รุ่นน้องวุ่นรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รุ่นน้องวุ่นรัก  (อ่าน 74359 ครั้ง)

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
รุ่นน้องวุ่นรัก
« เมื่อ01-05-2010 00:36:06 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

...........................................


ผมมาแก้ไขลงใหม่นะคร้าบ ให้รวมอยู่ที่เดียวกันทั้งหมด

เพื่อความสะดวกในการอ่าน เพราะผมกำลังจะลงตอนสุดท้ายแล้วคร้าบบ

ดังนั้นตอนที่ลงกับชื่ออาจไม่ตรงกันนะครับ อย่าเพิ่งงงนะครับ





*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2010 21:41:17 โดย THIP »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่ 1

ขอแนะนำตัวก่อนเลยนะ ครับผมชื่อ นัท ครับ หน้าตาผมก็ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ แถมผมยังเป็นคนที่ค่อนข้างอวบนิดหน่อยอีกด้วย ดีที่ผมเป็นคนผิวขาวนะครับ ตอนนี้ผมอยู่ปี 2 แหละครับ ผ่านเวลาที่โดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งมาซะที คราวนี้ผมจะได้แกล้งน้องๆคืนบ้างละ ผมคิดว่านะ
วันนี้ก็เปิดเรียนมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเรียกรุ่นน้องปี 1 ซ้อมเชียร์สักที ซึ่งเป็นเวลาที่ผมรอยคอยมาตลอดทั้งสัปดาห์ ผมไม่ได้โรคจิตชอบแกล้งคนนะครับแต่ที่อยากให้ซ้อมเชียร์เพราะจะได้เจอหน้า น้องๆด้วยไงครับ อีกอย่างพี่ปีสองก็เป็นได้แค่พี่ที่คอยปลอบน้อง สั่งลงโทษหรือแกล้งน้องไม่ได้หรอกครับ คนที่สั่งได้ก็พวกพี่ปี 3-4 เท่านั้น ดังนั้นหน้าที่ของปี 2 คือคอยตามน้องมาซ้อมเชียร์และคอยให้คำปรึกษากับน้องเรื่องต่างๆเท่านั้นเองค รับ
“น้องปี 1 ทุกคนครับ วันนี้เลิกเรียนเสร็จเจอกันที่ซุ้มทุกคนนะครับ” ผมตะโกนบอกรุ่นน้องหน้าห้องเรียนก่อนพักเที่ยง
“ต้องเข้าให้ครบทุกคนนะครับ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน” ผมขู่ทิ้งท้ายแล้วเดินกลับออกมา
หลังจากบอกน้องๆ ครบทุกห้องแล้ว พวกพี่ปี 3 ก็เรียกพวกปี 2 เข้าประชุมเพื่อแบ่งหน้าที่กันในการซ้อมเชียร์ เราเข้าไปประชุมกันในห้องคอมของคณะเพื่อไม่ให้รุ่นน้องเห็น พวกพี่ปี 3 บอกให้กลุ่มผมเป็นกลุ่ม entertain เพราะปีที่แล้วกลุ่มผมนั้นบ้ามาก บอกให้ทำอะไรทำได้หมดไม่ว่าจะตลกทะลึ่งขนาดไหนก็เถอะ จะหาว่าหน้าด้านก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่ก็สนุกนะครับทำบ้าๆบอๆ
กลุ่มผมก็มีกันอยู่ 7 คนครับ มีผู้ชาย 4 ผู้หญิง 3 ผู้ชายมี ผม ไอ้ตี๋ ไอ้ต้นขาว แล้วก็ไอ้ต้นดำ แบบว่ามันชื่อต้นเหมือนกันเลยเรียกตามสีผิวซะเลย ส่วนผู้หญิงก็มี ฝน รัก และก็แนท กลุ่มผมเป็นกลุ่มที่รุ่นพี่รักที่สุดแล้วเพราะใช้อะไรพวกเราทำได้หมด ทุกอย่าง หลังจากที่พี่เขาบอกหน้าที่แล้วพวกผมก็บอกว่าให้ผมเป็นหัวหน้า entertain คงเพราะผมหน้าด้านที่สุดแล้วแน่ๆพวกมันถึงยกตำแหน่งนี้ให้ผม
สี่โมงครึ่งน้องปี 1 ก็มานั่งที่ซุ้มกันหมดแล้ว ผมและเพื่อนคนอื่นๆ ก็เข้าไปนั่งคุยทำความรู้จักน้องไปพลางๆ ก่อนเพื่อรอรุ่นพี่ปี 3 มาสั่งการอีกที ระหว่างที่คุยกับน้องอยู่ ผมก็ไปสะดุดตาน้องคนหนึ่งชื่อต้อม ต้อมเป็นคนหน้าคมจมูกโด่งรับกับตาและปากที่เข้ารูปพอดี ต้อมเป็นคนผิวเข้มแต่ไม่ดำนะครับ เรียกได้ว่าคมเข้มทีเดียว
“ปี 1 เข้าแถวหน้ากระดานเรียง 1 ปฏิบัติ” เสียงพี่แอมป์พี่ปี 3 ตะโกนมาจากข้างหลัง
“ปี 2 ล้อมน้องปี 1 ไว้ เร็ว” พี่แอมป์ยังตะโกนสั่งต่อ พวกเราลุกขึ้นแล้ววิ่งทำตามที่พี่เขาบอกทันที แต่น้องปี 1 คงงงว่าเกิดอะไรขึ้นบางคนจึงยังช้าและเข้าแถวไม่เรียบร้อย
“ช้าแล้ว ช้าแล้ว ปี 1 หมอบลงไปเลย เดี๋ยวนี้” พี่แอมป์ตะโกนสั่งด้วยเสียงที่ดุกว่าเดิม พี่ปี 3 อีก 4 คนก็เข้ามาตะโกนไล่สั่งน้องๆด้วย การเชียร์เริ่มขึ้นแล้ว ผมคิดในใจแล้วแอบยิ้ม
“น้องครับ นี่เราจะมาซ้อมเชียร์กันนะครับ พี่บอกไว้ก่อนเลยว่าน้องๆต้องเหนื่อยกันแน่ๆ ถ้ายังขาดระเบียบวินัยแบบนี้” พี่แอมป์ตะโกนบอกขณะที่น้องยังหมอบอยู่
“การซ้อมเชียร์จะทำให้น้องมี ระเบียบวินัยและความรับผิดชอบ ถ้าใครติดว่ารับแบบนี้ไม่ได้ก็ลาออกจากคณะนี้ไปได้เลยนะครับ พวกพี่โดนมากันทุกคน พี่ปี 2 ก็โดนมาทุกคน ดังนั้นถ้าใครทนการซ้อมเชียร์แบบนี้ไม่ได้ก็ออกไปเลยนะครับ”
“เอาลุก ขึ้นได้ แถวตอนเรียง 10 ปฏิบัติ” พี่อ้อมตะโกนสั่งแทนพี่แอมป์บ้าง แต่คราวนี้น้องๆรีบลุกแล้ววิ่งจัดแถวกันอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยที่ยังมีพวกผมปี 2 ล้อมกรอบอยู่
“ช้า หมอบ” พี่อ้อมสั่ง “พี่บอกแล้วไงครับให้รวดเร็ว ลุกแถวตอนเรียง 8 ปฏิบัติ” คราวนี้น้องๆรีบจัดแถวกันอย่างรวดเร็วกว่าเดิม คงกลัวแล้วละสิปีผมโดนหนักว่านี้อีกวันแรก
“ตั้งแต่นี้ไปน้องทุกคนคือ รุ่นน้องของพวกพี่ ต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ทุกคน เรามีกฎง่ายๆแค่ 3 ข้อเท่านั้น ข้อแรก รุ่นพี่ถูกเสมอ ข้อสอง รุ่นน้องผิดตลอด ข้อสาม ถ้ารุ่นพี่ทำผิดให้ย้อนกลับไปดูข้อหนึ่ง จำเอาไว้นะครับ” คราวนี้พี่แอมป์สั่ง
หลังจากนั้นก็มีการแนะนำตัวรุ่นพี่ทีละคน เริ่มจากปี 2 แล้วก็ปี 3 แล้วก็พี่ ว๊ากทั้ง 5 คน ดูแล้วน้องจะกลัวพี่ว๊ากเอามากๆ แล้วพี่แอมป์ก็เรียกพวกผมเข้าไปเพื่อแบ่งกลุ่มน้องๆออกไปซ้อมเพลงเชียร์ ก็ไม่รู้บังเอิญอะไรต้อมก็มาอยู่กลุ่มที่ผมต้องดูแลพอดี ผมก็สอนเพลงเชียร์บ้างชวนคุยบ้างเพื่อลดความกดดันจากการที่โดนพี่ว๊ากลงโทษ เอา
“ปี 1 แถวตอนเรียง 8 ปฏิบัติ” พี่อ้อมตะโกนมาจากข้างหลัง หลังจากที่แบ่งกลุ่มออกมาสักครึ่งชั่วโมง น้องๆก็รีบวิ่งไปแต่ก็ไม่วายโดนลงโทษอยู่ดี เพราะต่อให้เร็วหรือเรียบร้อยแค่ไหนพวกพี่เขาก็หาเรื่องลงโทษอยู่ดี พี่ว๊ากก็หาเรื่องแกล้งไปเรื่อยๆบางครั้งก็ลามมาว่าพวกผมที่เป็นคนสอนน้องๆ เรื่องเพลงเชียร์ มันบอกเพื่อกดดันน้องที่ทำไม่ได้แล้วรุ่นพี่โดนด่า แล้วมันเกี่ยวกันไหมนี่ผมคิด
เราซ้อมเชียร์กันจนถึงหกโมงเย็นก่อนกลับพี่เขาก็บอกให้น้องๆเอาเสื้อกับ กางเกงมาเปลี่ยนด้วยพรุ่งนี้ เพราะไม่อยากให้ชุดนักศึกษาเลอะมาก หลังจากเลิกน้องบางกลุ่มก็มานั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องเชียร์วันนี้ ก็เป็นหน้าที่พวกผมแล้วที่จะเข้าไปตีสนิทน้องๆเพื่อไม่ให้เครียดเกินไป น้องจะได้คิดว่าพี่ที่ใจดีและคอยช่วยเหลือก็ยังมีอีกเยอะ
“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมวันแรก” ผมทักระหว่างที่เดินเข้าไปนั่งในกลุ่มน้องๆ
“โหย โหดมากเลยพี่ เหนื่อยโคตร” ต้อมหันมาบอกผมด้วยสีหน้าที่บอกว่าเหนื่อยจริงๆ
“ทำไมพวกพี่เขาดุอย่างนี้ละพี่” หนุ่ยเพื่อนต้อมถามบ้าง
“โหด อะไร นี่เบาแล้วนะ ตอนรุ่นพี่โดนวันแรกเสื้อนักศึกษาทิ้งเลย ไม่ต้องซัก” ผมหันไปบอกหนุ่ย ผมเพิ่งสังเกตว่าหนุ่ยก็เป็นคนที่หน้าตาดีอีกคนผมขาวรับกับหน้าใสๆของหนุ่ย พอดี เวลายิ้มแล้วยิ่งน่ารักกว่าเดิมซะอีก แล้วผมก็นั่งโม้ให้น้องฟังเรื่องสมัยผมซ้อมเชียร์ให้ฟังว่าโหดกว่านี้ยังไง จนบางคนถามว่าแล้วพี่เขาทำอย่างนี้ทำไม ผมก็ต้องอธิบายเหตุผลอีกยาวเลยกว่าน้องๆจะเข้าใจ
“เฮ้ย นัท ชวนน้องไปกินข้าวกันดีกว่า แล้วจะได้กลับบ้านกันด้วยนี่ก็เย็นมากแล้ว” ไอ้ตี๋จะโกนบอกมาจากโต๊ะอีกฟากหนึ่งที่มันนั่งคุยกับน้องอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ เช่นกัน
“เออ ไปดิ เราก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ไปกินข้าวกันทุกคนเดี๋ยวพี่เลี้ยงเองมื้อนี้” ผมหันไปชวนพวกต้อม แต่ดีนะพี่พวกต้อมมีแค่ 4 คน ไม่งั้นผมคงเงินหมดก่อนสิ้นเดือนแน่ๆ นอกจากต้อมกับหนุ่ยแล้ว ยังมีน้องอีกสองคนชื่อเอ็กซ์กับจ๊อด
ผมกับไอ้ตี๋ก็พาน้องไปกินข้าวกันที่ร้านหน้ามหา’ลัย เพราะกินเสร็จจะได้แยกย้ายกันกลับง่ายๆ ผมเริ่มสนิทกับต้อมและหนุ่ยมากกว่าคนอื่นๆ เพราะคุยเก่งทั้งสองคนและต้อมกับหนุ่ยก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ด้วย กินเสร็จเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกลับกับไอ้ตี๋เพราะเราไปทางเดียวกัน แต่ผมจะลงก่อนเพราะผมอยู่แค่ปิ่นเกล้าแต่ไอ้ตี๋อยู่ตลิ่งชัน กลับมาถึงบ้านผมก็อาบน้ำแล้วนอนเลยเพราะรู้สึกเหนื่อยเหมือนกันกับการซ้อม เชียร์
ผมมาถึงมหา’ลัยตั้งแต่เช้า ถึงแม้วันนี้ผมจะมีเรียนบ่ายก็ตาม เพราะผมไม่รู้จะอยู่บ้านทำไมมาคุยกับเพื่อนๆดีกว่า เดี๋ยวพวกมันก็มานิสัยเหมือนกันหมดสงสัยเป็นโรคอยู่คนเดียวแล้วเหงากันหมด กลุ่มแน่ๆพวกผม
“หวัดดีครับพี่นัท” ผมหันไปมองตามเสียงที่ทัก
“อ่าว หวัดดีครับ หนุ่ยวันนี้เรียนเช้าหรอมาแต่เช้าเชียว”
“เรียนเก้าโมงครับพี่ เนี่ยเมื่อวานเหมื่อยไปหมดเลยกลับบ้านไปหลับเป็นตายเลยพี่ น้ำไม่ได้อาบเลย” หนุ่ยทำเสียงบ่นๆ
“โห เน่าวะ เอาน่าเดี๋ยวสักอาทิตย์ก็ชินเองแหละ” ผมยิ้มให้กำลังใจ
“จะตายก่อนไม่ว่าสิพี่”
ผมกับหนุ่ยนั่งคุยกันสักพักต้อมก็มาสมทบ เราคุยกันเรื่องส่วนตัวบ้างเรื่องเรียนบ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องซ้อมเชียร์มากกว่าเพราะผมอยากให้น้องเข้าใจว่ามันจะ ได้อะไรจากการซ้อมเชียร์บ้าง พอใกล้เก้าโมงหนุ่ยกับต้อมก็ขอตัวไปเรียนก่อน ผมก็นั่งรอเพื่อนๆต่อ
“เฮ้ย เมื่อไหร่แกจะมาถึงวะ รอนานแล้วนะโว้ย” ผมบ่นหลังจากต่อโทรศัพท์ไปหาไอ้ตี๋
“แล้ว แกเคยหันมามองข้างหลังบ้างไหมยืนอยู่ข้างหลังเนี่ยหรือจะให้เอาตีนสะกิด” ไอ้ตี๋บ่น แต่ดูมันกวนตีนยืนอยู่ข้างหลังยังรับโทรศัพท์ให้ผมเสียตังค์อีก
ส่วนมากผมจะสนิทกับไอ้ตี๋มากที่สุดในกลุ่มแล้ว เรียกว่าติดกันเป็นตังเมเลยก็ได้ทำอะไรด้วยกันตลอดตั้งแต่ปี 1 งานกลุ่ม นั่งเรียน กลับบ้าน เราทำทุกอย่างด้วยกันหมด ถ้าใครไม่รู้ก็คงว่าผมกับมันเป็นแฟนกันแหละครับ ระหว่างที่เรานั่งลอกรายงานกันเพลินๆ
“หัวชนกันทำอะไรอยู่พี่” เสียงต้อมตะโกนทักมาจากอีกฝั่งถนน
“ทำรายงาน จะส่งแล้วยังไม่เสร็จเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องซ้อมเชียร์” ผมเงยหน้ามองแล้วยิ้มให้แล้วก้มหน้าทำรายงานต่อ
“ปี 2 มีรายงานตั้งแต่อาทิตย์แรกๆเลยหรอพี่ เรียนหนักเปล่า”
“ก็เรื่อยๆนะ แต่รายงานเยอะเรื่องปกติ เดี๋ยวพวกเราเทอมสองก็รู้เอง” ผมบอกทั้งที่ยังก้มหน้าลอกรายงานต่อ
ต้อมก็เดินเข้ามานั่งโต๊ะแล้วชวนผมกับไอ้ตี๋คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย แต่ส่วนมากเหมือนจะเป็นเรื่องผมกับไอ้ตี้ที่สนิทกันมากแค่ไหน หรือบางครั้งก็ถามแปลกๆเหมือนจะถามว่าผมกับไอ้ตี๋เป็นอะไรกันทำนองนี้ ผมก็ตอบแบบไม่ได้สนใจอะไรเพราะเราเป็นเพื่อนกันนี่น่า อีกอย่างรีบลอกรายงานให้เสร็จด้วยกลัวโดนหักคะแนน คณะผมยิ่งเรียนยากๆอยู่
พอใกล้เที่ยงพวกเพื่อนกลุ่มผมคนอื่นๆก็มากันครบทีมแล้ว เราก็จะไปกินข้าวหลังมอกันไปร้านที่กินประจำ
“ต้อมกับหนุ่ยไปกินด้วยกันเปล่า” ผมหันไปชวนขณะที่กำลังเก็บของใส่เป้
“เกรงใจพี่ เดี๋ยวไปวุ่นวายพวกพี่เปล่าๆ”
“เฮ้ย อะไรกัน มาเลยๆพี่น้องกันคิดมากน่า” ผมดึงมือต้อมให้ลุกตามมา
เราเดินมาหลังมอมากินข้าวร้านประจำที่ป้าไหวเป็นแม่ครัว มากินจนแกจำได้หมดแหละว่าใครกินอะไรไม่กินอะไร เพราะผมมากินกันตั้งแต่ปี 1 เลย แถมยังกวนป้าแกประจำผมเลยสนิทกับป้าไหว
“ป้าเอาเหมือนเดิมทุกคนเลย ขี้เกลียดคิดวันนี้กินง่ายๆ” ผมตะโกนสั่งป้าแก
“เออ แล้วเราสองคนจะกินอะไร”
“เอาผัดกระเพราเหมือนกันทั้งสองคนก็ได้พี่ง่ายดี” หนุ่ยบอก
หลังจากสั่งเสร็จผมกับไอ้ตี๋ก็ลุกไปตักน้ำมาให้เพื่อนๆโดยมีต้อมลุกตามมา ช่วยด้วย เรานั่งคุยกันสักพักป้าก็เอาข้าวมาส่ง ของพวกผม 7 คน เป็นผัดพริกแกงหมู แต่ผมว่าวันนี้ป้าแกต้องลืมแน่ๆเลย
“เฮ้ย ป้า” ผมร้องเสียงหลง พร้อมกระโดดออกจากโต๊ะ พวกเพื่อนๆผมมันขำกันลั่นร้านเลย มีแต่หนุ่ยกับต้อมที่มองผมแบบงงและตกใจว่าผมเป็นอะไร
“ป้าเอาไปเลยนะป้า ป้าลืมแหละผมว่า” ป้าไหวแกยังยืนนึกอีกแหนะ
“ป้าไอ้นัทมันกลัวข้าวโพดอ่อน ป้าใส่มาให้มันทำไม” ไอ้ตี๋บอกป้าไหวทั้งทีมันยังขำท่าทางตกใจผมอยู่เลย
“ไอ้นี่ก็บ้ากลัวไรไม่กลัว กลัวข้าวโพดอ่อน” มันยังขำผมไม่เลิก ตอนนี้ป้าไหวก็เริ่มจะยิ้มด้วยแหละ ทำผิดแล้วยังมายิ้มอีกแหนะ
“ป้าทำมาใหม่เลย ไม่เจอกันแค่เดือนสองเดือนลืมกันซะแล้ว” ผมหันไปบ่นป้า ป้าแกก็ยังยิ้มอีก
“เดี๋ยวผมกินเองก็ได้พี่ พี่เอาข้าวผมไปแทนจะได้ไม่ต้องรอ” ต้อมหันมาบอกแล้วก็ยิ้มๆ
“ต้อ มกินไปเถอะ พี่รอได้” แต่ต้อมไม่ฟังผมเลยหยิบข้าวผมไปนั่งกินแทนแล้วเอาข้าวตัวเองมาวางที่ผม แต่ไอ้เพื่อนๆผมสิ มันยังขำไม่เลิกบางคนยังจิ้มข้าวโพดอ่อนมาให้ผมดูอีก ไอ้พวกกวนตีน ผมคิดในใจ
“อืม ขอบใจนะ” ผมหันไปยิ้มให้ต้อมแล้วกลับไปนั่งที่เดิม
“ไม่เป็นไรพี่แค่นี้เอง แต่พี่กลัวข้าวโพดอ่อนจริงๆอะ” มันถามแล้วทำหน้าไม่เชื่อ
“จริงดิน้อง มันบ้าเดี๋ยวพี่ทำไรให้ดู” ไอ้แนทหันไปบอกต้อมพร้อมกับจิ้มข้าวโพดอ่อนโยนมาใส่จานผม
“เฮ้ย แม่งเล่นบ้าๆวะ” ผมเริ่มโมโหแล้วทีนี้ รู้ว่ากลัวแม่งแกล้งกูกันจัง
“ไม่ กินมันแล้ว ป้าเก็บเงินกับพวกมันเลยนะผมไม่กินแล้ว” พูดจบผมก็ลุกหยิบเป้เดินออกไปจากร้าน พวกมันยังพูดกันอีกว่ามันโกรธจริงโว้ยคราวนี้ ไม่โกรธได้ไงละครับ พวกมันเล่นแกล้งผมต่อหน้ารุ่นน้องนี่นะ เสียฟอร์มหมดสิครับคนบ้าไรกลัวข้าวโพดอ่อน แต่มันก็กลัวจริงๆนี่น่าจะให้ทำไงได้ละครับ
ผมเดินกลับมานั่งที่ซุ้มเพื่อรอพวกมันขึ้นเรียน ผมเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วนะครับ โกรธใครแปบเดียวก็หายแล้ว สักพักพวกมันก็เดินกลับมา ผมเลยทำแกล้งโกรธพวกมันอยู่ทั้งๆที่หายตั้งนานแหละ
“โห จะโกรธอะไรนักหนา แกล้งแค่นี้เอง” ไอ้ตี๋เดินเข้ามานั่งข้างๆแล้วเอามือมาโอบไหล่ผมไว้
“เออ ไม่ใช่มึงแล้วไป แม่งต่อหน้าน้องยังแกล้งกูอยู่ได้” ไอ้ตี๋เอามือข้างที่โอบผมอยู่ตบไหล่ผม เพราะคงคิดว่าผมยังไม่หายโกรธ ปกติผมจะพูดมึงกูกับเพื่อนเฉพาะตอนโกรธเท่านั้นแหละครับ พวกมันรู้ดีเลย
“โอ๋ๆๆๆ ชั้นขอโทษ เอานี่ซื้อขนมมาฝาก” ไอ้แนทยื่นขนมมาให้ ทำหน้าสำนึกผิดที่แกล้งผม
“เออ เอามาโคตรหิวเลย ทีใครทีมันนะพวกแก”
“ต้อ มกับหนุ่ยด้วย ห้ามบอกใครนะเรื่องนี้ความลับ เข้าใจ” ผมหันไปบอกด้วยสีหน้าที่จริงจัง เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่คนในกลุ่มผมเท่านั้นแหละครับ ปกติถ้าไปที่อื่นไอ้ตี๋มันจะคอยสกรีนให้เลยว่ามีข้าวโพดอ่อนปนมาเปล่า ผมก็เลยกินได้อย่างสบายใจ
พวกผมขึ้นไปเรียนช่วงบ่าย พอสี่โมงครึ่งก็ลงมารอซ้อมเชียร์ เช่นเคยน้องปี 1 โดนลงโทษเยอะอีกเช่นเคย เพราะวันนี้เปลี่ยนชุดซ้อมด้วยเลยโดนเยอะได้ ซ้อมเสร็จเกือบทุกเย็นพวกผมจะพาน้องไปนั่งกินข้าวด้วยกันเพื่อที่จะได้สนิท กันมากขึ้น
ซ้อมเชียร์ผ่านไปสามอาทิตย์น้องๆก็เริ่มเป็นระเบียบ เข้าใจการซ้อมเชียร์มากขึ้น ผมก็สนิทกับต้อมกับหนุ่ยมากๆเช่นกัน เพราะตอนเช้าต้อมกับหนุ่ยจะเข้ามานั่งคุยกับผมทุกวัน บางวันไม่มีเรียนมันก็มานั่งคุยกับพวกผม ท่าจะว่างมากไปไม่มีไรทำ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้ไอ้ตี๋มันติดหญิงต่างคณะอยู่ มันเลยไม่ค่อยมาซุ่มต้อนเช้าเหมือนก่อน จะเป็นผมมานั่งทำรายงานคนเดียวมากว่าทำไว้ให้มันลอกก่อนถึงกำหนดส่งงาน ตอนเย็นก็ไม่ค่อยกลับกับมันแหละมันไปส่งหญิงก่อน แต่ผมก็ไม่ได้ว่าไรมันเรื่องของมันอยู่แล้วผมกลับบ้านเองได้
“พี่นัท กลับกับผมไหมพี่ผมเอารถมา บ้านผมผ่านบ้านพี่ด้วยเดี๋ยวผมแวะส่ง” หนุ่ยถามผมหลังจากซ้อมเชียร์เสร็จ
“บ้านเราอยู่แถวไหนละ ถึงผ่านบ้านพี่ด้วย”
“พุทธมนทลสาย 2 พี่ ผมแวะส่งพี่ที่ปิ่นเกล้าได้” หนุ่ยยิ้ม
“ไม่รบกวนนะ” ผมยังเกรงใจน้องมันอยู่
“มาเถอะพี่ แค่นี้เอง” แล้วมันก็ลุกหยิบเป้ผมเดินไป โดยที่ต้อมนั่งมองอยู่
ผมเลยได้ติดรถหนุ่ยกลับบ้าน ระหว่างอยู่บนรถเราคุยกันเยอะมาก หนุ่ยก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่งทีเดียว พอใกล้ถึงปิ่นเกล้าผมบอกให้หนุ่ยจอดที่สะพานปิ่นฝั่งธนเดี๋ยวผมจะต่อรถเข้า บ้านเอง เพราะไม่งั้นหนุ่ยก็จะต้องย้อนรถออกมาอีก
“ไม่เอาพี่เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้านเลยดีกว่า บ้านพี่อยู่ตรง สน.บางกอกใหญ่ใช่ไหม” หนุ่ยบอกทั้งที่ยังมองข้างหน้าอยู่
“อืม ใช่ แล้วเรารู้ได้ไง พี่ยังไม่เคยบอกเลยนี่” ผมสงสัยเลยหันไปถาม แต่หนุ่ยไม่ตอบได้แต่ยิ้มกวนๆให้ แล้วมันก็ขับรถมาส่งผมถึงบ้านจริงๆ แถมมันยังจอดถูกหลังด้วย ผมละงงจริงๆว่ามันรู้ได้ไง คงจะถามจากเพื่อนๆผมละมั้งผมคิด
“ขอบใจนะ ขับรถกลับบ้านดีๆละ” ผมยิ้มแล้วเปิดประตูลงจากรถ หนุ่ยหันมายิ้มตอบแล้วขับรถออกไป
ผมมานั่งซุ้มแต่เช้าเหมือนเดิม มันติดเป็นนิสัยแล้ว อีกอย่างผมไม่ชอบออกจากบ้านสายเพราะรถมันจะติดเอามากๆ มาแต่เช้าสบายใจดี
“พี่นัท” ต้อมวิ่งมาที่ผมนั่งอยู่ “กลับถึงบ้านกี่ทุ่มพี่ แวะไหนกันเปล่า”
“ก็สองทุ่มนิดๆ จะแวะไหนละก็กลับบ้าน” ผมงงกับที่ต้อมถาม “แต่ว่าถามทำไม”
“เปล่าๆๆ พี่ แค่อยากรู้” ต้อมนั่งหอบจากการที่วิ่งมา
“หึหึ ห่วงเพื่อนอะดิ กลัวพี่พาเพื่อนเราไปทำไรหรือไง”
“ใครจะไปห่วงมันพี่ ผมห่วงพี่มากกว่า” ต้อมมองหน้าผม
“เอา มาห่วงพี่ทำไม ไปห่วงเพื่อนเรานู้น ไปส่งพี่จนถึงบ้านเลย บอกว่าจะต่อรถไปเองก็ไม่ยอม ไม่รู้จะกลับถึงบ้านกี่โมง” ผมบอก เห็นต้อมทำหน้าแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่รู้ว่าเพื่อนมันไปส่งผมถึงที่บ้าน เลย
แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องคุยกับผม ถามเรื่องเรียนบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง จนผมต้องเอาตารางเรียนให้มันดู เมื่อมันถามผมว่ามีเรียนวันไหนบ้างกี่โมง แล้วมันจะอยากรู้ไปทำไมกัน เราคุยกันจนถึงเวลาเรียนก็แยกย้ายกันไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:32:41 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่ 2

วันนี้วันอาทิตย์ผม นัดกับไอ้ตี๋ไว้ว่าจะไปมาบุญครองกัน เพราะผมจะไปซื้อมือถือใหม่ เพราะอันที่ผมใช้อยู่เป็นของน้าเลยจะเอาไปคืนเขา ผมก็ไปเลือกตั้งหลายร้านจนไอ้ตี๋เริ่มบ่นเมื่อย ผมเลยตกลงซื้อ Samsung เพราะราคาไม่แพงมากแถมมีหลายสีด้วย ผมเลือกสีชมพูมาเพราะผมชอบใช้ของสีนี้ มันถูกโฉลกกับวันเกิดพอดี ถ้าอยากรู้ผมเกิดวันอะไรก็หาตารางวันและสีที่ถูกโฉลกกันมาดูนะครับ
พอได้โทรศัพท์ผมก็ซื้อซิมใหม่ด้วยเพราะเบอร์เก่าก็ของน้า ผมจะให้แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น ส่วนมากเอาไว้โทรตามเพื่อนมากกว่า แล้วผมกับไอ้ตี๋ก็ไปกินข้าวดูหนังอีกหนึ่งรอบ โดยที่ผมเป็นคนเลี้ยงมันเองเป็นการตอบแทนที่มาเดินซื้อของเป็นเพื่อน เพราะถ้าผมมาเป็นเพื่อนมันมันก็จะทำแบบเดียวกันนี่แหละครับ
วันจันทร์ผมมาแต่เช้าเหมือนเดิม แต่วันนี้ผมกำลังเห่อโทรศัพท์ใหม่จึงเอามันมากดเล่นโปรแกรมต่างๆในเครื่อง จนไม่ได้สนใจใครเลย
“พี่นัทคราบบบบ น้องมานั่งตั้งนานแล้วไม่ทักกันเลยนะ เล่นอยู่แต่กับโทรศัพท์” เสียงต้อมทำเอาผมตกใจ ช่วงนี้ตอนเช้าผมจะเจอต้อมก่อนคนอื่นๆเสมอ ไม่รู้มันจะมาทำไมแต่เช้าทุกวัน
“เออ โทษทีไม่ทันมอง กำลังเห่อของใหม่อะ ถ่อยมาเมื่อวาน” ผมยิ้มเขินๆ
“พี่ ใช้โทรศัพท์ด้วยหรอพี่ ผมไม่เคยเห็นพี่พกเลยตั้งแต่เจอพี่”
“อ๋อ ปกติเอาของน้ามาใช้ เลยใส่ไว้ในเป้ตลอด มีแต่พวกไอ้ตี๋แหละที่รู้เบอร์ แต่ตอนนี้ซื้อเองแหละโชว์ได้”
“งั้น ผมขอเบอร์พี่ได้เปล่า เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้โทรหาพี่ได้”
“จะเอาไปทำไมเจอกันทุกวัน มาถามกันที่ซุ้มก็ได้” ผมบอกแต่เห็นต้อมหน้าจ๋อยๆไป
“อะๆๆ เอาไปก็ได้ บอกรอบเดียวนะ 081 XXX XXXX” มันหน้าบานออกแหละทีนี้
“แล้วผมจะโทรหานะ พี่ ผมไปกินข้าวก่อนนะ วันนี้รีบมายังไม่ได้กินข้าวเลย” แล้วมันก็ลุกเดินไปโรงอาหาร
“ครืน ครืน” โทรศัพท์สั่งในเป้ที่ผมสะพาย
“สวัสดี ครับ ใครครับ” ผมถามปลายสาย
“ผมเองพี่ ต้อมไง” เสียงต้อมตอบกลับมา
“เออ มีอะไรว่ามา”
“พี่กินข้าวยังครับ”
“ยัง กำลังจะไปกินกับพวกไอ้ตี๋เนี่ย” มันจะถามทำไมมันก็รู้ผมเพิ่งเลิกเรียน
“รอ ผมด้วยพี่ ผมไปกินด้วย แค่นี้นะครับ” แล้วมันก็วางสายไปเลย ผมเลยหันไปบอกเพื่อนๆว่าให้รอต้อมมันก่อนมันขอไปกินข้าวด้วย
สักพักต้อมกับหนุ่ยก็มาที่ซุ้ม เราก็ไปกินข้าวร้านป้าไหวเหมือนเดิม โดยที่ต้อมมานั่งข้างผมแล้วหนุ่ยนั่งตรงข้ามต้อม คราวนี้ป้าไหวแกไม่พลาดอีกไม่มีข้าวโพดอ่อนมาในจานข้าวผม
“พี่นัท เดี๋ยววันนี้กลับกับผมอีกนะ” หนุ่ยพูดพร้อมตักข้าวผัดหมูใส่ปาก ผมกำลังเขี้ยวเส้นใหญ่ราดหน้าอยู่เลยพยักหน้าแทนคำตอบ
“เออ หนุ่ยมึงกลับไปก่อนเลย กูกะว่าจะให้พี่นัทเขาสอนเลขกูเย็นนี้กูไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” อยู่ๆต้อมมันก็หันไปบอกหนุ่ย แล้วมันบอกผมตอนไหนว่าจะให้สอนเลขให้มัน
“กู รอได้เดี๋ยวกูเรียนเป็นเพื่อนก็ได้ ดีซะอีกกูจะได้เข้าใจมากขึ้น”
“มึง รีบกลับไปเถอะ ซ้อมเชียร์เลิกก็มืดแล้ว ที่บ้านยิ่งเป็นห่วงอยู่ เดี๋ยวกูไปส่งพี่เขาเองวันนี้กูเอารถมาเหมือนกัน” ต้อมบอกหนุ่ย ระหว่างที่พวกมันเถียงกันผมก็นั่งฟัง คิดว่าแล้วพวกมึงถามกูยังว่ากูว่างไหม เล่นนั่งตกลงกันเองสองคนไม่ถามกูสักคำ ผมเลยนั่งฟังมันเถียงกันสักพักก็ได้ข้อสรุปว่า ผมต้องอยู่สอนเลขต้อมแล้วกลับกับมันมันจะไปส่ง เออดีจริงๆมีการตัดสินใจให้เสร็จสรรพ
ซ้อมเชียร์เสร็จผมก็มานั่งที่ซุ้มเพื่อที่จะสอนเลขให้ต้อม ระหว่างที่กำลังสอนหนุ่ยก็เดินมานั่งข้างหน้าผมกับต้อม
“พี่นัทขอเบอร์ หน่อยสิ มีคนบอกว่าพี่เปลี่ยนเบอร์แล้ว” หนุ่ยทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
“อืม เปลี่ยนเบอร์แล้ว แต่เรารู้เบอร์เก่าพี่หรือไง ถามเหมือนเคยมี” ผมสงสัย
“มี ตั้งนานแล้วพี่แต่ไม่กล้าโทรไปกวน ไม่เหมือนคนบางคนได้เบอร์มาก็โทรกวนเลย” หนุ่ยหันไปมองหน้าต้อม
“งั้นเอามือถือมาเดี๋ยวกดให้ ขี้เกลียดพูดแล้ว พูดมาทั้งวัน” ผมรับมือถือจากหนุ่ยมากดเบอร์ให้ แล้วส่งคืนดูหนุ่ยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
“กลับบ้านดีๆนะครับ ขับรถระวังๆด้วย” ผมเงยหน้าไปยิ้มให้
“ครับพี่ก็กลับบ้านระวังๆตัวบ้าง นะ” หนุ่ยยิ้มให้ผม แล้วหันไปมองหน้าต้อม
ผมสอนเลขมาพักใหญ่ๆก็ชวนต้อมกลับบ้าน แต่ผมบอกว่าเดี๋ยวกลับรถเมล์เองไม่รบกวนมันหรอก มันก็ไม่ยอมบอกว่าตอบแทนที่สอนเลขให้มัน แล้วก็หยิบของของผมเดินไปเลย พอขึ้นมาบนรถผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันเลยจนรถมาติดไฟแดงแถวแยกคอกวัว
“พี่ นัทรู้เปล่าว่าไอ้หนุ่ยมันชอบพี่” อยู่ๆต้อมก็พูดขึ้นมา
“บ้าแล้ว มันจะมาชอบพี่ทำไม” ผมทั้งงงทั้งตกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“จริงๆพี่ มันชอบพี่ตั้งแต่เริ่มซ้อมเชียร์แหละ แต่มันไม่กล้าจีบเพราะคิดว่าพี่กับพี่ตี๋เป็นแฟนกัน พอมันรู้ว่าพี่ตี๋ไปมีแฟนต่างคณะมันเลยจีบพี่ใหญ่เลย พี่ไม่รู้สึกหรอ” ต้อมพูดเสียงจริงจัง
“เออไปกันใหญ่แหละ พี่กับไอ้พี่ตี๋เป็นเพื่อนกันจริงๆ แล้วเราเอาเรื่องนี้มาบอกพี่ทำไม มันรู้จะไม่โกรธเราหรือไง ” ผมเริ่มจริงจังบ้าง
“ไม่หรอกพี่ อีกอย่างผมก็ไม่มั่นใจว่าพี่คิดยังไง แต่ผมมั่นใจว่ามันจะต้องทำให้พี่ชอบมันจนได้ เพราะผมเองก็ติดแบบนั้น” ต้อมมันยังพูดโดยไม่หันหน้ามามองผม
“หมายความว่าไงเนี่ย ที่ผมเองก็คิดแบบนั้น พี่เริ่มสับสนแล้วนะ” ต้อมก็ขับรถแอบเข้าข้างทางแล้วจอดรถหันหน้ามามองที่ผม ซึ่งผมก็มองต้อมอยู่ด้วยความสงสัย
“ก็หมายความว่าผมเองก็ชอบพี่ด้วยไง” ผมอึ้งกับคำที่ได้ยินแต่เห็นมันมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง
“เอาเข้าไป อย่ามาอำพี่ดีกว่า พวกเราจะมาชอบพี่ทำไม หน้าตาอย่างพี่เนี่ยนะ” ผมถาม
“หน้า ตาไม่เกี่ยวเลยพี่ ก็พี่นิสัยดี อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ พอคุยกับพี่ไปนานๆมันก็ชอบพี่ไปแล้ว” ต้อมยังจ้องหน้าผมอยู่ซึ่งผมก็เริ่มหลบตาบ้างแล้วเพราะเริ่มเขิน
“เออ ช่างมันเถอะ แต่พี่ก็ไม่แน่ใจนะจะชอบพวกเราหรือเปล่า เพราะพี่ไม่ค่อยชอบคนหน้าตาดี ” ผมบอกไปตามที่นิสัยผมเป็น
“แต่คงไม่ใช่ ผมแน่นอน เดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้พี่เห็นเอง”
“โอเค พี่เข้าใจเรานะ แต่ขอพี่คิดดูก่อนได้ไหม แต่ทำแบบนี้เรากับหนุ่ยจะไม่ทะเลาะกันหรอ” ผมถามเพราะผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เพื่อนทะเลาะกันเพราะผม
“ไม่หรอกพี่ อยู่ที่พี่ตัดสินใจมากกว่า ถ้าพี่เกิดเลือกมันผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก มันก็เพื่อนรักผม พี่ก็คนที่ผมชอบ อาจมีเสียใจบ้างเท่านั้นเอง ผมคิดว่ามันก็คงคิดแบบเดียวกับผมนี่แหละ”
“เดี๋ยวพี่ลงตรงนี้เลยก็ได้ ต่อรถอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านพี่แล้ว” ผมตัดบทเพื่อจะได้ลงจากรถ เพราะตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว
แต่ต้อมก็ไม่ยอมให้ผมลงกลับขับรถออกไปเลย เวลานั้นผมกับต้อมไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย เพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรดี หลังจากที่ได้ยินเรื่องเมื่อกี้นี้ จนรถมาจอดหน้าบ้านผม ทำไมพวกมันรู้จักบ้านผมอีกคนแล้วผมคิดในใจ
“พี่นัทครับ” ผมหันไปมองขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถ
อยู่ๆต้อมก็ยื่นหน้ามาหอมที่แก้มผม โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมรู้สึกหน้าชาไปเลย
“เฮ้อ ผมสบายใจแหละที่ได้พูดออกมา เอาเป็นว่าผมจะรอคำตอบจากพี่นะครับ” ต้อมยิ้มหน้าตาเฉย
ผมลงมาจากรถด้วยความรู้สึกที่ยังตกใจกับการที่โดนหอมแก้มไปเมื่อกี้นี้ ผมเดินมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเพื่อเข้านอน กะว่าตื่นขึ้นมาผมจะได้ลืมเรื่องเมื่อกี้ แต่ผมกลับนอนไม่หลับทั้งคำพูดที่ต้อมมันพูดกับผมและที่มันหอมแก้มผมยังวน เวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ผมก็พอรับได้กับเรื่องพวกนี้นะเพราะสมัยนี้เห็นกันจนชินไปหมดแล้ว แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวผมเองนี่สิ ผมคิดจนเกือบตี 3 ผมถึงหลับลงได้เพราะเพลีย
“ครืน ครืน ครืน” เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ที่หัวเตียง ผมจึงหยิบมารับทั้งที่ยังไม่ได้ดูชื่อเลย
“สา หวัดดีครับ” ผมงัวเงียเพราะเมื่อคืนนอนดึก
“พี่นัท ผมหนุ่ยเอง พี่เป็นไรหรือเปล่าครับทำไมยังไม่มาซุ้มอีก ไอ้ต้อมมันทำอะไรพี่เมื่อคืน ผมไม่น่าปล่อยให้พี่กลับกับมันเลยจริงๆ” หนุ่ยทำเสียงเป็นกังวลมาก
“ไม่ มีใครทำไรพี่หรอก พี่นอนดึกไปหน่อยเมื่อคืน แล้วนี่กี่โมงแล้ว” ผมยังไม่หายงัวเงียอยู่ดี
“จะ สิบโมงแล้วพี่ ไม่งั้นผมไม่ห่วงพี่หรอก” หนุ่ยยังกังวลต่อ
“อืม พี่ไม่เป็นไรจริงๆ เอาเป็นว่าใครถามถึงพี่บอกวันนี้พี่หยุดแล้วกันนะ แค่นี้นะ ” ผมกดวางสายแล้วนอนต่อ เพราะผมยังรู้สึกว่าอยากนอนต่ออีกนานๆ แถมไปเรียนก็ไม่ทันแล้ว วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า แล้วผมก็หลับต่อ
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมตื่นแล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาปรากฏว่า บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว น้าคงจะเข้ามาเอาของในห้องผม
“เข้ามาเลยห้องไม่ได้ ล็อคครับ” ผมตะโกนบอกทั้งที่ตายังหลับอยู่
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อ รู้สึกว่ามีมือมาจับที่หน้าผาก พอผมลืมตาแล้วปรับสายตาจนหายมัวแล้วก็เห็นว่าเป็นต้อมนั่งอยู่บนเตียงผม ผมรีบดึงผ้าห่มมาพันตัวไว้ทันที เพราะผมชอบนอนถอดเสื้อ บางวันก็จะใส่แต่กางเกงในนอน
“เฮ้ย นี่พี่คิดว่าผมจะทำอะไรพี่หรือไง เอาผ้าไปปิดขนาดนั้น ผมแค่จับดูนึกว่าพี่ไม่สบายเลยหยุดเรียน” ต้อมนั่งยิ้ม
“จะ ไปรู้หรอ ก็มันตกใจนี่” ผมเอาผ้าห่มออกจากตัว
“แล้วนี่เข้ามาได้ยังไง น้าพี่ยังอยู่บ้านอีกหรอ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว
“อยู่พี่แกเป็นคนให้ขึ้นมาหา นี่แหละ เห็นแกบอกว่าลืมของแล้วกลับมาเอาพอดี ผมโชคดีไหมละ” ต้อมทำหน้าทะเล้นเหมือนจะชมในความโชคดีของตัวเอง ที่มาแล้วเจอน้าผมเข้า
“ลุก เลยพี่จะบ่ายสามแล้ว เดี๋ยวผมพาไปกินข้าว โรคกระเพาะถามหาพอดี เล่นนอนจนไม่กินอะไรเลย ผมลงไปรอข้างล่างนะครับให้เวลา 10 นาทีนะครับ” เออ เดี๋ยวนี้รุ่นน้องมันสั่งผมซะแล้ว แล้วนี่ผมเป็นอะไรกับมันตั้งแต่เมื่อไรกัน ว่าแล้วมันก็เดินลงไปรอข้างล่างจริงๆ
ผมแต่งตัวลงมาข้างล่างเห็นมันนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก พอมันหันมาเห็นผมก็เดินมาจับที่ข้อมือผม แล้วก็ดึงให้เดินตามมันไปทันที มันพาผมมาที่รถที่มันจอดรออยู่หน้าบ้าน มันขับรถพาผมมาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเพื่อมาหาอะไรกินกัน เราลงไปกิน MK ที่ชั้นใต้ดินกัน มันสั่งของเยอะมากทั้ง เป็ดย่าง หมีหยก ชุดเห็ด แล้วยังพวกลูกชิ้นและของสดต่างๆ
“สั่งมาเยอะขนาดนี้จะกินหมดหรอไง มากันแค่สองคน” ผมถามไปงั้นแหละจริงๆผมก็กินไหว คิดจากหุ่นผมสิครับ
“ผม ยังไม่ได้กินไรตั้งแต่เที่ยงเลย หิวจะแย่แล้ว รอมากินพร้อมพี่นี่ไง” มันตอบแล้วยิ้มมาให้
“บ้าหรือไงแล้วถ้ามาไม่เจอพี่จะทำไง”
“เป็นห่วง ผมด้วยหรอ ดีใจจัง” มันยิ้มหน้าบานเลย
“ตามมารยาทโว้ย แล้วไม่ซ้อมเชียร์หรือไง เดี๋ยวคนขาดเพื่อนโดนลงโทษหรอก” ผมบ่นที่มันไม่อยู่ซ้อมเชียร์
“พี่นี่ไม่มีคนแจ้งข่าวเลยหรือไง วันนี้เขาประกาศให้ซ้อมแค่ จันทร์ พุธ ศุกร์ แล้ว เพราะใกล้สอบมิดเทอม จะได้มีเวลาพักผ่อน วันนี้ก็เลยว่าง” มันหลอกด่าผมป่าวเนี่ยแต่มันยังยิ้มไม่หุบอีก
แล้วอาหารก็มาเสริฟ ต้อมกินได้เยอะมากจริงๆ ท่าทางจะหิวมากอย่างที่บอก ผมก็ใช่ย่อยที่ไหนมื้อแรกของวันนี้เลย เลยยังสั่งเป็ดย่างกับหมีหยกเพิ่มอีกต่างหาก
“พี่ครับเงินตกมาเก็บเงิน ไปด้วยครับ” ต้อมมันกวนพนักงาน สักพักพนักงานก็เดินกลับมาพร้อมบิลค่าอาหาร ผมเตรียมควักกระเป๋าจ่ายแล้ว
“ทำอะไรพี่เก็บไปเลย มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” มันหันมาดุผม
“เฮ้ย พี่เป็นพี่นะต้องเลี้ยงน้องสิ” ผมแย้ง
“พี่เพ้อ อะไร อีกหน่อยก็มาเป็นแฟนผมแหละ เลี้ยงแฟนในอนาคตจะเป็นไรไป” ดูมันพูดมันไม่อายพนักงานเลย แต่ผมโคตรอายเลยตอนพนักงานเขาหันมามองหน้าผมกับมัน แล้วมันก็เป็นคนจ่ายเงิน
แล้วผมกับมันก็เดินเล่นกันสักพักผมก็ให้มันกลับบ้านเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว อีกอย่างบ้านมันอยู่ไกลจากบ้านผมพอสมควรเลย มันบอกว่าจะมาส่งผมก่อนแล้วก็จะกลับเลย
“ครืน ครืน” โทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงผม
“สวัสดีครับ” ผมรับสาย
“พี่นัท อยู่บ้านเปล่าครับเดี๋ยวผมแวะไปหา” เสียงหนุ่ยดังมาจากปลายสาย
“พี่ออกมา ข้างนอกแล้ว มากินข้าว แต่ก็กำลังจะกลับแหละ” ผมตอบ
“งั้นพี่อยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมไปรับกลับบ้านแล้วกัน” หนุ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอก พี่อยู่กับต้อมพอดี เดี๋ยวต้อมจะไปส่งพี่เหมือนกัน”
“พี่อยู่กับไอ้ต้อ มหรอ มันไปหาพี่นี่เองถึงว่ามันหายไปไหน เรียนยังไม่ทันหมดคาบเลย” หนุ่ยทำเสียงไม่พอใจ
“แล้วก็ไม่ต้องแวะหาพี่นะ พรุ่งนี้เจอกันที่ซุ้มตอนเช้า”
“ก็ได้ครับ พรุ่งนี้เช้าผมมีอะไรจะบอกพี่ด้วย งั้นแค่นี้นะครับ” หนุ่ยวางสายทันที
“ไอ้ หนุ่ยโทรมาหรอพี่” ต้อมหันมาถาม ผมได้แต่พยักหน้าตอบ
ผมกลับมาถึงบ้านก็นอนคิดว่าสงสัยหนุ่ยจะบอกผมว่าชอบผมอีกคนแน่ๆ เพราะผมรู้จากต้อมแล้วแล้วผมจะทำยังไงดี แต่หนุ่ยก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่งที่เดียวนิสัยก็พอๆกันกับต้อม แล้วนี่ผมเป็นอะไรเนี่ยะมานั่งลังเลว่าจะชอบผู้ชายคนไหน ท่าทางผมจะเริ่มเบี่ยงเบนซะแล้ว ผมนอนคิดสักพักก็หลับไปคงเพราะอิ่มจาก MK ที่ไปกินกับต้อมมา
“ปิ้นๆๆ” เสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง ขณะผมกำลังเดินไปขึ้นรถเมล์ตอนเช้า ผมเลยหันไปดูปรากฏว่าเป็นรถของหนุ่ยขับตามหลังมา
“พี่นัท ผมมารับพี่ไปมหา’ลัยครับ” หนุ่ยเปิดกระจกแล้วชะโงกหัวออกมาเรียก ผมแปลกใจว่าหนุ่ยรู้ได้ไงว่าผมจะออกจากบ้านเวลานี้
“เร็วๆพี่ รถข้างหลังเขาติดนะ” หนุ่ยยังตะโกนบอก ผมเลยต้องเดินขึ้นรถหนุ่ย
“ผมมารอ พี่ตั้งนาน นึกว่าวันนี้จะไม่ไปเรียนอีกแล้ว” หนุ่ยบอกขณะที่ผมหยิบเข็มขัดมาคาด
“แล้วมารอพี่ทำไม บอกว่าจะเจอกันที่ซุ้มไง”
“ก็ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวนี่ นา” หนุ่ยหันมามองหน้าผมแล้วหันกลับไปมองทางอีกที
แต่หนุ่ยก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมก็ไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไร เพราะคิดว่าพอจะรู้บ้างแล้วว่าเรื่องอะไร ได้แต่นั่งคิดว่าจะคุยกับน้องยังไงดี ไม่อยากจะให้ต้อมกับหนุ่ยมาผิดใจกันเพราะผม หนุ่ยขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของมหา’ลัยชั้น 3 ตอนนี้แทบไม่มีรถจอดอยู่เลยสักคน เพราะมาพวกเรามาถึงกันแต่เช้า ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ หนุ่ยก็กดล็อคประตูรถทันที
“ล็อครถทำไม พี่ยังไม่ได้ลงเลย” ผมหันมาถามหนุ่ยด้วยความสงสัย
“ผมอยากคุยกับพี่ที่ นี่ให้มันรู้เรื่องก่อน พี่ต้องคุยกับผมก่อน” หนุ่ยทำเสียงจริงจัง มือยังจับพวกมาลัยรถไว้แน่น
“เออ พี่หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่ต้อมมันบอกพี่หรอกนะ” ผมบอกหนุ่ยหันหน้ามามองผมด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก
“นี่ไอ้ต้อมมันเล่า เรื่องให้พี่นัทฟังหมดแล้ว มันบอกอะไรกับพี่บ้างพี่บอกผมหน่อยได้ไหมครับ” มือหนุ่ยยังจับพวกมาลัยรถไว้แน่นมากเหมือนกำลังตื่นเต้นอย่างมาก
“มันก็ บอกพี่เรื่องของเราแค่นั้นเอง” ผมบอกโดยไม่มองหน้าหนุ่ย
“นั่นแหละพี่มัน บอกพี่ว่ายังไงบ้าง ผมจะได้อธิบายให้พี่เข้าใจ” หนุ่ยคงเครียดมากฟังจากน้ำเสียง
“เออ...... ก็บอกพี่ว่า..... เรานะชอบพี่ แต่พี่ว่ามันคงอำพี่เล่นเท่านั้นเอง” ผมพูดแบบไม่ค่อยเต็มเสียง
“มัน เอาเรื่องผมไปบอกพี่ได้ยังไงกัน เดี๋ยวมันต้องเจอกับผมแน่ๆ” หนุ่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เฮ้ย เรื่องล้อเล่นแค่นี้เอง จะมาทะเลาะกันทำไม” ผมรีบพูดทันทีเพราะไม่อยากให้พวกมันทะเลาะกัน
“มัน ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพี่ แล้วผมก็ชอบพี่จริงๆ พี่จะว่ายังไง” หนุ่ยจ้องมาที่ผมซึ่งก็ก้มหน้าหลบสายตาของมันอยู่
“พี่นัทผมจริงจังนะพี่ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน พี่เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมรู้สึกชอบจริงๆ” หนุ่ยเอื้อมมาจับมือผม ผมก็พยายามดึงกลับแต่หนุ่ยก็จับไว้แน่นมาก
“พี่ ว่าพวกเราล้อเล่นกับพี่มากไปแล้วมั้ง ทำไมพวกเราต้องมาชอบพี่ด้วย พวกเราสองคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่” ผมดึงมือกลับ
“พี่หมายความว่ายังไง พวกผมสองคน” หนุ่ยทำหน้าสงสัย
“ก็ใช่นะสิ ก็เราทั้งสองคน อยู่ๆก็มาบอกชอบพี่พร้อมกันอย่างนี้ พี่ว่ามันมากเกินไปแล้วเล่นอะไรกันอยู่” ผมเริ่มเครียดเหมือนกัน
“มันก็ ชอบพี่เหมือนกันจริงๆด้วย” หนุ่ยกลับไปทำหน้าเครียดขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ผม ไม่ได้ล้อเล่นนะพี่ ผมรู้สึกชอบพี่จริงๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าผมคงเพี้ยนไปแล้วเพราะพี่เป็นผู้ชายเหมือนผม แต่พอผมคุยกับพี่สนิทกับพี่มากขึ้นผมกลับรู้สึกคิดถึงพี่มากขึ้นด้วยเหมือน กัน มันเกิดได้ยังไงผมก็ไม่รู้แต่ผมคิดว่าผมชอบพี่แน่นอน และผมไม่ได้ล้อเล่นด้วยนะครับ” หนุ่ยระบายความในใจออกมามากมายสายตายังจ้องมาที่ผมตลอด ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกสับสนเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ผมไม่อยากโดนอำเป็นตัวตลกนะครับ
“พี่ว่ามันมากเกินไปหรือเปล่า จะอำกันขนาดนี้เลยหรอ พี่ยังไม่อยากเป็นตัวตลกของใครนะ” ผมพูดในสิ่งที่ผมคิด
“พี่คิดว่าที่ผมชอบพี่มันจะทำให้พี่เป็นตัวตลกหรอ ครับ” หนุ่ยทำเสียงเข้ม
“ก็ใช่ ถ้าเราแกล้งจนพี่เกิดชอบเราตอบ แล้วมันกลายเป็นเกมส์หรือการพนันอะไรของพวกเรา เราคิดว่าพี่จะเป็นยังไง” ผมเริ่มเครียด
“ผมไม่เอาความรู้สึกของคนที่ผมชอบมาทำร้ายแน่นอน ผมไม่รู้นะว่าไอ้ต้อมมันคิดยังไง แต่ผมชอบพี่จริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น พี่จะให้ผมพิสูจน์ยังไงก็ได้ ถ้าพี่ต้องการ” หนุ่ยจับมือผมไว้อีกหน
“แล้ว พี่คิดว่าผมไม่เครียดหรือไง ผมคิดมานานแล้ว คิดแล้วคิดอีกจนผมรู้ว่าผมชอบพี่จริงๆ ทั้งที่พี่เป็นผู้ชายเหมือนผม ผมกลัวนะว่าถ้าบอกพี่ไปแล้วพี่จะไม่ยอมคุยกับผมอีก ผมกลัวจริงๆเมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว” หนุ่ยเสียงเศร้ามากแต่ยังกุมมือผมไว้แน่น
“เออ... ยังไงพี่ก็ขอบใจนะที่เรามาชอบพี่ แต่พี่ยังไม่ทันเตรียมตัวกับเรื่องแบบนี้ ขอเวลาพี่หน่อยได้ไหม” ผมเข้าใจความสับสนของหนุ่ยเพราะตอนนี้ผมก็เริ่มสับสนแล้วเหมือนกัน ที่อยู่ๆน้องที่ผมสนิทด้วยมาชอบผมแบบนี้
“แสดงว่าพี่ก็ไม่ได้รังเกลียดผม ใช่ไหมครับ” หนุ่ยยิ้มออกแล้วดึงมือผมเข้าหาตัวจนผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมัน ผมตกใจและอึ้งไปชั่วขณะที่อยู่ดีๆก็โดนกอด
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงคนเคาะกระจกด้านหลังผม ผมได้สติจึงผลักตัวออกจากการกอดของหนุ่ย แล้วหันไปดูทันที คนที่เห็นกลับเป็นต้อมยืนหน้าเครียดอยู่ข้างประตูฝั่งที่ผมนั่ง
“ไอ้ หนุ่ยมึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้เลย ลงมาคุยกันหน่อย” ต้อมตะโกนผ่านกระจกเข้ามา
“กู คิดแล้วว่ามึงต้องไปรับพี่เขามาเช้านี้ แต่กูไม่คิดว่ามึงจะพาพี่เขาแอบมาทำอะไรแถวนี้” ต้อมพูดด้วยเสียงไม่พอใจ
ตอนนี้ผมเริ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกตามความจริงว่าผมกลัวว่าน้องทั้ง 2 คน จะทะเลาะกันแล้วสาเหตุมาจากผม แถมยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกต่างหาก ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น หนุ่ยก็เปิดประตูลงไปโดยที่ต้อมยืนอยู่อีกฝั่งของรถ ผมเลยรีบเปิดประตูลงตามมาด้วยอีกคน
“มึงมาก็ดีจะได้คุยกันให้รู้เรื่อง กันไปเลย” หนุ่ยพูดเสียงนิ่งๆ
“มึงมีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า แต่อย่ามาทำกับพี่นัทแบบนี้ กูไม่ชอบ” ต้อมดูจะโกรธนิดหน่อยเมื่อฟังจากน้ำเสียง
“มึงก็รู้นี่หว่าว่ากูชอบพี่ เขา แล้วทำไมมึงยังไปยุ่งกับพี่เขาอีก มึงต้องการอะไรกันแน่” หนุ่ยยังคงพูดแบบนิ่งๆ
“กูรู้ว่ามึงชอบพี่เขา แต่กูขอโทษกูตัดใจไม่ชอบพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน กูพยายามแล้วที่จะหลีกทางให้มึง แต่กูก็ทำไม่ได้จริงๆ กูคิดว่าความรู้สึกนี้มึงก็น่าจะเข้าใจกูเหมือนกัน” ต้อมเสียงเศร้าไปนิดหน่อยเมื่อถึงตอนนี้ ส่วนผมก็ได้แต่ฟังกับเรื่องที่มันสองคนคุยกันได้แต่หันไปมองหน้ามันสองคน สลับกันไปมา
“แต่กูคิดว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่การตัดสินใจของพี่เขา ถ้าพี่เขาไม่ชอบกูแล้วชอบมึงกูก็จะไม่ว่าอะไรเลยที่มึงทำกับพี่เขาแบบนี้ แต่นี่พี่เขายังไม่ได้ตอบตกลงใครทั้งนั้น มึงก็อย่าลุ่มล่ามกับพี่เขาได้ไหมกูขอ” ต้อมพูด
“หยุดเลยทั้งสองคน” ผมแทรกขึ้นมา “แล้วนี่ยังเห็นพี่อยู่ในสายตาอีกไหม แค่รู้ว่าเราสองคนชอบพี่ พี่ก็ดีใจแล้วแต่ถ้าจะมาทะเลาะกันเพราะพี่อีกก็อย่ามาชอบพี่กันเลยนะ เพราะแบบนี้พี่ก็รับไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างพี่ยังรับเรื่องแบบนี้ไม่ทันเหมือนกัน สำหรับเราสองคนอาจคิดกันมานานแล้ว แต่พี่ไม่ใช่พี่ยังไม่ทันคิดไม่ทันเตรียมตัวอะไรทั้งสิ้นเลย ขอเวลาให้พี่คิดอะไรคนเดียวบ้างได้ไหม แล้วถ้าเรายังทะเลาะกันอยู่แบบนี้ก็อย่ามาคุยกับพี่เลยนะ” ผมเดินออกมาทันทีหลังจากที่พูดความในใจออกไปหมดแล้ว โดยไม่ได้หันกลับไปมองทั้งสองคนเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมเดินมานั่งที่ซุ้มคนเดียวเหมือนเดิมเพราะยังเช้าอยู่ ผมนั่งคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่ามันเกิดขึ้นกับผมได้ยังไงผมเกิดมาจนจะอายุ 20 แล้วก็เพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้ ถึงที่ผ่านมาผมก็มีแฟนมาบ้างแต่ก็เป็นผู้หญิงแล้วผมจะทำยังไงกับคราวนี้ ความจริงผมก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับน้องสองคนนี้นะ กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำเพราะทั้งสองคนก็เป็นคนนิสัยดีน่ารักทั้งคู่ แต่ผมจะคบกับมันกันยังไงละครับเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งปวดหัวและสับสนไปหมด
“ไอ้นัทเหม่อลอยคิดถึงใครวะ” เสียงไอ้ตี๋เรียกทำเอาผมตกใจ
“แหม ขวัญอ่อนจริงๆวันนี้” มันแซว
“เออ โทษทีคิดไรเพลินๆไปหน่อย ปะไปขึ้นเรียนได้แล้วรอตั้งนาน” ผมเปลี่ยนเรื่องทันที
วันนี้ผมเรียนไม่รู้เรื่องทั้งวันเลย เพราะในหัวมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวนเวียนเข้ามาตลอดเวลา จนถึงเย็นที่ต้องไปซ้อมเชียร์ พอตอนแบ่งกลุ่มผมก็ขอเปลี่ยนกลุ่มกับไอ้ตี๋เพราะผมยังไม่อยากเจอหน้าสองคน นั้น พอเลิกซ้อมเชียร์ผมก็รีบกลับบ้านทันที
“เฮ้ยนัท ไม่ไปกินข้าวกันก่อนหรอ” ไอ้ตี๋ตะโกนถามเมื่อเห็นผมกำลังเก็บของจะกลับบ้าน ผมหันไปมองเห็นหนุ่ยกับต้อมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
“เออ พอดีวันนี้ไม่ว่าง นัดกับที่บ้านไว้ขอตัวก่อนแล้วกันนะ” ผมหาข้ออ้างให้กับตัวเอง แล้วเดินออกมาทันทีเลย แต่ผมดันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ซุ้มอีก ทีแรกจะไม่กลับไปเอาแต่ผมก็กลัวหายถ้าเผื่อเพื่อนผมไม่ทันเห็น ผมเลยต้องกลับไปเอา พอมาถึงที่ซุ้มผมก็หาโทรศัพท์ไม่เจอ ผมหาอยู่พักใหญ่ๆจนถอดใจแล้วคิดว่าคงหายไปแล้วแน่นอน ผมเลยคิดว่ากลับบ้านก่อนดีกว่า
“หานี่อยู่หรือเปล่าพี่” ผมหันไปตามเสียงที่ทัก ก็เห็นหนุ่ยกับต้อมยืนอยู่ด้วยกัน แล้วโทรศัพท์ผมก็อยู่ในมือต้อมอีกต่างหาก
“ขอบใจ” ผมเดินจะไปหยิบโทรศัพท์จากมือต้อม แต่มันกลับเอาไปซ่อนไว้ข้างหลังของมัน
“พี่ ต้องคุยกับพวกผมให้เข้าใจก่อน แล้วผมจะคืนให้” มันต่อรองผมซะงั้น
“มันจะ เกินไปแหละ ให้มันรู้ซะมั่งใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง เอาของพี่คืนมาเลยถ้าไม่อยากมีเรื่องพรุ่งนี้” ผมขู่
“ตามใจพี่แล้วกัน แต่ถึงยังไงพี่ก็ต้องคุยกับผมสองคนให้รู้เรื่อง พวกผมไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ” คราวนี้ต้อมมันทำหน้าจริงจัง
“เออๆๆ จะคุยอะไรก็ว่ามา” ยังไงพวกมันก็มีโทรศัพท์ผมเป็นตัวประกันอยู่แล้วนี่ ผมก็คงต้องคุยกับพวกมันสองคนอยู่ดี
“คือผมสองคนคุยกันแล้วพี่ เราตกลงกันว่าเราจะแข่งกันจีบพี่กันอย่างแฟร์ๆ ถ้าพี่ชอบใครหรือคบใครอีกฝ่ายต้องถอยออกไป แต่เราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ต้อมเล่าเรื่องที่พวกมันตกลงกันให้ผมฟัง
“เออ ดีเนอะ ตกลงกันง่ายดี แล้วถ้าพี่ไม่ชอบใครเลยล่ะจะทำไง” ผมถาม
“อันนี้ มันก็เรื่องของพวกผมนะพี่ ที่จะเลิกชอบพี่หรือเปล่า แต่ผมจะทำให้พี่ชอบผมให้ได้คอยดูแล้วกัน” หนุ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจจริงๆ
“เออ เรื่องของพวกแกแล้วกัน เอาโทรศัพท์มาพี่จะกลับบ้าน” ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับพวกมันอีก เพราะมันก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะ” ต้อมเสนอตัวพร้อมยื่นโทรศัพท์คืนมาให้
“เฮ้ยเดี๋ยวกูไปส่งเอง บ้านมึงคนละทาง” หนุ่ยขวางลำเต็มที่เลยงานนี้
“เออ ยังไม่ทันไรมันจะกัดกันอีกแล้ว แล้วบอกจะไม่ทะเลาะกันพี่กลับเองได้ไม่ต้องไปส่งสักคนเลย แม่งปวดหัวจริงๆ” ผมบ่นแล้วก็เดินออกมาจากพวกมันสองคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:33:48 โดย nataxiah »

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
ความจริงลงต่อจากตอนเเรกๆก็ได้นี่ครับ

เเต่ก็ไม่เป็นไร(มั้ง)วันนี้มาจิ้มไว้ก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้

อ่านเเล้วจะเม้นให้ใหม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2010 00:53:54 โดย @aOoM&jAe@ »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่ 3

เช้า นี้ผมกำลังเดินมาที่ซุ้มเห็นมันสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว งานเข้าอีกแล้วแน่ๆกู มันจะมากันทำไมแต่เช้าชีวิตส่วนตัวกูจะเหลืออีกไหมนี่ ผมเลยเดินเลยโต๊ะที่พวกมันสองคนนั่งไปนั่งโต๊ะถัดไปอีก 2 ตัว

“โห ทำเป็นมองไม่เห็นน้องนุ่งนะ” ต้อมบ่นแล้วลุกเดินมาที่โต๊ะผมนั่ง หนุ่ยก็ลุกเดินตามมา พวกมันจะรังควาญผมไปถึงไหนนี่ ผมต้องการความสงบ

“อืม ก็เห็นนะแต่อยากนั่งตรงนี้ แล้วมีอะไรกับพี่ไหม” ผมกวนพวกมันกลับไป

“ใครจะกล้ามีอะไรกลับพี่ละ ครับ เดี๋ยวพี่ไม่ชอบผมขึ้นมาก็แย่กันพอดี” หนุ่ยพูดพร้อมนั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าผม

“พอแหละมึงอะเลี่ยนไปแหละ ใครจะชอบมึงพี่เขาชอบกูนี่” ต้อมเริ่มขัดขากันอีกแหละ ผมได้แต่นั่งมองหน้ามันที่เถียงกันว่าผมจะชอบใครมากกว่ากัน

“เมื่อไหร่จะเงียบกันซะที พี่จะทำรายงานไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว” ผมต้องห้ามทัพเพราะนั่งฟังมันเถียงกันมานานแหละจนเริ่มรำคาญ

“ฝากของแปบนะ พี่จะไปหาซื้ออะไรมากินหน่อย” ผมลุกขึ้นจะไปซื้อน้ำกับขนมมากินรองท้องก่อนเข้าเรียนเช้าซะหน่อย

“ไม่ต้องเลยพี่ เดี๋ยวผมจัดการให้” แล้วหนุ่ยก็ลุกขึ้นวิ่งไปโรงอาหารแทนผมซะงั้น ต้อมก็ลุกตามไปทันที ผมก็เลยนั่งลงเพราะจะรอดูว่ามันสองคนจะทำไรกันอีก สงสัยผมคงหาความสงบในชีวิตไม่ได้อีกนานถ้ามันสองคนยังเป็นกันแบบนี้อยู่

สักพักมันสองคนก็เดินถือขนมกับน้ำกลับมา โดยหนุ่ยซื้อพวกขนมปังมาหลายอย่างเลย ต้อมก็ไม่น้อยหน้าซื้อน้ำมาสามสี่อย่างเหมือนกัน พวกมันบอกว่าไม่รู้ว่าผมชอบอะไรเลยซื้อมาไว้ก่อนผมจะได้เลือกได้ ผมก็เลือกน้ำเก็กฮวยกับบราวนี่มาจากมันสองคน แล้วผมก็หยิบเงินให้ไป ตอนแรกพวกมันจะไม่รับเพราะว่าอยากซื้อมาให้ ผมเลยบอกไม่ได้ผมเป็นพี่จะมาให้น้องเลี้ยงได้ยังไง มีแต่พี่ต้องเลี้ยงน้องพวกมันถึงยอมรับเงินกัน

เวลาเข้าเรียนตอนนี้เป็นช่วงที่ผมชอบมากที่สุด เพราะทำให้ผมไม่ต้องเจอกับมันสองคน ผมรู้สึกทั้งผ่อนคลายและสบายอย่างบอกไม่ถูก ผมก็เพิ่งรู้ว่าการเรียนมันก็มีดีคราวนี้นี่เอง เพราะถ้าผมว่างไปนั่งที่ซุ้มเมื่อไหร่ มันสองคนก็จะมานั่งเสนอหน้าและเถียงกันตลอด จนผมเริ่มจะชินซะแล้วที่ต้องเห็นมันสองตัวเอ้ยมันสองคนมานั่งเถียงกัน

ผ่านมาสองเดือนหลังจากวันที่ผมรู้ว่าหนุ่ยกับต้อมมันชอบผม ผมเริ่มคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกถ้าวันไหนไม่เห็นทั้งสองคนมานั่งเถียงกันผมก็ จะรู้สึกเหงาๆเหมือนกัน แล้วผมก็ชินกับการที่ต้องทำอะไรก็ตามพร้อมกับสองคนนี้ซะแล้ว ไม่ว่าจะกินข้าวหรือแม้แต่ไปเที่ยวในวันหยุด ขนาดผมไปเที่ยวในกลุ่มผมมันสองคนยังขอตามไปด้วยตลอด ทำให้ถ้าผมไม่เห็นหน้าทั้งสองคนก็จะเหงาเหมือนกัน หรือว่าผมจะเริ่มชอบพวกมันบ้างแล้ว แต่คงไม่ใช่หรอกคงเป็นแค่ความเคยชินเท่านั้นเองผมบอกกับตัวเอง
ผมคุ้นเคย กับสองคนนี้ทำให้ผมเห็นว่าทั้งสองคนมีนิสัยที่แตกต่างกันเยอะ หนุ่ยออกจะเป็นคนที่จริงจังคิดก่อนทำ แล้วอ่อนโยนมาก สมกับที่เป็นลูกคนมีเงินจริงๆ เพราะบ้านหนุ่ยประกอบกิจการใหญ่โตมาก ส่วนต้อมจะเป็นคนที่ติดทะเล้นนิดหน่อย กล้าคิดกล้าทำออกห้าวนิดๆแต่ตอนอยู่กับผมก็เป็นคนอ่อนโยนนะ เอาใจเก่งแถมยังชอบอ้อนอีกด้วย แต่ถ้าจะให้ผมเลือกคบใครตอนนี้ก็คงยังตัดสินใจไม่ได้หรอกครับ แหมก็ดีด้วยกันทั้งคู่และผมก็ยังไม่อยากทำให้ใครเสียใจด้วยนี่ครับ

“แจวมาแจวจ้ำจึงน้ำนิ่งไหล ลึกนึกถึงคนแจว” เสียงเพลงแจวเรือดังขึ้นอย่างสนุกสนานบนรถทัวร์ที่เราจ้างมา เพราะวันนี้เราจะไปรับน้องที่ต่างจังหวัดกัน ปีนี้เราตกลงมารับน้องที่เขาตะเกียบที่เพชรบุรีกัน กลุ่มผมได้มานั่งคันเดียวกับรุ่นน้องเพราะเป็นพี่ entertain เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมสนุกสนานระหว่างเดินทางก่อนที่จะโดนแกล้งหลังจากถึง ที่รับน้องแล้ว

“เอ้า แจวมาแจวจ้ำจึงน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือจะไปซื้อผักๆ ใครชอบพี่นัทลุกขึ้นมาแจว” อยู่ๆไอ้ตี๋ก็ร้องท่อนนี้ขึ้นมา พอร้องจบคงไม่ต้องบอกนะครับว่าใครจะลุกมาแจวแต่ว่ายังมีน้องอีกสองสามคนลุก ขึ้นมาแจวด้วยนี่สิ พร้อมด้วยเสียงโห่จากพวกเพื่อนๆผม แซวพวกที่ลุกขึ้น

“เฮ้ย มีเยอะกว่าที่คิดวะ พี่คิดว่าจะมีแค่เองสองตัวนะนี่ ถ้าทางจะมีคู่แข่งเยอะแล้วนะพวกเอง” ไอ้ตี๋แซวหนุ่ยกับต้อม เพราะไอ้ตี๋รู้เรื่องหนุ่ยกับต้อมจากที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้ว กลุ่มผมส่วนมากเราจะไม่ค่อยมีความลับกันอยู่แล้ว

“เอาๆหันไปดูหน้า คู่แข่งไว้นะ ระวังแย่งกันเพลินหมาคาบไปแดกแล้วกัน” ไอ้ตี๋ยังไม่เลิกแซว จนผมต้องตบหัวมันไปทีหนึ่ง สงสัยเรื่องผมจะได้รู้กันทั้งคณะก็เพราะมันวันนี้แน่ๆ ปากหมาจริงๆเพื่อนตู

รถวิ่งมาจอดแถวชายหาดใกล้ที่พัก เราก็ให้น้องลงมาเข้าแถวจักกลุ่มเป็น 8 กลุ่ม เพื่อที่จะไปเข้าฐานรับน้องที่พวกรุ่นผมและรุ่นพี่จัดรอไว้ คราวนี้ผมจัดให้หนุ่ยกับต้อมแยกกันอยู่คนละกลุ่ม โดยให้เหตุผลว่าสนิทกันมานานแล้วจะได้สนิทกับเพื่อนคนอื่นบ้าง หลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จแล้วผมก็กลับไปประจำฐานที่ผมทำไว้แกล้งน้อง โดยให้เพื่อนคนอื่นคุมน้องแทน

ฐานที่พวกผมเตรียมไว้ง่ายมากเลย พวกผมเอาต้นไม้มาทำเป็นซุ้มยาวประมาณ 5 เมตร ไว้ให้น้องคลานลอดออกมา ระหว่างทางเราก็จะเอาน้ำแช่น้ำแข็งเย็นๆราดลงไป ยังไม่หมดแค่นี้เพราะก่อนเข้าเราจะให้น้องกินขนมก่อน ขนมที่เราเตรียมมาก็คือขนมปังที่ยัดไส้กะปิกับพริกขี้หนูอีกครึ่งเม็ด แต่ผมมีพิเศษสำหรับหนุ่ยกับต้อมไว้แล้ว อย่างพวกมันต้องเจอพริกสองเม็ด

พวกเราสนุกกันพอดูจากการที่เห็นอาการหนาวจากน้ำแช่เย็น และสีหน้าจากน้องที่กินขนมปังสูตรพิเศษของพวกเรา จนกลุ่มที่ต้อมอยู่เข้ามาถึง ผมรอเวลานี้มานานแล้วที่จะได้แกล้งมันซะที พอมันมาถึงตรงที่ต้องหยิบขนมปังไปกิน

“เดี๋ยวรอก่อนเลย ต้อมอะ” ผมเรียกต้อมไว้ก่อน แล้วหยิบขนมอันที่เตรียมไว้ต่างหากเดินมาหามัน

“ของเรามันต้องชินนี้ พี่เตรียมมาให้เราเลยนะนี่” ผมยื่นขนมในมือให้

“ไม่เอาอะพี่ ผมรู้พี่ต้องแกล้งผมแน่ๆ” แนะมันรู้ทันอีก

“โห ยังงี้ไม่ชอบกันจริงนี่หว่า ให้กินแค่นี้ยังไม่กินเลย” ผมเลยแกล้งน้อยใจ

ต้อมนิ่งไปแปบนึง “ผมกินก็ได้แต่พี่ต้องป้อนนะ” มันหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม เอาไงเอากันวะแค่ป้อนมันเอง ยังไงผมก็อยากแกล้งมันมากกว่า ผมจึงป้อนขนมปังให้มัน พอเคี้ยวแค่นั้นแหละครับพริกสองเม็ดใหญ่พิเศษคงออกฤทธิ์ ต้อมมันน้ำตาไหลหน้าแดงขึ้นมาทันที แต่ไม่โวยวายอะไรเก็บอาการเก่งจริงๆ ผมได้แต่ยืนมองหน้าแล้วยิ้มให้ด้วยความสะใจที่ได้แกล้งมันซะที มันยังหันมามองหน้าผมเหมือนจะบอกว่าฝากไว้ก่อน 555 มันคิดว่าผมกลัวหรือไง

สักพักกลุ่มหนุ่ยก็มาถึงแต่ผมไม่ได้แกล้งหนุ่ยเพราะหนุ่ยบอกว่าแพ้กะปิ ผมเลยได้แกล้งต้อมแค่คนเดียว หลังจากน้องๆผ่านฐานที่ผมจัดให้หมดแล้ว พวกผมก็เลยมาเล่นน้ำทะเลรอ เพราะเป็นจุดนัดสุดท้ายก่อนที่จะให้น้องเข้าที่พัก พอพวกพี่ปี 3 ให้เวลาน้องล้างตัวและเล่นน้ำทะเลโดยให้ปี 2 คอยดูแล ผมก็เลยขึ้นมานั่งมองอยู่ที่ชายหาดจนหมดเวลารุ่นพี่เรียกทั้งหมดรวมตัว ผมจึงรีบลุกไปเข้ารวมกลุ่มและยืนอยู่ด้านหน้าแถวน้องปี 1

“พี่นัท มือพี่ไปโดนอะไรมา” เสียงต้อมตกใจตะโกนมาจากในแถว ผมยังแปลกใจกับที่ต้อมบอกผมจึงยกมือขึ้นมาดู เมื่อผมยกมือขึ้นมาดูปรากฏว่ามือขวาผมเต็มไปด้วยเลือดที่กำลังไหลจากกลางฝ่า มือออกมา กลางฝ่ามือขวาผมโดนอะไรบาดเมื่อไหร่ผมไม่รู้ตัวเลย สงสัยที่ใช้มือยันตัวลุกขึ้นมาก่อนที่จะมารวมตัวแน่ๆ

ต้อมวิ่งเข้ามาถึงตัวผมคนแรก ตอนนั้นผมก็กำลังตกใจเมื่อเห็นแผลกับเลือดที่ออกมาเยอะมาก แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บเลยนะครับ ต้อมถอดเสื้อเอามากดไว้ที่ฝ่ามือผมทันที เพื่อนผมคนอื่นๆก็วิ่งมาหาผมกันบ้างแล้ว

เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายเพราะ เลือดผมออกเยอะมาก พี่แอมป์เลยรีบไปเอารถแกมารับผมเพื่อไปอนามัยแถวนั้น ต้อมจะขอไปด้วยแต่พี่แอมป์ไม่ให้ไป

ปรากฏว่าผมต้องเย็บฝ่ามือไป 3 เข็ม เพราะแผลกว้างมากหมอบอกน่าจะโดนพวกขวดแตกบาด แต่ผมไม่รู้สึกจริงๆนะครับตอนนั้นนะ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บขึ้นมาแล้วหมอจึงให้ยาแก้ปวดกับแก้อักเสบผมมากิน ตอนกลับผมเห็นเสื้อสีฟ้าของต้อมที่ใช้กดแผลผมมาเปื้อนเลือดเต็มไปหมด ผมกลับมาที่พักพวกไอ้ตี๋เข้ามาดูผมก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะขึ้นจากน้ำทะเลก็ไปหาหมอเลย

ผมออกมาก็ไปที่กินข้าวเลยแต่ตอนนี้ผมเริ่มปวดมือมากๆแล้ว พวกเพื่อนผมก็ไปรอที่นั่นผมแล้วเพราะต้องไปคุมน้องเพื่อกินข้าวเย็นกัน

“ต้อมขอบใจมากนะ เสื้อเดี๋ยวพี่เอาไปซักให้ก่อนนะค่อยเอามาคืนให้” ผมหันไปบอกต้อมตอนที่เดินผ่านโต๊ะที่ต้อมนั่งกินข้าวอยู่ ต้อมกลับลุกขึ้นมาแล้วจับมือผมขึ้นไปดู
“เป็นอะไรมากไหมพี่ เรื่องเสื้อช่างมันเถอะผมห่วงพี่มากกว่า” ต้อมจับมือผมขึ้นไปพลิกดูเบาๆ

“เรื่องเล็กแค่ 3 เข็มเอง” ผมพูดแบบสบายๆเพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วง

“3 เข็ม ยังจะมาทำเล่นอีก เดี๋ยวอักเสบขึ้นมาจะแย่เอา” ต้อมทำหน้ากังวล ผมเลยหันไปมองหนุ่ยเห็นนั่งทำหน้าไม่ดีอยู่ที่โต๊ะนั้นเอง

“เดี๋ยวคืนนี้กินเหล้าก็ หายแล้ว” ผมยิ้มดึงมือกลับแล้วไปนั่งกับเพื่อนเพื่อกินข้าวเย็น

ตอนกลางคืนเราก็มีบายศรีสู่ขวัญให้กับน้องๆ การบายศรีเหมือนเป็นการบอกว่าเรายอมรับน้องเป็นรุ่นน้องแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องมีพี่ว๊ากอีก พี่ว๊ากก็คุยเล่นสนุกสนานกับน้องๆแล้ว เพราะจริงๆพี่ว๊ากทุกคนติ้งต๊องมากๆ หลังเสร็จช่วงพิธีการผมก็ขอตัวกลับมาห้องก่อน เพราะปวดมือมากๆแล้วเลยกะจะกลับมากินยาที่หมอให้มา แล้วว่าจะนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวจะได้ออกไปกินเหล้ากับเพื่อนๆต่อได้ ปกติผมกับเหล้าจะพลาดกันไม่ค่อยได้ถ้ามีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้าพวกเพื่อนๆ ผมกินยาสักพักก็หลับไป

ผมมารู้สึกตัวเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากผมสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่นิ่มๆ ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าของต้อมอยู่ติดกับหน้าของผม แสดงว่าต้อมมันกำลังจูบผมอยู่

“โอ้ย” ผมร้องเสียงหลง เพราะผมใช้มือผลักต้อมออกเต็มแรงโดยที่ลืมว่ามือเจ็บอยู่

“พี่นัท เจ็บไหมพี่” ต้อมดึงมือผมไปดู ซึ่งตอนนี้มีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลแล้ว

“ไม่เป็นไร แล้วเมื่อกี้เราทำอะไรพี่” ผมโกรธแล้วดึงมือกลับทั้งๆที่ตอนนี้เจ็บแผลมากๆ

“ขอโทษพี่ ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ” ต้อมทำหน้าเจื่อนๆ

“ผมกะเข้ามาดูว่าพี่เป็นไง บ้าง แต่ผมเห็นพี่หลับอยู่ แล้วมันก็....” ต้อมก้มหน้าสำนึกผิด

“เออๆๆ ช่างมันเถอะถ้างั้น ต่อไปอย่าทำอย่างนี้กับพี่อีก เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมจริงจังขึ้นเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และอยากให้ต้อมออกไปจากห้องด้วย แถมตอนนี้แผลเริ่มเจ็บมากขึ้นอีกแล้วจนผมต้องก้มลงไปมองดูที่มือเห็นเลือด ยังซึมผ่านผ้าพันแผลออกมาอยู่

“เราออกไปเถอะ พี่จะนอนต่อ” ผมไล่ต้อมออกไปเพราะผมจะได้ทำแผลใหม่ และไม่อยากให้มันมาวุ่นวายกับผมตอนนี้ด้วย

แต่ต้อมมันกลับหันหลังไปหยิบกล่องยาแล้วขึ้นมาบนที่นอน ผมขยับถอยหลังหนีเพราะไม่รู้มันจะมาไม้ไหนอีก แล้วมันก็เอื้อมมือมาจับที่ข้อมือขวาข้างที่เป็นแผลของผมไป

“ให้ผมทำแผลให้พี่ก่อนนะ แผลพี่เลือดออกอีกก็เพราะผม” ต้อมเสียงเศร้าๆ แล้วแกะผ้าพันแผลผมออก ลงมือทำแผลให้ผมใหม่อย่างเบามือ

“พี่นัทอย่าเกลียดผมนะ” อยู่ๆต้อมก็พูดขึ้นมา ผมได้แต่ทำหน้างงๆ

“ก็เรื่องที่ผมแอบจูบพี่ เมื่อกี้ไง ผมจริงจังนะพี่ผมชอบพี่จริงๆ ชอบมากขึ้นทุกวันที่ผมอยู่ใกล้กับพี่ ผมอยากให้พี่เป็นของผมคนเดียว แต่พี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผมเลย ผมอึดอัดมากนะพี่เมื่อไหร่พี่จะเข้าใจว่าผมชอบพี่จริงๆ” ต้อมระบายความในใจออกมาขณะที่ยังตั้งใจทำแผลให้ผมอยู่

“พี่ก็เข้าใจนะว่าเราไม่ได้ ล้อเล่น แต่เราก็ต้องให้เวลาพี่บ้างเข้าใจพี่บ้างสิ” ผมเอามือซ้ายที่ว่างไปตบไหล่ต้อมเบาๆ

“งั้นพี่อย่าเกลียดผมนะครับ เรื่องเมื่อกี้ผมขอโทษจริงๆ” ต้อมยังก้มหน้าตลอด

“อืม ก็ไม่ได้เกลียดอะไรนี่ แต่อย่าทำแบบนี้กับพี่อีกถ้าพี่ไม่อนุญาต” ผมตบไหล่มันเบาๆอีกทีแล้วยิ้มให้

“ครับ แต่คราวหน้าผมจะทำให้พี่เต็มใจกับผมให้ได้เลย” มันเงยหน้าขึ้นมายิ้มแบบทะเล้นๆให้

“ยังไม่สำนึกอีกนะ ไปเลยทำเสร็จแล้วก็ออกไปเลยพี่จะนอน” ผมไล่มัน มันลุกเก็บของจากที่นอน ก่อนออกจากห้องมันยังหันมายิ้มหวานให้ผมอีกรอบ โอ๊ยเหนื่อยใจกับมันจริงๆ ตกลงมันจะสำนึกไหมนี่

ผมนอนหลับต่อสักพักก็ตื่นขึ้นมา ยังไม่เห็นพวกไอ้ตี๋เข้ามานอนเลยคิดว่ามันต้องนั่งกินเหล้าที่ชายทะเลแน่ๆ ผมเลยออกจากห้องมาดูพวกมัน ก็เห็นพวกมันนั่งกินเหล้าอยู่ตรงชายทะเลข้างห้องจริงๆ

“อะไรวะ กินไม่ชวนกันเลยนะไอ้ตี๋” ผมตะโกนบอก

“โหแก เจ็บจะตายยังอยากแดกเหล้าอีก” ไอ้ตี้ด่ากลับ

“เออน่า เอามากินด้วยคน” ผมนั่งลงข้างไอ้ตี๋ ผมมองไปรอบวงที่พวกผมนั่งอยู่ มีไอ้ตี๋ ไอ้ต้นขาว แล้วสาวห้าวประจำกลุ่มผมไอ้แนท มีต้อมกับรุ่นน้องอีกสองคนอยู่ด้วย

“อ่าวต้อม เพื่อนเราหายไปไหนละ” ผมถามถึงหนุ่ย

“นั่นไงแก มันเมาหมดสภาพอยู่นั่นไง ไม่รู้มันเป็นไรของมันพูดถึงเรื่องแกกันอยู่ดีๆ มันยกเอาๆแปบเดี๋ยวหมดสภาพอย่างที่เห็นเนี่ย” ไอ้แนทตอบแทน

“ห่วงมันมากหรอพี่” ต้อมทำเสียงไม่ค่อยพอใจ

“เปล่านี่ แค่แปลกใจปกติเห็นอยู่ด้วยกันอย่างกับปลาท่องโก๋”

“เออนั่นสิ นัทสงสัยเราว่าแกต้องคบมันพร้อมกันแล้วมั้ง” ไอ้ตี๋มันแซวมาได้ ปากปีจอจริงๆ

“พอเถอะ คนเดี๋ยวก็ยุ่งมากแหละ” ผมหันไปตบหัวมัน

“ถูกแล้วพี่ แค่ผมคนเดียวก็พอแหละ” ต้อมพูดแทรกขึ้นมา พวกผมหันไปมองหน้ามันกันทันที ท่าทางมันจะเริ่มเมาแล้วแน่ๆ

“พี่ตี๋ พี่แนท ผมจะบอกนะพี่ ผมอะชอบเพื่อนของพี่จริงๆแต่เพื่อนพี่ไม่เข้าใจผมซะที ทำไมเพื่อนพี่ใจแข็งแบบนี้ก็ไม่รู้ แต่ผมบอกพวกพี่ไว้ก่อนเลยนะว่าผมยังไม่ยอมแพ้หรอก ผมจะทำให้พี่นัทมาเป็นแฟนผมให้ได้อย่าหาว่าผมปีนเกลียวเลยนะพี่” ต้อมเสียงอ้อแอ้มากท่าทางจะเมาแล้วจริงๆ

“เออๆพี่ยกมันให้ ดูมันดีๆแล้วกันมันมีคนชอบเยอะน่าแต่มันไม่รู้ตัวหรอก” ไอ้ตี๋ยกผมให้มันง่ายๆซะงั้น

“เออเห็นด้วย แล้วอย่าเอามาคืนแล้วกันพวกพี่ไม่รับคืนนะ
โว้ย” ไอ้แนทเสริมอีก นี่พวกมันรักหรือเกลียดผมกันแน่ยกให้คนอื่นง่ายจริงๆ

“นี่เพื่อนนะโว้ยหวงบ้าง ห่วงบ้างได้ม่ะ แม่งยกให้คนอื่นเป็นขนมเลย” ผมหยิบน้ำแข็งขว้างใส่พวกมันสองคน

“ขอบคุณคราบ” ต้อมมันยกมือไหว้พวกไอ้ตี๋ แล้วหันมาทำหน้าทะเล้นให้ผมอีก

“ไอ้นี่ก็เป็นไปกับเขาด้วย รีบขอบคุณเลยนะ”

พวกผมนั่งคุยกันจนเกือบตี 3 ก็ให้น้องๆแยกย้ายเข้านอนกัน เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่ค่อยได้ดื่มเลยเหล้า ผมกลัวแผลอักเสบส่วนมากนั่งคุยกับเพื่อนๆน้องๆมากกว่า อีกอย่างพอจะกินต้อมมันก็คอยเอามือมาดึงแก้วเหล้าออกทุกที บางครั้งมันก็แย่งแก้วจากมือผมเอาไปกินเองก็ยังมี ขัดความสุขคนจะกินเหล้าจริงๆ

ผมเริ่มรู้สึกปวดที่มืออีกจนตื่น ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่แล้วทำไมเพื่อนผมมันไม่ปลุกผมไปเดินชายทะเลตอน เช้า เมื่อคืนก่อนนอนนัดกันไว้แล้วนี่นา พอผมลุกขึ้นมาบนที่นอนก็เห็นต้อมนั่งมองอยู่ตรงปลายเตียง

“มาทำไรแต่เช้าเลย แล้วพวกเพื่อนพี่ไปไหนกันหมดละ” ผมตกใจเล็กน้อย

“สายแล้วคราบ ผมมานั่งเฝ้าตั้งนานแล้วกว่าพี่จะตื่น พวกพี่ตี๋เขาไปซื้อของฝากกันหมดแล้ว”

“อ่าว แล้วทำไมไม่มีใครปลุกพี่สักคน พี่บอกมันแล้วนะว่าจะไปด้วย”

“พี่เขาเห็นพี่ไม่ค่อยสบาย ไง เลยอยากให้นอนเยอะๆ เขาฝากบอกว่าเดี๋ยวจะซื้อของมาฝากเอง” ต้อมลุกเดินเข้ามาหาที่เตียง

“ลุกไปล้างหน้าอาบน้ำได้แล้วพี่ จะได้กินข้าวกินยาสายมากแล้ว” ต้อมมาดึงผมให้ลุกจากที่นอน แล้วดันไปที่ห้องน้ำด้านใน

“ขี้เซาจริงๆเลยนะพี่ ถ้าเป็นคนอื่นเขาทำอะไรพี่ไปแล้วมั้ง ผมมานั่งตั้งนานยังไม่รู้สึกตัวเลย” ต้อมบ่นอยู่หน้าห้องน้ำ

ผมอาบน้ำเสร็จก็ช้าพอสมควร เพราะผมทำอะไรไม่ค่อยถนัดเพราะมือขวาเจ็บ พอต้อมเห็นว่าผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เข้ามาทำแผลให้ผม ที่แรกผมบอกจะทำเองแต่มันทำไม่ได้จริงๆเลยต้องยอมให้ต้อมทำให้ ต้อมก็ทำให้ผมอย่างเบามือเช่นเคยจนผมรู้สึกดีเหมือนกันที่มีคนมาดูแลแบบนี้ หลังจากทำแผลเสร็จต้อมก็ช่วยผมเก็บของลงเป้เพราะเรากลับกรุงเทพกันวันนี้

วันนี้ทั้งวันต้อมคอยช่วยเหลือผมตลอด ไม่ว่าจะถือเป้ถือของฝาก หรือบางทีก็จะมาเปิดน้ำให้ถ้าเห็นผมเปิดไม่ถนัด จนพวกพี่ปี 3 แซวว่าผมหลอกเด็กหรือไง มาแค่คืนเดียวติดกันเป็นตังเมเลย ผมว่านะคงไม่มีคณะไหนจะปากหมาเท่าคณะผมอีกแหละ เห็นอะไรมันแซวมันสร้างข่าวกันเองได้หมด แต่ที่น่าแปลกคือหนุ่ยที่อยู่ดีๆก็ดูห่างๆออกไป เพราะถ้าเป็นปกติคงไม่ปล่อยให้ต้อมมายุ่งกับผมคนเดียวแน่ๆเลย แต่ผมก็ยังไม่มีเวลาได้คุยกับหนุ่ยเพราะมัวแต่วุ่นกับการดูแลความเรียบร้อย ตอนเดินทางกลับกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:35:34 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่4
“ครืน ครืนนนนนน” เสียงโทรศัพท์สั่นบนหัวเตียง
“สาหวัดดดดีคราบบ” ผมรับทั้งที่ยังซุกหัวอยู่ในหมอน
“พี่นัทคราบบบ ยังไม่ตื่นอีกหรอคราบบ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย
“อืมยังเลย แต่ว่านี่ใครนะ” ผมยังหลับตาอยู่เพราะยังไม่อยากตื่น
“ผมต้อมไงพี่ แค่นี้จำเสียงไม่ได้หรอ” มันมีน้อยใจ
“อืมๆๆ แล้วว่าไง โทรมาทำไมแต่เช้า”
“โหขี้เซาอีกแล้ว นี่มันจะบ่ายแล้วนะ พี่เปิดประตูให้ผมหน่อยสิผมอยู่หน้าบ้านพี่แล้ว” ต้อมบอกผ่านโทรศัพท์
ผมวางโทรศัพท์แล้วชะโงกหน้ามองผ่านหน้าต่าง เห็นต้อมยืนอยู่หน้าบ้านจริงๆกำลังโบกมือให้ผมใหญ่เลย แล้วมันจะมาบ้านผมทำไมเนี่ย ผมหยิบเสื้อที่หัวเตียงมาใส่แล้วเดินออกไปเปิดประตูให้ต้อม ต้อมมาพร้อมกับของกินเต็มไม้เต็มมือไปหมด
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะไปหมด ซื้อมาทำไม” ผมถามแล้วมองถุงที่มันหิ้วอยู่ขณะที่มันเดินเข้ามาในบ้าน
“ก็ซื้อของมากินกับพี่ไง กะแล้วว่าต้องยังไม่ตื่นนอน ผมแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวที่เยาวราชมาด้วย แล้วนี้ขนมปังบางลำพู มีบราวนี่ที่พี่ชอบด้วยนะ” มันหันมายิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านผม
“ไปล้างหน้าแปลงฟันก่อนเลย จะได้กินข้าวกันเร็วๆนะพี่ผมหิวแล้ว” มันดันผมให้ไปเข้าห้องน้ำ
“แล้วไม่มีเรียนหรือไงถึงมาหาพี่” ผมถามหลังออกมาจากห้องน้ำ
“มีพี่แต่เป็นห่วงพี่มากกว่า รู้ว่าพี่ต้องไม่ยอมกินข้าวกินยา เลยมาหานี่ไง” มันยิ้มอย่างภูมิใจที่เหมือนรู้ทันผม
“เอาพี่มาอ้างซะงั้นนะ ขี้เกียจเองมากกว่ามั้ง” มันกำลังเทของที่ซื้อมาเรียงไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“แล้วแต่พี่จะคิดแล้วกัน มากินข้าวได้แล้วจะได้กินยาแล้วทำแผล” มันเดินมาดึงมือผมไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว แล้วมันก็นั่งฝั่งตรงข้าม
ต้อมทำให้ผมเหมือนผมเป็นเด็กอีกครั้งเลย คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ช้อนให้ หยิบนั่นหยิบนี่ให้คงเพราะเห็นผมยังใช้มือข้างขวาไม่ถนัด กินข้าวกินขนมเสร็จผมจะไปล้างจานต้อมก็ไม่ยอมแล้วไปล้างแทนมันบอกว่าเดี๋ยวแผลโดนน้ำมากๆจะอักเสบเพิ่มขึ้นอีก ล้างจานเสร็จต้อมก็มาทำแผลให้ผมผมก็นั่งดูหนังอยู่ที่ข้างล่างกับมัน จนมันหลับอยู่ที่โซฟาข้างๆผม คงเพราะเพิ่งกลับจากรับน้องเมื่อวาน วันนี้ยังไปหาซื้อของกินแล้วมาหาผมที่บ้านอีก เพราะบ้านผมก็ไกลมหา’ลัยพอสมควร
ผมก็เลยเอาหมอนมาแล้วจับให้ต้อมนอนบนโซฟาแล้วผมย้ายไปนั่งโซฟาตัวเล็กแทน ดูๆไปมันก็น่ารักดีเหมือนกัน ตั้งแต่ผมโตมานอกจากที่บ้านก็เพิ่งมีมันคนแรกนี่แหละที่เอาใจผมมากขนาดนี้ แต่ผมจะคบกับมันยังไงละครับ ผมไม่เคยคบกับผู้ชายนี่นา แล้วตั้งแต่ผมโตมาผมก็เคยมีแฟนแค่คนเดียวที่เป็นผู้หญิง แต่มันก็ตั้งแต่สมัยประถมแล้วดังนั้นเรื่องประสบการณ์ความรักนี่ผมแทบไม่มีเลย และผมก็ไม่แน่ใจด้วยว่าอย่างไหนที่เรียกว่าเราชอบคนอีกคนแล้ว
“หนุ่ยเราเป็นไรหรือเปล่า ไม่เจอกันตั้งหลายวัน” ผมทักและเรียกให้หนุ่ยมาหา เห็นหนุ่ยลังเลนิดหน่อยแล้วเดินเข้ามา
“เปล่าพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่...” หนุ่ยทำหน้าเศร้า
“แค่อะไร หรือว่าพี่ทำไรให้เราไม่พอใจ” ผมเริ่มจริงจัง เพราะอยากรู้สาเหตุ
“คือ...” หนุ่ยลังเลที่จะพูด ผมเลยมองด้วยสายตาที่จริงจัง “คือผมต่างหากที่ไม่กล้าเจอหน้าพี่”
“ทำไมถึงไม่กล้าเจอหน้าพี่ พี่ทำไรให้หรือไง” ผมเครียดแล้วตอนนี้
“เปล่าๆ พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมต่างหากตั้งแต่ผมเห็นพี่เกิดอุบัติเหตุตอนรับน้อง ผมก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยพี่ทั้งที่ผมบอกชอบพี่ขนาดนั้น ผมเลยรู้สึกว่าผมยังไม่เหมาะสมกับที่จะบอกชอบพี่เลย” หนุ่ยเสียงเศร้ามาก
“คิดมากน่า ยังไงเราก็พี่น้องกันนะหนุ่ย พี่ไม่ใช่คนคิดมากเรื่องพวกนั้นสะหน่อย ถึงหนุ่ยจะช่วยหรือไม่ช่วยพี่พี่ก็คิดว่าเรานะเป็นน้องพี่นะ” ผมพูดพร้อมตบไหล่หนุ่ยเบาๆแล้วยิ้มให้
“ขอบคุณครับที่พี่ไม่เกลียดผม ตอนนี้ผมยอมให้ไอ้ต้อมมันก่อน แต่ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่ยอมแน่ๆ” หนุ่ยยิ้มและมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
“ยอมมันเรื่องอะไรพี่กับมันไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” ผมตบหัวหนุ่ยเบาที่พูดไม่รู้เรื่อง ต้อมก็เดินเข้ามาพอดี
“ต้อมดูแลพี่นัทดีๆนะมึง ถ้ามึงทำพี่เขาเสียใจกูไม่ยอมมึงเหมือนคราวนี้แล้วนะ” หนุ่ยหันไปบอกต้อม ต้อมยิ้มแล้วกอดคอหนุ่ยไว้
“เออ ถ้างั้นมึงคงรอยันตายไปเลย” มันหันไปยิ้มกับหนุ่ย
   ผมเห็นมันสองคนเข้ากันได้ดีผมก็สบายใจแล้ว เพราะผมไม่อยากให้พวกมันทะเลาะกันเพราะผม ยังไงมันก็น้องผมทั้งสองคนในตอนนี้ ส่วนเรื่องอื่นมันเป็นเรื่องอนาคต
“วันนี้เราต้องเลือกดาวเดือนกันแล้วนะน้อง อีกสองวันถึงวันงานเฟรชชี่เดย์แล้ว” พี่แอมป์บอกขณะซ้อมเชียร์ตอนเย็น
“เอาใครจะเสนอชื่อใครบ้าง” พี่แอมป์ถามความเห็น
   ทุกคนก็เริ่มเสนอชื่อกันมาหลายคน เพราะการเสนอชื่อดาวเดือนนั้นคณะผมจะรุ่นไหนก็เสนอได้หมด แต่คนที่เสนอต้องเป็นเด็กปี 1 ก็เท่านั้นเอง หนึ่งในนั้นก็มีชื่อต้อม รวมอยู่ด้วย นี่มันหน้าตาดีจนคนอื่นเข้าอยากให้เป็นเดือนคณะเลยหรือนี่
   แล้วพี่แอมป์ก็ให้โหวตกันทีละคน โดยให้คนที่โดนเสนอชื่อยืนหันหลังให้พวกเราทั้งหมด แล้วเรียกชื่อทีละคนแล้วพวกเราก็ยกมืออยู่ข้างหลัง พวกกลุ่มผมยกมือให้ต้อมกันทุกคนคงเพราะเราสนิทกันนะแหละ แล้วจริงๆผมก็ไม่เห็นว่ามันจะหล่อตรงไหนเลย หรือผมชินกับหน้ามันแล้วก็ไม่รู้นะครับ
“เอาน้องๆหันหน้ามาครับ พี่รวมคะแนนเสร็จแล้วจะประกาศแล้วใครเป็นดาวเป็นเดือน” พี่แอมป์บอกให้น้องที่ยืนหันหลังหันกลับมาเพื่อฟังผล
“ประกาศดาวก่อนเลยนะ คนที่ได้คะแนนมากที่สุดคือ... น้องแอนครับ” พี่แอมป์ทำอย่างกับประกวดนางงามเลยมีเว้นก่อนประกาศชื่อด้วย
“คราวนี้มาถึงเดือนคณะเรานะ พี่บอกไว้ก่อนเลยเดือนคณะเรามีคนจับตาดูเยอะมาก เพราะเราได้ตำแหน่งขวัญใจเกือบทุกปีเลยนะครับ” พี่แอมป์กดดันน้องซะแล้ว
“เดือนปีนี้ได้แก่.....ไม่น่าเชื่อเลย ไอ้ต้อมมึงได้เป็นเดือน” พี่แอมป์บอก “มึงได้ยังไงวะเนี่ยะ เส้นไอ้นัทป่าววะ” พี่แอมป์ทำหน้าล้อเลียนเรื่องมันกับผม
“ไม่มีอะพี่ มันกับผมเกี่ยวไรกัน” ผมรีบปฏิเสธ ตอนนี้ต้อมยิ้มใหญ่เลยท่าทางจะอาย
“เออ งั้นนัทรับผิดชอบดาวเดือนปีนี้ด้วยนะ เรื่องการแสดงกับการแต่งตัว พี่ยกให้เรารับผิดชอบแล้วกัน” พี่แอมป์ทำไมหางานให้ผมได้ตลอดเลยสิเอา
“อะไรพี่ทำไมต้องผมด้วย” ผมปฏิเสธอีกรอบ ต้อมยืนมองหน้าผมอยู่
“ไม่ได้โว้ย นี่พี่สั่งนะห้ามขัด วันนี้แค่นี้แล้วกันดาวเดือนไปคุยกับพี่เขาด้วยนะว่าจะเอาไงกัน เหลือแค่สองวันแล้วนะอย่าทำเป็นเล่นละ” พี่แอมป์หันมากำชับผม แต่ตอนนี้ต้อมมันยิ้มแล้วทำหน้าทะเล้นให้ผมอีกแล้วประมาณว่าผมหนีมันไม่พ้นแน่ๆ
   หลังเลิกประชุมแอนกับต้อมก็มาหาผมที่ซุ้มเพื่อคุยเรื่องงานกัน แอนเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักตาโตผิวขาวไว้ผมยาวแต่ว่าไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ทำไงได้คณะผมผู้หญิงมันมีน้อยนี่ครับ ส่วนต้อมเมื่อผมมาพิจารณาซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยทำ มันก็สูงกว่าผมนิดหน่อยหุ่นดีส่วนหน้าตาผมว่าก็ดีนะถ้าคนอื่นมอง แต่ผมก็งั้นๆแหละ เราคุยกันเรื่องการแสดงวันงานแล้วก็เรื่องการแต่งตัว แล้วเราก็นัดกันที่มาบุญครองพรุ่งนี้เพื่อจะไปดูอุปกรณ์การแสดงและเสื้อผ้ากัน
“พี่นัท พี่นัทโหวตให้ผมป่าวครับ” ต้อมมันทำเสียงอยากรู้มากหลังจากที่เราแยกกันกับแอนแล้ว
“ใครจะโหวตให้เรา พี่โหวตให้คนอื่น คนอื่นดูดีว่าเยอะ” ผมแกล้งบอก
“ใช่สิ ผมมันไม่สำคัญกับพี่นี่ ก็แค่น้องทั่วๆไป” ต้อมงอน
“โหแค่นี้ก็งอนด้วย หัวก็ไม่ได้ล้านซะหน่อย” ผมเอามือจับผมตรงหน้าผากมัน
“ไม่ต้องมายุ่งเลย ผมมันไม่สำคัญนี่” มันยังงอนไม่เลิกอีก
“โอ๋ๆๆๆ ก็เป็นน้องรักนี่ไงละ” ผมกอดคอมันไว้
“เป็นน้องรักเองหรอ รอไปก่อนก็ได้อีกหน่อยต้องเป็นคนรักนะครับ” มันหันมายิ้มกวนๆ
“มากไปแหละๆ คงรออีกนานถ้างั้น” ผมตบหัวมันไปเบาๆ มันยังยิ้มไม่หุบอีก
“อยู่ที่ไหนแล้ว พี่มาถึงแล้วนะ” ผมโทรหาต้อม เมื่อผมมาถึงที่นัดกันไว้
“ผมกำลังจอดรถอยู่ครับ เดี๋ยวจะรีบไปหา” เสียงต้อมผ่านมาทางโทรศัพท์
“แล้วแอนละมาถึงหรือยัง เขาโทรหาเราบ้างเปล่า” ผมถาม
“อ๋อพี่ วันนี้แอนเค้าไม่มานะครับ ผมโทรไปเห็นบอกว่าติดธุระที่บ้าน ฝากขอโทษพี่ด้วย” ต้อมบอก
“อ่าวทำไมเป็นแบบนี้ละ แล้วทำไมไม่โทรมาบอกพี่เอง งั้นแค่นี้นะรีบมาแล้วกัน เดี๋ยวโทรไปหาแอนแปบนึง” ผมตัดสายแล้วต่อโทรศัพท์ไปหาแอน แอนก็ขอโทษยกใหญ่บอกว่าที่บ้านไม่ได้บอกล่วงหน้า เป็นอันว่าวันนี้ผมต้องมาเดินกับต้อมสองคนจนได้
   พวกเราเดินเลือกเสื้อผ้ากับอุปกรณ์การแสดงกันเกือบครบแล้วขาดไม่กี่อย่าง ผมเห็นว่าจะเที่ยงแล้วจึงชวนต้อมกินข้าวที่ ฮาจิบังที่มาบุญครองเลย กินเสร็จแล้วผมชวนต้อมไปกินไอศครีมเซเวนเซนต์ต่ออีก ผมสั่งเอริธเควสมากินเพราะปกติก็มากินแบบนี้กับเพื่อนประจำ ต้อมมันก็ยังกินกับผมต่อได้อีก หลังกินเสร็จมันก็บ่นว่าท้องจะแตกไหมนี่ แล้วใครบอกให้มันกินเยอะละ
“เนี่ยะถ้าผมอ้วนก่อนวันงาน ต้องโทษพี่นัทนะ” ต้อมหันมาบ่นขณะที่เดินเอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย
“กินไม่ไหวแล้วกินทำไมละ ไม่ได้บังคับซะหน่อย” ผมหันไปมองหน้ามัน
“ก็กินกับพี่นัทแล้วมันอร่อยนี่นา กินกับใครก็ไม่อร่อยเท่านี้อีกแหละ” มันจะปากหวานไปไหมหา
“พอแหละไม่รู้จะเลี่ยนไปถึงไหน เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่รถเราก่อนนะ แล้วค่อยมาซื้อของที่เหลือ” ผมบอก
“เดี๋ยวพี่ยืนรอแถวนี้นะ ผมเอาของไปเก็บแปบเดียวเดี๋ยวมาครับ” มันพูดจบก็วิ่งถือของออกไปเลย ไม่รอคำตอบอะไรจากผมเลย สักพักมันก็วิ่งกลับมาท่าทางเหนื่อยมากๆ เหงื่อออกเต็มหน้าเชียว
“อะ เช็ดหน้าซะเหงื่อโทรมเลย” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าของผมให้ มันหันมามองหน้าผมแบบงง
“จะเอาไหม ยังไม่ได้ใช้หรอกน่า” ผมดึงมือที่ถือผ้าเช็ดหน้ากลับ แต่มันก็ดึงกลับเอาไปเช็ดหน้ามัน มันท่าจะบ้าเช็ดไปยิ้มไปมองหน้าผมไป
“เออ เสื้อเราตอนรับน้องอะ พี่ซักแล้วนะแต่เลือดมันออกไม่หมด เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ดีกว่า” ผมนึกขึ้นมาได้พอดี
“ไม่ต้องซื้อเลยนะ ผมจะเอาตัวเดิมนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้ผมแวะไปเอาเลยนะ” มันหันมายิ้มแล้วส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้ผม
“เอาไปไม มันใส่ไม่ได้แล้วนะเลอะขนาดนั้น” ผมบอก มันไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มกลับมา
   ผมเดินซื้อของที่เหลือจนครบ ก่อนกลับบ้านเลยขอแวะเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวนิดหน่อย พอเดินออกมาก็ไม่เห็นต้อมรออยู่แถวนั้นเลย
“ได้ยินไหม ได้ยินไหม อยากบอกว่ารักเธอ” เสียงเพลงรอสายของดาเอ็นโดฟินดังเข้ามาขณะที่ผมต่อสายหาต้อม
“อยู่ไหนเนี่ยะ พี่จะกลับบ้านแล้ว” ผมบอกเมื่อต้อมรับสาย
“พี่นัทขึ้นมาชั้นโรงหนังหน่อยสิครับ ผมจะซื้อหนังสือแต่เลือกไม่ถูก มาช่วยดูหน่อยนะครับ” เสียงมันอ้อนมาตามสาย
“งั้นเดี๋ยวขึ้นไปหา ที่ซีเอ็ดใช่ไหม” ผมถาม
“ครับ งั้นแค่นี้นะครับ” ต้อมก็ตัดสายไป
   ผมขึ้นมาถึงชั้น 6 ก็ตรงไปที่ซีเอ็ดก็เห็นมันกำลังเลือกหนังสืออยู่ เป็นหนังสือเสริมจากบทเรียนที่เรียนกันในห้อง ผมจึงเข้าไปช่วยเลือก บางเล่มผมก็มีแล้วเลยไม่ให้ซื้อเพราะไปเอาของผมมาอ่านต่อได้ ดีนะที่ผมเป็นคนรักหนังสือทำให้มีสภาพใหม่อยู่เสมอ พอซื้อเสร็จผมก็ชวนกลับบ้านเพราะเริ่มเหนื่อยแล้ว
“พี่นัทคราบ ดูหนังกันก่อนนะคราบ ผมซื้อตั๋วมาแล้วเรื่องนี้ผมอยากดูมากๆเลยนะคราบ ดูเป็นเพื่อนผมหน่อยนะคราบ” มันอ้อนผมเต็มที่เลย เดินดักหน้าดักหลังผมอยู่อีกต่างหาก จนผมเห็นคนอื่นมองผมเลยต้องตกลงดูเป็นเพื่อนมัน
   หนังที่ดูเรื่อง sad movie เป็นหนังเกาหลีที่เกี่ยวกับความรักหลายๆแบบ ก็สนุกดีผมต้องน้ำตาซึมเมื่อถึงฉากที่เกี่ยวกับแม่ลูก ตอนที่แม่เด็กจะตาย แล้วเด็กออกมาร้องไห้ข้างนอกเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงเขา ตอนนั้นผมอินสุดๆเลยน้ำตาซึมออกมาไม่รู้ตัวเลย ต้อมคงเห็นมันเอามือมากุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ เหมือนจะปลอบใจจนหนังจบเรื่อง
“เพิ่งรู้พี่ผมขี้แงนะนี่ ดูหนังแล้วร้องไห้ด้วย” ต้อมมันแซวผมตอนเดินออกจากโรงหนัง
“ก็มันสงสารเด็กนี่ทำไงได้ละ แล้วชวนดูทำไมคราวหน้าดูคนเดียวไปเลย” ผมอายที่ร้องไห้เพราะดูหนัง แต่หนังมันเศร้าจริงๆนี่นาฉากนั้น ไม่เชื่อลองไปหาดูกันได้นะครับ
“ผมไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่แบบนี้ผมชอบ น่ารักดี” มันยังจะมาปากหวานอีก แต่ก็ทำผมเขินขึ้นมาเหมือนกัน
ต้อมขับรถมาส่งผมที่บ้านแล้วขอเข้ามาเอาเสื้อตัวที่ผมซักไว้ให้ ผมจะเอาลงมาให้เพราะเสื้ออยู่บนห้องมันก็ไม่ยอมขอตามขึ้นมาบนห้องด้วย ผมหาเสื้อมันในตู้นานมากเพราะจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหน จะเอาไปให้ที่หลังมันก็ไม่ยอมบอกจะเอาไปวันนี้เลย ผมหาจนเจอมันอยู่ด้านล่างสุดของกองเสื้อที่ผมพับไว้ พอผมหันหลังกลับมาต้อมก็ยืนอยู่ข้างหลังผม มันดันผมจนหลังไปติดตู้เสื้อผ้า ตอนนั้นผมตกใจเพราะไม่คิดว่ามันจะทำอะไรผม ปรากฏว่ามันก้มหน้าลงมาเอาริมฝีปากที่นิ่มของมันมาชนกับของผม ทำให้ผมอึงและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมรู้สึกเหมือนกระแสเลือดวิ่งขึ้นมาสูบฉีดอยู่บริเวณใบหน้าผมทั้งหมด จนหน้าร้อนผ่าวไปหมดทั้งหน้าเหมือนมันจะระเบิดออกมาได้อยู่แล้ว แล้วต้อมก็ดึงเสื้อไปจากมือผม
“ขอบคุณครับ ผมชอบพี่จริงๆนะ” ต้อมกระซิบที่ข้างหู แล้วก็เดินออกจากห้องผมไป
ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน หน้ายังคงรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเหมือนคนไข้ขึ้นสัก 40 องศา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้จูบกับต้อมโดยที่ผมรู้ตัว ไม่ได้หลับเหมือนที่ผ่านๆมาทำให้ผมไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองจริงๆ แล้วทำไมตอนนั้นผมไม่ผลักมันออกเหมือนทุกที หรือว่าผมจะชอบมันเข้าแล้ว แต่คงไม่ใช่หรอกผมคงจะตกใจไม่ทันตั้งตัวมากกว่า ผมคิดเข้าข้างตัวเอง
เช้านี้ผมตื่นมาด้วยอาการที่ไม่สดชื่นเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเลย พอจะหลับภาพมันก็ลอยมาตรงหน้าทุกที จนผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งคืน ถ้าเป็นวันปกติผมคงหาเรื่องหยุดเรียนไปแล้ว แต่วันนี้มีงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ที่ต้องไปทำ แต่ผมก็ยังไม่อยากเจอหน้ามันอยู่ดี
ตลอดเวลางานผมพยายามคุยกับมันให้น้อยที่สุด เพราะยังรู้สึกอายจากเรื่องเมื่อคืน พอถึงเวลาประกวดผมก็หมดหน้าที่ออกมาอยู่ด้านหน้าเวทีได้แล้ว ทางมหา’ลัยจัดกิจกรรมเยอะมากทั้งเดินแบบ แสดงว่าสามารถส่วนตัวพอผมเห็นต้อมแต่งตัวออกมาเดินแบบ ผมถึงเห็นว่าจริงๆมันก็หน้าตาดีจริงๆนะแหละ สงสัยทีแรกผมคงอคติไปเอง
ต้อมได้รางวัลขวัญใจเหมือนรุ่นพี่ทุกๆปี จะให้ไม่ได้ได้ยังไงละครับเขานับจากดอกไม้ที่ได้ แค่ที่คณะผมก็เก็บเงินไปซื้อกันทั้งคณะแหละ ผมยังโดนเป็นพันเลยวันนี้ได้กินแกลบก่อนสิ้นเดือนแน่ๆ แถมมันยังได้ดอกไม้จากคณะอื่นเยอะเหมือนกัน คงเพราะมันคนเดียวที่ออกเข้มที่สุดในเดือนแต่ละคณะแล้วมั้งครับ ส่วนมากเดือนที่ประกวดจะขาวๆตี๋ๆ
“นัทเดี๋ยววันนี้พาน้องไปเที่ยวกันดีกว่าวะ ฉลองให้มันหน่อย” ไอ้ตี๋ชวนจะฉลองให้มันทำไมกันอีก มันชนะก็เงินกูอยู่ดีนะแหละ
“เออใช่แก ฉลองให้มันหน่อยชั้นก็อยากไปแดนซ์ด้วยวะ ไม่ได้ไปนานแหละ” ไอ้แนทรีบเป็นลูกคู่เลย
เพื่อนๆเรียกร้องขนาดนี้ผมไม่ไปได้ไง ไอ้ต้นขาวดำยังเอากะเขาด้วยรีบคิดหาสถานที่ไปกันใหญ่เลย เราก็ตกลงไปร้านแถว อตก. เพราะมันใกล้มหา’ลัยที่สุดแล้ว ไม่เสียเวลาเดินทางมาก หลังจากต้อมออกมาจากหลังเวทีพวกผมก็บอกแผนที่จะไปเที่ยวไปกับมัน มันก็ไม่ปฏิเสธเลยรีบตกลงทันที แต่หนุ่ยไม่ไปเพราะไม่ได้บอกที่บ้านไว้เลยขอตัวกลับก่อน
พวกผมมาถึงประมาณ 4 ทุ่มแล้ว ทำให้ร้านแน่นหลายร้านกว่าที่เราจะหาร้านเข้าได้ เราเข้าไปนั่งกันข้างไหนยืนเบียดๆกัน เพราะพวกผมมากัน 8 คน พวกผมมาหัน 5 คน รักไม่ได้มาด้วย ส่วนน้องก็มีต้อม เอ็กซ์กับจ๊อด ต้อมมายืนอยู่ข้างผมตอนเข้าไปนั่งข้างในแล้ว เราก็สั่งแบล็คมากิน เรากินและเต้นกันอย่างสนุกสนานต้อมก็อยู่ข้างๆผมตลอด
สงสัยผมกินน้ำมาเยอะไปผมเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ต้อมจะไปเป็นเพื่อนแต่ผมไม่ให้ไปให้อยู่สนุกกับเพื่อนๆที่โต๊ะ ห้องน้ำก็คนเยอะมากผมรอคิวนานพอสมควร พอผมเดินกลับมาที่โต๊ะตรงที่ผมยืนกลับมีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งหน้าตาดีพอสมควรยืนอยู่แทนและกำลังคุยอะไรกับต้อมอยู่ก็ไม่รู้ดูต้อมยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมตอนนี้มันรู้สึกยังไงบอกไม่ถูกสิครับ มันรู้สึกไม่พอใจที่เห็นต้อมคุยกับคนอื่นและดูเหมือนจะชอบคนนั้นด้วยมันทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมามากๆ
“ขอโทษนะครับที่ผม” ผมเดินไปบอกน้องคนนั้น แล้วแทรกเข้าไปยืนตรงที่เดิมแต่น้องคนนั้นแค่ขยับไปนิดเดียวแล้วก็คุยกับต้อมต่อ ผมพอจะได้ยินที่มันคุยกันประมาณน้องคนนั้นมาจีบมันและกำลังพยายามขอเบอร์มันอยู่ ตอนนี้ผมเริ่มหมดอารมณ์สนุกแล้ว ผมเปลี่ยนมากินแบบออนเดอะร็อคแล้วตอนนี้ ยกเอายกเอาเผื่อมันจะหายหงุดหงิดบ้าง
“อ่าวเป็นไรวะแก กินไม่ยั้งเลยเข้าห้องน้ำแปบเดี๋ยวออกมาหงุดหงิดอะไรวะ” ไอ้แนทถามตอนที่มันเห็นผมยกเหล้าเป็นแก้วที่ 5 แล้ว
“เปล่าไม่มีอะไรนี่” ผมตอบแต่ยังคงรินเหล้าอยู่ จนไอ้ตี๋สะกิดต้อมให้มาดู
“พี่นัทเป็นอะไรพี่ กินแบบนี้เดี๋ยวก็เมาแย่” ต้อมมันเข้ามาคุยกับผม
“ไม่เป็นอะไรนี่ แค่อยากกินสนใจด้วยหรอ โน่นไปคุยกับน้องเขาต่อเถอะไป เดี๋ยวเขาคอยนาน” ผมประชด ตอนนี้ผมไม่รู้ยกไปกี่แก้วแล้ว รู้แต่ว่าหัวมันเริ่มมึนแหละหนักมากขึ้นแล้ว
ต้อมหันไปมองน้องคนนั้น “อะไรพี่ไม่มีอะไรเขามาทักเฉยๆ ผมไม่ได้คิดอะไรนะ” มันยังมาแก้ตัวอีก เห็นยิ้มกันจนจะเห็นฟันครบ 32 ซี่แล้ว
“มันเรื่องของเราไม่เกี่ยวกับพี่อยู่แล้ว” ผมเหวี่ยงมันไป เพราะผมเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว
“พี่นัทเป็นอะไรของพี่เนี่ย หรือว่าพี่จะหึงผม” มันยังมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมอีก “ไม่มีอะไรจริงๆ ผมไม่สนใจเขาอยู่แล้ว”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่อีกนั่นแหละ เราจะชอบใครก็เรื่องของเราสิ ไอ้ตี๋เราไปห้องน้ำก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้ตี๋ที่มันยืนมองผมสองคนอยู่ แล้วผมก็ลุกออกมา
กว่าผมจะเดินถึงห้องน้ำรู้สึกมันไกลมาก คงเพราะผมเมาแน่ๆผมรู้สึกว่ามันหมุนไปหมดเลยรอบๆตัว แต่ผมก็ยังประคองตัวไปจนถึงหน้าห้องน้ำ ซึ่งคนก็ยังเยอะเหมือนเดิมผมจึงรออยู่ข้างหน้า ผมยืนพิงประตูทางเข้าห้องน้ำอยู่เพราะผมเริ่มประคองตัวเองไม่ไหวแล้ว จนผมรู้สึกเหมือนจะล้มก็มีมือมาดึงแขนผมไว้ เป็นต้อมนะเองที่ตามผม
“ตามมาทำไมพี่ไม่เป็นไรซะหน่อย กลับไปโต๊ะโน่นเดี๋ยวน้องเขารอ” ผมยังเหวี่ยงไม่เลิก
“พี่นัทผมไม่มีอะไรกับเขาจริงๆ ก็ผมบอกแล้วไงผมชอบพี่คนเดียว”
“หรอชอบพี่อยู่ด้วยหรอ  เห็นยิ้มหน้าบานกันขนาดนั้นให้เบอร์กันด้วยละสิ” ต้อมยังคงประคองผมไว้เพราะผมเริ่มยืนไม่ค่อยตรงแล้ว
“นี่แสดงว่าพี่หึงผมจริงๆละสิ” มันหันมายิ้มอีก
“ใครๆ ใครหึงเรา” โอ้ยหัวผมมันหมุนไปหมดแล้ว ผมพยายามที่จะแกะมือต้อมออกจากแขนของผม แต่มันกลับดึงแขนผมจนตัวผมไปชิดกับตัวมันแล้วมันก็กอดผม
“ยังงี้แหละพี่ที่เขาเรียกว่าหึง ผมดีใจจริงๆนะที่พี่เป็นแบบนี้” มันกอดผมแน่นมาก ผมพยายามผลักมันออกเพราะผมอายมากหน้าชาไปหมดแล้วเวลามีคนเดินผ่านมาแล้วมองเราสองคน แต่มันก็ไม่มีแรงขัดขืนในหัวกลับยิ่งสู้สึกมึนและหนักมากขึ้นกว่าเดิม
ผมออกแรงผลักมันอีกครั้งจนมันปล่อยมือ ผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะมันเดินตามหลังมาใกล้ๆ พอถึงโต๊ะผมก็หยิบเหล้ามากินอีกเผื่อมันจะหายใจเต้นลงบ้าง แต่มันกลับยิ่งทำให้ผมเมามากกว่าจนผมคิดว่าไม่ไหวแล้ว เลยขอตัวกลับบ้านก่อนพวกไอ้ตี๋จะกลับด้วยผมเลยบอกว่าไม่ต้องให้อยู่ต่อผมกลับคนเดียวได้ ผมไม่อยากให้เพื่อนหมดสนุกด้วยนานๆมาเที่ยวทั้งที
ผมเดินออกมาหน้าร้านเพื่อจะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน อยู่ๆผมก็โดนใครไม่รู้ดึงเข้าไปซอยมืดๆแถวนั้น ตอนนี้ผมเมามากจนไม่มีแรงจะต้านทานใครทั้งนั้นแหละครับ ผมรู้สึกแต่มันคนที่ดึงผมมาพยายามจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงผม ถึงผมจะขัดขืนมันก็ไม่มีแรงแล้วตอนนี้มันเมามากจริงๆ
“เฮ้ย ปล่อยพี่นัทนะมึง” ผมได้ยินเสียงต้อมแว่วมา แล้วผมจำอะไรไม่ได้อีกเลย
ตื่นเช้าขึ้นมาผมยังมึนหัวไม่หายมันหนักหัวไปหมดเลย แล้วนี่ผมมาอยู่ในห้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำอะไรไม่ได้หลังจากที่เดินออกมาจากร้านเมื่อคืนนี้ ผมรู้สึกหิวน้ำมากเลยลุกขึ้นแต่มันมีอะไรวางอยู่ที่หน้าอกผมไม่รู้ ผมค่อยๆลืมตาแล้วจับของที่หน้าอกมาดู มันเป็นแขนคนนี่นาผมเลยมองไปที่เจ้าของแขนนั้น เป็นต้อมที่นอนกอดผมอยู่บนที่นอนแล้วมันมาอยู่บนที่นอนผมได้ยังไงเนี่ย ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลยผมเลยเอามือต้อมออก
“ตื่นแล้วหรอพี่ เมื่อคืนทำผมแทบแย่เลยนะครับ” ต้อมตื่นขึ้นมาพอดี
ผมทำหน้ามึนๆงงๆเพราะตอนนี้ปวดหัวนึกอะไรไม่ออกเลย
“นี่พี่จำอะไรไม่ได้เลยหรอไง” ต้อมลุกขึ้นมานั่งมองหน้าผมที่นอนอยู่ ผมสังเกตเห็นที่มุมปากของมันมีรอยเขียวช้ำอยู่ด้วย
“อืม พี่จำได้แค่ตอนจะกลับบ้านเท่านั้นแหละ แล้วพี่กลับมาบ้านได้ยังไง เรามาทำไรที่นี่” ผมยิงคำถามที่อยากรู้ทั้งหมดทันที
“พี่โดนลากไปขโมยของนะสิ ดีนะที่ผมตามพี่ออกมาพอดี ไม่งั้นพี่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทำไมพี่ถึงกินเยอะจนเมามากขนาดนั้น”
“หงุดหงิดเรานะแหละ” ผมเผลอพูดออกไป ต้อมหันมาจ้องหน้าแบบจริงจังเลยตอนนี้
“เออ เปล่าๆๆ แล้วปากไปโดนอะไรมา” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ก็ผมไปช่วยพี่นะแหละ ไม่ทันระวังโดนเข้าเต็มๆหน้าเลย” ผมทำหน้าจ๋อยที่ทำให้มันเจ็บตัว
ต้อมเอามือมาวางคร่อมระหว่างตัวผมไว้แล้วก้มหน้ามาใกล้ๆหน้าผมที่นอนอยู่
“ผมชอบพี่จริงๆนะให้พูดอีกร้อยครั้งก็ได้ แล้วพี่ชอบผมบ้างไหม” มันจ้องหน้าผมเขม่ง
ตอนนี้ผมใจเต้นแรงอีกแล้วหน้ามันร้อนผ่าวไปหมด ผมคิดว่านี่ก็คือเราชอบมันแน่ๆแต่จะให้ผมบอกมันก็อายนะครับ ผมเลยได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ ต้อมยิ้มออกมาแล้วก้มหน้าเอาปากมาประกบปากผม แต่รอบนี้ผมไม่ได้ขัดขืนหรือไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่นิ่มของมันและการจูบที่นุ่มนวลมาก มันส่งลิ้นเข้ามาในปากผมทีแรกผมก็ตกใจเมื่อลิ้นเราสัมผัสกัน แต่เมื่อมันขยับลิ้นก็ทำให้อารมณ์ผมกระเจิงไปหมด ผมปล่อยตัวไปกับรสสัมผัสของการจูบนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่มันมีความสุขมากอย่างหนึ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:41:33 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่5
ผมเข้ามหา’ลัยช่วงบ่ายกับต้อมตอนนี้ดูมันร่าเริงมากเป็นพิเศษ มันยิ้มมีความสุขตลอดเวลาที่ขับรถมา ผมให้มันเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังอีกรอบจากเมื่อเช้า มันคงเจ็บปากแน่ๆเพราะพูดไม่ค่อยชัด เมื่อคืนโดนต่อยมาแล้วยังมาจูบกับผมอีกตั้งนานเมื่อเช้า แต่ผมก็แอบยิ้มนะที่รู้ว่ามันห่วงผมมากขนาดนี้
“เอาตายยากเว้ย กำลังพูดถึงเรื่องแกพอดีเลย” ไอ้ตี๋หันมาบอกเมื่อเห็นผมเดินมาถึงที่ซุ้มกับต้อม
“เออ โทษทีวะเมื่อคืน ไม่เคยเมาแบบนี้มาก่อนเลย” ผมทำหน้าสำนึกผิดที่ทำให้เพื่อนไม่สนุก
“เออ ชั้นอะไม่เป็นไหร่หรอกโน่นไอ้ข้างๆแกเลย แม่งโดนต่อยยังห่วงแกมากกว่าห่วงตัวเองอีก” ไอ้แนทพยักหน้าไปทางต้อม
ผมหันไปมองหน้ามันแล้วยิ้มให้ มันยังยิ้มตอมแบบกวนๆกลับมาอีก วันนี้คงต้องทำดีกับมันซะหน่อยแล้วมั้งผมว่า ผมมาถึงเกือบเที่ยงพอดีก็เลยไปกินข้าวกัน ผมสั่งข้าวต้มให้ต้อมกินเพราะเห็นว่ามันเจ็บปากอยู่
“พี่นัทคราบบบ ป้อนหน่อยสิ” อยู่ๆมันหันมายืนชามข้าวต้มมาให้ ดูมันมาอ้อนอะไรตอนนี้ เพื่อนผมหันมามองพร้อมกันเลย แต่ละคนยิ้มกันใหญ่โดยเฉพาะไอ้แนทกับไอ้ตี๋
“โหยแก ป้อนน้องมันหน่อยดิวะ มันช่วยแกนะนี่” ไอ้แนทเปิดเกมส์อีกแล้ว มันนี่ตัวชงตลอดเลยเรื่องแบบนี้
“มือมันไม่ได้เจ็บซะหน่อย กินเองก็ได้” ผมหาข้ออ้างแก้เขิน
“นะๆๆๆ พี่นัท ป้อนหน่อยนะ” มันยังไม่เลิกอ้อนอีก มันไม่เคยจะอายใครเลยเรื่องแบบนี้ เพื่อนผมก็ลุ้นไปกับมันด้วยดูสิ ไม่เข้าข้างเพื่อนสักคน
“คำเดียวนะ” ผมต่อรอง มันยิ้มแล้วก็พยักหน้า พอผมป้อนเพื่อนผมก็เฮกันใหญ่ ตกลงนี่มันเพื่อนผมหรือเพื่อนไอ้ต้อมกันแน่วะเนี่ย
   ผมคบกับต้อมมานี่ก็จะ 3 เดือนแล้ว ต้อมมันก็คอยดูแลเอาใจใส่ดีเหมือนเดิม ส่วนมากมันจะมานอนที่บ้านผมจนสนิทกับน้าผมไปแล้ว เราไปกลับพร้อมกันตลอดถ้าผมเรียนเลิกเร็วกว่าก็จะนั่งที่ซุ้มรอมัน ส่วนมากผมจะเรียนเลิกก่อนเพราะผมไม่ชอบลงวิชาเรียนช่วงบ่าย เพื่อนๆผมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมคบกับมันแถมยังเหมือนเห็นดีเห็นงามด้วยซะอีก มันบอกดีซะอีกจะได้มีคนดูแลผมเพราะจริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ซุ่มซ่ามที่สุดในกลุ่มเหมือนกัน ตอนปี 1 ที่ผ่านมาก็เจ็บตัวอยู่หลายๆครั้งเพราะความซุ่มซ่ามนี่แหละ
“พี่นัทคราบบ ตื่นได้แล้วพี่เดี๋ยวไปเรียนสายนะครับ” เดี๋ยวนี้ต้อมจะเป็นคนปลุกผมตอนเช้าเกือบทุกวัน
“ขออีก 5 นาทีนะ ยังง่วงอยู่เลย” ผมเอาหมอนมาปิดหน้าไว้
“ไม่ได้พี่เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันนะครับ” มันมาดึงหมอนออกไปจากหน้าผม ผมก็พลิกตัวหันหน้าไปอีกทางไม่ให้แสงที่หน้าต่างเข้าตา
“ถ้าพี่ไม่ตื่นผมหอมพี่นะคราบบบ” นั่นมันหาวิธีปลุกที่มันได้เปรียบมากๆ แต่ผมยังไม่ทันที่จะลุกเลยมันก็ก้มมาหอมแก้มผมแล้ว
“หอมอยู่ได้หน้ายังไม่ได้ล้างเลย ไม่เหม็นหรือไง” ผมหันไปกอดต้อมไว้เหมือนมันเป็นหมอนข้างส่วนตัวของผมคนเดียว
“ถ้าเหม็นแล้วผมจะหอมทำไม ไปอาบน้ำได้แล้วครับพี่เดี๋ยวสายรถติด” แล้วมันก็หันมาหอมแก้มผมอีกที
   ผมเข้าไปอาบน้ำต้อมจะเตรียมผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันไว้ให้แล้วทุกครั้ง ผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวข้างนอกเสื้อผ้ามันก็เตรียมไว้ให้ผมอีกเช่นกัน ต้อมนั่งรออยู่ที่บนที่นอนพอผมแต่งตัวเสร็จก็จะเดินลงมาข้างล่าง
“พี่นัท เดี๋ยวก่อนพี่ลืมอะไรหรือเปล่า” ต้อมเดินเข้ามาหา จับแขนผมไว้แล้วก้มลงมาจูบที่ปากผมมันส่งลิ้นเข้ามาสำรวจในปากผมเหมือนจะดูว่าผมแปลงฟันเกลี้ยงหรือเปล่าเลย
“Good morning kiss ครับ ผมรักพี่นะครับ” มันกระซิบที่ข้างหูผม
“แต่วันนี้รสส้มหรือเนี่ย ผมนึกว่าจะให้สตอเบอรี่ซะอีก” เวลาผมแปลงฟันเสร็จแล้วจะบ้วนปากแต่ผมจะไม่ใช้ยาบวนปากผู้ใหญ่นะครับ ผมรู้สึกว่ามันแรงไปใช้แล้วแสบปาก ก็เลยจะใช้ของเด็กที่มีรสและกลิ่นผลไม้เสียส่วนมาก
“oh yeah oh oh oh yeah I’m feeling good” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากในเป้
“ว่าไง” ผมถามเมื่อเห็นว่าเป็นต้อมโทรมาหา
“พี่นัทครับ วันนี้ตอนเย็นผมไม่ว่างนะครับ พี่กลับบ้านเองได้เปล่าหรือจะให้ผมไปส่งก่อน” มันถามมาจากปลายสาย
“เดี๋ยวพี่กลับเองก็ได้ แล้วเราจะไปไหน” ผมถาม
“ผมมีธุระกับที่บ้านนะครับ เดี๋ยวคืนนี้โทรหานะครับ แล้วผมไปหาพรุ่งนี้ตอนเช้าเลยนะครับ” แล้วมันก็ตัดสายไป
“ไอ้นัทแกอยู่กับไอ้ต้อมป่าววะ” ไอ้แนทโทรมาหาผมตอนสองทุ่มกว่าๆแล้ว
“ป่าวนี่ทำไม มันบอกว่าจะไปธุระกับที่บ้านมัน” ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ามันมีเรื่องอะไร ปกติไอ้แนทไม่ค่อยถามถึงต้อมนี่นา
“ก็ชั้นเห็นมันที่เซ็นทรัลเวิลด์นะสิแก เลือกซื้อของกับใครอยู่ก็ไม่รู้” แนทเล่าให้ฟัง
“ที่บ้านมันมั้ง เห็นมันว่าจะไปกับที่บ้านนี่” แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะที่บ้านมันผมก็รู้จักทุกคนนะ
“เออ ชั้นคงคิดมากไปเองแหละแก เห็นมันดูสนิทสนมกันจัง” ไอ้แนททำเสียงเป็นห่วง
“งั้นแค่นี้นะแก ชั้นจะกลับบ้านพอดีเลยโทรมาบอก” แนทก็ตัดสายไป ผมรีบต่อโทรศัพท์หาต้อมทันที
“อยู่ไหนแล้ว” ผมพยายามถามให้เสียงปกติ ทั้งที่อยากรู้คำตอบมากๆ
“อยู่บ้านแล้วครับพี่ คิดถึงผมหรอครับ” มันยังมาอ้อนอีก ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองอีก
“ก็คิดถึงแหละนะ ก็ไม่เห็นโทรมาสักที” ผมพยายามหาเรื่องคุย แต่ระหว่างคุยผมก็ได้ยินเสียงประกาศของห้างเข้าพอดี
“อยู่ไหนกันแน่ ทำไมเสียงดังจัง” ผมถามอีกที
“อ๋อ ที่บ้านเขาเปิดโทรทัศน์เสียงดังนะพี่ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ” แล้วมันก็รีบวางสายไป
   ผมว่ามันต้องโกหกผมแน่ๆเลยมันต้องอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์อย่างที่ไอ้แนทบอกจริงๆ แล้วมันไปกับใครเพราะมันไม่มีน้องชายนี่นาที่บ้าน ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามันโกหก แล้วมันจะโกหกผมทำไมผมคิดไปต่างๆนานา จนทนไม่ไหวต่อสายไปหามันอีกรอบแต่คราวนี้มันปิดเครื่องไปแล้ว ผมเปลี่ยนจากหงุดหงิดเป็นโกรธมันไปแล้ว ทำไมมันทำแบบนี้กับผมทำไมมันต้องมาโกหกผมด้วย แล้วมันไปกับใครถึงต้องปิดบังผม ทำเอาคืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน
   เช้านี้ผมตื่นแต่เช้าออกมามหา’ลัยโดยไม่รอให้ต้อมมารับ เพราะผมโกรธมันที่โกหกผมอยู่ผมเลยมานั่งที่ซุ้มเช้ากว่าทุกๆวัน นั่งคิดเรื่องที่แนทบอกตลอดเวลาเลย ใจผมมันไม่ยอมสงบเลย
“ครืน ๆ ๆ” โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะสั่น
“ว่า” ผมถามสั้นๆเมื่อเห็นว่าต้อมโทรมา
“พี่นัททำไมไม่รอผมไปรับละครับ คิดถึงทั้งคืนจนรีบมารับแต่เช้าแล้วนะ ตอนนี้ถึงไหนแล้ว” เสียงมันมาตามสาย
“ยังคิดถึงพี่อยู่อีกหรอ พี่ก็นึกว่าจะไม่ว่างมารับแล้ว เลยมาเอง” ผมเหวี่ยงใส่
“พี่นัทเป็นอะไรไปอะ ใครทำให้พี่โกรธอะไรป่าวเนี่ย” ต้อมสงสัย
“ไม่ได้เป็นไรนี่ แค่นี้นะ” ผมตัดสายทิ้งทันที เพราะไม่อยากคุยกับมันแล้ว มันก็โทรกลับมาทันทีแต่ผมไม่รับสาย ผมรู้เดี๋ยวมันก็มาหาที่ซุ้มผมยังไม่อยากทะเลาะกับมันตอนนี้ ผมเลยขึ้นไปหลบที่ห้องโปรเจ็คของคณะซึ่งเขาจะยังไม่ให้พวกปี 1 เข้าไป
ผมโทรไปบอกไอ้ตี๋กับไอ้แนทแล้วว่าให้มาหาผมที่ห้องโปรเจ็ควันนี้ไม่อยากนั่งซุ้ม ระหว่างนั้นต้อมก็โทรมาตลอดผมเลยปิดเครื่อง เพราะไม่อยากได้ยินเสียงมันตอนนี้
“นัทแกทะเลาะกับต้อมมาหรือไงวะ เห็นมันตามหาแกไปทั่วเลย” ไอ้ตี๋ถามแต่มันไม่ได้บอกว่าผมอยู่ที่ไหนเพราะผมบอกมันไว้แล้วว่าไม่ให้บอก
“เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะชั้นป่าววะแก ชั้นไม่นาโทรไปบอกแกเลย” ไอ้แนททำหน้ากังวล
“ถ้าแกไม่โทรมาดิ เราจะโกรธแกแทนอยากเห็นเพื่อนโดนหลอกหรือไง” ผมทำหน้าเครียด
“แล้วมันเรื่องอะไรกันวะแกเล่ามาให้ชั้นฟังหน่อยสิ” ไอ้แนทดึงเก้าอี้มานั่งข้างหน้าผมไอ้ตี๋ยืนฟังอยู่ข้างๆ
“ก็ตอนที่แกโทรมาบอกเราไง เราก็ไทรไปหามันทันทีมันบอกว่ามันอยู่ที่บ้าน แต่คุยไปเรายังได้ยินเสียงห้างประกาศอะไรอยู่เลย แล้วมันก็ตัดสายไปเลยโทรไปอีกก็ไม่รับปิดเครื่องซะงั้น แล้วแกยังบอกมันไปกับคนอื่นอีกแกจะให้ชั้นคิดยังไง” ผมเริ่มระบายออกมา
“มันอาจจะไปกับเพื่อนที่รร.เก่าก็ได้ แล้วแบตมันคงหมดพอดี อย่าคิดมากดีกว่าไหม” ไอ้ตี๋หาข้อแก้ตัวให้มัน
“แล้วทำไมมันต้องโกหกว่าอยู่บ้านด้วยวะ แสดงว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ผมเริ่มขมวดคิ้ว ไอ้ตี๋ก็เอามือมาโอบไหล่ผมไว้เหมือนบอกให้ใจเย็นๆ ไอ้แนทก็นั่งหน้าเครียดไปอีกคน
“เครียดกันทำไมมีปัญหานักก็เลิกกันแค่นั้นเอง นี่ขนาดเพิ่งคบกันไม่นานนะนี่” ผมพูดเพื่อให้พวกมันไม่เครียดไปกับผม
วันนี้ผมไม่เจอหน้าต้อมทั้งวันเพราะกลัวอดทะเลาะกับมันไม่ได้ ผมไม่อยากทะเลาะกับมันที่มหา’ลัย
“เฮ้ยไอ้นัท วันนี้พวกเราไปค้างที่บ้านด้วยนะ” เออวันนี้เพื่อนผมมาแปลกรวมกลุ่มกันพร้อมหน้าเลย แล้วยังจะไปค้างบ้านผมอีกสงสัยมันกลัวผมเครียดมั้ง เมื่อก่อนพวกมันก็ไปนอนบ้านผมประจำอยู่แล้วเพราะน้าผมใจดี ใครมาบ้านก็ดูแลทุกคนจนพวกมันชอบมาบ้านผมกันทุกคน แต่ก็ดีกว่าอยู่คนเดียวผมคิด
   ผมเปิดโทรศัพท์ตอนกลับบ้านเห็นสาย miss call ของต้อมเข้ามา 50 กว่าสาย ข้อความอีก3 ข้อความผมเปิดอ่านข้อความ
“พี่นัทโกรธผมเรื่องอะไรคราบบ”
“โทรหาผมหน่อยนะคราบบบบบ”
“เดี๋ยวคืนนี้ผมไปหาที่บ้านนะครับ”
   ก่อนกลับเข้าบ้านพวกเพื่อนผมก็แวะซื้อของกินกันเยอะมาก มันจะฉลองที่ผมอกหักกันหรือไงวะ พอเดินจะเข้าประตูบ้านพวกมันก็บอกให้ผมรอก่อน เออเข้าบ้านตัวเองมีต้องรอด้วยผมรอได้แปบเดี๋ยวก็เดินเข้ามา เห็นในบ้านปิดไฟมืดจนผมมองอะไรไม่เห็นเลย แล้วพวกมันหายไปไหนกันหมดวะ
“Happy birthday to you” อยู่ๆพวกมันก็โผล่มาร้องเพลงวันเกิด แล้วผมเห็นต้อมถือเค้กจุดเทียนเข้ามาหาผม มันถือเค้กอยู่ข้างหน้าผมผมก้มลงไปมองเค้กในมือมัน เป็นเค้กสีขาวที่แต่งข้างๆด้วยลายดอกไม้แต่ตรงกลาง มีสร้อยพร้อมจี้สีเงินวางอยู่บนแผ่นพลาสติกใสเล็กๆ จี้เป็นรูปตัวทีกับตัวเอ็นมีหัวใจสีแดงขั้นกลาง ผมก็จำได้ทันทีว่าวันนี้วันเกิดผมนี่ ทั้งวันมัวแต่คิดเรื่องต้อมเลยลืมวันเกิดตัวเองไปเลย
ผมงงเล็กน้อยแต่ก็เป่าเทียนแล้วพวกไอ้ตี๋ก็เปิดไฟ หนุ่ยก็มาด้วยวันนี้ ต้อมเอาเค้กไปวางแล้วหยิบสร้อยเดินเข้ามาหาผม
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ ที่รักของผม” มันกระซิบที่ข้างหูตอนที่ใส่สร้อยให้ผม แต่ผมยังเคืองๆนิดหน่อยเรื่องที่มันโกหกไงครับ แต่ดีใจมากกว่ากับเรื่องที่มันทำให้ผม
พวกไอ้ตี๋ก็ไปเตรียมของที่ซื้อมาเพื่อกินกัน หนุ่ยซื้อดอกไม้ช่อใหญ่มาให้ผมจนต้อมมองหน้ามัน แล้วพวกเราก็นั่งกินกันคุยกันไปอย่างสนุก โดยต้อมมันนั่งกอดผมอยู่ข้างหลังเอาคางเกยไหล่ฟังเรื่องที่เพื่อนๆมันเผาผมให้ฟัง
“วันนี้ชั้นเครียดแทบตายแนะแก ชั้นนึกว่าจะทำให้แกสองคนทะเลาะซะแล้ว” ไอ้แนททำท่าโล่งอก
“เออไหนๆพูดมาก็ดีแล้ว แล้วเมื่อวานไปกับใคร ทำไมต้องโกหก” ผมหันหน้าไปทางต้อมจนจมูกเราแทบชิดกันแล้ว
“มันไปกับน้องผมเองแหละพี่ มันให้ไปช่วยเลือกสร้อยให้พี่ไงพอดีผมไม่ว่างเลยให้น้องไปแทน” หนุ่ยพูดขึ้นมาแทน
“พี่หึงผมอีกแล้วละสิ น่ารักจริงๆเลยแฟนผมคนนี้” แล้วมันก็กอดผมแน่นขึ้น แล้วยิ้มซะเห็นฟันหมดปากได้แล้ว
“ใครจะไปหึงเรา แค่แปลกใจดำยั่งงี้ยังจะมีคนชอบอีกหรอ” ผมหัวเราะ
“ใครดำพี่ ไม่เห็นดำสักหน่อย” ผมก็เลยจับแขนมันมาเทียบกับแขนผม ซึ่งมันก็ดำจนสีผิวจะตัดกันได้จริงๆ เพื่อนๆผมหัวเราะกันใหญ่เลย
“โอ๋ๆๆ ถึงดำพี่ก็รักของพี่นะ” ผมจับหน้ามันมามองเพราะเห็นว่ามันงอนที่ไปแซวว่ามันดำ จนมันยิ้มออกมา
   คืนนี้พวกผมกินเหล้ากันจนเมามากเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องกลับบ้าน พวกมันนอนบ้านผมทุกคนรวมทั้งหนุ่ยด้วย ทำให้ห้องผมเล็กลงไปเลยที่เดินยังไม่มีเลย ผมนอนบนที่นอนกับไอ้แนทเพราะเราสนิทกันจนไม่คิดอะไรกันแหละแถมมันเป็นผู้หญิงคนเดียวอีกด้วย ผมนอนตรงกลางเพราะต้อมมามานอนเบียดอีกข้าง ให้มันนอนพื้นกับหนุ่ยมันก็ไม่ยอม มันนอนกอดผมใต้ผ้าห่มทั้งคืนเลย
“พี่นัท ผมรักพี่นัทคนเดียวนะครับ ไม่มีวันทิ้งพี่แน่นอนเชื่อใจผมนะครับ” มันหอมแก้มผมแล้วก็หลับไป ผมยังนอนยิ้มอยู่คนเดียวจนไอ้แนทหันมาทำหน้าแซวผม ผมเลยเอาหมอนมาบังหน้าแล้วหลับไป
   เช้าผมตื่นขึ้นมาตักบาตรกับต้อมชดเชยที่เมื่อวานลืมทำ ปล่อยให้เพื่อนๆนอนหลับกันอยู่ไม่อยากกวนพวกมันตอนนอน หลังตักบาตรเสร็จผมเพิ่งนึกได้ว่าน้าผมไม่อยู่บ้าน ต้อมบอกว่ามาขอน้าไว้แล้วน้าเลยให้บอกว่าจะไปนอนบ้านเพื่อน แต่เมื่อคืนมัวแต่ง้อกันเลยลืมบอกผม
“ไปตักบาตรมากันหรอคู่แต่งงานใหม่” ไอ้ตี๋เพื่อนผม ตื่นมาก็ปากหมาได้อีกมัน
“เออ ก็เมื่อวานลืมตักนี่หว่าวันนี้ต้องชดเชย” ต้อมยิ้มกับคำว่าคู่แต่งงานใหม่อยู่เลย
“ตื่นกันหมดหรือยังเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” ผมหันไปถามเพราะยังไม่เห็นคนอื่นลงมาเลย
“ตื่นหมดแล้วเดี๋ยวคงลงมากัน โน่นไอ้แนทหลับรออีกรอบแล้ว” ไอ้ตี๋ชี้ให้ดูไอ้แนทที่ลงมานอนที่โซฟา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:42:13 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่6
“ไอ้นัทถึงไหนแล้ววะแก ไปเที่ยวกันสองคนระวังตัวดีๆนะโว้ย” เสียงไอ้ตี๋เป็นห่วงผ่านมาทางโทรศัพท์ ผมกับต้อมจะไปเที่ยวที่เกาะกระดานกันช่วงวันหยุดก่อนเรียนซัมเมอร์
“ถึงตรังแล้วกำลังรอรถตู้มารับไปท่าเรือ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเดี๋ยวซื้อของไปฝาก” ต้อมหันมามองหน้าถามว่าใครโทรมา ผมเลยบอกว่าไอ้ตี๋โดยไม่ออกเสียง
“คราวหน้ามาด้วยกันสิ คนเยอะจะได้สนุกๆ” ผมชวนมันล่วงหน้าเลย
“รถมาแล้วแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
   ผมกับต้อมจัดกระเป๋ามาใบเดียวกันเพราะเอาเสื้อผ้ามาไม่กี่ชุด แล้วต้อมก็บอกว่าจะได้ไม่ต้องถือของเยอะด้วย รถตู้มาจอดที่ท่าเรือสักพักไกด์ทัวร์ที่ต้อมติดต่อไว้ก็มาบอกให้ลงเรือ ก่อนที่จะไปถึงเกาะกระดานจะแวะดูปะการังที่เกาะเชือกและเข้าถ้ามรกตกันก่อน ผมตื่นเต้นมากเพราะผมไม่เคยลงมาเที่ยวแบบนี้มาก่อน มากสุดก็ทะเลหัวหินชะอำแค่นั้นเอง
   อีกอย่างผมเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่ค่อยเป็นด้วย จึงตื่นเต้นเป็นพิเศษตอนเรือไปจอดเพื่อจะเข้าถ้ามรกต เขาจะโยงเชือกกับทางเข้าปากถ้ำไว้ก่อนแล้วให้พวกเราต่อแถวเกาะกันไปต้อมเกาะอยู่ข้างหลังผมพอผ่านทางเข้าไปข้างในเป็นโพรงใหญ่มีคลื่นซัดตลอดเวลา แล้ววันนั้นคลื่นแรงมากจนผมเริ่มกลัวแล้วสิ ต้อมขยับเข้ามาใกล้ๆผมถามว่าถ้ากลัวก็ออกไปข้างนอกด้วยกันก็ได้นะไม่ต้องเข้าไปก็ได้แต่ผมก็จะเข้าไปเพราะมาถึงแล้วทั้งที ผมอยากเห็นข้างในถ้ำด้วยว่าสวยแบบที่เคยเห็นในภาพหรือเปล่า
   หลังจากผ่านอุโมงค์ที่ต้องลอยคอเข้ามาได้สักพักก็เห็นแสงสว่างข้างหน้า พอพ้นออกมาก็เจอชายหาดสีขาวล้อมไปด้วยหน้าผาทั้งหมด พอแสงแดดส่องลงมาก็สะท้อนสีเขียวของน้ำทะเลขึ้นมาเป็นสีมรกตสวยมากจริงๆ แต่ผมว่าหน้าเสียดายที่คนเยอะไปหน่อย มันเลยดูวุ่นวายกับการถ่ายรูปกันไปหมด เราถ่ายรูปกันสัก 10 นาทีก็ออกมาที่เรือเพื่อไปดูปะการังที่เกาะเชือกกันต่อ ปะการังรอบๆเกาะเชือกก็สวยนะครับแต่ยังไม่ค่อยเยอะ ไกด์บอกว่ามันยังไม่ค่อยฟื้นตัวหลังจากที่เกิดสึนามิคราวที่แล้ว แต่ก็เริ่มดีขึ้นเยอะแล้ว
   เรามาถึงที่พักบนเกาะกระดานเกือบ 5 โมงเย็น ก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก ห้องพักที่ผมได้หันหน้าออกทะเลพอดี เวลาเปิดหน้าต่างแล้วจะเห็นวิวสวยมากๆ เราเดินมาร้านอาหารของรีสอร์ทกันต้อมได้ให้เขาจัดโต๊ะไว้ริมชายทะเล ผมคิดว่าตอนนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยมานั่งกินข้าวชายทะเลกันสองคนกับคนที่ผมรัก ใต้แสงเทียนและลมทะเลพัดแบบเย็นสบาย ต้อมยังสั่งไวท์ไว้อีกด้วยเรานั่งกินข้าวจิบไวท์กันจนผมเริ่มตึงๆแล้ว ผมเลยชวนต้อมกลับห้องเพราะจะได้พักผ่อนด้วยเหนื่อยจากการดำน้ำมาทั้งวัน
“พี่นัทครับ วันนี้ผมขอนะครับ” ต้อมดึงผมมากอดหลังจากที่ปิดประตูล็อคห้องแล้ว แต่ผมยังไม่ทันถามว่าขออะไร ต้อมก็ก้มมาจูบปากผมซะแล้ว
   ผมจูบตอบสนองต้อมแต่วันนี้ต้อมดูร้อนแรงมากคงเพราะไวท์ที่กินมาด้วยแน่ๆ ต้อมดันผมจนล้มลงบนที่นอนแล้วมันก็ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวผม แล้วก้มลงมาจูบอีกครั้งคราวนี้มือต้อมไม่ได้อยู่นิ่งเหมือนทุกทีแล้ว มือมันลูบมาที่หน้าอกของผมอย่างแผ่วเบาจนผมรู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่าน ผมพยายามเอามือจับมือต้อมไว้ให้หยุดแต่ต้อมกับเอามืออีกข้างมากดมือผมไว้ ต้อมเลื่อนจากการจูบปากไล่ลงมาที่ติ่งหูและซอกคอของผม ตอนนี้ผมไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้วมันรู้สึกเสียวมากกว่าพอต้อมเห็นผมไม่ได้ขัดขืน แล้วเริ่มมีอารมณ์ร่วมด้วยแล้วต้อมก็ถอดเสื้อของผมออก แล้วจูบไล่มาจนถึงหัวนมของผมแล้วใช้ลิ้นวนอยู่ที่ปลายจนผมต้องแอ่นหน้าอกไม่ติดที่นอน มือของต้อมก็ไม่อยู่เฉยลูบไล่ลงไปจนถึงเบจิต้าของผมผ่านกางเกงขาสั้น ซึ่งตอนนี้มันกำลังจะแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าแล้วจากการโดนสัมผัสจากมือของต้อม ผมเริ่มครางออกมาเบาๆเมื่อต้อมเน้นที่หัวนมผมทั้งสองข้างจนผมตัวลอยไม่ติดพื้นแล้ว ต้อมค่อยๆไล่ลิ้นลงมาที่หน้าท้องของผมและลงต่ำลงมาจนหน้าอยู่ที่เดียวกับเบจิต้าของผมเลย
   ต้อมใช้ปากกับเบจิต้าของผมทั้งที่ยังไม่ถอดกางเกงออก แค่นี้มันก็ทำให้ผมเสียวจนเบจิต้าแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าขั้นสูงสุดแล้ว มันแน่นกางเกงที่ใส่ไปหมด ต้อมเห็นว่าผมมีอารมณ์เต็มทีก็ค่อยๆถอดกางเกงผมออก โดยผมแอ่นสะโพกให้ลอยนิดหน่อยจะได้ถอดได้สะดวก พอเบจิต้าผมมันเป็นอิสระมันก็แปลงร่างโชว์เต็มที่อยู่แล้ว ต้อมมองหน้าผมแล้วยิ้มจากนั้นก็ครอบปากลงไปที่หัวของเบจิต้าตอนนี้ผมเสียวที่หัวเบจิต้ามากจนผมต้องเอามือจิกที่นอนไว้แล้ว ต้อมค่อยๆอมเบจิต้าผมเข้าไปเหมือนกลัวว่าจะกินไม่หมดทำนองนั้น แน่นอนสิครับเบจิต้าผมใช่ย่อยที่ไหน แค่อมไม่พอต้อมยังใช้ลิ้นต่อสู้กับเบจิต้าอยู่ในปากด้วย ต้อมเริ่มโยกหัวขึ้นลงช้าๆผมเสียวมากจนต้องแอ่นสะโพกขึ้นเพราะกลัวเบจิต้าจะหลุดจากปากต้อม ต้อมได้ใจที่ผมเป็นแบบนี้ขยับหัวขึ้นลงเร็วขึ้นไปอีก จนผมต้องเอามือไปจับหัวต้อมไว้แล้วเผลอครางออกมา
“อืมมมมมม ต้อมพี่เสียวครับ อ่า.....” ผมครางเรียกชื่อต้อม ต้อมชำเลืองตาขึ้นมามองหน้าผมแต่ยังไม่หยุดที่จะต่อสู้กับเบจิต้าของผมต่อไป
   ผมจับหัวต้อมให้หยุดเมื่อผมรู้สึกว่ามันเสียวจนจะทนไม่ไหวแล้ว แล้วผมก็ดึงหน้าต้อมขึ้นมาจูบต้อมจูบกลับมาผมก็ผลักให้ต้อมนอนลงไปบนที่นอนบ้างผมทำแบบที่ต้อมทำให้ผมจูบไล่ลงมาที่นมของต้อมตอนนี้มันแข็งเป็นไตรออยู่แล้ว ผมใช้ลิ้นเลียลงไปต้อมแอ่นอกขึ้นมาตามลิ้นแต่ดูต้อมจะปล่อยอารมณ์เต็มที่เพราะ ครางเรียกชื่อผมตลอดเลย
“พี่นัท อ่า..พี่นัทครับ” มือต้อมลูบอยู่ที่หลังของผม   
   ผมไล่ลิ้นลงมาที่หน้าท้องของต้อมที่เป็นซิกแพ็คต่างจากของผมที่เป็นแบบวันแพ็คเลย ผมค่อยๆเลียไปที่รอบสะดือดูท่าทางต้องคงจะอ่อนไหวกับตรงนี้มาก เอามือมาบีบแขนผมแน่นเลย ระหว่างที่ผมลงลิ้งที่หน้าท้องอยู่มือผมก็จัดการถอดกางเกงต้อมออก เพื่อปลดปล่อยโงกุนของต้อมออกมา มันก็แปลงร่างขั้นสุดยอดแล้วเหมือนกัน ถึงได้เด้งสู้มาจนโดนหน้าอกผม ผมค่อยๆเลื่อนหน้าลงมาเพื่อท้าสู้กับโงกุนของต้อม ผมค่อยเอาปากลงไปครอบที่หัวของโงกุนต้อมตัวเกรงเอามือมาบีบไหล่ผมไว้ จนผมกินเจ้าโงกุนเข้าไปหมดแรกๆผมอาจจะทำไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ก็นี่ครั้งแรกของผมนี่ครับที่มีอะไรกับผู้ชาย แต่สักพักก็เริ่มคล่องแหละสังเกตจากที่ต้อมครางออกมา แล้วเอามือมาจิกไหล่ผมตลอด
“พี่นัทครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว เสียวมาก อ่าสสสสสสสสสสส์” ต้อมครางออกมามือจิกอยู่ที่บ่าของผม โดยที่ผมยังสู้กับโงกุนอยู่เลย
“ผมใกล้แล้วพี่ พี่นัทครับ” เสียงต้อมขาดเป็นห้วงๆ ผมเลยเอาปากออกแล้วใช้มือสู้กับเจ้าโงกุนสักพัก ต้อมก็เกร็งหน้าท้องมือจิกที่ไหล่ผมแน่น
“โอะ พี่นัทครับผมรักพี่นัทที่สุดเลย” ต้อมพูดขณะที่เจ้าโงกุนกำลังปล่อยพลังคลื่นเต่าออกมาเต็มหน้าท้องของตัวเอง
   ผมล้มตัวลงไปนอนข้างๆต้อม ต้อมก็หันมาจูบผมต่อระหว่างที่จูบผมต้อมก็หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดพลังงานที่ตัวเองปลดปล่อยออกมา แล้วต้อมก็กลับมาทำให้ผมอีกครั้ง ลีลาที่ต้อมมอบให้ผมนั้นทั้งนุ่นนวลและสร้างความเสียวให้ผมได้มากสุดๆ เรียกได้ว่าสะโพกแทบไม่แตะพื้นเลย จนผมรู้สึกจะไม่ไหวแล้ว
“อ่า ต้อม พี่จะไม่ไหวแล้ว อ่าสส” ผมครางบอก ต้อมยังก้มหน้าสู้กับเบจิต้าไม่สนใจที่ผมบอกเลย
“โอ๊ะ ต้อมพี่ไม่ไหวจริงๆแล้วนะ” ต้อมยังไม่ยอมหยุดที่จะใช้ปากกับเบจิต้ากลับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นไปอีก จนผมทนไม่ไหวระเบิดพลังออกมาในปากของต้อม ต้อมกลืนพลังงานของผมลงไปจนหมดแล้วล้มตัวลงมานอนข้างผมที่หายใจหอบอยู่
“พี่กับผมเป็นคนเดียวกันแล้วนะครับ ผมรักพี่นัทนะครับ” ต้อมจูบปากผมแต่คราวนี้มันคาวๆสงสัยเพราะพลังงานของผมแน่ๆ
“พี่ก็รักต้อมนะ” ผมจูบไปที่หน้าผากของต้อมแล้วก็กอดมันไว้
   พอนอนพักจนหายเหนื่อยผมก็ลุกเพื่อจะไปอาบน้ำ ต้อมก็ลุกขึ้นตามาด้วยบอกว่าขออาบน้ำพร้อมกับผม ตอนแรกผมก็อายนะก็ไม่เคยอาบน้ำพร้อมใครนี่นาตั้งแต่โตขึ้นมา ตอนอาบน้ำต้อมก็สระผมแล้วฟอกสบู่ให้ผมผมก็ทำให้ต้อมเหมือนกัน เราอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวต้อมยังมานั่งเป่าผมให้ผมอีก บอกว่าถ้านอนผมไม่แห้งเดี๋ยวไม่สบาย ผมก็เลยเป่าให้มันเหมือนกัน หลังจากผมแห้งเราก็มานอนบนที่นอนปกติผมจะนอนทางขวาต้อมจะนอนทางซ้ายมือผม แล้วเราก็หันหน้าเข้าหากันจนจมูกเราชนกัน
“ผมมีความสุขที่สุดเลยตั้งแต่เกิดมาวันนี้” ต้อมพูดทั้งที่ปากเราใกล้กันมากๆ ผมได้กลิ่นหอมรสส้มอ่อนจากปากของต้อม เพราะต้อมหันมาใช้น้ำยาบ้วนปากแบบเดียวกับผม
“พี่ก็เหมือนกัน” ผมก็จุ๊บปากต้อมไปทีนึง แล้วเราก็หลับในอ้อมกอดของกันและกัน
   เช้าวันนี้จริงๆเรามีโปรแกรมต้องไปดูปะการังที่เกาะอีกเกาะหนึ่ง แต่เราสองคนตกลงกันว่าจะไม่ไปอยู่ที่รีสอร์ทดีกว่า ตอนบ่ายน้ำทะเลลงเยอะมากผมกับต้อมเลยจะไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำแทน เราเตรียมกางเกงว่ายน้ำมากันเรียบร้อยสระว่ายน้ำเขาก็วิวสวยมากมองออกมาเห็นทะเลด้วย ผมว่ายน้ำไม่ค่อยเก่งจึงว่ายได้ไม่นานก็มาพักแถวขอบของสระว่ายน้ำ
“ปึก” เสียงอะไรไม่รู้ชนผมจากด้านข้าง จนผมต้องถอยหลังจากในน้ำ
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันมอง” เด็กหนุ่มหน้าตี๋หุ่นดีคนหนึ่งว่ายมาชนผมจากด้านข้าง
“ไม่เป็นไรครับ” ผมยกมือบอกด้วย น้องที่ชนขอโทษผมอีกหลายหน แล้วก็แนะนำตัวผมเลยรู้ว่าน้องเขาชื่อแจ็ค มาเที่ยวจากกรุงเทพเหมือนกัน ต้อมคงเห็นผมยืนคุยกับแจ็ค อยู่ก็เลยว่ายกลับมาหาผมที่ขอบสระ
“มีอะไรกันหรอพี่” ต้อมถามเมื่อว่ายมาถึงที่ผมอยู่
“ป่าวไม่มีอะไรหรอก น้องเขาแค่ว่ายมาชนพี่แล้วเลยคุยกันนิดหน่อย” ผมหันมายิ้มให้ แต่ต้อมเหมือนจะจ้องหน้าแจ็คมากกว่า แล้วก็ดึงแขนผมออกไปจากตรงนั้น บอกว่าจะพาไปหัดว่ายน้ำจะได้ว่ายเก่งๆ
“มันมาจีบพี่หรอ” ต้อมถามตอนที่พาผมมาถึงอีกฝั่งของสระน้ำ
“บ้าแล้ว มันว่ายมาชนเฉยๆ มันชวนคุยพี่ก็คุยตามมารยาท” ต้อมทำหน้างอนๆ
“ใครจะไปชอบคนอื่นได้ไง เนี่ยมีน้องดำอยู่ทั้งคน รักจะตายอยู่แล้ว” ผมเอามือหยิกแก้มมันเบาๆ จนมันยิ้มออกมาจนได้
   วันกลับเราแวะซื้อของฝากกันเยอะมาก ก็เพื่อนผมเยอะนี่ครับต้อมก็ซื้อหมูย่างเมืองตรังไปฝากน้าผมกับหนุ่ย แหมมันมีเอาใจน้าผมด้วยนะหาพวกเต็มทีเลยมัน เรานั่งรถจากตรังมาถึงกรุงเทพก็เช้าอีกวันพอดี ต้อมกลับไปบ้านผมก่อนเพราะรถจอดอยู่ทีนั่นมันเอาของฝากให้น้าผมน้าผมก็ใจดีจริงๆชวนมันให้ค้างต่อเพราะว่าจะได้พักผ่อนเยอะๆ มีหรือมันจะปฏิเสธแต่มันจะพักผ่อนจริงหรือ ของฝากอื่นๆเราตกลงว่าจะเอาไปให้พวกเพื่อนผมพรุ่งนี้โดยต้อมจะขับรถไปให้
“ก๊อก ๆ ๆ” เสียงเคาะประตูห้องน้ำตอนที่ผมกำลังแปลงฟันเตรียมตัวอาบน้ำ
“พี่นัทครับ ผมอาบน้ำด้วยนะคราบบ” ดูมันมาอ้อนหน้าห้องน้ำ
“บ้าแล้ว พี่อายไม่เอาหรอก” ผมพูดทั้งยาสีฟันเต็มปาก
“นะนะนะคราบบบ พี่นัทนะผมอาบน้ำด้วยคน ตอนไปเที่ยวเรายังอาบด้วยกันได้เลย” มันอ้อนไม่พอยังยกตัวอย่างขึ้นมาอีก ผมเลยไปเปิดประตูให้มัน พอมันเข้ามาผมก็ส่งแปลงที่บีบยาสีฟันแล้วให้มันแปลงฟัน มันก็มายืนแปลงข้างๆผม แต่วันนี้ผมเพิ่งสังเกตว่ามันแปลงฟันได้แรงมาก
“โห แปลงฟันแรงขนาดนี้ เหงือกพังกันพอดี แปลงเบาๆหน่อยสิ” ผมบอกตอนที่บ้วนปากเสร็จแล้ว
“อะ งั้นแปลงให้หน่อย” มันยิ้มแล้วยืนแปลงมันมาให้ผม
“จะบ้าหรอแปลงเองสิ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” มันทำหน้ายุ่งอีกแหละ
“ก็แปลงให้ดูก่อนไงว่าแปลงเบาๆยังไง นะนะนะ” มันจะอ้อนไปถึงไหนกัน วันๆอ้อนจนผมจะตามใจมันตลอดแหละตอนนี้ก็เช่นกัน ผมหยิบแปลงมันมา มันก็ยิ้มยิงฟันยื่นหน้ามาหาผม ผมก็แปลงฟันให้มันบอกอะไรมันก็ทำตามหมดเลย
“แบบนี้อะจำไว้นะ ออกแรงให้พอดีก็พอแล้ว” ผมยังบ่นเรื่องแปลงฟันหลังแปลงให้มันเสร็จแล้ว
“แล้วแบบนี้ใช้แรงแค่ไหนพอครับ” มันทำหน้าทะเล้นแล้วก็ดึงหน้าผมเข้าไปจูบ ตอนที่ลิ้นมันเข้ามาในปากผมผมได้กลิ่นส้มจากปากมัน เอาวะคราวนี้ส้มกับสตอเบอรี่จะผสมกันแล้วเพราะเมื่อกี้ผมใช้กลิ่นสตอเบอรี่บ้วนปากไม่รู้ว่าผมจะโรคจิตป่าวผมชอบซื้อน้ำยาบ้วนปากมาทีละหลายๆกลิ่นแล้วเปิดใช้พร้อมกัน เปลี่ยนกลิ่นไปเรื่อยๆอีกอย่างน้ำยาบ้วนปากเด็กมีกลิ่นให้เลือกเยอะอยู่นะครับ
   หลังจากจูบผมแล้วต้อมก็ดันผมไปจนติดผนังห้องน้ำ ตอนนี้เบจิต้าของผมกับโงกุนของมันเริ่มที่จะแปลงร่างแข่งกันแล้ว ผมเลยหันไปเปิดน้ำเพื่อกันเสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ ก็น้าผมยังอยู่ข้างล่างนี่ครับ ต้อมค่อยๆย่อตัวลงไปใช้ลิ้นไล่ไปทุกส่วนของร่างกายผม ผมเสียวจนจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้วตอนนี้ ต้อมนั่งลงไปจนหน้าอยู่ระดับเดียวกับเบจิต้าของผมแล้ว สงสัยเบจิต้าของผมคงโกรธมากเห็นมันชี้หน้าต้อมอยู่ แต่ต้อมก็ไม่ได้กลัวมันนะครับกลับสยบมันด้วยการใช้ลิ้นเลียมาที่หัวของเบจิต้า ผมเสียวมากจนต้องเกร็งหน้าท้องช่วย ต้อมใช้ลิ้นสำรวจเบจิต้าจนทั่วตัว ก็จัดการเอามันเข้าไปในปากทันทีต้อมสู้กับเบจิต้าของผมจากช้าไปเร็วขึ้นๆ จนผมยืนนิ่งๆไม่ไหวแล้ว ผมบีบมือกับมือต้อมที่เอามาประสานมือกับผมไว้เพื่อคลายอาการเสียวลง
“ต้อมพี่รักต้อมนะครับ อ่า... พี่ไม่ไหวแล้ว” ผมบอกพร้อมหายใจติดขัดเพราะต้อมมอบความเสียวมามากเหลือเกิน ต้อมคงรู้ว่าผมคงใกล้จะระเบิดพลังแล้ว จึงเร่งสู้กับเบจิต้าของผมใหญ่เลย
“ต้อมพี่ไม่ไหวแล้ว พี่เสร็จแล้ว อ่าสสสสสสสสสส์” ผมเกร็งตัวบีบมือต้อมไว้แน่น ต้อมก็กดหน้าเข้าไปจนชิดกับพงหญ้าที่เบจิต้ายืนอยู่เลย ต้อมยังคงกินพลังงานของผมลงไปเหมือนเดิม
“ผมรักพี่นัทนะครับ” ต้อมบอกแล้วจูบปากผมอีกครั้ง พอผมจะทำให้ต้อมบ้างต้อมกลับบอกว่าไม่ต้องมันอยากทำให้ผมมีความสุขก็พอแล้ว อยากให้ผมพักผ่อนมากกว่า
   ก่อนออกจากห้องน้ำเราต้องแปลงฟันกันอีกรอบเพราะอะไรไม่ต้องบอกนะครับ ต้อมมันก็ยังอ้อนให้ผมแปลงฟันให้มันเหมือนเดิม ตกลงนี่ผมมีแฟนหรือมีลูกกันแน่หา เราออกมาแต่งตัวแล้วก็เข้านอนต้อมก็นอนกอดผมแล้วหลับไปเหมือนเดิม
   ตอนเช้าผมโทรนัดพวกไอ้ตี๋กับไอ้แนทที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า เพราะมันใกล้บ้านทุกคนดีแล้วต้อมจะได้ไม่ต้องขับรถวนไปไกลๆ ผมให้ต้อมโทรชวนหนุ่ยมาด้วยกันจะได้ให้ของฝากกันไปเลยทีเดียว อีกอย่างผมไม่ได้เที่ยวกับเพื่อนๆนานมากแหละเลยกะชวนพวกมันดูหนังกันซะหน่อย
“เฮ้ยนัท คอแกไปโดนอะไรมาวะ” ไอ้แนททักเมื่อผมเดินมาหาพวกมันที่ KFC ตรงเมเจอร์
“โดนอะไรไม่มีนี่” ผมปฏิเสธไอ้แนทยื่นกระจกให้ผมส่องดู แล้วผมก็เห็นรอยที่ต้นคอเป็นรอยแดง นี่ต้อมมันเล่นบ้าอะไรกับผมนี่ มันมาทำรอยฝากไว้บนตัวผมตอนไหนกัน ผมหน้าแดงแล้วดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดทันที แล้วหันไปมองหน้าต้อม มันยังยิ้มทำหน้าทะเล้นให้ผมอีก พวกเพื่อนผมนี่สิปากมันไม่ต้องพูดถึง หมายังเรียกพี่มันแซวผมทั้งวันเลย มีแต่หนุ่ยที่มองหน้าผมกับต้อมแล้วทำหน้าเศร้าๆ
   ตกลงวันนี้พวกผมดูหนังเสร็จแล้วออกมากินข้าวกันอีกรอบ คราวนี้เรากิน hotpot บุฟเฟต์กัน พวกผมกินกันเยอะมากเพราะกินเก่งกันทุกคนอยู่แล้ว แต่คนอื่นกินแล้วไม่ยักอ้วนกันสักคนมีแต่ผมที่ดูอวบอิ่มอยู่คนเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:42:48 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่7
วันนี้วันสงกรานต์ผมกลับมาบ้านต่างจังหวัด เพราะปีนี้ผมยังไม่ได้กลับเลยก่อนซัมเมอร์ก็ไปเที่ยวใต้กับต้อม แล้วทุกปีผมก็ต้องกลับมารดน้ำให้พ่อกับแม่และก็ปู่ผมทุกปีอยู่แล้ว
“พี่นัทครับคิดถึงผมไหมคราบบ” มันอ้อนผ่านสายมาอีกแล้ว
“คิดถึงสิครับ คิดถึงน้องดำที่สุดเลย” ผมบอกกลับไป
“งั้นก็บอกมาสิครับว่าบ้านพี่อยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมไปหา” ถ้าจะบ้าแล้ว แต่ผมก็บอกทางมันไปเพราะคิดว่ามันคงล้อเล่น ผมยังพูดไม่ทันจบรถมันก็มาจอดหน้าบ้านผมแล้ว ผมยืนงงไปเลยว่ามันมาได้ยังไง แถมมันยังพาไอ้ตี๋กับไอ้แนทมาด้วยไอ้สองคนนี้ไม่เท่าไหร่หรอกครับเพราะมันมาหาพ่อกับแม่ผมประจำ ไม่งั้นถ้าพ่อกับแม่ผมขึ้นไปกรุงเทพมันก็จะมาหาที่บ้านเสมอ
“เฮ้ยแก จะไม่เปิดประตูให้เพื่อนเข้าไปในบ้านหรอวะ ร้อนนะโว้ย” ไอ้แนทโวยวายหน้าประตูบ้าน ผมรีบวิ่งไปเปิดให้มันเข้ามา
“มากันยังไงเนี่ย ทำไมไม่โทรมาบอกก่อน” ผมหันไปถามพวกมัน
“ก็ไอ้ต้อมของแกนะสิ มันไปลากพวกชั้นมาจากบ้านว่าจะมาหาแกให้ได้”ไอ้แนท บอก ผมหันไปทำหน้าดุใส่มันที่มันพูดว่าต้อมของผม เพราะผมยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าผมกับมันเป็นแฟนกัน
“เออๆ โทษทีลืมไป” มันทำหน้าจ๋อยๆ ผมเลยบอกว่าอย่าลืมบ่อยแล้วกัน ผมก็พามันสามคนเข้ามาบ้าน สวัสดีปู่แล้วพ่อกับแม่ผมเสร็จก็พามันไปเก็บของที่ห้องนอนผม แล้วก็ลงมานั่งคุยกับพ่อกับแม่ผม ผมบอกไปว่าต้อมเป็นรุ่นน้องที่คณะพอดีสนิทกันมากแล้วมันอยากมาเที่ยวก็เลยแวะมาพ่อแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนลูกแกก็บอกว่าเหมือนลูกแก
   ตอนเย็นแม่ผมทำกับข้าวเลี้ยงพวกมันซะเยอะเลย มีทั้งปลาสามรส แกงเขียวหวานไก่ ไข่เจียวหมูสับ ต้มจืดเต้าหู้ แถมยังทำไข่หวานไว้รอเป็นของว่างอีกด้วย ทีลูกตัวเองอยู่ให้ทำกินเองนะแม่ผม ต้อมกินไปก็ชมไปว่ากับข้าวอร่อยไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้มานานแหละ แม่ผมก็ยิ้มหน้าบานนะสิคนชมอย่างงี้ ทีนี้อะไรก็ลูกต้อมๆตลอดเลยอยากกินอะไรลูกต้อมบอกแม่ผมทำให้กินทุกอย่าง ตกลงมันจะมาเป็นลูกแม่ผมอีกคนเลยไหม
   วันนี้ผมไปทำบุญกับที่บ้านแต่เช้าต้อมก็ตามไปด้วย แต่ไอ้แนทกับไอ้ตี๋ยังนอนไม่ตื่นเลยต้อมก็คอยดูแลแม่ผมดีจริงๆช่วยถือของชวนคุยนั่นนี่ตลอด แล้วยังอาสาขับรถไปให้อีกต่างหากสายๆกลับมาถึงบ้านพวกผมก็รดน้ำขอพรจากปู่และพ่อแม่ของผม พวกมันก็มารดขอพรด้วยเหมือนกันหมดเพราะบ้านผมก็คิดว่าพวกมันทุกคนเป็นลูกเป็นหลานเหมือนกันหมดทุกคน
   ตอนบ่ายเราก็ไปหาซื้อของฝากกันและดูบรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ด้วย ต้อมบอกเพิ่งเคยมางานสงกรานต์ต่างจังหวัดครั้งแรก ระหว่างที่เราเดินผ่านสายที่เขาสาดน้ำกันอยู่นั้น กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ริมถนนกับกลุ่มที่อยู่บนรถเกิดทะเลาะกัน พวกผมก็พยายามเดินเลี่ยงหลบแล้วแต่ตอนนั้นผมเห็นขวดเบียร์ลอยมาตรงต้อมพอดี ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรแค่กลัวต้อมจะโดนขวดผมจึงเอาตัวเข้าไปบังต้อมไว้ โดยหันหลังให้ขวดที่กำลังลอยมา
“ปึก” ผมได้ยินเสียงแค่นี้ก้องเข้าไปในหัวตอนที่ผมอยู่ตรงหน้าต้อม ตอนนี้ผมมึนหัวหูอื้อไปหมดไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย แค่รู้สึกว่าต้อมกับพวกไอ้ตี๋พยุงตัวผมไว้ ตาผมก็เริ่มพล่าลงไปผมพยายามเอามือไปจับหัวด้านหลังที่รู้สึกปวดหน่วงๆจากขวดเบียร์เมื่อกี้ก็รู้สึกถึงของเหลวที่เหนียวนิดๆ พวกมันรีบพาผมกลับมาที่รถแล้วพาไปโรงพยาบาลทันที
“คนไข้ชื่ออะไรครับ” เสียงบุรุษพยาบาลถามหลังจากที่ผมลืมตาตื่น
“ผมชื่อณัฐ........ ................ครับ” ผมบอกชื่อนามสกุลผมไป แล้วเขาก็ทดสอบอีกสองสามอย่างก็บอกว่าสมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือนสบายใจได้ แต่ขอให้นอนดูอาการอีกคืน พรุ่งนี้พบหมออีกครั้งก่อน
   ทางบ้านผมรู้ข่าวแล้วจากพวกไอ้ตี๋เขาก็มาหาที่รพ. ตอนนี้ผมย้ายไปห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วซึ่งต้อมเฝ้าผมอยู่ไม่ห่างจากเตียงคนไข้เลย จนที่บ้านผมเข้ามาเยี่ยม
“ขอโทษครับแม่ พี่เขามาเจ็บตัวเพราะผม” ต้อมหน้าเศร้าเดินไปขอโทษแม่ผมที่เดินเข้ามา
“มันไม่ใช่ความผิดของหนูหรอกลูก มันเป็นอุบัติเหตุแล้วก็ดีกว่าที่หนูบาดเจ็บนะ หนูมาบ้านแม่แล้วเจ็บตัวกลับไปจะให้แม่บอกกับที่บ้านหนูยังไง ไม่ต้องคิดมากหรอกลูก” แม่ผมลูบหัวมันแล้วเดินมาดูผม พ่อผมที่เดินมาข้างเตียงก็บอกมันว่า ไกลหัวใจจะตายเรื่องแค่นี้เอง ดูต้อมมันคลายความกลุ้มใจไปบ้าง สักพักแม่กับพ่อผมก็กลับบ้านบอกเดี๋ยวตอนเย็นจะมานอนเฝ้าผมแต่ต้อมบอกขอเฝ้าเอง แม่ผมก็เลยตามใจแต่เดี๋ยวตอนเย็นจะทำกับข้าวมาให้ เพราะแม่รู้อยู่แล้วว่าผมไม่กินอาหารของรพ.
   ช่วงเย็นก็มีคนมาเยี่ยมผมกันเยอะมากทำไงได้ละครับ ผมมันเป็นที่รักของคนแถวบ้านอยู่แล้ว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ผมรู้จักเกือบทุกคน จนต้อมมันยังแซวว่าผมเป็นคนของประชาชนหรือเปล่านี่ แต่เห็นมันก็ยิ้มนะ
   ตกลงผมเย็บหัวไป 5 เข็ม แผลใหญ่เหมือนกันนะนี่ เขาโกนผมตรงรอบๆแผลผมออกด้วย ดีนะที่ตอนนั้นผมไว้ผมค่อนข้างยาวเลยกลบรอยโหว่ที่หัวได้บ้าง ต้อมนอนเฝ้าผมทั้งคืนเลยแต่ตอนนี้สีหน้าไม่กังวลเหมือนตอนแรกๆแล้ว คงเห็นว่าผมดีขึ้นด้วยตอนเช้าหมอเข้ามาพอดูผลเอ็กซ์เรย์แล้วก็บอกว่าไม่เป็นอะไรให้กลับบ้านได้ แต่ถ้ารู้สึกตามัวหรือหูอื้อนานๆก็ให้มาพบใหม่ ผมก็รับปาก
   ผมกลับมาบ้านก็เก็บของกลับกรุงเทพกันเพราะต้องไปเรียนซัมเมอร์ต่อ บ่ายๆหลังจากกินข้าวเที่ยวกันแล้วพวกผมก็ลาที่บ้านกลับไอ้ตี๋อาสาขับรถให้ต้อมแทน เพราะเห็นเมื่อคืนมันนอนเฝ้าผมทั้งคืนกลัวมันเพลียแล้วเกิดอุบัติเหตุอีก ไอ้ตี๋เป็นคนขับ ไอ้แนทนั่งข้างหน้ากับมัน ผมกับต้อมนั่งข้างหลัง ผมนั่งไม่ถนัดเลยเพราะแผลมีอยู่ที่หลังหัวผมพิงเบาะไม่ได้เลยมันเจ็บแผล ต้อมเลยจับผมไปให้นอนตักมันทีแรกผมจะลุกเพราะอายพวกไอ้ตี๋แต่มันก็เอามือมากดบ่าผมไว้ไม่ให้ลุกขึ้น แล้วผมเห็นพวกเพื่อนผมก็ไม่ว่าอะไรได้แต่ยิ้มๆผมก็เลยนอนต่อ มันเอามือมาวางไว้ที่หน้าอกผมผมก็เอามือผมไปจับมือมันไว้ มันก้มลงมามองแล้วยิ้มสักพักมันก็นั่งหลับไปสงสัยเมื่อคืนคงนอนไม่พอจริงๆ แล้วผมก็หลับตามเพราะยาที่กินไปตอนเที่ยง โดยที่ผมยังจับมือมันไว้
“พี่นัทหัวไปโดนอะไรมา” เสียงหนุ่ยถามมาจากข้างหลัง เมื่อเจอผมวันแรกหลังจากช่วงหยุดสงกรานต์หลายวัน
“อุบัติเหตุนิดหน่อยเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว” ผมหันไปยิ้มให้มัน แล้วก็หันมามองต้อมแล้วหนุ่ยก็เรียกต้อมออกไปคุยด้วย ต้อมมันทำทางเหมือนขอโทษอะไรกันก็ไม่รู้แต่ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ผมเจ็บตัวนี่แหละ
“ผมไม่หน้ายอมมันเลย มีแต่ทำให้พี่เจ็บตัวตลอด” หนุ่ยเดินเข้ามาบ่นแล้วมองหน้าผมแบบกังวลนิดๆ
“มันไม่ได้ทำอะไรนี่ พี่ทำตัวเองต่างหาก” ผมบอกแล้วหันไปยิ้มให้ต้อมเพื่อปลอบใจเห็นมันเดินหน้าหงอยที่โดนหนุ่ยว่ามา
   หลังจากตัดไหมจากแผลที่หัวได้สองอาทิตย์ผมต้องยุ่งทั้งสอบซัมเมอร์กับเตรียมงานปฐมนิเทศน้องใหม่อีก ก็ผมขึ้นปี 3 แล้วนี่ครับงานที่ทำก็เลยเยอะขึ้น
“ต้อมวันนี้ไปตัดผมเป็นเพื่อนหน่อยนะ” ผมหันไปบอกต้อมที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนที่นอนผม
“ตัดทำไมพี่ ผมยาวก็ดีอยู่แล้ว” มันลุกมามอง
“ไม่เอาอะ ข้างในตรงที่เป็นแผลมันสั้นพอจับแล้วมันยังไงก็ไม่รู้ ไปตัดดีกว่า”
   ผมมาตัดร้านประจำแถวเซ็นทรัลปิ่นเกล้าอีกอย่างมันใกล้บ้านด้วย ผมมาตัดจนสนิทกับพี่ช่างตัดผมแล้ว ช่างประจำผมชื่อพี่แมวผมมาตัดกับแกตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1 แล้ว วันนี้ผมให้พี่แมวดูผมข้างในที่สั้นว่าจะแก้เป็นแบบไหนได้ แกบอกให้ตัดสั้นไปเลยผมก็ตกลงเพราะผมเชื่อมือแกอยู่แล้ว ตอนสระผมแกก็ถามเรื่องแผลว่าไปโดนอะไรมาถามถึงต้อมเพราะปกติผมจะมาคนเดียวตลอด ผมก็บอกเป็นรุ่นน้องที่มอชวนมาเป็นเพื่อนเฉยๆ เหมือนต้อมจะได้ยินนั่งทำหน้างออีกแล้ว ปกติเนี่ยคนตัวดำเขาจะขี้งอนแบบนี้เปล่านะ
   ระหว่างตัดผมพี่แมวก็ชวนผมกับต้อมคุยไปทั่ว พี่แมวเป็นคนคุยเก่งอยู่แล้วจนตัดผมเสร็จคราวนี้มันสั้นค่อนข้างมากจริงๆ
“อืม พี่ว่านัทตัดผมสั้นดีกว่านะต่อไป หล่อขึ้นเป็นกองเลย” คนอะไรชมฝีมือตัวเองตัดผมก็ได้
“จริงไหมต้อม พี่ว่าแบบนี้หล่อกว่าผมยาวตั้งเยอะเนอะ” พี่แมวหันไปถามต้อม ต้อมยิ้มแล้วก็พยักหน้าแทนคำตอบ
“พอแล้วพี่ เดี๋ยวผมก็ลอยกันพอดี” ผมเบรกพี่แกไว้ก่อน แล้วผมก็ไปจ่ายเงินแล้วชวนต้อมไปกินข้าวที่เซ็นทรัลต่อ เพราะเริ่มหิวแล้ว
   ตอนขับรถมาเซ็นทรัลต้อมมันมองหน้าผมแล้วยิ้มตลอดเลย หรือว่าผมตัดผมแล้วออกมาหน้าตลกหรือไง ผมเริ่มกังวลแล้วต้อมไปจอดรถชั้นบนๆ
“ผมเพิ่งรู้นะนี่ว่าพี่นัทตัดผมสั้นแล้วน่ารักอะ รู้งี้ขอให้ตัดนานแหละ” อยู่ดีๆมันก็มาปากหวาน
“บ้าแล้วเหมือนเดิมแหละ” ผมบอกอายๆ แล้วมันก็ยื่นหน้ามาจูบปากผมทันที เราจูบกันแปบเดียวแล้วมันก็เอาปากออกแล้วยิ้มให้ผม
   เราลงไปกินโออิชิราเมงกัน เพราะผมอยากกินเกี๊ยวซ่าด้วย กินของคาวเสร็จก็เป็นของหวานก็ไม่พ้นเซเวนเซ่นอีกเหมือนเดิม อิ่มแล้วเราก็เดินเล่นกันต่อเพื่อย่อยอาหารไงครับ
ผมหันหลังกลับเพราะรู้สึกว่ามีคนมาสะกิดที่แขนผม ก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งหน้าตี๋ที่คุ้นหน้ายืนอยู่ แต่ผมนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ต้อมก็หันมามองตาม
“พี่นัทเปล่าครับ ผมแจ็คไงพี่ที่เจอกันที่เกาะไงครับ” แจ็คเตือนความจำผม
“อ๋อ ครับจำได้แหละ ว่าไงมาทำอะไรแถวนี้” ผมจำได้แหละคนที่ว่ายน้ำมาชนผมนั่นเอง
“มาเที่ยวกับเพื่อนครับ พอดีเห็นพี่เลยเข้ามาทักตัดผมซะผมเกือบจำไม่ได้เลย” แจ็คมองไปทางเพื่อน แล้วหันมายิ้มให้ผม
“ครับ งั้นพี่ไปก่อนนะพี่กำลังจะกลับพอดี” ผมบอกเพราะเห็นต้อมยืนรออยู่
“เออ ถ้าเจอกันอีกคราวหน้าผมทักพี่อีกได้เปล่าครับ” มันถามแปลกๆ
“อ่าวได้สิ ทำไมจะไม่ได้ละ พี่ไม่กัดนะครับ ไปแหละเพื่อนพี่รอ” ผมยิ้มแล้วเดินออกมา
“ไปซื้อขนมปังก่อนนะ เอาไปฝากน้าด้วย” ผมบอก แต่มันไม่ตอบผมเป็นอะไรของมันอีกเนี่ย ผมหันไปเห็นหน้ามันงออีกแล้ว เฮ้อ งอนอะไรกูอีกแล้วเนี่ย
“เงียบ เป็นอะไรอีกแล้วงอนอะไรอีกแล้ว” ผมสงสัย
“ใคร ไปรู้จักกันตอนไหน” มันเสียงแข็ง เอออยู่ๆก็องค์ลงซะงั้น
“ก็แจ็คไงที่เจอที่เกาะ เขาเข้ามาทักเฉยๆ”
“เห็นยิ้มกันหน้าบานเชียว” มันยังงอนอีก
“คิดมากน่า พี่รักน้องดำคนเดียวนะนะ” ผมเอามือไปโอบเอวมันแล้วเดินไปด้วยกัน มันเริ่มยิ้มออกแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:43:36 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่8
วันงานปฐมนิเทศผมยุ่งมากเพราะอาจารย์ให้ผมเป็นหัวหน้าในการจัดงานนี้ ผมยุ่งตั้งแต่เช้ารวมทั้งพวกไอ้ตี๋ด้วยทั้งจัดสถานที่รวมน้องปี 1 โหเยอะมากมาย
“ต้อมกับหนุ่ย ไปดูน้องปี 1 นะว่ารวมกันพร้อมยัง แล้วพามาทีห้องนี้เลย” ผมหันไปบอกต้อมกับหนุ่ยทั้งที่ตัวเองยังวุ่นกับเอกสารที่จะแจกน้องๆ
“นัทให้เราไปเชิญอาจารย์มาเลยเปล่า” ไอ้ตี๋ตะโกนมาจากหน้าห้อง
“เดี๋ยวๆให้น้องเข้ามาให้พร้อมก่อนค่อยไป แกมาช่วยเราจัดนี่ก่อนดีกว่า” ผมเรียกมันมาช่วย สักพักต้อมกับหนุ่ยก็พาน้องใหม่เข้ามาในห้อง พวกผมก็จัดระเบียบจนเรียบร้อยแล้วก็เชิญอาจารย์มาให้โอวาสกับแนะนำแนวทางในการเรียน ปีนี้คณะผมรับรุ่นน้องเยอะกว่าเดิมมาก ปกติจะรับปีละ 200-300 คน แต่ปีนี้เกือบ 500 คนได้ แต่คณะผมเรียนยากผมบอกแล้วพอปีสองเหลือไม่ถึงครึ่งซักปี ลาออกไปหมด
   เปิดเทอมมาก็เหมือนเดิมเราเตรียมซ้อมเชียร์น้องปีนี้เราปี 3 แล้วแกล้งได้เต็มที่เลย พวกไอ้ตี๋ไอ้แนทเป็นพี่ว๊ากกันพวกผมมันเด็กกิจกรรมอยู่แล้ว แต่ผมไม่เป็นนะพี่ว๊ากอะไม่อยากนั่งเก๊กเข้มกับน้องๆ พวกมันเลยจัดให้ผมเป็นประธานฝ่าย entertain ปีแรกเลยซะงั้น บอกว่าน้องจะได้รู้ว่าพี่ปี 3 ใจดีก็มี เออก็เข้าท่าดีเพราะแต่ก่อนพวกนึกว่าปี 3 โหดกันหมด
   หลังเลิกเชียร์เราก็มาเจอกันที่ซุ้มเหมือนเดิม ผมแยกมานั่งกับพวกไอ้ตี๋เพราะต้องแบ่งให้ปี 2 ตีสนิทกับพวกปี 1 ไปก่อน หลังจากคุยเสร็จต้อมก็จะเดินมาหาผมที่โต๊ะเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน ตอนนี้ต้อมมันก็เหมือนย้ายไปอยู่บ้านผมแหละมันไม่กลับบ้านจนแม่มันมาหาผมที่บ้านเลย แล้วบอกว่าฝากดูแลน้องด้วยบอกว่าต้อมมันดื้อช่วยปรามๆมันด้วยผมก็รับปากครับ
“พี่นัทอาบน้ำให้หน่อยนะวันนี้เมื่อยมากเลย” มันอ้อนให้อาบน้ำให้ตอนขับรถกลับบ้าน
“อาบเองดิยังไงก็อาบพร้อมกันอยู่แล้วนี่” เพราะช่วงหลังๆมันกับผมจะอาบน้ำด้วยกันตลอดเพื่อประหยัดเวลาด้วย แล้วมีอีกอย่างทุกวันนี้มันยังอ้อนให้ผมแปลงฟันให้มันบ่อยๆเหมือนเดิม
“ไม่อ่าวอะมันเมื่อยนี่ นะนะนะพี่นัทนะ” มันยังไม่เลิกอ้อนจนถึงบ้าน
    พอถึงบ้านอาบน้ำมันยังอ้อนเรื่องให้อาบน้ำให้ไม่เลิกจนผมต้องใจอ่อนอีกแล้ว ผมเอาเก้าอี้พลาสติกเข้ามาให้มันนั่งแล้วก็สระผมให้มัน พอเสร็จแล้วก็ฟอกสบู่ให้มัน ผมค่อยๆไล่ฟองสบู่มาที่หน้าอกด้วยมือทั้งสองข้าง ตอนนี้นมมันแข็งสู้มือผมแล้วผมเลยแกล้งลูบเบาๆอยู่ตรงนั้นเห็นต้อมเงยหน้ามองเพดาน แล้วค่อยๆไล่มือลงไปที่หน้าท้องจนถึงโงกุนของมันที่เริ่มขยายตัวแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่าแล้ว ผมลูบสบู่ล้างที่ตัวโงกุนแต่มันคงโกรธเพราะผมเห็นมันพองตัวใหญ่เลย
   ผมเปิดน้ำล้างสบู่ออกผมก็ก้มลงไปจูบปากต้อมต้อมก็จูบแลกลิ้นตอบสนองกลับมา มือผมก็ลูบไปทั่วตัวของต้อมเพื่อล้างสบู่ไปด้วย ผมเน้นไปที่ตัวโงกุนจนต้อมครางออกมาทั้งที่ปากเรายังจูบกันอยู่ ผมถอนปากออกมาแล้วนั่งลงไปที่หว่างขาของต้อมเพื่อทักทายกับโงกุนของมันผมจูบไปที่หัวโงกุน ต้อมเอามือผมบีบไหล่ผมไว้ผมเลยจัดการครอบเจ้าโงกุนจนมิดตัวแล้วเริ่มต่อสู้กับมัน จากช้าไปเร็วขึ้นต้อมก็เอามือมาประคองหัวผมเพื่อขยับบอกจังหวะในการโยกสู้กัน มือผมก็ช่วยตัวเองโดยการสู้กับเบจิต้าของตัวเองไปด้วย จนต้อมไม่ไหวเกร็งหน้าท้องแน่น ผมจะเอาปากออกแต่ต้อมก็จับหัวผมไว้แล้วก็ระเบิดพลังออกมในปากผม แต่ผมไม่ได้กลืนนะครับผมยังไม่เคยผมก็อมไว้พอต้อมคลายมือ ผมก็เอาปากออกแล้วมาบ้วนพลังต้อมทิ้ง มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วตอนนั้นผมก็เสร็จไปแล้วเหมือนกันเพราะเสียวจากอาการเกร็งของต้อม
“เมื่อไหร่เราจะมีอะไรกันมากกว่านี้นะพี่” ต้อมบอกผมบนที่นอน
“เออ พี่ยังไม่เคยนี่แล้วก็ไม่รู้ด้วย ว่ามันทำยังไง” ผมบอกอายๆ
“เดี๋ยวผมว่าเราไปหาหนังมาดูก่อนนะ พี่จะได้รู้ไง” มันยิ้มยื่นหน้ามาจูบปากผม แล้วก็กอดผมแล้วหลับไป
   อีกสองวันไม่รู้มันไปหาวีดีโอมาจากไหนเอามาชวนผมดู เป็นวีดีโอของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเด็กหนุ่มญี่ปุ่นหน้าตาดีสองคน เด็กหนุ่มจัดการใช้ปากกันสักพักคนที่หน้าตาคมกว่าก็เคลื่อนตัวเข้าหว่างกลางของอีกคน แล้วเทเจลใสใส่มือแล้วกดนิ้วลงไปที่ถ้ำของคนหน้าใสทันที ดูเหมือนว่าจะเจ็บเหมือนกันทีแรกสังเกตจากสีหน้าแล้ว แต่พอหนุ่มเข้มขยับนิ้วเข้าออกสักพักกลับเปลี่ยนเป็นร้องครางด้วยความเสียวออกมาแทน จนหนุ่มเข้มเอาโกฮังของมันดันเข้าไปในถ้าแทนแบบว่าของญี่ปุ่นมันเล็กเลยเป็นได้แค่โกฮังกับทรังค์แทน หนุ่มหน้าใสทำสีหน้าเหมือนทรมานมากเลยตอนแรกที่โกฮังเข้าไปในถ้ำของเขา แต่สักพักก็เอามือโน้มคอหนุ่มเข้าแล้วร้องครางออกมาใหญ่เลย หนุ่มเข้มลีลาการโยกก็ไม่ใช่ย่อย ทำจนหนุ่มหน้าใส่ระเบิดพลังออกมาเต็มหน้าท้องเลยแล้วหนุ่มเข้มก็ดึงของตัวเองออกมาพร้อมถอดปลอกออกแล้วจัดการกับโกฮังของตัวเองพักเดียวก็ปล่อยพลังออกมารวมกันที่หน้าท้องหนุ่มหน้าใสซะแล้ว อารมณ์ผมตอนนี้มันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“นะพี่นัทนะ” ต้อมมากระซิบที่ข้างหูผม มือก็กอดเอวผมอยู่
“อย่าดีกกว่าเรายังไม่มีอุปกรณ์เลย” มันยิ้มแล้วหันไปหยิบถุงที่ข้างเตียง มีขวดเจลกับถุงยางมาเรียบร้อยแสดงว่ามันเตรียมการมาพร้อมเต็มที่วันนี้แล้วผมจะปฏิเสธยังไงกัน
“งั้นผลัดกันนะ” ผมกระซิบกลับต้อมยิ้มแล้วก็จูบมาที่ปากผมทันที
   คราวนี้ไม่ต้องอุ่นเครื่องแล้วเครื่องพวกเราร้อนตั้งแต่ตอนที่ดูหนังแล้ว แปบเดียวต้อมก็ถอดเสื้อผ้าผมกับของตัวเองออกจนหมด ต้อมดูร้อนแรงมากวันนี้ใช้ลิ้นไล่ลงไปทุกสัดส่วนของร่างกายผม เม้มกัดที่หัวนมจนผมต้องเด้งหน้าอกขึ้นตามการกัดเม้มนั้น ต้อมไล่ลงไปทักทายกับเบจิต้าผมอย่างไม่รอช้า ครอบปากลงไปอย่างรวดเร็วและเริ่มต่อสู้กับเบจิต้าผมทันที จนผมรู้สึกว่าจะไม่ไหวแล้วผมก็ดึงหน้าต้อมขึ้นมาจูบบ้างแล้วผลักให้ต้อมนอนลงไปบนที่นอนแทน หน้าตาและอารมณ์ต้อมตอนนี้เซ็กซี่มากๆปลุกอารมณ์ผมได้มากจริงๆ ผมเลื่อนหน้าลงไปทักทายกับโงกุนของต้อมบ้างคราวนี้ผมใช้ลิ้นและลีลาเต็มที่ จนต้อมครางออกมาเป็นระยะสักพักต้อมก็จับหน้าผมไปจูบอีก
“เป็นของผมนะครับพี่นัท” ต้อมกระซิบหายใจหอบอยู่ข้างหูผม แล้วก็จับผมให้นอนลงบนที่นอน
ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากเพราะผมไม่เคยแบบนี้มาก่อน ต้อมเคลื่อนตัวเข้ามาที่หว่างขาของผม เทเจลใส่มือไว้แล้วก้มมาจูบปากผม ต้อมค่อยดันนิ้วเข้าไปผมเกร็งตัวเพราะมันรู้สึกแปลกๆ จนต้อมบอกว่าอย่าเกร็งสิครับแล้วก็จูบผมเผื่อคลายอารมณ์ไม่ให้ผมตื่นเต้น จนผมรู้สึกว่านิ้วต้อมเข้าไปในตัวผมหมดแล้วต้อมเริ่มขยับนิ้วเข้าออกทั้งที่ยังจูบปากผมอยู่ จนผมเริ่มรู้สึกเสียวจนเผลอครางออกมา ต้อมเห็นผมหายเกร็งแล้วก็เพิ่มนิ้วเป็นสองนิ้ว มันรู้สึกแน่นมากๆแต่ก็ยังปนความรู้สึกดีอยู่ จนสักพักผมไม่เกร็งแล้วต้อมคงสังเกตได้จากการกอดของผม ต้อมก็ใส่ถุงให้โงกุนของมันแล้วเอามาจ่อแทน ต้อมค่อยๆกดหัวโงกุนเข้าไปตอนนี้ผมแน่นมากๆก็นี่โงกุนนะครับไม่ใช่นิ้ว ผมบีบแขนต้อมแรงมาก
“อย่าเกร็งนะพี่ ผมไม่ทำให้คนรักผมเจ็บหรอก” ต้มกระซิบแล้วจูบปากผม เพื่อคลายความตื่นเต้น
ต้อมค่อยส่งโงกุนเข้ามาในตัวผมอย่างช้าๆจนหมดทั้งตัว แล้วต้อมก็แช่เอาไว้แล้วก้มมาเลียที่หัวนมผมแทน ตอนนี้ผมแน่นที่หว่างขาไปหมดแล้ว แต่ก็เริ่มรู้สึกมีอารมณ์มากขึ้นจากการปลุกเร้าของต้อม จนผมเริ่มมีเสียงออกมาต้อมก็ค่อยๆขยับสะโพกเข้าออกเบา ทีแรกผมก็ยังแน่นปนเจ็บนิดๆอยู่แต่สักพักความเสียวมันเข้ามาแทนแล้ว เมื่อต้อมขยับเอวเร็วขึ้นจนผมต้องร้องออกมาเผื่อระบายความเสียวที่ต้อมมอบให้
“อ่าสสส์ ต้อมพี่รักต้อมนะ” ผมพร่ำบอกมือผมจับอยู่ที่เอวของต้อมที่กำลังขยับอยู่
“ผมก็รักพี่นัทนะครับ อ่าสสสสสสสส์” ต้อมก้มมาจูบผมอีก แต่ยังคงขยับสะโพกเข้าออกอย่างรุนแรง แล้วเอามือมาต่อสู้กับเบจิต้าผมอีก
ผมเสียวทั้งข้างหน้าจากมือต้อมและทั้งข้างหลังที่ต้อมกำลังเร่งอยู่จนผมจะทนไม่ไหวแล้ว ผมเกร็งตัวไปหมดโดยเฉพาะภายในถ้ำในตัวผมผมเห็นต้อมทำหน้าเสียวมากๆจนผมทนไม่ไหว
“โอ๊ะ ต้อมพี่ออกแล้ว อ่าสสสสสสสสสสสส์” ผมเกร็งตัวระเบิดพลังออกมา เต็มหน้าท้องของผมเอง
“พี่นัทครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย โอ๊ะๆๆ” ต้อมกดสะโพกเข้ามาจนติดกับตัวผมมากที่สุด แล้วก็ล้มนานอนทับบนตัวผมหายใจหอบอยู่ที่ข้างหูโดยที่ยังไม่เอาโงกุนของมันออกมาจากตัวผม
“ผมมีความสุขที่สุดเลยที่พี่นัทยอมเป็นของผม ผมรักพี่นัทนะครับ” ต้อมบอกทั้งที่ยังทับอยู่บนตัวผม ต้อมก็ลุกเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดตัวของเราสองคนจากพลังงานของผมที่มันล้มมาทับ แล้วมันก็เริ่มปลุกอารมณ์ผมอีกครั้งโดยการไซ้ที่ติ่งหูแล้วเลื่อนลงมาซอกคอคราวนี้เบจิต้าผมพร้อมรบเร็วมากก็รอบสองแล้วนี่ครับ ต้อมเลียผมไปทั่วตัวเหมือนจะทำความสะอาดให้ผมจนไปถึงเบจิต้าที่พร้อมจะสู้กับปากต้อมอยู่แล้ว ต้อมสู้กับเบจิต้าผมไม่นานผมก็ดึงต้อมขึ้นมาจูบแล้วให้มันนอนกลับไป ผมขึ้นไปบนตัวต้อมแล้วก้มไปบอกคราวนี้ทีพี่บ้างนะ มันยิ้มอายๆแต่พยักหน้า
   ผมปลุกอารมณ์ต้อมด้วยการจูบและเน้นที่สะดือจุดที่ต้อมจะเสียวมากที่สุด แล้วไปใช้ปากต่อสู้กับโงกุนของมันจนผมเห็นต้อมเริ่มมีอารมณ์เต็มที่ ผมเอื้อมไปหยิบเจลมาใส่มือบ้างผมค่อยๆดันนิ้วเข้าไปในตัวต้อมโดยที่ปากผมยังสู้กับโงกุนอยู่ อีกมือผมก็ยื่นไปให้ต้อมจับมือผมไว้ต้อมคงจะเสียวมากบีบมือผมแรงมากเลย พอผมเห็นต้อมหายเกร็งเปลี่ยนเป็นครางออกมาแล้ว ผมก็หยิบถุงยางมาใส่ แล้วก็เอาหัวเบจิต้าจ่อเข้าไปแทน ต้อมดูกังวลเล็กน้อยก็เบจิต้าผมมันไม่ใช่เล็กนี่ครับ พอผมกดหัวเบจิต้าเข้าไปต้อมใช้มือจิกแขนผมแรงมากผมเลยก้มลงไปเลียที่หัวนมต้อมเพื่อให้หายเกร็ง แล้วค่อยๆดันเข้าไปทีละนิดๆจนเบจิต้าผมเข้าไปอยู่ในตัวต้อมจนหมด ผมรู้สึกเสียวมากเพราะในตัวต้อมนั้นทั้งบีบรัดและตอดเบจิต้าผมจนเสียวไปหมดทั้งตัวเลย
   ผมเอามืออีกข้างไปสู้กับโงกุนของต้อมแล้วก้มลงไปจูบปากส่งลิ้นเข้าไปในปากต้อมเพื่อช่วยสร้างอารมณ์มากขึ้น พอต้อมเริ่มคลายมือที่จิกแขนผมจนแน่นแล้วผมก็เริ่มขยับสะโพกแบบช้าๆเนิบๆก่อน จนต้อมครางออกมาทั้งที่ปากเรายังคงแลกลิ้นกันอยู่ ผมเลยได้โอกาสที่ขยับเอวให้เร็วมากขึ้น มือก็ยังสู้กับโงกุนต้อมอยู่ด้วย ต้อมเอามือมาโน้มคอผมไว้แน่น
“พี่นัทครับ อ่า.... ผมเสียวจัง ผมมีความสุขมากเลย” ต้อมพูดโดยที่ยังโน้มคอผมไว้จนจมูกเราชิดกัน ผมเห็นหน้าต้อมตอนที่มีความสุขจากที่ผมมอบให้มันได้อารมณ์มากๆ จนผมต้องเร่งจังหวะทั้งเอวและมือที่ช่วยต้อมอยู่ จนต้อมเริ่มเกร็งตัว
“พี่นัทผมจะไม่ไหวแล้วครับ” ต้อมเสียงขาดเป็นห้วงๆ ผมก็เลยเร่งมือและเอวมากขึ้นจนต้อมดึงตัวผมลงไปจนชิดกันแล้วก็กัดเข้ามาที่หัวไหล่ผม ผมเร่งมือจนต้อมเกร็งตัวไปหมดข้างในต้อมก็ตอดรัดผมอย่างหนักหน่วงมากขึ้นจนผมก็จะไม่ไหวเหมือนกัน ผมรู้สึกเจ็บที่ต้อมกัดผมที่ไหล่ตอนที่ต้อมเกร็งตัวระเบิดพลังออกมา ผมเลยเร่งเอวแล้วกดแรงๆอีกสองสามครั้งผมก็ระเบิดพลังใส่ในตัวต้อมเหมือนกัน
“พี่รักต้อมที่สุดเลย” ผมหายใจหอบบนตัวต้อมโดยที่ยังไม่ได้เอาเบจิต้าออกมาจากตัวต้อม
   ผมนอนจนหายเหนื่อยก็พากันไปอาบน้ำแล้วก็มานอนกอดกันบนที่นอน เรารู้สึกเพลียเหมือนว่าไปวิ่งรอบสนามบอลมาคนละ 10 ได้เลย
“ผมรักพี่ที่สุดเลย ที่รักของผม” มันก็มาจุ๊บปากผม
“พี่ก็รักเรานะ” ผมยิ้ม แล้วเราก็หลับในอ้อมกอดของกันเหมือนเดิม
“พี่นัทตื่นได้แล้วคราบ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันคราบ” ต้อมเขย่าตัวผม
“อีกห้านาทีไม่ได้หรอ” ผมเริ่มต่อรอง
“ไม่ได้คราบมาเลยสายแล้ววันนี้” แล้วมันก็ดันตัวผมลุกเดินไปห้องน้ำ พอผมโดนน้ำมันรู้สึกแสบที่หัวไหล่เลยก้มไปดู เห็นเป็นรอยฟันที่ต้อมมันกัดผมไว้เมื่อคืน
“โห กัดสะเข้าเลย ต้องไปฉีดยาไหมนี่” ผมหันไปบอกมันตอนที่ทันกำลังแปลงฟันอยู่
“ผมไม่ใช่หมาบ้านะพี่ ไหนดูหน่อย” มันบ้วนปากเสร็จแล้วเดินเข้ามาดูแผลที่มันฝากรอยไว้เมื่อคืน
มันจุ๊บลงมาที่รอยแผล “ อะหายแหละ แค่นี้เอง” แล้วก็มาจุ๊บปากผมอีกที เออดูมันทำยังกะผมเป็นเด็กป.1 ทำแค่นี้ก็หายและแต่ผมก็ชอบนะครับแบบนี้น่ารักจริงๆน้องดำของผม
ตั้งแต่นั้นมาผมรู้สึกว่าต้อมจะหวงผมมากขึ้นไปอีก และต้อมจะมาคอยเอาใจผมมากขึ้นกว่าเดิมดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ผมเองก็รู้สึกหวงต้อมมากขึ้นเหมือนกันนะครับก็ผมรักของผมนี่ถึงได้ยอมขนาดนี้
   ช่วงเย็นหลังซ้อมเชียร์เสร็จต้อมกับหนุ่ยก็จะนั่งคุยกับน้องก่อนกลับบ้านก็เหมือนกับตอนที่ผมทำแหละครับ แต่ผมสังเกตเห็นว่าจะต้องมีรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อไม้อยู่ในกลุ่มด้วยตลอดเวลาเลย ไม้เป็นรุ่นน้องที่หน้าตาค่อนข้างดีผิวขาว ตาตี่แบบตี๋อินเตอร์เชียว แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับแรกๆแต่หลังๆเริ่มยังไงๆแหละ ไม้มันจะตามต้อมตลอดเลยเวลาว่างขนาดต้อมมาอยู่กับผมที่ซุ้มมันก็ยังเข้ามานั่งด้วย จนผมเริ่มอึกอัดกับท่าทีของน้องคนนี้ซะแล้วเพราะผมสังเกตได้ว่ามันชอบแฟนผมแน่ๆ แต่ผมจะพูดอะไรได้ละครับยังไม่มีหลักฐานนี่แล้วอีกอย่างมันยังเป็นรุ่นน้องอีกด้วย
“พี่นัทครับ พี่นัทเป็นอะไรกับพี่ต้อมหรอครับ” ไม้มันถามผมตอนที่ต้อมไม่อยู่
“อืม ถามทำไมหรอ” จะให้ผมบอกยังไงละครับว่ามันเป็นแฟนผม แล้วผมก็ไม่รู้ว่าไม้มันคิดอะไรอยู่กันแน่
“เปล่า ก็ผมเห็นพี่กับพี่ต้อมอยู่ด้วยกันตลอดเลย ผมนึกว่าพี่เป็นแฟนกัน งั้นผมก็ยังมีหวังนะสิ” อ่าวนี่กูยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน ทำไมมึงสรุปเองแล้ววะ
“อะไรแสดงว่าเราชอบพี่ต้อมมันใช่ไหม” ผมแข็งใจถาม
“ครับ” มันยิ้มแล้วเดินออกไป แต่ผมนี่สิใจหวิวๆยังไงไม่รู้กับเรื่องที่ได้ยิน แต่ผมก็ไม่ได้บอกต้อมนะเรื่องนี้เพราะไม่รู้จะพูดยังไง
   ไม้ยิ่งตีสนิทกับต้อมมากขึ้นเรื่อยๆโดยการที่จะตามต้อมตลอด มันตามแม้แต่ตอนที่ต้อมมากินข้าวกับพวกผม ผมก็พูดอะไรมากไม่ได้มันเป็นรุ่นน้องนี่ครับได้แต่เก็บเอาไว้ แต่ที่ผมรู้สึกไม่ดีก็ตรงต้อมนี่แหละครับมันเหมือนจะสนิทกับไม้มากไปไหม ผมสังเกตเห็นต้อมคุยโทรศัพท์กับไม้บ่อยขึ้นและไปไหนกับไม้เยอะขึ้น ถึงแม้ต้อมจะยังดีกับผมเหมือนเดิมก็ตามทีแต่มันก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี
   ผมอาบน้ำเสร็จจะเข้านอนแล้วแต่ต้อมยังนอนคุยโทรศัพท์บนที่นอน ผมเลยถามว่าคุยกับใครไม่เสร็จซะทีจะได้อาบน้ำนอนได้แล้ว พอต้อมบอกว่าเป็นไม้แค่นั้นแหละ มันจี๊ดหัวใจขึ้นมาทันทีมันจะมากไปแล้วนะนี่
“ตี๊ด” ผมหยิบโทรศัพท์ต้อมที่คุยกับไม้มาวางวาย
“เฮ้ยพี่นัททำอะไรพี่ ผมคุยกับน้องอยู่นะครับ” ต้อมทำหน้างงที่เห็นผมทำแบบนี้
“เป็นห่วงความรู้สึกกันมากเลยนะ หรือว่าเรารู้แล้วว่าไม้คิดยังไงกับเรา” ผมเริ่มเครียด
“ห่วงอะไรพี่ ใครคิดอะไรกับผม” มันยังทำหน้าไม่เข้าใจอีก
“ก็น้องไม้ของเราไง เราไม่รู้จริงๆหรอว่ามันคิดยังไงกับเรา”
“ไม่หรอกน่าพี่ พี่คิดไปเองหรือเปล่า” ต้อมทำหน้าไม่เข้าใจอยู่อีก
“คิดไปเองหรอมันมาบอกพี่ด้วยตัวเองเลยนะว่ามันชอบเรา แล้วนี่ดูเรากับมันสิจะให้พี่คิดยังไง” ผมเริ่มเสียงดัง
“ผมไม่รู้จริงๆนะพี่ ผมก็แค่เห็นมันเป็นรุ่นน้องมาคุยด้วยแต่นั้นเอง” โหนี่มันโง่จริงหรือแกล้งโง่วะนี่ตอบมาได้ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มันก็ดังอีกผมเห็นเป็นชื่อไม้
“ไม่รับหรอน้องรักโทรมาอีกรอบแล้วนี่” ผมประชดมันไป ต้อมกดตัดสายทิ้ง
“ไม่ใช่นะพี่นัทผมรักพี่คนเดียวจริงๆนะ ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยจริงๆ เชื่อผมนะๆๆๆ” มันเอามือผมไปจับไว้ผมก็ดึงกลับมา
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง พรุ่งนี้พี่คอยดูนะ” มันบอกแต่ผมนอนหันหลังให้มันแล้ว มันก็ปิดไฟแล้วก็กอดผมจากข้างหลังแล้วก็บอกให้ใจเชื่อมันจนผมหลับไป

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:44:20 โดย nataxiah »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่9
ผมตื่นแต่เช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับจากเมื่อคืนต้อมยังนอนกอดผมอยู่ยังไม่ตื่น ผมเอาแขนมันออกแล้วไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเรียนเองตั้งแต่เช้า
“ครืน ครืน ครืน” โทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงผม ผมหยิบมาดูเป็นเบอร์ต้อม
“ว่าไง” ผมรับสายด้วยเสียงเฉยๆ
“พี่นัททำไมไม่ปลุกผม หนีมาก่อนทำไมคนเดียวยังไม่หายโกรธผมอีกหรอครับ”
“ป่าวนี่ เห็นกำลังหลับสบายไม่อยากรบกวน แค่นี้นะ” ผมตัดสายทิ้งเพราะยังไม่อยากคุยกับมัน
   สักพักมันก็มาถึงที่ซุ้มมานั่งข้างผมอธิบายว่ามันไม่รู้จริงๆ มันไม่ได้ทำไรผิดซะหน่อยเดี๋ยววันนี้มันจะเคลียกับไม้ให้จบเอง หนุ่ยก็มาถึงพอดีเห็นหน้าผมกับต้อมเครียดกันทั้งคู่หนุ่ยก็รู้ว่าผมกับต้อมทะเลาะกัน ส่วนมากผมเลยคุยกับหนุ่ยมากกว่าจนขึ้นไปเรียน เลิกเรียนผมบอกไอ้ตี๋ให้ไปรอที่ซุ้มก่อนผมจะเข้าห้องน้ำหน่อย ปกติผมจะชอบเข้าห้องน้ำที่ชั้น 4 ของตึกคณะเพราะมันเงียบดี ไม่ค่อยมีคนใช้กัน
“พี่เข้าใจผมบ้างสิ พี่ไม่เห็นใจผมบ้างเลยหรอ” ผมได้ยินเสียงคนคุยกันเมื่อผมเปิดห้องน้ำเข้ามา ผมเลยแอบมองก็เห็นต้อมกับไม้ยืนอยู่
“พี่เข้าใจความรู้สึกเรานะ แต่พี่คงคบกับเราไม่ได้หรอก” ต้อมบอกกับไม้
“แต่ผมชอบพี่จริงๆนะ ถึงยังไงผมก็ชอบพี่” แล้วไม้ก็เข้าไปกอดต้อม ต้อมกลับยืนเฉยให้มันกอดซะด้วย “ผมขอแค่พี่ยอมรับผมอีกคนก็พอ จะให้ผมทำยังไงผมก็ยอม” ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันหวิวขึ้นมาทันที มันแปล๊บๆในใจยังไงบอกไม่ถูก ที่เห็นภาพแบบนี้มือผมก็เหมือนจะหมดแรงจนกล่องดินสอที่ผมถืออยู่หล่นจากมือ
“เคร้งๆๆ” ต้อมกับไม้ตกกะใจหันมามอง พอผมเห็นว่าทั้งสองคนเห็นผมแล้วผมก็ออกมาจากห้องน้ำทันที โชคดีที่ลิฟเปิดที่ชั้นนี้พอดีผมเลยเข้าไปข้างในแล้วกดปิดให้ลงไปข้างล่างให้เร็วที่สุด ผมอึดอัดจนจะระเบิดออกมาแล้วตอนนี้ระหว่างลิฟปิดผมเห็นต้อมวิ่งตามออกมา
ผมลงมาถึงข้างล่างผมก็เดินออกหลังมอ แล้วเรียกรถแท็กซี่ไปทันที
“ไปเรื่อยๆก่อนเลยพี่” ผมบอกพี่คนขับ เพราะตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกกับเรื่องอะไรทั้งนั้น พี่คนขับก็ขับออกไป สักพักผมก็บอกว่าให้เขาพาไปวัดอรุณ เพราะผมชอบไปนั่งชายน้ำวัดอรุณเวลาที่มีเรื่องต้องคิดเสมอ ที่นั่นสงบและเย็นสบายมากผมเลยชอบไป คราวนี้ก็เช่นกันเพราะผมต้องการความสงบเพื่อตัดเรื่องที่เห็นที่ได้ยินออกไป
   ระหว่างอยู่บนแท็กซี่ต้อมมันก็โทรหาผมตลอดแต่ผมไม่ได้รับ หลังๆเป็นพวกไอ้ตี๋ไอ้แนทและหนุ่ยโทรมามันคงไปบอกเพื่อนๆผมแล้วแน่ๆแต่ผมก็ยังไม่อยากคุยกับใครตอนนี้
   มาถึงวัดอรุณผมก็มานั่งริมน้ำที่ผมชอบมาประจำ นั่งมองคนมาออกกำลังกาย พ่อแม่พาลูกๆมานั่งเล่นกินข้าวเย็นกัน แต่ในหัวผมมันก็คิดแต่ภาพที่เห็นอยู่ดี จากที่ผมได้ยินผมก็รู้ว่าต้อมมันปฏิเสธน้องเขาไปแล้วแต่ว่าผมยังทำใจไม่ได้กับที่มันยอมให้ไม้กอดง่ายๆ ผมว่าเป็นใครก็คงรับไม่ค่อยได้ที่เห็นแฟนเราไปกอดกับคนอื่นที่เขาก็รู้ว่าคนนั้นคิดยังไงด้วย แบบนี้ถ้าไม่มีใจบ้างแล้วจะให้คิดว่ายังไง ผมคิดไปผมก็รู้สึกแปลกที่หน้าอกมันบอกอาการไม่ถูก รู้แต่ว่ามันแย่มากๆผมนั่งจนมืด คิดว่าจะกลับบ้านระหว่างทางผมเลยแวะร้านอาหารกึ่งผับแถวบ้านที่มีเยอะมาก ผมสั่งเหล้ามากินอย่างเดียว
   ผมกินเหล้าเพียวหมดไปขวดครึ่งแล้ว ตอนนี้ผมทั้งมึนทั้งประคองตัวเองยังไม่ไหวเลย แต่ผมก็ยังอยากเมามากกว่านี้อีกจะได้ลืมภาพต่างๆที่เห็น ผมไม่แน่ใจว่าผมสั่งเหล้ามากินอีกหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าผมยกหัวไม่ขึ้นมาจากโต๊ะแล้ว ผมเลยคิดจะกลับบ้านพอลุกขึ้นมาผมก็จะล้มก็มีแต่คนมารับผมไว้
“พี่นัททำไมเมามากอย่างนี้ละ” เสียงหนุ่ยนี่นา มันเจอผมได้ยังไง
“กลับบ้านเถอะนะพี่มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน” หนุ่ยบอก แล้วผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้หลังจากนั้นก็รู้ว่าน่าจะมาถึงบ้านแล้ว แต่คงยังไม่มีใครกลับมาเพราะผมเห็นมันไม่ได้เปิดไฟ
หนุ่ยประคองผมที่เดินไม่เป็นแล้วเข้ามาในบ้าน แล้วพาผมนอนที่โซฟา
“หนุ่ยคิดดูนะเพื่อนเราทำพี่เสียใจขนาดไหน รู้ทั้งรู้ยังไปกอดกับมันอีก พี่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทำกับพี่แบบนี้” ผมเริ่มระบายเพราะเมามาก หนุ่ยยังนั่งฟังเงียบๆ
“พี่เสียใจมากเลยนะกับเพื่อนเรานะ” แล้วผมก็ลุกผมคิดจะเดินขึ้นไปห้องเพราะผมไม่ไหวแล้ว แต่มันลุกไม่ไหวผมเลยล้มลงไปที่โซฟาอีกครั้ง ผมเห็นหนุ่ยลุกขึ้นมาลางๆก้มหน้ามาหาผม พร้อมกับที่ผมได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วผมก็หลับไป
ผมรู้สึกตัวว่ามีอะไรเย็นๆมาเช็ดหน้าผมอยู่ ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้แนทกำลังเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้
“ตื่นแล้วหรอแก เพราะแกคนเดียวเกือบทำให้น้องมันตีกันตายแล้วรู้ไหม” ไอ้แนททำเสียงดุ
   ผมเลยลุกขึ้นมาเห็นหนุ่ยกับต้อมนั่งกันอยู่คนละมุมโดยมีไอ้ตี๋นั่งอยู่ตรงกลาง ผมเห็นไอ้ตี๋ทำหน้าเครียดออกมามองไปที่ต้อมหน้ามันมีรอยเขียวช้ำทีปากจนเห็นได้ชัด หน้าหนุ่ยก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แล้วนี่มันสองคนไปกัดกับอะไรมาทำไมมันเละกันแบบนี้
“ตื่นแล้วหรอไอ้ตัวต้นเหตุ” ไอ้ตี๋ทำเสียงเข้ม
“มึงโตแล้วนะโว้ยไอ้นัท ทำอะไรก็รอฟังเหตุผลซะบ้าง แม่งทำตัวเป็นเด็กๆจะทำให้คนอื่นเขาทะเลาะกันไปหมด” มันหันไปมองหน้าหนุ่ยกับต้อม ไอ้ตี๋ท่าทางจะโกรธจริงเพราะถ้ามันไม่โกรธมันก็จะไม่มึงกูกับผมแน่นอน แต่ผมยังมองหน้ามันแบบงงๆเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่มันบอกผมเลย
“ก็ไอ้สองตัวนี่สิมันต่อยกันเพราะมึงนะแหละ” ไอ้ตี๋หันมาบอก ผมงงมากมันพูดอะไรของมัน
“ไอ้นี่ก็พอกันรู้อยู่ว่าเป็นแฟนเพื่อนยังไปทำยังงั้นอีก” ไอ้ตี๋หันไปว่าหนุ่ย
“ไอ้นี่ก็มีควบคุมอารมณ์ เข้ามาได้ก็ต่อยเลยพวกมึงยังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหมนี่” มันหันไปว่าต้อมด้วย
ผมยังงงอยู่เลยหันไปมองหน้าไอ้แนทให้มันช่วยอธิบายหน่อย
“ก็ยังงี้นะแก ตั้งแต่แกหายออกมาต้อมมันก็มาบอกพวกชั้นใช่มะ พวกชั้นก็ตามหาแกไงหนุ่ยก็มาด้วยมันคงเจอแกก่อน แล้วตอนที่พวกชั้นเดินเข้ามาในบ้านชั้นก็เห็นหนุ่ยมันกำลังจูบแกอยู่ตรงนี้นะสิ” แนทกระซิบเล่าให้ผมฟัง
“พอไอ้ต้อมมันเห็นเท่านั้นแหละแก มันเดินเข้ามาต่อยไอ้หนุ่ยเลย” แนทเล่าต่อ ผมเลยหันไปมองหน้าหนุ่ยหนุ่ยก็หลบสายตา แล้วก็หันไปมองหน้าต้อมแต่ต้อมยังมองมาที่ผมตลอด
“เอามีอะไรก็คุยกันให้จบตอนนี้เลย เพื่อนกันพี่น้องกันทั้งนั้น” ไอ้ตี๋บอกพวกเรา
“ผมขอโทษจริงๆพี่ ผมผิดเองที่ไม่ยอมห้ามใจ” หนุ่ยหันไปบอกไอ้ตี๋
“มาขอโทษกูทำไม โน้นเพื่อนมึงโน้นที่ต้องขอโทษ ไอ้นัทแฟนมันไม่ใช่กู” ไอ้ตี๋หันหน้าไปมองต้อม
หนุ่ยเงียบไปสักครู่ต้อมก็นั่งมองอยู่ “เออ กูขอโทษจริงๆวะต้อม กูเห็นพี่เข้าเป็นแบบนี้กูก็เลย...” หนุ่ยก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าต้อม
“กูก็รู้ว่ามึงคิดยังไงกับพี่เขา แต่กูคิดว่ามึงเข้าใจแล้วซะอีก ไม่คิดว่ามึงจะมาทำแบบนี้ บอกตรงๆกูก็รับไม่ได้เหมือนกัน กูว่าถ้าเป็นมึงมึงก็ทำแบบกูนี่แหละ” ต้อมจริงจังมาก
“เออ กูขอโทษจริงๆกูยอมรับกูยังตัดใจไม่ได้ แต่ตอนนี้กูก็รู้สึกไม่ดีมากๆแล้ว กูจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก กูเสียใจวะ” หนุ่ยทำเสียงเศร้ามากๆ
“ถ้ามึงรับปากกูก็จะเชื่อมึง มึงนะเพื่อนรักกูนะโว้ยแต่ถ้ามึงทำอีกกูก็ไม่ยอมอีกแล้ว” ต้อมบอก หนุ่ยดูสีหน้าผ่อนคลายบ้างแล้ว
“เอา ทีนี้เรื่องมึงแหละไอ้ตัวต้นเหตุ” ไอ้ตี๋หันมามองหน้าผม
“อะไรใครตัวต้นเหตุ แกต้องไปถามมันโน่น” ผมมองหน้าไปทางต้อม ไอ้ตี๋มองตาม
“ผมไม่มีอะไรจริงๆ อย่างที่ผมบอกพวกพี่ไปนะแหละ ผมบอกปฏิเสธน้องมันไปแล้ว ทีนี้น้องมันเข้ามากอดผมแล้วพี่นัทเข้ามาเห็นพอดี ก็ไม่ฟังอะไรเลยเดินหายออกมาเนี่ย” อ่าวกลายเป็นผมผิดไปซะงั้นที่เดินหนีออกมา
“ถ้าเป็นเราจะคิดยังไงถ้าเห็นพี่ไปกอดกับคนอื่นในที่ลับตาคนแบบนี้ ทำไมต้องแอบแบบนี้ด้วย” ผมบอกอย่างที่ผมคิด
“เออ พี่ก็ว่างั้นถ้าเราไม่คิดอะไรทำไมไม่คุยกันที่อื่น ไปแอบคุยกันทำไม” ไอ้แนทมันช่วยผม
“ก็ผมกลัวน้องมันจะอายไงพี่ ผมก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน” มันขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ผมพูดจริงๆผมรักพี่นัทคนเดียว และผมคิดว่าผมจะไม่รักใครอีกแล้วด้วย พี่นัทเชื่อใจผมบ้างสิครับ” มันหันมาจ้องตาผม
“เออมันก็บอกขนาดนี้แล้ว เลิกโกรธมันได้แล้ว แล้วที่มันพูดก็เรื่องจริงชั้นคุยกับไม้มันแล้ว ทำตัวเป็นเด็กไปได้” ไอ้แนทหันมาว่าผม อ่าวเพื่อนกูมันจะเข้าข้างใครกันแน่วะเนี่ย
“เออเคลียกันเข้าใจกันหมดแล้วนะพวกมึงอะ ทำกูเครียดด้วยเลย ไอ้ต้อมมึงก็เอาใจมันเยอะๆหน่อยแล้วกันเดี๋ยวก็หายงอนเอง” ไอ้ตี๋บอกมัน
   ต้อมก็ลุกเดินมานั่งข้างๆผม ผมสังเกตเห็นที่ปากมันเขียวช้ำมากเลย มันต่อยกันแรงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ตอนนี้ผมเริ่มจะกลัวต้อมมันเจ็บมากกว่าแล้ว มันเอามือผมไปจับไว้แล้วหอมมือผม
“เออ ชั้นว่าพวกชั้นกลับดีกว่า เห็นภาพแบบนี้มันบาดตาวะ เผื่อจะง้อกันเหนื่อย” ไอ้แนทมันหัวเราะ ไอ้ตี๋ยังยิ้มออกมาเลย มันคิดอะไรกันวะ
แล้วพวกมันก็ขอตัวกลับบ้านกันโดยหนุ่ยอาสาพาไปส่งบ้าน ก่อนกลับหนุ่ยยังหันมาขอโทษต้อมอีกที ต้อมก็ยิ้มตอบให้มันไปผมว่ามันสองคนคงจะดีกันแล้วน่า
“ไหนเอาปากมาดูสิ” ผมจับหน้ามันมาดูหลังจากส่งพวกนั้นเสร็จแล้ว
“โอ๊ย เจ็บนะครับเบาๆหน่อยครับ” มันร้องออกมา สงสัยผมจะจับแรงไปจริงๆ
มุมปากมันเขียวช้ำมากจริงๆผมเลยให้มันนั่งที่โซฟาแล้วไปเอากล่องยามา
“ทำไมต้องรุนแรงกันขนาดนี้ด้วยนะ เจ็บหรอ” ผมเห็นต้อมทำหน้าเจ็บตอนผมทายาให้
“ใครจะทนได้ละพี่ ผมเห็นมันกำลังจูบแฟนผมอยู่นี่นะ” มันหันมามอง
“เก่งจริงๆ พ่อนักเลงใหญ่” ผมแกล้งทายาแรงขึ้น ต้อมร้องเสียงหลงเลย ทีนี้อะเจ็บนะตอนทำไม่คิด
   เราขึ้นมาบนห้องกันเพราะว่าเหนื่อยกันมากับเรื่องต่างๆทั้งวันแหละอีกอย่างผมยังมึนๆอยู่นิดหน่อยด้วย พอถึงห้องต้อมมันก็เข้ามาจูบปากผมทั้งที่ปากยังเจ็บนะนี่ ต้อมจูบผมแล้วพาเดินมาที่เตียงมันก็ผลักผมนอนลงบนเตียง ต้อมก็ไล่จูบผมลงมาเรื่อยๆแต่คงเพราะเจ็บปากต้อมคงไม่ถนัด ผมเลยดึงต้อมขึ้นมาให้นอนลงแทนผม แล้วผมก้มลงไปจูบปากมันแทน ผมคงจูบแรงไปหน่อยเห็นมันสะดุ้งเหมือนเจ็บนิดๆ ผมก็ลงลิ้นไปทั่วตัวต้อมจนต้อมต้องบิดตัวไปด้วย จนถึงโงกุนที่ตั้งท่าท้ารบกับปากผมอีกแล้ว ผมเลยต้องกำหราบมันซะหน่อยด้วยการใช้ปากครอบมันให้ ผมโยกหัวสู้กับโงกุนจนเห็นเหมือนต้อมจะไม่ไหวแล้วผมก็หยุด จนต้อมเงยหน้ามามองผมก็หยิบเสื้อกันฝนมาคลุมเจ้าโงกุน ต้อมยิ้มแล้วนอนลงไปต่อผมเอาเจลทาที่โงกุนเยอะมากเพราะกลัวเจ็บอยู่เหมือนกัน ผมค่อยขึ้นไปคร่อมบนตัวต้อมโดยที่โงกุนอยู่ตรงกับทางเข้าในตัวผมพอดี ผมค่อยๆกดหัวโงกุนเข้าในตัวผมมันยังคงแน่นและคับหว่างขาผมเหมือนเดิม ต้อมก็คงจะเสียวเหมือนกันเห็นเอามือกุมที่นอนแน่น ผมค่อยนั่งทับโงกุนลงไปจนหายไปทั้งตัวแต่ผมยังไม่กล้าขยับ ต้อมเลยดึงตัวผมลงไปจูบจนผมเริ่มรู้สึกดีแล้ว ก็เริ่มขยับสะโพกขึ้นลงสู้กับเจ้าโงกุนที่อยู่ข้างใน ต้อมเอามือมาจับเอวผมไว้เพื่อบังคับให้เป็นจังหวะและเด้งเอวสวนขึ้นมาตอนที่ผมกดลงไปทุกทีจนผมเสียวมากๆ ต้อมขยับลุกขึ้นมานั่งโดยที่ผมยังโยกเอวอยู่แล้วมาจูบผมตอนนี้เบจิต้าผมสัมผัสกับกล้ามท้องของต้อมเต็มๆ มันถูตัวอยู่ที่หน้าท้องที่แข็งเกร็งของต้อม จนผมเสียวมากจนใกล้จะเสร็จแล้ว
“พี่รักต้อมนะ อ่า.. “ ผมกอดคอต้อมไว้ ต้อมยังคงโยกสะโพกขึ้นรับกับผมตลอด
“ผมก็รักพี่นัทครับ” ต้อมบอกกลับ
ตอนนี้เบจิต้าของผมมันเสียวมากจนไม่ไหวแล้ว ผมเกร็งหน้าท้องเกร็งตัวระเบิดพลังออกมาเพียงเพราะการโดนสัมผัสของหน้าท้องต้อม ต้อมก็เร่งแล้วกดสะโพกผมให้ลงไปติดกับตัวมันให้มากที่สุด แล้วก็กอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออก เรากอดกันอย่างนั้นสักพักต้อมก็ทิ้งตัวลงนอน โดยกอดผมลงไปนอนด้วย
“วันนี้ผมกลัวว่าพี่จะทิ้งผมไปจริงๆซะแล้ว ผมกลัวมากเลยรู้ไหมพี่” ต้อมหันมาพูดทั้งที่ยังหอบอยู่
“พี่จะทิ้งเราได้ยังไงกัน พี่รักเรามากนะ” ผมบอก ต้อมยิ้มแล้วจูบที่ปากผมอีกเนิ่นนานเหมือนว่าจะกลืนกินคำรักต่างๆที่ผมบอกเข้าไปได้เลยทีเดียว
   เราไปอาบน้ำแล้วมานอนก่อนนอนผมบอกว่าอย่าให้มันไปทะเลาะกับใครอีก ผมไม่ชอบเห็นมันเจ็บตัวแบบนี้ มันก็รับปากผม แล้วมันก็ขอนอนบนหน้าอกผม จนหลับไปเหมือนมันจะฟังเสียงจากหัวใจผมได้ยินเลยว่ารักมันขนาดไหน เพราะมันนอนยิ้มตลอดเวลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:45:21 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่10
“ตื่นได้แล้ววันนี้สายแล้ว” ผมดึงต้อมลุกจากที่นอน มันยังงัวเงียอยู่แต่ผมก็ดันมันจนไปถึงห้องน้ำจนได้
“โอ๊ย” มันเอามือจับที่ปาก สงสัยมันจะลืมว่าปากมันเจ็บแน่ๆ
“มานี่สิ” ผมเรียกให้มันมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าแล้ว เอาแปลงสีฟันมันมาถือไว้
“อ้าปากสิ จะแปลงให้” มันยิ้มทันทีแล้วรีบอ้าปากให้ผม ผมก็แปลงฟันให้มันมันมองหน้าผมตลอด ไม่รู้จะมองทำไมนักมองมากๆมันก็เขินเหมือนกันนะ
   พอมาถึงที่ซุ้มคนอื่นที่เห็นต้อมกับหนุ่ยก็เข้ามาถามกันใหญ่เลย พวกมันก็บอกว่าอุบัติเหตุนิดหน่อยเท่านั้นเอง จนสายหน่อยไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็พาไม้มาหาผม บอกว่ามันอยากคุยให้เข้าใจจริงๆไม้ไม่มาผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว และรู้ว่าต้อมมันรักผมมากแค่ไหน
   หลังจากเรื่องไม้ก็ทำให้ผมกับต้อมเข้าใจกันมากขึ้นรักกันมากขึ้นทุกวัน ช่วงปิดเทอมกลางเราตกลงกันว่าจะกลับบ้านด้วยกันทั้งสองบ้าน คือไปบ้านผมหนึ่งอาทิตย์บ้านต้อมหนึ่งอาทิตย์ เพราะที่บ้านจะได้ไม่บ่นว่าไม่มีใครกลับบ้านเลย
   เปิดเทอมสองเป็นอะไรที่สบายที่สุดแล้ว ไม่ค่อยมีกิจกรรมมากวนใจเหมือนเทอมแรก ผมนั่งรอต้อมไปซื้อน้ำอยู่ที่ซุ้มและรอเพื่อนคนอื่นๆด้วย ก็บอกแล้วว่าผมชอบมาแต่เช้า
“สวัสดีครับพี่นัท” ผมหันไปหาต้นเสียงที่ทักก็เห็นน้องหน้าตี๋คุ้นๆหน้ายืนอยู่ แต่ผมนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ผมเลยทำหน้างงประมาณว่าทักคนผิดหรือเปล่า
“โหพี่ จำผมไม่ได้อีกแล้ว ผมแจ็คไงครับเราเจอกันสองครั้งแล้วนะ” ผมนึกออกแล้วน้องที่เจอตอนไปเที่ยวเกาะกับต้อมนั่นเอง
“อ๋อ พี่จำได้แล้ว ว่ายังไงเรียนอยู่ที่นี่หรือเรา” ผมถามเพราะผ่านมาเทอมแล้วทำไมเพิ่งมาเจอกัน
“เปล่าครับ ผมกำลังจะจบม.6 เลยเข้ามาดูว่าจะเรียนที่ไหนดีครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่นะนี่”      แจ็คยิ้มหน้าบาน ต้อมเดินกลับมาพอดี ก็เข้ามานั่งข้างๆผมแล้วมองหน้าแจ็ค แล้วหันมามองผม
“อ๋อ ก็น้องแจ็คไงที่เจอที่เกาะ กับที่ห้างตอนนั้นไง” ผมบอกต้อมก็หันไปยิ้มให้แล้วแจ็คมันก็สวัสดีต้อม
“แล้วมาคนเดียวหรอ” ผมหันกลับไปถามแจ็ค
“ผมนัดพี่ผมไว้นะครับ แต่เขายังมาไม่ถึงผมเลยเดินเล่นก่อน ก็บังเอิญเจอพี่นี่แหละครับ” แจ็คยังยิ้มตลอดเวลา แจ็คชวนผมคุยเรื่องมหา’ลัย และเรื่องอื่นๆ ต้อมมองหน้ามันแล้วก็หยิบน้ำที่ซื้อมาป้อนให้ผม ผมเห็นแจ็คแอบมองต้อมนิดหน่อยแล้วแจ็คก็ขอตัวไปพบพี่ของเขา
“ต้อมวันนี้เราไปเที่ยวเดอะมอลล์บางกะปิกันนะ มันมีงานอาหารไทยและผักปลอดสารพิษอะ” ผมชวนมันคุยเห็นมันทำหน้าหงิกตั้งแต่ตอนผมนั่งคุยกับแจ็คตั้งนานแหละ มันแค่หันมามองหน้าผมเฉยๆไม่ตอบอะไร
“นะๆๆ พี่อยากไปซื้อขนมกินด้วยนะ ซื้อผักไปฝากน้าด้วยไง” ผมเริ่มอ้อนมันแหละเพราะรู้มันไม่ชอบที่ผมคุยกับแจ็คแน่ๆ มันยังมองหน้าผมเฉยๆอีก เออสงสัยมันจะงอนจริงๆ
“ไปนะๆ เดี๋ยวคืนนี้จะยอมทุกอย่างเลย” มันยิ้มออกมาแหละ ไอ้บ้าที่บอกว่าจะให้ตึ่งโป๊ะนี่หน้าบานเลยนะมึง
“สัญญาแล้วนะ” นั่นมันพูดกับผมแล้วแถมยังยิ้มยักคิ้วให้ผมอีก มันจะกวนไปถึงไหนกันเนี่ย
   ตอนเย็นเราก็ไปเดินเล่นที่เดอะมอลล์กัน ไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มาด้วยเราเดินดูงานตรงลานน้ำพุชั้นล่างกัน ในงานมีขนมไทยแปลกๆมาขายเยอะมากผมก็ซื้อมาพอสมควรทั้งกินเองและเอาไปฝากน้าด้วย มันก็เกิดเรื่องอีกจนได้ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากบริเวณงาน ตอนแรกมันไม่มีซุ้มประตูที่ทำจากผักและผลไม้นี่นา แต่ตอนนี้มันกลับมีซุ้มประตูผักแต่ผักอะไรผมก็ไม่ว่าหรอกครับนี่มันเล่นเอาข้าวโพดอ่อนมาตกแต่งจนเหลืองไปหมด พอผมเห็นผมก็คิดแล้วมันถึงจุดจบแล้วแน่ๆชีวิตกู ผักมีเยอะแยะไม่เอามาแต่งทำไมต้องข้างโพดอ่อนด้วยวะ
   ผมยืนนิ่งอยู่ตรงก่อนถึงประตูนั้นเพราะผมจะทำอะไรไม่ค่อยถูกเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้กะทันหัน จนพวกต้อมกับไอ้ตี๋ไอ้แนทมันเดินเลยผมไป สักพักมันถึงหันกลับมากันคงเพราะไม่เห็นว่าผมเดินตามไปแน่ๆ ใครจะกล้าละครับมันมาเป็นแผงเลย แค่เห็นผมก็ขนลุกคลื่นไส้จะแย่แล้วตอนนี้ ถ้าให้ผมเดินเข้าไปอีกผมคิดว่าผมตายแน่ๆผมเลยไม่กล้าขยับไปไหน
“ตายแล้วไอ้นัทแก” เสียงไอ้แนทอุทานออกมาเมื่อมันมองเห็นเหมือนที่ผมเห็นแล้ว
ผมเห็นต้อมรีบฝากของในมือให้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทถือ แล้วมันก็วิ่งมาที่ผมยืนอยู่มันก็เอามือมาโอบหัวผมไปซบกับหน้าอกของมัน แล้วพาผมเดินออกมาตอนนั้นโคตรจะอายเลยที่มันทำแบบนี้หน้าคนเยอะๆ แต่ว่าความกลัวมันมาก่อนนะครับเลยยอมเดินมากับมัน พอถึงตรงไอ้ตี๋กับไอ้แนทผมก็รีบเอาหน้าออกมาทันทีก็มันอายนี่ครับ มันก็หันไปรับของจากไอ้แนทกับไอ้ตี๋กลับมาถือ ตอนเดินผมเห็นคนมองผมกับมันตลอดเลยผมอายมาก ก็ลองคิดสิครับอยู่ๆผู้ชายก็วิ่งไปจับอีกคนซบอกแล้วเดินออกมาคู่กัน แล้วใครมันจะรู้มั้ยว่าไอ้หุ่นเหมือนหมีแบบผมเนี่ยมันจะกลัวข้าวโพดอ่อน แต่ก็เอาเถอะยังไงผมก็ดีใจนะ แฟนผมเนี่ยน่ารักที่หนึ่งเลยใช่ไหมละครับ
   เรามานั่งกินข้าวกันที่เซี่ยวหลงเปากัน ต้อมมันก็ถามผมว่าทำไมผมถึงได้กลัวข้าวโพดอ่อนมากขนาดนี้ ผมก็เลยเล่าให้มันฟังซึ่งเรื่องนี้ผมเล่าให้พวกไอ้ตี๋ฟังตั้งนานแหละ คือตอนสมัยม.ปลาย ผมกับเพื่อนไปกินข้าวที่ร้านประจำกัน ผมสั่งผัดผักรวมมิตรวันนั้นที่ร้านก็ใส่ข้าวโพดอ่อนมาเยอะมา ผมก็กินไปตามปกติแหละตอนนั้น แต่พอกินใกล้จะหมดแล้วมันมีชิ้นนึงไม่รู้ว่ามันจะเน่าหรือมันไม่สุกผมก็ไม่รู้แต่พอเข้าปากแล้วมันเหม็นเขียวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ จนผมคลื่นไส้จนต้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำ แล้วของที่กินไปมันก็ออกมาด้วยใช่ม่ะภาพที่เห็นมันมีแต่ข้าวโพดอ่อนทั้งนั้นเลย แล้วกลิ่นเหม็นเขียวเน่าๆนั้นก็ไม่ได้หายจากปากไปด้วยนะผมต้องป้วนปากตั้งนานกว่าจะดีขึ้น ตั้งแต่นั้นมาพอผมเห็นข้าวโพดอ่อน ร่างกายมันก็ต่อต้านขึ้นมาเองทันที มันรู้สึกถึงกลิ่นนั้นขึ้นมาทุกครั้งทำให้รู้สึกแย่มากๆ ผมกับข้าวโพดอ่อนเลยตัดขาดจากกันตั้งแต่วันนั้นเลย ต้อมมันก็นั่งทำหน้าตาแบบว่าเข้าใจแล้วอะไรประมาณนี้
“อ่าวนัท อยู่นี่เองตามหาตั้งนานแหนะ” ไอ้วินเพื่อนต่างคณะผมทักผมที่ซุ้ม
“อ่าววิน มีอะไรหรอตามหาเรา” ผมหันไปถามขณะที่มือผมดึงหูต้อมอยู่เพราะมันมาหาว่าผมโรคจิตกลัวข้าวโพดอ่อน ทีงูละไม่กลัว
“เรามีไรจะรบกวนหน่อยนะ ว่างเปล่าคุยด้วยหน่อยสิ” ไอ้วินทำหน้าแปลกๆ
“ว่างๆนั่งคุยกันนี่แหละ” ผมเห็นมันหันไปมองต้อม ต้อมยิ้มให้มันมันก็ยิ้มตอบแล้วนั่งลง
“คือว่าญาติเรานะสิเขาอยากได้ครูสอนพิเศษลูกเขา เขาให้เรามาติดต่อให้นะ” วินบอกแต่ผมยังงงแล้วมาบอกผมทำไม
“แต่ลูกเขานะบอกว่าอยากให้นัทไปสอนให้นะสิ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเจาะจงมาแบบนี้แล้วมันรู้ว่าเรากับนัทเป็นเพื่อนกัน มันเลยให้แม่มันมาขอร้องเราให้มาขอร้องนัทอีกทีไง” ไอ้วินทำหน้าลำบากใจ
“อ่าว แล้วเขารู้จักเราได้ยังไงกัน คนอื่นสอนเก่งกว่าเรามีเยอะแยะ” ผมหันไปมองหน้ากับต้อมแบบงงๆ
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่เขามาขอร้องเรามาเราก็ลำบากใจเหมือนกัน แต่ก็ช่วยเราหน่อยนะเราก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว” มันท่าจะลำบากใจจริงๆมันถึงกล้ามาขอร้องผม
ผมเลยหันมาคุยกับต้อมเพราะเห็นไอ้วินมันทำหน้าลำบากใจมากๆเรื่องนี้ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นผมอยู่ดี ผมเลยบอกต้อมว่าก็ช่วยมันหน่อยมันก็อุตส่ามาขอร้องทั้งทีแสดงความมีน้ำใจด้วย ต้อมก็เห็นด้วย
“เอาเป็นว่าเราลองไปดูก็ได้ แต่ว่าต้อมไปกับเราด้วยนะไปเป็นเพื่อนเรา แล้วถ้าเกิดว่าเราสอนไม่ได้เราก็จะเลิกสอนเลยนะ บอกเขาแบบนี้แหละ ถ้าตกลงก็โอเค” ผมบอก ไอ้วินยิ้มออกมาได้แล้ว
   วันอาทิตย์ผมกับต้อมก็มาบ้านของน้องไอ้วินเพื่อที่จะมาสอนพิเศษ เราตกลงกันว่าจะสอนเฉพาะวันอาทิตย์บ่ายโมงถึงบ่ายสาม บ้านที่ผมมาสอนนี่หลังใหญ่มีสวนหน้าบ้านด้วยเป็นบ้านสองชั้น มีโรงจอดรถหลายคันพวกผมมาถึงหน้าบ้านก็มีคนมารอเปิดประตูให้อยู่แล้ว แล้วก็ยังเชิญพวกผมเข้าไปในบ้านอีก นี่มันบ้านคุณหนูที่ไหนกันแน่นะ พอผมเข้ามาถึงห้องรับแขกก็เห็นเด็กคุ้นหน้ายืนยิ้มรอยู่แล้ว พอผมเห็นใกล้ก็จำได้ว่าเป็นแจ็คนั่นเอง ผมหันมามองหน้าต้อมทันทีตอนนี้หน้ามันเริ่มจะไม่ค่อยดีแหละ
“หวัดดีครับพี่นัท เออหวัดดีครับพี่ต้อม” แจ็คทักพวกผมผมก็รับไหว้แต่ต้อมยิ้มตอบเฉยๆ ผมคิดในใจไอ้วินเอาโบนัสมาแจกกูแล้วไหมละ
“เราเองหรอที่อยากให้พี่มาสอนพิเศษให้” ผมถามด้วยความแปลกใจ
“ครับ เดี๋ยวไปห้องอ่านหนังสือของผมดีกว่า เราไปอ่านหนังสือกันที่นั่น พี่นีเดี๋ยวเอาน้ำกับขนมไปให้ด้วยนะ” แจ็คบอกแล้วหันไปสั่งผู้หญิงที่พาผมเข้ามาในบ้านก่อนเดินนำไปอีกห้อง
ระหว่างเดินไปต้อมมันดึงผมมากระซิบบอกว่ามันยังไงๆอยู่นะ ผมก็เห็นด้วยแต่ทำไงได้รับปากเขามาแล้วยังไงก็ลองดูสักหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่เวิร์คก็เลิกเท่านั้นเอง พอถึงห้องอ่านหนังสือต้อมก็นั่งรอที่โต๊ะอีกตัว ส่วนผมกับแจ็คก็นั่งโต๊ะกลางห้องกัน แจ็คนั่งติดผมตลอดเวลาตอนที่ผมสอนโดยไม่สนใจเลยว่าต้อมจะมองอยู่ ส่วนต้อมตอนนี้ไม่ต้องบอกหน้างอเป็นม้าหมากรุกไปแล้ว
“อะพี่นัทกินนี่หน่อยนะครับ” แจ็คหยิบขนมขึ้นมาป้อนให้ผม
“พี่กินเองก็ได้” ผมจะเอามือหยิบขนมมากิน แต่มันเอามือหลบแล้วเอาขนมมายัดเข้าปากผม
“ก็แค่เนี่ย ผมจะได้ทำโจทย์เลขต่อ” ผมหันไปมองหน้าต้อมตอนนี้คิ้วมันผูกกันเพิ่มจากหน้างออีกอย่างแล้ว
   ตลอดสามชั่วโมงแจ็คมันเกาะแกะผมตลอดเวลาเลย มันไม่ได้สนใจต้อมที่มองมันอยู่สัดนิดเลย ถึงแม้ต้อมจะแกล้งทำเสียงดังบางครั้งก็ตาม ตอนนี้ผมคิดแล้วว่าไอ้วินมันเอาโบนัสก้อนโตมาแจกผมจริงๆซะแล้ว พอถึงเวลาสามโมงเย็นผมรีบขอตัวกลับทันทีเพราะไม่อยากอยู่ต่อนานนัก กลัวต้อมมันจะองค์ลงซะก่อน
“พี่นัทผมว่าไปบอกเลิกเถอะงานนี้” ต้อมทำเสียงจริงจัง
“อืม เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปคุยกับไอ้วินมัน พี่ก็รู้ว่าเราไม่ชอบพี่ก็อึดอัดเหมือนกัน” ผมหันไปมองต้อม ต้อมก็เริ่มจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนถึงบ้าน
“ยังไม่เลิกเครียดอีกหรอ” ผมหันไปหาต้อมที่กำลังยืนแปลงฟันอยู่ข้างๆ มันก็ไม่ตอบเอามันจะมางอนผมทำไมนี่ผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันนะ
ผมเลยหอมแก้มมันทั้งที่ยังมียาสีฟันอยู่ที่ปาก
“เฮ้ย พี่ทำไรเนี่ย มันเลอะนะเห็นไหม” มันเอามือเช็ดยาสีฟันที่เลอะแก้มออก แล้วหันมามองหน้าผมผมก็เลยยักคิ้วใส่มันซะเลย
“อยากแกล้งนักใช่ไหม ได้เลย” คราวนี้มันจะเข้ามาหอมผมบ้าง ผมก็เลยถอยหนีแล้วเอาฝักบัวฉีดใส่มัน มันก็ยังไม่หยุดมาจับแขนผมไว้แล้วกับกำแพง
“มันต้องโดนลงโทษที่ทำให้ผมเครียดตั้งหลายชั่วโมง” มันบอกแล้วก็จูบปากผมทันที เราแลกลิ้นกันยังได้รสของยาสีฟันกันอยู่เลยเพราะเรายังล้างปากกันไม่เกลี้ยงทั้งคู่
   ต้อมยังจับมือผมทั้งสองข้างติดกำแพงไว้แล้วค่อยๆไล่ลิ้นลงมาจนทั่วตัวผมซึ่งตอนนี้เบจิต้าผมก็แปลงร่างไปเรียบร้อยแล้ว ต้อมมันไล่ลิ้นต่ำลงมาจนถึงเบจิต้าของผม แต่มันกลับลงลิ้นที่ข้างๆแทน ลงมาตามง้ามขาเลยมาจนถึงหินน้อยสองก้อนที่เบจิต้ายืนอยู่ ต้อมมันใช้ลิ้นเลียที่หินสองก้อนนั้น ทำเอาผมเสียวท้องมากๆจนต้องเกร็งตัว มันเงยหน้าหันมายิ้มให้ผมอีกแล้วมันก็อมหินน้อยผมเข้าไปในปากเลยทีนี้ ผมเสียวมากจนบีบมือต้อมจนแน่น มันทำอยู่นานมากไม่ยอมสู้กับเบจิต้าผมสักที
“ต้อมอย่าแกล้งพี่อีกเลยนะ พี่ยอมทุกอย่างแล้ว” ผมบอกเพราะทนความเสียวไม่ไหวแล้ว ต้อมยังเงยหน้ามายิ้มเหมือนว่าตัวเองได้ชัยชนะจากผมแล้ว ต้อมจึงเอาปากมาทักทายเบจิต้าผมทันที ต้อมสู้กับเบจิต้าผมสักพักก็ลุกขึ้นมา
“พี่บอกเองนะว่าจะยอมผมวันนี้” ต้อมกระซิบที่ข้างหูผมแล้วก็พาผมไปที่อ่างล้างหน้า มันยกผมขึ้นไปตรงที่ว่างของข้างอ่างล้างหน้าแล้วแทรกตัวเข้ามาระหว่างตัวผมทันที
“เดี๋ยวก่อนเราไม่มีอุปกรณ์นะ” ผมเตือน แต่ต้อมก็ยิ้มแล้วหยิบเสื้อกันฝนมาจากหลังกระจก โหนี่มันแอบซ่อนไว้ทั่งบ้านเลยป่าวเนี่ย
หลังจากต้อมใส่เสื้อกันฝนให้โงกุนของมันแล้ว มันก็ส่งหัวโงกุนเข้ามาในตัวผมทันที ผมดึงคอมันเข้ามาจูบเพื่อจะได้ไม่เกร็งมากจนมันส่งโงกุนเข้ามาในตัวผมจนหมด วันนี้ต้อมดูจะใช้แรงมากเป็นพิเศษคงระบายจากเรื่องวันนี้แต่ก็ทำเอาผมเสียวมากเหมือนกัน ผมเอามือกดที่เอวต้อมไว้ต้อมก็เอามือมาสู้กับเบจิต้าของผม จนผมเริ่มเกร็งหน้าท้องเพราะจะทนไม่ไหวแล้ว ต้อมก็คงรู้เหมือนกันเร่งจังหวะเร็วมากกว่าเดิมจนผมต้องจิกมือที่เอวของต้อม
“โอ๊ยยยย พี่ไม่ไหวแล้วต้อม พี่รักต้อมที่สุดเลยนะครับ” ผมบอกก่อนที่ผมจะเกร็งตัวระเบิดพลังออกมาเต็มตัวผมเอง
“ผมก็รักพี่นัทที่สุดเหมือนกันครับ อ่าสสส์” แล้วต้อมก็กดเอวเข้ามาแรงๆสองสามครั้งแล้วก็กดแช่ไว้ แล้วก้มหน้าลงมาจูบปากผมต่อโดยที่ยังไม่ยอมเอาโงกุนออกจากตัวผม
   ต้อมยืนกอดผมท่านั้นสักพักจนหายเหนื่อยแล้วเราก็ไปอาบน้ำกัน ก่อนนอนผมยังบอกต้อมว่าผมไม่คิดอะไรกับแจ็คหรอกผมรักมันคนเดียว มันยิ้มแล้วทำปากยื่นมาผมก็เลยจุ๊บปากมันไป แล้วเราก็นอนหลับในอ้อมกอดกันเหมือนทุกวัน ตกลงถ้าผมง้อมันผมต้องเป็นฝ่ายโดนทุกครั้งเลยใช่ไหมนี่ คราวหน้าผมต้องเอาคืนให้ได้สิ
“วินเราคงไม่สอนต่อแล้วนะ” ผมบอกไอ้วินที่นั่งอยู่ที่ซุ้มของมัน
“ทำไมละไปแค่วันเดียวเองนะ ช่วยเราหน่อยนะๆๆ เดือนเดียวก็ยังดี” ไอ้วินอ้อนวอนเพื่อให้ผมสอนต่ออีกหน่อย
“แต่ว่าต้อมมันคงไม่ยอม แค่นี้เราก็จะแย่แล้ว” ผมบอกเหตุผลมันไป ไอ้วินมัน บอกว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับต้อมเอง แล้วมันก็เดินมาหาต้อมพร้อมกับผม
“ต้อมพี่ขอเถอะนะช่วยพี่หน่อย เดือนเดียวก็ได้” ไอ้วินขอให้ต้อมยอมตกลง
“ไม่ได้หรอกพี่ น้องพี่มันใช่อยากเรียนที่ไหน มันจะมาจีบพี่นัทต่างหาก” ต้อมบอกแบบไม่ค่อยสนใจ
“เดี๋ยวพี่ห้ามมันเอง แต่นะต้อมนะให้นัทไปสอนแค่เดือนเดียวก็พอนะ พี่รับปากแม่เขาไว้แล้ว” ไอ้วินยังไม่ยอมลดความพยายาม แล้วไอ้วินก็ตามตื้อต้อมจนต้อมอ่อนใจจนได้ แต่ว่าต้องให้มาเรียนที่มหา’ลัยแทน แล้วก็แค่เดือนเดียวเท่านั้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:46:17 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่11
ตกลงวันอาทิตย์ผมก็ต้องมาที่มหา’ลัยอีกเพื่อมาสอนหนังสือแจ็ค แต่แจ็คก็เหมือนเดิมเลยเกาแกะผมตลอดเวลา เดี๋ยวโอบเอวเดี๋ยวกอดแขนจนต้อมเริ่มไม่พอใจอีกแล้ว
“น้องครับนี่แฟนพี่นะครับ เกรงใจกันบ้าง” ต้อมเดินเข้ามาประกาศตัวเลยคราวนี้
“ครับผมรู้ตั้งนานแล้วครับ” แจ็คยังยิ้มตอบให้ต้อมอีก
“งั้นก็คุยกันตรงๆเลยนะ พี่ไม่ชอบที่เรามาเกาะแกะกับแฟนพี่แบบนี้” ต้อมทำเสียงเข้มใส่แจ็ค
“นั่นเรื่องของพี่สิครับ ก็ผมชอบพี่นัทนี่ ผมไม่ได้ชอบพี่นะครับ” แนะมันยังไม่รู้สำนึกอีกหรอ แฟนเขามาว่าขนาดนี้แล้ว เด็กสมัยนี้มันใจกล้ากันจริงๆ จนผมเห็นต้อมเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว คงต้องหาทางออกแล้วผมว่า
“เออ แจ็ค วันนี้แค่นี้นะเดี๋ยวคราวหน้าสอนเพิ่มให้” แล้วผมก็รีบลุกเก็บของดึงต้อมออกมาจากตรงนั้น
“พี่นัทดึงผมมาทำไม ผมจะอัดหน้ามันซะหน่อย” ต้อมทำท่าทางโกรธจัด กัดฟันแน่นเชียว
“ไม่เอาน่า พี่บอกแล้วไงไม่อยากให้เราชกต่อยกับคนอื่น” ผมจับมือต้อมไว้เพื่อให้ต้อมใจเย็นๆลง
   คราวนี้ต้อมไม่ได้โกรธผมกลับโกรธแจ็คมากกว่า แต่ผมก็เข้าใจต้อมนะถ้าเป็นผมก็คงโกรธเหมือนกัน นี่ขนาดเข้าไปบอกว่าเป็นแฟนแล้วนะมันยังไม่สนใจอีก แต่ผมก็ไม่อยากให้ต้อมไปมีเรื่องกับใคร เพราะไม่อยากให้มันเจ็บตัวด้วย
ผมกำลังเล่าเรื่องแจ็คให้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทฟังตอนที่รอต้อมเรียนอยู่
“ทายสิใคร” มีมือมาปิดตาผมจากข้างหลัง แต่ทำไมผมจะจำเสียงมันไม่ได้เสียงแจ็ค มันทำบ้าอะไรของมันนี่ ผมเลยจับมือมันออก เห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนททำหน้างงๆ
“นี่ไงที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้ไง ตายยากไหมอะ” ผมหันไปบ่นกับพวกเพื่อนผม แจ็คมันก็นั่งลงมาข้างๆผม มันก็ชวนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยแต่มือมันนี่สิครับ เดี๋ยวเกาะแขน เดี๋ยวโอบเอว เดี๋ยวซบไหล่ ชาติที่แล้วมันเป็นปลาหมึกหรือไงชาตินี้มือกันเกาะแกะเก่งจริงๆ ไอ้ตี๋กับไอ้แนททำหน้าแบบเห็นใจผมขึ้นมาทันที ผมนะทั้งหลบทั้งแกะมือมันออกตลอดเวลา
   สักพักไอ้ตี๋ก็พยักหน้าให้ผมมองไปข้างหลัง ผมก็เห็นต้อมเดินตรงเข้ามาที่ผมนั่งกับแจ็คทันที ท่าทางต้อมจะโกรธเอามากๆสังเกตจากหน้าตาที่ขึงขังของมัน
“น้องจะเอายังไงกับพี่กันแน่ ว่ามาเลยดีกว่า” ต้อมเสียงค่อนข้างดังเหมือนกันจนแถวนั้นเริ่มหันมามองทางกลุ่มผม
“อะไรพี่ผมมาหาพี่นัทนะครับ ไม่เกี่ยวกับพี่” แจ็คยังกวนกลับมาได้อีก มึงจะโดนตีนอยู่แล้วยังไม่รู้อีกหรอ
“ไม่เกี่ยวได้ไงนี่มันแฟนกู” ต้อมท่าทางจะฟิวส์ขาดไปแล้ว ผมเห็นมันกำหมัดแน่นมาก ผมคิดว่าท่าจะไม่ดีแล้วไม่อยากให้ต้อมมีเรื่องในมหา’ลัย ผมจึงลุกขึ้นดึงต้อมออกมา ทีแรกต้อมขัดขืนไม่ยอมไปผมเลยต้องออกแรงดึงแล้วพาเดินไปที่หลังตึกคณะ
“ใจเย็นๆก่อนนะ เดี๋ยวจะมีเรื่องกันอีก” ผมดึงต้อมเข้ามากอดไว้
“พี่ใจให้ผมใจเย็นได้ยังไง ดูมันกวนผมซะขนาดนั้น” ต้อมยังไม่หายใจร้อน
“เชื่อพี่นะ พี่คิดว่ามันต้องการมาป่วนเราเท่านั้นเอง ถ้าเรามีเรื่องกับมันก็เข้าทางมันพอดีสิ” ผมให้เหตุผล
“เราคิดดูนะ ถ้าเราไปต่อยมันเรื่องจะบานปลายไปถึงไหน เรื่องนี้อาจทำให้เราต้องแยกกันเลยก็ได้นะ” ผมหันมาจ้องตามัน
“เราไม่เชื่อใจพี่หรือไง หรือเรายังไม่รู้ว่าพี่รักเรามากขนาดไหนอีก”
“ผมเชื่อพี่นะ แต่ผมก็ทำใจไม่ได้ที่มันมายุ่งกับพี่แบบนี้” ดูต้อมเริ่มใจเย็นลงแล้วตอนนี้
“แค่เราเชื่อพี่ก็พอแล้ว พี่รักต้อมมากนะครับ” ผมก็ดึงหน้าต้อมเข้ามาจูบต้อมก็จูบตอบกลับมา
สักพักผมก็กลับออกมาพวกไอ้ตี๋มายืนรอที่หน้าตึกคณะกันหมด
“เฮ้ยเป็นไง ใจเย็นลงบ้างยังเรา” ไอ้ตี๋ทักต้อมที่เดินตามผมมา
“ครับพี่ ขอโทษครับที่เกือบก่อเรื่องอีกแล้ว” ต้อมทำหน้าสำนึกผิด
“เออดีแล้วที่เข้าใจ เราก็อย่าใจร้อนให้มันมากนัก เพื่อนพี่นะมันไม่ได้รักใครง่ายๆนะโว้ย” ไอ้ตี๋เตือนต้อมอีกก่อนหันหน้าไปมองที่ซุ้ม
“แต่นั่น ไอ้ตัวปัญหายังไม่กลับเลย แกจะเอายังไงวะนัท แม่งสุดยอดเลยวะขนาดรู้ว่าแฟนเขาหวงขนาดนี้มันยังไม่สนใจอีก” ไอ้ตี๋เริ่มทำหน้ากังวลกับเรื่องของแจ็ค
“ยังคิดไม่ออกเลยวะ แต่เดี๋ยวคงต้องไปคุยกับไอ้วินเรื่องนี้ ไม่งั้นมันไม่จบแน่ๆเลย”
“แล้วตอนนี้เอาไง กลับไปก่อนไหมเดี๋ยวเราเก็บของไว้ให้เอง” ไอ้ตี๋หาทางออกให้ ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ผมกับต้อมก็เห็นด้วยเพราะกลัวว่ามันจะมีเรื่องกันจนได้ เราเลยหลบออกทางหลังมหา’ลัย แล้วให้ไอ้ตี๋ไปบอกแจ็คว่าผมกลับไปแล้วให้ด้วย
   กลับมาถึงบ้านดูต้อมยังอารมณ์ไม่ค่อยดีกับเรื่องวันนี้ ผมเลยชวนต้อมไปซื้อหนังมาดูเพื่อแก้เครียด ผมซื้อเรื่องหอแต๋วแตก 2 มาดู ฮาได้ใจจริงๆ โดยเฉพาะตุ๊กกี้แสดงได้ดีมากๆ จากต้อมอารมณ์ไม่ดียังนั่งหัวเราะเสียงดังเลย
“ต่อไปเราต้องอย่าใจร้อนนะ พี่ไม่อยากให้เรามีปัญหาหรือเจ็บตัวอีก” ผมกอดต้อมอยู่บนที่นอน
“ถ้าเรารักพี่เราต้องเชื่อพี่นะ” ผมขยับหน้าเข้าไปจนจมูกเราชนกัน
“ครับ ผมเชื่อพี่เพราะผมรักพี่นะครับ ผมรักพี่มากด้วย พี่รู้ไว้ด้วยนะครับ ถ้าไม่มีพี่แล้วผมจะอยู่ยังไงผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ” ต้อมมองตาผมแล้วก็จูบผมอย่างนุ่มนวล
   สองสามวันนี้ผมสบายใจมากเพราะแจ็คไม่ได้มาที่มหา’ลัยอีกเลย คงเพราะเรื่องวันนั้นแน่ๆแต่ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ผมคงต้องไปคุยกับไอ้วินเรื่องนี้อีกรอบ
“วินเราว่าเราไม่ไหวแล้ววะเรื่องน้องนาย ต้อมมันทนไม่ไหวแล้วนะ เราไม่อยากให้มีปัญหากัน นายคงเข้าใจเรานะ” ผมบอกไอ้วินที่ซุ้มของมัน
“เราได้ยินข่าวมาบ้างแล้วแหละ เราก็ไปคุยกับมันแล้วแต่ถ้าทางมันไม่สนใจเลย เอาเป็นว่าแล้วแต่ที่นัทสบายใจแล้วกัน” คราวนี้มันยอมรับง่ายเลยแหะ สงสัยข่าวคงจะมาแรงแน่ๆ
   ผมเล่าให้ต้อมฟังเรื่องที่ไปคุยกับไอ้วินมา ดูต้อมสบายใจมากขึ้นไปอีกเพราะว่าพวกเราคงจะไม่ต้องเจอแจ็คอีกแล้ว แต่ถ้ามันจะมาที่มหา’ลัยเพื่อนผมก็เตรียมตัวช่วยกันให้อยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าพวกเพื่อนๆผมมันจะยกให้ผมกับต้อมเป็นคู่รักแห่งปีอยู่แล้ว ผมรู้สึกดีนะที่เพื่อนๆผมไม่ได้เปลี่ยนไปที่รู้ว่าผมกับต้อมคบกันแบบไหน แต่กับคอยช่วยและดูแลเราทั้งคู่อีกต่างหาก ผมนี่โชคดีจริงๆที่มีเพื่อนแบบพวกมัน   
“พี่นัททำไมเลิกไปสอนผมละครับ” เสียงแจ็คดังมาข้างหลัง นี่มันอะไรกับผมนักหนาขนาดแสดงออกว่าไม่อยากเจอมันมากแค่ไหนแล้วนะ เด็กสมัยนี้มันช่างกร้านโลกกันซะจริงๆ
   ไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรไอ้แนทก็ลุกขึ้นมายืนเกาะหลังผมทันที มาแล้วปฏิบัติการป้องกันผมจากไอ้เด็กนรกคนนี้ ส่วนต้อมนั่งอยู่ข้างๆผมอยู่แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ไอ้ตี๋นั่งบนโต๊ะอีกข้างหนึ่งหนุ่ยนั่งอยู่ตรงข้ามผมพอดี ดูพวกมันทำอย่างกับว่าผมเป็นเจ้าพ่อแล้วพวกมันเป็นบอดี้การ์ดเลย ทำให้แจ็คเดินอ้อมมานั่งข้างๆหนุ่ย
“ทำไมเมื่อวานพี่ไม่มาสอนพิเศษผมละครับ” แจ็คถามพร้อมกับมองเพื่อนผมที่ยืนรอบตัวผมอยู่
“พี่ฝากพี่วินไปบอกแล้วไงว่าจะเลิกแล้ว พี่คิดว่าพี่คงสอนได้ไม่ดีแล้วถ้าเราสอบไม่ได้ทางบ้านเราเขาจะมาว่าพี่ได้” ผมบอกโดยที่ไม่ได้มองหน้าแจ็คเลย
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ไม่มีใครว่าหรอกกลับมาสอนผมเถอะนะนะนะ” มันจับมือผมไปกุมไว้ แต่ต้อมก็ดึงมือผมกลับมาทันที มันยังหันมามองหน้าต้อมนิดหน่อยด้วย
“ไม่ดีกว่า เพราะพี่รู้เหตุผลจริงๆที่เราอยากเรียนกับพี่ พี่มีแฟนแล้วแจ็คไม่เข้าใจหรอครับ พี่ไม่อยากทะเลาะกับแฟนพี่เข้าใจด้วยนะครับ”
“ทะเลาะกันก็ดีสิครับ พี่จะได้สนใจผมบ้าง” มันหันไปมองหน้าต้อม จนผมต้องบีบมือต้อมเอาไว้ให้ใจเย็นๆ
“งั้นผมก็บอกพี่ตรงๆเลยว่าผมชอบพี่นะ แล้วผมก็จะไม่ยอมแพ้คนอื่นด้วย ผมจะทำให้พี่มาเป็นของผมให้ได้” มันยังหันไปมองต้อมอีก เด็กนรกของแท้เลยมันผมพูดขนาดนี้ยังไม่ยอมแพ้ แล้วผมไปโดนใจอะไรมันขนาดนั้นถึงได้ต้องเจาะจงจะมาคบกับผมให้ได้
“เฮ้ยแจ็ค มาทำอะไรที่นี่ มานี่เลยคณะพี่อยู่ทางนี้” เสียงไอ้วินตะโกนเรียกแจ็คที่มุมถนน มันทำหน้างงแต่ก็ลุกขึ้นไปเพราะไอ้วินเรียกมันไม่หยุด พวกผมก็งงที่ไอ้วินมันรู้ได้ยังไงว่าแจ็คมา ไอ้แนทยิ้มแล้วชี้ที่โทรศัพท์มัน มันคงโทรตามไอ้วินแน่ๆ แหมฉลาดจริงๆเพื่อนผม
   ถ้าไอ้วินมาช้ากว่านี้อีกหน่อยผมว่าได้มีเกิดเหตุขึ้นอีกแน่ๆ แต่คราวนี้ต้อมใจเย็นมากๆถ้าเป็นเมื่อก่อนผมว่าแจ็คคงปากแตกไปแล้วที่พูดแบบนั้น เราเลยตกลงว่าจะไปนั่งที่ห้องโปรเจ็คกันจนกว่าจะใกล้สอบเสร็จ เดี๋ยวมันก็คงหายไปเองถ้าไม่เจอผมนาน เพราะเด็กวัยรุ่นก็คงรักง่ายลืมง่ายนะแหละผมว่า แต่ต้อมหันมาบอกว่ายกเว้นมันนะ ดูมันยังอยากเป็นวัยรุ่นอยู่อีกนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:46:56 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่12
ช่วงนี้ผมใช้เวลาในมหา’ลัยที่ห้องโปรเจคเสียส่วนมาก เพราะจะได้หลบหน้าแจ็คที่มันมักจะวนเวียนมาที่ซุ้มบ่อยๆ แต่ก็ทำให้ผมมีเวลากับเรื่องเรียนมากขึ้นด้วยยิ่งใกล้สอบอีกแล้ว แถมผมยังต้องคอยติวให้ต้อมด้วยเพราะถ้าผลการเรียนต้อมไม่ดีเดี๋ยวทางบ้านเขาจะมาว่าผมเอาได้ และก็ยังทำให้เราสองคนมีเวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกันมากขึ้น เพราะห้องโปรเจคไม่ค่อยมีคนเข้าอยู่แล้ว พี่ปี 4 เขาก็นานๆเข้ามาที
   “ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะ ที่เกิดเรื่องขึ้นผมเลยได้อยู่กับพี่นัทตลอดเวลาเลย แถมยังแอบทำอะไรก็ได้อีก” พูดแล้วมันก็ดึงแก้มผมไปหอมทันที
   “พอแหละๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เล่นอะไรไม่เข้าท่า” ผมหันไปดุเพราะกลัวคนอื่นเข้ามาเห็น
   “เล่นที่ไหนละครับ ผมทำจริงๆใครเห็นก็ช่างเขาสิครับ แฟนกันหอมกันไม่ได้หรือไง” มันยิ้มกวนๆมาให้ผมอีก ดูมันทำมันไม่อายผมก็อายนะครับ
   ผ่านเรื่องแจ็คมาได้เดือนกว่าๆแล้ว พวกผมก็เริ่มเข้าสู่การสอบอีกครั้ง ผมก็กลับมานั่งที่ซุ้มแล้วเพราะช่วงสอบพวกเราจะรวมตัวกันแถวนั้นเพื่อหาแนวข้อสอบบ้าง ช่วยกันติวบ้าง แล้วแต่ว่ากลุ่มไหนจะหาอะไรมาได้แล้วเอามาแลกเปลี่ยนกันครับ
   กว่าจะผ่านพ้นการสอบมาได้ช่างยากเย็นเหลือเกิน ทำไมข้อสอบมันยากแบบนี้ก็ไม่รู้ผมคิดว่าอาจารย์เขาคงอยากจะสอนพวกผมใหม่แน่ๆถึงได้ออกยากมากขนาดนี้ แต่ผมก็คิดว่าน่าจะสอบผ่านแหละครับ สอบเสร็จมันก็ต้องฉลองกันหน่อยใช่ไหมครับ พวกไอ้ตี๋ก็บอกว่าจะฉลองที่บ้านผมเพราะจะได้เมาได้เต็มที่ ผมก็เห็นดีด้วยจะได้ไม่ต้องไปไหนไกลอีกต่างหากบ้านตัวเอง
   อ้อ ผมลืมเล่าไปครับว่าตอนนี้ไอ้แนทมันเป็นแฟนกับไอ้วินไปแล้ว ก็ตั้งแต่เรื่องไอ้น้องแจ็คของไอ้วินมันนั่นแหละครับ แต่ก็ไม่รู้มันไปจีบกันตอนไหนใครจีบใครก่อน แต่ที่ผมพอจะรู้ก็คือไอ้แนทอะมันแอบชอบไอ้วินมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 1 ผมก็ดีใจกับมันนะครับเพื่อนผมมีความสุข อิอิ
   “ไอ้นัท วันนี้วินไปด้วยได้ป่าววะแก” ไอ้แนทระหว่างนั่งรถไปบ้านผม
   “ก็มาสิจะเป็นไรวะ แฟนเพื่อนจะมาใครจะว่าทำยังกับเราไม่รู้จักมัน” ผมหันไปมองหน้ามันเพราะสงสัยว่ามันทำไมถามแบบนี้
   “ก็มันกลัวแกยังเคื่องเรื่องไอ้น้องแจ็คอะไรนั่นไง” แนทอธิบาย
   “โหย แม่งคิดมากวะไม่เกี่ยวกับมันเลย บอกมันมาเลยไม่มาเราจะขัดขวางไม่ให้แกคบกันนะโว้ย” ผมแกล้งขู่มัน   ผมมาส่งแนทที่บ้านเพื่อให้มันเตรียมสถานที่ส่วนผมกับต้อมก็ออกไปซื้อของที่จะฉลองกันคืนนี้ น้าผมไม่กลับบ้านเช่นเคยถ้าพวกผมมากันครบทีมแกบอกขี้เกลียดดูพวกผมเมา ผมกับต้อมไปเดินซื้อของที่คาร์ฟูร์กันมันใกล้บ้านที่สุด เราซื้อเหล้ามา 4 ขวด กะเมาเต็มที่ถ้าไม่พอค่อยซื้อร้านของชำแถวบ้านเพิ่มเอา แล้วซื้อขนมกับลูกชิ้นไปเยอะมากพวกผมเวลาฉลองกันจะเต็มที่อย่างนี้เสมอละครับ แต่ไม่มีการเลี้ยงนะครับแชร์กันตลอดจะได้กินกันอย่างสบายใจ ก่อนกลับผมยังแวะไปหยิบพวกเครื่องดืมแก้แฮงค์เหล้าติดมาด้วย เผื่อตอนเช้าตื่นมาจะได้มีกินเลยไม่ต้องหาซื้ออีกเตรียมพร้อมไหมละครับ   พอกลับมาถึงบ้านพวกเพื่อนผมก็มากันพร้อมหน้าหมดแล้ว ไอ้แนทบอกว่าไอ้วินกำลังมาเดี๋ยวคงถึง พวกผมก็นั่งกินกันก่อนเลยต้อมนั่งกอดผมอยู่ข้างหลังผมเป็นลูกลิงเลย แต่พวกเพื่อนผมชินแหละมันนั่งแบบนี้ทุกครั้งเวลากินเหล้าด้วยกัน บางครั้งมันเมาหลับเอาคางเกยไหล่ผมไว้อย่างนั้นมันยังทำได้เลยแล้วผมก็ไม่ได้รำคาญด้วย สักพักวินก็มาถึงก็มานั่งข้างแนทเลย ทีนี้ถึงคราวผมบ้างแล้วที่จะมีเรื่องแซวมันปล่อยให้มันแซวผมมานานแหละ แต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าผมกับต้อมโดนวินลุมยิงคำถามมากมาย มันบอกทีแรกมันไม่เชื่อเลยนะที่มีข่าวว่าผมกับต้อมเป็นแฟนกัน แถมยังบอกว่าผมกับต้อมใจกล้ามากไม่ปิดบังแถมยังรักกันมากอีกต่างหาก เราสองคนก็ได้แต่ยิ้มๆแหละครับก็ทำไงได้คนมันรักไปแล้วจะให้ทำยังไงละครับ
   “ก๊อก ๆ  ๆ “ เสียงเคาะประตูหน้าบ้าน แต่ใครมานะป่านนี้ หรือว่าคนมาหาน้าผม ผมเลยลุกขึ้นไปเปิดประตู
   พอเปิดประตูผมก็ตกใจมากเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็นแจ็ค มันรู้จักบ้านผมได้ยังไงกันเนี่ยแล้วมันมาหาผมทำไม ผมคิดว่ามันจะตัดใจแล้วนะจากการที่ผมไม่ได้เจอมันเป็นเดือนๆ แล้วก็ไม่เห็นมันจะมาที่ซุ้มด้วยเหมือนกัน พอผมเห็นว่าเป็นแจ็คผมก็จะหันกลับมาเรียกวินเพราะตอนนั้นไม่อยากให้มันเจอกับต้อม แต่มันกลับดึงผมออกไปนอกบ้านซะก่อน
   “พี่นัทพี่หลบหน้าผมทำไมกัน ผมคิดถึงพี่มากๆเลยนะครับ” แจ็คเข้ามากอดผมทันที พอผมตั้งสติได้ก็พยายามแกะมือมันออกเพราะตอนนี้อยู่หน้าบ้านคนเดินผ่านเยอะ และกลัวต้อมจะมาเห็นด้วย แต่แจ็คกลับยิ่งกอดผมแน่นมากขึ้น
   “พี่นัทอย่าหลบหน้าผมอีกนะครับ พี่จะให้ผมทำยังไงผมก็ยอมแค่ผมเจอหน้าพี่ก็พอแล้ว” มันยังพูดต่อทั้งที่กอดผมไว้แต่คราวนี้เสียงแจ็คเริ่มสั่นๆเหมือนคนร้องไห้
   “แจ็คปล่อยพี่ก่อนนะ แล้วเราค่อยคุยกัน” ผมยังพยายามแกะมือแจ็คออก แต่มันกอดแน่นมากจริงๆ แล้วผมก็รู้สึกว่ามีอีกมือมาช่วยผมแกะมือแจ็คออกจากข้างหลัง ผมหันไปมองเป็นต้อมนี่เองคงออกมาเพราะเห็นผมออกมานานแน่ๆ แจ็คมันก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยตอนนี้ตามันแดงเพราะร้องไห้แน่ๆ
   “ปล่อยมือเถอะน้อง อย่ามายุ่งกับแฟนพี่” ต้อมทำเสียงเข้มใส่แจ็ค คราวนี้น่าแปลกแหะมาแบบใจเย็นถ้าเป็นเมื่อก่อนนะผมว่าต้อมมันคงชกแจ็คไปแล้ว
   ต้อมแกะมือแจ็คออกจนได้แล้วดึงผมเข้าไปกอดแทน นี่หน้าบ้านนะครับผมโดนผู้ชายแย่งกันกอดไปกอดมาคนแถวนั้นก็เริ่มมองเข้ามาแล้ว แต่บรรยากาศตรงหน้าผมน่ากังวลมากกว่าเรียกว่าเกิดหลุมดำก็ว่าได้เลยตอนนั้น ต้อมยืนจ้องหน้ากับแจ็คจ้องตากันเขม็งเชียวผมก็ได้แต่เอามือบีบมือต้อมไว้ให้ใจเย็นๆ
   “พี่ว่าเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วนี่นะ พี่นึกว่าน้องจะเข้าใจแล้วซะอีก” ต้อมเปิดฉากพูกขึ้นมาก่อน
   “ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกพี่หรอก แต่ผมเข้าใจอย่างผมชอบพี่นัทก็เท่านั้นเอง” เออมันพูดง่ายดีนะไม่เข้าใจคนอื่นเอาแต่เรื่องตัวเอง สมเป็นลูกคุณหนูจริงๆ แล้วตอนนี้ต้อมก็เริ่มจะทำหน้ายุ่งแล้ว
   “แจ็คพี่ว่าเรากลับไปดีกว่านะ เพราะยังไงพี่ก็คงคิดกับเราแบบนั้นไม่ได้ พี่รักแฟนของพี่พี่ไม่ได้รักเรา” ผมบอกให้แจ็คตัดใจเรื่องของผม
   แจ็คกลับยืนเฉยๆอยู่ตรงนั้นแต่ตอนนี้ผมต้องเป็นฝ่ายกอดต้อมไว้บ้างแล้ว เพราะผมรู้ว่ามันเริ่มจะหมดความอดทนแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้ จนพวกไอ้ตี๋ออกมาดูเพราะคงเห็นพวกผมหายออกมากันนานมากแล้ว ไอ้วินหน้าเสียทันทีที่เห็นแจ็คอยู่ตรงนั้นมันก็วิ่งไปที่แจ็คทันที
   “แจ็คมึงมาที่นี่ได้ไงวะ อย่าบอกนะว่าแอบตามพี่มา” วินดึงแขนมันให้หันมามองมัน แจ็คก็พยักหน้าแทนคำตอบ ผมเห็นวินทำหน้าไม่ดีเอาเลยตอนนี้ มันคงคิดว่ามันเอาปัญหามาให้ผมอีกแล้วแน่ๆ
   “นัทเราขอโทษนะ งั้นเรากลับเลยแล้วกัน” วินดึงแขนแจ็คให้ตามไป แต่แจ็คมันไม่ยอมเดินตามไป
   “วินเดี๋ยวก็ได้ เราอยากเครียให้มันรู้เรื่องกันไปเลยวันนี้ ไหนๆแกก็อยู่ด้วยแล้ว” ผมหันไปมองหน้าต้อมซึ่งตอนนี้คงอดทนเต็มที่ผมเห็นเหมือนมันยืนกัดฟันไว้เลย
   “แจ็คจะให้พี่พูดอีกกี่ครั้งก็เหมือนเดิมนะ พี่รักแฟนของพี่ก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เราและพี่ก็จะไม่เปลี่ยนใจด้วย ที่เรามาชอบพี่พี่ก็ไม่ว่านะแต่มันเป็นไปไม่ได้เราต้องเข้าใจในจุดนี้ด้วย ถึงเราจะดื้อไปยังไงมันก็เหมือนเดิมมีแต่จะทำให้เกิดปัญหาเปล่าๆ” ผมตั้งใจมองหน้าแจ็คอยากให้มันเข้าใจจริงๆ
   “พี่คิดว่าถ้าเราชอบพี่จริงก็คงไม่อยากให้พี่กลุ้มใจไม่ใช่หรอ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นก็แสดงว่าเราไม่ได้ชอบพี่จริง แล้วอีกอย่างถ้าเราเลิกทำแบบนี้พี่คิดว่าเราก็อาจยังเป็นพี่น้องกันได้นะ พี่ต้อมเขาก็ไม่ใช่คนใจแคบถ้าเป็นพี่น้องกันไม่มีอะไรมากมายมันก็ไม่มีปัญหา” ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะสงสารแจ็คมันเหมือนกันครับ แต่ก็ให้เป็นได้แค่น้องนะครับ
   “แต่ว่าผม...” แจ็คไม่ยอมพูดต่อ
   “พี่ว่าคราวนี้มันอยู่ที่แล้วจะตัดสินใจเองนะ ถ้าเป็นพี่น้องกันเราก็คงเจอกันบ้าง แต่ถ้าไม่พี่ก็คงจะไม่เจอเราอีกแล้ว พี่ก็บอกเราได้แค่นี้แหละ” ตอนนี้ทุกคนเงียบไปหมดเหมือนลุ้นว่ามันจะตอบว่ายังไง
   “งั้นถ้าผมขอเป็นน้องพี่ แล้วพี่ต้อมเขาจะยอมหรอครับ” ตอนนี้ทุกคนหันไปมองหน้าต้อมพร้อมกันเลย
   ต้อมนิ่งสักพัก “ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ห้ามมาเกาะแกะพี่นัทอีกนะโว้ย” แฟนผมมันก็ใจกว้างเหมือนกันนะนี่ ต้องให้ได้อย่างนี้สิแมนโคตรๆ
   “ขอบคุณครับ งั้นผมขอกอดหน่อยนะ” แจ็คมันยิ้มแล้วจะเดินเข้ามากอดผม ต้อมดึงผมไปหลบข้างหลังทันที
   “กอดพี่แทนแล้วกันนะน้อง พูดไม่ทันขาดคำมันจะกอดอีกแล้ว” ต้อมทำเสียงเข้ม ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มยิ้มได้แล้ว
   พอตกลงกันได้พวกเราก็เลยเข้าไปนั่งกินกันต่อโดยมีแจ็คร่วมวงด้วยทีนี้ ผมเลยไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่เพราะมันกินไม่ถนัดจริงๆต้องคอยระแวงไอ้น้องแจ็ค ต้อมก็เลยไม่ค่อยได้กินด้วยเหมือนกันเพราะคอยนั่งกันผมเหมือนกัน เรากินกันจนดึกจนพวกมันเมาหลับกันหมดแล้ว ตกลงคืนนี้พวกมันนอนข้างล่างกันหมดทุกคนเลย ผมเห็นทุกคนหลับแล้วเลยขึ้นไปอาบน้ำเพราะคิดจะเข้านอนบ้างเหมือนกัน
   “ทำไมแฟนผมถึงเนื้อหอมแบบนี้นะ” ต้อมเข้ามากอดผมข้างหลังแล้วหอมแก้มผม
   “หอมอะไรเหม็นจะตาย น้ำยังไม่ได้อาบเลย”
   “ไม่หอมได้ไง มีแต่คนมาชอบเมื่อก่อนไอ้หนุ่ยตอนนี้ยังมีไอ้แจ็คอีกคน แล้วจะมีอีกไหมเนี่ย” มันก็หอมแก้มผมอีกข้าง
   “บ้าแหละ ถึงยังไงพี่ก็ชอบน้องดำคนเดียวนะ พี่รักต้อมนะ” ผมเงยหน้าแล้วเอามือโน้มหัวต้อมมาจูบผม
   ต้อมตอบสนองต่อการจูบของผมด้วยการส่งผ่านสัมผัสกันทางลิ้น
   “ผมก็รักพี่นัทนะครับ รักมากด้วย รักจนผมคิดว่าถ้าผมไม่มีพี่ผมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ” ต้อมพูดเบาๆที่ข้างหูผมก่อนที่จะจับผมหันหน้าเข้าหามันแล้วจูบผมอีกครั้ง
   ต้อมดันผมไปที่เตียงจนผมล้มลงบนที่นอนแล้วก็ขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวผม แล้วค่อยๆถอดเสื้อผ้าผมและของตัวเองออกจนหมด แล้วเริ่มปฏิบัติการเพื่อเพิ่มความรักของเราสองคนแต่คืนนี้เราทำกันอย่างเงียบและเบาที่สุดเพราะกลัวเพื่อนๆข้างล่างจะได้ยิน โงกุนกับเบจิต้าต่อสู้เสมอกันครับคือทำได้คนละหนึ่งประตูเท่ากัน ผมบอกแล้วผมไม่ยอมเสียเปรียบนานหรอกเรื่องอย่างนี้
   “เฮ้ย ตื่นเลย ปล่อยให้เพื่อนนอนข้างล่างแล้วขึ้นมาทำอะไรกันสองคน สายแล้วนะโว้ย” ไอ้ตี๋ตะโกนอยู่หน้าประตู้ห้องผม ดีนะมันไม่ได้เข้ามาผมนอนกอดกับต้อมอยู่ด้วย
   ผมรีบอาบน้ำแล้วลงมาข้างล่างพวกมันตื่นกันหมดแล้ว เก็บของเรียบร้อยหมดแล้วอีกต่างหากรู้งานกันจริงๆเลยเพื่อนผม แต่ปกติก็ทำกันแบบนี้อยู่แล้วเพราะไม่งั้นคนอยู่ต้องเก็บคนเดียวเดี๋ยวต่อไปเขาก็คงไม่ให้มาอีกพวกเราคิดกันแบบนี้ วินกับแจ็คก็ยังไม่กลับสงสัยพวกมันมีโปรแกรมอะไรต่อแน่ๆ
   “เมื่อคืนทำไรกันก็ไม่ต้องทิ้งหลักฐานไว้ก็ได้” อยู่ๆไอ้ตี๋ก็ทันมาบอกผม ผมหันหน้าไปมองต้อมแต่เห็นมันยิ้มหน้าบานให้ผมเลย ผมเลยรีบเข้าห้องน้ำไปสำรวจตัวเองทันที มันเอาอีกแล้วมันทำรอยฝากไว้ที่คอผมอีกแล้วครับ ผมเลยเดินออกมาเขกหัวมันไปทีนึงครับ มันยังหัวเราะชอบใจอีกแหนะ
   “เออ พวกชั้นว่าจะไปเที่ยวเขาดินกันหน่อยวะ อยู่ๆมันก็อยากไปขึ้นมา” ไอ้แนทบอกแผนการในวันนี้
   “จะไปสวีทกับวินนะสิแก อย่ามาอ้างว่าอยากไปเลย” ผมหันไปยิ้มล้อเลียนแนทกับวิน มันอายหน้าแดงเลย
   ตกลงเราก็เที่ยวกันยกเว้นไอ้ตี๋มันบอกว่าจะแวะไปหาแฟนหน่อย วันนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อยสุดเพราะติดกระดุมยันคอเสื้อเลยครับ ปิดร่องรอยของต้อมไว้หน่อย ตอนไปแจ็คมันวิ่งมาขึ้นรถผมกับต้อมผมไล่มันมันก็บอกว่าน้องจะนั่งไปกับพี่ไม่ได้หรออีก ต้องยอมมันสิครับแบบนี้ โชคดีหน่อยที่หนุ่ยเข้ามาช่วยหนุ่ยเลยขับรถให้แล้วให้แจ็คนั่งหน้าคู่กับมัน ผมนั่งหลังกับต้อมปรากฏว่ารถนี้ทั้งคันคู่กรณีผมหมดเลยว่างั้น
   พอมาถึงเขาดินแนทกับวินดูจะสนุกมากกว่าใครเลย ผมนะหรอจะว่ายังไงดีละครับสงสารต้อมมากกว่าดูจะเหนื่อยกว่าปกติต้องกันแจ็คตลอดเวลา บางทีมันก็กันหนุ่ยด้วยเหมือนกันผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันก็ยังไม่ค่อยไว้ใจหนุ่ยเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:49:26 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่13
ปิดเทอมคราวนี้ผมไม่ได้ลงเรียนซัมเมอร์เพราะอยากพักผ่อนบ้าง อีกอย่างผมก็ลงจนเหลือแค่ไม่กี่วิชาแล้วด้วยแล้วผมอยากกลับไปอยู่บ้านนานๆด้วยเพราะไม่ได้กลับบ้านเลย ช่วงก่อนเรียนซัมเมอร์ต้อมมาอยู่กับผมที่บ้านต่างจังหวัดแต่พอซัมเมอร์แล้วต้อมกลับไปเรียนคนเดียว ทีแรกต้อมจะไม่ลงเรียนแล้วแต่ผมไม่ยอมเพราะอยากให้ต้อมเรียนไม่เครียดช่วงการเรียนปกติ วิชาเรียนจะได้น้อยลงต้องบังคับกันตั้งนานกว่าจะยอมเรียน
   “พี่นัทคราบบบ ผมถึงบ้านแล้วนะครับ” ต้อมโทรมาบอกเมื่อถึงบ้านที่กรุงเทพ
   “ผมคิดถึงพี่นัทจังเลยตอนขับรถมา ไม่พี่นัทนั่งมาด้วยเหงามากเลย” มาถึงก็อ้อนเลยนะแฟนผม
   “เวอร์แหละเรานะ เพิ่งห่างกันแค่ 2 ชั่วโมงเอง ทำอย่างกับเป็นปี”
   “โหย ก็ผมคิดถึงพี่นัทจริงๆนี่ครับ พี่นัทคิดถึงผมไหมคราบบบ” มันยังอ้อนไม่เลิกอีก
   “คิดถึงสิ คิดถึงมากๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดเลย” ผมหยอดคำหวานกลับไปบ้าง
   “ชื่นใจแหละทีนี้ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเข้าบ้านก่อน” แล้วต้อมก็วางสายไป
   ผมคุยกับต้อมเกือบตลอดเวลาที่ต้อมว่างจากเรียนและก่อนเข้านอน ผมคิดว่าแม่ผมคงจะผิดสังเกตที่ว่าพี่น้องกันทำไมคุยกันตลอดเวลา และบางครั้งผมก็เผลอพูดหวานๆกับต้อมต่อหน้าแม่หลายครั้งจนแม่เข้ามาหาผมในห้องตอนที่ผมกำลังคุยกับต้อมอยู่ แม่เข้ามาถามว่าตกลงผมกับต้อมคบกันแบบไหนกันแน่ผมก็บอกไปว่าแบบพี่น้อง แต่เหมือนแม่ไม่เชื่อแม่บอกว่าอยากให้พูดความจริงกับแม่ แม่รับได้ทุกอย่างยังไงผมก็เป็นลูกแม่เพียงแต่ไม่อยากให้ผมปิดบังอะไรกับที่บ้านเท่านั้นเอง ผมเลยต้องบอกว่าเราคบกันอยู่จะสองปีแล้ว แม่ยังบอกว่าคิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้เพราะเห็นต้อมมากับผมตลอดเวลา
   แม่บอกว่าไม่คิดจะว่าอะไรแต่แรกอยู่แล้วเพราะมันเรื่องส่วนตัวของผม แค่ผมเรียนจบมีงานทำทำให้พ่อแม่สบายใจแค่นั้นก็พอแล้วแม่ยังบอกอีกว่าจริงๆคนที่ให้มาถามคือพ่อต่างหาก แม่บอกพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่บ่นว่าคงไม่มีหลานให้อุ้มแล้วมั้ง ปกติที่บ้านผมจะเลี้ยงมาแบบให้เป็นตัวของตัวเองแต่ไม่กร้าวร้าวผู้ใหญ่ ถ้าสิ่งที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใครก็ไม่เคยจะว่ากันเลยเพียงแต่ขอให้คุยกันเท่านั้นเอง แล้วแม่ยังขอคุยกับต้อมอีกด้วย
   ผมถามแม่ว่าคุยอะไรกับต้อมบ้าง แม่ก็บอกว่าถามมันว่าคิดกับผมยังไงแม่ต้องการรู้ความจริง มันบอกแม่ว่ามันรักผมมากแล้วมันยังบอกอีกว่าถ้าแม่ผมห้ามผมคบกับมันมันจะแอบพาผมหนีพ่อกับแม่ผมไปอีกต่างหาก มันคิดได้ยังไงเนี่ยแม่ผมยังขำเลยตอนที่เล่าให้ฟัง แต่พอได้บอกที่บ้านไปแล้วผมก็สบายใจขึ้นเพราะไม่ได้ปกปิดใครอีกแล้ว พ่อผมก็ไม่ได้ว่าอะไรทำตัวเหมือนเดิม แถมยังบอกว่าคงต้องไปขอลูกพี่ชายผมมาให้เป็นลูกผมแทนแล้วมั้งเพราะผมคงไม่มีลูก คิดไปถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้ที่บ้านผม
   “ครืน ครืน” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่เช้า
   “สาหวัดดดีคราบ” ผมงัวเงียพูดสาย
   “พี่นัทเกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่” เสียงหนุ่ยตื่นเต้นมาก จนผมต้องรีบตั้งสติทันที
   “ว่าไง เกิดอะไรขึ้นหรือไง เสียงตื่นเต้นเชียว” ผมรีบถามกับ
   “ไอ้ต้อมพี่ ไอ้ต้อมมัน...” แล้วหนุ่ยก็เงียบไปแต่ใจผมเต้นไปหมดแล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับต้อมกันแน่
   “ต้อมมันขับรถชนพี่ ตอนนี้ยังอยู่ ICU อยู่เลย” หนุ่ยพูดต่อ แต่ใจผมตอนนี้มันเหมือนหายไปเลยครับ มันร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ผมเป็นห่วงต้อมมาก
   “มันเกิดขึ้นได้ไง แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่จะรีบไป”
   ผมถามรายละเอียดเรื่องโรงพยาบาลเสร็จก็เก็บของอย่างรวดเร็ว แล้วบอกที่บ้านว่าต้อมเกิดอุบัติเหตุจะรีบกลับไปดู ทีแรกที่บ้านผมจะขับรถมาส่งแต่ผมขอมารถทัวร์เองดีกว่าไม่อยากให้ที่บ้านลำบาก แล้วทำไมต้อมถึงขับรถชนได้นะเพราะปกติต้อมจะเป็นคนที่ขับรถไม่เร็วมาก พอผมถามถึงเรื่องนี้หนุ่ยก็บอกว่าถึงแล้วค่อยเล่าให้ฟังยิ่งทำให้ผมคิดมากไปอีก ห่วงต้อมมากว่ามันจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าตอนนี้ใจผมมันไปถึงโรงพยาบาลแล้ว
   “หนุ่ยต้อมเป็นยังไงบ้าง” ผมถามหนุ่ยที่ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้วตอนนี้ แล้วหันไปไหว้พ่อกับแม่ต้อมที่นั่งอยู่แถวนั้นด้วย เห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มาทุกคนมีสีหน้าที่เครียดกันทุกคนเลย
   ก่อนที่ผมจะถามว่าหนุ่ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่กับพ่อหนุ่ยก็เรียกผมให้ไปคุยด้วย หนุ่ยกับไอ้ตี๋ไอ้แนททำหน้ากังวลมากขึ้นไปอีก มันมีเรื่องอะไรกันแน่นะ
   “นัทแม่กับพ่อรู้แล้วนะว่าเรากับต้อมคบกันแบบไหนอยู่” แม่ต้อมหันมาคุยกับผมเมื่อเราเดินหลบมุมออกมาแล้ว
   “แม่ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม่ไม่อยากให้เราคบกันแบบนี้เลยนะ” พอผมได้ยินใจผมมันเต้นแรงมากแสดงว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นต้องเป็นเพราะผมแน่ๆ
   “แต่แม่ครับเราจริงใจต่อกันนะครับ” ผมยืนยันความจริงใจของผม
   “ต้อมก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แต่แม่ว่าเราอย่ามายุ่งกับลูกแม่อีกได้ไหม” ตอนนี้ผมเหมือนโดนคนเอามีดมาแทงที่หัวใจผมทันทีเลยครับ มันรู้สึกว่ามันแปล๊บจากหัวใจวิ่งไปทั่วตัวผมเลย มันชาไปหมดทั้งตัว
   “แต่แม่ครับ ผมรักต้อมจริงๆนะครับ เรารักกันด้วยความบริสุทธิใจไม่ใช่แฟชั่นหรือเรื่องอื่นเลยนะครับ” ผมพยายามอธิบาย
   “แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ต้อมเป็นลูกชายแม่แม่ต้องการให้เขาไปในทางที่ถูกที่ควร ถ้านัทรักลูกของแม่จริงนัทก็เชื่อแม่เถอะนะ นัทอย่ามายุ่งกับต้อมอีกเลยถือว่าแม่ขอแล้วกันนะ”
“พอต้อมหายดีแล้วแม่จะส่งเขาไปอยู่เมืองนอกกับป้าเขาทันที” แล้วแม่กับพ่อต้อมก็เดินออกมาปล่อยผมไว้คนเดียว
   ตอนนี้ผมรู้สึกไม่มีเรียวแรงอีกต่อไปแล้วครับ ที่อยู่ๆผมต้องมาเสียคนที่ผมรักที่สุดไปทั้งๆที่เขายังนอนเจ็บไม่ได้สติอยู่แบบนี้ ผมทรุดนั่งลงตรงนั้นแบบนั้นเลย เพราะผมไม่ต้องสนใจใครอีกต่อไปแล้วผมโดนกีดกันจากความรักที่ผมมีให้อย่างมากเหลือล้น ใจมันจะระเบิดออกมาให้ได้แต่ว่าทำไมน้ำตามันไม่ไหลออกมา ทุกอย่างมันอัดอั้นไปหมดสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำยังไงดี
   พวกไอ้ตี๋วิ่งเข้ามาหาตอนไหนผมไม่รู้เลย แต่พอมันเห็นสภาพผมมันก็วิ่งเข้ามากอดผมไว้ตอนนั้นแหละครับไม่รู้น้ำตามันไหลมาจากไหน มันไหลออกมาจนผมไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองได้อีกต่อไป มันเป็นความอัดอั้นทั้งหมดที่ผมมีกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมร้องไห้จนตัวผมสั่นเทาไปหมดเหมือนว่าน้ำตามันพาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากตัวผมรวมทั้งความสุขที่ผมมีอยู่ด้วย
   “ฮือ... เขาไม่ ไม่ ไม่ให้ เราเจอต้อมอีกแล้ว” ผมพูดทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของไอ้ตี๋ ไอ้แนทก็ยืนร้องไปกับผมด้วย ผมเห็นหนุ่ยวิ่งกลับไปคุยกับพ่อแม่ต้อม
   “ไม่เป็นไรเพื่อน เดี๋ยวมันต้องมีทางออก” ไอ้ตี๋เอามือมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
   แต่ผมก็ยังทนไม่ได้อยู่ดีใจผมมันไม่ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย มันร่ำร้องบอกว่านี่มันใช่ความผิดของพวกเราด้วยหรอที่เราจะรักกัน ความรักไหนใครบอกว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงานไม่ใช่หรอแล้วทีนี้ทำไมถึงไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นมาละ หรือแค่เพราะเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เราก็รักกันไปแล้วแล้วทีนี้จะให้เราทำอย่างไรอีก
   ผมนั่งร้องไห้โดยไม่แคร์สายตาใครอีกแล้วตอนนี้ เพราะมันจะมีประโยชน์อะไรเมื่อต่อไปนี้ผมก็จะไม่มีต้อมมาอยู่ข้างๆผมอีกแล้ว ใจผมตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นรูโหว่ที่ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผมคิดว่าผมไม่มีหัวใจซะยังจะดีกว่า ผมร้องไห้จนไม่มีน้ำตาออกมาแล้วตอนนี้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทช่วยกันพยุงผมไว้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้นแล้วผมบอกแล้วมันชาไปทั้งตัวแหละหัวใจ
   พวกตี๋พาผมกลับมาที่บ้านผมนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะผมยังไม่อยากที่จะพูดกับใครทั้งนั้น ผมอยากอยู่คนเดียวอยากอยู่ให้ไกลผู้คนให้มากที่สุด ไม่อยากเห็นหรือไม่อยากได้ยินเรื่องอะไรอีกต่อไปอีกแล้วก็ใจผมมันมลายไปหมดแล้ว
   “พี่นัท พี่นัท พูดอะไรบ้างสิครับพี่” หนุ่ยเขย่าแขนผมเมื่อพาผมมานั่งโซฟาในบ้าน
   พอผมมองไปรอบๆบ้านน้ำตาผมมันก็ไหลออกมาอีก ผมคิดถึงต้อมมากเลยตอนนี้ผมเห็นภาพต้อมที่นั่งเล่นกับผมในห้องนี้โซฟาตัวนี้ นั่งกินข้าวกันที่โต๊ะกินข้าวกัน เรานอนตักดูหนังด้วยกันหัวเราะด้วยกัน ทะเลาะกันงอนกันในบ้านหลังนี้ แต่ว่าต่อไปจะไม่มีอีกแล้วจะเหลือผมแค่คนเดียว
   หนุ่ยกอดผมไว้แต่ผมก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ตอนนี้ถ้าใครจะเอาผมไปต้มยำทำแกงยังไงผมก็คงไม่ขัดขืนเขาแน่นอน
   “พี่นัท พี่นัทอย่าเป็นแบบนี้สิพี่ ผมทนไม่ได้ที่เห็นพี่เป็นแบบนี้” หนุ่ยเสียงสั่นเครือบ้างแล้ว
   “พี่นัทครับ พี่อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้สิครับพี่ พูดอะไรกับพวกผมบ้าง” หนุ่ยมองหน้าผมแล้วน้ำตาไหลออกมา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดที่จะอยากพูดกับใครหรอกครับ แล้วผมเห็นมันลุกขึ้นไปเอามือชกกำแพงบ้านจนไอ้ตี๋ต้องวิ่งไปห้ามมันไว้
   ผมนั่งอยู่ที่โซฟาแบบนั้นไม่ขยับไปไหนไม่พูดไม่คุยกับใครเหมือนกัน แม้แต่ข้าวน้ำผมก็ยังไม่ได้แตะต้องเลยแม้พวกมันจะพยายามให้ผมพูดหรือกินขนาดไหนก็ตาม ความรู้สึกที่ชาจากหัวใจมันมีแต่เพิ่มมากขึ้นๆไปเรื่อยๆ จนผมไม่รู้สึกตัวไป
   ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนสายๆของอีกวันแล้ว หนุ่ยนั่งหลับโดยที่ยังกุมมือผมไว้ผมสังเกตเห็นแผลที่มือหนุ่ยคงเกิดจากที่มันต่อยกำแพงเมื่อวาน ไอ้ตี๋กับไอ้แนทนอนอยู่ที่กลางบ้าน ผมค่อยๆเอามือออกเพราะกลัวหนุ่ยจะตื่น
   “พี่นัทตื่นแล้วหรอครับ” หนุ่ยตื่นมาจนได้ ผมคิดว่าผมคงต้องตอบอะไรมันบ้างแล้ว เพราะไม่อยากให้ใครมากลุ้มใจกับผมอีกแค่นี้ก็ทำทุกคนแย่พอแล้ว
   “อืม” แต่ผมก็คิดได้แค่นี้จริงๆ ผมคิดว่ามันก็ดีกว่าที่เงียบอย่างเดียว
   “เดี๋ยวพี่นัทกินโจ๊กหน่อยนะครับ ผมซื้อมาเมื่อเช้าเห็นพี่นัทไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” แล้วมันก็ลุกเดินเข้าไปในครัวตอนนี้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็ตื่นแล้ว
   “กินหน่อยก็ยังดีนะครับ” หนุ่ยส่งชามโจ๊กที่ไปอุ่นมาให้ผม ผมคงต้องกินสักคำสองคำก็ยังดีพวกมันจะได้ไม่ต้องห่วงผมมาก แต่พอผมตักเข้าปากเท่านั้นแหละครับร่างกายมันก็ต่อต้านขึ้นมาทันที จนผมต้องวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำโดยมีพวกเพื่อนๆผมวิ่งตามมาด้วย
   ผมกินได้แต่น้ำแล้วก็ขอพวกมันพักผ่อนขออยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก บ่ายๆหนุ่ยกลับไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการต้อม ส่วนไอ้ตี๋กลับบ้านไปเอาของบอกว่าจะมานอนเป็นเพื่อนผมก่อนเพราะน้าผมไม่อยู่ไปเมืองนอกพอดีช่วงนี้ ไอ้แนทยัง อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนเดี๋ยวกลับตอนที่ไอ้ตี๋มา
   วันนี้ทั้งวันผมนอนอยู่บนที่นอนในห้องคนเดียวนอนกอดหมอนที่ต้อมใช้นอน เพื่อให้ได้กลิ่นที่อบอุ่นและคุ้นเคยของต้อมเพียงเท่านี้ก็พอทำให้ผมมีพลังขึ้นมาบ้าง แม้มันจะดูเป็นการหลอกตัวเองก็ตาม จนตอนเย็นหนุ่ยเข้ามาหาที่ห้องเล่าเรื่องต้อมให้ฟังว่าผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ฟื้นเลย เพ้อเรียกชื่อผมตลอดเวลาเลยผมได้ตรงนี้น้ำตามันก็ไม่รู้มาจากไหนอีกแล้วไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ผมไม่อยากให้ต้อมต้องมาเจ็บปวดแบบผมเลยสำหรับผมเจ็บกายมันยังจะดีซะกว่าที่เจ็บภายในใจแบบนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:50:22 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่14
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ต้อมยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยหลังจากผ่าตัดเสร็จ ผมก็ยังเหมือนเดิมยังซึมเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พยายามช่วยตัวเองให้ได้เยอะขึ้นเพราะผมไม่อยากให้เพื่อนผมต้องมาทุกข์เพราะผมอีกแล้ว เรื่องของต้อมตอนนี้ก็ได้หนุ่ยคอยมาเล่าให้ผมฟังทุกวันคงมีเรื่องนี้อีกเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมอยากรู้ตอนนี้
   “พี่นัทไอ้ต้อมมันฟื้นแล้วนะ” หนุ่ยโทรมาบอก
   “แล้วต้อมเป็นยังไงบ้าง” ผมรีบถามทันที
   “มันแย่มากเลยพี่ มันเรียกหาพี่คนเดียวเลยตอนนี้ มันไม่ยอมให้ใครทำอะไรให้มันทั้งนั่นเลยพี่” เสียงหนุ่ยเป็นกังวลมาก
   “แล้วจะให้พี่ทำยังไงละหนุ่ยในเมื่อพ่อแม่เขาก็ไม่ให้พี่เข้าไปอยู่แล้ว พี่อยากเห็นหน้าต้อมมากแค่ไหนหนุ่ยเข้าใจพี่ใช่ไหม” ผมน้ำตาไหลออกมามันกลั้นไว้ไม่ได้จริงๆ
   “พี่ฝากเราดูต้อมแทนพี่ด้วยนะ” แล้วผมก็วางสายไป ผมยังนั่งร้องไห้ต่อเพราะคิดถึงต้อมที่เรียกหาผมอยู่ที่โรงพยาบาล
   นี่ก็สามวันแล้วที่ต้อมฟื้นขึ้นมาแต่หนุ่ยบอกว่าต้อมยังไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะเจอผม และไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ด้วยแม้แต่หนุ่ยเองก็ตาม ทำให้กลัวว่าต้อมจะอาการทรุดลงไปอีกแต่ผมก็ได้แต่นั่งอยู่ที่บ้านเท่านั้นเอง ทำไมมันทรมานมากขนาดนี้ก็ไม่รู้ ผมเลยคิดที่จะกลับบ้านอย่างน้อยพ่อกับแม่ก็มีความอบอุ่นที่บริสุทธิ์ให้กับผมเช่นกัน
   “พี่นัท พี่รีบมากับผมเร็วเราต้องรีบไปโรงพยาบาล” หนุ่ยวิ่งมาดึงแขนผมขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน แล้ววิ่งดึงผมไปที่รถที่จอดอยู่
   “เกิดอะไรขึ้น แล้วให้พี่ไปโรงพยาบาลทำไม มีเรื่องอะไรกันแน่” ผมถามเห็นหนุ่ยยังทำหน้าเครียดขับรถเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
   “หนุ่ย บอกพี่มาเกิดอะไรขึ้น” ผมถามอีกครั้ง
   “ไอ้ต้อมพี่ ไอ้ต้อมมันอาการทรุดลงกะทันหัน” หนุ่ยเสียงเป็นกังวลมาก
   “แล้วเรามาตามพี่ทำไม ในเมื่อพ่อกับแม่เขา” ผมไม่อยากพูดประโยคต่อไปออกมา
   “พ่อกับแม่มันนั่นแหละให้ผมมาตามพี่” หนุ่ยบอกแค่นี้แล้วเร่งรถขึ้นเร็วมาก
   เรามาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มาด้วยเหมือนกัน
   “นัทช่วยบอกต้อมให้ยอมรับการรักษาหน่อยนะลูก” แม่ต้อมวิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่เห็น
   “แม่ยอมเข้าใจแล้วขอแค่นัทช่วยพูดให้ต้อมรับการรักษาเท่านั้น ขอแค่ต้อมไม่เป็นไรก็พอแล้วทีนี้แม่จะไม่ว่าอะไรเขาอีกแล้ว” แม่ต้อมร้องไห้ออกมาคราวนี้ ท่าทางต้อมคงแย่มากแล้วแน่ๆผมละร้อนใจจริงๆตอนนี้
   “ครับแม่ ผมไม่ยอมให้ต้อมเป็นอะไรเหมือนกันครับ” ผมหันมาบอกแล้วรีบเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดเพราะผมต้องเข้าไปในห้องผ่าตัด
   พอผมเดินเข้ามาข้างในเห็นต้อมนอนหลับตาอยู่ที่เตียงผ่าตัด ต้อมมีผ้าพันแผลไว้รอบหัว หน้าดูซูบลงไปมากตามตัวก็มีบาดแผลแขนซ้ายเข้าเฝือกเอาไว้ แล้วเพ้อเรียกชื่อผมอยู่ตลอดทำไงดีน้ำตาผมจะไหลออกมาอีกแล้วแต่ไม่ได้สิผมต้องกลั้นเอาไว้ไม่งั้นต้อมจะกังวลเมื่อเห็นผมร้องไห้ ผมต้องยิ้มเมื่อเข้าไปหาต้อมเมื่อผมตัดสินใจได้แล้วก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาต้อม
   เมื่อผมมาถึงเตียงผมจับมือต้อมไว้อย่างแผ่วเบา
   “ต้อมพี่มาแล้วนะ พี่มาหาเราแล้ว” ผมพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้
   “พี่นัทมาแล้วหรอครับ พี่นัทกลับมาหาผมแล้ว” ต้อมลืมตาขึ้นมาพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบามาก
   “พี่นัทอย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะ ผมจะไม่ยอมเลิกกับพี่นัทแน่นอน” ต้อมน้ำตาไหลออกมา
   “พี่จะไม่ยอมทิ้งเราไปไหนอีกแล้วคราวนี้ พี่สัญญา” ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วตอนนี้
   “พี่นัทอย่าร้องไห้สิครับ” ต้อมเอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผม ผมต้องกลั้นเอาไว้
   “พี่ไม่ร้องแล้ว แต่เราต้องยอมรับการรักษานะ เราต้องเชื่อพี่นะ” ผมเช็ดน้ำตาให้ต้อม
   “พี่จะอยู่รอเราที่นี่จนกว่าเราจะฟื้นอีกครั้ง ครั้งนี้พี่ไม่ยอมให้ใครมาแยกเราจากกันอีกแล้ว” ผมบอกกับต้อมแล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของต้อม
   “พี่สัญญาแล้วนะ” ต้อมยิ้มที่มุมปาก แล้วผมก็ออกมาพยาบาลก็เอาเอกสารมาให้ผมเอาไปให้ต้อมเซ็นต์ เพื่อจะได้เริ่มการผ่าตัดทันที
   ระหว่างนั่งรอการผ่าตัดผมถามหนุ่ยว่าทำไมอยู่ต้อมถึงทรุดลงมากขนาดนี้ หนุ่ยบอกว่าเพราะมันเครียดมากเรื่องผมแล้วสมองมันกระทบกระเทือนตั้งแต่ตอนเกิดอุบัติเหตุ แล้วตั้งแต่ต้อมฟื้นมาก็ไม่ยอมรับการรักษาอะไรเลยทำให้อาการทางสมองมันทรุดลงอย่างรวดเร็ว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:51:13 โดย nataxiah »

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
โหว
ค่อยๆลงก็ได้ครับ
วันละตอนสองตอน

แต่ยังไงก็
 :pig4:

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่15
ต้อมได้รับการผ่าตัดทันพอดีหมอบอกว่าถ้าฟื้นคราวนี้อย่าให้เครียดอีกเพราะอาจกลับมาทรุดอีกครั้ง คราวนี้ผมเฝ้าต้อมตลอดพ่อแม่ต้อมก็ไม่ว่าอีกแล้ว นี่ก็วันที่สามแล้วต้อมยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยหนุ่ยไอ้ตี๋ไอ้แนทก็เวียนกันมาช่วยผมเฝ้าทุกวัน
   “หิวน้ำ ขอน้ำกินหน่อยครับ” เสียงต้อมดังขึ้นมา ผมรีบเอาน้ำให้ต้อมกินแล้วกดสัญญาณเรียกพยาบาลเข้ามาดู
   ระหว่างที่พยาบาลกำลังตรวจอาการหลังฟื้นของต้อมนั้นพวกเพื่อนผมก็มาถึงรวมทั้งหนุ่ยด้วย
   “หลับไปหลายวันเลยนะเพื่อน ฝันถึงกูบ้างไหมวะ” หนุ่ยทักต้อมหลังพยาบาลออกไปแล้ว
   “ไม่ได้ฝันถึงมึงเลยวะ กูฝันถึงใครก็ไม่รู้” แล้วต้อมก็หันมามองพวกผม มันทักไอ้ตี๋ไอ้แนท แล้วก็เงียบไป ผมว่ามันต้องคิดจะแกล้งจำผมไม่ได้แน่ๆเลย
   “อ่าวแล้วอีกคนจะเก็บไว้ทักคนเดียวหรือไง” หนุ่ยแซว ต้อมทำหน้างงแล้วหันมามองหน้าผม
   “กูรู้จักพี่เขาด้วยหรอ ทำไมกูจำไม่ได้วะ” ต้อมหันไปคุยกับหนุ่ย หนุ่ยเริ่มทำหน้าเครียดแล้ว
   “พี่นัทไง อย่าบอกนะว่ามึงจะพี่เขาไม่ได้” ต้อมมันก็พยักหน้า
   ตอนนี้ผมเหมือนโดนแทงรอบสองเลยครับคนที่บอกว่าตื่นมาจะไม่ยอมจากเราไปไหนกลับลืมเราแล้วซะงั้น ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของจันดีในหนังเรื่อง F4 เกาหลีก็ตอนนี้แหละครับว่ามันรู้สึกยังไง ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงข้างเตียงต้อมถึงผมจะเสียใจที่ต้อมลืมผมแต่ไม่เป็นไรต้อมยังอยู่ดีกว่าที่ต้อมตายจากผมไป พอผมคิดแบบนี้น้ำตามันก็ไหลออกมาอีกแล้วช่วงนี้ทำไมผมมันขี้แงจริงๆ
   “พี่อย่าร้องไห้สิครับ ผมเห็นพี่ร้องไห้แล้วใจผมไม่ดีเอาเสียเลย” ต้อมหันเอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผม แต่นั้นกลับทำให้ผมร้องไห้มากขึ้นไปอีก
   “พี่อย่าร้องไห้นะครับ ผมทำให้พี่เสียใจหรอครับ ผมขอโทษนะ” ต้อมยังมาปลอบผมอีก ผมเลยลุกเข้าไปห้องน้ำเพราะผมไม่อยากให้ต้อมมาเครียดอีก
   ผมกลับมาหลังจากที่ทำใจสักพักหนุ่ยไปตามหมอมาดูอาการต้อมแล้ว หมอบอกว่าจะจำได้ไม่ได้อีกครั้งอยู่ที่ตัวต้อมเองต้องใช้เวลา อะไรกันเนี่ยชีวิตกูไม่ใช่นางเอกF4นะโว้ย ทำไมมันเหมือนกันจังแต่ไม่เป็นไรทีตอนดูหนังเรายังเชียร์ให้นางเองสู้ๆอยู่เลย เราก็ต้องไม่ยอมแพ้บ้างสิผมคิดนะ
   “พี่กลับมาแล้วหรอครับ พี่อย่าร้องไห้อีกนะครับ” ต้อมหันมายิ้มให้ผม
   “อืม พี่สัญญา” ต้อมยังยิ้มให้ผมอยู่เลย นี่แหละที่ผมอยากเห็นรอยยิ้มของต้อมถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่แบบเดิมก็ตามแต่
   ผมคอยดูแลต้อมจนเย็นแม่ต้อมก็มาเฝ้าแทน ผมก็เลยกลับมานอนบ้านเพราะแม่เขาก็คงอยากดูแลและคุยกับลูกเขาส่วนตัวบ้าง
   “ครืน ครืน” เสียงโทรศัพท์ของผม เป็นเบอร์ของแม่ต้อม
   “สวัสดีครับ” ผมรีบรับทันทีกลัวว่าต้อมจะเป็นอำรอีก
   “นัทคุยกับต้อมหน่อยสิลูก เขาบอกว่าจะไม่นอนจนกว่าจะได้คุยกับพี่ที่มาดูแลเขาเมื่อกลางวัน แม่เลยคิดว่าต้องเป็นนัทแม่เลยโทรมา” แล้วแม่ก็ส่งโทรศัพท์ให้ต้อม
   “ว่าไงครับ ได้ข่าวว่าไม่ยอมนอนหรอไง”
   “มันนอนไม่หลับนี่ครับ มันอยากคุยกับพี่ก่อนนี่นา พรุ่งนี้พี่จะมาหาผมไหมครับ” ต้อมอ้อนเหมือนเด็กๆอีกแล้ว
   “ไปสิครับแต่ว่า เราต้องนอนเร็วๆนะเพราะพี่จะไปหาแต่เช้า จะได้เจอกันแต่เช้าเลยไง” ผมบอกไป
   “ครับ วันนี้ผมขอโทษนะครับที่ทำพี่ร้องไห้ ต่อไปผมจะไม่ลืมพี่อีกแล้วนะครับ” ต้อมทำเสียงเศร้า
   “งั้นนอนได้แล้วนะ ฝันดีนะครับ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเมื่อได้ยินแบบนี้ ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเพราะอย่างน้อยต้อมก็ไม่ได้ลืมความรู้สึกที่ผมเคยมีให้แก่ต้อม
   เช้านี้ผมตื่นแต่เช้าไปซื้อขนมที่ต้อมชอบมาเยอะแยะไปหมด พอผมมาถึงห้องต้อมก็นั่งรออยู่บนเตียงอยู่แล้วพอหันมาเห็นผมก็ยิ้มหน้าบานเชียว พอแม่ต้อมเห็นผมเข้ามาก็ลุกแล้วทำท่าทางบอกให้ดูแลต้อมด้วยแกจะกลับก่อน ผมก็ยกมือไหว้แกแล้วก็ออกไป
   “พี่นัทผมจำพี่ไม่ได้แต่ทำไมเวลาที่พี่ไม่อยู่แล้วผมรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย” ต้อมหันมามองหน้าผมที่เดินไปหาที่เตียงพอดี
   “พี่เป็นคนสำคัญของผมใช่ไหมครับ” ต้อมทำหน้าสงสัย
   “พี่สำคัญกับเราหรือเปล่าไม่รู้นะตอนนี้ แต่ว่าเรานะสำคัญกับพี่มากๆเลยเรารู้ตัวไหม” ผมเอามือไปจับหน้าต้อม ต้อมหน้าแดงขึ้นมาทันทีตอนนี้
   ผมดูแลต้อมทุกอย่างแม้กระทั่งเช็ดตัว ต้อมดูดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับตอนที่ก่อนผ่าตัด ต้อมดูจะนิสัยขี้อ้อนมากขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่กับผมแต่ก็ยังจำเรื่องเก่าๆของเราสองคนไม่ค่อยได้ แต่ความรู้สึกในใจของเราเท่านั้นที่ยังคงจะจำกันได้และคงจะไม่มีวันลืม
   ผ่านมาสองเดือนแล้วตั้งแต่ต้อมฟื้นมาแล้วลืมเรื่องของผม แต่ต้อมก็ไม่เคยห่างตัวผมเหมือนเดิมแต่คราวนี้ผมคิดว่ามันเหมือนกับเด็กที่หวงของมากกว่า เพราะผมกับต้อมตอนนี้ก็แค่ไปไหนด้วยกันโทรหากันนั่งซุ้มด้วยกันเท่านั้นเอง แต่แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้วผมได้ดูแลคนที่ผมรักทำทุกอย่างให้เขาก็พอแล้ว ต้อมก็จะคอยตามผมตลอดเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปไหนอีกทั้งที่มันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากทำแบบนี้ เวลาที่แจ็คเข้ามาหาหรือเกาะแกะกับผมต้อมก็จะทำหน้าไม่พอใจและงอนผมเสมอเลย นี่ก็คงเป็นจิตใต้สำนึกสินะครับ
ตอนนี้หนุ่ยจะเป็นคนที่คอยดูแลผมมากขึ้นเหมือนกัน หนุ่ยเป็นคนคอยรับส่งผมตอนนี้และคอยดูแลผมในเรื่องอื่นแทน เพราะผมมัวแต่ยุ่งกับต้อมมากกว่าผมอยากดูแลต้อมให้ดีกว่านี้ เพราะตอนต้อมเจ็บครั้งแรกผมไม่ได้ดูเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้ผมก็เห็นใจหนุ่ยเหมือนกันนะครับเพราะหนุ่ยต้องมาเหนื่อยเพราะผม
“หนุ่ยไม่ต้องมารับพี่ก็ได้นะตอนเช้านะ เดี๋ยวพี่ไปเองได้” ผมบอกหนุ่ยตอนกำลังนั่งรถมามหา’ลัย
“ทำไมพี่พูดแบบนั้นละครับ ผมเต็มใจทำให้เอง”
“พี่เกรงใจเราไง อีกอย่างพี่เห็นเราเหนื่อยเรื่องพี่มาเยอะแล้ว” ผมบอกตามที่ผมคิด
“ผมบอกแล้วไงผมเต็มใจ ถ้าเป็นเรื่องของพี่ผมเต็มใจครับ ผมไม่เหนื่อยด้วย” หนุ่ยหันมายิ้มให้ผม
ผมละเห็นใจหนุ่ยจริงๆเพราะผมรู้ว่าที่หนุ่ยดีกับผมเพราะเขายังรู้สึกยังไง ผมอยากให้มันตัดใจจากผมเสียทีเพราะผมคงจะทิ้งต้อมไม่ได้ ถึงแม้ต้อมจะเป็นยังไงก็ตามผมก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงความรักของผมหรอกครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของการที่เรารอให้คนที่เรารักรักเราตอบกลับมา มันค่อนข้างที่จะทรมานเหมือนกันผมไม่อยากให้หนุ่ยตกอยู่ในสภาพแบบนี้
แต่ผมก็ไม่มีเวลาที่จะหาทางออกเรื่องนี้เพราะผมยังต้องดูแลต้อมอีก ถึงต้อมจะเหมือนเดิมทุกอย่างแค่จำเรื่องของผมไม่ได้แต่ถ้ามันไม่เจอผมมันหงุดหงิดและปวดหัวขึ้นมาทันที หรือผมจะลองบอกรักต้อมแล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีกว่า ผมคิดในใจแต่ผมคงต้องหาคนปรึกษาบ้างแล้ว
ผมคุยกับไอ้ตี๋กับไอ้แนทเรื่องนี้มันก็บอกว่าน่าจะลองดู เพื่อจะทำให้ต้อมจำไรขึ้นมาได้ถ้าไม่ได้ก็คบกันใหม่เพราะท่าทางต้อมมันก็ยังเหมือนจะรักผมอยู่ พวกมันบอกแต่ผมคิดว่าคนที่ผมจะต้องบอกเรื่องนี้อีกคนคือหนุ่ย มันควรที่จะรู้ว่าผมจะเริ่มต้นใหม่กับต้อมเหมือนกัน ผมตัดสินใจแล้วว่าเย็นนี้จะบอกหนุ่ยเรื่องนี้
หนุ่ยมาส่งผมที่บ้านตอนเย็นผมเลยบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมบอกหนุ่ยให้เข้ามาคุยกันในบ้านก่อน
“หนุ่ยพี่คิดว่าพี่จะลองเริ่มกับต้อมใหม่ หนุ่ยคิดว่ายังไงพี่คิดว่ามันคงจะดีขึ้นนะ” ผมบอก
หนุ่ยก้มหน้านิ่งไปสักพักก่อนเงยหน้ามามองหน้าผม “พี่นัทพี่เริ่มใหม่กับผมไม่ได้หรอครับ แล้วเราก็ช่วยกันดูต้อมด้วยกันไม่ได้หรอครับ” หนุ่ยจริงจังมาก
“หนุ่ยพี่เข้าใจเรานะว่าเราคิดกับพี่ยังไง พี่ก็ไม่เคยไม่ชอบหนุ่ยเลยนะ แต่พี่คงเริ่มใหม่กับใครไม่ได้ตอนนี้ โดยเฉพาะตอนนี้ตอนที่ต้อมยังเป็นแบบนี้” ผมจับมือหนุ่ยไว้เพื่อปลอบใจ
“แต่เราไม่รู้เลยว่าต้อมจะจำพี่ได้หรือเปล่า ถ้าพี่จะเริ่มใหม่กับมันแล้วมันไม่สนใจพี่อย่างที่เป็น พี่จะเป็นคนที่เจ็บปวดนะครับ” หนุ่ยมองหน้าผมสายตาของหนุ่ยตอนนี้ดูเป็นห่วงและอ่อนโยนต่อผมมาก
“แต่พี่คิดว่าพี่ทำได้นะ พี่จะทำให้ต้อมกลับมาจำพี่ให้ได้” ผมยืนยันความคิดผม
“มันจะเปลี่ยนเป็นผมไม่ได้จริงๆหรอพี่” หนุ่ยถาม
“จะให้พี่บอกกี่ครั้งก็ตามยังไงพี่ก็ยังรั....” หนุ่ยเข้ามาจูบผมก่อนที่จะพูดจบ ผมจะหันหน้าหลบแต่หนุ่ยเอามือมาจับหน้าผมไว้ไม่ให้หันหนี
ถึงจะเป็นการบังคับแต่หนุ่ยก็จูบผมอย่างนิ่มนวลและอ่อนโยนมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มๆของหนุ่ยแบบที่ยังมีสติอยู่ ไม่ได้เมาเหมือนคราวที่แล้วผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆที่หนุ่ยมีให้ผมผ่านจากการจูบครั้งนี้ น่าแปลกที่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรกับการจูบครั้งนี้
“แต่พี่สัญญากับผมได้ไหม ถ้าต้อมมันไม่สนใจพี่เหมือนเดิม พี่จะยอมรับผมบ้างได้ไหมครับ” หนุ่ยพูดทั้งที่หน้าเรายังอยู่ใกล้กัน
ผมยังไม่ทันตอบอะไรหนุ่ยก็ลุกออกไปแล้ว ทำไมเมื่อกี้ผมไม่ขัดขืนหนุ่ยไปนะนี่ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ หรือผมคิดว่าหนุ่ยจะแทนต้อมได้ ผมทำแบบนี้ยิ่งทำให้หนุ่ยตัดใจจากผมไม่ได้สักทีทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้ แค่ตอนนี้ต้อมไม่สบายจำผมไม่ได้ผมกลับจะไปมีใจให้คนอื่นอีกหรอนี่ ผมรู้สึกโกรธตัวเองมากๆเวลานี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:52:28 โดย nataxiah »

clubza

  • บุคคลทั่วไป
  เอ่อทำไมไม่ต่อที่หัวข้อเดิมครับงง  ยังไม่ได้อ่านมาเม้นก่อน เด๋วค่อยอ่าน

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่16
ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะยังโกรธตัวเองเรื่องหนุ่ยอยู่ จนเช้าผมมาที่ซุ้มผมเห็นต้อมมานั่งรออยู่แล้ว ปกติช่วงนี้ต้อมจะมารอผมแทบทุกวัน ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมเขาต้องมารอผมทุกเช้าทั้งๆที่เขาบอกว่าจำผมไม่ได้ ผมคิดแต่ว่าคงเป็นส่วนลึกในใจของเขาที่ยังจำผมได้
“พี่นัทเป็นอะไรครับหน้าตาดูไม่ค่อยสบายเลย” ต้อมถามแล้วเดินเอามือมาจับหน้าผากผม
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา พี่เป็นอะไรหรือเปล่านี่” ต้อมยังถามต่อ
“พี่ไม่เป็นไรหรอกแค่นอนไม่ค่อยหลับเมื่อคืน”
แล้วผมก็เหมือนไม่ค่อยสบายจริงๆในตอนบ่าย คงเพราะผมคิดมากกับนอนไม่พอแน่ๆจนตอนเย็นมันเหมือนเป็นหนักมากขึ้น ผมรู้สึกปวดหัวมากจนไม่ค่อยมีแรงพวกไอ้ตี๋กับๆไอ้แนทเลยพาผมมาส่งที่บ้าน ทีแรกมันจะอยู่เป็นเพื่อนผมแต่ผมให้มันกลับบ้านกันไปเพราะยังไงก็ถึงบ้านแล้ว กินยาเดี๋ยวก็คงหายเองตอนเช้าพวกมันหาข้าวกับยาให้ผมกิน ผมกินยาสักพักก็หลับไป
ผมรู้สึกว่ามีอะไรเย็นมาสัมผัสที่หน้าผมก็ลืมตาขึ้นมาดู เห็นต้อมกำลังเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าผมอยู่ ผมรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเลยตอนนี้กลับรู้สึกว่าจะมีไข้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“พี่นัทพวกพี่ตี๋ไปไหนละครับ ทำไมปล่อยให้อยู่คนเดียวไข้พี่ขึ้นสูงมากเลยนะ” ต้อมชุบผ้ามาเช็ดหน้าให้ผมอีก
“แล้วเรารู้ได้ไงว่าพี่ไม่สบาย แล้วเข้ามาในบ้านได้ยังไง” ผมสงสัยเหมือนกัน เพราะในเมื่อต้อมจำเรื่องผมไม่ได้ก็ไม่น่าจะจำได้นะว่าผมซ่อนกุญแจบ้านไว้ตรงไหนของหน้าบ้าน
“ก็ผมไม่เจอพี่ตอนเย็นผมโทรหาพี่ก็ไม่รับสาย ผมเลยโทรหาพี่ตี๋เขาบอกว่าพี่ไม่สบาย พากลับมานอนที่บ้านแล้ว”
“แล้วเราเข้ามาหาพี่ได้ยังไงยังไม่บอกเลย” ผมมองหน้าต้อมเพราะผมอยากรู้คำตอบจริงๆ
“ก็กุญแจหน้าบ้านไง” ต้อมตอบแบบไม่สนใจอะไร
“เราจำได้แล้วหรอ เราจำเรื่องพี่ได้แล้วใช่ไหม” ผมแอบดีใจ
“เปล่านี่ครับ แค่พอมาถึงบ้านผมก็คิดว่าต้องหาแถวกระถางต้นไม้ แล้วผมก็เจอกุญแจบ้านก็แค่นั้นเอง” มันยังพูดได้หน้าตาเฉย ตกลงต้อมมันก็ยังจำผมไม่ได้ใช่ไหมนี่
“เรื่องอื่นช่างมันก่อนเถอะ ผมว่าไปหาหมอก่อนดีกว่าผมเช็ดตัวตั้งนานไข้ยังไม่ลดลงเลย” ต้อมเอามือมาจับหน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ไม่เป็นไรหรอกกินยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น เรากลับบ้านไปเถอะเดี๋ยวที่บ้านเป็นห่วง”
“ไม่ได้นะพี่ข้าสูงขนาดนี้ แล้วพี่อยู่คนเดียวด้วยไปหาหมอก่อนเถอะ” ต้อมยังยืนยันจะให้ผมไปหาหมอให้ได้ แต่ผมก็ไม่อยากไปนี่ครับ แล้วอีกอย่างถ้าต้อมยังจำผมไม่ได้ก็น่าจะกลับบ้านไปก่อนทางบ้านจะได้ไม่เป็นห่วงมัน
“พี่ไม่ไปหรอกเดี๋ยวก็หายแล้ว” ผมก็ยืนยันว่าไม่ไปเช่นกัน
แต่คราวนี้ต้อมมันไม่ฟังเสียงผมแล้วมันจับผมลุกขึ้น ผมคิดที่จะขัดขืนเพื่อไม่ไปแต่มันกลับไม่มีแรงเอาซะเลยตอนนี้ ผมคงเป็นไข้สูงจริงๆ พอมันจะให้ผมลุกเดินลงไปข้างล่างขาผมมันก็หมดแรงเอาซะงั้น ต้อมเลยจับผมขี่คอลงมาจากห้องนอนไปที่รถของมันที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตอนนี้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนว่าผมได้อยู่กับต้อมคนเดิม คนที่รักผมแต่ต้อมก็ยังบอกว่าจำเรื่องของผมไม่ได้มันทำให้ผมสับสนมากเข้าไปอีก
ต้อมพาผมมาโรงพยาบาลแถวบ้านที่ผมเข้าประจำ พยาบาลพาผมเข้าห้องฉุกเฉินผมเห็นหน้าต้อมดูเป็นห่วงผมมากเลยตอนนี้ พยาบาลมาวัดไข้เสร็จก็ฉีดยาลดไข้กับให้น้ำเกลือผมทันที จนหมอเวรเข้ามาตรวจเขาบอกว่าผมเป็นไข้หวัดใหญ่แต่ไม่ใช่2009นะครับ เลยให้นอนโรงพยาบาลดูอาการก่อนคืนนี้ผมก็ตกลง ทีแรกผมจะนอนห้องรวมเพราะจะได้ประหยัดเงินด้วย ผมไม่อยากโทรไปขอที่บ้านอีกอย่างไม่อย่างให้เขาเป็นห่วงด้วย แต่พอต้อมเข้ามาคุยกับหมอเขาก็ย้ายผมไปนอนห้องพิเศษ
“ต้อมทำไรนะ พี่นอนห้องรวมก็ได้จะได้ประหยัดเงินด้วย” ผมหันไปถามต้อมที่เดินมาข้างๆเตียงผมที่มีบุรุษพยาบาลเข็นอยู่
“ไม่ได้หรอกพี่ ผมจะให้พี่ลำบากได้ไง” ต้อมพูดโดยไม่มองหน้าผม
“แต่พี่ไม่อยากขอเงินที่บ้านนะ พี่ไม่อยากบอกพ่อกับแม่” ผมกังวลแล้วตอนนี้
“แล้วใครบอกให้พี่ขอละครับ เดี๋ยวแม่ผมมาจัดการให้เอง ผมโทรบอกที่บ้านแล้ว” ตอนนี้ผมมาถึงห้องพิเศษแล้วอล้วตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคน
“ไม่เอาหรอกพี่เกรงใจที่บ้านเรา แค่เราพาพี่มาส่งก็พอแล้ว เดี๋ยวพี่โทรขอเงินจากที่บ้านเองพรุ่งนี้” ผมเกรงใจที่บ้านต้อมจริงๆ เพราะตอนนี้ผมกับต้อมก็เหมือนแค่พี่น้องที่สนิทกันมากแค่นั้นเอง
“ไม่ได้นะพี่ ถือว่าให้ผมตอบแทนตอนที่พี่ไปเฝ้าผมบ้างแล้วกัน” ผมหันหลังให้ต้อมทันทีทีได้ยินแบบนี้
โหยย ผมได้ยินคำนี้นะมันเหมือนมีอะไรมาอุดอยู่ที่หลอดลมทันที มันเหมือนหายใจไม่ออกแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเองอีกแล้ว(ช่วงนี้ผมจะอ่อนไหวง่ายมาก) แสดงว่าที่ต้อมมันทำดีกับผมก็แค่เพื่อตอบแทนที่ผมเคยไปดูแลมันแค่นั้นเองหรอ หรือว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดเวลา ว่าในใจลึกๆมันต้องยังรักผมอยู่ที่แท้มันก็ทำแค่เพื่อตอบแทนผมแค่นั้นเอง
แสดงว่าต้อมลืมเรื่องของผมหมดแล้วจริงๆหรือนี่ แล้วที่ผมเฝ้ารอมาหลายเดือนนี่เพื่ออะไรกันกลายเป็นว่าผมยังรักต้อมอยู่ฝ่ายเดียวแล้วใช่ไหม แต่จะให้ผมทำยังไงก็ในเมื่อผมสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ห่างต้อมไปไหนอีก ผมจะยังรักษาสัญญานี้ไว้อีกดีไหม ผมยิ่งคิดยิ่งปวดหัวและปวดหัวใจมากๆ
“พี่นัทเป็นอะไร พี่ร้องไห้ทำไมครับ พี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าเดี๋ยวผมเรียกพยาบาลให้ ต้อมคงสังเกตเห็นตัวผมสั่นตอนแอบร้องไห้แน่ถึงเดินเข้ามาดู
“ไม่เป็นไรหรอก เรากลับบ้านไปเถอะดึกมากแล้ว พี่ก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว ที่บ้านจะเป็นห่วงเอา” ผมไม่อยากอยู่กับต้อมเลยตอนนี้ มันรู้สึกปวดในใจยังไงก็ไม่รู้
ต้อมไม่ยอมกลับบอกว่าจะอยู่เฝ้าผมคืนนี้ ผมเลยบอกว่าถ้าต้อมอยู่ผมก็จะขอกลับไปนอนห้องรวมดีกว่า แล้วผมจะโกรธต้อมที่ไม่ยอมเชื่อผม จนต้อมยอมกลับบ้านก่อนกลับผมเห็นต้อมแอบมองผมด้วยสีหน้ากังวลมาก แต่ก็จำใจต้องกลับเพราะคงกลัวผมโกรธ ผมเองตอนนี้ก็เริ่มท้อกับเรื่องต้อมแล้วตอนนี้ ทำไมเรื่องบ้าบอพวกนี้มันต้องมาเกิดขึ้นกับผมด้วยนะ แต่ผมตัดสินใจแล้วนี่ว่าผมจะทำให้ต้อมกลับมาเหมือนเดิมให้ได้ ผมคิดไปคิดมาจนหลับไป
ตื่นเช้าขึ้นมาผมเห็นต้อมนั่งมองหน้าผมอยู่ที่ข้างเตียงแล้ว ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วตอนนี้ต้อมคอยมาดูแลผม ทั้งๆที่ผมบอกว่าทำเองได้มันก็ไม่ยอม จนหมอเข้ามาดูอาการแล้วก็ให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ แล้วบอกว่าให้หยุดเรียนสักสองสามวันจะได้ไม่เอาไปติดคนอื่นและจะได้พักผ่อนเยอะๆด้วย
ต้อมพาผมกลับบ้านผมให้กลับไปเรียนแต่ต้อมไม่ไปบอกจะอยู่เป็นเพื่อนผม ต้อมนั่งดูผมสักพักก็หลับไปที่ข้างเตียงผม ผมนอนมองหน้าต้อมผมปวดใจมากขึ้นมันเป็นคนที่ผมรักแต่ผมกลับสื่อไปถึงเขาไม่ได้ ทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ผมนอนมองหน้าต้อมจนหลับไปเหมือนกัน
ผมมารู้สึกตัวว่ามีคนมาจับมือผมไว้แล้วมีคนผมสัมผัสหน้าผากผม ผมลืมตาดูแต่คราวนี้เป็นหนุ่ยที่ขึ้นมานั่งบนที่นอนข้างๆผม ผมเลยหันไปมองต้อมผมยังเห็นต้อมหลับอยู่เลย ผมจะหันไปถามว่ามาได้ยังไงไม่ทันที่ผมจะพูดหนุ่ยก็ก้มมาจูบผม ผมตกใจมากเพราะต้อมนอนอยู่ตรงข้างที่นอนไม่ทันที่ผมจะผลักหนุ่ยออกหนุ่ยก็เลิกจูบผม
“ผมเป็นห่วงพี่มากเลยนะรู้ไหมครับ” หนุ่ยมากระซิบข้างหูเหมือนกลับต้อมจะได้ยิน แล้วผมก็สังเกตเห็นต้อมขยับตัวผมเลยดันให้หนุ่ยออกไป แล้วต้อมก็ตื่นจริงๆนี่ผมทำอะไรลงไปอีกแล้วทำไมถึงยอมให้หนุ่ยจูบผมได้ง่ายๆแบบนี้ ผมยังมีต้อมอยู่ในใจแต่ทำไมผมถึงได้ยอมหนุ่ยกันนะ
“ตื่นแล้วหรอวะ ตกลงใครเฝ้าไข้ใครกันแน่วะหลับสบายเชียวนะมึง” หนุ่ยปล่อยมือผมแล้วหันไปถามต้อมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อคืนตื่นเช้าไปหน่อยวะ เลยเผลอหลับไปเลย พี่นัทดีขึ้นหรือยังครับ” ต้อมขึ้นมาบนที่นอนเอามือมาจับหน้าผากผม
“ไข้ลดเยอะแล้วนี่นา อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ก่อนนะจะได้กินยา” ต้อมบอกแล้วจะลุกลงไปข้างล่าง
“กูซื้อมาแล้วอยู่ข้างล่าง ซื้อมาเผื่อมึงด้วยเดี๋ยวกูลงไปเอาให้” หนุ่ยบอกแล้วลุกออกไปบ้าง
“พี่ว่าลงไปกินพร้อมกันที่แหละ พี่ไม่เป็นไรมากแล้วไม่ได้กินข้าวพร้อมกันนานแล้ว” ผมบอกแล้วลุกขึ้นบ้างต้อมเดินมาจับแขนผมไว้ ผมรู้สึกว่าต้อมจะจับแขนผมแน่นมากไม่รู้ทำไม
ตอนกินข้าวหนุ่ยกับต้อมแย่งกันที่จะตักกับข้าวให้ผมจนกับข้างเต็มจานไปหมดแล้ว ผมจะทำยังไงกับเรื่องของหนุ่ยดีถ้าผมปล่อยไปแบบนี้ มีแต่จะทำให้หนุ่ยเสียใจมากยิ่งขึ้นผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ผมคงต้องคุยกับหนุ่ยให้เข้าใจเพราะถึงยังไงผมก็ตัดใจจากต้อมไม่ได้ ถึงมันจะไม่รักผมตอนนี้แต่ผมจะทำให้มันกลับมารักผมให้ได้ แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2010 10:53:12 โดย nataxiah »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






kk_oi1983

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาแล้วครับกับครั้งแรกในบอร์ดนี้ พี่นัทไปไหนก็ตามไปครับ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
ตามมาอ่านที่นี้ด้วยคนค่า

ไปบ้านนู้นมาไม่เจอเลยมาที่นี้แทน

รอให้ถึงตอนปัจจุบันอยู่นะค่ะ
อยากให้ถึงไว ๆ จังเลย

Classical

  • บุคคลทั่วไป
  เอ่อทำไมไม่ต่อที่หัวข้อเดิมครับงง  ยังไม่ได้อ่านมาเม้นก่อน เด๋วค่อยอ่าน


ครับ เห็นด้วย มาเม้นท์ให้ก่อน ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่17
วันนี้ผมจะต้องคุยกับหนุ่ยให้รู้เรื่องให้ได้ถึงเรื่องระหว่างผมกับหนุ่ย ตอนสายผมโทรบอกให้หนุ่ยไปหาที่หลังตึกคณะผมบอกไปว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ผมนั่งรอหนุ่ยอยู่ที่หลังคณะผมก็คิดว่าจะคุยกับหนุ่ยยังไง ถ้าผมบอกไปตรงๆว่าให้หนุ่ยตัดใจจากผมไปเลยหนุ่ยมันจะฟังผมหรือเปล่านะ
“พี่นัทมีอะไรจะพูดกับผมหรอครับ แล้วทำไมต้องเรียกผมมาที่นี่ด้วย” หนุ่ยทำหน้าสงสัยก่อนเดินมาหยุดตรงที่ผมนั่งรออยู่
“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราส่วนตัวนะสิ เรื่องที่เราทำกับพี่ตอนนี้ไง.. คือ .. พี่รู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเลย” ผมหันไปมองหน้าหนุ่ย
“พี่ไม่อยากให้เราทำแบบนี้อีกเพราะยังไงพี่ก็ยังรักต้อมอยู่ ถึงแม้ว่าต้อมจะจำพี่ไม่ได้หรือว่าต่อไปจะเป็นยังไงก็ตาม พี่ก็จะยังคงรักต้อมอยู่แบบนี้ตลอดไป หนุ่ยเข้าใจพี่ใช่ไหมถึงยังไงพี่ก็คงไปชอบหนุ่ยไม่ได้แต่พี่ไม่ได้รังเกรียดหนุ่ยนะ” ผมพูดความในใจผมออกไป หนุ่ยทำหน้าขึงขังขึ้นมาเมื่อได้ยินที่ผมพูด
“พี่จะเปลี่ยนมาเป็นผมไม่ได้จริงๆหรอ ไหนๆต้อมมันก็ลืมเรื่องพี่หมดแล้ว แต่ผมไม่เคยลืมพี่ได้เลยนะตลอดสามปีที่ผ่านมาพี่ไม่รู้หรือไงว่าผมต้องทรมานมากขนาดไหน ในเมื่อต้อมเป็นแบบนี้แล้วถึงพี่จะมาเริ่มใหม่กับผมก็คงไม่มีคนว่าพี่หรอกครับ” หนุ่ยจับแขนผมไว้ทั้งสองข้าง
“ถึงยังไงพี่ก็เลิกกับต้อมไม่ได้หรอกต่อให้ต้อมเป็นยังไงพี่ก็ยังจะรักมันคนเดียว ถึงพี่จะทำให้มันกลับมารักพี่ไม่ได้ก็ตาม แล้วพี่ไม่อยากให้หนุ่ยทำอย่างนี้ด้วยต้อมมันก็เพื่อเรานะ” ผมเริ่มเครียดกับท่าทางของหนุ่ยที่ไม่ยอมเข้าใจ
“หนุ่ยตัดใจจากพี่เถอะนะรั้งไว้แบบนี้ก็มีแต่จะทุกข์ใจมากขึ้น ยังไงเราก็ยังเป็นพี่น้องกันอยู่นะอย่าทำให้พี่ต้องตัดสินใจทำตัวให้ห่างจากเราเลยนะ” ผมพยายามอธิบายให้หนุ่ยเข้าใจ
“ผมรู้ว่าพี่ต้องมีใจให้ผมบ้างแล้ว พี่ถึงต้องรีบมาพูดกับผมเรื่องนี้ พี่คงไม่อยากผิดกับต้อมมันใช่ไหม มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยนะพี่เพราะมันเป็นคนที่ลืมพี่ก่อน แล้วพี่ก็ทำให้มันมามากพอแล้ว” หนุ่ยยังไม่ยอมที่จะเข้าใจผม หนุ่ยแสดงสายตาที่ขอความเห็นใจผมมาก แต่ผมคงให้ไม่ได้ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกผิดกับต้อมหรอกนะ แต่ผมยังรักต้อมจนหมดหัวใจถึงแม้มันจะเป็นยังไงก็ตาม
“มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ ทุกครั้งที่เราจูบพี่พี่จะรู้สึกโกรธและเกลียดตัวเองทุกครั้งที่พี่ไม่ยอมปฏิเสธเรา พี่อาจเพียงแค่ต้องการความอบอุ่นจากใครบ้างเท่านั้นเอง พี่ขอโทษนะที่ทำให้เราคิดแบบนั้น พี่ขอโทษจริงๆ” ผมเริ่มที่จะตาแดงๆแล้วแน่ๆ เพราะผมโกรธและเกลียดตัวเองมากที่สุดตอนนี้ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้  ถ้าผมปฏิเสธหนุ่ยตั้งแต่ตอนแรกมันก็คงไม่คิดถึงขั้นนี้แน่ๆ ผมคิดแบบนั้นน้ำตามันก็ไหลออกมาทันทีมันเป็นน้ำตาที่ออกมาจากความเสียใจของผมจริงๆผมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้
“ถ้าพี่นัทจะคิดว่าผมแทนต้อมผมก็ยอม เพียงแต่ผมขอให้พี่นัทรักผมบ้างก็พอแล้ว ผมยอมแม้แค่เป็นตัวแทนใครก็ได้แค่ให้พี่นัทรักผมบ้างสักนิดก็ยังดี” นี่เป็นว่าผมทำให้น้องที่แสนดีกับผมอีกคนต้องมาทรมานก็เพราะตัวผมอีกแล้วหรือนี่ ถ้าผมใจแข็งตั้งแต่ตอนแรกที่หนุ่ยกลับมาทำดีกับผมเรื่องคงจะดีกว่านี้แน่ๆ ทุกอย่างเป็นเพราะความอ่อนแอของตัวผมเอง ผมเป็นคนทำเรื่องให้มันยุ่งยากเอง ทำไมผมเป็นคนโลเลขนาดนี้นะผมเกรียดตัวเองมากเข้าไปอีก
“พี่ว่าหนุ่ยคงไม่ยอมเข้าใจพี่แน่ๆ พี่คิดว่าเราคงห่างกันไว้คงจะดีกว่านะ แล้วเมื่อไหร่ที่เราตัดใจเรื่องพี่ได้เราค่อยกลับมาคุยกันใหม่” ผมเช็ดน้ำตาแล้วลุกที่จะเดินออกไป
หนุ่ยกลับไม่ยอมให้ผมได้เดินออกไปไหน หนุ่ยดึงผมเข้าไปกอดไว้จนแน่นผมพยายามที่จะเอาตัวออกจากอ้อมกอดของหนุ่ย
“พี่นัทอย่าทิ้งผมไปนะครับ ถ้าพี่ไม่ยอมเจอผมแล้วผมจะทำยังไง ผมคงทนไม่ได้แน่ๆ” หนุ่ยร้องไห้ออกมาหน้าซบอยู่ที่หัวไหล่ผม ผมได้ยินแบบนี้ผมก็ไม่ได้พยายามหนีจากอ้อมกอดของหนุ่ยแล้วตอนนี้
“ถ้าเรายังอยากเจอกับพี่เราก็ต้องกลับมาเป็นน้องที่น่ารักของพี่เหมือนเดิม แต่ถ้าเราทำไม่ได้พี่ก็คงจะมีทางเดียวเท่านั้น พี่ไม่อยากผิดกับใครอีกแล้วทั้งต้อมทั้งเรา” ผมบอก
“พี่ไม่ผิดกับใครทั้งนั้นครับ ผมเองต่างหากที่ผิดที่ไม่ยอมตัดใจ แล้วผมก็จะไม่ยอมให้พี่จากผมไปแบบนี้ด้วย” อยู่ๆหนุ่ยก็เปลี่ยนมาจับแขนผมแล้วดันผมไปจนติดกำแพง ผมพอจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นผมพยายามที่จะต่อต้านแต่ผมกลับสู้แรงหนุ่ยไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าหนุ่ยไปเอาแรงมาจากไหนผมก็ไม่ใช่คนตัวเล็กนะแต่ผมกลับสู้แรงของหนุ่ยไม่ได้เลยตอนนี้
หลังผมไปชนกับกำแพงข้อนข้างแรงจนผมรู้สึกเจ็บเล็กน้อย  หนุ่ยจะมาจูบผมผมหันหน้าหลบไปทางข้างๆคราวนี้ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ผมพยายามออกแรงเต็มที่แต่กลับทำให้หนุ่ยถอยออกไปไม่ได้เลย หนุ่ยพยายามสำเร็จจนได้ขนาดผมหันหน้าหลบไปหลบมามันยังตามมาจนได้ ผมกัดฟันตัวเองจนแน่นแล้วผมก็ร้องไห้ออกมาร้องไห้ให้กับความผิดของตัวเองที่ทำให้น้องต้องมาเป็นแบบนี้ ตอนนี้ผมเกรียดตัวเองจนไม่รู้จะเรียกตัวเองว่ายังไงดีแล้ว
ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาหนุ่ยก็คงได้ยิน ผมเห็นหนุ่ยหยุดชะงักผมเลยถือโอกาสออกแรงผลักหนุ่ยให้ออกไปจากตัวผมซึ่งคราวนี้มันได้ผม หนุ่ยเซออกไปจากตัวผมผมเลยวิ่งออกไปแต่ผมต้องหยุดชะงักทันที ก็คนที่เดินเข้ามากลับเป็นต้อมคนที่ผมไม่อยากให้รู้เรื่องนี้มากที่สุด
“เกิดอะไรกันขึ้นหรือพี่ แล้วพี่ร้องไห้ทำไมไอ้หนุ่ยมันทำอะไรพี่หรอ” ต้อมเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมมองหน้าผมแล้วหันไปมองหน้าหนุ่ย
“หนุ่ยคนที่พี่รักมีแค่คนเดียว และพี่จะรักเขาคนเดียวตลอดไปแม้ไม่ว่าทันจะเกิดอะไรขึ้น” ผมหันหลังกลับไปมองหนุ่ย
“คนที่พี่จะยอมมอบทุกอย่างให้เขา รวมทั้งการจูบที่เต็มไปด้วยความรักก็มีเพียงต้อมคนเดียว และจะเป็นแบบนั้นตลอดไปด้วย” ผมพูดจบผมก็หันกลับไปดึงหน้าต้อมที่ยืนงงอยู่ตรงข้างๆผมเข้ามาจูบ
ทีแรกต้อมเหมือนตกใจจากการกระทำของผม แต่สักพักต้อมกลับเป็นฝ่ายจับหน้าผมไว้ไม่ยอมให้ผมถอนปากจากการจูบครั้งนี้ได้ หรือว่าต้อมจะจำเรื่องของเราได้แล้วนะคราวนี้ผมแอบคิดในใจ เราจูบกันอยู่สักพักต้อมก็เป็นฝ่ายเลิกจูบผมเองต้อมมองหน้าผมหลังจากที่เราเลิกจูบกัน แล้วก็วิ่งกลับออกไปทันทีมันคงไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดแล้วแน่ๆ ต้อมคงจะไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะยังไงตอนนี้ในสายตาต้อมผมก็เป็นแค่รุ่นพี่คนหนึ่งเท่านั้น แล้วผมมาทำกับเขาแบบนี้คงทำให้เขาตกใจมากน่าดู ผมหันไปมองหนุ่ยเห็นมันยืนมองมาทางผมน้ำตามันไหลออกมาจนสังเกตเห็นได้จากที่ผมยืนอยู่ แต่ผมจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ผมต้องไปคุยกับต้อมให้รู้เรื่อง
ผมมาหาต้อมที่ซุ้มเพราะคิดว่ามันคงมาที่นี่แต่ไม่เจอ ผมเลยถามเพื่อนมันแถวนั้นเพื่อนมันก็บอกว่าต้อมมันกลับบ้านไปแล้ว เป็นอะไรไม่รู้อยู่ก็วิ่งกลับมาเก็บของแล้วกลับไปเลยถามอะไรก็ไม่บอกด้วย ต้อมคงตกใจกับเรื่องเมื่อกี้แน่ๆผมไม่น่าทำแบบนั้นออกไปเลย แล้วถ้าต้อมเกลียดผมขึ้นมาผมจะทำยังไงดีทีนี้

kk_oi1983

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจพี่นัทกันเยอะๆ ครับ จะได้อ่านตอนต่อไปเร็วๆ ว่าแต่ว่า อัพเดทช้าไปนิดนึงอ่ะไม่ทันบอร์ดนู้น

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่18
เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมโทรไปหาต้อมมันก็ไม่ยอมรับสายทั้งๆที่ปกติมันจะรีบรับสายตลอดถ้าผมโทรไป หรือว่าต้อมมันรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงโดนมันเกลียดแล้วแน่ๆ แล้วยังเรื่องของหนุ่ยอีกมันทำให้ผมเครียดมากเลยตอนนี้ ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องพวกนี้แล้วคราวนี้อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิดแล้วกัน ผมจะพยายามทำใจรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้แต่ถ้าต้อมเกรียดผมขึ้นมาจริงๆผมจะทำได้อย่างที่บอกไว้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
ผมมาถึงซุ้มแต่เช้าเหมือนเดิมแต่วันนี้ผมนั่งไม่เป็นสุขเลยเพราะคอยมองหาต้อมตลอด แต่ผมก็ไม่เห็นต้อมเลยส่วนหนุ่ยก็มานั่งที่ซุ้มแต่นั่งถัดผมไปอีกโต๊ะหนึ่งไม่ได้เข้ามาคุยกับผมเลยได้แต่นั่งมองผมเท่านั้น ผมก็ไม่ได้คุยกับหนุ่ยเพราะผมอยากเจอต้อมมากกว่า ผมไม่เจอต้อมเลยจนถึงเวลาขึ้นไปเรียนผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยในหัวมีแต่เรื่องต้อมวนอยู่เต็มไปหมด
ตอนเย็นผมรีบลงมาที่ซุ้มเพื่อจะเจอต้อมแต่เพื่อนมันบอกว่าต้อมกลับบ้านไปแล้ว นี่มันคงมาอยากเจอหน้าผมแล้วแน่ๆแล้วผมจะทำยังไงต่อไปดีทีนี้ พรุ่งนี้ผมต้องหาทางคุยกับต้อมรู้เรื่องให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
“อาจารย์ครับผมมีเรื่องขอคุยกับต้อมหน่อยครับ ขอตัวต้อมได้ไหมครับ” ผมยืนขออนุญาตเพื่อขอตัวต้อมออกมาคุยด้วย ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ครับ ก็ต้อมเล่นหลบหน้าผมตลอดเลยตั้งแต่เมื่อวานผมถึงต้องใช้วิธีนี้
ต้อมเลยจำใจต้องมากับผมทีแรกต้อมบอกจะคุยแค่แถวหน้าห้อง แต่ผมดึงมือต้อมให้ตามมาจนถึงหลังตึกคณะ
“ต้อมพี่อยากคุยกับเราเรื่องวันก่อนให้เข้าใจ แต่พี่อยากถามเราให้แน่ใจสักเรื่องก่อนได้ไหม” ผมจ้องมองเข้าไปในตาของต้อมเพราะผมอยากรู้ความจริงมากๆตอนนี้
“พี่อยากรู้ว่าเราลืมเรื่องของพี่กับเราหมดแล้วจริงๆหรือ เราจำพี่ไม่ได้จริงๆหรอว่าพี่กับเราเป็นอะไรกัน”
“ผมจำไม่ได้จริงๆครับ ผมจำเรื่องพี่ไม่ได้จริงๆ” ต้อมยังยืนยันที่จะบอกว่าจำผมไม่ได้
“แล้วถ้าพี่บอกว่าเรากับพี่เป็นแฟนกันละ เราจะว่ายังไง” ต้อนนี้ผมเริ่มลุ้นกับคำตอบของต้อมที่จะตอบผมแล้ว
“ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ผมกับพี่จะเป็นแฟนกันได้ยังไง ถึงผมจะรู้สึกดีๆกับพี่ก็ตามแต่ผมคิดว่าเรื่องที่เราเป็นแฟนกันคงจะล้อผมเล่นใช่ไหม” ต้อมหลบหน้าไม่ยอมมองตาผมแล้วตอนนี้
“ถ้าพี่จะพูดแบบนี้เพราะกลัวผมโกรธเรื่องวันก่อนไม่ต้องก็ได้ครับ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเพียงแต่ผมยังไม่พร้อมที่จะอยู่ใกล้กับพี่ตอนนี้เท่านั้นเอง” ต้อมหันหลังพูดกับผม
“พี่ไม่ได้ล้อเราเล่นนะ แล้วไม่ใช่เพราะกลัวเราโกรธพี่แต่พี่อยากให้เราจำเรื่องนี้ให้ได้แค่นั้นเอง มันสำคัญกับพี่มากเลยนะ”
“ยังไงผมก็จำไม่ได้อยู่ดี ผมว่าพี่อย่าทำให้ผมสับสนไปมากกว่านี้เลยครับ ถ้าจะให้ดีช่วงนี้พี่กับผมเราอยู่ไกลๆกันดีกว่านะครับ” ต้อมยังหันหลังไม่ยอมมองมาที่ผม ผมได้ยินแบบนี้ใจหายทันทีเลยครับเพราะผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของต้อม คนที่บอกว่ารักผมมากที่สุด
ผมเข้าไปกอดต้อมจากข้างหลังแล้วผมก็ร้องไห้ออกมาหน้าผมซุกอยู่ที่แผ่นหลังของต้อม “แล้วเราจะมาเริ่มกันใหม่ไม่ได้เลยหรือไง เรามาเริ่มต้นกันใหม่จนกว่าต้อมจะจำได้หรือแม้จะจำไม่ได้ก็ตาม” เสียงผมขาดเป็นห้วงๆเพราะผมร้องไห้เยอะมาก ผมทำใจไม่ได้ที่จะต้องอยู่ห่างจากต้อมต่อให้ต้อมจะเป็นยังไงผมก็ยังอยากที่จะอยู่ใกล้ๆเขา
“ผมว่าอย่าดีกว่าครับ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้” ต้อมแกะมือผมออกจากเอวที่ผมกอดไว้ มันเหมือนต้อมได้แกะหัวใจที่ผมมีให้มันตลอดมาออกไปด้วย ทำตอนนี้ผมรู้สึกทรมานมากทีเดียวที่หัวใจผมนี่เพราะตอนนี้คนที่ผมรักได้กระชากหัวใจผมออกไปแล้ว
ตอนนี้ผมไม่อยากที่จะอยู่ที่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ผมอยากไปให้ไกลจากภาพที่มันทรมานผม ผมเลยหันหลังวิ่งออกไปทั้งๆที่ผมยังร้องให้อยู่แบบนั้น ผมออกมาที่หน้าตึกคณะเห็นหนุ่ยยืนอยู่แต่ตอนนี้ผมไม่อยากเจอใครทั้งนั้นผมเลยวิ่งผ่านหนุ่ยไป แต่หนุ่ยกลับดึงแขนผมไว้
“พี่นัทเกิดอะไรขึ้น มันทำอะไรพี่หรือไง” นี่เป็นครั้งแรกที่หนุ่ยพูดกับผมหลังจากเรื่องวันนั้น
ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ยังคงร้องไห้อยู่แล้วผมหันไปเห็นต้อมวิ่งตามออกมาพอดี ผมเลยสะบัดมือหนุ่ยออกแล้ววิ่งออกไป ตอนนี้ผมขอแค่อย่าได้เห็นต้อมตอนนี้ก็พอผม ขอให้ผมไปที่ไหนก็ได้ตอนนี้
“ปรี๊นนนนนนนนนนนนน” เสียงแตรรถดังใกล้มาก ผมหันไปตามเสียงเห็นรถตู้สีขาวของมหา’ลัยกำลังตรงมาที่ผม แล้วผมก็รู้สึกว่ามีคนวิ่งเข้ามากอดผมไว้แล้วผมก็หมดสติลง
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมากเพราะว่าแสงจากหลอดไฟบนฝ้าเพดานสีขาวมันจ้ามาก ผมปรับสายตาสักพักก็เห็นว่าผมอยู่ในห้องใหญ่สีขาว อยู่ในชุดโรงพยาบาลสีฟ้าอ่อนมีสายน้ำเกลืออยู่ที่แขน พร้อมด้วยผ้าก็อตปิดแผลหลายแห่งตามแขนและที่หน้าผากของผม นี่ผมมาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไงแล้วผมหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว ผมหันไปสำรวจรอบๆผมเห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนทนั่งหลับอยู่ที่โซฟาข้างๆ แสดงว่าผมต้องอยู่ในห้องพิเศษแน่นอนผมหันไปมองอีกฝั่ง เห็นหนุ่ยนั่งหลับอยู่ข้างเตียงผม แล้วผมก็เห็นต้อมนอนอยู่เตียงข้างๆผม ต้อมมีสภาพไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เลยครับหรือว่าคนที่เข้ามาช่วยผมจะเป็นต้อม ผมทำให้ต้อมเจ็บตัวอีกแล้วหรอไงกัน แล้วต้อมเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้ผมพยายามที่จะลุกขึ้นไปดู แต่พอผมจะลุดขึ้นมันก็เจ็บบริเวณชายโครงมากจนไม่สามารถขยับตัวได้ จนผมเผลอร้องออกมาทำให้หนุ่ยกับตื่นขึ้นมา
“พี่นัทฟื้นแล้วหรือพี่ พี่รู้สึกยังไงบ้างครับยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” หนุ่ยถามด้วยความห่วงใย นี่มันทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้วหรือไงกัน
“ยังมีเจ็บอยู่บ้างแหละแต่ไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่เราเถอะเข้าใจเรื่องที่พี่พูดแล้วใช่ไหม” ที่ผมถามเพราะว่าไม่อยากให้มันกลับไปซ้ำเหตุการณ์เดิมๆอีก
“ผมก็ทำใจไม่ค่อยได้หรอกครับ แต่ผมเป็นห่วงพี่มากกว่า แล้วผมจะค่อยทำใจนะครับพี่ให้เวลาผมหน่อย” หนุ่ยบอก
“แค่เราเข้าใจพี่ก็ดีใจแล้ว แต่ใครพาพี่มาโรงพยาบาลกันละ แล้วต้อมมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมเป็นห่วงต้อมมากแต่ผมลุกไปดูไม่ไหวจริงๆ
“ก็ไอ้ต้อมแหละพี่ที่พาพี่มาโรงพยาบาล มันวิ่งเข้าไปขวางพี่ไว้แต่มันไม่เป็นอะไรมากหรอก มันเป็นคนแบกพี่มาที่โรงพยาบาลเองเลยนะ ตอนหมอจะทำแผลให้มันมันยังไม่ยอมเลยบอกว่าให้มาทำให้พี่ก่อน จนหมอเขาช่วยพี่แล้วมันถึงยอมทำ นี่มันก็เพิ่งหลับไปเพราะยานอนหลับที่หมอเขาให้มันกิน ไม่งั้นมันนั่งเฝ้าพี่อยู่นั่นแหละ” หนุ่ยเล่าแล้วหันไปมองต้อมที่นอนอยู่ที่เตียงข้างๆ
“แล้วมันไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม” ตอนนี้ไอ้ตี๋กับไอ้แนทตื่นบ้างแล้วคงได้ยินเสียงที่ผมคุยกับหนุ่ยแน่ๆ
“มันไม่เป็นไรมากหรอกพี่ ไม่งั้นมันจะแบกพี่มาโรงพยาบาลได้ยังไง มันแค่ช้ำนิดหน่อยก็พี่เล่นพลิกตัวกลับมาบังมันตอนนั้น” หนุ่ยบอกแล้วทำหน้าสงสัยใส่ผม
“พี่เนี่ยนะเอาตัวบังต้อม พี่คิดว่ามันจะวิ่งมาบังพี่ซะอีก” ผมเริ่มสงสัยแทนแล้วเพราะผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้จริงๆ
“พี่จำไม่ได้จริงๆหรอ ก็พอมันวิ่งไปบังพี่นะพี่ก็จับมันหลบเอาตัวพี่บังมันแทนอีกทีไง ผมละเชื่อพี่เลยห่วงมันจนนาทีสุดท้ายเลยจริงๆ” หนุ่ยทำหน้าทึงใส่ผม แต่ผมไม่รู้ตัวเลยจริงๆคงเป็นสัญชาตญาณมั้งผมว่า
“แต่มันไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วแหละ แต่พี่ขอโทษนะทีทำให้เราวุ่นวายอีกแล้ว” ผมบอกหนุ่ยแล้วหันไปขอโทษเพื่อนๆผมเพราะทำเรื่องให้มันอีกแล้ว เพื่อนผมก็ไม่ได้ว่าผมซักคนกลับชวนผมคุยเรื่องอื่นๆซะมากกว่ามันคงกลัวผมจะเครียด แล้วพวกมันบออกว่าโทรไปบอกที่บ้านผมแล้วบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าไม่เป็นไรมากไม่ต้อมขึ้นมาหรอก เพื่อนผมมันช่างรอบครอบจริงๆเลย
เราคุยกันสักพักพวกมันก็ขอตัวกลับก่อนบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า ก่อนกลับหนุ่ยบอกว่ามีข่าวดีจะบอก
“พี่นัทดูเหมือนต้อมมันจะจำพี่ได้แล้วนะ” หนุ่ยหันมายิ้มให้ผมแต่สายตาดูเศร้าเชียว พอพวกนั้นกลับกันสักพักผมก็หลับไปคงเพราะยาที่กินเข้าไปด้วย
ผมรู้สึกตัวว่ามีคนมาจับมือผมไว้ผมเลยหรี่ตาดูก่อนว่าเป็นใคร ผมเห็นว่าเป็นต้อมนั่งจับมือผมและมองหน้าผมอยู่ ผมเลยแกล้งทำเป็นยังไม่รู้สึกตัวเพราะผมอยากรู้ว่าต้อมจะจำผมได้แล้วจริงหรือเปล่า ผมเลยแกล้งเพ้อเรียกชื่อต้อมออกมาแล้วบอกว่าอย่าทิ้งผมไป อะไรทำนองนี้
“พี่นัทผมอยู่ตรงนี้แล้วไงพี่ ผมจำเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว ผมจะไม่ลืมพี่อีกแล้วพี่ตื่นขึ้นมาเถอะนะ” ต้อมท่าทางเป็นห่วงผมมาก แต่ผมยังแกล้งหลับต่อทำผมเป็นกังวลมาตั้งนานเอาคืนซะบ้าง
“ผมขอโทษ ผมขอโทษจริง” ต้อมร้องไห้แล้วก้มหน้าลงกับมือของผม ผมเริ่มที่จะใจอ่อนแล้วสิที่เห็นต้อมร้องไห้ แต่ไม่ได้สิผมทรมานมามากกว่ามันอีกช่วงที่ผ่านมา สักพักหนุ่ยกับไอ้ตี๋ก็มาถึงหนุ่ยเดินมาที่เตียงเหมือนจะบอกอะไรต้อม ผมเลยลืมตาแล้วทำปากบอกว่า อย่าบอกมันว่าผมฟื้นแล้วขอแกล้งมันก่อนแล้วผมรีบหลับตาต่อเพราะเห็นต้อมมันเงยหน้าขึ้นมา
“พี่นัทยังไม่ฟื้นเลนหรอตั้งแต่เมื่อคืน” หนุ่ยมันถามต้อม เออมันรวมแกล้งกับผมไปด้วยซะงั้น
ต้อมส่ายหน้า “ถ้าจะไม่ดีแน่กูว่า ถ้าตื่นมาแล้วจำมึงไม่ได้เหมือนที่มึงจำพี่เขาไม่ได้ทำไงวะ” เออความคิดเข้าท่าทำไมผมคิดไม่ถึงบ้างนะ แต่ผมคงแกล้งแบบนี้ไม่ได้หรอกเพราะผมอำคนไม่ค่อยเก่ง
“กูก็จะดูแลพี่เขาเองเหมือนที่พี่เขาทำให้กูนี่แหละ กูทำให้พี่เขาเสียใจมามากพอแล้ว” ต้อมบอก สงสัยถึงเวลาที่ผมต้องฟื้นแล้วมั้ง เพราะเดี๋ยวพยาบาลเข้ามาตรวจความแตกกันพอดี ผมเลยลืมตาขึ้น
“พี่นัทตื่นแล้วหรอครับ” ต้อมมันเข้ามากอดผมทันที
“โอ๊ย” ผมต้องร้องออกมาเพราะมันยังระบมอยู่ ต้อมรีบปล่อยตัวผมทันที “แล้วเรามากอดพี่ทำไม ไหนบอกให้พี่อยู่ห่างๆเราไม่ใช่หรอไง” ผมแกล้งยังโกรธเรื่องที่ต้อมบอกให้ผมอยู่ห่างๆกันไว้ก่อน
“ไม่ใช่นะพี่ผมไม่เคยอยากให้พี่อยู่ห่างจากผมเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนั้นผมจำอะไรไม่ได้จริงๆ” ต้อมพยายามอธิบาย
“หรองั้นต่อไปก็คงลืมพี่อีกนั่นแหละ งั้นเราห่างกันก็ดีนะ” ผมเห็นหนุ่ยกับไอ้ตี๋นั่งยิ้มกันอยู่สองคน
“ไม่นะผมไม่ยอมห่างพี่อีกแล้ว ตอนนั้นผมจำไม่ได้จริงๆแต่ต่อไปผมจะไม่มีวันลืมพี่อีกแล้ว พี่จะให้ผมทำอะไรผมก็ยอมพี่ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ” นั่นมันเริ่มเอาลูกอ้อนออกมาใช้อีกแล้วครับ ไม่ได้ผมต้องใจแข็งเข้าไว้
“ตอนก่อนผ่าตัดเราก็สัญญาไปทีแล้วนะ แล้วครั้งนี้จะเชื่อได้หรือ”
“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงถึงจะเชื่อ พี่บอกผมมาเลยผมจะทำให้ทุกอย่าง” สายตามันมุ่งมั่นมากๆ
“เราจะยอมทำทุกอย่างจริงๆนะ” ผมถามย้ำ
“จริงครับขอแค่พี่บอกมาผมจะทำให้หมดเลย ขอแค่พี่ยกโทษให้ผมเท่านั้นเอง” จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะครับก็มันป่วยนี่นา
“งั้นเราต้องรักพี่คนเดียวตลอดไป แล้วห้ามลืมพี่อีกนะ” ผมเอามือลูบหัวมันเบาๆ
“เรื่องนี้พี่ไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว ผมรักพี่นัทที่สุดเลยนะครับ” แล้วมันก็ลุกขึ้นมาจูบผมมันเป็นจูบแห่งความรักแบบที่ผมรอคอยมานาน ตอนนี้ผมอายมากกว่าเพราะตี๋กับหนุ่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย แล้วพยาบาลยังเข้ามาพอดีอีกผมละหน้าแดงเลยทีนี้ พยาบาลก็มองหน้าผมกับต้อมแบบแปลกๆด้วยคงไม่คิดว่าผมกับต้อมจะคบกันได้ละสิ อีกคนหน้าตาดีออกอย่างนั้นส่วนผมธรรมดาจะตาย
หมอให้เราสองคนนอนต่ออีกสองวันรอดูอาการอื่นๆก่อน ระหว่างนั้นผมถึงได้ถามต้อมช่วงที่ลืมผมมันก็บอกว่าจำผมไม่ได้จริงๆไม่รู้ทำไม แต่ที่พอจะจำได้ก็ตอนที่โดนผมจูบตอนนั้นนะแหละครับ มันบอกต่อว่ามันเลยสับสนไปหมดช่วงนั้นเลยพูดกับผมแบบนี้ มาจำผมได้ก็ตอนที่วิ่งเข้าไปช่วยผมแล้วกลับเป็นว่าผมช่วยมันแทน มันบอกเหมือนเหตุการณ์วันสงกรานต์ที่ผมเขาไปบังขวดเบียร์ที่ลอยมาทางมัน
สองวันที่อยู่โรงพยาบาลต้อมมันดูแลผมยิ่งกว่าเด็กอีกครับ ทั้งป้อนข้าวเช็ดตัวทำให้ทุกอย่างสงสัยจะชดเชยกับช่วงที่ผ่านมา วันออกจากโรงพยาบาลมันเดินจับมือผมตลอดเลยเหมือนกลัวว่ามันจะลืมผมอีกหรือไงก็ไม่รู้ แต่ผมก็มีความสุขนะครับ คนที่ผมรักกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วถ้าไม่มีความสุขผมก็คงบ้าไปแล้วแน่ๆ
“พี่นัทครับ” ต้อมเรียกผมเมื่อเรากลับมาถึงบ้านกันและขึ้นมาบนห้องแล้ว
“ว่าไง มี....” ผมพูดยังไม่ทันจบต้อมก็เข้ามากอดแล้วจูบผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจูบกันเนิ่นนานมากเหมือนกับว่าเรากำลังเติมในช่วงเวลาที่เราขาดหายไปของเราทั้งสองคน
“ผมรักพี่ที่สุดเลยครับ และผมก็รู้แล้วพี่รักผมมากแค่ไหน ถ้าต่อไปผมจะจำพี่ไม่ได้ผมของตายดีกว่า” ต้อมพูด
“อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าต้อมตายไปแล้วพี่จะทำยังไง พี่ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีเรา” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายจูบมันกลับไปบ้าง ผมหวังว่าความรักของผมกับมันคงจะมั่นคงตลอดไปนะครับ

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ดูเดอะสตาร์ก่อนแล้วจะมาลงตอนใหม่นะครับ

แต่ว่าอ่านกันจบยังน้อ

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ลุ้นตั้งนาน กัน ได้เป็นเดอะสตาร์จริงๆด้วย

แอบเชียร์อยู่ครับ
ตอนที่19
วันนี้เป็นวันรับปริญญาของผมแต่ผมไม่บอกนะครับว่ารับที่ไหนเดี๋ยวจะรู้กันหมดว่าผมจบจากที่ไหน ต้อมแต่งตัวหล่อมากเลยวันนี้มันบอกวันสำคัญของผมจะไม่หล่อได้ยังไง ดูมันไม่รู้จะไปอวดใครที่ไหนกันเก็บเอาไว้อวดผมที่บ้านคนเดียวก็ได้(หุหุ แอบหวงเล็กๆ)
ผมมาถึงที่รับปริญญาแต่เช้ากับต้อมเพราะกลัวไม่มีที่จอดรถ และก็มารอพ่อกับแม่ผมด้วยเห็นว่าพ่อกับแม่ต้อมก็จะมา ทุกวันนี้พ่อกับแม่ต้อมเขายอมรับเรื่องผมกับต้อมแล้วครับ อีกอย่างคบกับผมต้อมก็เรียนดีขึ้นอีกด้วยก็ผมไม่อยากให้ใครมาว่าได้นี่ครับเลยเคี่ยวมันเรื่องเรียนเยอะหน่อย ทำให้พ่อแม่ต้อมมองผมดีขึ้นมาเยอะเลยเพราะปกติต้อมมันจะเป็นคนที่เรียนค่อนข้างแย่เลยก็ได้
ผมนั่งรอได้ชั่วโมงกว่าๆพ่อกับแม่ผมก็มาถึงครับ อีกสักพักพ่อกับแม่ต้อมก็มานี่เป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่ผมเจอพ่อแม่ของต้อม เจอกันครั้งแรกก็คุยกันซะถูกคอเลยบ้านผมเข้ากับคนง่ายกันหมดแหละครับ แต่แอบๆได้ยินพ่อผมกับพ่อต้อมบ่นว่าไม่มีหลานให้อุ้มนี่สิ แต่ก็จริงของเขาผมกับต้อมจะไปมีหลานให้เขาได้ยังไงละครับเห็นด้วยกับผมใช่ไหมละครับ
พวกเรานั่งคุยกันสักพักผมก็เริ่มมองหาเพื่อนผมแล้ว ยังไม่เห็นไอ้ตี๋กับไอ้แนทเลยทำไมมันมาสายกันจัง ระหว่างที่ผมมองหาเพื่อนกับไปเจอหนุ่ยแทน หนุ่ยมาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่มากๆแบบที่เดินมาคนอื่นต้องมองตามเลยก็ว่าได้ ไม่รู้มันจะเอามาทำไมใหญ่ขนาดนั้นแต่ก็คงเอามาให้ผมนะแหละมันจะให้ใคร
หลังจากเรื่องคราวนั้นดูเหมือนหนุ่ยจะทำใจได้มากขึ้น หนุ่ยบอกว่าทำใจได้แต่ยังตัดใจไม่ได้นะ เออเอากับมันสิแต่ผมคิดว่าถ้ามันเจอคนที่ใช่จริงๆมันก็คงจะตัดใจจากผมได้เอง ผมอยากให้มันเจอเร็วจังมันจะได้มีความสุขกับเขามั่งซะที หนุ่ยมาถึงก็ไหว้พ่อแม่ผมกับต้อมแล้วก็เอาดอกไม้มาให้ผมพร้อมด้วยแสดงความยินดี ตอนให้ดอกไม้มันกอดผมด้วยผมเห็นต้อมมองใหญ่เลยแต่เอาน่าวันดีทั้งทีต้อมมันต้องทำใจ
ไอ้ตี๋กับไอ้แนทถึงก่อนจะเข้าห้องรับปริญญาประมาณชั่วโมงได้ ยังพอมีเวลาที่ให้พวกเราถ่ายรูปกันได้เยอะพอดู ก่อนเข้าผมลืมไปอีกคนเจ้าแจ็คไงครับมันมาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ มันบอกว่าเอาไว้แทนตัวมันดูพูดต้อมเลยบอกว่าก็ดีจะได้เอาไว้เตะเล่น พอกันหมดอะพวกนี้เจอหน้ากันครบทีมเมื่อไหร่ละผมละกลุ้มใจจริงๆ
พอเสร็จพิธีผมออกมาข้างนอกเพราะผมนัดกับพ่อแม่ของผมกับต้อมไว้ว่าจะไปเลี้ยงฉลองด้วยกัน ต้อมมารอผมที่ประตูทางออกเลยน่ารักจริงๆแฟนผม ยิ่งตั้งแต่หายจากความจำเสื่อมอะไรนั่นมันยิ่งดูแลผมดีมากกว่าเดิมอีกครับ
“ไอ้แนทเดี๋ยวไปรถเราก็ได้ แกยังไม่ได้กลับบ้านวันนี้ไม่ใช่หรอ” ผมหันไปชวนแนทไปกินข้าวด้วยกัน
“เออ ว่าจะกลับพรุ่งนี้แหละ พ่อกับแม่รออยู่” พ่อกับแม่ไอ้แนทไม่ได้มาครับเพราะที่บ้านทำสวนแล้วช่วงนี้มีลูกค้าสั่งของเยอะเลยมาไม่ได้
“ไอ้ตี้เดี๋ยวแกตามไปนะโว้ย ร้านเดิมนะแหละ” ผมตะโกนบอกมันเพราะมันแยกตัวไปหาพ่อกับแม่มัน มันหันมาพยักหน้าแล้วโยกมือก่อนแยกออกไป
“คุณณัฐ..... ..................... เชิญพบที่จุดประชาสัมพันธ์ด้วยครับ” เสียงประชาสัมพันธ์ประกาศเรียกชื่อผมทำไมนะ ผมเลยเดินไปกับต้อมกับไอ้แนทพอผมเดินเข้ามาถึงประชาสัมพันธ์ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม พี่เขาก็แนะนำตัวก่อนเลยว่าชื่อพี่น้ำเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง สนใจผมอยากให้ไปทำงานด้วยกันตอนนั้นผมก็งงเหมือนกัน สักพักก็มีคนมายื่นนามบัตรให้ผมอีกสองสามคน มาทาบทามผมเข้าทำงานเหมือนกันผมงงไม่พอไอ้ต้อมกับไอ้แนทยังงงไปกับผมด้วย
ผมมาจำได้ที่หลังว่าตอนผมฝึกงานที่ฝึกงานเขาเคยส่งผมไปทำงานรวมกับบริษัทของพวกเขามาก่อน เขาเลยตามมาทาบทามอีกอย่างผลการเรียนของผมอยู่ในระดับตำนานคณะเลยนะครับ ผมไม่ได้โม้นะครับเพราะตอนเรียนผมได้เกรด B+ แค่สองตัว ที่เหลือผมกวาด A หมดเลยครับ แถมผมยังทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยผมเลยเป็นที่รักของอาจารย์มากคนหนึ่ง แต่ผมไม่ได้เกรียตินิยมนะครับเพราะผมวางแผนการเรียนแบบมาเอาเกรียตินิยม ผมจะลงซัมเมอร์เรียนวิชากับรุ่นพี่ล่วงหน้าตลอดเลยครับ เพราะเวลาช่วงเรียนปกติจะได้มีวิชาที่ลงเรียนน้อยลงมีเวลาทบทวนได้เยอะขึ้น ไม่รู้ใครคิดเหมือนผมหรือเปล่าผมคิดว่าเกรียตินิยมกันก็แค่เหมือนคำที่ตั้งมายกตังเองเท่านั้นเอง ส่วนผมคิดว่าความสามารถนี่แหละคือคงามจริง เพราะบางคนได้เกรียตินิยมแต่ทำงานไม่เป็นก็เยอะแยะไป แบบว่าเก่งแต่เรื่องเรียนเรื่องอื่นเอาตัวไม่รอดไงครับ
กลับมาเรื่องพวกพี่ที่เข้ามาทาบทามผมต่อครับ ผมเลยบอกว่าขอเวลาตัดสินใจก่อนเพราะเพิ่งจบยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเรียนต่อหรือจะทำงานนะครับ แล้วผมก็ขอตัวกลับก่อนพอมาถึงร้านอาหารพ่อแม่ของพวกเราก็มารอเรียบร้อยแล้ว ต้อมมันก็เล่าเรื่องที่มีคนมาติดต่อให้ผมทำงานกับพ่อแม่มันทันทีเลย ไม่รู้จะอวดแฟนตัวเองไปถึงไหนกันดูพอแม่ต้อมก็มองผมในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่อาหารจะมาหนุ่ยกับไอ้ตี๋ก็มาถึงพอดีเรานั่งคุยกันเรื่องต่างๆพ่อแม่ผมบอกว่าจะกลับก่อนไม่ค้างกับผมที่กรุงเทพเพราะเป็นห่วงน้องหมานะครับ คิดดูสิห่วงหมามากกว่าลูกแล้วตอนนี้แม่ผมให้เหตุผลว่าไรรู้ไหมครับแกบอกว่าหมามันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ผมช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ต้องห่วงแล้ว
พ่อแม่ต้อมเลยขอกลับไปพร้อมกันทีนี้เหลือแต่พวกผมแล้วครับ เวลาแห่งการกินเหล้าก็มาถึงแล้วพวกเราเลยย้ายร้านไปผับร้านประจำครับ เพราะที่ผับนี้พนักงานเห็นหน้าพวกผมเมื่อไหร่เคลียที่ให้ทันทีเลยครับมาบ่อยไม่ว่าทิปกระจายอีกพวกผม ยิ่งเมายิ่งทิปพนักงานละแย่งกันมาเลยโต๊ะพวกผมวันนี้ผมเมาได้เต็มที่เลยครับต้อมมันอนุญาตแล้ว มันบอกว่าจะไม่ให้ผมห่างตัวเลยเวลาเมาเพราะห่างที่ไรปัญหาเกิดทุกทีแต่ก็จริงของมันครับ
ผมเมาเต็มที่จริงๆวันนี้ส่วนไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ดีที่ว่าหนุ่ยอาสาพาไปส่งบ้านเลยไม่ต้องกลัวเรื่องอุบัติเหตุ พอผมมาถึงบ้านต้อมพาผมขึ้นมาบนห้องแล้วพาผมไปอาบน้ำครับถ้าไม่พาไปผมก็คงไม่อาบหรอกครับเมาขนาดนั้นแล้ว พอมานอนที่เตียงผมนึกขึ้นมาได้พอดีว่าต้อมยังไม่ได้ให้อะไรผมเลยนี่นา อย่างนี้ต้องทวงหน่อยแล้ว
“ต้อมวันนี้ไม่มีอะไรให้พี่เหมือนคนอื่นบ้างหรอ” ผมพูดเสียงอ้อแอ้แล้วตอนนี้ เมามากแต่ยังอยากได้ของจากต้อมมากกว่า
“พี่อยากได้อะไรละ” ต้อมมันถามย้อนผมอีกแสดงว่ามันไม่ได้เตรียมอะไรให้ผมใช่ไหมนี่
“อะไรอะไม่ได้เตรียมอะไรให้พี่หรือไงวันนี้วันรับปริญญาพี่นะ” ผมเริ่มจะงอนแล้วตอนนี้
“โอ๋ๆๆ ผมเตรียมให้แล้ว” แล้วมันก็จูบผมทันที เออของขวัญชิ้นนี้ท่าทางจะทำผมเหนื่อยแน่ๆ แต่ก็ดีเบจิต้าผมไม่ได้ทักทายโงกุนนานแล้วด้วย
ผมหลับไปเพราะทั้งเมาทั้งเพลียจากของขวัญชิ้นงามของต้อม แต่วันนี้เป็นเช้าที่ผมไม่ต้องคิดอะไรทั้งหมด ดูมันช่างสบายเหลือเกินผมเอามือขึ้นมาขยี้ตาเพราะยังไม่อยากตื่นเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม ผมลืมตามองเห็นแหวนทองคำขาวฝั่งเพชรเม็ดเล็กๆตรงกลาง มันมาอยู่ในมือผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันผมถอดออกมาดู เห็นข้างในแกะสลักคำว่า Tom & Nat ไว้ ผมเลยหันไปมองมือต้อมที่ตอนนี้ยังไม่ตื่นที่นิ้วนางข้างซ้ายมันก็มีเหมือนกัน ต้อมมันแอบทำ surprise ผมหรือนี่ อย่างนี้ต้องให้รางวัลหน่อยแล้วผมเลยหันไปหอมแก้มมันหนึ่งที จนมันตื่นขึ้นมา
“พี่นัทจะลักหลับผมหรือไง” ดูมันคิดได้ไงเนี่ยจะลักหลับ อยู่กันขนาดนี้ไม่ต้องลักแล้วทำโต้งๆเลยดีกว่ามั้ง
“อ่านะ ไม่ใช่แหละ ให้รางวัลต่างหากนี่ไง เราให้พี่หรอแต่ขอเป็นแบบตอนที่รู้ตัวได้ไหมละ” ผมบอกพร้อมกับยิ้มให้
“งั้นถอดมาก่อนเลย” มันแบมือมาที่หน้าผม ผมก็เลยถอดแหวนให้มันคืนไป มันก็ลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผมให้นั่งตามมัน พอผมลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้วต้อมมันก็จับมือซ้ายผมไว้
“อยู่กับผมตลอดไปนะครับ” มันสวมแหวนกลับคืนมาให้ผมแล้วเอามือผมไปจูบอีกที
“งั้นเราก็ต้องอยู่กับพี่ตลอดไปเหมือนกันนะ” ผมบอกแล้วจับหน้าต้อมขึ้นมาจูบ ถึงจะยังไม่ได้ล้างหน้ากันแต่ผมก็คิดว่าเป็นจูบที่ผมมีความสุขมากๆครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนสายๆเราออกไปกินข้าวนอกบ้านกันเพราะช่วงรับปริญญาต้อมก็หยุดเรียนเหมือนกัน ระหว่างกินข้างกันผมเลยคุยกับต้อมเรื่องว่าผมจะทำงานเลยดีไหมหรือว่าจะเรียนต่อดี เพราะตั้งแต่จบผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยดูแลต้อมกับอยู่บ้านเฉยๆมันก็เริ่มเบื่อแล้ว อ้อผมลืมบอกไปอีกอย่างคือว่าต้อมมันคงไม่จบสี่ปีนะครับก็ช่วงที่มันเกิดอุบัติเหตุไงครับ ซัมเมอร์ก็ดรอปพอกลับมาเรียนเทอมแรกมันก็ลงแค่ 3 วิชา เท่านั้นเพราะที่บ้านกลัวมันจะเครียดแล้วเป็นอะไรไปอีก ทำให้มันต้องจบห้าปีแทนครับ
“ต้อมพี่ว่าพี่จะไปทำงานแล้วละนะ ไม่อยากขอเงินที่บ้านแล้วไหนๆก็จบแล้ว” ผมบอกต้อม
“รอทำพร้อมผมไม่ได้หรอ จะได้ไปทำที่เดียวกัน” ต้อมทำเสียงอ้อน
“ไม่เอาหรอกแล้วจะเอาอะไรกินละ กว่าเราจะจบอีกตั้งปี” ผมให้เหตุผล
“ก็เดี๋ยวผมเลี้ยงเองก็ได้” ดูมันคิดได้เนอะ
“ไม่เอาหรอกเรายังของเงินพ่อแม่อยู่เลย จะมาเลี้ยงพี่ได้ยังไงเดี๋ยวพี่ทำงานเลี้ยงเราดีกว่ามั้ง ยังดูดีกว่าตั้งเยอะ”
“พี่ไปทำงานแล้วผมละ เดี๋ยวก็ทำแต่งานแล้วเจอคนอื่นละ ผมจะทำยังไง” อ๋อ ที่แท้มันกลัวผมจะไปชอบคนอื่นนี่เอง โรคขี้หึงแบบไร้เหตุผลมันมาอีกแล้ว
“นี่ยังไม่รู้อีกหรอว่าพี่รักเราขนาดไหน แล้วนี่ดูดิแบบนี้ใครมันจะมาสนใจ” ผมชูแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้มันดู
ผมคุยกับต้อมเรื่องทำงานตลอดจนกลับบ้านเลย ต้อมมันก็ไม่ยอมเข้าใจสักทีมันกลัวแต่ผมจะไปมีคนอื่นอยู่นั่นแหละเฮ้อเหนื่อยใจจริงๆ จนเข้านอนผมยังคุยกับมันอยู่เลย
“ตกลงว่าพี่จะไปทำงานนะ ไม่งั้นพี่จะกลับไปอยู่บ้านจนกว่าเราจะเรียนจบ เลือกเอาจะเอาอย่างไหน” ผมยืนข้อต่อรองไปบ้างทีนี้
“ถ้าพี่นัทกลับบ้านผมก็ไม่ได้เจอพี่นะสิ แบบนี้มันบังคับกันเลยนี่นา” ต้อมทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“แล้วเราจะให้พี่ทำยังไงละ ถ้าไม่ทำงานพี่ก็ต้องขอเงินที่บ้านใช้อยู่ดี สู้กลับไปอยู่บ้านดีกว่าไม่ต้องใช้เงินด้วย ตอนนี้พี่เรียนจบแล้วนะ เราจะให้พี่อยู่เฉยๆขอเงินที่บ้านหรือเอาเงินจากเราใช้ได้ยังไง เอาตกลงว่าไงเลือกมาเลยดีกว่า” ผมอธิบายเหตุผลให้มันฟังกึ่งบังคับนิดหน่อย ต้อมมันทำท่าคิดจนคิ้วชนกันแล้วตอนนี้
“งั้นผมให้พี่ไปทำงานก็ได้แต่พี่ต้องสัญญาอะไรกับผมอย่างหนึ่งก่อน” มนเปลี่ยนเป็นทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วตอนนี้
“ลองว่ามาก่อนสิถ้าทำได้พี่จะทำ” ผมเริ่มสงสัยแล้วว่ามันจะให้ผมทำอะไร
“ไม่มีอะไรมากหรอกแค่พี่ห้ามถอดแหวนออกแล้วถ้าใครถามก็บอกไปเลยว่าพี่แต่งงานแล้ว ก็แค่นั้นเองทำได้ไหมละ” ผมก็นึกว่ามันจะขออะไรมากมาย แต่เฮ้ยแต่งงานแล้วผมไปแต่งกับมันตอนไหนกัน
“เดี๋ยวก่อนนะแต่งงานแล้วเลยหรอ เอาแค่มีแฟนแล้วหรือหมั่นอยู่ไม่ได้หรอ” ผมต่อรองก็คิดดูสิผมจบมาไม่ถึงปีแต่งงานซะแล้วมันดูเร็วไปไหมละครับ
“ไม่เอาต้องแต่งงานแล้วเท่านั้น ไม่งั้นผมให้พี่กลับไปอยู่บ้านดีกว่า ผมไปหาพี่ทุกเสาร์อาทิตย์ก็ได้” ดูมันสิครับมันพลิกกลับมาถือไพ่เหนือกว่าผมอีกแล้ว แล้วผมจะทำไงได้ละครับนอกจากตกลงเท่านั้นเอง
“งั้นถือว่าเราแต่งงานกันแล้วนะ งั้นคืนนี้ก็ส่งตัวเข้าหอวันแรกนะสิ” มันยิ้มแบบมีแผนในใจอีกแล้ว
แล้วมันก็จริงอย่างที่ผมคิดไม่ทันไรต้อมมันก็พลิกตัวมาทับตัวผมทันที มันบอกว่าเข้าหอวันแรกต้องมีความสุขสิครับ มันพูดแบบนี้จะเหลืออะไรละครับ โงกุนกับเบจิต้าต้องสู้กันอีกแล้วคืนนี้ แล้ววันนี้ก็ใช่ย่อยที่ไหนละครับโงกุนกับเบจิต้าสู้กันไปสองรอบเล่นเอาเหนื่อยแทบตาย แต่ยังดีนะครับที่พรุ่งนี้ต้อมไม่ได้ไปเรียนไม่งั้นคงขอบตาดำไปเรียนแน่ๆ 555
เราตื่นกันก็เกือบบ่ายเลยครับ พอตื่นมาเราก็มาคุยกันเรื่องงานผมต่อว่าเราจะไปทำงานที่ไหนดี เราคุยกันอยู่นานจนผมคิดว่าจะลองไปที่บริษัทพี่น้ำก่อน เพราะเป็นบริษัทไม่ใหญ่มากคนไม่เยอะแล้วผมก็คิดว่าไปหาประสบการณ์ก่อนด้วย เพราะยังไงผมก็อยากเรียนโทต่อ ต้อมก็เห็นด้วยนะครับแต่ที่เห็นด้วยเพราะบริษัทพี่น้ำมีคนไม่เยอะ ผมจะได้เจอคนได้น้อยลง ผมเลยโทรหาพี่น้ำแกก็บอกให้ผมไปหาแกที่บริษัทวันพุธหน้าได้เลย นี่ผมกำลังจะก้าวเข้าสู่ชิวิตของคนทำงานแล้วใช่ไหม ผมก็เริ่มจะกังวลเหมือนกันแล้วตอนนี้

kk_oi1983

  • บุคคลทั่วไป
พี่นัทคร้าบมาต่อไวไวนะ

NUKWUN

  • บุคคลทั่วไป
เเบบว่า...ช่วยเว้นบรรทัดหน่อยได้รึเปล่าครับ
คือว่าลงเยอะเเล้วมาอ่านทีเเล้วมันลายตา มึนไปเลย
อ่ะครับ เว้นประมาณ 2 เคาะก็โอเคมั้งนะ ช่วยหน่อยนะคร้าบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด