รุ่นน้องวุ่นรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รุ่นน้องวุ่นรัก  (อ่าน 74496 ครั้ง)

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

paulla

  • บุคคลทั่วไป
รักกัน ๆ....ตลอดไปนะคับ

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่39

แล้ววันอังคารก็มาถึงผมไปทำงานตามปกติ ต้อมไปรอรับบาสที่หมอชิตใหม่เพราะจะมาถึงตอนเช้า ตกลงมันกลายเป็นญาติพวกผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บาสมาถึงราวๆแปดโมงเช้าต้อมโทรมาบอกผมตอนที่เจอกับบาสแล้ว มันสองคนกลับมารอผมอยู่ที่บ้านจนถึงตอนเย็น ผมกลับมาถึงกำลังเล่นเกมส์กันอย่างเมามันเลยครับ ตกลงว่าบ้านผมกลายเป็นที่เลี้ยงเด็กไปแล้วใช่ไหมครับตอนนี้

พอผมกลับมาผมกับต้อมก็พาบาสไปทัวร์กินก่อนเลยครับ เพราะตอนไปเชียงใหม่มันยังพาผมไปกินร้านอร่อยๆตั้งหลายร้าน ผมพาบาสไปกินโรตีมะตะบะที่ถนนพระอาทิตย์ครับ บาสมันชอบสลัดแขกที่ร้านนั้นมากเลยผมเองก็ชอบ ยิ่งกินกับมะตะบะด้วยแล้วยิ่งอร่อยเลยครับ

หลังจากกินของคาวอิ่มแล้วก็ไปต่อที่ถนนดินสอเลยครับ กินมนต์นมสดเลยครับที่แรกมันบอกที่เชียงใหม่ก็มี แต่ไม่เหมือนกันหรอกครับนี่มันเจ้าแรกต้นตำหรับ ถ้าใครเคยไปช่วงเย็นๆจะรู้เลยนะครับว่าต้องยืนรอคิวกันเลยที่เดียว บาสมันเห็นทีแรกยังงงเลยว่าทำไมคนถึงมากินกันเยอะขนาดนี้ ระหว่างที่ยืนรอเราก็กินปลาหมึกย่างร้านรถเข็นตรงเยื่องๆจากร้านมนต์นะครับ ผมกินประจำน้ำจิ้มเขาอร่อยมากเรียกว่าแทบทุกครั้งที่ไปมนต์เลยดีกว่า

หลังจากกินของหวานแล้วไปแถวนั้นแล้วก็ต้องไปเดินสะพานพุทธสิครับ ไปถึงก่อนเดินดูของก็ซื้อของกินก่อนเลยไข่ปลาหมึกกับปลาไข่ไงครับ วันนี้วันเดียวกินอิ่มมากๆจนบาสมันบ่นว่าจะเดินดูของไม่ไหวอยู่แล้ว บาสมันซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าที่สะพานพุทธกลับมาด้วย ก่อนกลับยังแวะซื้อขนมปังสังขยากินกันอีกคนละชิ้นด้วยครับ กลับมาถึงบ้านเกือบตีหนึ่งเข้าไปแล้ว

มาถึงบ้านบาสนอนข้างล่างห้องเก่าของน้าแหละครับ ตอนนี้กลายเป็นห้องรับแขกไปแล้วเวลาที่มีเพื่อนมาที่บ้าน

“ให้ผมนอนข้างล่างคนเดียวหรอ พี่นัทไม่นอนเป็นเพื่อนผมหรอครับ” บาสหันมาถามผม

“เอาแข้งพี่ไปนอนเป็นเพื่อนก่อนไหมละ มันจะมากไปแล้วนะให้มานอนแล้วยังเรื่องมากอีก” ต้อมหันไปบอกบาสแทนผม

“โห ยังงี้นอนคนเดียวดีกว่านะพี่ ล้อเล่นแค่นี้ทำโหดใส่น้องอะ” บาสมันยิ้มทะเล้นให้ต้อม ตอนนี้ทำให้เหมือนเรามีน้องชายมาอยู่ที่บ้านเพิ่มเลยครับ ดีเหมือนกันบ้านไม่เงียบ

“แต่ว่าอย่าทำอะไรกันเสียงดังนะครับ เดี๋ยวผมนอนไม่หลับ” บาสมันพูดแล้วรีบปิดประตูห้องหนีไปเลย

ช่วงที่บาสมาอยู่ตอนเย็นหลังจากทำงานผมก็จะพามันไปทัวร์กินนี่แหละครับ เพราะกรุงเทพเราของกินอร่อยเยอะไปหมด จนบาสมันบ่นว่าจะอ้วนก่อนกลับไหมเนี่ย วันอาทิตย์ผมหยุดงานเลยนัดกันว่าไปเที่ยวสวนสยามดีกว่าผมอยากไปเล่นน้ำด้วยครับ ผมบอกให้ต้อมโทรชวนหนุ่ยไปด้วยเพราะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแหละ อีกอย่างอยากให้หนุ่ยรู้จักกับบาสไว้ด้วย

วันอาทิตย์หนุ่ยมาถึงบ้านผมแต่เช้าเพราะผมบอกว่าให้ไปรถคันเดียวกันดีกว่า ขนาดไม่ได้เจอกันตั้งนานหนุ่ยก็ยังดูน่ารักอยู่ดีครับ ผมเห็นบาสมองหน้าหนุ่ยแบบอึ้งๆนิดๆเหมือนกันน่ารักละสิท่า ดูบาสมันเกร็งๆกับหนุ่ยเหมือนกันเพราะมันนั่งข้างหลังกับหนุ่ย พวกเรามาถึงสวนสยามกันเกือบสามโมงเย็นแล้ว

มาถึงพวกเราก็ไปเล่นน้ำก่อนเลยครับก็ผมตั้งใจจะมาเล่นน้ำนี่นา เราใส่กางเกงว่ายน้ำแบบเต็มตัวนะครับเราไปเล่นตรงที่เป็นน้ำวนครับ ตอนเดินลงไปหาที่นั่งมีแต่คนมองมาทางพวกผม ก็แน่ละสิครับมีแต่คนหน้าตาดีหุ่นดีทั้งนั้นนี่ครับยกเว้นที่ผมอยู่คนเดียวนะครับ

ระหว่างเล่นน้ำผมก็มีสามหนุ่มนี่อยู่ข้างๆตลอดเลย ผมว่าคงเป็นที่อิจฉาของหลายๆคนในวันนั้นแน่ๆเลย เพราะผมสังเกตเห็นมีคนมองมาทางกลุ่มผมบ่อยๆ ยิ่งตอนเล่นน้ำนะครับต้อมจะมาเกาะหลังผมตลอดเลย ไม่รู้มันจะกันท่าพวกหนุ่ยกับบาสหรือเปล่าปกติมีเสื้อผ้ามันยังไม่ให้มาเกาะแกะเลย แล้วนี่ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำมันคงยิ่งหวงแน่ๆ

ผมเป็นคนชอบเล่นอะไรที่สนุกและหวาดเสียวนะครับ ตอนเล่นน้ำก็เล่นสไลด์เดอร์ชั้นสูงสุดเราลงมาพร้อมกัน4คนเลยครับ สนุกดีแต่ไม่ไหวเดินขึ้นสองสามรอบก็แย่แหละเหนื่อย ตอนกลุ่มผมเล่นนะคนมาดูเยอะเลยแต่คงไม่ได้มาดูผมหรอกครับ บางครั้งเวลาไปไหนกับพวกหนุ่ยต้อมพร้อมกันผมก็อึดอัดเหมือนกันเวลาที่คนมองเยอะ แต่หลังๆชินแล้วครับทำไงได้ก็แฟนผมมันดันหล่อนี่ครับ

เราเล่นน้ำกันจนเกือบๆห้าโมงเย็นก็ขึ้นเพราะผมอยากเล่นเครื่องเล่นแหละ เหมือนมาปล่อยแก่ยังไงก็ไม่รู้นะผม

“ไปเล่นรถไปเหาะตีลังกากันเถอะ” ผมหันไปชวน(ตอนนั้นมันยังไม่มีพวกเวอร์เทคกับบูมเมอแรงเลยครับ)

“เอาตีลังกาเลยหรอพี่ เอาเหาะธรรมดาก็พอมั้งพี่” บาสออกตัวคนแรกเลย

“ไม่เอาพี่จะเล่นตีลังกา ใครเล่นไม่ได้ก็รอข้างล่างเลยแต่พี่จะเล่น” ผมหันไปมองหน้าต้อมเพื่อชวนให้เล่นด้วย

ต้อมมองหน้าผมแต่ก็ไม่ปฏิเสธพอเอาเข้าจริงก็เล่นกันหมดทุกคนแหละครับ ผมนั่งกับต้อมหนุ่ยนั่งกับบาสอยู่แถวหน้าผมสองคน ตอนที่รถไฟออกตัวดูถ้าข้างหน้าจะลุ้นกันมากเลยครับ แต่มันก็แค่วูบเดียวเท่านั้นเองแหละครับของเล่นพวกนี้ ผมละเล่นจนชินแล้วแต่ต้อมดิครับบีบมือผมแน่นมากเลย มันคงจะกลัวแน่ๆเลยส่วนคู่หน้าเป็นยังไงไม่รู้หรอกครับ

พอลงมาจากรถไฟเหาะตีลังกาต้อมยังจับมือผมแน่นอยู่เลย ผมละเชื่อเลยว่าพวกมันจะกลัวเครื่องเล่นแบบนี้ เสียชื่อวัยรุ่นหมดกันพอดีแบบนี้

“ต่ออีกรอบไหมละ” ผมแกล้งหันไปถามต้อม ต้อมมองหน้าผมกลับ

“ถ้าอยากให้แฟนหัวใจวายตายก็ได้นะ ผมตามใจพี่เสมอแหละ” เอากับมันสิมันจริงใจหรือมันประชดผมกันแน่

“อืมนะ ใครเขาจะอยากให้แฟนตัวเองตายกันละ ยิ่งหายากๆอยู่แฟนดำแบบนี้” พอผมพูดจบหนุ่ยกับบาสหัวเราะกันใหญ่เลย แต่ต้อมกลับงอนสิครับงานนนี้ปล่อยมือผมเลย

ผมจับมือต้อมกลับมา “แค่นี้ก็งอนด้วย ก็บอกแล้วไงว่าถึงดำพี่ก็รักของพี่นะ” มันยิ้มออกมาแหละพอผมพูดแบบนี้

หลังจากนั้นผมก็พาเล่นต่อด้วยเครื่องเล่นแบบเร้าใจอีกหลายอันเลย ก็ผมชอบนี่นะเครื่องเล่นแบบนี้เพราะเวลาตะโกนออกไปแล้วมันปลดปล่อยอารมณ์ดีครับ เล่นเสร็จแล้วรู้สึกสบายอารมณ์ทุกครั้งเลย ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบเล่นเครื่องเล่นพวกนี้อยู่แหละครับ

กว่าจะได้กลับออกมาจากสวนสยามก็เกือบๆทุ่มแล้ว ผมเลยชวนแวะกินบะหมี่เกี๊ยวร้านอร่อยแถวนั้นเลย บาสมันยังมาบอกว่าผมนี่ช่างรู้ไปหมดว่าแถวไหนมีอะไรอร่อยๆกิน เรื่องอย่างนี้ว่ากันไม่ได้นะครับก็คนมันชอบกินนี่นา แล้วตอนนี้บาสกับหนุ่ยก็ดูสนิทกันมากขึ้นแหละ หนุ่ยยังแอบถามต้อมเลยว่าบาสเป็นใครต้อมก็เล่าให้ฟัง หนุ่ยยังแอบมาแซวผมเลยว่าไปหว่านเสน่ห์ไว้อีกแล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะมันมาของมันเอง

กลับมาถึงบ้านต้อมมันก็เลยชวนหนุ่ยค้างด้วยกันอีกคน เพราะไม่ได้คุยกันนานแล้วจะได้คุยกันนานๆ พวกนั่งคุยกันจนเกือบตีสามได้ส่วนมากก็คุยเรื่องเก่าๆมากกว่าครับ เรื่องสมัยเรียนบาสจะสนใจมากเป็นพิเศษเพราะส่วนมากต้อมกับหนุ่ยมันจะคุยเรื่องของผมเสียมากกว่า ตกลงคืนนี้พวกเรานอนกันที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างกันหมดเลย

บาสมาอยู่ได้เกือบอาทิตย์แล้วครับตอนนี้ดูมันสนุกมากที่ลงมากรุงเทพคราวนี้ วันนี้ผมต้องออกมาหาลูกค้าแต่เช้าเลยเพราะนัดไว้หลายที่ด้วยกัน กว่าจะเสร็จคงค่ำๆแน่เลยวันนี้แต่ไม่เป็นไรนี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วแหละครับเหลืออีกแค่สองคนเองที่ต้องไปพบ

“ครืน ๆ ๆ” เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผม เป็นเบอร์ที่บ้านโทรมานี่นา

“วันนี้ตอนเช้าตื่นมาตักบาตรหรือเปล่า” แม่ถามทันทีที่ผมกดรับโทรศัพท์

“ไม่ได้ตักนัดลูกค้าแต่เช้า ทำไมหรอแม่” ผมสงสัย

“เอาจำวันเกิดตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยนะลูกคนนี้ ลืมทุกปีสิเออ” แม่ผมบ่น

“เออ จริงด้วยไม่ได้นึกถึงเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปถวายสังฆทานแทนนะแม่ ยังไม่เสร็จงานเลยวันนี้นัดลูกค้าไว้เยอะด้วย” ผมบอกแม่ไป

“ดีแล้ว งั้นตั้งใจทำงานนะ ขอให้ก้าวหน้าในการงานนะลูกนะ” แม่ผมอวยพรวันเกิดให้ผม

“ขอบคุณครับแม่” แล้วแม่ก็วางสายไป

ผมลืมวันเกิดของตัวเองอีกแล้วหรอเนี่ยปีนี้ เพราะปกติผมก็ไม่ค่อยสนใจวันเกิดผมอยู่แล้วด้วย ทุกปีต้อมก็จะเป็นคนเตือนผมตลอดแต่ปีนี้ทำไมเมื่อเช้าไม่ได้บอกผมนะ สงสัยมันก็คงจะลืมเหมือนกันเพราะช่วงนี้เราเที่ยวกันเกือบทุกวัน เพราะพาบาสมันเที่ยวด้วยหนุ่ยก็มาด้วยเหมือนกัน

ผมกลับมาถึงบ้านตอนค่ำๆแต่วันนี้ทำไมรถมันจอดเยอะผิดปกติเลยนะ ผมเดินเข้ามาในรั้วบ้านต้อมก็รีบออกมารับทันทีเลยมันต้องมีอะไรแน่ๆผมรู้แล้ว มันต้องแอบจัดงานวันเกิดให้ผมแน่ๆคิดว่าผมลืมละสิ แต่แม่โทรมาเตือนผมนะสิ

“อ่านะไม่ต้องเลย แอบทำไรอีกแล้วใช่ไหมละพี่รู้นะ” ผมบอกดักทางไว้ก่อน ต้อมก็ไม่สนใจกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมก่อนที่จะเดินเอามือมาปิดตาผมไว้

“ไม่ต้องปิดก็ได้ ไม่ surprise แล้วพี่รู้แล้ววันนี้วันเกิดพี่” ผมบอกมันมันก็ไม่สนใจ พาผมเดินเข้ามาบ้าน

พอเข้ามาในบ้านมันก็เปิดตาผม สิ่งที่ผมแปลกใจไม่ใช่อะไรพวกที่ทำงานมากันทุกคน แต่ที่ผมดีใจมากที่สุดก็คือไอ้ตี๋กับไอ้แนทก็มางานวันเกิดผมด้วย ปกติผมกับพวกมันแค่คุยโทรศัพท์กันเท่านั้นเอง ก็พวกมันอยู่ต่างจังหวัดกันนี่ครับทำให้ไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ผมเดินเข้าไปกอดไอ้ตี๋กับไอ้แนทให้หายคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หลังจากผมเลิกกอดเพื่อนผมแล้วก็มีคนมากอดผมจากข้างหลังแทนแล้วทีนี้ ผมเลยหมุนตัวมามองเป็นเจ้าแจ็คนี่เองครับที่มันเข้ามากอดผม ต้อมต้องเดินเข้ามาแยกมันออกจากตัวผมมันยังบ่นอีกว่ากอดหน่อยก็ไม่ได้ ไม่ได้เจอผมมาตั้งนานต้อมเอาผมมาเก็บไว้คนเดียวยังจะหวงอีก ต้อมหันไปตบหัวมันเบาๆมันเลยหยุดบ่น

คนที่ทำหน้างงที่สุดงานนี้ก็ไม่พ้นบาสแหละครับ จนหนุ่ยต้องคอยแนะนำให้บาสฟังเป็นคนๆ บาสมองหน้าผมแบบแปลกใจคงไม่คิดละสิว่าจะมีคนอื่นมาชอบผมอีก แต่ว่าคนที่มาชอบผมนี่หน้าตาไม่ดีไม่ได้นะครับ(ขี้โม้ไหมละครับผม) ทุกคนตั้งใจมางานวันเกิดผมกันแค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ต้อมหนุ่ยบาสเตรียมของสำหรับงานเลี้ยงเรียบร้อยกันไว้แล้ว ถึงค่อยโทรไปตามพวกพี่น้ำกับพวกที่ทำงานของผม ส่วนแจ็คมันจะเอาของขวัญมาให้ผมพอดีเลยอยู่ต่อซะเลย

ผมมีความสุขมากเลยครับงานวันเกิดครั้งนี้ พี่น้ำก็เต็มที่ของแกเลยสั่งให้ไปซื้อเหล้ามาอีกตั้งหลายขวด แกบอกกินเต็มที่แต่พรุ่งนี้ใครทำงานไม่ไหวโดนหักเงินนะครับ

“แกเป็นไงมั่งวะ ชั้นละอิจฉาคู่แกจริงๆเลย คบกันมาได้ตั้งนานยังดูหวานกันอยู่เลย” ไอ้แนทคุยกับผม

“เออนั่นสิ เรานะตั้งแต่เลิกกับคนก่อนก็ยังไม่มีคนใหม่อีกเลย” ไอ้ตี๋เสริม

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เกือบจะเลิกกันตั้งหลายหนแล้ว” ผมบอก

“แต่ก็ยังรักกันดีอยู่นี่นา แค่นี้ก็ดีแล้ว” ไอ้ตี๋ยิ้มให้ผม

หลังจากนั่งคุยกันเองสักพักก็กลับเข้ามานั่งคุยกับคนอื่นๆด้วย พอผมกลับเข้ามาร่วมวงผมก็ได้ยินบาสมันกำลังถามต้อมอยู่พอดีว่า

“พี่ต้อมทำยังไงพี่นัทถึงไม่ยอมเปลี่ยนใจชอบคนอื่นสักที” ดูมันถามสิครับ ผมเลยหันไปมองต้อมดูว่ามันจะตอบยังไง คนอื่นก็รอฟังเหมือนกันตอนนี้

“โห ไม่ต้องตั้งใจฟังกันขนาดนั้นก็ได้มั้ง เงียบกันเชียว แต่ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่พี่มันหล่อว่าพวกเราแค่นั้นเอง” โห ช่างกล้าพูดเนอะทำเอาวงแตกส่งเสียงโห่กันไปเลยทีเดียวตอนนี้ มันคิดได้ไงของมันก็ไม่รู้

เรานั่งคุยเล่นกันจนถึงเที่ยงคืนต้อมมันก็ลุกเดินไปเอาเค้กมา ทุกคนล้อมวงแล้วร้องเพลงวันเกิดให้ผมก่อนที่ผมจะเป่าเทียน พอเป่าเทียนเสร็จคนอื่นก็เอาของขวัญมาให้ผมตอนนี้ พี่น้ำกับวุฒิให้กระปุกออมสินตัวใหญ่มากกับผม แล้วบอกว่าจะได้เก็บเงินไปฮันนีมูนกับต้อม(ว่าจะบอกแล้วครับว่าไปกันบ่อยแล้ว) แกยังบอกว่าใส่เงินกินกระปุกไว้ให้ด้วยนะครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเท่าไหร่ครับ

ไอ้ตี๋ให้นาฬิกาแขวนไอ้แนทให้โคมไฟตั้งโต๊ะเป็นของที่ผมชอบทั้งนั้นเลย แต่ปกติไม่ค่อยซื้อนะครับเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ที่ไหนเลยชอบไปดูมากกว่า หนุ่ยซื้อกระเป๋าเงินมาให้ผมบอกว่าเห็นผมยังใช้ใบเก่าอยู่เลยซื้อมาให้ ของขวัญใครก็ไม่เท่าของแจ็คหรอกครับ มันให้ชุดผ้าปูที่นอนไม่ใช้ธรรมดานะครับมันเอาไปสกรีนรูปมันติดไว้ที่ปลอกหมอนกับปลอกหมอนข้างด้วย มันบอกว่าจะได้เห็นหน้ามันทุกคืนผมละกลัวนอนไม่หลับมากกว่า ต้อมแกล้งบอกมันว่าจะเอาไปทำผ้าม่านหรือไม่ก็ผ้าเช็ดจานดีกว่าแบบนี้ มันทำหน้าเศร้าเลยครับจนผมบอกว่าไม่ทำหรอกแต่จะเก็บไว้นะ

ส่วนต้อมให้นาฬิกาข้อมือกับผมแถมเป็นเรือนที่ผมอยากได้ด้วย แต่ไม่กล้าซื้อเพราะราคามันก็แพงอยู่แล้วนี่มันเอาเงินจากไหนมาซื้อละเนี่ย

“ขอบใจนะแต่ว่าเราซื้อได้ยังไงแพงออก” ผมถามต้อมก็ยิ้ม

“ก็เงินเก็บผมนะสิ แต่ไม่พอหรอกขาดนิดหน่อยเลยโทรไปขอแม่มาด้วย” มันยิ้มให้ผมอย่างภูมิใจ

“ได้ยินแบบนี้พี่ก็สบายใจหน่อย นึกว่าไปขอเงินแม่มาซะอีก” ผมยิ้มให้มันบ้างคราวนี้

กว่าจะเลิกงานก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว มีพี่น้ำกับวุฒิที่กลับบ้านเพราะบ้านอยู่ใกล้นี่เอง ส่วนคนอื่นๆนอนที่บ้านผมกันหมดแหละครับเรื่องปกติอยู่แล้วครับ วันนี้ผมอย่างมีความสุขมากว่าทุกวันเลยครับ

......................

Classical

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาอ่านละ  หุหุ    มาเม้นท์ให้กำลังใจก่อน


ไปอ่านก่อนนะ เด๊วมา  หุหุ

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
น่าอิจฉาน้อ ปีละครั้งคุ้มค่าจริงคนรู้ใจทั้งนั้นมา

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
น่ารักจริงๆ เลยครับคู่นี้

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Dorumi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-1
เข้ามาอ่าน น่ารักดีจ๊ะ
แต่ยังอ่านได้ไม่ถึงไหนเลย
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะจ๊ะ

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่40

ตอนนี้ผมก็กลับมาใช้ชีวิตคู่กันเหมือนเดิมอีกแล้ว บาสกลับไปได้หลายวันแล้วเพราะใกล้เปิดเรียนแล้ว ชีวิตเราสองคนก็เงียบลงเหมือนเดิม ต้อมยังไม่ได้เข้ามาทำงานกับผมเพราะขออยู่เฉยหนึ่งเดือนก่อน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนผมจบผมก็อยากทำแบบนี้เลย แต่ว่าต้องหาเงินใช้ก่อนนะสิครับแต่มันไม่ต้องนี่ครับยังไงผมก็เลี้ยงมันอยู่แหละครับ

ช่วงนี้งานผมก็ไม่ค่อยยุ่งด้วยเหมือนกันผมเลยกลับบ้านเร็วทุกวัน จะไม่ให้เร็วได้ยังไงละครับก็มีคนโทรตามตลอดเลยเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ที่แรกต้อมมันจะมารับทุกวันแต่ผมบอกไม่ให้มามันเปลืองน้ำมันครับ ยิ่งแพงๆอยู่ช่วงนี้มันเลยต้องรออยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ต้องนั่งรถเมล์มารับผมแหละครับ

แต่ผมก็ไม่ค่อยอยากให้มารับหรอกครับมันเหนื่อยเปล่าๆ เพราะยังไงเดี๋ยวก็ไปเจอกันที่บ้านอยู่แล้ว ถ้าต้อมมารับกลับตอนนั่งรถติดๆผมจะหลับหนุนไหล่ต้อมเกือบทุกครั้งเลยครับ ก็มันเหนื่อยนี่นาคิดว่าทุกคนน่าจะเป็นเหมือนกันนะครับ แต่ถ้านั่งคนเดียวไม่กล้าหลับหรอกครับไม่ได้กลัวเลยป้ายนะครับ กลัวหลับแล้วไปซบคนอื่นไปทั่วนะสิตื่นมาอายกันพอดี

“พี่นัทวันนี้ไปกินข้าวนอกบ้านกันนะ” ต้อมโทรมาหาก่อนผมเลิกงาน

“อืมได้สิ แต่ว่าที่ไหนละแล้วนึกยังไงถึงมาชวนไปกินข้าวนอกบ้าน” ผมถาม

“งั้นเดี๋ยวผมไปรับที่ทำงานนะครับ” ต้อมไม่ตอบที่ผมถามเลยแล้วก็วางสายไป มันคิดอะไรของมันอยู่นะ

ต้อมมาถึงก่อนที่ผมจะเลิกงานซักพักมันเข้ามานั่งรอในที่ทำงานผม พี่น้ำยังถามเลยว่าเมื่อไหร่มันจะมาทำงานสักทีมันก็บอกว่าขอพักผ่อนหนึ่งเดือน แล้วจะมาทำงานพี่น้ำก็ไม่ได้ว่าอะไรยังบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาบอกแล้วกัน

“ตกลงเราจะพาพี่ไปไหนวันนี้” ผมถามต้อมอีกครั้งตอนที่นั่งอยู่ในรถแล้ว มันก็ไม่ตอบได้แต่หันมายิ้มๆ

“เอาตกลงจะไม่บอกใช่ไหมเนี่ย” ผมย้ำมันก็ยังเฉยๆอีก แล้ววันนี้มันก็แต่งตัวดูดีเป็นพิเศษอีกด้วย ผมว่ามันต้องมีอะไรจริงๆแล้วละงานนี้

ผมนั่งมาซักพักต้อมก็เลี้ยวรถเข้าโรงแรมชื่อดังแถวถนนวิทยุ อะไรของมันเนี่ยนึกยังไงพามากินข้าวโรงแรมซะหรูเลย

“ว่าไงมีอะไรกันแน่ถึงพามาถึงนี่เลย” ผมยังไม่หายสงสัยเลยครับ

ต้อมหันมายิ้มอีก “วันนี้วันเลี้ยงรุ่นสมัยม.ปลายนะครับ ผมอยากพาพี่มาด้วยไง” มันบอกผมได้แล้วทีนี้

“แล้วพาพี่มาทำไมกัน มีแต่เพื่อนเราทั้งนั้น” ผมทำหน้างงกับเรื่องนี้ว่ามันเกี่ยวอะไรกับผม

“เห็นไหมถ้าผมบอกแต่แรกพี่ต้องไม่ยอมมาแน่ๆ” ต้อมยิ้มแบบรู้ทันผม แล้วดึงมือผมให้เดินตามเข้าไปในโรงแรมที่จัดงาน

เราเดินมาที่ห้องจัดงานหนุ่ยยืนรออยู่ที่ด้านหน้างานแล้ว วันนี้หนุ่ยก็แต่งตัวหล่อไม่แพ้ต้อมเลย แต่ว่าโรงเรียนเก่าพวกมันนี่ไฮโซจริงๆจัดเลี้ยงรุ่นที่โรงแรมนี้เลย พอหนุ่ยเห็นผมกับต้อมเดินมาก็เดินเข้ามาหาทันที ผมยังแกล้งชมหนุ่ยเลยว่าวันนี้หล่อจริงนะหนุ่ยยิ้มเขินๆ

ที่แรกผมไม่อยากเข้าไปหรอกครับก็กลัวมีแต่เพื่อนๆพวกหนุ่ยกับต้อม แล้วผมเป็นคนนอกคนเดียวแต่ก็เห็นหนุ่ยบอกว่าคนอื่นเค้าก็ชวนเพื่อนชวนแฟนมาเหมือนกัน ผมเลยค่อยใจชื้นขึ้นหน่อยนึกว่าจะหลงมาคนเดียวซะแล้วงานนี้ ผมเดินเข้ามาในงานพร้อมต้อมกับหนุ่ย พอเข้าประตูมาผมก็เพิ่งรู้ว่าหนุ่ยกับต้อมมันก็ฮ็อตในหมู่เพื่อนๆน้องๆมันเหมือนกันนี่นา เพราะสังเกตจากพวกเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้องมันเข้ามาทัก ผมยืนเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ตรงนั้นแหละครับเวลาที่พวกเพื่อนๆพวกมันเข้ามาทัก แบบนี้แหละครับที่ผมไม่อยากมางานเลี้ยงรุ่นของคนอื่น

ตอนที่ต้อมกับหนุ่ยคุยกับเพื่อนๆมันอยู่ผมก็เลยแยกออกมายืนคนเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับพวกมันเหมือนกัน ผมเลยเดินมายืนอยู่แถวโต๊ะที่วางเครื่องดื่มเพราะกะหาอะไรดื่มด้วย ขณะที่ผมกำลังเลือกเครื่องดื่มอยู่นั้นก็มีคนมาชนแขนผม

“ขอโทษครับพี่” หนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งบอก แต่ตั้งแต่ผมเข้างานมาก็เห็นแต่พวกตี๋ขาวทั้งนั้นแหละครับ ก็ลูกคนรวยทั้งนั้นนี่ครับ

“ไม่เป็นไรครับ” ผมหันไปบอกแล้วหยิบเครื่องดื่มที่เลือกไว้มาถือไว้ ก่อนเดินออกมาจากตรงนั้น

น้องคนนั้นหยิบเครื่องดื่มแล้วเดินมาที่ผม “ขอโทษนะครับพี่มากับพี่ต้อมหรือเปล่าครับ” น้องคนนั้นถาม

“ครับพอดีต้อมเขาชวนมาเป็นเพื่อนนะครับ” ผมบอกยิ้มๆ

“แล้วพี่กับพี่ต้อมเป็นอะไรกันครับ น่าแปลกนะปกติเขาจะแฟนมากัน หรือว่า” มันหยุดพูดแล้วทำท่าทางแปลก

“อ๋อ พี่เป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยนะครับ พอดีสนิทกับทั้งหนุ่ยและต้อมพวกเขาเลยพามาด้วยมั้งครับ” ผมบอก

น้องคนนั้นก็ยิ้มๆแล้วก็เดินไปเข้าไปคุยกับกลุ่มต้อมกับหนุ่ย สงสัยจะเป็นรุ่นน้องพวกมันที่โรงเรียนเก่าแน่ๆผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไร ต้อมกับหนุ่ยคุยกับเพื่อนสักพักก็เดินมาหาผมตรงที่ยืนมองอยู่ ต้อมเป็นคนเดินไปตักอาหารมาให้ผมส่วนหนุ่ยยืนคุยเป็นเพื่อนก่อน ตอนนี้ผมว่าเริ่มมีคนมองมาที่ผมกับต้อมเยอะมากขึ้นแหละ ก็ต้อมมันคอยดูแลผมตลอดเลยนี่ครับ แล้วเมื่อกี้น้องคนนั้นยังพูดแปลกๆอีกว่าส่วนมากเขาพาแฟนมากัน

สักพักผมก็เห็นน้องคนนั้นขึ้นไปบนเวทีที่ทางโรงแรมเขาจัดไว้ให้

“สวัสดีครับพี่ๆเพื่อนๆและก็น้องๆทุกคนที่มาวันนี้นะครับ ก่อนอื่นเลยผมเป็นตัวแทนรุ่นที่.... ที่เป็นคนจัดงานในวันนี้ถ้าเกิดผิดพลาดประการใดก็ขอโทษไว้ก่อนเลยนะครับ” น้องคนนั้นพูดคล่องน่าดู

“ก่อนอื่นเลยงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่พี่ต้อมมางานเลี้ยงรุ่น แต่ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วทำไมไม่พามาเปิดตัวบ้างละครับ” ตอนนี้คนอื่นมองมาที่ต้อมกันเยอะเลยครับ ต้อมก็ได้แต่ยิ้มๆเท่านั้นเอง

“น้องคนนั้นใครนะสนิทกันมากหรอ” ผมหันไปถามต้อม

“อืมใช่พี่ ตอนเรียนนะมันชอบตามผมกับหนุ่ยตลอดเลย ชอบเล่นกีฬาเหมือนกันเลยไปไหนมาไหนด้วยหันบ่อยๆ” ต้อมหันมาบอก

“ต้อมพี่ว่าเดี๋ยวพี่กลับก่อนดีกว่านะถ้างั้น เราจะได้คุยกับเพื่อนเราไม่ต้องมาห่วงพี่ด้วย” ผมบอก อีกอย่างผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงถ้าคนอื่นเขารู้ว่าผมเป็นแฟนมัน แล้วกลัวว่าเพื่อนๆมันอาจจะรับไม่ได้ก็ได้

ต้อมไม่ยอมให้ผมกลับบอกว่าถ้าผมกลับก็จะกลับด้วย หนุ่ยก็จะกลับเหมือนกันมันสองคนนี่ยังไงกันนะ ผมเลยต้องอยู่ต่อในงานเพื่อนต้อมก็เริ่มเข้ามาคุยกับผมเยอะขึ้น ผมก็เริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนต้อมคนอื่นๆแล้วเหมือนกัน เราคุยกันไปกันมาก็ไม่พ้นเรื่องแฟนของต้อมมันแหละครับ ก็จะใครอีกละนอกจากผมแต่ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไงแล้วตอนนี้

“พี่เคยเห็นแฟนต้อมมันบ้างหรือเปล่าพี่ ผมได้ยินว่ามันรักของมันมากขนาดมางานวันนี้มันยังไม่พามาเลย สงสัยกลัวเพื่อนจะจีบแฟนมัน” เพื่อนคนหนึ่งของต้อมถามผม ผมจะตอบยังไงดีเนี่ยทำไมมันจะไม่เอามา ยืนคุยกับเองอยู่เนี่ยถ้ารู้แล้วเองจะจีบไหมไอ้พวกนี้

คำถามแต่ละอย่างผมก็ได้แต่ยิ้มตอบแหละครับ ไม่รู้จะพูดอะไรนี่นาพูดไปก็เข้าตัวเองทั้งนั้น พวกเพื่อนมันก็ใช่ย่อยพยายามถามเอาให้ได้เลยครับ

“ขอขัดจังหวะสักนิดนะครับ” น้องคนนั้นเดินเข้ามาร่วมวงด้วยตอนนี้

“พี่ต้อมผมได้ข่าวมาว่าพี่พาแฟนมาด้วยนี่นา แล้วทำไมไม่เอามาเปิดตัวละ” น้องคนนั้นถาม ตอนนี้ผมเริ่มทำตัวไม่ถูกแหละ ผมเห็นต้อมยิ้มให้มัน

อยู่ๆต้อมก็เดินเข้ามาโอบไหล่ผมแล้วยิ้มให้น้องคนนั้น ก่อนยกมืออีกข้างมาชี้ที่ผมน้องคนนั้นทำหน้าตกใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าหนุ่ยหนุ่ยก็ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยิ้มๆ ผมรู้สึกว่างานต้องเข้าผมแล้วคราวนี้เพราะตอนนี้ เพื่อนของต้อมก็ทำหน้าตกใจตามๆกันไปหมดแล้วครับ

ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้วเหมือนกันครับ เพราผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆเขาจะคิดยังไงนี่ครับ เพื่อนมันอาจจะเลิกคบกับมันเพราะผมเลยก็ได้นะครับ น้องคนนั้นเป็นคนที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนๆต้อมที่ยืนอยู่เลยครับ แล้วมันทีที่มันเข้าใจเรื่องแล้วมันก็เริ่มแล้วครับ วิญญาณสรยุทธเข้าสิงทันทีเลย

“จริงหรือพี่ที่พี่ต้อมบอกพี่เป็นแฟนเขานะครับ” มันยังทำหน้าไม่เชื่อ

ผมก็ยิ้มตอบอย่างเดียวสิครับ มันทั้งเขินทั้งอายแล้วก็ทำตัวไม่ถูกแล้วครับตอนนี้

“โห ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนะ เชื่อไหมพี่ต้อมเขาป๊อบมากเลยนะสมัยเรียน ที่เห็นแกคบก็พี่ปลาคนเดียวเอง” ชื่อนี้ทำให้ผมคิดเรื่องเก่าขึ้นมาได้เลยครับตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เอามาคิดไรมากแล้วก็มันจบไปแล้วนี่ครับ

น้องคนนั้นยิงคำถามออกมาอีกเยอะมากแล้วตอนนี้ผมรู้สึกว่าจะมีคนมองมาที่ผมเยอะขึ้นกว่าเดิมแล้ว ผมว่าเรื่องที่ผมเป็นแฟนต้อมคงกระจายออกไปทั่วงานแล้วแน่ๆ บางคนมองแล้วก็แอบคุยกันแล้วมองมาที่ผม ตอนนี้ผมเหมือนเป็นตัวประหลาดยังไงก็ไม่รู้แล้วครับ  ผมเลยคิดว่าจะกลับบ้านตอนนี้ดีกว่าเพราะบรรยากาศมันเริ่มไม่ดี

“ต้อมพี่ว่าพี่กลับบ้านก่อนนะ” ผมกระซิบบอกต้อม

“เดี๋ยวกลับพร้อมกันเลยพี่ ผมก็อยากกลับพอดี” ต้อมบอก

เรายืนคุยกับเพื่อนต้อมซักพักดูเพื่อนต้อมก็ไม่ค่อยเท่าไหร่กับเรื่องของเรา เหมือนว่าเพื่อนกูชอบไรก็ช่างมันเถอะยังไงก็เพื่อน เป็นผมผมก็คิดแบบนั้นแหละครับยังไงมันก็เพื่อนผม ตอนผมกับต้อมกลับออกมาหนุ่ยก็ตามออกมาด้วย มันบอกว่าขี้เกรียจตอบคำถามเรื่องของผมสองคนนะครับ

“เราไปบอกเพื่อนเราทำไมเรื่องเราเป็นแฟนกันนะ” ผมถามต้อมตอนนั่งรถกลับบ้าน

“แสดงว่าพี่ไม่อยากบอกใครใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน มีแต่ผมคิดคนเดียวใช่ไหมนี่” ต้อมทำเสียงงอนๆ

“เปล่านะไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่กลัวว่าเพื่อนเรามันจะเลิกคุยกับเรานะสิ” ผมอธิบายให้มันฟัง

“จะเลิกคุยก็ชั่งมันสิ แค่ผมมีพี่ผมก็พอแล้ว คนอื่นไม่เข้าใจเลิกคบกับผมก็ช่างมันสิ” มันทำเสียงงอนไม่เลิก

“อืม พี่รู้ว่าเราคิดยังไงแต่เราต้องสนคนอื่นด้วยนะ เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะ” ผมบอกกับมัน

“ต่อไปผมจะไม่บอกใครอีกแล้ว เราต้องมาหลบๆซ่อนๆกันด้วยเลยไหม” ดูมันประชดผมดิ เรื่องนี้ที่ไรมันจะงอนได้ทุกทีสิครับ

ผมทั้งอธิบายทั้งง้อมันแล้วครับตอนนี้ มันก็ยังไม่หายงอนผมสักที แล้วผมจะง้อมันแบบไหนดีละทีนี้

........................................

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่41

ผมพยายามที่ง้อต้อมมันตลอดทางมันก็ยังไม่หายงอนสักที แล้วผมจะทำไงดีเนี่ยคราวนี้มันคงคิดว่าผมไม่อยากบอกใครว่ามีมันเป็นแฟนแน่ๆ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆนะครับจริงๆผมนะอยากบอกทุกคนเลยด้วยซ้ำไป แต่เราก็ต้องเข้าใจคนรอบข้างด้วย เพราะมันไม่ได้มีทุกคนหรอกครับที่จะยอมรับกับเรื่องแบบนี้ ถึงแม้ว่าสมัยนี้จะมีการเปิดเผยและยอมรับกันมากแล้วก็ตามที

“จะให้พี่ทำยังไงเนี่ยเราถึงจะหายงอนสักที บอกมาดิ” ผมบอกต้อมมัน ตอนนี้มันขับรถหน้างอเชียว

มันหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนหันกลับไปมองทาง “ถ้าผมบอกพี่จะทำจริงๆหรอ บอกไปก็ไม่ทำหรอกผมว่านะ” ว่ากันแบบนี้มันไม่ใช่แหละ ผมนะคนพูดคำไหนคำนั้นทำไมจะทำไม่ได้

“เอาก็ว่ามาสิ ยังไม่ทันบอกเลยก็หาว่าคนอื่นเขาไม่กล้าซะแล้ว” ผมว่ามันบ้าง

“งั้นต่อไปถ้าใครถามว่าพี่กับผมเป็นอะไรกัน พี่ต้องบอกเขาไปเลยนะว่าเป็นแฟนกับผม ห้ามปกปิดอีกแล้วด้วย” มันบอก

“เรื่องแค่นี้เองนะทำไมจะทำไม่ได้ละ จะให้ลงไปบอกคนข้างทางเลยไหมว่าเราเป็นแฟนพี่เดี๋ยวจัดให้เลย” ผมกวนมันบ้างทีนี้

พอผมพูดจบในก็จอดรถเข้าข้างทางทันทีเลยครับ เอากับมันสิเราก็พูดเล่นหน่อยเดียวมันเอาจริงซะงั้น ผมเลยหันไปมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผมเฉยๆไม่พูดอะไรแล้วมันเข้าใจเลือกที่จอดด้วยนะครับ ตรงป้ายรถเมล์พอดีเลยแต่ว่านี่ก็เริ่มดึกแล้วเหมือนกัน แต่ว่าป้ายตรงนั้นยังมีคนรอรถอยู่ประมาณ6-7คนได้เลยครับ เป็นวัยรุ่นทั้งนั้นคงเป็นพวกที่มาเที่ยวสะพานพุทธแล้วกำลังรอรถกลับบ้านแน่ๆ

อะไหนๆมันก็จอดรถให้ขนาดนี้แล้ว แล้วผมก็เป็นคนบอกมันเองด้วยจะไม่ทำได้ยังไง แล้วผมก็ใช่คนขี้อายที่ไหนตอนทำกิจกรรมหาเงินเข้าชมรมยังยิ่งกว่านี้ ผมเลยเปิดประตูรถลงไปเลยครับผมเห็นมันมองตามผมงง มันคงไม่คิดว่าผมจะทำจริงๆแน่ๆแต่คิดผิดซะแล้วกับคนชื่อนัท

ผมลงมายืนข้างรถ “ทุกคนครับขอโทษนะครับ” ผมพูดเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน คนที่ป้ายก็หันมามองทางผมแล้วตอนนี้

“พอดีแฟนผมเขางอนผมนะครับที่ผมไม่ยอมบอกคนอื่นว่าเขาเป็นแฟน ผมเลยบอกว่าจะบอกทุกคนที่นี่แทนเขาจะได้หายงอน ยังไงก็อย่าถือสาแล้วกันนะครับ” ผมพูดต่อ คนที่ป้ายรถเมล์ได้แต่ยิ้มๆมาให้ผม แต่มันไม่จบแค่นี้หรอกครับจะให้ผมมายืนบอกคนเดียวได้ยังไง มันถึงเวลาเอาคืนแล้วครับตอนนี้

ผมเลยเดินอ้อมหน้ารถไปที่ฝั่งคนขับแล้วเปิดประตู แล้วดึงต้อมให้ออกมานอกรถมันขัดขืนไม่ยอมออกมาหรอกครับ แต่ผมหรือจะยอมดึงมันลงมาจนได้จนมันออกมายืนข้างนอกรถ คนที่ป้ายรถเมล์ทำหน้าแปลกใจขึ้นมาทันทีที่คนที่ผมบอกว่าเป็นแฟนดันเป็นผู้ชายแน่ๆ

“คนนี้แหละครับแฟนผมตัวจริงเสียงจริง งอนเก่งครับคนนี้” ผมหันไปบอกคนที่มองอยู่ เอาสิทีนี้จะได้รู้กันไปใครอายใครไม่อาย

“พี่นัทพอแล้วขึ้นรถเถอะ” ต้อมหน้าแดงแล้วตอนนี้ เพราะคนที่ป้ายรถเมล์เริ่มซุบซิบกันแล้วหันมายิ้มให้ผมกับมัน มีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งยังตะโกนแซวกลับมาเลยครับ ว่าเสียดายที่มีแฟนแล้วไม่งั้นจะไปจีบแล้วอะไรทำนองนี้ แล้วผมก็ไม่ยอมขึ้นรถง่ายหรอกครับ มันต้องโดนเอาคืนซะมั่งแบบนี้

ต้อมเห็นผมไม่ยอมขึ้นรถแน่ๆเลยเปิดประตูหลังฝั่งเดียวกับคนขับแล้วจับผมเข้าไปนั่ง แล้วตัมมันก็รีบขึ้นรถขับออกไปเลยครับ ผมได้แต่นั่งยิ้มอยู่ข้างหลังมันคนเดียวคิดจะแกล้งใครไม่รู้ซะแล้ว

“หายงอนหรือยังทีนี้” ผมถาม

“หายตั้งนานแล้วแค่แกล้งพี่ไปงั้นแหละ แต่ไม่คิดว่าจะโดนเอาคืนแบบนี้” ต้อมมันบอก

ผมหัวเราะ “ก็นะเล่นแกล้งใครไม่แกล้ง” แล้วผมก็ขยับตัวเอามือไปโอบคอมันไว้จากข้างหลังเบาะ ต้อมมันก็ไม่ได้พูดอะไรยังหันมายิ้มให้ผมหน่อยนึงด้วย
คิดว่าผมจะหยุดแค่นั้นหรอครับ ผมค่อยๆเอามือที่โอบต้อมจากด้านหลังเบาะเลื่อนขึ้นมาลูบที่หน้าอกของมัน

“พี่นัทอย่าแกล้งสิครับขับรถอยู่นะ” ต้อมหันมาบอก

“เปล่าแกล้งนะทำจริงๆ” ผมบอกมันไป แต่มือยังไม่เลิกวุ่นวายที่หน้าอกของมัน

“อย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน แล้วจะมาว่าผมรังแกพี่ไม่ได้นะ” แนะมันยังขู่ผมอีก แล้วผมจะกลัวดีไหมนี่

ผมเห็นมันขู่ผมแบบนี้ผมก็เลยค่อยเลื่อนมือจากหน้าอกลงมาที่หน้าท้องของต้อม แล้วค่อยปลดกระดุมเสื้อมันออกสองเม็ดจากข้างล่าง แล้วเอามือเข้าไปข้างในผมรู้สึกว่าต้อมมันจะขนลุกแล้วนะครับตอนนี้

“พี่นัทอย่าแกล้งผมสิครับ ผมขับรถอยู่นะเดี๋ยวไปชนคนอื่นเข้า” มันพยายามหาเหตุผลไม่ให้ผมแกล้งมัน แต่ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้วครับ แล้วอีกอย่างกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านอยู่แล้วด้วย

พอเลี้ยวเข้าซอยเข้าบ้านแล้วผมก็เลื่อนมือจากวนอยู่ที่หน้าท้อง ลงมาที่ต้นขาของต้อมแล้วผมก็ลูบไปจนทั่วบริเวณนั้น ต้อมรีบขับรถจนมาถึงหน้าบ้านผมลงมาเปิดประตูรั้วให้ต้อม

“ถึงบ้านแล้วคราวนี้พี่โดนผมเอาคืนแน่ๆ” ต้อมมันพูดพร้อมกับตอนที่ผมจะลงไปเปิดประตูรั้ว

“กลัวที่ไหนละเรานะจับตัวพี่ให้ได้ซะก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ผมบอกแล้วลงไปเปิดรั้ว

พอรถเข้าบ้านแล้วผมรีบปิดประตูรั้ว แล้ววิ่งไปไขประตูบ้านทันทีเพราะผมกะว่าจะเข้าไปหลบต้อมในห้องนอนก่อน มันจะได้แก้แค้นผมคืนไม่ได้ ตอนที่กำลังไปประตูบ้านต้อมมันจอดรถเสร็จพอดี แล้วมันก็กำลังเดินมาที่ผมพอมันเห็นผมไขประตูบ้านได้เท่านั้นแหละครับ มันรีบวิ่งเข้ามาเลยผมก็รีบแทรกตัวเข้าไปในบ้านแล้วรีบปิดประตูทันที แต่ไม่ทันแล้วครับต้อมมันมาถึงแล้วเอาตัวดันประตูไว้

“คราวนี้พี่หนีผมไม่รอดแน่ๆ ผมจะคิดทั้งต้นทั้งดอกเลยงานนี้” ท่าทางผมจะแย่แน่ๆเลยงานนี้

..........................

แอบมาลงตอนสายๆ เดี๋ยวบ่ายมาลงเพิ่ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Classical

  • บุคคลทั่วไป
ลงหนังสือพิพ์หน้า 1 หรือไม่ก็ประกาศออกโทรทัศน์เลย ดีไหมป๋า    เฮียต้อม อ๊ากกกกกกกกกกกกก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2010 11:26:56 โดย Classical »

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
ชอบวิธีแกล้งคนขี้งอนของนัทครับ สะใจดี

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่42

“พี่นัทไม่ต้องหนีเลย อยากมาแกล้งผมก่อนทำไม” ต้อมดันประตูเข้ามาจนได้ ผมเลยว่าจะหนีเข้าห้องนอนข้างล่างก่อนแต่ก็ไม่ทันแล้วต้อมมันคว้ามือผมไว้ได้พอดี

“เสร็จผมละพี่คราวนี้ หนีผมไม่ได้แล้ว” ต้อมมันปิดประตูบ้านแล้วดึงมือผมไว้

ต้อมดึงผมเข้าไปกอดผมก็ยอมแต่โดยดีเพราะไม่รู้จะขัดขืนไปทำไม พอกอดผมได้ต้อมก็จูบปากผมทันทีเลยครับ จูบครั้งนี้เป็นจูบที่เร้าร้อนมากอีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว ต้อมจูบผมนานมากก่อนจะถอนปากออกจากปากผม

“เมื่อกี้พี่ทำผมทั้งเสียวทั้งตื่นเต้น พี่ต้องรับผิดชอบด้วยนะ” ต้อมบอกผมก็ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยิ้มให้

ต้อมกลับมาจูบผมอีกครั้งระหว่างที่เราจูบกันอยู่ ต้อมก็ค่อยพาผมเดินมาที่โซฟาโดยที่ต้อมยังไม่เลิกประกบปากกับผมเลยนะครับ พอถึงโซฟาต้อมกับจับให้ผมนั่งลงบนโซฟาแล้วต้อมก็ขึ้นมานั่งบนตัวผม

“เตรียมรับการลงโทษจากผมได้แล้วคราวนี้ วันนี้ต่อให้พี่นัทขอร้องยังไงผมก็ไม่ยอมแล้ว” แต่ไม่ต้องให้ต้อมพูดผมก็รู้อยู่แล้วครับเรื่องแบบนี้ ผมเลยจับหน้าของมันดึงลงมาจูบอีกครั้งคราวนี้มือต้อมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆอีกแล้ว ต้อมปลดค่อยๆปลดกระดุมเสื้อผมออกแล้วใช้มือลูบที่หน้าอกของผม มืออีกข้างก็ค่อยๆลูบลงไปจนผ่านหน้าท้องลงไปป้วนเปี้ยนแถวเบจิต้าของผมด้านนอกกางเกงทำงานที่ผมใส่อยู่ ทำเอาผมเคลิ้มจนต้องเผลอครางออกมาทั้งที่ปากผมยังถูกปากของต้อมประกบอยู่

ผมก็เลยค่อยๆปลดกระดุมเสื้อต้อมออกบ้างเหมือนกัน ผมใช้มือลูบไปตามตัวต้อมเหมือนกันก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อต้อมออก ต้อมก็ถอดเสื้อผมออกเหมือนกันตอนนี้เราสองคนเหลือแต่กางเกงทั้งคู่ ต้อมค่อยๆเลื่อนจากการจูบปากผมมาที่ติ่งหูและไล่ลงมาที่ต้นคอ มันทำเอาผมเสียวไปทั้งตัวเลยตอนนี้ยิ่งตอนที่ต้อมใช้ลิ้นลงตรงที่ต้นคอนะ ผมงี้ขนลุกขึ้นมาเลยทีเดียวจนผมต้องร้องครางอือ อือ ออกมาในลำคอ

ต้อมค่อยๆเลื่อนปากลงมาที่หน้าอกผมแล้วก็ใช้ลิ้นเลียตรงที่หัวนมของผม ก่อนที่จะใช้ปากเม้นลงไปทำเอาผมต้องแอ่นหน้าอกไปกับความเสียวเลย ต้อมยิ่งได้ใจเมื่อเห็นผมมีอาการแบบนั้นยิ่งเน้นปากเข้าไปอีกจนผมต้องเอามือจิกกับโซฟาไว้เพื่อคลายความเสียว ต้อมเปลี่ยนจากข้างซ้ายมาข้างขวาส่วนมือก็ลูบเจ้าเบจิต้าของผมจนมันแทบจะแปลงร่างออกมานอกกางเกงแล้วตอนนี้

ต้อมวนอยู่ที่แถวหน้าอกผมซักพักก็ค่อยขยับตัวลงจากที่นั่งคร่อมผมอยู่บนโซฟา ลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นตรงกลางหว่างขาของผม แล้วค่อยๆเลื่อนหน้าจากหน้าอกลงมาที่หน้าท้องของผม ต้อมค่อยใช้ลิ้นเลียผ่านหน้าท้องผมจนผมต้องเกร็งท้องเลยที่เดียว

ต้อมเลื่อนหน้าลงมาต่อจนถึงเบจิต้าของผมที่แปลงร่างเต็มที่อยู่ในกางเกงทำงานแล้ว แต่ต้อมไม่ยอมถอดกางเกงผมออก กลับใช้ปากและลิ้นทั้งอย่างนั้นเลยมันให้ความรู้สึกแปลกๆไปอีกแบบ ยิ่งเพิ่มความเสียวและทรมานผมไปอีกเยอะเลยเพราะมันอึดอัดที่เบจิต้ามากๆ ตอนนี้กางเกงผมเปียกไปหมดแล้ว
“ต้อมเลิกแกล้งพี่เถอะนะ พี่ยอมต้อมทุกอย่างแล้ว” ผมบอกต้อมเพราะว่าทนอึดอัดเจ้าเบจิต้าไม่ไหวแล้ว

ต้อมไม่ตอบได้แต่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม แล้วก้มหน้าลงไปเล่นงานเบจิต้าผมผ่านกางเกงต่อสักพักต้อมก็ค่อยรูดซิบกางเกงผมผมออก ทำให้ผมคลายความอึดอัดได้บ้างเพราะยังติดที่กางเกงในอีกชั้น ผมเลยจะถอดกางเกงออกแต่ต้อมก็มาจับมือผมห้ามไว้ แล้วต้อมก็ก้มหน้าลงไปใช้ลิ้นผ่านช่องซิบลงไปจนโดนกับเบจิต้าที่กันผ่านทางกางเกงในเท่านั้นเอง

ไม่รู้ต้อมมันไปหาวิธีพวกนี้มาจากไหนแต่มันก็ทำให้ผมเสียวและตื่นเต้นมากเลย เบจิต้าผมแปลงร่างจนแทบจะฉีกกางเกงในออกมาแล้วตอนนี้ แถมยังอึดอัดมากจนผมต้องขยับตัวหนีลิ้นของต้อมบ่อยๆ ช่างเป็นการลงโทษที่ทรมานผมได้มากจริงๆคราวนี้

“ต้อมพอเถอะนะพี่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ” ผมอ้อนวอนต้อม

ดูเหมือนคราวนี้ต้อมจะยอมทำตามคำขอผมหน่อยๆแล้ว เพราะมันใช้มือไปช่วยให้เบจิต้าผมได้ออกมาสู่โลกภายนอกแล้วตอนนี้ แต่มันก็ยังไม่ยอมถอดกางเกงผมออกเหมือนเดิม เบจิต้าผมออกมาชมโลกภายนอกผ่านทางช่องซิบ แต่ได้เห็นแสงสว่างไม่นานก็โดนต้อมจัดการอีกแล้ว

ต้อมใช้ลิ้นเลียที่รอบๆหัวของเบจิต้าทำเอาผมเสียวจนต้องไปมือไปบีบไหล่ต้อมมันไว้ ต้อมใช้ลิ้นสำรวจทุกส่วนของเบจิต้าเลยไปจนถึงฐานหญ้าที่เบจิต้ายืนอยู่เลยตอนนี้ ผมก็ทำได้แค่ยกสะโพกให้ต้อมสำรวจได้ง่ายๆเท่านั้นแหละครับตอนนี้

พอต้อมใช้ลิ้นสำรวจเบจิต้าผมจนพอใจแล้วก็ค่อยใช้ปากพามันเข้าสู่ความมืดมิดอีกแล้วตอนนี้ ต้อมค่อยๆโยกหัวขึ้นลงที่ตัวเบจิต้าผม ผมนั่งมองเห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก ผมเอามือจับหัวต้อมไว้เพื่อเป็นการช่วยให้จังหวะในการโยก แต่ตอนนี้ก้นผมแทบไม่ได้ติดอยู่กับโซฟาแล้วเพราะมันเสียวมากๆ จนผมได้แต่แหงนหน้ามองเพดานพร้อมกับครางออกมาด้วยความสุขบนเสียว

ต้อมพอเห็นผมอาการแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจเร่งจังหวะในการโยกเบจิต้าผมเข้าไปอีก ผมเสียวจนมืออีกข้างจิกกับโซฟาแน่นเลยตอนนี้ ผมก็ได้แต่คอยยกสะโพกให้เข้ากับจังหวะของต้อมเท่านั้น

ต้อมเร่งจังหวะจนผมจะไม่ไหวแล้วตอนนี้ผมจับหน้าเพื่อจะให้ต้อมหยุดก่อน แต่ไม่เป็นผลมันกลับยิ่งเร่งจังหวะเข้าไปอีก จนผมต้องเอามือไปจิกที่ไหล่ของมันไว้เลยทีเดียว มันยิ่งได้ใจยิ่งโยกจังหวะขึ้นไปอีกจนผมไม่ไหวแล้วจริงๆ มันเสียวไปหมดแล้ว เบจิต้าผมก็อดทนกับการที่จะปลดปล่อยพลังไม่ไหวแล้ว

“ต้อมพี่ไม่ไหวแล้วนะพี่จะออกแล้ว” ผมบอกต้อมด้วยเสียงที่สั่นๆจากความเสียว

ต้อมไม่ตอบได้แต่เหลือบตามามองผมนิดหน่อย แต่ก็ยังเร่งจังหวะต่อไปจนผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมก็ระเบิดพลังเบจิต้าออกมาภายในปากของต้อม ผมเอามือกุมหัวต้อมไว้ทั้งสองข้างต้อมหยุดปากไว้โดยที่เบจิต้าผมอยู่ข้างในทั้งตัวเลย ต้อมกินพลังงานของเบจิต้าไปจนหมดก่อนที่จะปลดปล่อยให้มันเป็นอิสระสู่โลกภายนอกอีกครั้ง

ผมได้แต่หายใจหอบๆอยู่ตอนนี้  แต่ไม่ทันที่ผมจะทำอะไรต่อต้อมก็ขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวผมอีกครั้งแล้วตอนนี้

“พี่นัทรักผมไหมครับ” ต้อมถาม ขนาดนี้แล้วมันยังจะถามอีกนะ

“รักสิรักมากด้วย แต่เราละรักพี่หรือเปล่า” ผมถามกลับบ้าง

“ผมนะรักพี่นัทที่สุดเลยรู้ไหมครับ จนเรียกว่าผมขาดพี่ไม่ได้เลยแหละครับ” ต้อมบอกแล้วก้มลงมาจูบผม แต่จูบครั้งนี้มีกลิ่นคาวๆนิดๆนะนี่ คงเพราะพลังงานของเบจิต้าผมแน่ๆ

ต้อมจูบผมไปส่วนท่อนล่างที่นั่งทับเบจิต้าผมก็ขยับไปด้วย ผมก็คนไวไฟนะครับแปบเดียวเบจิต้าผมก็แปลงร่างพร้อมสู้ขึ้นมาอีกแล้วตอนนี้ ดูเหมือนต้อมก็จะรู้สึกได้เหมือนกันเพราะจากการที่ต้อมขยับสะโพกให้มันเสียดสีกับเบจิต้าผมมากขึ้น

ผมเลยค่อยๆเอามือไปปลดเข็มขัดต้อมออก ต้อมก็รู้งานลุกขึ้นให้ผมถอดกางเกงออกง่ายๆ แล้วกลับมานั่งทับเบจิต้าผมไว้ต่อหลังจากถอดกางเกงต้อมผมก็ถอดของตัวเองบ้างทีนี้ ผมกับต้อมยังจูบกันอยู่โดยที่ต้อมนั่งทับผมไว้บนโซฟา แถมยังเอาสะโพกมาโยกเสียดสีกับเบจิต้าผมไปด้วย

ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้วผมเลยจัดการจับเจ้าเบจิต้าผมมุดเข้าไปในตัวของต้อมทันที ต้อมใช้มือจิกหลังผมแน่นมากแล้วครางอืออือในลำคอตลอดเวลาตอนที่ผมค่อยๆ เอาเบจิต้าเข้าไปในตัวของต้อมแล้วต้อมก็ช่วยขยับตัวตลอดเวลาให้มันเข้าไปได้ง่ายขึ้น

พอเบจิต้าเข้าไปจนหมดแล้วผมก็จับเอวต้อมให้อยู่เฉยๆก่อน เพราะผมกำลังเสียวกับการตอดรัดจากข้างในของต้อม ต้อมครางออกมาตลอดเวลาที่จูบผมอยู่เลย
หลังจากแช่ไว้สักพักผมก็เริ่มขยับสะโพกขึ้นลงช้าๆ ตอนนี้ต้อมก็ช่วยขยับรับกับผมแล้วผมเลยค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นอีก ต้อมเลิกจูบผมแล้วหันมากอดคอผมแน่นมากๆ ครางข้างหูผมตลอดเวลาผมก็ค่อยเปลี่ยนจังหวะไปเรื่อยๆจากช้าไปเร็วจากเร็วไปช้าบ้าง บางครับก็สาวยาวๆจนต้อมเผลอตัวกัดไหล่ผมไว้ก็มี

ต้อมก็ไม่น้อยหน้าช่วยตั้งรับตลอดเวลายิ่งเพิ่มความเสียวให้กับเราสองคนมากขึ้นไปอีก ผมเอามืออีกข้างไปจับโงกุนของต้อมไว้ให้ติดกับหน้าท้องของผม เพราะเวลาที่ต้อมขยับตัวโงกุนต้อมก็จะขยับเสียดสีกับหน้าท้องผมไปด้วย เพิ่มรสชาติความเสียวให้เราทั้งสองคนอีกมากเลยทีเดียว

เพราะผมสังเกตจากเสียงครางของต้อมที่ครางข้างหูผมตลอดเวลา พร้อมทั้งกอดทั้งจิกหลังทั้งกัดไหล่ผมตลอดเวลา

“พี่นัทผมเสียวมากเลยครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว” ต้อมบอกเสียงสั่นเชียวตอนนี้

ผมเลยรีบเร่งจังหวะเร็วมากขึ้นทำให้ต้อมเสียวมากขึ้นด้วยการใช้มือสู้กับโงกุนที่กดไว้ที่หน้าท้องผมด้วย ต้อมดึงตัวผมไปกอดไว้จนแน่นมากเลยแล้วกัดลงตรงที่หัวไหล่ผม

ก่อนที่ต้อมจะเกร็งตัวแล้วระเบิดพลังของโงกุนใส่หน้าท้องผมเต็มไปหมดเลยตอนนี้ จากการเกร็งของต้อมมันมีผลต่อภายในตัวด้วยยิ่งกระตุ้นให้ผมเสียวมากขึ้น ผมเร่งจังหวะแล้วเน้นๆอีกสามสี่ครั้งก่อนที่จะกดเอวต้อมไว้ ให้เบจิต้าผมเข้าไปในตัวต้อมให้ลึกที่สุด ก่อนที่เบจิต้าผมจะปลดปล่อยพลังออกมาอีกรอบหนึ่งภายในตัวต้อม

ต้อมยังกอดผมไว้แน่นเราสองคนต่างหายใจเหนื่อยหอบแข่งกันเลยตอนนี้

“เจ็บไหมพี่นัท” ต้อมถามพร้อมกับจูบลงตรงรอบกัดที่ไหล่ผม

“อืม ไม่เป็นไรหรอก” ผมบอกก็ผมเริ่มชินแล้วมั้ง ทำแบบนี้ทีไรฝากรอยแผลทุกทีเลย แต่ครั้งนี้ดูท่าจะรุนแรงกว่าครั้งอื่นๆเพราะผมรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่เลย

“ต้อมพี่รักเรานะ” ผมบอกต้อมอีก

ต้อมหันมองหน้าผม “ผมก็รักพี่นัทนะครับ” แล้วก็จูบผมอีก

เราพักเหนื่อยกันแล้วก็ไปอาบน้ำกัน ผมยืนมองดูแผลที่หัวไหล่ตรงหน้ากระจก

“คราวนี้แผลลึกนะนี่ พี่ว่าวันหลังต้องพาเราไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าแล้วละ” ผมบอกพร้อมกับหัวเราะออกมา

“โห ว่าผมเป็นหมาหรอพี่ ยังงี้มันต้องโดนอีกรอบแล้ว” ว่าแล้วต้อมก็เดินเข้ามากอดผมข้างหลัง

“ไม่เอาแล้วนะ” ผมบอกต้อม แต่มันฟังผมที่ไหนกันครับผมจับผมหันหน้าเข้าหามัน แล้วดันผมจนไปนั่งที่วางของข้างอ่างล้างหน้า

“ไม่เอาแล้วนะ พี่ไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเพราะผมเหนื่อยแล้วจริงๆ ผมตั้งสองรอบแล้ว

“พี่ไม่ไหวแต่ผมยังไหวนี่ครับ” แล้วมันก็ยกตัวผมขึ้นไปนั่งบนที่วางของทันที มันก็แทรกตัวเข้ามาตรงกลางตัวผมมันเริ่มจูบปลุกอารมณ์ผมอีกครั้งแล้วตอนนี้

ส่วนต้อมมันไม่ต้องปลุกอารมณ์แล้วครับมันพร้อมเต็มที่แล้ว หลังจากเข้าที่เข้าทางแล้วต้อมมันเอาโงกุนค่อยๆเข้ามาในตัวผม ผมเกร็งเล็กน้อยต้อมต้องเลยค่อยๆดันโงกุนเข้าไป พร้อมกับจูบเพื่อให้ผมผ่อนคลายลงจนมันพาโงกุนเข้ามาในตัวผมจนหมด

ผมกอดต้อมไว้แน่นจากความอึดอัดที่ต้อมให้ผมมา ต้อมใช้มือมาสู้กับเบจิต้าผมอีกครั้งผมบอกแล้วว่าผมมันพวกไวไฟจุดปุ๊บติดปั๊บทันทีเลย ต้อมมันเลยจัดการเบจิต้าผมซะเต็มกำมือเลย จนผมเริ่มครางในลำคอต้อมก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกทันที

ตอนนี้ผมเสียวไปหมดทั้งจากโงกุนแล้วก็จากมือของต้อม จนผมทั้งครางทั้งเอามือจิกที่หลังต้อมเพื่อที่จะได้คลายความเสียวลงบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่หรอกครับในเมื่อต้อมเล่นเพิ่มความเสียวเข้ามาเรื่อยๆเลย ต้อมเองก็คงไม่แพ้ผมหรอกครับฟังจากเสียงครางในลำคอของมัน กับจังหวะที่มันเพิ่มเร็วขึ้นทุกขณะเลยตอนนี้

“พี่นัทผมมีความสุขจังเลย” ต้อมบอกข้างๆหูผม

“อือ.. พี่ก็มีความสุขมากๆเหมือนกัน” ผมบอก

ตอนนี้เราสองคนเหงื่อเต็มตัวกันอีกแล้วแล้วครั้งนี้ต้อมก็ทนมากๆ อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งที่สองแล้วก็ได้ แต่ผมจะครั้งที่สามแล้วตอนนี้ ผมเริ่มทนความเสียวจากมือของต้อมที่จัดการสู้กับเบจิต้าผมไม่ไหวแล้วด้วยตอนนี้

“ต้อมพี่จะไม่ไหวแล้วนะ ใกล้แล้ว” ผมบอกต้อมพร้อมกับซุกหน้าไปที่ไหล่ของมัน

ต้อมมันเลยรีบเร่งจังหวะของการโยกสะโพกเข้าออก พร้อมกับเร่งมือที่จัดการเบจิต้าด้วยจนผมเสียวมาก ผมเลยกัดไหล่มันไว้บ้างคราวนี้ แต่ดูเหมือนยิ่งกระตุ่นมันเข้าไปอีกเพราะต้อมมันกลับยิ่งเร่งจังหวะและร้องครางออกมาดังขึ้นกว่าเดิมอีกตอนนี้

“พี่นัทเราเสร็จพร้อมกันนะครับ” ต้อมบอกผมผมไม่ตอบได้แต่พยักหน้าเพราะตอนนี้มันตอบไม่ไหวแล้วเสียวมากจริงๆ

ต้อมเร่งมือที่เบจิต้าผมใหญ่เลยคราวนี้จนผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมเริ่มเกร็งตัวเกร็งหน้าท้อง

“ต้อมพี่ไม่ไหวแล้วพี่ออกแล้ว” แล้วผมก็ระเบิดพลังงานของเบจิต้าออกมาเต็มหน้าท้องตัวเอง ต้อมก็เร่งโยกสะโพกเข้าออกแรงๆจนผมเสียวจนไม่รู้จะทำไง เลยกัดหัวไหล่มันอีกหนแต่ครั้งนี้น่าจะแรงกว่าครั้งแรก ต้อมมันร้องครางเสียงดังก่อนกอดผมแน่นมาก พร้อมกับโยกสะโพกเน้นๆอีกสองสามครั้งก่อนที่จะเกร็งตัว
“ทำไมพี่ทำให้ผมมีความสุขได้มากขนาดนี้นะ” ต้อมหายใจหอบอยู่ข้างหูผม

ผมก้มดูรอยกัดของผมที่หัวไหลมัน มันก็แค่เป็นรอยเท่านั้นแต่ไม่ได้เข้าเหมือนที่มันกัดผมเลย ฟันมันนี่คมจริงๆแล้วเราก็ต้องอาบน้ำกันใหม่อีกรอบ ผมละเพลียมากๆเลยตอนนี้อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นเตียงนอนเลย ต้อมต้องเอาเสื้อผ้ามาแต่งให้ผมบนที่นอน ถึงยังไงเราก็ไม่เคยนอนเปลือยด้วยกันนะครับ เพราะว่าผมเป็นคนป่วยง่ายถ้านอนถอดเสื้อผ้า ต้อมมันรู้ดีมันเลยเอาชุดนอนมาใส่ให้ผม

“นอนหลับฝันดีนะครับที่รักของผม” ต้อมบอกแล้วก็จุ๊บปากผมอีกทีหนึ่ง

“อืม..ฝันดีเหมือนกันนะ” ผมบอกพร้อมกับหลับตาลง เพราะไม่ไหวทำงานเหนื่อยทั้งวัน ไปงานเลี้ยงก็เหนื่อยกลับมาบ้านยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเดิมอีก ต้อมมันก็ปิดไฟแล้วเข้ามานอนกอดผมผมก็หลับไปภายใต้อ้อมกอดของต้อมเหมือนเดิม

...........................

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
ยังตามอ่านอยู่นะคะ.....
ความรักล้นปรี่เลยคู่นี้.....
น่าอิจฉาสุด ๆ ...... :o8:

 :L1: :pig4: ให้คุณนัท

กด+ ให้กับความหวานนนนน

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
น่ารักครับ

ติดตามตลอดครับผม

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
ทุกๆวันคือข้าวใหม่ปลามันของคู่นี้ น่ารักน่าอิจฉาจัง

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
 :z2: :z2: เต้นดันกระทู้ไว้ก่อน :z2: :z2:

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
ตอนที่43

ตอนนี้ต้อมเข้ามาทำงานกับผมแล้วครับ พี่น้ำให้ต้อมเข้ามาทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของผม เพราะตอนนี้ผมต้องรับผิดชอบดูแลลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท ทำให้งานเยอะมากและต้องเข้าประชุมกับลูกค้าตลอด ทำให้ทำคนเดียวไม่ทันและอีกอย่างจะได้ช่วยกันในการดูแลลูกค้าด้วย

เวลาทำงานต้อมเลยจะอยู่กับผมตลอดเวลาไม่ว่าจะออกนอกสถานที่หรือไปต่างจังหวัด พี่น้ำบอกว่ามันจะได้ไม่มีปัญหาตามมาที่หลัง แล้วมันก็ทำให้ผมกับต้อมสบายใจกันมากขั้นด้วยเวลาทำงาน ทำให้งานเดินหน้าได้เร็วมากขึ้นไปอีกด้วย

เราทำงานมาด้วยกันได้สามเดือนแล้วตอนนี้ ต้อมก็ใกล้จะรับปริญญาแล้วตอนนี้ผมเลยจะต้องไปหาของขวัญให้มันซะหน่อยแล้ว การเลือกของขวัญให้กันตอนนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะพวกเราคิดว่าเราไม่ต้องการสิ่งอื่นๆต่อกันและกันแล้วตอนนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ต้อมแหละครับ

ผมคิดอยู่หลายอย่างเลยตอนนี้แหวนเราก็มีแล้ว สร้อยเราก็มีกันแล้วไปเที่ยวเราก็ไปมาแล้ว ผมคิดไม่ออกสักอย่างเลยตอนนี้

“ครืนๆๆ” เสียวโทรศัพท์ผมสั่นบนโต๊ะทำงาน เป็นเบอร์ที่บ้านต้อมโทรเข้ามา

“สวัสดีครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมรับสาย

“ดีจ๊ะลูก ต้อนนี้ต้อมอยู่แถวๆนะนั้นหรือเปล่าลูก” แม่ต้อมถามผม

“อยู่ครับแม่จะคุยกับมันหรอครับ” ผมถามเพราะต้อมนั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างหลังผมนี่เอง

“ไม่หรอกแม่อยากคุยกับลูกนะแหละ ออกมาคุยห่างๆต้อมได้ไหม” แม่ต้อมบอกแต่ว่าทำไมต้องไม่อยากให้ต้อมได้ยินด้วยนะ

“ได้ครับ รอแปบนะครับ” แล้วผมก็ลุกเดินออกมาคุยหน้าออฟฟิศ

“ผมออกมาข้างนอกแล้วครับ แต่ว่าแม่มีเรื่องอะไรหรอครับถึงไม่อยากให้ต้อมได้ยิน” ผมสงสัย

“แม่อยากคุยกับเราก่อนนะเพราะว่าถ้าคุยกับต้อมมันต้องไม่ยอมแน่ๆ แม่รู้นิสัยลูกแม่ดีแล้วแม่อยากให้ลูกช่วยแม่เรื่องนี้ด้วย” แม่ต้อมทำเสียงกังวล

“แต่ว่ามันเรื่องอะไรกันครับ” ผมยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่

“ก็พ่อเขานะสิอยากให้ต้อมไปเรียนต่อเมืองนอกนะ เขาบอกว่าอยากให้เรียนสูงกว่านี้เพราะว่าเวลากลับมาช่วยงานที่บ้านจะได้ไม่มีใครว่า ลูกต้องเข้าใจนะว่าผลสุดท้ายต้อมก็ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้านอยู่ดี จะให้ทิ้งกิจการของครอบครัวไม่ได้หรอกนะลูก” ผมต้อมอธิบายเรื่องราวที่ผมสงสัยออกมา

“แล้วทำไมแม่ไม่คุยกับต้อมมันเลยละครับ” ผมถามบ้าง

“ก็แม่คิดว่าถ้าบอกไปมันก็ไม่ยอมไปหรอกเพราะต้องห่างลูกตั้งหลายปี แค่นี้มันยังไม่ค่อยยอมกลับบ้านแล้ว ลูกก็น่าจะรู้ว่าต้อมมันติดลูกมากขนาดไหน แม่กับพ่อเลยคิดว่าจะให้ลูกไปเรียนกับต้อมด้วย เดี๋ยวพ่อกับแม่ออกค่าใช้จ่ายให้เอง” แม่ต้อมชวนผม

“เออ ผมว่าเดี๋ยวผมคุยกับมันให้แล้วกันครับเรื่องนี้ แต่ผมคงไม่ไปเรียนกับมันหรอกนะครับ เพราะถ้าจะไปผมก็จะไปด้วยตัวของผมเอง” ผมบอกแม่ต้อมไปเพราะเรื่องนี้จะให้ผมไปได้ยังไง พ่อแม่ผมจะคิดยังไงอยู่ต้องให้คนอื่นมาออกเงินให้

“แล้วต้อมมันจะยอมไปหรือลูก แม่กลัวมันไม่ยอมไปนะสิ” แม่ต้อมทำเสียงกังวล

“เดี๋ยวผมจัดการให้เองครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแต่ว่าขอเวลาหน่อยนะครับ” ผมบอกแม่ต้อมไป

“แล้วแต่ลูกเลยแล้วกัน ยังไงแม่ก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะลูก แม่ไม่อยากให้พ่อกับลูกทะเลาะกันอีก” แม่ต้อมบอก

“ครับแม่ไม่ต้องห่วง แล้วผมจะโทรไปบอกนะครับ” ผมบอกก่อนที่จะวางสายแล้วเดินกลับเข้าไปทำงาน

“แม่โทรมาว่ายังไงหรอพี่นัท” ต้อมหันมาถามหลังจากที่ผมเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้ว มันยังรู้อีกแหนะว่าแม่มันโทรมา ผมคิดว่ามันไม่ได้สนใจซะอีกตอนนั้น

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกเรื่องวันรับปริญญาเรานะแหละ” ผมบอกบ่ายเบียงไปก่อน เพราะผมยังนึกวิธีที่จะบอกต้อมไม่ได้เลยตอนนี้

ต้อมก็ไม่ได้สนใจอะไรเราก็ทำงานกันไปจนเลิกงาน แต่ผมคิดเรื่องของมันตลอดเวลาว่าผมจะทำให้มันไปเรียนต่อได้ยังไง แล้วผมจะอยู่ยังไงช่วงที่มันไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ผมก็อยากให้มันไปเรียนนะครับผมคงต้องหาวิธีหน่อยแล้ว

“พี่นัท! พี่คิดอะไรอยู่ผมถามตั้งหลายครั้งแล้ว” ต้อมเรียกตอนที่ผมกำลงคิดเรื่องของมันเพลินพอดี

“เออ เรื่องงานนะแหละไม่มีไรหรอก แต่ว่าเราถามพี่ว่าอะไรละ” ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังขับรถกลับบ้านอยู่

“ผมถามพี่ว่าวันนี้ไปกินซูชิกันไหม ผมอยากกินนะ” ต้อมบอก

“อืม ไปสิไปมาบุญตครองก็ได้นะใกล้ดี” ผมบอกต้อมหันมายิ้มก่อนขับรถไป

เราขึ้นไปกินกันที่ฟูจิชั้นบนของโรงหนังเพราะพอดีผมเห็นหนังที่ผมอยากดูเข้าพอดี ผมเลยจองตั๋วก่อนที่จะไปกินข้าวกัน ต้อมสั่งชุดปลาดิบมากินจริงๆสงสัยจะอยากกินมากเพราะสั่งชุดใหญ่มาเลย ส่วนผมไม่ได้สั่งอะไรหรอกครับมื้อนี้ให้ต้อมมันเลือก อีกอย่างผมอยากจะตามใจมันด้วยช่วงนี้ เพราะถ้ามันไปเรียนผมคงไม่ได้ทำอะไรให้มันเหมือนทุกวันนี้แน่ๆ

“อะ ชอบอันนี้ไม่ใช่หรอ” ผมคีบซูชิหน้าไข่หอยเม่นป้อนให้มัน มันก็หันมากิน

“วันนี้พี่นัทเป็นไรนะ ดูเอาใจผมยังไงก็ไม่รู้” ต้อมมันสงสัย

“อ่ะนะ คนเราเอาใจใส่ก็ไม่ชอบ งั้นไม่สนใจแล้วก็ได้ถ้างั้น” ผมแกล้งทำงอน เพื่อเปลี่ยนเรื่องไว้ก่อน

“ไม่เอาอะ ถ้างั้นป้อนอีกนะนะ” ได้ทีมันเริ่มอ้อนบ้างแหละทีนี้

ตกลงมือนี้ผมก็ป้อนมันเกือบทุกอย่างแหละครับ จนพนักงานมองมาทางผมกับต้อมบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วครับ เรื่องแบบนี้ก็เห็นคนมองเราสองคนประจำแหละ หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็เข้าดูหนังพอดี เพราะเรากะเวลาตอนกินข้าวกันไว้แล้ว

ตอนผมดูหนังผมก็นั่งจับมือต้อมไว้ตลอดเวลา ต้อมหันมามองผมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก มีแต่ผมนี่แหละที่อยากจะอยู่กับต้อมให้เยอะที่สุดเลยตอนนี้
วันนี้เรามาทำงานกันเหมือนเดิม ผมก็ยังคิดเรื่องเรียนต่อของต้อมเหมือนเดิม

“ครื่นๆๆ” เสียงโทรศัพท์สั่นที่โต๊ะทำงานผมเป็นเบอร์แม่ต้อมเหมือนเดิม

“นัทลูกคุยกับต้อมหรือยัง” แม่ต้อมถามผม

“ยังเลยครับแม่กำลังหาทางคุยอยู่ครับ” ผมบอก

“พอดีเพื่อนพ่อเขาจัดการเรื่องที่เรียนให้เรียบร้อยแล้วนะ รู้สึกว่าจะไปหลังวันรับปริญญานี่แหละลูก ยังไงก็รีบๆบอกต้อมมันให้ด้วยนะ” แม่ต้อมบอกเสร็จก็วางสายไปเลยตอนนี้

แล้วผมจะทำยังไงดีละทีนี้เพราะว่าเหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์ต้อมก็รับปริญญาแล้วด้วย ผมเลยขึ้นไปคุยกับพี่น้ำเรื่องนี้เพราะผมคงต้องปรึกษาแกแล้วละครับตอนนี้ เพราะว่ามันมีเรื่องงานของต้อมที่ทำอยู่ด้วย เพราะถ้าต้อมไปเรียนผมคงต้องทำคนเดียวหรือหาคนมาช่วยใหม่

พี่น้ำบอกว่าให้คุยกับต้อมตรงๆไปเลยเพราะว่าไม่มีเวลามากแล้ว แล้วเราจะได้ทำอะไรให้คุ้มค่าก่อนที่เราจะต้องจากกันไปคนละที่ พี่น้ำก็เตรียมเคลียงานในส่วนที่ต้อมทำด้วย

เย็นนี้ผมตัดสินใจที่จะคุยกับต้อมเรื่องนี้ ตอนเย็นผมเลยชวนต้อมไปกินข้าวร้านโปรดที่ต้อมชอบ แล้วผมก็ชวนต้อมไปนั่งเล่นกันที่สะพานพระราม8 ตอนเย็นๆบรรยากาสดีมากๆเราสองคนชอบไปกันบ่อยๆ ต้อมดูเหมือนสงสัยนิดหน่อยแล้ว จนผมกลับมาถึงบ้าน

“พี่นัทพี่มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย ดูใจดีกับผมจังเลยช่วงนี้” ต้อมถามผมเมื่อเราเข้ามาในบ้านแล้ว

“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราเหมือนกัน แต่เราสัญญานะว่าจะคุยกันจนจบ” ผมมองหน้าต้อม ต้อมก็พยักหน้าเราเลยไปนั่งคุยกันที่โซฟา

“ต้อมคือว่าเราจำได้ไหมที่แม่เราโทรมาหาพี่นะ” ผมถามต้อม ต้อมพยักหน้า

“คือแม่เราเขาจะให้เราไปเรียนต่อเมืองนอกนะ เขาติดต่อที่เรียนไว้เรียบร้อยแล้วด้วย” ผมเล่าให้ต้อมฟัง

“แต่ผมไม่อยากเรียนต่อนี่นา ผมไม่อยากห่างจากพี่นัทนานๆพี่ก็รู้” ต้อมบอกผม

“แต่พี่ก็อยากให้เราไปนะเพราะว่ามันดีต่อเราด้วย อีกอย่างถ้าเราตั้งใจเรียนก็แค่สองปีเอง” ผมพยายามให้เหตุผล

“แต่ผมไม่อยากไปนี่ ถ้าไม่มีพี่ไปด้วยผมไม่ไปหรอก” ต้อมบอกเสียงแข็งเลยตอนนี้

“ไม่ได้หรอกถ้าพี่จะไปพี่ก็ขอไปด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ที่บ้านเราต้องมาช่วยเรื่องนี้หรอก เราไปเรียนต่อเถอะนะพี่รับปากพ่อกับแม่เราแล้วด้วยเรื่องนี้” ผมบอก

“ผมไม่ไปเด็ดขาด” ต้อมยังยืนยันคำเดิม

“แต่เราต้องไปนะ พี่อยากให้เราไปจริงๆ แล้วอีกอย่างพ่อแม่เราก็อยากให้เราไปด้วย” ผมยังยืนยันต้อมไปเหมือนเดิม

ต้อมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปเลยตอนนี้ ผมเดินตามเข้าไปแต่เข้าไม่ได้เพราะต้อมล็อคห้องไว้

“ต้อมเปิดประตูให้พี่หน่อย คุยกันดีนะ” ผมบอกผ่านประตู

“ทำไมพี่อยากให้ผมไปไกลๆนักละ ผมไม่อยากไปผมไม่อยากห่างจากพี่นะ” ต้อมบอกกลับมา ตอนนี้เสียงต้อมเหมือนจะสั่นๆนิดๆแล้วด้วย


...................................

ลงหลายเรื่องไปหน่อย ช่วยตามอ่านด้วยนะครับ :L1: :pig4:

kanda53

  • บุคคลทั่วไป
สงสารต้อมง่ะ.......
รักพี่นัทขนาดนั้น......จะห่างกันได้งั๊ย.... :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้คุณนัท  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2010 15:56:03 โดย kanda53 »

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
ใจมันรักกันไกลแค่ไหนก็ยังรัก สองปีก็แค่ยี่สิบสี่เดือนเอง เป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงนี้ให้ได้ครับ

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
มารอลุ้นว่าต้อมจะไปหรือเปล่า

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
สงสารต้อมง่ะ.......
รักพี่นัทขนาดนั้น......จะห่างกันได้งั๊ย.... :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้คุณนัท  :L2:



แล้วไม่สงสารผมบ้างหรือไงคร้าบ :serius2: :serius2:


ใจมันรักกันไกลแค่ไหนก็ยังรัก สองปีก็แค่ยี่สิบสี่เดือนเอง เป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงนี้ให้ได้ครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถ้าไม่รักใกล้กันแทบตายก็เลิกกันอยู่ดี :sad4:

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
 o13 o13ทำแฮททริกลงสามเรื่องรวด o13 o13

....................

ตอนที่44

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เราเปิดประตูให้พี่ก่อน เราจะได้คุยกันให้เข้าใจ” ผมบอกต้อมให้เปิดประตู

“ไม่เอาเดี๋ยวพี่ก็จะไล่ให้ผมไปเรียนอีก ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว” ต้อมบอกกลับมา

“ถ้าเรายังไม่ยอมรู้เรื่องแบบนี้ พี่ไปนอนที่อื่นก็ได้ถ้างั้น” ผมแกล้งบอกต้อมมันไปเพราะผมรู้ว่ามันไม่ยอมให้ผมไปนอนที่อื่นแน่ๆ

แล้วมันก็ได้ผลจริงๆต้อมก็ยอมเปิดประตูออกมา ต้อมตาแดงๆแล้วตอนนี้สงสัยจะน้อยใจผมจริงๆ ผมเห็นแบบนี้เลยเดินเข้าไปกอดต้อมไว้ เผื่อมันจะผ่อนคลายลงบ้าง ผมกอดต้อมอยู่นานพอสมควรผมก็เริ่มพูดเรื่องเรียนใหม่

“ต้อมเราต้องเข้าใจพี่นะ ว่าพี่ก็ไม่ได้อยากให้เราไปนักหรอก แต่มันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่เรา แล้วพี่ก็เห็นว่ามันเป็นผลดีต่ออนาคตของเราด้วย ต่อให้เราไปเรียนเราก็ยังติดต่อกันได้อยู่นะ” ผมอธิบายเหตุผลให้ต้อมฟังโดยที่ยังกอดมันอยู่

“แต่ผมไม่อยากไปนี่ ผมไม่อยากไปคนเดียว” ต้อมยังไม่ยอมฟังเหตุผล

“เราต้องฟังพี่บ้างสิ คราวนี้เราต้องทำให้พ่อกับแม่ของเรานะ เขาก็ยอมเรามาเยอะมากพอแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พวกเราต้องทำให้พวกเขาแล้วนะ” ผมยกเหตุผลเพิ่มเติม

“งั้นพี่ก็ไปกับผมสิ เราไปเรียนต่อด้วยกันทั้งสองคนนี่แหละ” ต้อมยังยืนยันเหมือนเดิม

“เราฟังพี่นะ” ผมจับหน้าต้อมให้มามองหน้าผมตรงๆ “ถ้าพี่จะไปเรียนต่อพี่ก็ต้องไปด้วยทุนของพี่เอง ไม่ใช่จากพ่อกับแม่ของเราเพราะพี่ไม่อยากให้ใครมาว่าลับหลังได้ ว่าพี่คบกับเราเพื่อผลประโยชน์อย่างอื่น แล้วอีกอย่างพ่อกับแม่พี่จะคิดยังไงที่ลูกตัวเองต้องให้คนอื่นส่งเรียนต่อ ต้อมจะมาคิดอะไรง่ายๆไม่ได้นะว่าไม่ต้องสนใจคนอื่น เราสองคนนะได้แต่ครอบครัวเราไม่ใช่นะ เพราะฉะนั้นเราจะมาทำให้พ่อกับแม่เราต้องมาเดือดร้อนเพราะเราด้วยทำไม” ผมมองตาต้อมตลอดตอนที่พูด

“ไม่ใช่ว่าพี่จะอยากให้เราไป ใจพี่ก็ไม่อยากให้เราไปหรอกนะ แค่คิดพี่ก็ใจหายแล้วแต่พี่ก็ต้องทำใจให้ได้ เพราะเราต้องให้เขาบ้าง ไม่ใช่ว่าเราจะรับทุกอย่างจากเขามาฝ่ายเดียว พี่ไม่อยากให้คนอื่นมองเราสองคนเป็นคนเห็นแก่ตัว ในเมื่อพ่อกับแม่เขาก็ยอมเรามาขนาดนี้แล้ว เราก็ทำเพื่อเขาบ้างจะเป็นไร” ผมให้เหตุผลต่อ

“ผมก็เข้าใจนะข้อนี้แต่มันเร็วเกินไปที่จะให้ผมห่างจากพี่ไป ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ” ต้อมบอก

“ถึงจะช้าจะเร็วเราก็ต้องไปอยู่ดี พี่คิดว่าดีซะอีกนะที่เรารีบๆไปจะได้รีบๆกลับมาไง แค่ปีสองปีมันไม่นานหรอก”ผมบอกต้อมไปแต่ในใจผมมันรู้สึกโหว่งๆพิกลยังไงก็ไม่รู้ ผมต้องพยายามแกล้วทำเป็นว่าทำใจได้เพราะไม่อยากให้ต้อมมันลังเล

“พี่นัทคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ พี่ทำใจได้แล้วหรอที่จะให้ผมไป” ต้อมจ้องตาผมเขม็งเลยตอนนี้ ผมก็เลยหลบสายตาของมันเพราะผมยังทำใจไม่ได้นี่ครับ เดี่ยวมันจะจับผิดผมได้

“เห็นไหมพี่นัทก็ยังทำใจไม่ได้เหมือนกัน ไม่งั้นพี่ไม่หลบตาผมหรอก” มันฉลาดขึ้นมาเชียวทีนี้

“ใช่พี่ทำใจไม่ได้หรอกที่จะต้องจากเราไป แต่พี่ก็ต้องพยายามไงเพื่อตัวของเราไง ต้อมเราเชื่อพี่เถอะนะอย่างน้อยก็ทำสิ่งนี้ให้พ่อกับแม่เขา ทดแทนกับสิ่งที่เขาให้เรามาได้หรือเปล่า” ผมจ้องหน้าต้อมบ้างแล้วตอนนี้

“ผมไปเรียนต่อก็ได้แต่พี่สัญญากับผมเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม” ต้อมบอกผม

“อืมได้สิถ้าเป็นเรื่องที่ทำได้นะ” ผมบอก

“ก็ไม่มีอะไรมาหรอกเพียงแค่ถ้าผมเรียนจบกลับมา แล้วต้องไปช่วยงานที่บ้านพี่ต้องไปทำกับผมด้วยแค่นั้นเอง หรือไม่พี่ก็ออกมาอยู่กับบ้านคอยดูแลผม แค่นี้เองพี่นัทสัญญาได้หรือเปล่าครับ” ต้อมบอกเงื่อนไขให้กับผม

“อืม ก็ได้นะถ้าที่บ้านเราเขายอมเหมือนกัน แต่ให้อยู่บ้านเฉยๆพี่ไม่เอาหรอกนะ”

“ถ้าพี่ตกลงผมก็ยอมไปเรียนให้ก็ได้ เพราะผมจะได้ทำอะไรให้พ่อกับแม่และเพื่ออนาคตของเราสองคนด้วย” ต้อมบอกผมดูเหมือนต้อมก็เริ่มที่จะมีความคิดที่ดีขึ้น และสนใจความรู้สึกของคนรอบข้างบ้างแหละตอนนี้

“ต้องให้มันได้อย่างนี้สิ พี่รักต้อมที่สุดเลยนะครับ” ผมจูบปากต้อม ต้อมก็ตอบสนองกลับมาอย่างนุ่มนวล

หลังจากที่เราคุยกันจนเข้าใจแล้ว ผมก็โทรกลับไปบอกที่บ้านของต้อมซึ่งแน่นอนเขาต้องดีใจกันอยู่แล้ว แต่ผมสิกลับรู้สึกใจหายไปทีละนิดแล้วตอนนี้ เพราะเวลาที่ผมกับต้อมจะได้อยู้ด้วยกันมันน้อยลงไปทุกๆวินาทีแล้วตอนนี้ ตอนนอนคืนนี้ผมเป็นฝ่ายกอดต้อมไว้เอง เพราะทุกครั้งจะเป็นต้อมกอดผมมากกว่า

เช้านี้ผมกับต้อมก็มาทำงานตามปกติ ผมบอกพี่น้ำเรื่องที่ต้อมยอมไปเรียนต่อแล้ว แกก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังเรียกต้อมบอกว่าให้โชคดีแล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย แต่เราไม่ได้บอกถึงข้อตกลงของเราสองคนเพราะผมไม่รู้จะพูดยังไง ก็ปล่อยมันให้เป็นเรื่องของอนาคตไปก่อน

ตอนบ่ายผมต้องออกไปพบลูกค้าแต่ต้อมต้องอยู่เคลียงานที่ออฟฟิศ เพราะว่าผมบอกว่าไม่อยากมีผู้ช่วยแล้วทำคนเดียวดีกว่า ต้อมเลยต้องจัดการกับงานทั้งหมดที่รับผิดชอบให้เสร็จก่อนที่จะไปเรียนต่อ แล้วพอดีผมคุยกับลูกค้าเสร็จเร็ววันนี้ ผมเลยแวะห้างเซ็นทรัลเวิลด์เพราะผมอยากหาซื้อของขวัญให้ต้อมก่อนที่ต้อมจะไปเรียนด้วย

พอดีผมเดินผ่านแผนกเสื้อผ้าเห็นเสื้อไหมพรมตัวหนึ่งสวยมาก แล้วคิดว่าที่นั้นเวลาน่าหนาวคงหนาวมากแน่ๆน่าจะได้ใช้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อนะครับแบบว่าขอเดินดูก่อน เผื่อเจออย่างอื่นที่มันน่าสนใจกว่าอะไรแบบนี้ไงครับจะได้ได้ของที่ถูกใจที่สุด

ระหว่างเดินเลือกของก็เดินผ่านร้านขายไหมพรมที่เขาเอามาถักเสื้อนี่แหละครับ แล้วเห็นเขากำลังสอนลูกค้าที่มาซื้อของถักเสื้อไหมพรมอยู่เหมือนกัน ผมเลยแวะเข้าไปดูมองๆแล้วมันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ผมเลยคิดว่าผมน่าจะทำเสื้อไหมพรมให้ต้อมเองดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็เป็นของขวัญที่ผมทำให้กับมือต้อมคงต้องชอบแน่ๆ
ผมเลยคุยกับพนักงานขายว่าถ้าซื้อไหมกับอุปกรณ์จะสอนวิธีถักให้ด้วยได้หรือเปล่า ทางร้านเขาก็ยินดีสอนครับแถมยังหาแบบเสื้อกันหนาวมาให้เลือกอีก ผมเลือกเป็นแบบสวมทั้งตัวแขนยาวแต่เป็นคอวีกว้างลงมาหน่อย เวลาใส่จะเห็นปกเสื้อกับเสื้อตัวในด้วย คิดว่าต้อมใส่แบบนี้แล้วคงน่ารักดีแน่ๆ

พนักงานให้ผมเลือกสีไหมพรมที่จะใช้ผมเลือกสีแดงเลือดหมูเข้ม(ไม่ขอบอกเหตุผลที่เลือกนะครับ) หลังจากเลือกได้พนักงานก็เอาวิธีถักเสื้อแบบที่ผมเลือกมาให้ แล้วก็พาผมไปนั่งที่อีกมุมหนึ่งของร้านที่จัดไว้สำหรับลูกค้าที่จะมาหัดเรียน ผมนั่งหัดทำอยู่กว่าสองชั่วโมงถึงจะคล่อง ระหว่างที่นั่งหัดทำพนักงานเขาก็จะคอยเข้ามาดูเราบ่อยๆ เผื่อเรามีปัญหาอะไรจะได้ถามเขาได้ทันที

หลังจากที่ผมคิดว่าผมคล่องน่าจะเอากลับมาทำเองได้แล้ว  ผมก็เก็บของเพื่อที่จะกลับบ้านเพราะอยากถึงบ้านก่อนต้อม จะได้ซ่อนของพวกนี้ด้วยผมคิดว่าเก็บไว้ให้รู้วันที่จะให้ที่เดียวเลยดีกว่า ก่อนกลับผมยังถามพนักงานว่าถ้ามีปัญหาช่วงไหนกลับมาถามได้หรือเปล่า พนักงานก็บอกยินดีทุกเมื่อค่ะของแบบนี้มันต้องกันไว้ก่อนสิครับ

“ที่รักคร้าบ วันนี้อยากกินอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวพี่ทำให้กิน” ผมโทรหาต้อมหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วซ่อนของเรียบร้อยแล้ว

“อะไรก็ได้ครับที่ที่รักผมทำผมกินได้ทุกอย่างแหละครับ” ต้อมปากหวานกลับมา

“ไม่เอาอ่าแบบนี้มันเลือกยาก บอกมาเลยไม่งั้นไม่ทำให้กินแล้วนะ” ผมบอกไปก็มันคิดยากจริงๆนะครับไอ้อะไรก็ได้อะ เดี๋ยวทำมาไม่ถูกใจละแย่เลย

“อืม งั้นผมอยากกินแกงเขียวหวาน ปลาเค็ม ไข่ตุ๋น ผัดพริกแกงถั่ว ผัดผักรวมมิตร คะน้าหมูกรอบ” โหทีนี้บอกมาซะเยอะเลย

“อ่านะ เยอะไปไหมกินกันสองคนนะ ไม่ได้เลี้ยงทั้งซอย งั้นเราแกงเขียวหวานปลาเค็มแล้วก็ไข่ตุ๋นแล้วกันนะ” ผมบอกกลับไป

“คร้าบตามใจพี่เลย”

“แล้วเราใกล้จะกลับหรือยัง งานที่ต้องเคลียเหลืออีกเยอะหรือเปล่า” ผมถาม

“เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ งานเคลียเกือบครบแล้วไม่ต้องห่วงหรอกครับ” ต้อมบอก

“งั้นกลับบ้านแล้วเจอกัน แค่นี้นะ” ผมวางสาย

ผมไปซื้อของกลับมาทำกับข้าวไว้รอต้อมกลับมาบ้าน ผมทำกับข้าวเสร็จได้ไม่นานต้อมก็กลับมาถึง ผมให้ต้อมไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยลงมากินข้าวด้วยกัน ผมจัดโต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้วตอนนี้ ต้อมลงมานั่งกินข้าวผมก็คอยตักกับข้าวให้ต้อมตลอด จนต้อมมองหน้าผม

“มองหน้าทำไม พี่อยากให้เรากินเยอะไง หรือว่าไม่อยากกิน” ผมถาม

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมแค่แปลกใจที่พี่นัทเอาใจผมจังเลย” ต้อมอมยิ้ม

“ก็พี่อยากทำให้เรานี่ อีกไม่กี่วันเราก็ต้องไปเรียนแล้วนะ อย่าลืมสิ” พอผมพูดเรื่องนี้ต้อมดูหน้าเศร้าไปเล็กน้อย

“พี่ยิ่งทำแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากไปแล้วรู้ไหม” ต้อมทำหน้าเศร้าขึ้นไปอีกทีนี้

“ไม่เอาน่าเราสัญญากันแล้วไง” ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือต้อมไว้

“พี่ก็แค่อยากทำให้เรามากๆ เราจะได้ไม่ลืมพี่ไงเวลาไปที่นั้นแล้ว” ผมบอกต่อ

“ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางลืมพี่หรอกนะ กลัวแต่ผมจะทนคิดถึงพี่ไม่ไหวแล้วหนีกลับมาก่อนนะสิ” ต้อมเอามือมากุมมือผมข้างที่ยื่นไปจับมือมันไว้

“แบบนั้นไม่ดีแหละ เราต้องเรียนให้จบนะสัญญากับพี่สิ” ผมบอก ต้อมก็ได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ

หลังจากกินข้าวเสร็จที่แรกผมจะล้างจานเองแต่ต้อมไม่ยอมบอกว่าผมเหนื่อยแล้ววันนี้ ผมเลยมานอนฟังเพลงรอที่โซฟาจนต้อมมานั่งข้างๆ เพลงนี้ก็ขึ้นมาพอดีผมเลยหยุดเพลงก่อนที่จะหูฟังข้างหนึ่งใส่ที่หูต้อม แล้วผมก็เอาหัวไปซบที่ไหล่ของมันก่อนที่จะเปิดเพลง

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

เอ่ยคำว่ารักดังๆ ก็เหมือนมันไม่มีค่าเลย
ปากบอกไปแต่ใจเฉยๆ แค่เป็นคำหนึ่งคำที่พูดไป
แต่บอกด้วยใจรู้ไหม ต้องใช้ใจมารักกัน
เบาๆ แค่สักครั้ง แต่มันยังคงดังอยู่ในหัวใจ

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

รักนะ รักเธออยู่ในใจ ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่เคยพูดมัน
รักนะ รักเธอมากมาย รักเธอมากมาย โดยไม่ต้องพูดกัน

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

คำว่ารักต้องพูดยังไง ส่งจากใจให้ถึงใจเรา
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ

บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย

อยากให้เธอได้ฟัง
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย
พอเพลงจบผมก็เอาหูฟังของต้อมออก “พี่รักต้อมนะ” ผมกระซิบที่ข้างหูต้อม
ต้อมหันมายิ้ม “ผมก็รักพี่นัทครับ” ต้อมบอกผมกลับมา

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
โอ้ย หวานซะ  :-[
แอบเศร้าแทนอ่ะ เข้าใจมากมาย เราก็ดูเรื่องไปต่อโทอยู่ พอคิดว่าต้องไปคนเดียวแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nataxiah

  • โปรดอย่าถามว่าเขาเป็นใคร เพราะฉันไม่ตอบ อิอิ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-56
แบบกลัวเครียด ผมเลยลงเรื่องไรสาระของเราสองคนให้อ่านขั้นไปก่อนนะครับ :laugh:

.................................

ตอนพิเศษ 1

พอดีผมนึกเรื่องเล็กๆน้อยๆขึ้นมาได้เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังนะครับ มันเป็นเรื่องการหึงที่ไร้สาระมากของต้อมมัน ลองอ่านดูนะครับว่ามันไร้สาระแบบที่ผมบอกจริงหรือเปล่า

ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดารานักร้องซักเท่าไหร่นะครับ คือดูได้ดูเฉยๆอะไรแบบนี้คนไหนหน้าตาดีก็เออน่ารักดีแค่นี้แหละครับ แต่วันหนึ่งผมนั่งดูรายการเกมส์โชว์เกาหลีรายการวันนั้นวงดงบังชินกิมาพอดี ระหว่างที่ดูคราวนี้ผมกลับชอบดาราขึ้นมาซะแล้ว คนที่ผมชอบคือ xiah junsu ผมก็ไม่รู้นะว่าทำไมแต่พอเห็นหน้าเขาแล้วมันชอบมากๆเลย นี่เป็นดารานักร้องคนแรกที่ผมรู้สึกชอบมากเลย ผมเลยตั้งใจดูเป็นพิเศษไม่ได้สนใจต้อมที่นอนตักดูอยู่ด้วยเลย

“พี่นัทตั้งใจดูใหญ่เลยนะ ปกติไม่เห็นสนใจขนาดนี้” ต้อมมันดึงหน้าผมให้ก้มมามองหน้ามัน

“ก็มันสนุกดีนี่” ผมตอบแค่นี้แล้วรีบเงยหน้ากลับไปดูจุนซูต่อ ก็คนอะไรไม่รู้น่ารักมากจริงๆในสายตาผม เวลายิ้มนะผมนะใจละลายเลยใครจะว่าเวอร์ก็เถอะก็ผมชอบจริงๆนี่นา

ผมก็ไม่ได้สนใจต้อมอีกกลับมาตั้งใจดูจนรายการจบ ผมเห็นต้อมหลับอยู่บนตักผมแล้ว ผมเลยปลุกต้อมแล้วขึ้นไปนอนกัน

วันนี้ผมไปร้านหนังสือผมไปหาเลือกซื้อหนังสือพวกที่เกี่ยวกับดาราเกาหลีมาดู เพื่อหาพวกเรื่องเกี่ยวกับจุนซูของผม(ไม่รู้เขาจะยอมหรือเปล่านะตู่เอาไว้ก่อน) แล้วผมก็กลับมาหาเรื่องของจุนซูตามอินเตอร์เน็ต จนต้อมมันสงสัย

“พี่นัทช่วงนี้พี่นัททำอะไรอยู่ ผมเห็นพี่หาอะไรทางเน็ตทุกวัน” ต้อมเดินเข้ามาถามตอนที่ผมกำลังเซฟรูปจุนซูอยู่เลย

“พี่กำลังหารูปคนนี้อยู่ไง” ผมชี้ให้ต้อมดูรูปจุนซูที่ผมเปิดไว้เพื่อเซฟอยู่ ต้อมหันไปมองแล้วก็มามองหน้าผม

ผมก็ไม่ได้สนใจหันกลับไปหารูปต่อ ต้อมมันกลับเข้ามานั่งเบียดผมบนเก้าอี้แล้วนั่งดูกับผม

“พี่ไปชอบมันตรงไหน ไม่เห็นจะหล่อเลย” ต้อมมันบ่นอะไรต่อก็ไม่รู้ผมไม่ได้สนใจ แต่มันก็ไม่ลุกไปไหนนะนั่งดูผมอยู่อย่างนั้น

ตอนนี้ผมบ้าจุนซูไปแล้วผมไปซื้อหนังซื้อรายการเกาหลีที่มีจุนซูมาจนเต็มบ้านไปหมดเลยตอนนี้เหตุมันเริ่มจะเกิดแหละครับตอนนี้

“พี่นัทพี่ชอบมันมากเลยหรอไงกัน ผมเห็นพี่นั่งดูมันอยู่นั่นแหละ” ต้อมถามผมที่นั่งดูหนังที่ซื้อมาอยู่

“เปล่าก็แค่มันน่ารักดีก็แค่นั้นเอง” ผมบอกหน้ายังดูหนังอยู่

“แล้วมันกับผมใครน่ารักกว่ากัน” มันมานั่งข้างหน้าผมแล้วเอาหน้ามาให้ดู มาบังกันได้หนังกำลังสนุกเลย ผมเลยเอามือจับหัวมันหลบออกไป

“นี่แสดงว่าสนใจมันมากกว่าผมแล้วนะ” แล้วต้อมมันก็เดินขึ้นห้องไปเลย ผมดูหนังต่อจนจบแล้วขึ้นไปบนห้องเหมือนกัน

ต้อมมันอาบน้ำนอนหลับไปแล้วทำไมมันไม่รอผมหว่าในนี้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรผมก็อาบน้ำนอนบ้าง แล้ววันนี้มันยังมานอนหันหลังให้ผมอีกผมเลยกอดมัน

“เป็นอะไรอีกเนี่ย เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย” ผมพูดที่ข้างหูต้อม มันไม่ยอมตอบผมอีกแนะมันเป็นอะไรของมันหว่า มันคงหลับไปแล้วมั้งผมก็เลยนอนกอดมันหลับทั้งๆแบบนั้น

เช้าตื่นขึ้นมามันก็ไม่ยอมปลุกผมไปอาบน้ำอีกแหละ ผมเลยตามเข้าไปในห้องน้ำเพราะต้อมยังอาบน้ำไม่เสร็จ

“ทำไมไม่ปลุกพี่ละ ตื่นสายทำยังไง” ผมหันไปถามก่อนที่จะแปลงฟัน

“ทำไมไม่บอกไอ้เชี่ยอะไรนั่นมาปลุกละ มาบอกผมทำไม” ผมถึงบางอ้อทันที มันงอนผมเรื่องนี้เนี่ยนะ แต่ว่าเขาชื่อเซี่ยไม่ใช่ชื่อเชี่ยดูมันเปลี่ยนชื่อให้เขาเสร็จสรรพเลย

“เป็นอะไรนี่หึงดาราก็ได้นะเรานะ” ผมเดินไปกอดข้างหลังมันที่กำลังอาบน้ำอยู่

“หึงอะไรไม่เข้าเรื่อง พี่แค่ชอบดูเขาเฉยๆ” ผมบอกแต่มันทำเป็นไม่สนใจแกะมือผมออกแล้วออกมาแต่งตัว ดูมันถ้าจะเป็นเอามากหึงผมกับดาราเกาหลีเนี่ยนะ

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่างต้อมมันลงมาก่อนแล้ว ผมเลยปล่อยมันไปก่อนเดี่ยวมันก็คงหายคนบ้าอะไรหึงดาราแถมยังดาราเกาหลีด้วย ทำเหมือนว่าผมจะไปจีบเขามาเป็นแฟนได้อย่างนั้นแหละ ขับรถมามหา’ลัยมันก็ไม่พูดกับผมเลยผมถามไรมันถึงจะตอบ จนมาถึงที่ซุ้มมันก็เดินไปซื้อน้ำมาให้ผมแต่ก็ยังไม่ยอมพูดกับผมนะครับดูมันถ้าจะเป็นเอามาก จนหนุ่ยมาถึงที่ซุ้ม

“เฮ้ยหนุ่ยสงสัยกูจะเป็นหมาหัวเน่าแล้ววะ” ดูมันบอกเพื่อนมันดิ หนุ่ยทำหน้างง

“วันๆดูแต่อะไรก็ไม่รู้ ไม่สนใจกูเลย” เอากับมันสิแล้วที่ทำมาตั้งแต่เช้านี่ไม่สนใจอีกหรือไง หนุ่ยมันยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่

“มันเป็นอะไรของมันพี่นัท พี่ไปทำอะไรมัน” หนุ่ยหันมาถามผมหน้ามันยังงงอยู่กับที่ต้อมพูด

“ก็ต้อมนะสิมันบ้า มันหึงพี่กับดาราเกาหลี” ผมเล่าไปก็จะขำไปแต่ต้องกลั้นไว้เดี๋ยวมันยิ่งงอนเข้าไปใหญ่ แต่หนุ่ยมันนั่งขำใหญ่เลย

“เออ มึงไม่เห็นหรอกตอนที่พี่เขานั่งดูไอ้เชี่ยอะไรนี่แหละ แม่งไม่สนใจอะไรเลยสงสัยถ้าเขาไปในทีวีได้เข้าไปแล้วมั้ง” โหดูมันคิดได้ยังไง แต่เขาชื่อเซี่ยไม่ใช่เชี่ยผมอยากจะบอกจริงๆแต่ไม่กล้าอะกลัวมันงอนเพิ่มอีก หนุ่ยมันพยายามกลั้นหัวเราะใหญ่เลยพอมันเห็นต้อมเครียดจริงๆ ผมก็เพิ่งจะรู้นะนี่ว่าเวลาคนเรามันจะหึงนี่อะไรมันก็หึงได้หมด อีกหน่อยมันจะหึงแมลงวันไหมนี่ถ้ามันมาเกาะผมนะ(อันนี้ผมคิดเล่นๆนะครับเรื่องแมลงวันนะ ต้อมมันคงไม่บ้าขนาดนั้นหรอกครับ)

ผมให้หนุ่ยช่วยบอกต้อมเรื่องนี้แต่มันก็ไม่ยอมฟังเท่าไหร่แต่ก็เริ่มคุยกับผมบ้างและ ผมเล่าเรื่องนี้ให้ไอ้แนทกับไอ้ตี๋ฟังด้วยพวกมันก็ขำๆกัน แต่ไอ้แนทมันว่าผมให้สนใจต้อมด้วย เพราะมันรู้นิสัยผมถ้าเกิดกำลังชอบหรือบ้าอะไรช่วงแรกๆจะไม่ค่อยสนใจคนอื่น จะทำแต่อย่างนั้นอยู่อย่างเดียว แต่พักเดียวผมก็เบื่อแล้วครับเป็นแบบนี้ประจำจนพวกมันชินแล้ว แต่ต้อมนี่เจอครั้งแรกคงปรับตัวไม่ทันแน่ๆ

ตอนเย็นกลับมาบ้านวันนี้ผมบอกว่าผมจะทำกับข้าวให้กิน เอาของกินมาง้อสักหน่อยดีกว่า ผมทำพะแนงไก่ ทอดมันกุ้ง แล้วก็ไข่น้ำ เลือกเอาของโปรดต้อมทั้งนั้นเลย ก็ผมรู้นี่ครับว่าผมก็ไม่ได้ใส่ใจต้อมมันจริงๆช่วงนี้

“อะทอดมันกุ้ง ตั้งใจทำเต็มทีเลยนะ” ผมยื่นซ่อมที่เสียบทอดมันกุ้งชิ้นพอดีคำยื่นไปให้ต้อม มันยื่นมือจะมาหยิบซ้อมจากมือผม

“ไม่เอาจะป้อนให้กิน” ผมผมเอามืออีกข้างจับมือต้อมไว้ไม่ให้หยิบซ่อมผมได้ต้อมมองหน้าผม

“กินเอ....” ผมป้อนทอดมันกุ้งเขาไปในปากต้อมทันที

“อะอีกคำนะ” ผมยื่นให้อีก ทีนี้มันไม่เรื่องมากอ้าปากกินเองและไม่ต้องบังคับเหมือนกับคำแรก

กินข้าวเสร็จเราก็ไปนั่งดูหนังกันผมนอนตักต้อม มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังลูบผมผมเล่นอีก แสดงว่ามันเริ่มหายงอนและเพราะต้อมจะชอบจับผมผมตอนนอนตักตลอด ผมก็ชอบนะเพลินดีบางครั้งหลับไปเลยก็มี

“ไม่ดูคนนั้นหรือไงวันนี้” ต้อมพูดทั้งที่ยังมองทีวีอยู่ อืมคราวนี้มันไม่เปลี่ยนชื่อเซี่ยให้ผมและ

“ไม่ดูหรอกวันนี้ดูน้องดำขี้หึงดีกว่า” แล้วผมก็พลิกหันหน้าไปที่หน้าท้องของต้อม ผมเอาหน้าไปชิดที่หน้าท้องแล้วก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนเวลาเล่นกับเด็กๆนะครับ จนต้อมหัวเราะออกมา

“พอแล้วพี่นัท มันจั๊กจี้หายแล้วผมหายงอนแล้วคราบ” ต้อมพูดไปหัวเราะไป

ผมเงยหน้าขึ้นมา “หายแล้วจริงๆนะ” ต้อมพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผมแล้วตอนนี้

“เลิกงอนแล้วนะ พี่จะไม่ชอบคนอื่นได้ไงละ มีแฟนน่ารักแบบนี้ทั้งคน คิดอะไรก็ไม่รู้” ผมนอนพูดบนตักต้อม

“ผมก็รู้แต่พี่นัทไม่สนใจผมเลยตอนดูมันนี่นา มันก็ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลยสู้ผมก็ไม่ได้ชอบมันได้ไงก็ไม่รู้” โหดูแฟนผมมันช่างกล้ามากกกกบอกมันหล่อกว่าเซี่ยซะงั้น แต่ก็เอาเถอะผมยกให้คนเดียวนี่แหละที่จะยอมให้หล่อกว่าเซียผม(คนมันชอบไปแล้วนี่นาทำไมไม่รู้ชอบจริงๆเลยคนนี้ จุนซู)

เอาเป็นว่าคืนนี้ผมต้องเหนื่อยอีกแล้วเพราะเราคืนดีกันแล้วนี่ครับ ผมโดนไปซะสองรอบเลยคืนนี้ขอหาสนใจคนอื่นมากกว่ามัน เฮ้อ เล่นเอาเพลียไปเลย

หลังจากคืนดีกันแล้วผมก็ว่าจะเอาหนังที่ซื้อไว้มาดูสักหน่อยแต่มันหาไม่เจอแม้แต่แผ่นเดียวเลยครับ ต้อมเอาไปแน่ๆผมไปถามต้อมบอกว่าเอาไปซ่อนไว้แล้วเดี๋ยวผมก็ไม่สนใจมันอีก มันยังไม่เลิกอีกนะเรื่องนี้ผมต้องอ้อนมันแทบแย่กว่ามันจะเอาออกมาให้ดูแผ่นหนึ่ง แต่มันมีข้อแม้ด้วยนะครับถ้าผมดูเซี่ยผมต้องเพลียนะสิครับ ข้อแม้มันเข้าข้างตัวเองมากๆแต่ผมก็ยอมครับเรื่องนี้ถึงไม่ได้ดูก็ยอมอยู่แล้วละ

ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบเซี่ยอยู่แหละครับต้อมมันเริ่มชินแหละ อีกอย่างถ้าดูเซี่ยผมจะให้มันดูด้วยจะได้มีส่วนร่วมด้วยกัน มันจะได้ไม่หาว่าผมไม่เอาใจใส่มันอีก ถึงผมจะชอบเซี่ยแต่ผมก็รักต้อมมากที่สุดอยู่ดีแหละครับ


.............................................

รัก XIAH มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
555555555555555555555555 หึงกันเข้าไปได้งัย

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
555+



หึงดีจิงๆๆ



สงสัยของเค้าดี

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
หึงได้นะคนเรา ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
กร้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หึงแม้กระทั่งในจอ 5555555 เป็นเอามาก เด็กหนอเด็ก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด