่คุ้นแถมคุณพ่อผมก็ดูเหมือนคนสมัยก่อน หน้าตาเข้มๆดุๆตัวโตๆ แกก็เลยยิ่งกลัวแล้วไหนตอนนี้จะยังตีหน้าโหด ทำตาเขียวใส่พ่อลูกเขยอีก
“เออ   ไหว้พระเถอะ” เสียงเหี้ยมเชียวเด็จพ่อ
“หนูแขใช่ไหมจ๊ะ  มานี่สิ  มาให้ยายชื่นใจหน่อยเร็ว”แม่ผมเรียกน้องแขให้เข้าไปหา
“ไปหาคุณยายสิคะน้องแข  เนี้ย  คุณแม่ของพี่เอง”  ผมดุนหลังเด็กน้อยให้เข้าไปใกล้  น้องแขหันมามองหน้าผมอย่างลังเลใจก่อนจะยอมเข้าไปให้ยายอุ้มขึ้นมาฟัดแก้มยุ้ยๆด้วยความเอ็นดู
“น่ารักจริงๆหลานยาย  ไป  ไปบ้านเรากันดีกว่านะลูก  เดินทางมาเหนื่อยๆ ไปตา  พาหลานกลับบ้านกันเถอะ”จากนั้นพวกเราก็ไปขึ้นรถกะบะเดินทางไปยังอำเภอสันป่าตองบ้านผม  ส่วนเจ้าพวกนั้นก็ปล่อยให้นั่งเบียดกันอยู่ท้ายกะบะเป็นแรงงานพม่าลมตีหัวฟูไปตามๆกัน
   พอมาถึงบ้านสวนของผมทุกคนก็ดูเหมือนจะถูกใจกันความเป็นธรรมชาติร่มรื่นของที่นี่เป็นอย่างมาก  พื้นที่สวนขนาด 10 ไร่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด อาศัยปลูกลื้นจี่ ลำไย และลูกท้อขายพออยู่พอกินไม่ได้ร่ำไม่ได้รวยอะไรหรอกครับ   เจ้าพวกนั้นช่วยกันเก็บข้าวของขนที่หลับที่นอนไปพักเรือนเล็กที่อยู่ติดๆกันเป็นเหมือนศาลากลางเปรียญคือเป็นบ้านยกใต้ถุนโล่งๆแบบล้านนาซึ่งพ่อเอาไว้ใช้เป็นที่ประชุมของหมู่บ้านหรือเวลาแขกไปใครก็จะได้อาศัยพัก  คราวนี้ก็เป็นทีของพวกมันล่ะ
“ใครอยากนอนมุมไหนก็เลือกได้เลยตามใจชอบนะช่วยๆกันปัดกวาดถูพื้นเอาก็แล้วกันเสร็จแล้วใครอยากจะไปเดินเที่ยวเล่นไหนก็ไป อยากนอนต่อก็นอน  ผลไม้ในสวนเก็บกินได้ตามสบายนะ เดี๋ยวจะไปเตรียมกับข้าวกับปลาให้ เสร็จแล้วจะเรียก”
“ขอบคุณครับ นายหญิง”
“ เฮ้ย  อย่าเรียกนายหญิงสิ  ใครได้ยินอายเขาตาย”
“ขอโทษครับ นาย ยะะ  นายปอ”  ผมเท้าสะเอวแยกเขี้ยวขู่พวกมันถึงได้หยุดเรียกนายหญิงกันซักที    จากนั้นผมก็ขึ้นเรือนใหญ่กลับไปหาพ่อกับแม่  แกะของฝากจากกรุงเทพให้ เสร็จแล้วก็เอาข้าวของไปไว้ที่ห้องผมช่วยกันทำความสะอาดสักพักก็เรียบร้อยเลยปล่อยให้คุณนาเบะและน้องแขได้พักล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน  ส่วนผมก็ลงไปช่วยแม่ทำอาหารเตรียมไว้เลี้ยงเจ้าพวกลูกเจี๊ยบทั้งหลายที่ติดสอยห้อยตามกันมาทิ้งให้คุณนาเบะกับคุณพ่อตาทำความคุ้นเคยกันเอง
    มาทางด้านสองหนุ่มสองวัยของเรากันบ้างพ่อตากับลูกเขยที่กำลังเดินชมสวนกัน   คุณ(พ่อ)ตาอุ้มสึกิโนะจังเก็บลูกลิ้นจี่ผลโตให้ชิม  ดูเหมือนลูกน้อยของผมจะเริ่มคุ้นเคยกับหน้าตาดุๆของคุณพ่อปอจังแล้วก็เลิกกลัวเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของพ่อเสือยิ้มยากของคุณพ่อฟ้าฮ่ามผู้ใหญ่บ้านคนดัง
“อร่อยจังเลยคะคุณตา”เด็กน้อยฉอเลาะ
“ชอบเหรอลูก งั้นก็กินเยอะๆนะ  เดี๋ยวตาจะเก็บเอาไว้ให้หนูคนเดียวเลย ดีไหมลูก”คนเป็นพ่อที่เดินตามหลังมาอยู่เงียบๆลอบถอนหายใจ  ทีกับหลานน่ะรักจริงๆ  ทำไมกับลูกเขยถึงได้ทำท่าอย่างกับจะขบหัวเสียให้ได้ ขณะที่กำลังแอบนินทาคุณพ่อตาอยู่ในใจ เจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ไอ้หนุ่ม”
“คะ คับ”
“ไปหยิบกรรไกรตัดกิ่งกับถุงมือที่อยู่ในห้องนั้นมาให้ที” แล้วร่างสูงก็เดินไปตามที่สั่งอย่างมึนๆงงๆ
กลับมาที่ครัว.....ปอน้อยยกหม้อแกงเขียวหวานใบใหญ่ลงจากเตามาตั้งบนโต๊ะบนม้านั่งยาวใต้ถุนบ้านเรียนคู่กับขนมจีนกระจาดใหญ่แล้วก็ยังมีผัดจืด กับปีกไก่ทอดอีก/2อย่างสำหรับคนที่กินเผ็ดไม่เป็นเป็นอันว่ามื้อกลางวันนี้เป็นอันเรียบร้อยโดยมีคุณซากุระวะและพรรคพวกส่วนหนึ่งคอยเป็นลูกมือและจัดโต๊ะอาหาร
“แม่จ๋า เดี๋ยวเฮาจะไปตามตุ๊กค๋นมากินข้าวโต้ยกั๋นเนอะ  มื้อนี้คงจะม่วนแต้กา หมู่เฮามาโฮมกันแยะขนาด ป๊อมหน้าป๊อมต๋า”
“ดีดี  ไปเตอะ  ตามป้อวัฒน์ กับน้องแขแล้วก่อป้อเฮาโต้ยล่ะ  ผ่ออยู่ไวๆในสวนปู๊นล่ะกา”
จากนั้นอ้ายปอน้อยก็เดินเข้าไปในสวนจึงได้เห็นภาพที่สุดแสนจะประหลาดท่ามกลางเหล่าญี่ปุ่นมุ่งที่ยืนโหวกเหวกอยู่
“คุณนาเบะ! ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นครับ เดี๋ยวก็ได้ตกลงมาขาแข้งหักกันพอดี” ร่างสูงยืนโยงโย้โยงหยกอยู่บนคบกิ่งไม้ใหญ่ของต้นลิ้นจี่  โดยมีผมและเจ้าลูกเจี๊ยบยืนลุ้นอยู่ข้างล่างด้วยใจระทึก
“นายท่าน   ลงมาเถอะครับ”
“อุรุไซนะ(หนวกหู)  ฉันจัดการได้....อุ๊บส์!”
“คุณนาเบะ!” “นายท่าน!”  “น้าเบะ!” ทุกคนร้องตกใจเมื่อคุณนาเบะก้าวพลาดทำท่าจะลื่นตกแต่ก็ยังมือไวเหนี่ยวเกาะกิ่งที่อยู่เหนือหัวเอาไว้ได้จากนั้นจึงค่อยๆประคองตัวไปยังพวงลิ้นจี่ที่เล็งเอาไว้แล้วบรรจงตัดลงมาใส่ถุงกระสอบที่ผูกไว้ที่เอวก่อนจะไต่ลงมาเทรวมกับกับอีกส่วนหนึ่งที่กองไว้บนผืนผ้าใบ  ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันทีที่เจ้าตัวลงมาด้วยสภาพเหงื่อโทรมกาย
“นึกยังไงถึงขึ้นไปปีนเก็บลิ้นจี้เล่นล่ะครับเนี่ยดูสิ.....ป้อยะอะหยังอยู่  ทำไมบ่ห้ามเปิ้นละ  ต๊กลงมาแข้งขาหักแล้วจะยะจะได๋” ผมหันไปถามพ่อผมที่อุ้มน้องแขทำไม่รู้ไม่ชี้  แต่สุดที่รักผมกลับเป็นคนชี้แจงเสียเอง
“ม่ายเปนรายคับ โผมแค่อยากลองดู จะได้เก็บอาวไว้ให้สึกิโนะจัง”
“โถ  เหนื่อยคุณเปล่าๆบอกผมก็ได้นี่ครับ”พูดพลางผมเอาแขนเสื้อช่วยซับเหงื่อที่หยดไหลเป็นทาง
“มากไป๋แล้วอ้ายปอ ป้อวานเปิ้นช่วยยะงานแค่นี้ก็บ่าได้  ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเป็นเขยชาวสวนอย่างข้าหรอกโว้ย”  ประโยคสุดท้ายพ่อผู้ใหญ่เลือกที่จะพูดภาษากลางหันกลับไปมองคุณนาเบะราวกับจะตอกย้ำว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“น้องแขผิดเองคะ....หนูไม่น่าขอให้น้าเบะขึ้นไปเก็บให้เลย”  น้องแขหน้าเบ้จะร้องไห้เมื่อคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องมายืนคุยกันเสียงดังอย่างกับจะทะเลาะกัน
“ไม่ใช่เหรอลูก    พ่อเขาเต็มใจทำให้หนูอยู่แล้ว  อย่าคิดมาก  เป็นเด็กเป็นเล็ก  จริงไหมพ่อวัฒณ์”  แล้วผู้ใหญ่บ้านหน้าดุก็หันมาถามเสียงเข้มเอาคำตอบกับคุณนาเบะ
“คับ.....” คุณนาเบะก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมก็ได้แต่กุมขมับบ้านอื่นเขามีแต่ปัญหาแม่ผัวลุกสะใภ้ แต่บ้านนี้กลับเป็นพ่อตากับลูกเขยที่ยังไม่ลงรอยกันเท่าไหร่  คิดแล้วก็ปวดหัวจริงๆ
“เอาเถอะครับ  ยังไงก็ไปกินข้าวกันดีกว่าทุกคน  ไปคะน้องแข  กินข้าวกนได้แล้ว”  พูดเสร็จผมก็รับน้องแขจากตาพาเดินกลับเข้าบ้านไป  ปล่อยให้พ่อตาลูกเขยเคลียร์ต่อกันเอง
“  แค่นี้ยังเบาะๆไอ้หนุ่ม  กินข้าวเสร็จแล้วข้าก็หวังว่า  เอ็งคงจะมีน้ำใจช่วยงานเล็กๆน้อยๆอีกนะ”  จากนั้นผู้ใหญ่บ้านคนกล้าก็เดินย่างก้าวอย่างผู้มีชัยชนะกลับเข้าไปด้วยเช่นกันทิ้งให้พ่อยุ่นหนุ่มยืนทอดถอนใจ  ศึกนี้ใหญ่หลวงนักโดนพ่อคนรักเหม็นขี้หน้าเอาอย่างนี้ท่าจะเรื่องยาว 
     ผ่านพ้นมื้อเที่ยงกันไปก็ถึงเวลาใช้แรงงานต่างข้าวลงลุยสวนลิ้นจี่กันต่างคนต่างช่วยกันพรวนดินใส่ปุ๋ยตัดแต่งกิ่งกันสนุกสนานเพราะต่างก็ไม่เคยได้ทำงานในสวนจึงเหมือนเป็นประสบการณ์ใหม่ๆให้ได้ลอง   ทั้งนายทั้งบ่าวตอนนี้ได้กลายร่างเป็นคนงานให้พ่อผมใช้จนเหงื่อโทรมกาย
“ตรงนั้นน่ะใส่ให้มันเยอะๆหน่อย.... เออ พอๆๆ  โน้นไปต้นโน้นต่อ   แรงไปไหนหมด  เร็วหน่อย  เด๋วต้องไปแต่งกิ่งต้นโน้นอีก”อื้อหือ  ขยันกันจริงโดยเฉพาะทางพ่อผม  สั่งการพ่อตัวดีของผมเสียยกใหญ่ ผมได้แต่ยืนส่ายหน้ามองอาการห่วงลูกที่จนกระทั่งผมแต่งงานกันไปหลายเดือนแล้วก็ยังไม่หาย  ผมพาน้องแขมานอนเล่นใต้ต้นไม้ดูเขาทำสวนกัน  ในใจผมก็นึกอย่างปลงๆ  ปล่อยให้เป็นปัญหาของคุณนาเบะหาทางรับมือกับพ่อผมเองก็แล้วกัน  งานนี้ผมขอขวางตัวเป็นกลางโฮะๆๆๆๆริอยากทำตัวเป็นแมวขโมยย่างดอดตีหม้อข้าวบ้านคนอื่นเขาก็ต้องโดนอย่างนี้หล่ะ
   ทางด้านนายหม้อไฟของเราที่ตอนนี้เดินลิ้นห้อยหอบแฮกกลับมานั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้ข้างๆปอน้อยกับน้องแขพลางเอ่ยขอน้ำมาซัดโฮกให้หายเหนื่อยก่อนแผ่หลาลงนอนพังพาบหมดเรี่ยวหมดแรง
“คูณพ่อคุณ แข็งแรงจัง” วาตานาเบะพูดพลางรับผ้าขาวม้าจากคนรักไปซับหน้า
“ชาวสวนชาวไร่ก็อย่างนี้หล่ะครับ”มือบางเอาพัดโบกลมให้น้องแขที่หลับอยู่บนตักแล้วก็เผื่อแผ่มายังร่างสูงนอนหนุนแขนต่างหมอนอยู่ใกล้ๆ  ปอจึงส่งยิ้มหวานให้เป็นกำลังใจไป
“คุณพ่อทำสวนนี้มาตั้งแต่เด็กกับปู่กับย่า ร่างกายก็ย่อมแข็งแรงเป็นธรรมดาล่ะครับ  ตอนผมเด็กๆผมก็ช่วยพ่อทำเหมือนกัน  แต่พอผมไปเรียนที่กรุงเทพก็ไม่ค่อยได้ทำ   ก็มีแต่ลูกจ้างไม่กี่คนในหมูบ้านมาคอยช่วยพ่อ”  ยังไม่ทันเล่าจบก๊มีเสียงกระแอมดังขึ้น
“อะแฮ่ม......พ่อวัฒน์  งานที่ให้ช่วยนะเสร็จแล้วหรือ” เจ้าของชื่อลุกขึ้นพรึบทันที
“คะ  คับ โผมกับเดกๆจัดกานเส็ดแหล่วคับ”
“หรือ...  งั้นมาช่วยฉันขนกล้วยไม้ให้หน่อยเถอะ บ่ายนี้แดดกำลังดี  ไม่แรงมาก  ฉันอยากจะเอากล้วยไม้ออกมารับแดดเสียหน่อย  เดี๋ยวมันจะเฉาหมด”  ว่าแล้วคุณพ่อตาที่รักก็นำหน้าไปยังเรือนเพาะชำปล่อยให้ลูกเขยหูตกหางตกตามตูดต้อยๆไปน่าสงสารจริงๆ
    ตกเย็นหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต่างๆที่พ่อผู้ใหญ่มอบหมายให้  คุณนาเบะถึงได้เข้ามาอาบน้ำอาบท่าล้างเหงื่อไครที่หมักหมมมาทั้งวัน  ผมที่จะปะแป้งแต่งตัวให้น้องแขเสร็จแล้วพาลงไปฝากยายไว้ก่อน เลยรีบขึ้นมาจัดเสื้อผ้าเอาไว้บนเตียงทันพอดีที่สุดที่รักผมนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา  แอบย่องเข้ามากอดหมับจากข้างหลังพร้อมหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่
“คิดเถิงจางงงง”
“อะไรกันครับ  ผมก้อยู่ด้วยทั้งวันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย”ปอหัวเราะกับความขี้อ้อน
“ฮ้า.......!   อยู่ด้วยก้อเหมือนม่ายด้ายอยู่  ทามสวนท้างวัน”  ร่างสูงบ่นกระปอดกระแปดแล้วก็หงายเก๋งลงไปบนเตียงแทน
“คุณ......โกธรพ่อผมรึเปล่า”  ปอน้อยใจเสียรู้สึกไม่ดีกับความสัมพันธ์ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อกับคนที่เขารักดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้  จริงๆเขาก้อยากให้ทั้งคู่ยอมรับซึ่งกันละกันมากกว่านี้ วาตานาเบะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนรักจึงลุกขึ้นมาดึงให้ปอลงมานั่งด้วยกันข้างๆกอบกุมสองมือน้อยเอาไว้เบาๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหากแต่ว่ามีความหนักแน่น
“โผมจะโกธรไปทำมาย  พ่อคุณก้อเหมือนพ่อของโผม  สักวันโผมจาทำห้ายท่านยอมรับในตัวโผมห้ายด้าย   เชื่อโผมสิ”
คนที่ได้ฟังก็ซาบซึ้งในอก เอนศรีษะซบบ่ากว้าง
“ ครับ “ คำตอบรับคำเดียวสั้นๆเรียกมาซึ่งความโล่งใจและเชื่อมั่นในใจของปอว่าสักวันว่าพ่อเขาที่ใจแข็งกว่าใครก้คงจะต้องยอมอ่อนให้กับความจริงใจของคนรักเขาอย่างแน่นอน   
พอพลบค่ำเสียงรถโฟว์วีลสองคันพุ่งตรงเข้ามาในเขตบ้านขณะที่ทั้งคู่กำลังจะลงไปทานมื้อเย็นพร้อมกับทุกคน   เจ้าพวกลูกเจี๊ยบตั้งขบวนรับนายใหญ่ของบ้านหัวหน้าแก๊งค์รุ่นที่สองอย่างพร้อมเพรียง   แม่ละออกับแม่จ๋าหรือโอกาซังของผมก็ทักทายโผเข้ากอดกันเป็นการใหญ่หลังจากไม่ได้เจอกันนาน  ส่วนโอโต้ซังกับพ่อผู้ใหญ่ก็กำลังคุยตอบโต้กันเป็นภาษาอังกฤษบ้างไทยบ้างท่าทางถูกคอกันเป็นอย่างยิ่งมื้อค่ำนี้จึงผ่านไปด้วยดีท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเองของครอบครัวทั้งสอง  หลังจากอิ่มหนำสำราญใจกันพอสมควรแล้วพวกผู้ใหญ่จึงย้ายโลเกชั่นวงสนทนาออกมานั่งรับลมที่ตรงระเบียงกัน  ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย   ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขานั่งคุยระลึกความหลังกันไป  ผมกับปอจังจึงพาสึกิโนะจังเข้านอนกัน  เพราเจ้าตัวน้อยกำลังอ้าปากหาวหวอดๆใหญ่   ผมอุ้มสึกิโนะขึ้นนอนตรงกลางเตียงแล้วผมก้เอนตัวลงนอนข้างๆเช่นเดียวกันกับปอจังที่นอนขนาบอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง  สึกิโนะจังขยับเข้ากอดแขนปอจังซุกหน้าถูไถไปมาอยู่งุดๆส่วนมืออีกข้างก็จะต้องคว้าเสื้อนอนผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะหลับจริงๆ  เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เรานอนด้วยกันสามคน พ่อ พ่อ ลูก ล่ะครับ  ที่รักของผมก้มลงหอมกระหม่อมบางของแม่หนูแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยกระซิบราตรีสวัสดิ์
“ฝันดีนะครับน้องแข” จากนั้นที่รักก็ส่งยิ้มมาให้ผม
“โอยาสุมินะครับคุณนาเบะ”
“โอยาสุมิคับ ที่รัก” ผมส่งยิ้มหวานตอบกลับก่อนจะดับไฟนอนพักผ่อนกัน  เพราผมเองก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องมีโปรแกรมงานอะไรคอยผมอยู่อีกแต่ที่แน่ๆผมคงต้องเก็บแรงเอาไว้รับมือคุณพ่อตาดีกว่าครับ   
   เสียงไก่ขันรับอรุณเข้ากับบรรยากาศยามเช้าในชนบทได้เป็นอย่างดีแต่ผมว่าผมตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางนะแต่ก็ยังไม่ทันที่รักของผมที่คงจะลงไปข้างล่างแล้ว ผมค่อยๆยกแขนป้อมๆของแม่หนูที่ยังไม่ตื่นจากนิทราออกจากตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาลงไปช่วยงานปอจังด้วยดีกว่า  อยู่บ้านเขาเราจะอย่าเฉยได้ยังไงครับจริงไหม  ลงมาถึงก็เห็นปอจังกำลังจัดของเตรียมไปทำบุญที่วัดพอดี  เจ้าลูกน้องตัวดีต่างช่วยกันทยอยขนของไปขึ้นรถกระบะพ่อผู้ใหญ่  ผมเลยอาสาขนถังสังฆทานขึ้นรถโอโต้ซัง ไปพลางระหว่างที่รอให้แม่ลออ  โอก้าซัง  แล้วก็ปอจังจัดสำรับคาวหวานไปถวายพระด้วย  เสร็จแล้วผมกับเจ้าพวกนั้นก็ต้องตามพ่อผู้ใหญ่และโอโต้ซังของผมไปรอที่วัดและยังไม่วายมอบภารกิจฟิชโช่ให้ได้ทำกันอีก  แต่คราวนี้ผมไม่ได้เหนื่อยคนเดียว  มีชาวบ้านเช้ามาช่วยกันลงแรงจัดสถานที่ติดตั้งลำโพงเครื่องเสียงปัดกวาดทำความสะอาดศาลาและลานวัด  ดีครีบ  ผมชอบและก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลืองานส่วนรวมแถมลูกน้องผมก็พากันสนุกสนานใหญ่เมื่อได้สาวๆแถวนั้นคอยให้กำลังใจบริการน้ำท่าให้  ครั้นพอสายหน่อยฟ้าสว่างชาวบ้านก็เริ่มทยอยกันมารวมตัวกันเยอะพอสมควร  พวกแม่ๆ  ปอจัง  แล้วก็ลูกสาวตัวน้อยของผมก็มาถึงที่วัด  ทุกคนรวมตัวกันอยู่บนศาลารอเวลาพระท่านลงรับประเคนภัตตาหาร  พอได้เวลาประมาณแปดโมงพระสงฆ์หลายรูปก็ขึ้นนั่งบนอาสนะ  ท่านเจ้าอาวาสขึ้นแท่นธรรมมาสน์เทศนาธรรมให้ฟังกัน  ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็พอจะฟังเข้าใจนะครับนอกเสียจากคำภาษาพระที่เรียกว่าอะไรน้า...  อ้อ  ภาษาบาลีครับ  ผมไม่รู้ความหมายแต่ก็ได้ปอจังคอยอธิบายให้ฟังสั้นๆผมจึงได้เข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อเทศนาอยู่        สึกิโนะจังที่นั่งตักผมอยู่ก็พนมยกมือไหว้ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี  ไม่มียุกยิกซุกซน  ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็พากันเอ็นดูในความน่ารักเรียบร้อย  ซึ่งสึกิโนะจังเองเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนยายพาเข้าวัดอยู่บ่อยๆ แม่หนูจึงชอบที่จะมาทำบุญไหว้ และก็ฟังเทศน์   บางครั้งก็มีนิทานชาดกให้มาเล่าให้ฟังสนุกดี   ลูกสาวผมช่างน่ารักและเป็นเด็กดีจริงๆ เฮ้อ...  พูดแล้วโต้จังก็ภูมิใจจริงๆ
   ที่จริงผมเองก็นับถือศาสนาพุทธนะครับแต่เป็นแบนิกายมหายานของญี่ปุ่น  พิธีกรรมทางศาสนาอาจจะแตกต่างกันบ้างแต่ผมก็เคยเข้าวัดไทยกันโอก้าซังถึงแม้จะไม่บ่อยก็ตาม  พอถึงตอนกล่าวคำถวายสังฆทานออกจะเงอะๆงะๆไปบ้างแต่ก็พอไหวครับมีที่รักคอยบอกบทอยู่ใกล้ๆอย่างนี้ผมทำได้ครับ  ครั้นเมื่อพระท่านฉันท์เพลาเรียบร้อยแล้วก็สวดให้พรเป็นอันเสร็จพิธี  ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาที่หนุ่มๆสาวๆรอคอยที่จะได้เล่นน้ำกัน  ทุกคนทยอยลงจากศาลาไปสรงน้ำพระตรงหน้าโบสถ์   รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ จากนั้นก็เริ่มเล่นสงกรานตร์คลายร้อนกัน   บ้างก็ไปก่อเจดีย์ทรายที่ลานหน้าวัด  บ้างก้เดินเล่นชมร้านรวงต่างๆที่พากันมาออกงาน  สาวเมืองเหนือขาวๆสวยๆหน้าตาจิ้มลิ้มก็พากันกวักน้ำใส่อ้ายบ่าวตัวดีทั้งหลายหยอกล้อกันชื่นมื่น กองทัพไอ้ยุ่นของผมมันก็เลยกระดี๊กระด๊าเข้าไปขอปะแป้งเล่นน้ำกับเขาด้วย  เอาเถอะครับ ปล่อยผีปล่อยสางไปสักวัน  ว่าแต่มีคนมาเล่นน้ำกันที่วัดนี้เยอะพอดู  เห็นปอจังบอกว่าวัดนี้เป็นวัดประจำอำเภอจึงมีคน

ออฟไลน์ guppa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
หมู่บ้านอื่นๆมาร่วมทำบุญมาร่วมสนุกกันที่วัดนี้มากหน้าหลายตา  บรรดาแม่ๆและโอโต้ซังของผมขอตัวกลับไปบ้านกันปล่อยให้เด็กๆได้สนุกกัน  เหลือก็แต่พ่อผู้ใหญ่ที่ยังคงอยู่คอยช่วยเหลือดูแลงานอยู่ที่วัด  ผมกับปอจังกะว่ารอให้แดดร่มลมตกสักหน่อยค่อยออกมาเล่นสงกรานตร์  เราจึงเข้าไปนั่งอยู่ในกุฎิท่านเจ้าอาวาสกับพ่อผู้ใหญ่ซึ่งดูเหมือนทั้งท่านจะคุ้นเคยกันดีกับปอจังจึงอยู่สนทนาด้วยกันพักใหญ่  จากนั้นเราทั้งคู่ก็เลยของตัวลาออกมาพาสึกิโนะจังเล่นน้ำกัน
 
“ขอปะแป้งหน่อยเจ้า.....น่าฮักแต้อ้ายนี่”  สาวๆหน้ามนต่างพากันมามะรุมมะตุ้มผมกันใหญ่   ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่  แต่ที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือ  ส่งยิ้มขอบคุณให้เท่านั้นทั้งที่ใจอยากจะบอกว่าแก้มผมช้ำไปหมดแล้วคร้าบบบบสาวๆ  ช่วยปล่อยผมไปทีเทิดได้โปรด  พลีสสสสสส  ผมพยายามหิ้วกระบอกปืนผ่าวงล้อมออกมาได้ก้มองหาหวานใจกับลูกรักของผมทันที
“อ้ายสาดน้ำหน่อยเนอะ  อ่ะอ่ะ  ปะแป้งโต้ยเน้อน้องน่าฮัก  ชื่อว่าจะไดเนี้ยน้อง  บอกอ้ายได้บ่”   โ อ้ววว   ม่ายยยนะ  ไอ้หน้าภาชนะหุงต้ม  อย่ามายุ่งกับปอจังนะ  ดูสิ เสื้อแสงเปียกหมดเห็นไปถึงไหนต่อไหน    เดี๋ยวก็ถูกมันหลอกเอาไปต้มลงหม้อมันหรอก  ไม่ยอมนะ  ลงได้แต่ไอ้หม้อไฟนาเบะได้ใบเดียว  เอ้ยย  คนเดียวเท่านั้นน้า   ย้ากกกส์  ยอมไม่ได้  ว่าแล้วร่างสูงก็พุ่งตรงไปยังร่างบางแสนรักแสนหวงกับลูกน้อยที่กำลังสาดน้ำกับหนุ่มๆที่รายล้อมท่าทางรื่นเริง  วาตานาเบะหันไปส่งซิกกับเจ้าโทชิที่อยู่ใกล้ๆ  ทันใดนั้นกลุ่มญี่ปุ่นชายฉกรรจ์ก็มารวมตัวกัน เป็นเงาทะมึนอยู่ด้านหลังโดยร่างบางไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ขอเล่นด้วยโคนด้ายไหม”  เสียงเหี้ยมๆเอ่ยขึ้นเล่นเอาอ้ายบ่าวที่กำลังระริกระรี้อยู่เมื่อตะกี้ถึงกับกรูไปยืนรวมตัวกันหน้าซืด  เมื่อเจอปืน(ฉีดน้ำ)นับสิบจ่อระยะประชิด  จากนั้นก็แตกฮือกันออกไปเพราะโนไล่ยิงฉีดน้ำอัดใส่จนแตกกระเจิง  เจ้าร่างบางที่เนื้อหอมอยู่เมื่อสักครู่นี้ก็หันมาแจกค้อนขวับทันทีพร้อมกับจูงมือน้องแขหนีไปเล่นทางอื่น  เอ๋...  อะไรกันครับผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายงอนก็เล่นหนีมาหว่านเสน่ห์กับหนุ่มๆกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ใครจะไปยอมวาตานาเบะคว้าข้อมือเอาไว้
“เป็นอาราย  งอนโผมทำมาย  จาหนีไปไหน”
“ บ่าฮู้บ่าหัน  คิงก้อไปเล่นกับแม่หญิงพวกนั้นโต้ยกันสิ  ชิ  เฮาเล่นกันสองคนก้อได้เนอะน้องแข”
“ช่าย  น้องแขโป้งน้าเบะแย้ว  หึ ” อ้าว  ลูกจ๋าแค่ก้าจังหนูโกธรก็จะแย่อยู่แล้วนี้หนูยังจะมาโกธรโต้จังด้วยคนอีกเหรอ  แล้วจะหนีผมกันไปไหนละเนี้ย
“  ปอจัง  รอก่อน  โผมขอโทดนาคับ  ผมก้ออุตส่าห์หลบมาหาปอจังแหล่วงาย  อย่าโกดกานเลยนะ  นะนะนะ”
“โอ้โห  ข่างอู้จะอี้เนอะ  อุตส่าห์ เชียว  งั้นก้อบ่ต้องลำบากหรอก  ไปเตอะ  แม่หญิงสาวแฮ่นใคร่อยากท่าอยู่คอยคิงอยู่ปู๊น  ไปเลย   ไปกันคะน้องแขอย่าไปสนเลย”     
“ คะ”   ก่อนที่รักและลูกผมจะงอนไปกว่านี้ผมก็จัดการล็อคตัวเข้ากอดไว้ไม่ให้ไปไหน  เอาสิ  ผมก็ดื้อเป็นเหมือนกัน
  เรียกโทชิให้มาอยู่เป็นเพื่อนสึกิโนะจังก่อนที่ผมจะลากคนขี้งอนให้ตามไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง  พอลับตาคนผมก็ดึงสุดที่รักเข้ามากอดเข้ามาจูบต่อ
“ปอจังอย่าคิดมากซีคับ โผมรักคุณคนเดียวนาคับ    ฮ้ากกก ขนาด”  ผมแอบหยอดลูกอ้อนบอกรักคำเมืองตามที่แม่ละออแอบสอนมาแต่ดูท่าเจ้าตัวยังจะใจแข็งอยู่
“ชิ.......ไปบอกฮักแม่หญิงสาวจิ๊ดริ๊ด   วัยละอ่อน  หน้านวลๆ ที่ท่ากอยปะแป้งคิงเต๊อะ  ป้อจายอย่างเอาจะไปสู้แม่สาวสลิดได้จะใด”  ยังไม่หมดเวลาคำเมืองพาม่วนใจ๋ครับ  แสดงว่างอนขนาดหนัก
“ปอจังไม่เชื่อจายผมเหรอ  ง้านโผมจาพิสูจน์ให้รู้ว่า  โผมรักคุณมากขนาดไหน”  งานนี้ต้องโชว์พาวน์กันหน่อยล่ะครับ  ว่าแล้วผมก็เดินลากปอจังดุ่ยๆตรงไปที่เต๊นท์มรรคทายกที่กำลังป่าวประกาศบุญและประชาสัมพันธ์ต่างๆนานา
“จะพามาทำไมคุณนาเบะ”  ปอจังมองหน้าผมงงๆ”
“ขอโทดนาคับคุณลุง  โผมขอยืมไมค์หน่อยด้ายไหมคับ” ลุงแกก็ไม่ว่าอะไรส่งไมค์ให้แต่โดยดี  และวาตานาเบะก็ทำในสิ่งที่ปอคาดไม่ถึง
“ ฮาโหล.... ก๊อกๆๆ   โหลๆ เทสๆ..... ซาหวัดดีคับ วาตานาเบะเทสไมค์พร้อมกล่าวทักทายผู้คนที่กำลังเดินเข้ามามุงหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยหน้าตาหล่อเหลา
“โผมชื่อ   วาตานาเบะ  เทนริวอิจิ.... โผมมีคนๆนึงที่โผกรักมากรักจนหมดหัวใจ”เขากล่าวพลางกระชับมือที่กุมไว้แน่นขึ้น  ถึงตอนนี้ปอน้อยก็เริ่มหลุกหลิกเริ่มอายกับสายตาคนหมู่มาก
“นี่คุณนาเบะ  อย่ามาบ้าแถวนี่นะ  ผมไม่เล่นด้วยแล้วนะ” ปอน้อยกระซิบดุกลับ  พยายามแกะมือเหนียวๆนั้นออกแต่ก็ม่เป็นผล
“ตอนนี้เค้ากำลางโกดโผม ทุกคนช่วยโผมหน่อยนะคับ  ปอจัง  ยกโทษให้โผมนะ  เปิ้นฮักตั๋วคนเดียวจิงๆ เมียจ๋า”
พอถึงตอนนี้วาตานาเบะก็คุกเขาลงตรงหน้าราวกับจะรอความเห็นใจและให้อภัย มือจับกุมเขาเอาไว้พร้อมส่งสายตาเป็นลูกหมาเหงามาให้  คนที่ยืนมุงดูต่างส่งเสียงเปี๊ยวป๊าวด้วยความชอบใจกับการสารภาพรักอย่างใจกล้าของหนุ่มต่างถิ่น
“หนูปอ  ยอม เอ้ย  ยกโทษให้เปิ้นเตอะ”
“ใช่ ป็ชายเปิ้นง้อขนาดนี้แล้ว  ฮักกันไว้ดีกว่าเน้อ”  เสียงผู้สนับสนุนของคนในหมู่บ้านกส่งเสียงเชียร์กันใหญ่  บรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยเป็นสักขีพยานในงานแต่งของทั้งคู่เมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อครั้งขึ้นมาเจรจาสู่ขอที่หมู่บ้านต่างก็ช่วยกันลุ้นกับคู่รักคู่นี้
“สงสัยคงจายางไม่หายโกด  ง้าน  โผมขอมอบเพลงนี้เพื่อเป็นการแสดงความรักที่มีต่อปอจัง  ท่าครายร้องได้  ช่วยันร้องหน่อยนาคับ”  จากนั้นเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังก็ร้องเพลงรักคำเมืองจังหวะสนุกสนานที่แต่งขึ้นโดย จรัล มโนเพชร  โดยมีชาวบ้านเป็นคอรัส ตบมือให้จังหวะ


เปิ้นฮู้ เปิ้นฮัก เปิ้นฮู้ ว่าเปิ้นฮักแต่ตั๋ว
เปิ้นหลงเมามัน บ่ากั๋วว่าใผจะด่า
หากตั๋วบ่าฮัก บ่าหม ก็จงอย่าข่มไว้ดีกว่า
หากฮักก่ว่า บ่าฮักก่ว่า ซักคำ

เฮายังเฮียน เปิ้นก่ฮู้ เรื่องอดสู เฮาอย่าไปทำ
เพียรเฮียนเป็นประจำ แล้วสบาย

ตั๋วฮู้ เปิ้นฮัก เปิ้นฮู้ ว่าฮักเปิ้นเหมือนกั๋น
เฮาไว้ใจกั๋น ความฮักเฮามั่นมิคลอนคลาย
ปี๋หน้า ถ้าเฮียนจบแล้ว เฮาร่วมผูกพันทั้งใจกาย
เพียงตั๋วอย่าหน่าย เปิ้นฮักบ่คลายหัวใจ

เฮายังเฮียน เปิ้นก่ฮู้ เรื่องอดสู เฮาอย่าไปทำ
เพียรเฮียนเป็นประจำ แล้วสบาย

ตั๋วฮู้ เปิ้นฮัก เปิ้นฮู้ ว่าฮักเปิ้นเหมือนกั๋น
เฮาไว้ใจกั๋น ความฮักเฮามั่นมิคลอนคลาย
ปี๋หน้า ถ้าเฮียนจบแล้ว เฮาร่วมผูกพันทั้งใจกาย
เพียงตั๋วอย่าหน่าย เปิ้นฮักบ่คลายหัวใจ

เพียงตั๋วอย่าหน่าย เปิ้นฮักบ่คลายหัวใจ
เพียงตั๋วอย่าหน่าย เปิ้นฮักบ่คลายหัวใจ
   ปอจังได้แต่ยืนตะลึงกับความ....อะไรดีล่ะ  บ้า  ติงต๊อง ที่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างวาตานาเบะที่เป็นถึงประธานบริษัทเงินทุนใหญ่  เป็นหัวหน้าแก๊งค์ยากุซ่ารุ่นที่สอง จะกล้าทำอะไรเพี้ยนๆ  หน่อมแน้มขนาดนี้ได้  เมื่อเพลงจบเขาก็กลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเหมือนคราวแรกแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง
“ยกโทษให้โผมนะคับ”คราวนี้ปอจังไม่อาจกระบิดกระบวนใดได้นอกจากพยักหน้าที่แก้มแดงน้อยๆ จากนั้นตัวเขาก็ปลิวเข้าสู่อ้อมอกอุ่นของคนรักท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของเหล่ากองเชียร์
“หนูกอดด้วย”  แล้วเจ้าตัวน้อยของทั้งคู่ก็ขอร่วมวงด้วย  จบปัญหาพ่อแง่แม่งอนกันไปแล้วทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ  ทั้งสามตัดสินใจเดินไปก่อเจดีย์ทรายเล่นกันด้วยความสนุกสนาน  ก่อนที่จะไปหาขนมกินกันช่วงบ่ายแล้วก็เดินชมร้านรวงที่มาตั้งแผงขายกันในวัดมีทั้งซุ้มยิงปืน  ปาลูกดอก  ช้อนไข่  ปากระป๋อง  สาวน้อยตกน้อย  ได้ของรางวัลกันมาเต็มไม้เต็มมือ
“เดี๋ยวเรากลับกันดีกว่าไหมครับบ่ายมากแล้วเล่นน้ำเดินตัวเปียกกันมาตั้งนาน  ผมกลัวคุรกับน้องแขจะไม่สบายเอา”
“ฮัดชิ้ว.......  “ พูดยังไม่ทันขาดคำแม่หนูน้อยก็จามออกมา
“อืม...ง้านกับกันดีกว่าคับ”  ทั้งสามจึงเดินกลับไปยังกุฏิหลวงพ่อเพื่อจะไปลากลับแล้วก็ไปหาพ่อผู้ใหญ่ด้วยแต่ทันใดนั้น
“เฮ้ย! มึงซ่านักหรือไงว่าเสือกริมาจีบเด็กกู....เล่นแม่งเลย”  เสียงทะเลาะกันดังขึ้นจากนั้นความชุลมุนโกลาหลก็ตามมา  เหล่าวัยรุ่นตีกันนัว  มั่วกันไปหมด  วาตานาเบะรีบอุ้มน้องแขพร้อมฉุดแขนคนรักหลบฉากออกมาพอดีกับที่คุณซากุราว่าและเจ้าโทชิโผล่หน้ามาช่วย
“พาปอจังกับสึกิโนะออกไป”เขาสั่งเสียงดัง
“ครับ”  รับคำเสร็จก็ดึงพานายหญิงและคุณหนูหลบออกไป   โดยที่นายใหญ่กลับเข้าไปเพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์
“เดี๋ยวคุณนาเบะ  อย่าไปเลย  คุณนาเบะ ”  ปอพยายามร้องห้าม
“ฮือ.....น้าเบะขา   ฮือๆๆๆ   พี่ปอ  ฮือๆๆ ”  หนูน้อยเสียขวัญร้องเรียกหาใหญ่  ปอจึงผละตามไปไม่ได้  แต่ใจก็เป็นห่วงคนรัก วาตานาเบะสั่งเกณฑ์ลูกน้องส่วนหนึ่งที่ตามมาถึงเข้าไปช่วยกันสงบศึก  ระหว่างที่กำลังตีรันฟันแทงกันอยู่นั้นพ่อผู้ใหญ่ซึ่งคงมีคนไปตามก็เข้ามา
“เฮ้ยๆๆๆๆ  หยุดๆๆ ในวัดวาอารามมาตีกันทำไมวะ เฮ้ย “  พ่อผู้ใหญ่ฝ่าคนเข้ามาห้ามทัพแต่มันก็ยังไม่หยุด
“เพล้ง!...ปังปังปัง ! ” พอสิ้นเสียงปืนของพ่อผู้ใหญ่ที่ยิงขึ้นฟ้าทุกอย่างก็หยุด ขวดเหล้าที่ถูกใช้เป็นอาวุธลอยปลิวเข้ามาหาพ่อผู้ใหญ่กลับโดนหัวพ่อลูกเขยที่เอาตัวเข้าบังแทนเต็มๆจนเลือดอาบ
“นายท่าน!”  “พ่อวัฒน์”
“คุณนาเบะ”  ปอจังที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกพอได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งเข้ามาทันที   ทิ้งน้องแขไว้กับโทชิ    ปอวิ่งสวนกันเหล่าบรรดานักเลงวัยรุ่นที่แตกฮือหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาซึ่งคงจะมีคนโทรไปแจ้ง  แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะมีกลุ่มชาวต่างชาติพลเมืองดีผู้ไม่ประสงค์ออกนามตามจับไว้ได้ทัน  ปอน้อยก็รีบพาวาตานาเบะไปหาหมอทันที ปล่อยให้พ่อผู้ใหญ่ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่และเคลียร์พื้นที่  เมื่อเหตุการณ์สงบเรียบร้อยทุกอย่างก็ดำเนินไปกันตามปกติ
   ปอจังซึ่งนำวาตานาเบะมาสถานีอนามัยเพื่อทำแผลก็กลับมาถึงบ้านในช่วงเย็น  โชคดีที่วาตานาเบะไม่เป็นอะไรมากแถมยังออกจะกระดี๊กระด๊าที่ได้พยาบาลจำเป็นหน้าหวานสุดที่รักคอยดุแลอย่างใกล้ชิด  คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ไหนจะผู้ช่วยพยาบาลตัวน้อยที่คอยนวดเฟ้นเอาอกเอาใจ  ใครจะมีความสุขมากไปกว่าเขาในตอนนี้ไม่มีแล้ว  จนกระทั่งพ่อๆแม่ๆก็ยังอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“น้าเบะเจ็บมากไหมคะ”น้องแขเอามือแตะตรงผ้าพันแผลที่พันรอบศีรษะเบาๆเมื่อพวกเขาเตรียมตัวจะเข้านอน
“หายเจ็บแหล่ว  ม่ายต้องห่วง  โต้จังแข็งแรงเหมือนอ้ายมดแดง
“เพี้ยง! หายไวไวนะคะ”หนูน้อยเป่าพ่วงให้คนเจ็บที่ยิ้มแต้อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาหอมขึ้นมาฟัดให้ชื่นใจ เล่นกันหัวเราะคิกคัก
“ขอบคุณมากนะครับคุณนาเบะ”เสียงปอจังเอ่ยเมื่อเจ้าตัวนั่งลงข้างๆกอดเอวเอนหัวซบไหล่
“คุณช่วยพ่อผมไว้  ขอบคุณจริงๆครับ”พูดพลางยกมือกราบไปที่อกคนรักแต่วาตานาเบะรวบมือจับเอาไว้
“ไม่เปนไรคับ  โผมบอกแล้ว พ่อคุณก็เหมือนเป็นพ่อของโผม”เขาพูดจากใจจริงถึงแม้ว่าพ่อผู้ใหญ่จะยังไม่ยอมรับเขาเป็นเขยก็ตาม
“วันนี้น้าเบะเท่ห์มากเลย  น้าเบะเป็นฮีโร่ที่น่าร้ากกกก  ที่สุดเลย”เจ้าตัวน้อยเอ่ยชมบ้าง
“จ้า....  เป็นฮีโร่ให้ได้โล่ห์แต่เห็นทีคงจะต้องหัวล้างข้างแตกกันอีกหลายหนนะ” ปอจังแอบแขวะฮีโร่หม้อไฟไปเล็กน้อย  กับความหุนหันพลันแล่นของเจ้าตัวแต่ก็เอาเถอะ  ยังไงเจ้าตัวก็ช่วยพ่อของเขาไว้จะไปดกธรมากก็ใช่ที่
“น้องแขถึงเวลานอนแล้วนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าให้ทันเที่ยวรถไฟ”
“ อ๊า....  แต่หนูยังไม่ได้กินนมก่อนนอนเลยอ่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้  กินเสร็จแล้วต่อแปรงฟันเข้านอนนะคะ”  ว่าแล้วปอก็จะลุกลงไปหยิบที่ตู้เย็นข้างนอกมาให้
“ไม่เปนไร  เด่วโผมไปหยิบให้เอง  ปอจังพักผ่อนเถอะ”  แล้วร่างสูงก็เดินลงไปยังครัวข้างล่างแต่ระหว่างกำลังจะเดินกลับขึ้นบ้านเขาได้ยินเสียงเรียกเขาไว้ก่อน
“พ่อวัฒน์”
“ คะ คับ”  พ่อผู้ใหญ่นั้นเอง  ยังไม่ขึ้นนอนอีกหรือนี่ ร่างสูงเดินลงบันไดกลับไปหา
“คุนพ่อยางไม่นอนหรือคับ” ใบหน้าที่หันมาเป็นใบหน้าที่แกร่งกร้านตามวัย ดูน่าเลื่อมใส  ดวงตาคมกล้าทั้งคู่ดูเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต  ตอนนี้กลับทอแสงอ่อน
  “วันนี้ฉันต้องขอบใจพ่อวัฒน์มากนะ”  พ่อผู้ใหญ่ยิ้มให้บางๆ  เป็นรอยยิ้มแรกที่มีให้กับเขา
“เปนหน้าที่ของโผม ที่จะต้องดูแลและให้ความปลอดภัยโคนในครอบครัวทุกคน”  พ่อผู้ใหญ่พยักหน้ารับคำพอใจในคำตอบ
“ อืม... ถึงอย่างนั้นก็เถอะยังไงฉันก็ต้องขอบใจ” ฝ่ามือผายผอมแต่ทว่าแข็งแรงตบลงบนบ่าเขาสองสามที
“ถ้าอ้ายปอได้อยู่กับคนอย่างพ่อวัฒน์  แค่นี้พ่อก็อุ่นใจได้แล้วว่าอย่างน้อยก็มีคนที่จะสามารถดูแลฝากผีฝากไข้กับเขาได้  พ่อเองก็มีลูกชายอยู่คนเดียวไอ้เรารึจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้   ฝากมันไว้สักคนด้วยก็แล้วกัน  ถึงมันจะขี้งอน ขี้น้อยใจ  งอแงไปบ้าง  ก็ช่วยเอ็นดูมันหน่อยก็แล้วกัน  อย่าไปถือสามันเลย  นะ”  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชายชราเรียกแทนตัวเองกับเขาว่าพ่อ  ยังความปลื้มใจให้กับวาตานาเบะยิ่งนัก
“คับ  โผมสันญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย  โผมจาม่ายมีวันทิ้งปอจังปายหน่ายเด็ดขาด”เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น มั่นคง
“ อืม  ฝากด้วยนะ”พูดแค่นั้นแล้วพ่อผู้ใหญ่ก็เดินกลับขึ้นบ้านไปปล่อยให้ลูกเขยตัวดียืนยิ้มกับลมกับฟ้าด้วยความภาคภูมิใจอยู่แต่เพียงผู้ก่อน  ในที่สุดวันที่เขาได้รับการยอมรับ  ความไว้ใจ จากคุณพ่อตาก็มาถึงว่าแล้วก็กลับไปทำหน้าที่ลูกเขยที่สุด  เอานมให้ลูก  กล่อมเมียให้เข้านอนดีกว่า  หึหึหึ (ว่าแต่จะกล่อมน้องปอให้นอนแบบไหนกันจ๊ะ นายหม้อไฟ  ฮุฮุฮุ)
ปล. ส่งท้าย

เช้าวันรุ่งขึ้น ณ สถานีรถไฟเชียงใหม่
“ป้อจ๋าแม่จ๋า  เฮาไปก่อนเน้อ  แล้ววันหยุดยาวหนหน้าจะปิ๊กบ้านมาสู่เน้อ”
“หนูไปก่อนนะตะ  ตากับยายไม่ต้องห่วงหนูจะดูแลพี่ปอให้เอง”
“จ้า.....คนเก่งหลานยาย  คราวหน้ามาหายายอีกนะ”
“  โผมพามาแน่นอนคับ  หรือถ้าคุณพ่อคุนแม่อยากลงปายกุงเทพก็บอกนาคับโผมจะส่งตั๋วเครื่องบินมาให้”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะ  เกรงใจ  พ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนไกลเดี๋ยวจะหลงทาง  เมารถเมาเรือเสียปล่อยๆ”
“งั้นพวกเราไปกันละครับ  สวัสดีครับพ่อ  แม่  ไป๊ พวกเรา”  ว่าแล้วก็ขนของขึ้นรถไฟเตรียมกลับกันแต่ระหว่างนั้น  พ่อผู้ใหญ่ก็เดินเข้ามากระซิบกระซาบอะไรกับพ่อลูกเขยก่อนจะเดินกลับไปพร้อมกับแม่  ทิ้งไว้ให้พ่อลูกเขยตัวดีเดินอมยิ้มขำขันอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะมานั่งที่
“ไปแอบกระซิบกระซาบอะไรกับพ่อผมมา  แอบไปตีสนิทกันมาเมื่อไหร่ไม่เห็นบอก”
“ ฮ่าๆๆ  ม่ายมีอาราย”  เขาไม่ตอบอะไรได้แต่อมยิ้มเมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อตาขู่เมื่อตะกี้
“พ่อวัฒน์อย่าลืมที่สัญญากับพ่อไว้นะ  ถ้ารู้ว่าทำให้อ้ายปอมันเสียใจเมื่อไหร่ละก็  ยากุซ่าก็ยากุซ่าเถอะ  เป็นได้เจอผู้ใหญ่บุญโฮม  สิงห์ปืนไวแห่งบ้านสบก๋อยแน่  จะตามไปแจกลูกตะกั่วถึงกรุงเทพเลยทีเดียว”

ที่รักจ๋า ถึงคุณพ่อตาจะยอมรับผมเป็นเขยแต่ว่าความห่วงลูกของคุณพ่อตานี่ไม่จบสิ้นจริงๆ  ศึกนี้ยังอีกยาวจริงๆน่ะละ 


the end

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณที่กลับมาอัพ
สนุกเหมือนเคย
+1 เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
  :bye2:   :bye2:   

น่ารักดี 

 :z13:
 :z13:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ดีจังที่กลับมาอัพอีก ตอนนี้ดูไทยๆอบอุ่นๆ ดีจัง

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สนุกสนาน น่ารักดี ทั้งสามคนเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนไปแอบดูน้องแข น่ารักมาก

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เป็นอีกแนวที่สนุกดีค่ะ
ว่างๆ ก็เข้ามาต่ออีกนะคะ :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด