มาต่อแล้วจ้า ป้าใจเย็นๆนะ 555
เห็นมารอหลายรอบเลย
_____________________________________
ตอนที่ 22
“บ้า! บอสจะลงมาทำไมวันนี้!”อีกเสียงหนึ่งตะโกนกลับ
“บอสมาจริงๆ!”
“ไหน!!!”ทุกคนรีบหันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะแตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง ที่หน้าประตูกระจก นายยอร์ชในชุดสูทสีดำยืนขมวดคิ้วหน้าตาย มีนายคนที่ชื่อทัพยืนเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ
“พวกนายทำอะไรคุณภาม!”เสียงดุๆ ดังขึ้นทันทีหลังจากความเงียบเข้ามา
“คุณภาม?”พี่แอ้มทวนคำพูดงงๆ
“เออ! ฉันถามว่าเมื่อกี้พวกนายทำอะไรคุณภาม!”เขายังกอดอกทำหน้าดุ
“เปล่านี่ครับบอส พวกเราก็แค่คุยกับน้องใหม่”พี่แอ้มตอบขำๆ ไม่ได้มีความกลัวไอ้บอสหน้าเหี้ยมนี่เลย
“ก็ฉันเห็นพวกนายรุมจับโน่นจับนี่คุณ....”เขาเงียบเสียงไปก่อนจะพูดใหม่เมื่อนายทัพที่ยืนอยู่ข้างๆ เดินเข้ามากระซิบอะไรสักอย่าง “ก็ฉันเห็นพวกนายรุมกันจับโน่นจับนี่ภามกันใหญ่ จะไม่มีอะไรได้ไง!”
“โธ่! บอสคะ....เราแค่จะชวนน้องภามไปกินข้าวด้วยกัน บอสอ่ะ! หวงเด็กใหม่จัง ไปรู้จักกันตอนไหนเนี่ย”พี่ผู้หญิงอีกคนถามนายยอร์ชอย่างไม่ได้มีความกลัวเกรง สงสัยบอสกับไอ้ลูกน้องแผนกนี้มันจะสนิทกันจริงๆ
“ไม่รู้หล่ะ! ต่อไปฉันห้ามพวกนายแตะเนื้อต้องตัวภามแบบนั้นอีก!”สิ้นคำพูดพนักงานคนอื่นก็เริ่มประท้วงทันที
“บอสหวงภามมากเกินไปไหมเนี่ย!”พี่แอ้มหน่วยกล้าตายถามขึ้นมาท่ามกลางเสียงโอดครวญว่าไม่ยุติธรรม
“ไอ้แอ้ม! จะไม่ให้หวงได้ไง! ก็นี่มัน….”เสียงนายยอร์ชเงียบหายไปเนื่องจากโดนคนที่เคยยืนอยู่ข้างๆ กระโจนเข้ามาปิดปาก
“อะไรครับบอส?”พี่แอ้มถาม แต่คนที่ตอบกลับเป็นนายทัพที่กำลังปราบพยศนายยอร์ชแทน
“คุณชายจะบอกว่าคุณภามเป็นพนักงานคนหนึ่งของคุณชาย จึงต้องห่วงสวัสดิภาพกันเป็นธรรมดาน่ะครับ”
“อ๋อ....”เสียงโล่งใจดังประสานกันจากคนทั้งห้อง
“ถ้าเข้าใจกันแล้วก็ไปพักกันได้แล้ว ส่วนภามมานี่!”นายยอร์ชยังตีหน้าดุเรียกผมให้เข้าไปหา
“ผมต้องไปทานข้าวกับพี่เอกครับ ขอโทษด้วย”ต่อหน้าพนักงานคนอื่นก็ต้องพูดให้เรียบร้อยหน่อย
“บอกให้มาก็มาเถอะน่า!”ไอ้บอสตัวดียังไม่หยุดเอาแต่ใจ
“ไม่ไปครับ”ผมบอกนิ่งๆ ก่อนจะลุกเดินไปทางพี่เอก “ไปทานข้าวกันดีกว่าครับ”ผมบอกพี่เอกแล้วดึงแขนให้เดินไปด้วยกัน พี่เอกก็ได้แต่เดินตามมางงๆ
“นี่พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม! ต้องให้ไปลากมาใช่ไหม!!!”นายยอร์ชเริ่มเสียงดังแล้วเดินปรี่เข้ามาหาผม
“หยุดเลยนะ! ออกไปห่างๆ เลย!”ผมห้ามไม่ให้เขาเข้ามาหาด้วยความลืมตัว
“ภามห้ามพี่ไม่ได้หรอก!”นายยอร์ชยังคงเดินดุ่มๆ หลบหลีกกองงานต่างๆ เข้ามาด้วยใบหน้าเอาจริงเอาจัง แต่สวรรค์ยังมีตาส่งนายทัพเข้ามารั้งตัวเขาไว้ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ผมไปมากกว่านี้
“คุณชายเข้าใกล้คุณภามไม่ได้นะครับ! ถ้าคุณผู้ชายรู้เดี๋ยวจะเป็นเรื่องอีก”นายทัพพูดด้วยเสียงที่พยายามทำให้เบา แต่ในห้องที่เงียบแบบนี้ทำให้คำพูดนั้นถูกได้ยินเกือบหมด ใบหน้าที่งงอยู่แล้วของคนในห้องกลับงงเข้าไปใหญ่
....งงกับคำพูดของเจ้านาย
....งงกับการไล่เจ้านายของเด็กใหม่
....งงกับประโยคห้ามแปลกๆ ของคนติดตามเจ้านาย
จะมีอะไรที่น่างงไปกว่านี้อีกไหม?
“ปล่อย! ไอ้ทัพ! ไม่ต้องมาห้าม!”นายยอร์ชพยายามสะบัดแขนที่ถูกฉวยไว้ออก
“คุณชาย! เข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้วครับ!”นายทัพกระโดดกอดนายยอร์ชเรียบร้อยแล้ว!
“ไอ้ทัพ! แกเป็นลูกน้องฉันนะโว้ย!”นายยอร์ชสะบัดตัวจากการเกาะกุม ปากก็ด่าคนที่กอดตัวเองไว้แน่นปานรักกันเต็มที่
“เพราะเป็นลูกน้องคุณชายนี่แหละครับถึงต้องห้าม! ไม่อย่างนั้นคุณชายต้องเดินมาทำงานจริงๆ นะครับ!”นายทัพบอกเสียงหอบๆ คงจะเหนื่อยจากการจับหมาบ้า ผมนี่ก็ชั่วนะ....นั่งดูอยู่ที่เดิมเฉยๆ แทนที่จะลุกหนีออกให้ห่างกว่านี้อีกหน่อย....
“พวกคุณช่วยพาคุณภามออกไปด้วยครับ อย่าให้คุณชายเข้าใกล้คุณภามนะครับ!”นายทัพเริ่มขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นว่าจะรั้งนายยอร์ชได้อีกไม่นาน ไอ้พี่แอ้มที่ได้สติคนแรกรีบมาลากผมที่นั่งอยู่ออกไป ในไม่ช้าผมก็ถูกพามาที่โรงอาหารของบริษัท มีพี่ๆ คนอื่นๆ รีบตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
และแล้วมื้อกลางวันวันนี้ผมก็ตกเป็นจำเลยของพี่ๆ ทั้งแผนก ผมพยายามเล่าเฉพาะในเรื่องที่เล่าได้ แน่นอนว่ายังไม่มีใครรู้ว่าผมกับนายยอร์ชเคยมีความสัมพันธ์กันแบบไหน บางเรื่องที่ไม่ควรเล่าผมก็เงียบแล้วทำเพียงแค่ยิ้ม ซึ่งพี่ๆ ก็ไม่ติดใจจะถามอะไรต่อ หลังจากเล่าความโหดร้ายของนายยอร์ชพอหอมปากหอมคอแล้วพี่ๆ ทุกคนก็แปรพรรคมาอยู่ข้างผมทันที พวกพี่ผู้หญิงเอาแต่บ่นว่าบอสใจร้ายๆ ส่วนผู้ชายก็ตีอกชกลมกันไปตามเรื่อง เพราะทำอะไรเจ้านายไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่พี่แอ้ม จะมีที่สงบหน่อยก็ดูจะเป็นพี่เอก ซึ่งพี่เอกก็สอนการวางตัวที่ดีสำหรับการทำงานให้ผมได้รู้ ผมรู้สึกดีจริงๆ กับบรรดาเพื่อนร่วมงานที่ได้พบกันเพียงวันแรก.....แม้จะเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าข้างผมกันหมดแล้ว ดูท่าว่าคำว่าครอบครัวที่พี่เอกบอกผมในตอนแรกของการพาดูการทำงานในแผนกจะไม่มากไปเลยจริงๆ.....
“ไอ้พวกนี้มันอะไร!!!”เสียงตะโกนอย่างเดือดดาลของนายยอร์ชดังอยู่หน้าแผนกในตอนสายของวันถัดมา ผมเงยหน้าจากจอคอมไปมองเขาเพียงชั่วครู่ก็กลับมาสนใจงานต่อเหมือนเดิม
ผมไม่ได้นึกสงสัยเลยว่าทำไมเขาจะต้องโมโหขนาดนั้น เพราะเมื่อผมเข้ามาทำงานในตอนเช้า สิ่งแรกที่เห็นได้สะดุดตาเลยก็คือเชือกสีแดงที่ผูกกั้นพื้นที่หน้าแผนกไว้ ตรงกลางของเส้นเชือกมีป้ายที่เขียนด้วยลายมือตัวโตๆ ว่า “เขตปลอดบอส!” ข้างใต้มีรูปที่วาดด้วยปากกาม้าเป็นรูปใบหน้าของนายยอร์ชในวงกลม มีเส้นคาดเฉียงทับอีกที....เออแฮะ! ไม่เสียแรงที่เป็นดีไซเนอร์ ฝีมือดีเหมือนกันนี่นา....
ผมยืนงงอยู่หน้าแผนกได้ไม่นานนักพี่แอ้มกับพี่คนอื่นๆ ก็รีบมาพาผมลอดใต้เส้นเชือกเข้าไปแล้วบ่นถึงบอสตัวดีพอเป็นกระษัยนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน พอผมถามหาพี่เอกก็ไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงเสียงหัวเราะแหะๆ จากพี่ๆ ตอบกลับมา
“พี่เอกอยู่ไหน!!! ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเลย!”นายยอร์ชหน้าบูดเต็มที่ ดูท่าว่าตอนนี้เขาสามารถจะกระโจนกัดทุกคนที่เดินผ่านหน้าได้
“ผู้จัดการพี่เอกเพิ่งออกมาขอยาแก้ปวดแล้วบอกว่าไม่อยากพบใครค่ะ”พี่จูนตอบ ตอนนี้ผมรู้จักพี่ๆ ทุกคนในแผนกแล้ว
“ไอ้แอ้ม! แกใช่ไหมที่เป็นตัวนำ!”ตัวการของเรื่องสะดุ้งโหยง ถึงแม้จะดูเป็นนักเลงไปหน่อยแต่ก็ยังกลัวเจ้านายนิดๆ ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไป
“เปล่านะครับบอส ผมไม่รู้เรื่องจริงจริ๊ง!”
“อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ! มาเอาไอ้เชือกบ้านี่ออกไปให้พ้นๆ เลย!”เขาตวาดพี่แอ้ม
“ไม่ได้นะคะบอส! ยังไงบอสก็ห้ามเข้ามาใกล้น้องภามค่ะ! เรารู้หมดแล้วนะคะว่าบอสเคยทำอะไรกับน้องภามไว้บ้าง!”พี่รัตรีบช่วยอีกแรง
“ฉันไปทำอะไรเขา!”นายยอร์ชดูท่าจะโมโหมากขึ้นทุกที ใบหน้าเริ่มแดงแล้ว
“บอสคอยแกล้งน้องภามมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว นี่ยังจะมาบังคับน้องภามอีกหรือครับ!”พี่โชคเริ่มเอาบ้าง
“นี่น่ะนะที่พวกนายบอกว่ารู้หมดแล้ว! หา!!!”
“ก็ใช่น่ะสิคะ! เพราะฉะนั้น บอสเข้ามาไม่ได้ค่ะ พวกเราขอยืนยัน!”พี่ปลาพูดดูเป็นการเป็นงาน
“ถ้าพวกนายคิดว่าไอ้เชือกบ้าๆ นี่มันจะขวางฉันได้หล่ะก็....คิดผิด!”ไอ้บอสตัวดีเดินปึงปังเข้ามากระชากเชือกทีเดียวขาดลงพื้นแล้วตรงดิ่งเข้ามาอย่างไม่ไว้หน้าใคร พวกพี่ๆ ดูตกใจแต่ก็รีบไปยืนขวางข้างหน้าผมไว้.....แหม.....ดูเว่อร์ไปนิดแต่ก็ซึ้งใจจริงๆ
“นี่พวกนายจะหาเรื่องให้ได้เลยใช่ไหม!”นายยอร์ชตะโกนเสียงดังเมื่อโดนกำแพงมนุษย์ขวางอีกครั้ง
“บอสเข้ามาไม่ได้นะครับ! ไม่งั้นผมฟ้องท่านประธานจริงๆ ด้วย น้องภามเล่าให้เราฟังแล้วว่าท่านประธานสั่งอะไรไว้บ้าง!”พี่แอ้มนี่มันกล้าจริงๆ ยกโทษเรื่องที่แอบโมโหเมื่อวานให้ก็ได้
“อ๋อ! เดี๋ยวนี้หัวหมอนะภาม!”นายยอร์ชมองมาที่ผมอย่างคาดโทษ ผมทำได้แค่เสมองไปทางอื่น ไม่อยากจะมองหน้าเขาให้เสียสายตา
“จะเอายังไงครับบอส?”พี่แอ้มถามอีกครั้ง
“แล้วถ้าฉันจะเข้าไปหล่ะ?”เขาถามด้วยความหงุดหงิด
“เราจะฟ้องท่านประธาน!!!”ทุกคนประสานเสียงพร้อมกัน ฟังดูไพเราะที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา มิตรภาพมันดีแบบนี้นี่เอง....
“เออ! แล้วจะได้เห็นดีกัน!!!”นายยอร์ชชี้หน้าพวกพี่แอ้ม คาดโทษไว้ก่อนที่จะเดินไม่สบอารมณ์ออกไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะกล่าวขอบคุณพวกพี่ๆ อย่างจริงใจ บางทีในความโชคร้าย...คนเราก็อาจจะพบสิ่งดีๆ ได้โดยไม่คาดคิด อย่างที่ผมกำลังประสบอยู่กับตัวเองในตอนนี้...........
To Be Continued
_______________________________
มีข่าวร้ายจะมาบอกแหละ
ว่านี่คือ...........
ตอนสุดท้ายที่มีในสต้อกแล้ว
อิคนเขียนมันไม่ยอมแต่งต่อซะที ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้อ่านตอนต่อไป
ก็ช่วยๆกันด่ามันให้เขียนต่อกันเอานะจ้ะ 55