ตอนที่ 24
“อีกแล้วพี่แอ้ม”ผมว่ายิ้มๆ เมื่อคนตัวโตกว่าเข้ามาคว้ากระเป๋าสำหรับใส่ของมาทำงานของผมไปเหมือนที่เคยทำในหลายๆ วันที่ผ่านมา หลังจากที่พี่แอ้มประกาศตัวจะจีบผมอย่างจริงจังในวันนั้น การกระทำทุกอย่างที่ดูจะเป็นการเอาใจผมถูกระทำโดยเปิดเผยและชัดเจนมากขึ้น
“ยิ้มอย่างนี้ก็แสดงว่าไม่ได้รำคาญใช่ไหมล่ะ?”พี่แอ้มอมยิ้มน่ารักเมื่อเห็นผมไม่ได้ว่าอะไรต่อจากนั้น ด้วยความหมั่นไส้ก็ได้แต่ฟาดแขนเขาไปเบาๆ แล้วหัวเราะ
“พอเถอะพี่แอ้ม ทำอย่างนี้เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมด พี่แอ้มจะโดนมองไม่ดีเอานะ”ผมคว้ากระเป๋าของตัวเองกลับมาเหมือนเดิม หลังจากที่ยื้ออยู่กับคนหัวรั้นที่ไม่ยอมปล่อยอยู่สักครู่ก็ได้กระเป๋าของตัวเองกลับมาครองสมใจ
“รู้ก็รู้สิ ใครจะมองไม่ดีอะไร?”พี่แอ้มถามสีหน้าจริงจัง
“ก็ปกติผู้ชายที่ไหนเขาจีบผู้ชายด้วยกันหล่ะพี่?”ผมว่าขำๆ พลางวางกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะทำงานของตัวเอง กระดาษสั่งงานต่างๆ รวมถึงงานที่ผมต้องทำในวันนี้ถูกกองอยู่บนโต๊ะทำงานอย่างไม่ค่อยจะเป็นระเบียบนัก ผมเริ่มจัดแยกงานแต่ละอย่างให้เข้าที่เข้าทาง
“พี่จะรักใครชอบใครมันก็เรื่องของพี่นี่ ไม่เห็นต้องแคร์ใครเลย”พี่แอ้มเสียงเข้มขึ้นมานิดหนึ่ง
“แล้วพี่แอ้มไม่แคร์ภามบ้างเลยหรือ?”ผมแกล้งถามเล่นๆ มือก็จัดเอกสารบนโต๊ะไปเรื่อยๆ
“แคร์สิ”พี่แอ้มตอบแทบจะในทันที
“ก็แล้วทำไมยังตามติดภามแจอย่างนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่าคนอื่นจะมองภามไม่ดีหรือเปล่า
“เอ่อ..... แต่พี่ก็พอจะดูภามออก...ว่าที่จริงภามก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องแบบนี้”พี่แอ้มพูดอึกอัก
“รู้ได้ยังไง?”ผมเงยหน้าจากกองงานขึ้นไปมองสบตากับพี่แอ้ม เห็นพี่แอ้มขมวดคิ้วยุ่งๆ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็เปลี่ยนท่าทีไป
“เอาเป็นว่าพี่ดูออกแล้วกัน”พี่แอ้มตอบอย่างเสียไม่ได้
“แอ้มๆ พี่เอกเรียกเข้าไปดูแบบงานแน่ะ”พี่โชคโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องที่แยกออกเป็นห้องส่วนตัวของพี่เอก เห็นพี่แอ้มทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนใจเดินเลี่ยงออกไปแทน ผมถอนหายใจเบาๆ กับตัวเองเมื่อได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง มันจะดีหรือเปล่านะที่ผมยังจะปล่อยให้เรื่องของพี่แอ้มยังค้างคาแบบนี้ ต้องยอมรับว่าท่าทางเขินๆ ที่พี่แอ้มมีให้เวลามองผมมันก็น่ารักไปอีกแบบสำหรับผู้ชายตัวโตๆ นิสัยห้าวๆ แต่การที่ผมจะยังคงทำเล่นกับพี่แอ้มไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่สามารถคิดอะไรเกินกว่าการเป็นพี่เป็นน้องระหว่างเราทั้งสองคนเลยก็อาจจะทำให้พี่แอ้มยิ่งคิดไปไกล และสุดท้าย....ผมก็จะเป็นคนทำร้ายจิตใจของพี่ชายคนนี้ด้วยมือของตัวเอง.........คงไม่ใช่เรื่องที่สมควรได้รับการอภัยจริงๆ
จมอยู่กับความคิดของตัวเองได้สักพัก ทั้งความคิดและการกระทำของผมก็เป็นอันต้องหยุดลงเมื่อสายตาได้เห็นอะไรบางอย่างที่เป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับโต๊ะทำงานของผมตัวนี้.....กล่องกำมะหยี่เล็กๆ สีดำซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อนวางแอบไว้มุมหนึ่งรวมกับแก้วใส่เครื่องเขียน ผมวางงานที่ทำอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบกล่องนั้นขึ้นมาดู ข้างใต้กล่องมีกระดาษใบเล็กพับไว้สองใบ
“พี่เอามาคืนภามแล้ว...ใส่ด้วย”ผมอ่านข้อความที่มีอยู่ในกระดาษแผ่นแรก ความสงสัยถึงสิ่งที่อยู่ในกล่องใบนั้นถูกระตุ้นขึ้นมาทันที ผมไม่รอช้าที่จะเปิดฝามันออกมา…….
“หือ?”ผมอุทานออกมาเมื่อได้เห็นของที่อยู่ภายในนั้น มันคือสิ่งที่ผมไม่ได้เห็นมันเลยในตลอดสี่ปีที่ผ่านมา.... แหวนทองคำขาวส่องแสงสะท้อนวิบวับจับตาที่ผมไม่เคยลืมมันไปจากความทรงจำได้เลยแม้ว่าจะพยายามเท่าไหร่ แหวนวงเดิมที่สลักชื่อของคนสองคนไว้บนนั้น.....
“ไอ้บ้า.....ถึงตอนนี้แล้วมันจะยังมีประโยชน์อะไรอีก”ผมด่าคนที่เคยมอบแหวนวงนี้ให้ผมเป็นเจ้าของเบาๆ น้ำตาของผมรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อภาพความหลังเริ่มฉายออกมาเป็นฉากๆ
แทนที่ผมจะหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาใส่ในทันที แต่ผมกลับเลือกที่จะหยิบกระดาษอีกแผ่นที่สอดอยู่ใต้กล่องขึ้นมาอ่านแทน
“รู้หรอกว่าจะต้องไม่ใส่ พี่รู้นิสัยภามดี เลิกดื้อแล้วใส่ซะ พี่คิดว่าภามก็รู้จักนิสัยพี่ดี....ว่าถ้าภามรั้นพี่จะทำยังไง”น้ำตาของผมเริ่มแห้งในทันทีที่อ่านข้อความในกระดาษแผ่นนี้จบ ไอ้คนบ้าคนนี้ก็ยังคงเอาแต่ใจได้คงเส้นคงวาเหมือนเดิม....สี่ปีที่ผ่านมามันไม่ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจร้ายๆ ของเขาได้เลยหรือไงนะ หรือว่าภรรยาไม่สั่งไม่สอน....คิดเองก็ปวดใจเอง จะไปนึกถึงเขาทำไมนะ?
ผมใช้เวลาอยู่ไม่นานในการตัดสินใจที่จะดื้อด้านหรือยอมโอนอ่อน ในที่สุดหัวใจก็ของผมก็บอกให้เลือกทางที่จะตัดปัญหาได้ดีที่สุด.....
ผมหยิบแหวนที่สะท้อนเป็นประกายในกล่องขึ้นมาสวมลงบนนิ้วของตัวเองช้าๆ อย่างน้อย.....ถ้าหากแหวนวงนี้ยังอยู่กับตัวผม นายยอร์ชก็คงจะไม่มีข้ออ้างมาหาเรื่องอะไรผมอีกไปสักระยะ หรือจนกว่าเขาจะหาข้ออ้างอื่นมาได้ ด้วยขนาดแหวนที่เขาสั่งทำมา จึงแน่นอนว่าไม่มีนิ้วไหนในมือผมที่จะเหมาะกับมันไปมากกว่านิ้วนาง แต่ก็เถอะ.....ในเมื่อคนให้ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับผมอีกแล้วถ้าให้ใส่ข้างซ้ายก็ดูจะหยามเกียรติภรรยาเขาเกินไป ในที่สุดแหวนวงนี้ก็ได้ที่อยู่ที่เหมาะสมบนนิ้วนางข้างขวาของผม
“โอ้โฮ! น้องภาม ใครให้แหวนมาคะเนี่ย? สวยจริงบาดตา”พี่จูนที่ถือแฟ้มเอกสารเดินผ่านหน้าผมรีบเข้ามาทักหลังจากที่มันเพิ่งมาอยู่บนมือของผมได้ไม่นานเท่าไร...หวังว่าจะไม่สร้างปัญหาในทันทีที่ใส่หรอกนะ
“คุณแม่ให้มาครับ”ผมบอกยิ้มๆ ใจก็ไม่อยากจะโกหก แต่ถ้าหากยิ่งไม่พูดก็จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสงสัยเข้าไปใหญ่
“อ้อ....เอาไว้ให้หมั้นสาวหล่ะสิ ใครกันน้าจะเป็นผู้โชคดีได้แหวนวงนี้ไป”พี่จูนว่ายิ้มๆ ซึ่งผมก็ทำได้แค่เพียงยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้ไป
ยังไม่ทันที่พี่จูนหรือผมจะได้ว่าอะไรต่อ เสียงโครมครามก็ดังมาจากทางหน้าแผนก....เป็นพี่มาร์คนี่เองที่วิ่งเข้ามา ดูหน้าตาตื่นๆ
“น้องภามๆๆ”พี่มาร์ควิ่งหอบๆ หน้าตาตื่นเข้ามาหาผม
“น้องภามรู้จักคนชื่อนันทรากรณ์หรือเปล่า?”ไม่รอให้ผมถาม พี่มาร์ควิ่งมาหยุดหน้าผมเหนื่อยๆ แล้วรีบยิงคำถาม เขาก้มหน้าเอามือเท้าหัวเข่าแล้วหายใจถี่
“เอ๋? นันหรือ? ทำไมพี่?”ผมถามงงๆ พี่มาร์คไปรู้จักนันตั้งแต่เมื่อไร
“รู้จักใช่ไหม?”ผมพยักหน้าตอบคำถามที่ถูกส่งมาอีกครั้ง
“ดี...งั้นตามพี่มาเร็วๆ”พี่มาร์คดึงแขนผมจนเซถลาไปตามแรงดึงพร้อมกับออกวิ่งเท่าที่ที่ทางในแผนกจะอำนวยให้วิ่งเร็วได้ตรงไปที่ลิฟท์อย่างไม่รอช้า ผมที่ยังคงไม่เข้าในในการกระทำนั้นก็ทำได้เพียงวิ่งตามไปเพื่อไม่ให้ตัวเองล้ม
“อะไรเนี่ยพี่มาร์ค? อยู่ๆ ไปลากผมมามีอะไรครับ?”ผมรีบยิงคำถามทันทีที่โมโอกาสเมื่อลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวลงสู่ชั้นล่าง
“ก็คนชื่อนันทรากรณ์อะไรนั่นแหละ มาอาละวาดอยู่ข้างล่าง บอกว่ามีเรื่องจะเคลียร์กับบอส แถมพูดชื่อภามออกมาด้วย พี่เลยว่าน่าจะรู้จัก ตอนนี้มีคนขึ้นไปแจ้งบอสแล้วด้วย ถ้าเกิดบอสบ้าจี้ลงมาตอนนี้จริงๆ ได้เป็นเรื่องแน่”พี่มาร์คร่ายยาวก่อนจะหยุดไปแล้วพูดต่อ
“ยังไงถ้าภามรู้จักกับเขาก็ช่วยห้ามหน่อยเถอะนะ ยังไงบอสก็เป็นคนที่ทุกคนในแผนกของเรารักและเคารพ ไม่อยากให้ใครมามีเรื่องแบบนี้”พี่มาร์คว่า ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่ครุ่นคิดว่านันจะมาก่อเรื่องอะไรที่นี่....คนอย่างนันที่เป็นคนมีเหตุผลคนนั้นน่ะหรือ?
ผมและพี่มาร์คลงมาถึงห้องโถงใหญ่ของชั้นล่างในอีกอึดใจต่อมา ที่ตรงนั้นตอนนี้มีคนหลายคนยืนมุงดูด้วยความสนใจ ผมแทรกเข้าไปได้ก็ต้องตกใจเล็กน้อยกับภาพที่เห็น.....นันในสถาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยถูก รปภ. ของบริษัทล็อกตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา ห่างจากเขาไปไม่มาก....นายยอร์ชที่อยู่ในสูทสีดำเรียบอย่างทุกวันยืนทำหน้างออย่างคนอารมณ์เสียอยู่
“แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไอ้ยอร์ช! แกเคยทำให้ภามเสียใจขนาดนั้น วันนี้แกยังจะต้องการอะไรจากภามอีก! แกเอาภามมาขังไว้ที่นี่เพื่ออะไร!”นันตะโกนออกมาทั้งที่ไม่สามารถวิ่งเข้ามาทำอะไรนายยอร์ชได้ ถ้าหากตอนนี้เขาเป็นอิสระ เชื่อได้เลยว่าเขาคงไม่ปล่อยให้หน้าหล่อๆ ของนายยอร์ชได้อยู่ดีแน่ๆ
“แกมันจะไปรู้อะไรไอ้เด็กอวดดี! ถ้าหากว่าไม่รู้อะไรจริงก็หุบปากแล้วออกไปจากบริษัทของฉันเลยดีกว่า!”นายยอร์ชก็โต้ตอบกลับไปแรงไม่แพ้กัน เสียงของเขาดังสะท้อนไปทั่วห้องกว้าง นี่ดีนะที่ตอนนี้ยังเช้าและอยู่ในเวลาทำงานอยู่ คนที่อยู่ร่วมฟังในตอนนี้จึงมีไม่ค่อยมากนัก
“อย่ามาทำเป็นเก่งหน่อยเลย วางก้ามใช้อำนาจลูกชายเจ้าของบริษัทแบบนี้ที่จริงก็กลัวฉันใช่ไหมหล่ะ!”นันตะโกนอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้กลัวแก!!!”
“งั้นก็บอกให้ลูกน้องแกปล่อยฉันสิวะ!”นันเริ่มประท้วง
“ปล่อยมัน!”นายยอร์ชสั่ง รปภ. และนันก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระในทันที
“ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาแกมัวไปทำอะไรอยู่ แกหายหัวไปไหนมา แล้วตอนนี้แกยังคิดว่าแกมีสิทธิอยู่อีกหรือ!”นันถามนายยอร์ชทันทีที่เป็นอิสระ ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาทั้งสองคนยังมองไม่เห็นว่าผมมาอยู่ตรงนี้แล้ว พี่มาร์คพยายามบอกให้ผมรีบออกไปห้าม แต่ผมก็ยังคงค้างคาเรื่องที่นันรู้ได้ยังไงว่าในระยะนี้เกิดอะไรกับผมบ้าง ความสงสัยนั้นทำให้ผมอดทนที่จะรอดูต่อไปก่อน
“ฉันจะหายไปไหนมันก็เรื่องของฉัน! มันไม่ได้เกี่ยวกับแก! อย่างน้อยตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยทิ้งภาม!”นายยอร์ชว่าหน้าดำหน้าแดง ไม่เคยทิ้งผมงั้นหรือ? มันหมายความว่ายังไงกัน?
“ฮึ! ไม่ทิ้งหรือ? นี่สินะคำแก้ตัวห่วยๆ ของแก แกมันก็แค่ไอ้หน้าตัวเมียหนีปัญหา!”
“แก!”นายยอร์ชรีบปรี่เข้าไปหมายจะชกนันให้ล้ม แต่นันก็ไม่อ่อนชั้นเชิงรีบตั้งการ์ดรับอย่างคนเตรียมพร้อม ผมเห็นท่าไม่ดีต้องรีบเข้าไปขวางในที่สุด
“หยุดเถอะทั้งสองคน! นันหยุดได้แล้ว ส่วนคุณก็ด้วย”ผมปรามอย่างเสียไม่ได้ นี่ถ้าอยู่ในที่ที่นายยอร์ชไม่ได้มีอำนาจขนาดนี้ผมคงด่าเขาไปแล้ว
“ภามบอกให้พี่หยุดแล้วดูไอ้เพื่อนคิดไม่ซื่อของภามสิ! ดูสิว่ามันร้ายแค่ไหน!”นายยอร์ชตะคอกอย่างโมโห
“แกมันก็ดีแต่ว่าคนอื่น! แล้วผู้ชายอย่างแกมันดีนักหรือไง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องได้มาด้วยการบังคับ เคยคิดจะถามใจของคนอื่นดูบ้างไหมว่าเขาต้องการหรือเปล่า!”นันก็ไม่ยอมแพ้
“ถ้าฉันมันไม่ดีแกมันก็เลวหาที่เปรียบไม่ได้แล้วแหละ อย่านึกว่าฉันดูไม่ออกนะว่าแกคิดจะทำอะไรกับเพื่อนที่ไว้ใจตัวแกเองแบบนี้ คนคิดไม่ซื่อแบบแกมันเลวกว่าฉันที่เป็นแบบนี้ซะอีก!”
“ผมบอกให้เลิกกันเสียที! จะหยุดกันได้หรือยัง! ส่วนคุณก็เลิกว่านันได้แล้ว เลิกเอาเรื่องบ้าบอมาใส่ร้ายนันเสียที!”ผมที่ตอนแรกจะเข้ามาห้ามก็อารมณ์ขึ้นไปเสียแล้ว ในเมื่อห้ามก็ไม่ได้ผล แถมเหตุการณ์ยังดูแย่ขึ้นไปอีกเมื่อมีผมเข้ามาเอี่ยว
“ช่างเถอะภาม คนที่ไม่มีหัวคิดมันก็คิดได้แค่นี้แหละ ดีแต่จะว่าคนอื่นที่ทำไม่เหมือนตัวเอง”
“ไอ้นัน!”ไม่รอให้ผมได้ทันตกใจ นายยอร์ชก็พุ่งเข้าชนนันจนหงายหลังลงไปกับพื้นแล้วขึ้นคร่อมชกไม่ยั้ง คนที่มุงดูอยู่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้แต่ รปภ.ของตึกก็ไม่เข้าไปช่วยนัน ผมตั้งสติได้รีบวิ่งเข้าไปดึงนายยอร์ชออกปากก็ด่าเขาไปด้วย
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณ! ปล่อยนันเดี๋ยวนี้!”ดูท่าว่าเสียงตะโกนของผมจะไม่ได้ผล นายยอร์ชทำร้ายนันที่ไม่มีทางสู้อย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดเมื่อความอดทนของผมหมดลง ผมอ้อมไปด้านหน้าแล้วผลักนายยอร์ชให้ล้มออกไปนั่งอยู่ข้างๆ นันด้วยแรงที่มาจากไหนไม่ทราบ ก่อนจะตบลงไปบนหน้าเขาฉาดใหญ่......แรงจนรู้สึกได้ว่ามือของผมก็เจ็บ
ทุกคนในที่นั้นเงียบเสียง....เงียบ....จนแทบจะได้ยินเสียงหายใจ ผมไม่รอช้าที่จะเข้าไปประคองนันที่ใบหน้ามีเลือดไหลเป็นทางให้ลุกขึ้นยืน ก้มลงมองที่พื้นก็พบกับสายตาตัดพ้อที่นายยอร์ชส่งมาให้โดยที่ไม่พูดอะไร แต่ใครจะยอมใจอ่อน....ในเมื่อสิ่งที่เขาทำลงไปมันแย่เสียยิ่งกว่าการที่ผมตบหน้าเขาไปเมื่อครู่หลายเท่า ผมละสายตาจากคนที่นั่งอยู่บนพื้นก่อนจะประคองนันให้ขึ้นไปบนแผนกด้วยกัน อย่างน้อย....ผมก็จะได้พาเขาไปทำแผลก่อน แล้วหลังจากนั้นก็จะได้เริ่มเก็บข้าวของส่วนตัวเพื่อย้ายกลับบ้านเสียที......แน่นอนว่าการกระทำของผมคราวนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่ผมจะได้นั่งทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแล้ว........
่
To be continued
_______________________________________________________
โฮะๆๆๆ มันเพิ่งปั่นมาให้เมื่อวานเลย แต่อยากส่งมาดึก ก็เลยต้องลงวันนี้
ช่วงนี้เซ็งมาก งานรับน้องที่มหาลัยก็ต้องเลื่อนไม่มีกำหนดอีก
เค้าอยากเจอน้องแล้วง่าาาาาาา
บ่นพอละ ไปดีกว่า พบกันตอนหน้าจ้า
นัท