ตอนที่ 13
“เล่ามาเลยนะภาม ไปทำยังไงถึงได้หนุ่มหล่อมาตามติดแจแบบนี้”น้ำ บัดดี้ผมรีบเข้ามากระแซะทำตาวิบๆ หลังจากนายยอร์ชอาสาวิ่งเอาแปรงทาสีทั้งหมดไปล้างให้ เพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้ามาร่วมวงด้วย
“จะไปทำอะไรหล่ะ เราก็อยู่เฉยๆ”ผมตอบเลี่ยงๆ
“แต่ที่ชั้นเห็นพี่เค้าอยู่ในโอวาทแกจังนะภาม ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีอะไร”แจน เจ้าแม่นิยายวายประจำรุ่นยิงคำถามตรงๆ จนผมอยากจะหนีออกมาจากตรงนั้นไวๆ
“ว่ายังไง”แจนยังอยากรู้ไม่เลิก
“เออ เราลืมไปว่าพี่ป้องเรียกไปคุยในช็อปหลังทำงานเสร็จ เดี๋ยวเราไปก่อนแล้วกันนะ”ผมรีบเดินหนีออกมาทันทีเพราะไม่อยากตอบคำถามที่คิดว่าโกหกได้ยากสำหรับเจ้าแม่วายคนนี้
“เชื่อฟังกันแบบนี้ยังไงก็รักพี่เขาให้มากๆ หน่อยหล่ะ”ยัยแจนตะโกนตามหลัง
“ดีใจด้วยนะภาม เจอคู่ชีวิตซะที ฮ่าๆๆๆๆ”บัดดี้ผมเจริญพรไล่ตามมาพร้อมเสียงแซวจากเพื่อนๆ คนอื่นในกลุ่ม
ผมเดินหน้าร้อนผ่าวๆ เข้ามาเอาของที่วางไว้ในช็อปเพื่อที่จะกลับหอก็เจอพี่ป้องอยู่ด้านใน
“ยอร์ชหล่ะภาม มันไปไหนแล้ว”พี่ป้องเงยหน้าจากชิ้นส่วนรถขึ้นมาถามผม
“ล้างแปรงทาสีอยู่พี่ พี่มีอะไรกับเค้าเปล่า เดี๋ยวภามเรียกให้”ผมตอบ
“เปล่า ว่าแต่ภามไปเสกอะไรใส่มันเข้าถึงได้ว่าง่ายแบบนั้น”พี่ป้องถามต่อ
“ที่พี่ว่าว่าง่ายนี่คืออะไรอ่ะ”
“ยอร์ชมันเชื่อภามทุกอย่างเลย บอกให้หันซ้ายมันก็หัน บอกให้หันขวามันก็หัน”
“แปลกหรอพี่?”ผมถามงงๆ
“แปลกสิ ปกติยอร์ชมันเคยเชื่อใครที่ไหนหล่ะ ยิ่งเวลามันโมโหนะ ไม่มีใครห้ามมันได้หรอก ไม่งั้นเมื่อเย็นพี่ก็เข้าไปห้ามมันแล้ว”พี่ป้องว่า
ผมเงียบ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
“ยอร์ชมันคงเห็นภามเป็นคนสำคัญของมันถึงได้ยอมภามขนาดนี้ ถ้าเป็นภามพี่ก็หายห่วง ยังไงพี่ฝากมันด้วยแล้วกัน”พี่ป้องยิ้มแล้วฝากฝังนายยอร์ชกับผมซะดิบดี
“เฮ้ย! ทำไมพี่พูดแบบนั้นอะ”ผมหน้าเหวอ
“ภามดูไม่ออกจริงๆ หรอว่ายอร์ชมันคิดยังไงกับภาม”พี่ป้องบอกแล้วมองเลยไปข้างหลังผม
“ภามๆ นี่ พี่ล้างแปรงเสร็จหมดแล้ว เป็นไงสะอาดมั้ย”หมดกันไอ้ท่าทางกร่างคับคณะเมื่อเย็น นี่มันอารมณ์เด็กผีชัดๆ
“ทำไม พี่ล้างไม่สะอาดหรอ ขมวดคิ้วทำไม”นายยอร์ชโหมดใหม่ที่ผมเพิ่งเคยเห็นถามซ้ำ
“สะอาดๆ เอาไปเก็บตรงโน้นให้ที”ผมชี้ไปที่มุมห้อง เขาก็เดินไปเก็บอย่างว่าง่าย
“เห็นไหมหล่ะ”พี่ป้องพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“ไปภาม กลับกัน”นายยอร์ชที่เก็บของเรียบร้อยเดินมาดึงแขนผมให้ออกไปด้วยกัน นี่ไม่คิดจะลาเพื่อนกันเลยเรอะ
“จะกลับก็กลับไปสิ กลับเองได้”ผมปฏิเสธเขา
“ไม่เอา พี่ง้อภามมาตั้งแต่เย็นจนเหนื่อยแล้วนะ ถ้านานกว่านี้เดี๋ยวกลับโหมดเดิมนะ”น้ำเสียงนายยอร์ชเริ่มเข้มขึ้นต่างจากเสียงเด็กผีเมื่อครู่ ผมมองหน้าพี่ป้องก็เห็นเขาอมยิ้มแล้วพยักหน้าให้เบาๆ
“อืม”ผมตอบเพราะไม่อยากต่อความอีก อีกอย่างก็ไม่อยากให้ไอ้คนข้างๆ นี่กลับมาโหมดโหดเหมือนเดิมด้วยเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเขาเป็นบ้าขึ้นมาอีกผมจะโชคดีเหมือนเมื่อเย็นไหม ในที่สุดผมก็โดนลากออกไปจนได้
หลายวันมานี้ผมรู้สึกถึงความปั่นป่วนที่เกิดกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก พูดให้ตรงๆ แล้วคงจะเป็นความสับสนมากกว่า แล้วคนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น...นายยอร์ชตัวแสบนั่นแหละ ผมไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการอะไรจากผม ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนเจอกันใหม่ๆ ทำท่าว่าเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะเจอกันด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้เขากลับทำหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่ทำให้ผมรู้สึกดีอยากบอกไม่ถูก และนี่ก็เป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้ผมคิดไม่ตกแบบนี้ ตลอดหลายวันหลังจากเรื่องคราวก่อนนายยอร์ชก็คอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ผมาชนิดที่ว่าไม่ปล่อยให้ห่างตัวถ้าไม่จำเป็น เจอพี่ เจอเพื่อนของผมที่เป็นผู้ชายเข้ามาคุยด้วยก็ตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่ชาวบ้านเค้าลูกเดียว วันดีคืนดีก็ขนข้าวขนของมาขอร้องแกมบังคับนอนที่ห้องผมแล้วก็ไม่วายมือไม้ไม่เป็นสุขตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่แปลกเท่าการที่ผมเริ่มรู้สึกรำคาญน้อยลงและไม่ไล่เขาอย่างไม่ไยดีเหมือนเมื่อก่อน
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่พวกผมมาเพ้นท์ผนังที่ช็อปรถทางฝั่งวิศวะเพราะพรุ่งนี้ก็เป็นกำหนดส่งแล้วหลังจากที่อาจารย์ให้เวลาพวกเรามาหนึ่งเดือนเต็มๆ นายยอร์ชที่หน้าด้านหน้าทนกับการไล่เตลิดเปิดเปิงของผมนั่งหน้าเข้มอยู่ข้างๆ กำลังแกะช็อกโกแล็ตเฟอเรโร่ลูกที่สี่ให้ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ นี่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอีกอย่าง หลังจากเราเริ่มทะเลาะกันน้อยลงนายยอร์ชก็ดูจะเรียนรู้นิสัยจากการนัวเนียอยู่ใกล้ๆ ผมมากขึ้น จากนั้นไม่ว่าผมจะชอบหรือไม่ชอบอะไรเขาก็จะรู้หมดเหมือนมีกุมารทองและสรรหาทุกสิ่งทุกอย่างมาให้แบบชนิดที่ถ้าผมเป็นแฟนกับเขาคงเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
“แหม หวานจังเลยนะคะพี่ยอร์ช ป้อนจนภามจะเบื่ออยู่แล้ว”แจนที่เก็บรายละเอียดท้ายรถอยู่หันมาแซวให้ผมร้อนๆ หนาวๆ
“อร่อยดีนะน้องแจน ลองชิมดูสิ พี่ซื้อมาเผื่อพวกเราด้วย คิดว่าน่าจะชอบ”ตัวต้นเรื่องยังหันไปทำหน้าหล่อใจดีแบ่งขนมให้
“อ่า...ขอบคุณค่ะพี่ แหมๆ มีพี่เขยดีแบบนี่สงสัยต้องเชียร์ให้สุดใจ เพื่อนเราอิ่มใจแถมเรายังอิ่มท้องอีกต่างหาก”น้ำพูดแล้วหัวเราะ นายยอร์ชก็ดีเหลือเกินไม่ปฏิเสธซักคำแถมยังมีหยอดต่อ
“พี่น่ะเป็นแฟนภามตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ภามจะยอมเป็นแฟนพี่ซะที”เท่านั้นแหละทั้งไอ้เพื่อนกลุ่มผม ไอ้เพื่อนกลุ่มข้างๆ หันมาโห่ฮาป่าแตกกันยกใหญ่ ผมรู้สึกเขินอย่างประหลาด ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แต่จะทำอะไรมากก็ไม่ได้เพราะกลัวเป็นที่สังเกต แต่เฮ้ย! นี่เมื่อกี้ผมเขินงั้นหรอ ผมเขินเนี่ยนะ! เพราะไอ้ความรู้สึกนี้ ผมจะปฏิเสธมันออกไปก็คงไม่ได้ สงสัยต้องให้เวลาตัวเองทบทวนเรื่องบางอย่างอีกทีแล้วกระมัง...
ผมนั่งเช็คเมลล์อยู่ที่โต๊ะทำงานตอนใกล้ๆ เที่ยงคืน หูก็ฟังเสียงน้ำในห้องน้ำไหลดังซ่าๆ ซักพักแทนที่จะเป็นจอคอมแต่ผมดันเลื่อนสายตามามองที่กรอบรูปกระจกที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ จอแทน ตั้งแต่วันนั้นมารูปที่ใส่อยู่ในกรอบนี้ก็ยังเป็นรูปใบเดิม ไอ้หนุ่มหน้าหล่อที่ยืนล้วงกระเป๋าสวมเชิ้ตสีขาวนี่ก็ทำให้ผมใจเต้นแปลกๆ อย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ไม่ใช่ไม่เปลี่ยนเพราะกลัวคำขู่ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผมอยากให้รูปใบนี้ยังคงอยู่ในกรอบอันนี้ และตั้งอยู่ตรงนี้ต่อไป เสียงประตูห้องอาบน้ำเปิดออกและตามมาด้วยเสียงพูดด้านหลัง
“เอาไว้เดี๋ยวถ่ายรูปคู่กันเมื่อไหร่ค่อยเอามาเปลี่ยน ตอนนี้เอาไว้อย่างนี้ก่อน”ผมหันไปก็เห็นนายยอร์ชยืนเปลือยอกขาวๆ ที่มีมัดกล้ามเรียงสวยกระชากใจสาวๆ ด้านล่างพันไว้ด้วยผ้าขนหนูสีขาวลวกๆ หยดน้ำยังเกาะตามตัวแพรวพราว เขายิ้มๆ แล้วยืนเช็ดผมให้แห้ง
“ไปเช็ดตัวดีๆ เลย เดี๋ยวพื้นเปียก”ผมดุเสียงสั่นๆ หน้าร้อนๆ แล้วหันมาสนใจกับคอมต่อ ไม่นานนักไอ้ตัวกวนเมื่อครู่ก็นอนร้องเรียกผมเหยงๆ อยู่บนเตียงบอกให้ขึ้นไปหาได้แล้ว ดึกแล้ว ผมที่ปกตินอนตีสองตีสามจนเป็นนิสัยยังไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่แต่เสร็จงานแล้วเลยปิดคอมขึ้นไปนอนดูทีวีบนเตียง ไม่ทันถึงสองนาทีดีคนปัญหามากก็กระแซะๆ เข้ามาเอาหัวหนุนตักผมที่นอนพิงหัวเตียงดูทีวีอยู่
“อะไร”ผมถาม สายตายังคงสนใจกับทีวีแต่ก็ไม่ไล่เขาลง
“อยากนอนหนุนตักเมีย”เขาพูดสั้นๆ แต่กวนได้ใจ
“อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ เดี๋ยวก็ไม่ต้องนอนที่นี่หรอกคืนนี้”ผมหน้าร้อนวูบกับคำพูดของเขา แต่ยังค้นหาเหตุผลที่เป็นแบบนี้ไม่ได้ ปากเลยต้องเอ่ยปกปิดความรู้สึกออกไปก่อน
นายยอร์ชนอนเงียบไปสักพักจนผมคิดว่าเขาหลับไปแล้ว แต่อยู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นมา
“ภาม... ถามจริงๆ พี่อยู่ใกล้ๆ กับภาม เจอกับภามมาก็หลายเดือนแล้ว นับวันที่พี่ยิ่งอยู่ใกล้ภาม จากแรกๆ ที่หมั่นเขี้ยว กลายเป็นชอบ แล้วตอนนี้ยิ่งรักมากขึ้นทุกๆ วัน ภามรู้สึกว่าภามเองรักพี่บ้างหรือเปล่า”เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมทั้งๆ ที่ยังนอนหนุนตักอยู่อย่างเดิม ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนต้องหลบตาเขา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยที่จะพูดกับผมจริงจังขนาดนี้ และเพราะประโยคนี้เองทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนั้นมันเป็นเพราะอะไร รักหรือ? ระยะหลังๆ ที่ผมรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เขา ไม่รู้สึกรังเกียจที่จะให้เขามานอนค้างที่ห้อง รวมถึงรู้สึกแปลกๆ เวลามีคนหน้าตาดีๆ เข้าหาเขาแบบจงให้ให้เห็นว่าเกินเพื่อน นี่หรือเปล่าอาการของคนที่มีความรัก?
“ผมยังไม่แห้งดีแน่ะ”ผมเลี่ยงที่จะตอบเพราะความสับสนในใจ คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กข้างเตียงมาค่อยๆ เช็ดผมให้เขา ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรผมต่อ ผมนั่งเช็ดผมให้นายยอร์ชไปเรื่อยๆ สายตาก็มองทีวีที่เปิดไว้ด้วยความว่างเปล่าลอยไปไกลเพราะสมองก็คิดหาคำตอบสำหรับคำถามเมื่อครู่อยู่
“ฉันรู้ตัวว่าแปลก ที่เพิ่งมาหวั่นไหว ไม่เคยเป็นกับใครเป็นกับเธอคนนี้...รับเป็นเรื่องที่แปลก กี่พันทฤษฎี กฎเกณฑ์ไหนที่มีไม่ทำให้เข้าใจ...”เสียงเพลงประกอบละครของช่องหลายสีที่ผมเปิดทิ้งไว้ดังเข้าโสตประสาท ผมหยุดมือที่เช็ดผมให้คนที่นอนเพลินในตอนนี้ ความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในใจของผม ความรู้สึกที่เหมือนจะเจอคำตอบของคำถามที่ได้รับ บางทีสิ่งที่ผมกำลังตามหา อาจจะไม่ต้องใช้ทฤษฎีที่มีอยู่บนโลกนี้เพื่อหาคำตอบของมันก็ได้
“เพิ่งได้รู้จักรักเมื่อได้รู้จักเธอ...เกิดมาเพิ่งได้เจอคนอย่างเธอคนนี้...”ผมก้มลงมองหน้าคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัก
“เพิ่งได้รู้จักรักฉันว่ามันดี๊ดี...เห็นหน้าเธอทุกทีอยากจะมีหวานใจ...ที่น่ารักอย่างเธอ”ผมได้คำตอบแล้ว คำตอบสำหรับสิ่งที่ผู้ชายบนตักผมถามเมื่อครู่นี้ คำตอบที่ผมเองก็ค้นหาเพื่อที่จะตอบตัวเองมานานนับเดือน และผมกำลังจะบอกให้เขาได้รู้…
“ผมแห้งแล้วหรอ หยุดทำไม กำลังเพลินเลย”นายยอร์ลืมตาขึ้นมาถามผม อมยิ้มน้อยๆ น่ารัก
“ยอร์ช...ภามคิดว่าภามรู้คำตอบแล้ว”ผมยิ้มให้เขาแบบที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน และคำพูดแทนตัวเองของผมที่ใช้กับเขาในตอนนี้ทำให้เขาตาโตเหมือนคนตกใจ
“ภาม...คำตอบอะไร”เขาทำหน้าลุ้นระลึกกับสิ่งที่ผมกำลังจะบอก
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มให้และโน้มใบหน้าลงไปหาเขาพร้อมกับกดจมูกและปากลงบนแก้มเขาแรงๆ พอเงยหน้าขึ้นมาใหม่ก็เห็นคนหนุนตักนอนแน่นิ่ง หน้าแดงแปร๊ดเหมือนคนไม่สบาย ตาโตเหมือนช็อคกับอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็กระเด้งตัวลุกขึ้นมาจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แล้วถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“ภามหมายความว่า...”
“อืม...คิดเหมือนกัน”ผมตอบเขาสั้นๆ แต่คิดว่าคงได้ใจความโดยไม่ต้องพูดให้ยาวกว่านี้....
To be continued
________________________________________________
อ่า คราวนี้มีคนเข้าแถวรอตอนต่อไปเยอะจัง เป็นเพราะคนบางคนมันทำตัวดีขึ้นรึเปล่านะ อิอิ
ตอนหน้าจะมีตัวละครใหม่เข้ามาแล้วนะจ้ะ จะเป็นใคร? คู่ใหม่รึเปล่า? ต้องไปติดตามกันเองน้า
ปล. ขอบคุณเพื่อนพี่น้องร่วมสถาบันที่เข้ามาทักทายกันอย่างล้นหลามด้วยนะคะ แหม บอร์ดนี้ม.เราอยู่กันเยอะจริง ฮ่าๆ
และต้องขอขอบคุณมิตรรักแฟนฟิคทุกท่านด้วย