ยุ่งจังวะ คณะข้างๆ by DRAFT*แจ้งข่าว!!*P.90
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยุ่งจังวะ คณะข้างๆ by DRAFT*แจ้งข่าว!!*P.90  (อ่าน 855767 ครั้ง)

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
2 เดือนผ่านไป
รอกันต่อไป

mumoo

  • บุคคลทั่วไป
มาเซ็นชื่อลงทะเบียนรออ่านด้วยคน(ทบ.คนค้าง)55+
ท่าทางคนแต่ง คนโพสต์จะงานยุ่งขนาดแฮะ อืมๆรักษาสุขภาพด้วยนะ

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
รอน้องภามที่รักอยู่ครับ........คนแต่งไม่รักน้องภามแล้วหรอ...หายไปเลยอ่ะ

ออฟไลน์ DRAFT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รักทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอโทษที่หายไปนานด้วยนะครับ เพราะงานที่มีมาอยู่ไม่ขาดสายทำให้ผมคิดว่าช่วงที่หายไปนั้นเป็นเวลาไม่นานมาก แต่พอเข้ามาอีกทีมีคนอ่านมาทวงหลายหน้าจนตกใจเลยครับ แหะๆ


ตอนนี้ผมแต่งตอนที่ 28 จบแล้วนะครับ เอ๊ะ 28 ใช่มั้ย? พอดีผมก็ไม่ได้เข้ามานานมากจนลืมเหมือนกัน เหอๆ แต่พอดีว่าต้องรอคนลงกลับมาลงให้ก่อนน่ะครับ ตอนนี้ยังอยู่เกาะสมุยอยู่เลย คาดว่าคงจะมาลงให้ได้ในวันอังคารหรือไม่ก็พุธครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะแจ้งคือ ตอนที่ 28 นี้คือตอนจบของเรื่องนะครับ แล้วก็มีบทส่งท้ายเล็กๆ อยู่ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วผมไม่ได้ขี้เกียจจนอยู่ๆ มาตัดจบนะครับ ผมเชื่อว่าถ้าแต่ละตอนมาห่างๆ กันก็ยังมีทุกคนคอยที่จะอ่านอยู่ แต่เพราะดูตารางการเรียนในปีสองของผมบวกกับเนื้อเรื่องที่ก็ลงล็อคจะจบได้แล้ว จึงมีตอนที่ 28 เป็นตอนจบนี่แหละครับ

การแต่งนิยายเป็นของตัวเองนี้ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งที่ผมตั้งไว้ว่าจะต้องทำให้ได้สักครั้งในชีวิต และมันก็สำเร็จลงด้วยดีแล้วในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณทุกๆ คนที่คอยติดตาม ติชม และคอยเป็นกำลังใจให้เสมอมาครับ เพราะถ้าไม่มีคนอ่านที่น่ารักคอยให้กำลังใจ นิยายของผมก็คงไม่ประสบผลสำเร็จให้ผมได้ภูมิใจในตอนนี้


ตอนนี้ผมกำลังปรึกษากับเพื่อนนัทอยู่ว่าอยากจะทำรวมเล่มของเรื่องนี้ออกมาครับ จึงอยากลองสำรวจดูก่อนว่ามีคนอ่านสนใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากมีคนสนใจเยอะก็อาจจะลองทำออกมาก็ได้ครับ

ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมาครับ แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ครับ ^^

: DRAFT


ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3
เยี่ยมเล้ยยย

สู้ๆเรื่องเรียนนะน้องดราฟท์ :กอด1:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เศร้าใจ จะจบแล้วเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ tomodaging

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
รอลุ้นมานาน ถึงจุดสุดยอด(???)ซะืที รอตอนจบเช่นเดียวกันนะครับ ถ้าจะทำรวมเล่มผมช่วยทำปก+ภาพประกอบให้มั้ยครับ(เผอิญมีอาชีพด้านนี้) บริการฟรีจากแฟนคลับยุ่งจังวะคณะข้างๆครับ :-[

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
โหน้องมิได้เข้ามาอ่านปุ๊บก็จบปั๊บเลย  :เฮ้อ:

ก่อนอื่นต้องขอ  :จุ๊บๆ: +1 คุณนัท และ :จุ๊บๆ: +1 คุณดราฟท์ก่อนนะคะ

เรื่องน่ารักมาก อ่านสนุกมากค่ะ อ่านไปก็เพลินไป ไม่เครียดดีค่ะ

อีกเรื่องที่ขอชื่นชมคือคุณทั้งสองใช้ภาษาได้ดีนะคะ ใส่ใจเรื่องการเขียนสะกดคำดีมากค่ะ

มีข้อเสนออยู่เล็กน้อยค่ะ คือเรื่องมันรวบรัดไปนะคะน้องมิว่า ช่วงที่พระเอกมีปัญหากับนายเอกช่วงนั้นอาจจะเล่าเรื่องหรือใส่เหตุการณ์ในมุมมองด้านของพระเอกเสริมเข้าไป ให้คนอ่านได้เห็นว่าพระเอกต้องเผชิญปัญหาอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไรให้ชัดเจนขึ้น ที่ตัดออกไปจะว่าเพราะต้องการให้นายเอกเป็นคนเล่าเรื่องรึเปล่าประมาณให้คนอ่านรู้ความจริงไปพร้อมนายเอกรึเปล่า แต่ก็ไม่ใช่เพราะมาเฉลยให้คนอ่านรู้เรื่องก่อนที่นายเอกจะรู้เสียอีก  

อีกเรื่องหนึ่งต่อภาคสองก็ดีนะคะ ภาคภีมกับยอร์ค :กอด1:

รออ่านตอนจบอยู่นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2010 22:22:16 โดย Naomi »

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
รออ่านอยู่จ้า  :mc4:

ออฟไลน์ PrInceZz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
กลับมาเร็วๆนะคะ
ตั้งตารอต่อไป
 :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
ขอโทษที่ทำให้ทุกท่านรอนานนะคะ  เพิ่งกลับมาสดๆร้อนๆ  รับไฟล์มาจากดราฟมะกี้เลย 555

เราเองก็ยังไม่ได้อ่านตอนจบนี้เหมือนกัน  ดังนั้น  ไปอ่านตอนที่ทุกท่านรอคอยกันมานานเลยดีกว่าาาาา o13   

______________________________________________________   


คุณเชื่อเรื่องความบังเอิญไหม? ผมก็เป็นคนที่เชื่อเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน หากแต่ว่า......ในบางครั้งที่คุณรู้สึกว่าเรื่องที่เจอเป็นเรื่องบังเอิญ แต่อันที่จริงแล้ว.....มันอาจจะเป็นการจงใจทำให้เกิดอย่างไม่น่าเชื่อก็ได้
   
“ยอร์ชทำอะไรอยู่หรือตั้งทัพ?”ผมถามโดยที่ไม่เงยหน้าจากจานขนมที่ยังจัดอยู่เบื้องหน้าวันนี้ทั้งผมและนายยอร์ชต่างก็ไม่ได้ไปทำงานทั้งคู่ ตั้งแต่เช้ามานายตัวดีก็เริ่มแผลงฤทธิ์ความเอาแต่ใจ เขาสั่งให้ตั้งทัพออกไปซื้อข้าวของอะไรก็ไม่รู้ที่ตลาดตั้งแต่เช้าก่อนที่ผมจะเตรียมตัวเสร็จ ส่วนคนขับรถคนอื่นก็ไล่ให้ไปทำงานอื่นกันหมดจนผมไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจจะเดินไปเรียกแท็กซี่เองแต่เขาก็ยังโวยวายจนในที่สุดผมก็ต้องอยู่บ้านเฉยๆ ทั้งวัน
เขาจะรู้บ้างไหมนะ.....ว่าการที่เขายิ่งทำแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมอึดอัด ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม และผมก็รู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ตัวเองได้รับอภิสิทธิ์ด้านการทำงานมากกว่าคนอื่น......
“คุณชายดูบอลอยู่ที่ห้องนั่งเล่นครับ คุณภามมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”ตั้งทัพถามผมหลังจากให้คำตอบแล้ว
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะปั่นน้ำผลไม้อีกอย่าง”ผมละความสนใจจากจานขนมแล้วเริ่ม
หันไปเปิดดูผลไม้สดชนิดต่างๆ ที่แช่เอาไว้ในตู้เย็น
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยล้างให้นะครับ”ตั้งทัพว่าแล้วมาหยิบผลไม้จากมือผมไปล้างที่อ่าง และในการปั่นน้ำผลไม้ครั้งนี้ผมก็ได้ตั้งทัพเป็นลูกมือให้ทำให้ทุ่นแรงไปได้มาก
“ได้ยินเสียงยอร์ชคุยกับใครน่ะ มีใครมาหรือ?”ผมถามขณะที่เรียงทั้งน้ำผลไม้และขนมใส่ถาดเล็กๆ เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังจะยกออกไปเสิร์ฟให้นายตัวดีที่คงจะใกล้หายเป็นปกติเต็มที
“คุณหมอมาตรวจเฝือกให้ครับ ถ้าหายดีแล้วพรุ่งนี้ก็คงได้ตัดเฝือกออก”ตั้งทัพว่าแล้วเข้ามาฉวยถาดบนโต๊ะออกไปก่อนที่ผมจะยกแล้วรอให้ผมเดินนำออกไปจากครัว ผมพยักหน้าว่ารับรู้เล็กน้อยแล้วเดินนำออกไป
ที่ห้องนั่งเล่น ผู้ชายในชุดสีขาวตัวสูงนั่งหันหลังให้ผมคุยอะไรสักอย่างอยู่กับยอร์ช เห็นเขาพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ดูรู้ได้ว่าไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่กำลังรับฟังเลย ผมเดินนำตั้งทัพให้ยกถาดน้ำไปวางไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา แก้วน้ำผลไม่อีกใบได้ถูกเตรียมเรียบร้อยแล้วเมื่อรู้ว่ามีแขกมาที่บ้าน ผมนั่งลงบนโซฟาอีกตัวที่เหลือว่างอยู่เพื่อรับฟังสิ่งที่คุณหมอพูด เพราะดูท่าตัวคนไข้เองไม่ได้สนใจฟังเลย กลับดูระริกระรี้อย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมเข้ามา
“ภามๆ นี่.....”นายยอร์ชหันมาเขย่ามือให้ผมเงยหน้าขึ้นมา จนผมได้เห็นหน้าคุณหมดชัดๆ นั่นแหละ
   “อ้าว?”ผมอุทานอย่างไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน บางทีโลกมันก็กลมดีเนอะ
   “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะภาม เป็นยังไงบ้างเรา”ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามถามผมอย่างเป็นกันเอง เขายังคงดูไม่แตกต่างไปจากครั้งล่าสุดที่ผมได้เจอ จะมีก็แต่ประกายตาที่ดูสดชื่นขึ้น อาจจะเป็นเพราะได้รับการพักผ่อนเพียงพอ
   “พี่อิน ดีใจจังเลยที่ได้เจอกันอีก ภามสบายดีครับ ว่าแต่พี่อินทำงานอยู่โรงพยาบาลที่ยอร์ชรักษาอยู่หรอ?”ผมถามอย่างดีใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่อินอีกครั้งในเวลางานของเขา
   “เปล่า”พี่อินบอกยิ้มๆ
   “อ้าว?”
   “พี่คงไม่เคยบอกภาม พอดีว่ายอร์ชเป็นน้องชายของพี่น่ะ คุณพ่อของพี่เป็นพี่ชายของคุณพ่อของยอร์ช”พี่อินอธิบาย ผมประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาสองคนเป็นญาติกันงั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนที่เจอกันครั้งแรกที่โรงพยาบาลใกล้มหาวิทยาลัยเขาถึงไม่เคยพูดเรื่องนี้ รวมถึงครั้งต่อๆ มาที่ได้เจอกันก็ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยถึง หรือว่า....บางทีเขาอาจจะไม่รู้ว่าผมรู้จักกับยอร์ชก็ได้
   “อะไร? นี่รู้จักกันหรอ?”อยู่ๆ นายยอร์ชที่นั่งจ้องผมทีจ้องพี่อินทีก็พูดขึ้นมาเสียงแข็ง ท่าท่างระริกระรี้เมื่อครู่ก็หายไปกลายมาเป็นยอร์ชผู้เอาแต่ใจอีกเหมือนเดิม
   “อืม”ผมที่ยังงงๆ อยู่เหมือนกันก็พยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
   “นายรู้จักภามมานานแค่ไหนแล้วอิน?”นายยอร์ชชักดูอารมณ์ไม่ค่อยดี
   “ก็ตั้งแต่ที่เขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะนายนั่นแหละ หลังจากนั้นก็คุยกันมาตลอด”พี่อินบอกยิ้มๆ แต่คนฟังยิ่งทำหน้าน่ากลัวเข้าไปทุกที
   “แล้วทำไมนายไม่เคยบอกฉัน! ทำไมต้องแอบไปคบกันเงียบๆ ด้วย!”ผมสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของเขา
   “ก็ตอนนั้นพี่สงสารภาม เลยคิดจะเอาคืนนายบ้าง ก็แค่นั้นแหละ”พี่อินไหวไหล่แบบไม่สนใจอะไร
   “งั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่ฉันไปอังกฤษนายก็ติดต่อกับภามตลอดเวลาเลยงั้นสิ!”
   “ก็....ใช่”
   “องค์อินทร์!!!”นายยอร์ชถลาเข้าไปทำท่าจะซัดหมัดใส่พี่อิน ถึงแม้จะดูท่าทางยืนได้ทุลักทุเลแต่ผมก็เลือกที่จะเข้าไปขวางเขาไว้ก่อน
   “หยุดเลยยอร์ช ทำไมแค่นี้ต้องโมโหด้วย”ผมถามงงๆ ในเมื่อพี่อินก็ไม่เคยบอกผมเหมือนกันว่ารู้จักกับเขา แต่ผมก็เลือกที่จะไม่โกรธในเรื่องที่ถูกปิดบัง เพราะเท่าที่ดูเหตุการณ์พี่อินก็ไม่ได้เข้าหาผมเพื่อเป็นสายสืบให้ยอร์ช และอีกอย่างก็คงยากที่จะอธิบายเรื่องของยอร์ชในตอนนั้นให้ผมฟังได้ทั้งหมด ในเมื่อมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาเอง ที่สำคัญที่สุด ในระหว่างที่ผมเหมือนไม่มีใคร....พี่อินก็คอยเป็นพี่ชายที่ให้คำปรึกษาที่ดีเสมอมา
   “ก็มัน....”
   “เอาเถอะๆ นั่งนิ่งๆ เลย ทำแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่หายเสียที”ผมดึงนายยอร์ชที่กำลังฮึดฮัดให้นั่งลงอย่างค่อนข้างลำบาก ในที่สุดความสงบก็เหมือนจะกลับคืนมาอีกครั้ง
   “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วนะภาม พรุ่งนี้ก็พายอร์ชไปตัดเฝือกได้”พี่อินดูท่าจะไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องเมื่อครู่ สงสัยคงรู้นิสัยน้องชายตัวเองดีอยู่แล้ว
   “ก็ดีครับ เขาจะได้ดูแลตัวเองได้เสียที”ผมบอกพี่อินยิ้มๆ
   “หมายความว่ายังไงภาม”นายยอร์ชถามผมแบบไม่เข้าใจ
   “พรุ่งนี้พอยอร์ชตัดเฝือกเรียบร้อยแล้วภามจะย้ายกลับไปนอนที่โรงแรมนะ แล้วจะหาห้องเช่าอีกที”ผมบอกในสิ่งที่คิดมาหลายวัน ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่บ้านของผม ผมจึงไม่สะดวกใจที่จะอยู่ที่นี่ไปได้ตลอด
   “ไม่ให้ไป”นายยอร์ชตอบเสียงแข็งโดยไม่ต้องคิด
   “ก็ที่นี่ไม่ใช่บ้านภาม”ผมบอกเหตุผลเขาดีๆ
   “ทำไมจะไม่ใช่ในเมื่อภามเป็นเมียพี่ บอกไม่ให้ไปก็คือไม่ให้ไป”เขาพูดเอาแต่ใจเหมือนทุกครั้งที่เคยเป็น ด้วยความระอา ผมเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก ในเมื่อผมตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เขาคิดไม่ว่าอะไรก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านความถูกต้องทั้งหมดได้ ผมละการสนทนากับเขาหันไปคุยกับพี่อินแทน
   “แล้วนี่ตรวจเสร็จแล้วพี่อินจะไปไหนต่อครับ”
   “ตอนแรกว่าจะกลับเลย แต่ไหนๆ เจอภามแล้วก็ขอฝากท้องที่นี่เลยแล้วกัน มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย”
   “ไม่ให้อยู่”นั่นไง ตัวขวางโลกเริ่มอาละวาดอีกแล้ว แต่พี่อินก็ดูไม่ได้สนใจเท่าไร
   “ดีเลยพี่อิน ภามก็อยากคุยด้วยอยู่เหมือนกัน”ผมตอบตกลงท่ามกลางเสียงคัดค้านของเจ้าของบ้าน ไม่รู้แค่ข้าวมื้อเดียวจะเลี้ยงญาติตัวเองหน่อยจะมีปัญหาอะไรนักหนา คนรวยนี่เขางกกันแบบนี้เป็นด้วยหรอ? แต่ถึงจะค้านเท่าไหร่ ในที่สุดมื้อเย็นในวันนี้พี่อินก็ได้มานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะสมใจ เพราะตอนนี้แม้เจ้าของบ้านก็ดูท่าจะไม่กล้าขัดใจผมเท่าไหร่
   “พี่ป้อง!”ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าใครอีกคนเดินเข้ามาในห้องอาหาร เห็นเขายักคิ้วให้ยิ้มๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างพี่อินที่ตั้งทัพเลื่อนให้ ตรงหัวโต๊ะเป็นนายยอร์ช ส่วนอีกฝั่งเป็นผมกับน้องเยล วันนี้เฮียยอร์คออกไปขี่ม้ากับเพื่อนๆ ยังไม่กลับเข้ามา และคุณลุงกับคุณป้าไปตรวจดูงานที่ต่างประเทศ
   “สบายดีไหมภาม ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”พี่ป้องในตอนนี้ดูเป็นคนอบอุ่นไม่ต่างจากเมื่อก่อน แม้จะรู้จักกับพี่ป้องก่อน แต่ระยะหลังผมมักจะได้เจอพี่อินมากกว่า
   “สบายดีครับ วันนี้พี่ป้องมาทำงานหรอ”ถึงผมจะไม่ได้เจอ แต่จากการคุยโทรศัพท์กับพี่ป้องบางครั้งก็ทำให้รู้ว่าเขามีกิจการเล็กๆ ที่ทำร่วมกันกับนายยอร์ชอยู่
   “จะว่างั้นก็คงได้มั้ง อยู่ๆ ยอร์ชมันก็มีงานด่วนเข้ามาให้พี่กระทันหันน่ะสิ ดูท่าจะเป็นงานร้อนซะด้วย เห็นมันบอกว่ารับมือคนเดียวไม่ไหว”พี่ป้องเหล่ไปทางยอร์ชแล้วหัวเราะแปลกๆ แต่คนหัวโต๊ะก็ทำเพียงแค่ทำคิ้วขมวดตอบกลับมา
   ระหว่างทานอาหารในวันนี้ ผมรู้สึกมีความสุขเหมือนได้สิ่งที่รอคอยกลับคืนมา พี่ชายที่ดีกับผมมากๆ ถึงสองคนอยู่ๆ ก็เข้ามาหาผมอย่างไม่ได้คาดฝัน พี่อินมักจะชวนผมคุยโน่นคุยนี่อยู่ตลอดเวลา แต่เกือบทุกครั้งพี่ป้องก็จะรีบถามโน่นถามนี่แทรกผมอยู่ตลอด ส่วนนายยอร์ชก็คอยแต่เอาเรื่องที่ผมบอกว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นมาพูดแล้วก็ลงท้ายที่คำว่า “ไม่ให้ไป”
   “อย่าพูดไม่รู้เรื่องน่าภาม!”นายยอร์ชพูดคำนี้กับผมครั้งที่เท่าไหร่ผมก็ไม่ได้นับไว้ รู้แค่ว่าหลายครั้ง
   “ก็บอกแล้วว่ามันไม่เหมาะ”ผมตอบคำถามเดิมๆ
   “ก็แล้วมันไม่เหมาะตรงไหน!”
   “ก็ที่ถามนี่ตอบไปตั้งหลายรอบแล้วไง!”ผมว่าไอ้คำถามนี้ผมตอบไปมากกว่าแปดรอบแล้วนะ
   “ไม่รู้! บอกว่าไม่ให้ไปก็คือไม่!”เขาตัดสินใจให้ผมเสร็จสรรพ
   “พี่อินจะกลับบ้านหรือยังครับ”ผมเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงแล้วเลยหันมาคุยกับพี่อินแทน ยังไงคำพูดของนายยอร์ชก็ไม่ได้มีผลอะไรกับผมอยู่แล้ว
   “กำลังจะกลับพอดีเลย”พี่อินว่า
   “งั้น.... รอภามแป๊บนึงนะครับ ขอขึ้นไปเอาเสื้อผ้าก่อน คืนนี้ภามขอไปนอนด้วย ยังคุยกับพี่อินไม่เต็มอิ่มเลย”จากการสนทนาบนโต๊ะทำให้ผมทราบว่าพี่อินมีบ้านพักอีกหลังที่ตั้งอยู่หลังคฤหาสน์ของนายยอร์ช มีเพียงสวนเล็กๆ กั้น ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของพี่อินตอนนี้ทำงานอยู่ที่เยอรมัน
   “ได้สิ/ไม่ได้!”คำตอบของพี่อินดังขึ้นพร้อมกับคำตอบของอีกคนที่ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าใคร แต่ว่าใครจะอยู่ฟังคนเอาแต่ใจแบบนี้ล่ะครับ เอาไว้เขาใจเย็นลงก่อนค่อยพูดกันทีหลังแล้วกัน
   ผมใช้เวลาไม่นานในการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เร็วพอที่นายยอร์ชก็เดินกระเผลกขึ้นมาห้ามไม่ทัน กว่าเขาจะเข้ามาถึงตัวผมได้ ผมก็บอกให้พี่อินออกรถไปแล้ว....



   ดื้อ.... คือคำเดียวที่ผมมักจะแอบมอบให้ภามเสมอ โดยเฉพาะตอนนี้.....
   ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ตัว ว่าหลายๆ ครั้งภามก็มักจะเหนื่อยใจกับการชอบบังคับโน่นบังคับนี่ของผม  แต่ภามคงไม่รู้หรอก....ว่าที่จริงแล้ว ผมเองก็เหนื่อยใจกับการที่ต้องระงับอารมณ์ตัวเองเวลาภามอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน
   ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่อย่างไม่ค่อยจะเต็มตานัก เนื่องจากเมื่อคืนหลังจากที่ผมกระหน่ำโทรหาภามอย่างบ้าคลั่งและได้รับการปฏิเสธโดยการปิดโทรศัพท์หนี ก็ไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปเมื่อไหร่
   ไม่ใช่ไม่รู้ว่าบ้านของอินอยู่ไม่ไกล ไม่ใช่ว่าไม่อยากตาม แต่ในสภาพแบบนี้ถ้าผมกระเผลกๆ ไปดึงตัวภามกลับมา ก็คงทำได้แค่คว้าน้ำเหลว
   “พี่ไม่ให้ไปอยู่ที่อื่นนะภาม เมื่อคืนให้นอนกับอินคืนนึงแล้ว คืนนี้กลับมานอนที่บ้านนะ”ผมบอกหลังจากตัดเฝือกเสร็จ เมื่อเช้าตอนผมเดินลงมาจากชั้นสองโดยมีไอ้ทัพเป็นคนพยุงลงมาก็เห็นภามมานั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้ว
   “นึกว่านอนคนเดียวคืนนึงแล้วจะคิดอะไรที่มีเหตุผลมากกว่านี้ได้เสียอีก”ภามถอนหายใจเบาๆ แล้วว่าเหมือนหน่ายผมเสียเต็มประดา
   “พี่พยายามมีเหตุผลมากที่สุดแล้วภาม”ใช่...พักหลังมานี่ผมคิดว่าผมพยายามมีเหตุผลมากขึ้นแล้วนะ ยืนยันได้จากพักหลังมานี่เด็กนันที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของภามมักจะมาหาภามที่บริษัทบ่อยๆ มาหลายๆ ครั้งก็ชอบไปนั่งคุยกันที่ค็อฟฟี่ช็อปที่ชั้นล่างของบริษัทกันนานสองนาน บางทีก็พากันออกไปข้างนอกโดยที่ไม่บอกผม แต่ผมก็พยายามจะเชื่อใจภามให้มากที่สุด ไม่ดุ ไม่โมโห ไม่โวยวาย บางครั้งที่พวกเขาออกไปข้างนอก ช่วงแรกๆ ผมก็ส่งไอ้ทัพไปคอยดูบ้าง แต่หลังๆ พอได้รับรายงานว่าไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงผมก็ปล่อยให้ภามมีอิสระเป็นของตัวเอง เด็กนันนั่นก็ดูมีความสุขดี ไม่ว่าจะมีความสุขจากการแอบรักหรืออะไรก็ตาม แต่อะไรสักอย่างที่ไม่มีสิ่งยืนยันแน่ชัดได้บอกกับผมว่า ตราบใดที่ภามยังยืนยันที่จะรักผม เด็กนั่นก็จะคอยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของภามตลอดไป………..
   เรื่องเมื่อวานก็อีก มันน่าโมโหน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ อินก็น่าซัดให้คว่ำไปเลยจริงๆ ไปแอบคบแอบคุยกับเมียผมมาตั้งหลายปี ไม่เคยบอกกันสักคำ ถ้าบอกผมสักนิด บางทีผมอาจจะไม่ต้องระแวงจนตามไอ้ป้องมาคอยช่วยขัดแข้งขัดขาตอนกินข้าวเย็นก็ได้.......ผมไม่เข้าใจ......ผมไม่มีเหตุผลตรงไหน?
   “ไม่ไปนะภาม อยู่กับพี่เถอะ....นะครับ”ผมบอกอีกครั้งเมื่อเห็นภามเงียบไป ภามไม่ได้ให้คำตอบในสิ่งที่ผมต้องการ แต่กลับพูดเป็นอย่างอื่นแทน
   “ไหนลองเดินซิยอร์ช ถ้าเดินสะดวกแล้วจะได้ไปทำงานกัน”ผมถอนหายใจอย่างจนปัญญา เอาเถอะ ในเมื่อตอนนี้ภามก็ยังอยู่กับผมไม่ได้ไปไหน เอาไว้ค่อยตะล่อมอีกที สุดท้าย ถ้าหากว่าคุยดีๆ ไม่ได้.....ผมก็คงต้องบังคับ
   

   การที่ผมคิดว่าภามยังต้องอยู่กับผมอีกนานและมีเวลาเกลี้ยกล่อมนั้นไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย เย็นวันที่ไปตัดเฝือก หลังจากเลิกงานภามก็กลับไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นย้ายไปที่โรงแรมทันที ไม่ว่าผมจะคัดค้าน ขอร้องหรือบังคับอย่างไร ภามก็ไม่มีทีท่าว่าจะโอนอ่อนสักนิด......และนั่นก็คือการทะเลาะกันครั้งแรกหลังจากผมหายดี............แม้จะไม่ได้รุนแรงอะไรนัก แต่ทำไมผมถึงไม่บาดเจ็บไปอีกสักพักนะ?
   ตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ภามก็ยังคงไปทำงานที่บริษัทตามปกติ และผมมักจะลงไปหาและรับไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเสมอ ภามก็ยังเป็นเหมือนเดิม.....คอยดูแล เอาใจใส่ผมอย่างดี พูดคุยร่าเริงและน่ารักไม่ต่างจากตอนที่ผมชอบเฝ้ามองเมื่อสมัยที่เรายังเรียนมหาวิทยาลัย แต่ทุกครั้งเมื่อผมเริ่มพูดเรื่องจะพาเขาย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน ถ้าไม่จบลงด้วยการเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นของภาม ก็มักจะจบลงด้วยการทะเลาะของเราสองคน และคนที่เริ่มโวยวายและนำไปสู่การทะเลาะ.....ก็คือผม
   และแล้ววันที่ความอดทนของผมต้องขาดสะบั้นลงก็มาถึง เช้าวันจันทร์ของการเริ่มงานดำเนินไปอย่างปกติ แต่มีบางอย่างที่ไม่ปกติเมื่อผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของภาม บนนั้นมีกระดาษโน้ตสีขาววางทับไว้ด้วยกล่องใส่ปากกาเล็กๆ ผมหยิบโน้ตใบนั้นขึ้นมาอ่านข้อความด้านใน
   “ตอนแรกภามคิดว่าเราจะคุยกันรู้เรื่องได้ แต่มันยากเหลือเกินที่จะคุยให้ยอร์ชเข้าใจ มาคิดดูอีกที....ภามคิดว่าตัวเองไม่ชอบอยู่ที่กรุงเทพเท่าไหร่ หมายถึงเด็กต่างจังหวัดอย่างภามชอบที่จะอยู่ในที่สงบๆ อย่างที่บ้านมากกว่า จดหมายลาออกอยู่ในลิ้นชักนะยอร์ช ตอนนี้ภามกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ไว้จะโทรหาแล้วแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะ หรือถ้ายอร์ชอยากมาหาภามก็มาได้ตลอดเลย เรายังเป็นเหมือนเดิมนะ”กระดาษอีกใบที่ซ้อนอยู่ด้านหลังถูกดึงออกมา มันเป็นแผนที่คร่าวๆ ที่คาดว่าภามทิ้งแผนที่ไปที่บ้านไว้ให้ผม เผื่อว่าผมอยากไปหา นี่สินะ......เหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อวานภามไม่ยอมออกมาพบหน้าผม ทั้งๆ ที่โทรไปก็ยังคุยกันเหมือนปกติ ผมหันไปมองสิ่งต่างๆ ในห้อง ทุกสิ่งยังมีชีวิตชีวาเหมือนที่ตอนที่ภามเคยอยู่ แต่ต่างกันตรงที่เหมือนทุกคนในแผนกจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ทุกคนดูมีสีหน้าที่เศร้าหมองลง เห็นไหม.....การที่ภามตัดสินใจแบบนี้ไม่ใช่ว่าทำให้ผมคนเดียวที่เป็นทุกข์จนแทบบ้า.......แต่ยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่ต้องรู้สึกไม่ดีเมื่อภามตัดสินใจจากไป
   เพราะอย่างนี้แหละ  ผมถึงได้บอกว่า..........ภามนั้นดื้อเสียยิ่งกว่าใคร

   ผมนั่งเคาะพวงมาลัยรถด้วยความร้อนรุ่มในใจ เมื่อเช้าหลังจากได้อ่านข้อความที่ภามทิ้งไว้ให้ ผมก็เปิดลิ้นชักเอาใบลาออกของภามมาฉีกทิ้ง เพื่อนๆ ของภามพอเห็นผมทำอย่างนั้นก็พลอยยิ้มออก ทุกคนคงเชื่อมั่นอย่างที่ผมเชื่อ.....ว่าผมจะต้องพาภามกลับมาที่นี่ได้
   รถคาดิลแล็คสีดำที่ผมเคยใช้สมัยเรียนถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เมื่อก่อนผมมักใช้รถคันนี้รับส่งภามไปโน่นมานี่อยู่เสมอ แต่ในตอนนี้มีเพียงแค่ผมคนเดียวที่คอยบังคับมันอยู่ และจุดหมายปลายทางที่ผมกำลังจะไปคือ.......นครนายก
   หลายๆ คนรวมทั้งภามมักจะบอกว่าผมเป็นคนเอาแต่ใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมมักจะบอกตัวเองว่าทุกอย่างที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องแล้ว และไม่เคยยอมรับการเป็นเจ้าของนิสัยแบบนั้นที่คนอื่นมอบให้ แต่วันนี้.....ผมเชื่อแล้วว่าผมเป็นคนเอาแต่ใจจริงๆ และวันนี้แหละ ผมจะใช้ความเอาแต่ใจของตัวเองพาภามกลับมาให้ได้............
   “ว่าไงยอร์ช”เสียงปลายสายตอบกลับมาเมื่อเสียงรอสายดังไปได้ไม่นาน
   “ตอนนี้อยู่ที่ไหนภาม”ผมถามเพื่อยืนยันในสิ่งที่ภามบอกไว้
   “อยู่บ้าน กินข้าวหรือยังเนี่ยยอร์ช เที่ยงแล้วนะ”
   “นี่คือสิ่งที่ควรพูดตอนนี้หรือไง?”ผมถาม
   “อ้าว?”
   “แล้วนี่ทำอะไรอยู่หรอ?”ภามถามผมอีกครั้งเมื่อไม่รู้จะพูดอะไร
   “ขับรถอยู่”
   “หรอ? จะไปไหนหล่ะเนี่ย”
   “ไปรับเมียกลับบ้าน”ผมตอบไปแค่นั้นแล้วก็วางสายไป ไม่พูดอะไรให้มากความกว่านี้
ผมใช้เวลาไม่นานจากกรุงเทพฯมาถึงตัวเมืองนครนายก หลังจากดูแผนที่คร่าวๆ ของภามประกอบกับคอยจอดรถถามคนแถวนั้นเป็นระยะๆ ไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่จุดหมาย
หลังรั้วเหล็กดัดสีเขียวอ่อน บ้านหลังไม่ใหญ่นักปลูกอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ มันเป็นบ้านปูนสองชั้นสร้างเหมือนแบบที่ผมเคยเห็นพวกขุนนางสมัยก่อนอยู่กันในโทรทัศน์ ระเบียงไม้เล็กๆ ถูกสร้างยื่นออกมาในส่วนที่จะนำไปสู่ประตูบ้าน มีบันไดสองสามขั้นให้ก้าวขึ้นไป ตรงมุขที่ยื่นออกมาหน้าบ้าน หน้าต่างไม้บานเกล็ดสีเขียวอ่อนทรงแคบแต่สูงติดตั้งอยู่เรียงราย บางบานก็ปิดไว้ ส่วนบางบานก็ถูกดันให้เปิดออกมา ผ้าม่านลูกไม้โปร่งสีขาวสะอาดถูกลมพัดปลิวเป็นระยะๆ โดยรวมแล้วถึงตัวบ้านจะเป็นบ้านสมัยเก่า แต่ก็เหมือนได้รับการดูแลรักษาอย่างดีมาตลอด ทำให้ดูใหม่และไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ผมตัดสินใจจอดรถไว้นอกรั้วบ้านและเดินเข้ามาแทนเพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน เดินเข้ามาไม่มีก้าวก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนตัวค่อนข้างสูงกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ ดูเค้าหน้าแล้วคล้ายภามอยู่มาก สงสัยจะเป็นคุณพ่อของภาม
“อ้าว! มาหาใครกันคุณ?”เมื่อเขาเห็นผมก็วางบัวรดน้ำในมือแล้วหันมาถาม ผมยกมือไหว้ก่อนจะบอกจุดประสงค์
“ผมมาหาภามครับ”เขารับไหว้ผมแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้
“ภามช่วยคุณยายทำขนมอยู่เรือนเล็กโน่นแน่ะ เดี๋ยวลุงให้คนไปตามให้ มาๆ ขึ้นบ้านก่อนๆ”เขาบอกแล้วเดินนำให้ผมเดินตาม
“ไม่เป็นไรครับ อันที่จริง.....ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพ่อมากกว่า”ผมตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดจะทำไว้ตั้งแต่ขับรถอยู่ออกไป
“เรื่องสำคัญสินะ?”เขาหันมาถามผม สีหน้าและแววตาก็ยังใจดีเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป
“ครับ”ผมบอก เห็นเขาเดินนำเข้าไปในห้องๆ หนึ่งโดยที่ไม่พูดอะไรผมก็เดินตามเข้าไป จากการจัดห้อง คิดว่าคงจะเป็นห้องทำงาน
คุณพ่อของภามเดินเข้าไปนั่งหลังโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ก่อนจะเชิญให้ผมนั่งลง ผมมองสำรวจห้องก็พบกรอบรูปอันใหญ่อยู่บนผนังสองอัน กรอบแรกเป็นรูปผู้ชายที่ดูมีอายุเยอะกว่าอยู่ในชุดราชปะแตนของไทย ส่วนกรอบขวาเป็นรูปของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ เขาอยู่ในชุดตำรวจเต็มยศ ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อเห็นกรอบรูปอันที่สอง นี่ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมที่ตัดสินใจทำแบบนี้
“นั่นคุณปู่ของภามน่ะ บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของท่าน”คุณพ่อของภามหันไปตามสายตาของผมแล้วไขข้อข้องใจให้ ผมทำแค่พยักหน้าให้น้อยๆ
“ว่าแต่มีอะไรหรือถึงอยากคุยกับลุง คงเป็นเรื่องภามสินะ?”ตรงเผงเลย เรื่องนี้แหละที่ผมอยากจะบอก แต่ผมจะรอดออกไปไหม
“คือ....ผมเป็นเจ้าของบริษัทที่ภามทำงานอยู่ครับ”ผมเกริ่นก่อน
“อ้าว....งั้นคุณก็เป็นเจ้านายภามน่ะสิ ภามไปทำอะไรไม่ดีบ้างหรือเปล่า มีอะไรบอกลุงได้นะ”เขาดูประหลาดใจ คงคิดว่าภามไปทำอะไรไม่ดีแล้วผมจะมาฟ้อง
“อันที่จริง....ผม.......”
“คุณ...ทำไม?”เขาถามงงๆ
   “ที่จริงแล้ว....ผม....เป็น.....เป็นแฟนของภามครับ”ผมกลั้นใจพูดในสิ่งที่เตรียมใจมาแล้วออกไป ลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องกล้ารับสินะ คุณลุงเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดคำแรกออกมาหลังจากความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง
   “ไม่จริง”
   “จริงครับ”ผมบอกเพื่อยืนยันว่าเรื่องที่พูดเป็นความจริง
   “ไม่จริง”เขาพูดคำพูดเดิมอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมทำได้แค่เงียบ ดูเหมือนเวลาแห่งความเงียบสงบนี้จะผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกิน
   “ถึงขนาดไหนแล้ว?”เสียงถามแผ่วดังมาจากคนที่ทำหน้าเลื่อนลอยเมื่อหลายนาทีก่อน
   “ภาม.....เป็นของผมแล้วครับ”ผมบอกช้าๆ
   “ไม่จริง.....ลูกฉันไม่มีทางยอม”
   “ครับ.....ภามไม่ได้ยอมผม ครั้งแรกนั้น..........ผมเป็นคนข่มขืนภาม”พูดได้แค่นั้นผมก็โดนซัดเข้าที่หน้าอย่างจังจนรู้สึกว่าตัวเองลอยตกจากเก้าอี้ลงมากระแทกพื้นไม้
   “แก......แกกล้าทำลูกของฉันแบบนี้ได้ยังไง!”คุณลุงตามลงมาคร่อมผมไว้พร้อมซัดหมัดเข้าที่หน้าอีกหลายครั้ง ท่าทางใจดีเหมือนตอนแรกนั้นหายไปหมดแล้ว
   “ผมยอมรับผิดทุกอย่าง คุณพ่อจะทำยังไงกับผมก็ได้ ผมขอแค่อย่างเดียว ขอแค่ภาม.....แค่ภามกลับไปอยู่กับผม”เขาชะงักทันทีเมื่อได้ยินในสิ่งที่ผมพูด
   “รักลูกของฉันจริงๆ งั้นหรือ?”เสียงเย้ยหยันดังมาจากคนที่คร่อมอยู่ด้านบน
   “รักครับ รักมาก รักที่สุด”ผมบอกจากใจจริง
   “คิดว่าฉันจะเชื่อได้ยังไง ขนาดข่มขืนภามแกยังทำมาแล้ว”
   “ผมสาบานว่าจะไม่ทำอีก ผมรักภามจริงๆ นะครับ ได้โปรด....”ผมขอร้องอย่างหมดท่า หวังแค่ว่าความจริงใจจากลูกผู้ชายด้วยกันคงจะทำให้เขาเข้าใจ
   “นายรักภามมากแค่ไหน?”เขาถามอีกครั้ง
   “แม้แต่ชีวิตผมก็ให้ได้”ผมบอกอย่างหนักแน่น ไม่มีครั้งไหนอีกแล้วที่ผมจะมั่นใจได้ขนาดนี้
   “ฉันไม่เอาหรอกชีวิตของนายน่ะ”เขาพูดแล้วปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ผมมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ เขาเปิดลิ้นชักและหยิบอะไรสักอย่างออกมา และเมื่อมันอยู่ในระยะที่ผมมองเห็นได้ถนัด ผมก็พบว่ามันคือ......ปืน!
   “ฉันขอแค่ขาของนายข้างเดียว ชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับลูกของฉัน ได้ไหม?”เขาเดินกลับมายื่นมือจับผมให้ลุกขึ้นแล้วส่งปืนพกสีดำในมือมาให้ ผมรับมันมาไว้ในมืออย่างไม่ได้กลัวอะไร
   “ถ้าผมทำ คุณพ่อจะยกภามให้ผมใช่ไหม?”ผมถามคำถามเดียวที่ผมต้องการคำตอบที่สุดในตอนนี้ ถ้ามันทำให้ภามกลับไปกับผมได้ เสียขาทั้งสองข้างผมก็ยอม
   “อืม”คำพูดเดียวที่ทำให้ผมเลิกที่จะลังเลอีกต่อไป ผมจ่อปืนไปที่ขาขวาของตัวเองแล้วเหนี่ยวไกทันที แต่เสียงที่ได้แทนที่จะดังจนหูดับ กลับมีแค่เสียงกริ๊กเบาๆ ผมหันกลับไปมองหน้าเจ้าของปืนอย่างงงๆ ก็เห็นสีหน้าของเขากลับมาเป็นคนเดิมกับที่ผมได้พบตอนแรกแล้ว
   “พ่อก็ไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นยังไง ไม่เคยเข้าใจเลย”เขาบอกแล้วหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
   “แต่ถ้าหากว่าเธอกล้าที่จะทำถึงขนาดนี้เพื่อลูกของพ่อแล้ว พ่อก็คงวางใจที่จะฝากภามไว้กับคนอย่างเธอได้.......... สุดท้ายจะกลับหรือไม่กลับไป ก็ขึ้นอยู่กับภามแล้วนะ”ผมแทบจะกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่เมื่อได้ฟังประโยคนั้นจบ ผมวางปืนลงที่เก้าอี้ไม้ใกล้ๆ ก่อนจะทรุดลงกราบแทบเท้าของผู้ชายตรงหน้า พร้อมกับคำพูดเดียวที่พูดได้ตอนนี้
   “ขอบคุณครับ”
   “ออกไปกินน้ำกินท่าก่อน เดี๋ยวพ่อจะให้เด็กไปตามภามมาให้”คุณพ่อของภามพูดแค่นั้นก็เดินนำหน้าออกไป

ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
“โกรธพี่หรือภาม?”ผมถามขณะเดินตามภามที่เดินนำหน้าอยู่ในสวนข้างๆ บ้าน ต้นจำปีใกล้ๆ ออกดอกเต็มต้น บานส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
   “เปล่า....ดูท่าจะโดนมาเยอะ จะโกรธเสียหน่อยก็เลยทำไม่ลง”ภามหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมพร้อมกับยิ้ม
   “งั้นเรากลับกันเถอะนะ กลับไปอยู่บ้านของเรา ไปอยู่กับพี่นะ”ผมบอก ภามไม่ได้พูดอะไร แต่กลับพูดไปอีกเรื่อง
   “ไปๆ มาๆ ภามก็ยังเปลี่ยนความคิดเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนไม่ได้ ด้วยความที่บ้านภามอยู่ต่างจังหวัด เลยไม่คุ้นชินกับการต้องไปแออัดอยู่ในกรุงเทพเท่าไหร่ ที่ลาออกมานี่ก็ไม่ใช่ว่ายอร์ชทำผิดอะไรหรอก”ภามเด็ดดอกจำปีใกล้ๆ มาใส่มือผม แล้วพูดต่อ
   “พอมาคิดดู ตอนสมัยเรียนภามเคยเลือกเรียนด้านเซรามิกไว้ เผื่อไว้ว่าถ้าวันไหนเบื่อชีวิตเมืองกรุง ก็จะกลับมาอยู่กับพ่อ กับแม่ กับยายที่บ้าน แล้วเปิดโรงงานเล็กๆ ปั้นแจกัน ปั้นถ้วยไปวันๆ ชีวิตคงมีความสุขดี แล้ววันนั้นก็มาถึงไวกว่าที่คิด”คำพูดของภามทำให้ผมใจหาย นี่ภามคิดจะทิ้งผมกลับมาที่นี่ถาวรเลยหรือนี่?
   “ภามจะทิ้งพี่จริงๆ ใช่ไหม?”ผมภามเสียงเบาหวิว
   “ใครจะทิ้งยอร์ชลงเล่า”ภามหันมาบอกแล้วหัวเราะ
   “ยอร์ชก็ยังมาหาภามได้เหมือนเดิม ภามก็จะไปหายอร์ชเหมือนเดิม เราก็ยังโทรคุยกันได้เหมือนเดิมนี่นา”ภามพูดเมื่อเห็นผมเงียบไป
   “แล้วมันจะมีความหมายอะไรถ้าคนรักกันไม่ได้อยู่ด้วยกัน”ผมแทบจะกลั้นความรู้สึกเสียใจที่มีเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
   “คนรักกันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา?”ภามมองหน้าผม ใบหน้ายังระบายไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
   “ไม่เอานะภาม พี่ไม่เอาแบบนี้ พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีภามอยู่ข้างๆ”ผมดึงตัวภามเข้ามากอดไว้แน่น เพราะกลัวว่าภามจะหลุดลอยไป ไม่กลับมาอยู่กับผมอีก น้ำตาลูกผู้ชายที่เก็บไว้ไหลรินลงบนบ่าของภามอย่างไม่อาย
   “จะสามสิบแล้วยังร้องไห้อีก คิดว่ายังอยู่สมัยที่เรายังเรียนกันอยู่หรือไงฮึ”ภามกอดผมหลวมๆ แล้วลูบหลังเหมือนปลอบเด็กเล็กๆ คำพูดของภามทำให้ผมหวนนึกถึงครั้งแรกที่เราเจอกันที่ร้านเครื่องเขียน ต่อมาก็ร้านอาหาร วันที่ผมวิ่งวอร์มก่อนเล่นกีฬาแล้วมาเจอภามตอนเย็นที่คณะ และเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย
   “พี่อยู่ไม่ได้ พี่อยู่ไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีภาม”
   “ไว้คิดดูก่อน”ภามว่า
   “นานขนาดไหน”
   “วันนี้ พรุ่งนี้ เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง หรืออาจทั้งชีวิต”
   “ทั้งชีวิตนานไป”ผมบอกเบาๆ น้ำตายังคงไหล
   “งั้นตัดทิ้งก็ได้”ภามว่าขำๆ
   “พี่ให้เวลาภามคิด”
   “ใจดีจัง”
   “แต่ถ้าหากภามยังคิดไม่ได้.......พี่ก็จะไม่กลับไป”คำพูดที่บอกออกไป เพื่อให้ภามได้รับรู้ และใช้บอกตัวผมเอง ว่าผมต้องทำแบบนั้น ใช่.....ถ้าภามไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ ไร้ซึ่งการบังคับอีกแล้ว ผมยอมทุกอย่างแล้ว ยอม.....คนที่ผมรัก
   
   ผมโทรไปสั่งงานแล้วก็บอกคนที่บ้านไว้เรียบร้อยว่าผมอาจต้องอยู่กับภามอีกนาน สั่งไว้ว่าถ้ามีธุระสำคัญเท่านั้นถึงจะขับรถเข้าบริษัท เพราะระยะทางจากนครนายกไปกรุงเทพฯก็ไม่ถือว่าไกลนัก ยังขับไปกลับได้สบายๆ
   หลายวันมานี่คุณพ่อคุณแม่ของภามปฏิบัติต่อผมเหมือนลูกคนหนึ่ง นับว่าท่านทั้งสองเป็นคนที่เปิดกว้างมาก ท่านมีเหตุผลพอที่จะยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น หากแต่ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมกับภามต้องนอนแยกบ้านกันตลอด หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ของภามพาผมเข้าไปกราบคุณยายของภามที่บ้านทรงไทยหลังเล็กที่ปลูกอยู่ใกล้ๆ กัน ท่านดูตกใจในตอนแรกจนผมคิดว่าคงเป็นลมไปแล้ว แต่หลังจากตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ให้ทุกคนออกไปและนั่งคุยอะไรสักอย่างอยู่กับภามสองคน เย็นวันนั้นทุกคนถูกเรียกให้ไปทานอาหารเย็นที่เรือนไทยหลังเล็กรวมทั้งผม และเหตุผลที่ว่าผมยังไม่ทำอะไรให้มันถูกต้อง ภามจึงต้องถูกย้ายมานอนที่เรือนไทยนี้ชั่วคราว ส่วนผมซึ่งเป็นแขกให้พักอยู่บนตึกใหญ่
   วันต่อมาผมถูกปลุกให้ไปที่เรือนไทยตั้งแต่ตีห้า งานมากมายโถมใส่ผมอย่างที่ไม่เคยตั้งตัวมาก่อน ตั้งแต่จ่ายตลาด ก่อเตาไฟ ทำกับข้าว ขัดเครื่องทองเหลือง จนกระทั่งร้อยมาลัย! โดยมีครูพิเศษก็คือคุณยายของภามคอยสอน และผมก็มักจะโดนไม้เรียวฟาดอยู่เสมอๆ ถึงผมจะไม่เข้าใจและไม่เคยถามถึงเหตุผลในสิ่งที่ผมต้องทำ แต่ผมก็ยอมรับมันแต่โดยดี ไม่คิดจะโต้แย้งอะไร คิดดูแล้วก็คงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน มีอะไรทำก็ดีเหมือนกัน เพียงแต่เหนื่อยมากไปหน่อยเท่านั้นเอง.....
   น้องของภามตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแถวๆ ศาลายา ส่วนนายภีมตอนนี้ย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเหมือนกัน จึงดูมีเวลาว่างมาเยาะเย้ยและกวนอารมณ์ผมเหมือนอย่างเคย ไอ้นี่ก็เหมือนกัน หวงน้องอย่างกับอะไรดี ทีหลังๆ มานี่มันไปโน่นมานี่กับตี๋ออกบ่อยผมยังไม่เห็นจะเคยว่าอะไรสักที สุดท้ายก็คงไม่วายเป็นเหมือนผมนี่แหละ แต่ดูท่าเจ้าตัวเองก็คงยังไม่รู้ตัว
   วันที่ห้าของการอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าฝีมือของผมนั้นมีมากพอที่จะทำอะไรบางอย่างแล้ว อะไรบางอย่างที่คุณยายของภามเคยบอกผมเป็นนัยๆ ตั้งแต่วันแรกที่ปลุกผมขึ้นมาทำงานบ้านที่ลูกผู้ชายอย่างผมไม่เคยทำ
   พวงมาลัยสองพวงที่ผมเป็นคนร้อยด้วยตัวเองวางอยู่บนพานธูปเทียนแพสองอัน นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณยายของภามถึงต้องสอนให้คนที่ดูแข็งกระด้างแบบผมร้อยมาลัยด้วย พานอันแรกถูกยื่นไปตรงหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ของภามก่อนที่ผมจะก้มลงกราบท่านทั้งสอง ส่วนอันที่สองถูกวางไว้หน้าคุณยายของภาม เมื่อผมก้มกราบเสร็จก็เห็นท่านยกพวงมาลัยบนธูปเทียนแพไปวางคล้องโถอัฐิทองเหลืองที่อยู่ไม่ไกลกัน ท่านทั้งสามรับไหว้ขอขมาจากผมและลูบศีรษะผมอย่างเอ็นดู ตอนนี้.....ผมคงทำทุกอย่างถูกต้องแล้วสินะ
   “อะไรน่ะภาม?”ผมถามเมื่อเห็นภามลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาไว้ที่กลางห้องรับแขกในเช้าของวันถัดมา
   “กระเป๋าเดินทางไง”ภามว่า
   “จะไปไหนหรือ?”ผมถามงงๆ ในมือก็ถือไม้กวาด กวาดบ้านไปด้วย มาอยู่ที่นี่หลายวันจนทำเป็นกิจวัตรไปแล้ว แปลกดีเหมือนกัน ทั้งชีวิตผมก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่คิดว่าเดี๋ยวนี้จะทำมันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ
   “กลับกรุงเทพฯ”คำพูดของภามทำให้ไม้กวาดในมือร่วงลงพื้นทันที ผมวิ่งเข้าไปหาภามอย่างเร็วที่สุด รอยยิ้มที่มีกว้างจนปิดไม่มิด
   “หมายความว่าภามจะกลับไปอยู่กับพี่แล้วใช่มั้ย”ผมถามรัวเร็ว
   “คิดว่าไงหล่ะ”ภามถามผมยิ้มๆ ช่างเป็นยิ้มที่น่ารักเหลือเกินสำหรับผมในตอนนี้
   “ขอบคุณ...... ขอบคุณ..........” คำเดียว....คำเดียวเท่านั้นที่ผมพร่ำบอกภามได้ในตอนนี้ ในที่สุด เมื่อผมทำทุกสิ่งในทางที่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาในทางที่ดีสินะ ใช่.......ดีจริงๆ........
   บทส่งท้าย
ผมกลับมาอยู่ที่นี่ได้ราวๆ หนึ่งเดือนแล้ว หลังจากคืนนั้นที่ผมเข้าไปคุยกับแม่ในห้องนอน ผมก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ และเช้าวัดถัดมาหลังจากนั้น คำตอบที่ให้กับยอร์ชก็คือการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า.....แล้วกลับมา.......กลับมาบ้านของเรา
   หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์โครงการสร้างโรงปั้นเครื่องปั้นดินเผาเล็กๆ ในบริเวณบ้านต่างจังหวัดของผมก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นด้วยการสนับสนุนจากยอร์ช ผมกับยอร์ชคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านที่นครนายกและกรุงเทพฯ บ่อยจนรู้สึกว่าผมไม่ได้ทิ้งบ้านเกิดที่ผมรักไว้นาน เพราะบางครั้งเราก็กลับไปค้างที่บ้านเก่าหลายวัน
   
   กลับมาอีกครั้ง.....ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเก่า ครั้งล่าสุดที่ผมกลับมาที่นี่ คงเป็นวันรับปริญญาของตัวเอง หอประชุมใหญ่หลังใหม่ทางฝั่งคณะเกษตรถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางฝั่งของคณะผมและวิศวะจึงไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่นัก
   หลังจากผมล่ำลาและส่งน้องรหัสเข้าหอประชุมเพื่อร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้วก็เดินข้ามฝั่งกลับมาที่คณะของตัวเอง ถนนเล็กๆ ที่คั่นกลางคณะสถาปัตย์กับวิศวะยังคงเป็นเหมือนเดิม ผมเดินผ่านตึกภาควิชาของตัวเองที่ตั้งอยู่ริมถนนก็หวนคิดถึงวันเก่าๆ ร้านยูสโตร์ตรงหัวมุมบูธที่เคยมานั่งกินเค้ก มาถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนๆ ตอนสมัยเรียนดูทันสมัยขึ้นกว่าเดิมมาก ตึกใหม่แปดชั้นของคณะวิศวะที่สร้างไว้ตั้งแต่ตอนผมยังเรียนอยู่ตอนนี้สร้างเสร็จแล้ว มันสูงใหญ่จนบดบังความงามของหอประชุมคณะสถาปัตย์ไปจนมองเห็นได้ลำบาก แต่ความงามของตึกจานบินหลังนั้นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่แตกต่างกับก่อนที่ผมจะเรียนจบไป
   ไม่รู้ทำไมขาถึงพาตัวเองก้าวมาถึงที่นี่........ทำไมนะ?
   ผมมองรูปวาดรถยนต์หลากหลายคันบนผนังปูนของช็อปรถ สีของมันซีดลงบ้างตามระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี ผมยืนมองแล้วยิ้มบางๆ ให้กับภาพความทรงจำในอดีต........ ผมในสมัยปีหนึ่งที่เพิ่งทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ คอยวิ่งวุ่นกับถังสีและพู่กัน มองไปในจุดที่เคยยืนอยู่ก็เห็นตัวเองค่อยๆ ระบายสีลงบนล้อแม็กซ์ของรถอย่างตั้งใจ
   ผมพบพี่ป้องครั้งแรกที่นี่.......
   ผมพบเจอมิตรภาพจากทั้งพี่และเพื่อนๆ ที่นี่…..
   และ.....
   ผมได้พบนายยอร์ชอีกครั้ง............ที่นี่
   ผมหลับตาลงปล่อยให้บรรยากาศของวันวานพัดผ่านตัวผม ความรู้สึกเหมือนเป็นเพียงเมื่อวานที่ผมยังเป็นเด็กปีหนึ่งของที่นี่ และความทรงจำของผมจะเก็บไว้ที่นี่.....ไม่หายไปเช่นกัน
   เสียงเกากีตาร์เบาๆ ดังลอยมากับสายลม คงเป็นเด็กแถวนี้นั่งร้องเพลงกัน จริงสินะ ที่ตรงนี้ก็เคยมีคนมานั่งร้องเพลงให้ผมฟังเหมือนกัน......คนที่ผมรักที่สุดในตอนนี้………
   “พี่นั้นเป็นหนุ่มวิดวะ......
น้องหน้ามนคณะอะไร?
ใช่ครุหรือเปล่า?
หรือว่าเป็นถาปัด?
อยู่คณะอะไร?”
เหมือน...........เหมือนเมื่อก่อนจริงๆ แม้กระทั่งเสียงยังเหมือนเขาเลย.....
“พี่เจอเธอก็นานแล้ว.....
และพี่จ้องมองอย่างสนใจ
พี่นั้นแซวเธอบ่อย.......และเธอก็ยิ้มมาให้.........
สุขใจเหลือเกิน.......”
   เหมือน........เหมือนเกินไป….
   “หนุ่มพาวเวอร์หน้าขาว ไม่มีพิษมีภัย โปรดจงเห็นใจกันหน่อย
อย่ามองพวกเราว่าเถื่อน ให้มองพวกเราเป็นเพื่อน เราน่ารักจะตาย.....
พี่เจอเธอก็หลงรัก.......หากน้องหน้ามนลองสนใจ......
หากเหงาขึ้นมาเมื่อไหร่.......ก็มาให้พี่แซวได้.......
หน้าภาคไฟของเรา...............”
   เสียงกีตาร์นั้นค่อยๆ เบาลงและหยุดไป ผมหันกลับมาข้างหลังเพื่อหาที่มาของเสียง และที่เดิม.....ที่ตรงนั้น..........เขายังคงแจ่มชัดในความทรงจำของผมเสมอ…..
   “คิดอะไรอยู่หรือภาม?”นายยอร์ชวางกีตาร์ในมือลงแล้วถามยิ้มๆ ยิ้มเหมือนวันนั้น.....
   “กำลังคิดถึงสมัยปีหนึ่งอยู่น่ะ”ผมเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ เขา บนเก้าอี้ยาวตัวเดิมที่เขาเคยร้องเพลงนี้ให้ผมฟัง
   “ตอนนั้นน่ะภามดื้อที่สุดเลยรู้ไหม พี่รับมือยากจริงๆ”เขาเอนตัวลงพิงพนักแล้วหลับตาลงพูดยิ้มๆ
   “ตอนนั้นภามก็เกลียดยอร์ชเหมือนกัน”ผมพูดเบาๆ หวนคิดไปถึงอดีต
   “อ้าว?”เขาลืมตาขึ้นมาแล้วมองหน้าผม
   “ก็ยอร์ชน่ะเข้าข่ายสิ่งที่ภามไม่ชอบทุกอย่างเลย เป็นเด็กวิศวะที่ขี้เก๊ก อวดดี ป่าเถื่อนแล้วก็ชอบทำอะไรรุนแรง ไม่ให้ไม่ชอบก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
   “อาจจะจริง....แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่คิดว่าภามยังไม่รู้”นายยอร์ชพูด
   “หือ?”
   “เด็กวิดวะน่ะ ถึงจะโหด ถึงจะเถื่อน แต่เวลาได้รักใครแล้วน่ะรักจริงนะ”เสียงหนักแน่นค่อยๆ เอ่ยให้ผมฟังชัดๆ
   “หรออออออออออ....”ผมแกล้งลากเสียงยาว ก็เล่นพูดอย่างนี้ เขินน้อยเสียเมื่อไหร่หล่ะ
   “เอาใหม่.....ให้บอกอีกที”นายยอร์ชลุกขึ้นมานั่งตัวตรงแล้วหันมาโอบผมไว้หลวมๆ
   “อะไร?”ผมถามเมื่อเห็นแววตากรุ้มกริ่มจากเขา
   “เมื่อก่อนภามรู้สึกยังไงกับพี่ ให้ตอบใหม่ เอาดีๆ”เขาพูดเหมือนให้โอกาส
   “เกลียดที่สุด”ผมบอกโดยที่ไม่ต้องคิด เห็นเขาแกล้งทำหน้าสลดเสียงเศร้า
   “ว้า.........”
   “แต่ตอนนี้..............”ผมเว้นระยะไว้จนเขาหันมามอง
   “รัก............ที่สุด”ผมเอียงหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆ ของยอร์ชก่อนที่ความรู้สึกอ่อนโยนจะสัมผัสที่แก้ม
   ไอ้คนคณะข้างๆ ผมนี่มันยุ่งจริงๆ............สาบานได้..............

-           - จบบริบูรณ์ -      -


สุดท้ายนี้แล้ว  ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอด  ขอบคุณทุกคำติชมที่มีให้กับนิยายเรื่องนี้  ถึงแม้เราจะอู้บ้าง เบี้ยวบ้าง  ทุกคนก็ยังไม่ทิ้งกัน  ถ้ามีโอกาสดีๆอีก หวังว่าคงได้เจอกันในโปรเจคพิเศษหรือเรื่องใหม่จ้า   บายยยย

ออฟไลน์ P★RiTŸ

  • he's mine
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-5
:z13:

 :L2: จบแล้ว
ขอบคุณไรเตอร์มากๆนะค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆ
ที่นำมาถ่อยทอดให้เราได้อ่านกัน ไม่รู้ว่าตัวเองเริ่ม
หลงรักตัวละครในเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนไหน
พอมารู้ตัวอีกที ก็ติดหนึบจนถอนตัวไม่ขึ้นซะละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2010 00:42:51 โดย parity_yc »

ออฟไลน์ DRAFT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
มาลงให้ตามสัญญาแล้วนะครับ ^^ หวังว่าตอนจบนี้จะทำให้ทุกคนอมยิ้มได้นะครับ แค่ยิ้มน้อยๆ ผมก็ถือว่านิยายของผมเรื่องนี้ประสบผลสำเร็จมากมายแล้วครับ : )

หลังจากนี้ถ้าหากมีเวลาว่างก็จะพยายามแต่งตอนพิเศษมาให้ได้อ่านกันครับ ถือว่าเป็นการขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มานาน แล้วก็อยากจะขอสำรวจความคิดเห็นของทุกคนตอนนี้เลยนะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่าผมก็อยากจะมีนิยายของตัวเองที่ตีพิมพ์ออกมาเหมือนกัน(แบบว่าอยากเก็บไว้ภูมิใจเล็กๆ 555+) จึงอยากจะถามว่า ถ้าจะมีการรวมเล่มเรื่องนี้จะมีใครสนใจหรือไม่ครับ? ถ้าหากว่ามีคนอยากให้รวมเยอะ  ก็อาจจะได้มีการตีพิมพ์ออกมาครับ(ถ้าไม่มีเดี๋ยวสั่งพิมพ์เล่มเดียว แถวคณะมีร้านพอดี 555)

ขอขอบคุณพี่ tomodaging มากครับ เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสจะได้รวมเล่มจริงๆ ก็จะขอรบกวนแล้วกันนะครับ ดีใจที่มีแฟนคลับใจดีแบบนี้ ต้องขอขอบคุณมากครับ^^

ส่วนเรื่องตอนที่ยอร์ชหายไป ผมคิดว่าน่าจะจัดล็อกของเรื่องให้ไม่สับสนแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนงงๆ อยู่ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาแก้เลยครับ ถ้าหากมีเวลาอีกจะพยายามมาเช็คให้แล้วกันนะครับ  :call:


วันนี้คนลงเพิ่งกลับจากสมุยมาก็ถูกใช้แรงงานเลยเพราะกลัวไม่ทันใจคนอ่าน อาจจะยังไม่ได้จัดหน้าดีเท่าไหร่ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่อาจจะอ่านยากนิดนึง


หวังว่าทุกคนจะมีความสุขไปพร้อมๆ กับภามและนายยอร์ชของเรานะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่เป็นแรงผลักดันให้ทุกตัวละครของผมได้มีโอกาสโลดแล่นผ่านสายตานักอ่านครับ

พบกันใหม่เมื่อเวลาว่างมาถึงครับ^^
: DRAFT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2010 01:22:58 โดย DRAFT »

zemicolon

  • บุคคลทั่วไป
โอ้วน่ารักจริงๆ  อิอิ


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ขอบคุงคับไร้ท์เตอร์

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ทำไมเศร้าจังน้ำตาไหลเลยคะ



ตอนนี้หายแล้ว แฮ๊ปปี้มากๆ ค่ะ 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2010 11:30:43 โดย PEENAT1972 »

ออฟไลน์ j3llnlyza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แฮปปี้เอ็นดิ้งประทับใจมากเลย แอบขำพ่อภามให้ยอมชยิงขาตัวเอง แหม่เกือบเสียขาแล้วไง

ว่าแต่จะมีคู่ ภีม กะ ยอคมั้ยคะอยากอ่านจัง :monkeysad:

lasom

  • บุคคลทั่วไป
:pig2:ต้อนรับกลับบ้าน & :mc4:ฉลองตอนจบ
เรานึกว่าหายไปไหนนานมากๆ อ่านซ้ำไปซ้ำมาระหว่างรอ
จบไปหลายรอบ ถึงจะโหดจะเถื่อนแต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี
 o13 o13 o13
รอตอนพิเศษอยู่จ้า ( :laugh:ตอนจบยังเพิ่งมายังกล้าขอตอนพิเศษอีกซะงั้น)
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
รอคอยมาตั้งนานสุดท้ายก็สมหวัง

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
กว่าจะลงเอยได้
ลุ้น เหนื่อย

panuwattew

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4:  มีความสุขจิง ๆๆ

ว่าแต่มีภาค 2 ป่าว

Jeeo

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคร๊าบ ที่มาต่อตอนจบให้

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ยินดีกับการจบลงอย่างมีความสุขค่ะ
เป็นเรื่องเครียดๆๆๆๆๆ แ่ต่มาจบซะแบบหวานหยดเลยทีเดียว
ขอบคุณสำหรับการเขียนเรื่องสนุกๆ ให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
:กอด1: กอดให้หายคิดถึงค่ะ...
จบแล้วเนอะ...แต่ก็ได้อะไรหลายๆอย่าง ทั้งรอยยิ้มแล้วก็ความเศร้าบ้างอะไรบ้างจากเรื่องนี้
น่ารักมากค่ะ ดีใจที่ความรักของทั้งสองคนลงตัวแล้วก็ลงเอยได้ในที่สุด ^ ^
ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนโพสท์ที่นำเรื่องดีๆมาให้อ่านกันด้วยนะคะ  :L2:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ต๊าย ย เกือบจะพลาดเรื่องนี้ไป
ภีมกะตี๋ไม่เคลียร์นะค่ะ
ขอตอนพิเศษบ้างไรบ้าง 55 5

รวมเล่มก็ดีนะค่ะ

Mercy

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ...

ชอบเรื่องนี้มากๆ เลย...

จบด้วยความอบอุ่น และอิ่มเอมใจ

ภามน่ารักมากๆๆ พี่ยอชน์ ก็ดูเป็นสามีที่อยู่ในโอวาทดีเนอะ...


รอตอนพิเศษนะคะ :กอด1:

nine-poo

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งจัง
จบแบบนี้คนอ่านมีความสุข

ขอบคุณไรเตอร์มากๆ น๊า  (ตอนแรกนึกว่าจะดองข้ามปีซะล่ะ :laugh:)
 :L2: :L2: :L2:





ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
รวมเล่มก็ดีนะ เค้าชอบเรื่องนี้มากๆอ่ะ
ปล.ตอนสุดท้ายไม่รุ้เพราะไม่ได้อ่านนานรึเปล่า แต่ดูบรรยากาศ บุคลิกของภามดูเปลี่ยนไปมากอ่ะ

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
จบซะแล้ว ต่อไปคงคิดถึงภามแย่เลย  :sad4:
อิอิ จบได้น่าประทับใจมากมายค่า นี่สินะ แฮปปี้เอน จริงๆ 55+  :man1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด