ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปากงี้...รักเลยซะดีมั้ย? (Mate become True love) : Hie_KunG  (อ่าน 286198 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shumi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อ้าว สายชล ไม่ได้คู่กับ สายฟ้า เรอะ  :serius2:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
แหมมมมมมมมมม
รู้สึกมีแต่คนเชียร์สายฟ้า ไม่มีใครเชียร์คนโพสท์มั่งหรอครับ  :laugh3:

******************************************************************

สายฟ้าคุยเกี่ยวกับครอบครัวของแต่ละคน กับทิวไผ่อย่างเรื่อยเปื่อยขณะเดินขึ้นมาบนห้อง เพื่อเตรียมตัวเรียนในภาคบ่าย...

   ต้นข้าวนั่งหน้างอกระเง้ากระงอดอยู่มุมหนึ่งของห้อง ส่งสายตาตัดพ้อเพื่อนรัก สลับกับสายตาอาฆาตแค้นปานจะกินเลือดกินเนื้อที่จ้องมองทิวไผ่

   “เดี๋ยวนี้เราคงหมดความหมายไร้ประโยชน์ไม่ใช่เพื่อนนายอีกแล้วใช่มะ ใช่สิ เรามันคนไม่ดีนี่ เอาแต่ใจ สู้นายยักษ์นั่นไม่ได้หรอก ปากหวาน เสน่ห์แรง เอาใจเก่งนี่นา”

ต้นข้าวเปรยออกไปอย่างงอน ๆ ตีหน้าเศร้าน้อยใจสุดฤทธิ์ ดูซิ ไอ้ฟ้า มันจะเห็นคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว ดีกว่าเพื่อนรักที่คบกันมาหลายปีรึเปล่า

สายฟ้าลอบมองแววตาที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นก็ทราบแผนการของต้นข้าวทันที เพราะรู้จักกันมานานแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไม่เขาจะดูไม่ออกว่าต้นข้าวจะมาไม้ไหน ‘ต้นนะต้น คิดว่าเราไม่รู้แผนการของนาย เหรอ....อ๊ะ ๆ ๆ จะไม่ง้อก็ใช่ที่ เดี๋ยวพาลงอนไปใหญ่ ตามง้อลำบากอีก’ สายฟ้าใจอ่อนอีกตามเคย ตั้งแต่คบกันมาเขาจะเป็นฝ่ายตามง้อต้นข้าวมาโดยตลอด

“เดี๋ยวฟ้าไปคุยกับต้นก่อนนะครับ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน”

“ครับฟ้า ผมขอโทษนะ ที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนต้องมาผิดใจกันเอง”

“อย่าโทษตัวเองเลยครับไผ่ ไอ้นี่เป็นแบบนี้ประจำแหละ ลูกคนเดียวน่ะครับ” พูดจบสายฟ้าก็เดินแยกออกไปหาต้นข้าว

ทิวไผ่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายที่หลุดออกจากปากของสายฟ้า ทันใดแผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นในความคิด ทิวไผ่สะแหยะยิ้มที่มุมปากจนแก้มเป็นร่องบุ๋มจากลักยิ้ม ‘อ๋อ เจ้านี่เป็นลูกคนเดียวหรอกรึ มิน่าล่ะ เอาแต่ใจตัวเองโคตร เข้าทางไอ้ไผ่ล่ะ สนุกแน่งานนี้’ แววตาบนดวงหน้าคมเข้ม คู่นั้นวาวโรจน์ ทิวไผ่คิดจะทำอะไรของเขานะ

สายฟ้าเดินทำหน้ายิ้ม ๆ เข้าไปหาเพื่อนรัก

“โอ๋ ๆ ๆ หายงอนน้า กิ๊ว ๆ ... อ่ะ เราซื้อฝรั่งมาฝากด้วย” สายฟ้าพูดเสียงอ้อน ปลอบโยนคนที่นั่งหน้าเง้าหน้างออยู่ตรงหน้า

“ป๊าว ใครงอน ไม่มี้” ต้นข้าวทำหน้าเหรอหราตอบกลับสายฟ้า ดีใจนิด ๆ ที่คิดว่า แผนการของตัวเองได้ผล แล้วส่งสายตาเยาะ ๆไปยังหนุ่มหน้าเข้มที่มองมาทางเขาพอดี สายตาสองคู่ประสานกันอย่างจัง ต่างฝ่ายต่างยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัยที่ซ่อนเร้นไว้ในดวงตาคู่สวยนั้น

“อ่ะหรอ ไม่งอนแล้วเดินสะบัดก้นหนีมาก่อนทำไม ปากแข็งตามเคยนะนาย”

“เปล่างอนนะ แค่ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่น กับความปากหมาของมันต่างหาก”

“แน้ ไปว่าไผ่เค้าอีกแล้ว ก็นายเป็นซะอย่างนี้”

“นี่ เข้าข้างกันอีกแล้วนะ ไปเลยสิ ไปอยู่กับมันเลย อย่ามายุ่งกับเรา”

“อ้าว.... เฮ้อ... พอแล้ว ๆ ไม่พูดก็ได้ มากินฝรั่งกัน อุตส่าห์ซื้อมาฝาก กินก๋วยเตี๋ยวยังไม่อิ่มเลยไม่ใช่เหรอ”

สายฟ้าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นหลีกเลี่ยงความ งี่เง่าไร้ขีดจำกัดของเพื่อนรักของเขา ถึงแม้ว่าต้นข้าวจะเอาแต่ใจเพียงใด แต่ก็เป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจกันและไว้ใจได้มากที่สุด ของสายฟ้า


...

taebin7

  • บุคคลทั่วไป
ต้นข้าวขี้งอนจังเลย   :laugh3:

ขอบคุณที่มาต่อได้ทันใจนะงับ :yeb:


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ไม่ชอบต้นข้าวอย่างแรงงงง

เป็นกำลังใจให้หนูกานต์นะครับ

 :yeb:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
แต่เราว่าต้นข้าวก็น่ารักดีออก  อิอิ 

รออ่านต่อนะกานต์  :yeb:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
ทิวไผ่มีแผนการอะไรหว่า?
อยากกินฝรั่งมั่งจัง  :impress:  เพิ่มวิตามินซี  ว่าแล้วก็หิว.. :เฮ้อ:
ปล.ร่วมด้วยช่วยเชียร์คนโพสต์ อิอิ.. เด๋วไม่มาโพสต่อยุ่งเลย  :yeb:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
หลังเลิกเรียน ทิวไผ่บอกลาสายฟ้า เพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้าง ๆ ก่อนขอตัวกลับก่อน เนื่องจากวันแรก ๆ พ่อจะมารับเพราะยังไม่ชำนาญทางที่จะนั่งรถเมล์มาเรียนเอง เขาพักอยู่แฟลตตำรวจ หลังโรงพักที่พ่อเขาทำงานอยู่ ก่อนลุกเดินออกจากห้องห้องไป ทิวไผ่ก็หันมายักคิ้วหนาเข้มคู่นั้นให้ต้นข้าว ซึ่งต้นข้าวได้แต่ มองตอบค้อน ๆ เพราะหากต่อปากต่อคำด้วยมันคงไม่จบลงง่าย ๆ เป็นแน่   
ต้นข้าวลุกเดินมาหาสายฟ้าทันทีที่ทิวไผ่ออกจากห้องไป แล้วชวนกันลงไปรอรถเมล์ที่หน้าโรงเรียน

“ไอ้หมอนั่นมาพูดอะไรกับนายเหรอ” ต้นข้าวถามขึ้นระหว่างทาง

“อ้าว เห็นเกลียดขี้หน้ากันนี่สนใจเค้าด้วยเหรอ” สายฟ้าเย้าเพื่อนรัก

“สนใจบ้าอะไร แค่อยากรู้ว่ามันมาคุยไรเท่านั้น”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่บอกว่า เดี๋ยวพ่อจะมารับ เลยขอตัวกลับบ้านน่ะ”

“อ่อ ลูกแหง่ หึหึ” ต้นข้าวกลั้วหัวเราะในลำคอ

“นี่ ต้น เราถามอะไรหน่อยสิ” สายฟ้าพูดขึ้นบ้าง

“ทำไมนายเกลียดขี้หน้า ไผ่ เค้านักหนา เจอหน้ากันวันแรกก็กัดกันซะแล้ว” สายฟ้ายิงคำถามตรงด้วยความสงสัย

“ไม่รู้สิ เห็นหน้าครั้งแรกที่เดินเข้าห้องมาก็เก๊กซะ คิดว่าตัวเองหล่อมากมายมาจากไหน ยิ่งพวกผู้หญิง ส่งเสียงแซว ยิ่งทำเก๊กเข้าไปใหญ่...เอาเป็นว่าเราไม่ชอบหน้านายนั่นก็แล้วกัน”

 ตอบออกไปอย่างหาเหตุผลที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว ในการตั้งป้อมใส่คนที่ตนเองไม่ชอบหน้าเอาอย่างมาก

“เค้าหล่อกว่าตัวเอง ป๊อบกว่าว่างั้น” สายฟ้าเย้าต่อ

“อะไร นี่นายกำลังจะพูดให้เราโกรธขึ้นมาอีกแล้วนะ เลิกพูดถึงไอ้ขี้เก๊กนั่นซะที เกลียดมัน ๆ ๆ”

ต้นข้าวตอบไม่ตรงคำถาม แบบพาลเพื่อนรักนิด ๆ

“อะนะ นายนี่เหลือเกิน ยอมแพ้แล้ว เอาล่ะ ไปก่อนนะ บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้” สายฟ้า ตอบอย่างยอมจำนนแล้วขอตัวขึ้นรถเมล์ แยกย้ายกันกับบ้าน ต้นข้าวยกมือขึ้นโบกลาเพื่อนรักของเขา


...................................................................................................

“กลับมาแล้วค้าบ แม่ครับ พ่อยังไม่กลับหรอครับ” ต้นข้าวส่งเสียงบอกมารดา แล้วปลดเป้ออกจากหลัง ถอดรองเท้าถุงเท้า ออกอย่างรวดเร็ว

“อืมจ้ะลูก พ่อเค้ามีประชุมตอนเย็นน่ะจ้ะ ไปโรงเรียนวันแรกเป็นไงมั่งจ๊ะลูก เหนื่อยมั้ย หม่ามี้ทำน้ำแตงโมปั่น เย็น ๆ ไว้รอจ้ะ ดื่มแก้กระหายนะจ๊ะ” เกศสินียกแก้วน้ำแตงโมปั่นมาส่งให้ลูกชายสุดที่รัก

“นิดหน่อยครับ แม่...ขอบคุณครับ แม่ผมน่ารักที่สุดในโลกเลย” ต้นข้าวหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ แล้วรับแก้วน้ำหวานมาดื่ม อย่างกระหาย

“ชื่นใจจังครับ ฝีมือแม่ผมนี่สุดยอดไม่เคยตกเลย ทำกับข้าวก็อร่อย” ต้นข้าวตอบผู้เป็นมารดาอย่างประจบประแจง เธอยิ้มอย่างรักใคร่ ในความขี้ชั่งประจบของลูกชาย

“ปากหวานจังน้าเรานี่ หวังว่าคงหวานกันหม่ามี้คนเดียว ไม่ไปหวานกับสาวที่ไหนล่ะ” เธอแซวลูกชายผู้น่ารัก อย่างเอ็นดู

“ไม่หรอกครับ ผมมีสาวคนเดียวที่ผมรักที่สุดในโลก ก็คือแม่ผมนี่ไงครับ” ลูกชายสุดที่รักหยอดคำหวานไม่ยอมลดละ

“ให้มันจริงเถอะ เดี๋ยวเจอสาวถูกใจแล้ว หม่ามี้ก็คงหมดความหมายล่ะสิไม่ว่า” เกศสินีพูดเสียงสูงหยอกเย้าลูกชายอย่างหยอกล้อ

“แหม ไม่มีทางซะล่ะครับ ที่ผมจะลืมผู้หญิงที่แสนดีของผมคนนี้ ได้ลง ผมขอตัวขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะครับ แม่” พูดจบหนุ่มหน้าใสเดินมาจุ๊บที่แก้มมารดาเบา ๆ ก่อนเดินขึ้นห้องชั้นบนของบ้าน

“จ้า เสร็จแล้วเย็น ๆ ลงมากินข้าวนะลูก”
“ค้าบ... แม่” เสียงเจื้อยแจ้วดังลงมาขณะที่ตัวนั้นเดินขึ้นข้างบนไปแล้ว

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ต้นข้าวอ้อนเก่งจัง  :kikkik:
เชียร์กานต์ด้วยคน เดี๋ยวคนโพสต์น้อยใจ คนอ่านจะแย่  :yeb:

ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :kikkik: :kikkik:  ยิ่งเกลียดมาก ยิ่งรักมากอะป่าวครับ  :-[ :-[

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับคนโพสท์นะครับ
แล้วก็แถม  จุ๊บ จุ๊บ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






taebin7

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้นะคนโพสนะงับ  :yeb:

รีบๆมาต่อด้วยน๊า :kikkik:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อให้แว้วนะครับ  :myeye:

******************************

ต้นข้าวเปิดประตูก้าวเข้าสู่โลกส่วนตัวของเขา ถึงแม้ว่าขนาดของห้องจะไม่ใหญ่โตมากมายนัก แต่ภายในก็มีเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ผนังห้องทาด้วยสีฟ้าอ่อนดูเย็นตา หน้าต่างตกแต่งด้วยผ้าม่านสีฟ้าใส มีโต๊ะเขียนหนังสือตั้งติดกับชั้นวางหนังสือ ถัดไปเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์จัดวางไว้ที่มุมผนังชิดหน้าต่างของห้อง เมื่อมองลอดหน้าต่างออกไปจะเห็นสวนหย่อมและสนามหญ้าข้างบ้านสีเขียวขจีชวนมอง ถัดจากหน้าต่างมาอีกด้านหนึ่งของห้อง เป็นกระจกใสไว้คอยรับแสงสว่าง โดยมีชุดผ้าม่านสีเดียวกัน ไว้คอยปิดกั้นสายตาของคนภายนอกที่จะมองทะลุปรุโปร่งเข้าไปภายในห้องได้ และมีประตูเลื่อน เปิดออกสู่ระเบียงด้านหลังห้องซึ่งทำราวรั้วกั้นเป็นอะลูมิเนียมทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของสวนหย่อมหลังบ้าน และศาลาทรงไทยเล็ก ๆ กลางสวนได้ แม้นอนอยู่บนเตียง ซึ่งเป็นมุมพักผ่อนที่ต้นข้าวชอบไปนั่งอ่านหนังสือและเล่นกับเจ้าสี่ขาสองตัวสุนัขตัวโปรด มุมระเบียงนี้เป็นมุมโปรดที่ต้นข้าวชอบมายืนรับไออุ่นจากแสงแดดในยามเช้า ด้านในสุดของห้อง เป็นห้องน้ำในตัว ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีฟ้าใสและชุดสุขภัณฑ์ชั้นหรูดูเข้าชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ด้านหน้าห้องน้ำนั้น ตรงกลางห้องมีเตียงนอนขนาดกลางปูด้วยผ้าปูที่นอนสีฟ้าอ่อนดูสดใสหวานแหววเข้ากับชุดเครื่องนอนสีเดียวกัน มีตุ๊กตาหมีพูห์ตัวโปรดตัวใหญ่อยู่บนเตียง ถัดจากหัวเตียงมีโต๊ะสำหรับตั้งโคมไฟแบบคลาสสิกอยู่หนึ่งตัว ตรงข้ามกับเตียงนอนมีทีวีสีจอแบนขนาด 21 นิ้ว พร้อมชุดเครื่องเล่น MP3 สเตอริโอจัดวางอยู่ในชั้นใต้ทีวี อีกทีหนึ่ง บนผนังห้องประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนสีน้ำมันเป็นทัศนียภาพของท้องนาในชนบท บนเพดานเป็นชุดพัดลมและโคมไฟแบบคลาสสิก สวยงาม มีแอร์คอนดิชั่นติดอยู่บนผนังเหนือขอบหน้าต่าง ไว้คอยปรับอากาศภายในห้องให้เย็นฉ่ำในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว

ต้นข้าวทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มนั้น อย่างสบายตัว สมองโล่งปลอดโปร่งยิ่งนักเมื่ออยู่ในโลกส่วนตัวใบนี้ ห้องของเขาดูจะเป็นที่ที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับเขา

   ต้นข้าวหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ากระเป๋ามารื้อค้นเอาหนังสือวิชาที่อาจารย์สั่งงานไว้ออกมากองไว้ที่พื้นห้องตรงหน้าเตียง ก่อนเดินไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่น MP3 แล้วกลับมานั่งกึ่งนอนทำการบ้าน ฮัมเพลงคลอไปด้วยเบา ๆ อย่างสบายอารมณ์


คืนนั้น หลังจากลงไปกินข้าวเย็นพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูกแล้ว ต้นข้าวขึ้นมาอาบน้ำ แต่งชุดนอนลายหมีพูห์เนื้อผ้าบางเบาสบาย ๆ แล้วหาหนังสือวิชาที่จะต้องเรียนในวันพรุ่งนี้มาอ่านล่วงหน้า และจัดกระเป๋า เตรียมตัวไปเรียนในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะเข้านอน ในเวลา สี่ทุ่มเศษ ๆ


‘เอ๊ะ นี่มันที่ไหนนะ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แปลกจัง’

ต้นข้าวสวมชุดนอนลายหมีพูห์ตัวบางเบาที่ตนเองใส่นอน เขาไม่ได้นอนอยู่บนที่นอนอันหนานุ่ม ในห้องอันคุ้นเคย แต่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ปกคลุมด้วยผืนหญ้าอันเขียวชอุ่ม ตัดกับขอบฟ้าสีครามสดใส มันดูเวิ้งว้างจนทำให้ใจเริ่มฝ่อหวิว แต่อากาศอันบริสุทธิ์ และทัศนียภาพที่สวยงามตรงหน้า ก็ทำให้ต้นข้าวสดชื่นอย่างสุดจะพรรณนา เขากางแขนออกจนสุดเหยียด ดวงตาคู่สวยนั้นค่อย ๆ หลับพริ้มลง อย่างสุดที่จะควบคุมและห้ามใจได้ พลางแหงนหน้าเชยคางขึ้นสูดรับอากาศบริสุทธิ์นั้นเข้าไปจนเต็มทุกอณูปอด ลมเย็น ๆ พัดโชยมาปะทะร่างบอบบางจนชุดนอนบางเบานั้นปลิวพลิ้วไสวไปตามแรงลม

เนิ่นนานทีเดียว แล้วต้นข้าวก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังตัวลอย ขึ้นไปในอากาศ ได้ เพราะเท้าเขาไม่ได้สัมผัสกับพื้นหญ้าสีเขียวนั่นอีกแล้ว เขาล่องลอยไปอย่างอิสระไร้จุดหมาย เหมือนตัวเองเบาเหมือนปุยนุ่นล่อยลอยไปอย่างช้า ๆ ตามกระแสลมอ่อน ๆ ที่พัดโชยในห้วงเวหา

“สบายจริง ๆ สบายที่สุด ไม่เคยสบายอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย...” ต้นข้าวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ทันใดนั้นต้นข้าวก็รู้สึกได้ด้วยสัมผัสว่ามีร่าง ๆ หนึ่ง สอดแทรกเข้ามาทางเบื้องหลัง เขาชั่งดูแข็งแกร่ง และอบอุ่นยิ่งนัก สองมือหนาแกร่งคู่นั้นสอดเข้ามาเกาะกุมที่เอวคอดกิ่วน้อย ๆ ของหนุ่มร่างเพรียวบาง แล้วเลื่อนเข้ามากอดรัดตัวเขาไว้อย่างหลวม ๆ ต้นข้าว รู้สึกว่าตนไม่ได้ล่องลอยอย่างอิสระอีกแล้ว เมื่อถูกตะกองกอดไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงและกำยำนั้น ด้วยความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนั้นถ่ายทอดเข้าสู่ตัวเขา มันเหมือนกับแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดดึงตัวเขาเอาไว้ ต้นข้าวโน้มตัวพิงอกแกร่ง พร้อมปล่อยน้ำหนักตัวให้ร่างนั้นรองรับไว้อย่างลืมตัว ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดใบหูของเขา มันทำให้รู้สึกจั๊กจี้จนเสียวซ่านอย่างแปลก ๆ

ต้นข้าวลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มก่อนหน้านี้มันหายไปแล้ว ภาพเบื้องหน้าเป็นทุ่งดอกบัวสวรรค์ สีชมพูหวาน ชูช่อสลอน รับน้ำค้างและไอหมอกที่ล่องลอยระเรื่อพื้นในยามเช้า แต่ความสดชื่นกลับไม่ได้จากหายไปด้วย ยิ่งรู้สึกว่ามันชุ่มชื้นขึ้นไปอีก

“เป็นไงมั่งครับ สุดที่รักของผม”

เสียงทุ้ม ๆ ซึ่งฟังดูคุ้นหู ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาที่ข้างหู ใช่... มันมาจากร่างนั้น ต้นข้าวตื่นจากภวังค์ในทันที เขายันตัวขึ้นยืนด้วยเท้าของตัวเอง สองมือแกะมือหนาแกร่งที่เกาะกุมตะกองกอดเอวเขาอยู่ออกอย่างพัลวัน เมื่อหลุดพ้นเป็นอิสระจากการพันธนาการ ต้นข้าวหันไปมองหน้าคน ๆ นั้น อย่างรวดเร็ว

ต้นข้าวถึงกับตะลึง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง   “ไอ้ขี้เก๊ก นาย…ไอ้คนฉวยโอกาส ใครที่รักของนายไม่ทราบ”

แล้วกำปั้นน้อย ๆ ก็ส่งหมัด ลอยละลิ่วตรงใส่ใบหน้าคมเข้มนั่นอย่างรวดเร็ว

‘หมับ’ มือใหญ่ ๆ นั่นกุมกำหมัดเล็ก ๆ นั้นจนเกือบมิด ต้นข้าวสะบัดอย่างสุดแรงเกิด แต่มันหาได้หลุดพ้นออกมาไม่ แถมโดนแรงบีบรัดจนปวดหนึบไปหมด เมื่อ หมัดแรกไม่ได้ผม อีกข้างยังมีนี่ และแล้วมันก็พุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายเดิมที่ทำหน้ายียวนลอยเด่นอยู่นั้น ‘หมับ’ ผมออกมาเช่นเดิม

“ปล่อยนะเว้ย” ต้นข้าวพยายามเตะถีบไปที่ร่างแข็งแกร่งนั้นแต่ทิวไผ่หาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด

“ไม่ปล่อย ซ่าดีนัก เล่นกับใครอยู่ไม่ทราบ หึหึ” พลันจับสองมือน้อย ๆ พลิกขัดหลังอย่างฉับพลัน

“โอ๊ย” ต้นข้าวส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างบางนั่นถูกรวบแบกขึ้นบ่าอย่างรวดเร็ว

“ปล่อยนะเว้ย ไอ้บ้า... นายไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันอย่างนี้นะ นายจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า”
ต้นข้าวได้แต่ดิ้นขยุกขยิก ไปมา สองมือน้อย ๆ กำ กำปั้นทุบหลังทิวไผ่ดังตุบตับ ๆ

“ไปไหนเดี๋ยวก็รู้เอง หยุดบ้าได้แล้ว” ทิวไผ่พูดสวนมาอย่างห้วน ๆ

ต้นข้าวขัดขืนจนเริ่มหมดแรง เมื่อไม่มีทางที่จะหลุดพ้นเป็นอิสระได้อย่างง่าย ๆ เพราะโดนแบกห้อยอยู่บนบ่าอย่างนั้น เขามองสำรวจไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง

เอ๋... สภาพแวดล้อมรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปอีกแล้ว ทุ่งดอกบัวสวรรค์อันสวยงามหายไปไหน มันเปลี่ยนเป็นทุ่งทิวลิปสีม่วงสด ไปแล้ว

ทิวไผ่ยังคงก้าวเดินไม่หยุด ต้นข้าวขยี้ตากับสิ่งที่พบเห็นอย่างงุนงง แต่แล้ว ต้นข้าวยิ่งแปลกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อลืมตาขึ้นจากการขยี้ต้องพบกับทุ่งดอกป๊อบปี้สีแดงสด ลามออกไปเต็มท้องทุ่งอย่างรวดเร็ว

‘มันอะไรกันเนี่ย’ ต้นข้าวงุนงงอย่างหนัก พลางบอกให้ทิวไผ่ปล่อยตัวเองลงได้แล้ว ซึ่งก็ได้รับการปลดปล่อยอย่างว่าง่าย ต้นข้าวมองสำรวจ ไปรอบตัวอย่างแปลกใจ อยู่ ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม หมู่เมฆดำทะมึนลอยเข้ามาปกคุมไปทั่วบริเวณ เหมือนพายุฝนห่าใหญ่กำลังจะเทลงมาในไม่ช้า มันดูน่ากลัวยิ่งนัก ความแจ่มใส่ลบเลือนหายไปหมด เหมือนอากาศจะน้อยลงอย่างรวดเร็ว ต้นข้าวรู้สึกอึดอัด จนหายใจแทบไม่ออก

แล้วทันใดนั้น ทุ่งดอกป๊อบปี้สีแดงสดที่อยู่ตรงหน้าพลันพากันหลอมละลายกลายเป็นน้ำเลือดสีแดงฉานท่วมไปทั่วบริเวณ ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอ้วก อย่างน่าสยดสยองยิ่งนัก
ต้นข้าวขนลุกซู่ รู้สึกจุกเหมือนลำคอตีบตัน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเหมือนกับกลืนก้อนอะไรแข็ง ๆ ลงคอ
“ทิวไผ่” ต้นข้าวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ส่งเสียงเรียกเพื่อน พลางก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างดูจะอ่อนแรงลงอย่างฉับพลัน เงียบ! ไม่มีเสียงตอบรับ และแล้วก็ปะทะเข้ากับร่าง ๆ หนึ่ง

ต้นข้าว ต้องตกใจสุดขีด! หน้าซีดเผือด เมื่อหันไปพบว่า ทิวไผ่ใบหน้ามองคล้ำ ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วร่วงลงไปอยู่แทบเท้า รู้สึกว่าจะเป็นลมเสียให้ได้ แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทนยืนหยัดไว้ด้วยสองขาที่ดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงไปเสียแล้ว เขาลากขาที่หนักอึ้งเหมือนมี ก้อนหินก้อนใหญ่มาถ่วงไว้ พยายามถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว จนสะดุดล้มลงก้นจ้ำเบ้า ต้นข้าวยกมือขึ้นกุมหน้าท้องเมื่อรู้สึกว่าจุก ๆ เอ๊ะ! ทำไมมีน้ำอะไรแฉะ ๆ

“ไม่!!!...” ต้นข้าวร้องออกมาอย่างสุดเสียง เมื่อพบว่าตามร่างกายเขาเองก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน


...

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ค้างเลยคุณกานต์ ต่ออีกหน่อยจิ :dont2:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ  เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

ค้างอย่างแรง

 :serius2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :o ต้นข้าวฝันไปใช่มะ  :serius2:
ฝันได้น่ากลัวมากกกกกกกกกกก   :call:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
อุตส่าห์ลุ้นว่าจะมีงูออกมาอ่ะป่าว :kikkik:

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
รอต่อจ้า :อกหัก:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแล้วนะครับ
ลงวันละรอบน้อยไปมั้ยเนี่ย  :yeb:

/////////////////////////////////////////////////////////////////

   “ลูกต้น ๆ เป็นอะไรมากรึเปล่าลูก ลูกต้นตอบหม่ามี้สิ” เกศสินี เขย่าตัวลูกชายของเธอเบา ๆ เพื่อเรียกสติให้ต้นข้าวกลับคืนมา

   “แม่จ๋า ต้นฝันร้าย” เมื่อรู้สึกตัวตื่นจากนิทรารมย์ ต้นข้าวผวาเข้าสวมกอดเกศสินีผู้เป็นมารดาทันที เธอกอดตอบลูกชายสุดที่รักพลางลูบหัวและแผ่นหลังเบา ๆ เป็นการปลอบโยน

   “ไม่เป็นไรจ้ะลูก มันเป็นแค่ความฝันน่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก อืม...ลูกไม่นอนฝันร้ายมานานแล้วนี่นา คิดอะไรมากไปรึเปล่าจ๊ะ กลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า บอกหม่ามี้ได้นะ แล้ว...ลูกฝันว่าไงเหรอ หม่ามี้เห็นร้องลั่นเลย นึกว่าเกิดอะไรขึ้นซะอีก” เกศสินี ถามไถ่ลูกชายคนเดียวของเธอด้วยความเป็นห่วง

   “เปล่าหรอกครับแม่ สงสัยต้นดูหนังสยองขวัญ มากไปหน่อย ....ต้นฝันว่า...มีเลือดท่วมตัวต้นเลยครับ”

ปดไปแล้ว ไม่บ่อยครั้งนัก ที่ต้นข้าวจะพูดโกหก แต่สิ่งที่มันอยู่ในความฝันนั่น จะให้เขาพูดกับมารดา ตรง ๆ ไปได้อย่างไรล่ะ แต่ยังไงสิ่งที่เขาบอกมารดาไปก็ใช่จะโกหกเสียทั้งหมดเมื่อไหร่ เพียงแต่ไม่บอกความจริงทั้งหมดเท่านั้นเอง

“งั้นลูกก็อย่างดูบ่อยนักนะจ๊ะ เดี๋ยวติดตา เก็บมาฝันร้ายอีก อื้ม...ไปอาบน้ำซะ จะได้สดชื่น เหงื่อโชกท่วมตัวเลย ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนไม่ทันนะ งั้นหม่ามี้ไปนอนก่อนนะจ๊ะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะ” เกศสินี หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ ก่อนเดินออกจากห้องต้นข้าวไปยังห้องนอนของตน

“บ้าชิบ...ไอ้ขี้เก๊กนั่นตามมาราวีเราถึงในฝันเลยหรือเนี่ย อ๊าก......” ต้นข้าวขยี้ศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนลงจากเตียงนอน ถอดชุดนอนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อโยนลงตะกร้า

สายน้ำฉ่ำเย็น พุ่งออกจากฝักบัวกระทบกับผิวกายเปล่าเปลือยที่ยืนรับการชำระล้างร่างกายจากสายธาร แห่งความสดชื่น  ต้นข้าวเงยหน้าขึ้นรับกระแสน้ำที่พุ่งออกมาเป็นสาย จนศีรษะเปียกชุ่ม ‘หวังว่าสายน้ำอันเย็นฉ่ำนี้ จะช่วยลบเลือนความทรงจำร้าย ๆ ในความฝันนั่นให้หมดไปนะ’


………………………………………………………………………………………………………


วันนี้ เป็นเช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยจะสดใสนักของต้นข้าว  เพราะเป็นผลมาจากการฝันร้าย ถึงแม้จะลุกมาอาบน้ำ ให้สดชื่นแต่หลังจากนั้นก็ทำให้ต้นข้าวนอนหลับได้ไม่เต็มที่นัก

“หวัดดีต้น” เสียงเพื่อนคนหนึ่ง ทักทาย เมื่อต้นข้าวเดินขึ้นมาบนอาคารเรียน

“ดี” ต้นข้าวตอบกลับเสียงห้วน ๆ จนคนทักหน้าเสีย

“เฮ่ย มันไปกินรังแตนที่ไหนมาแต่เช้าวะนั่น” เพื่อนอีกคนที่เห็นใบหน้าโทรม ๆ บึ้งตึง ของต้นข้าวเดินเข้ามาคุยกับคนที่ทักทายต้นข้าว

“ไม่รู้มัน คงไม่ได้นอนมั้ง ดูหน้ามันสิ” เพื่อนคนเดิมพูดเสริม

ต้นข้าวเดินจ้ำอ้าว ขึ้นห้องมาอย่างอารมณ์บูดค้างมาแต่เมื่อคืน ‘เจ็บใจนัก ในฝันทำอะไรนาย นั่นไม่ได้ดูซิ เจอตัวจริง ๆ จะตั๊นหน้าเข้าให้’ เมื่อก้าวเข้าไปในห้องก็พบว่าสายฟ้า กำลังคุยกับทิวไผ่อยู่ก่อนแล้ว ยิ่งทำให้อารมณ์โกรธที่มีอยู่เป็นทุนเดิมก็มากพอแล้ว กลับพุ่งพล่านเดือดทะลุองศาปรอท

สายฟ้าเหลือบมาเห็นต้นข้าวเข้าพอดี

“อ้าว ต้นมาแล้วเหรอ เป็นไงมั่ง ทำไมวันนี้หน้าโทรม ๆ เมื่อคืนนอนน้อยเหรอ อ่านหนังสือมากล่ะสิ อย่าหักโหมนักนะ เดี๋ยวหน้าใส ๆ หมองคล้ำ ได้หมดหล่อกันพอดี” สายฟ้าทักทายถามไถ่เพื่อนรัก ด้วยความเป็นห่วง แกมกระเซ้าเย้าแหย่

“เปล่าหรอก อยากตั๊นหน้าคนบางคน” ต้นข้าวตอบ สายตาจับจ้องทิวไผ่ที่นั่งมองมาอย่างจะจับฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ แล้วพยายามปรับสีหน้าให้ดูเรียบเฉย เพื่อระงับอารมณ์โกรธให้สงบลง ‘ไม่ได้ ต้นข้าว นายต้องหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ ที่จะเอาคืนนายนี่ แค่เรื่องในความฝันมันดูไร้สาระเกินไป ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ขี้เก๊ก’

“พาลแต่เช้าเลยนะต้น เฮ้อ...” สายฟ้าย้อน พร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายนิสัยของเพื่อนรัก

“หวัดดี คุณต้น มาซะเช้าเชียวนะครับ” ทิวไผ่เปิดฉากการสนทนาด้วยการทักทายต้นข้าวก่อน แต่ไม่วายมีการแดกดัน นิด ๆ

“เช้ากะผีอะไรล่ะ นี่จะเคารพธงชาติอยู่แล้ว ก็ใครล่ะที่...” ต้นข้าวชะงัก ‘เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ เกือบหลุดปากถึงสาเหตุที่ทำให้เรามาสายวันนี้ไปซะแล้ว จะให้ไอ้บ้านี่รู้ไม่ได้เสียฟอร์มหมด’

“ใครอะไรเหรอ” สายฟ้าถามอย่างสงสัย ขณะที่ทิวไผ่ก็ทำหน้าอยากรู้ในสิ่งที่ต้นข้าวกำลังจะพูดต่อไป

“เปล่า...ไม่มีอะไร เอาเป็นว่า มาสายก็ยังทันเคารพธงชาติละกัน ไม่ได้มาเช้าเพื่อลอกการบ้านเพื่อนเหมือนใครบางคน”

“ไม่ได้ลอกนะ แค่คุยกันเรื่องโจทย์เลขที่ไม่เข้าใจเท่านั้นเอง ใช่มั้ยครับฟ้า” ทิวไผ่ส่งสายตาเยาะต้นข้าว

“อ่าใช่ เราคุย เรื่องโจทย์เลขที่อาจารย์ให้ไปดูมาที่จะเรียนในวันนี้อยู่น่ะต้น มาดูด้วยกันสิ จะได้ช่วยกันคิด” สายฟ้าพูดเสริมทิวไผ่

“นั่นมันเรื่องของพวกนาย เชิญ ไม่อยากเสวนากับคนบางคน” ต้นข้าวตอบปฏิเสธอย่างพาล ๆ สายฟ้ามองหน้าทิวไผ่อย่างทำใจ กับนิสัยขวางโลกของต้นข้าว

ต้นข้าวเดินไปยังโต๊ะของตัวเอง แล้วหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ แกล้งทำเป็นเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่สายตาแอบลอบมองสายฟ้ากับหนุ่มหน้าคมเข้มอยู่เนือง ๆ ต้นข้าวรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักที่เพื่อนรักไปสนิทสนมกับเด็กใหม่นั่น ‘ฟ้านะ ฟ้า รู้ก็รู้ว่าเราไม่ชอบหน้ามันยังไปทำดีกับมันอยู่ได้ ค่อยดูนะ คนอย่างไอ้ต้นไม่ยอมเสียเพื่อนให้คู่อริแน่’

“อืม ฟ้าครับ ต้นข้าวเขาเป็นอย่างนี้กับทุกคนที่เค้าไม่ชอบเหรอ” ทิวไผ่ถามสายฟ้าอย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะเพื่อนสนิทกันน่าจะรู้จักนิสัยกันดี

“ก็เปล่าหรอกนะครับ ถ้าบางที คน ๆ นั้น เขานิ่งเฉยเสีย ไม่เล่นด้วย ต้นมันก็เลิกยุ่ง ไม่สนใจ แบบว่าเป็นคนไม่ยอมคนง่าย ๆ น่ะครับ ถ้ามีใครมาตอแยด้วย ต้องตายกันไปข้างหนึ่งเลยล่ะ ฟ้าล่ะเซ็ง ทำใจแล้ว คงแก้ไม่หาย” สายฟ้าสาธยายถึงนิสัยของเพื่อนรักที่เจ้าตัวเองก็ค่อนข้างที่จะเอือมระอานิด ๆ

……………………………………………………………………………………………………..

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :laugh3: แค้นจนเอาไปฝัน  :laugh3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ต้นข้าวฝันร้าย โอ๋ ๆ ๆ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ เกลียดอะไรจะได้สิ่งนั้น  :call:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
ในฝันอาบเลือด    ในความจริงจะอาบอะไร    อิๆ  :kikkik:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เลียดอย่างไหน มักได้อย่างนั้น จิงๆ นะ

 :serius2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ฝันบอกเหตุป่าว  โชกเลือดเลยอ่า   :kikkik:

รออ่านต่อจ้า  :yeb:

sabishiikant

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 3 : คู่ปรับตัวจริง

   ‘อย่างนี้นี่เอง ลูกคนเดียว เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ยอมคน... ดีล่ะไอ้ไผ่ก็ไม่ยอมคนเสียด้วยสิ ถึงจะไม่ใช่ลูกคนเดียวก็เถอะมีอะไรให้เล่นสนุกๆ คลายเครียดแล้วว่ะเรา สร้างวีรกรรมปราบพยศเจ้าถิ่นให้ขึ้นชื่อลือชาไปทั้งโรงเรียน คงจะสนุกพิลึก’ แผนการต่าง ๆ หลั่งไหลโลดแล่นเข้ามาในหัวสมองของทิวไผ่
   ‘สายฟ้าจะเป็นกุญแจสำคัญให้ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลุล่วง’

   “กรี๊ดดด! ...” เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของเพื่อนสาวในห้องคนหนึ่ง ดังมาจากมุมหลังห้อง เธอวิ่งด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจและกระโดดเข้าสวมกอดทิวไผ่ที่นั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก อย่างลืมตัว ทุกสายตาในห้องนั้น ต่างจับจ้องมาที่เด็กสาวที่กอดทิวไผ่อยู่ รวมทั้งสายฟ้า และต้นข้าวด้วย  สายฟ้าที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ จับจ้องใบหน้าคมเข้มของทิวไผ่ และแม่สาวคนนั้นอย่างงงงวย ทิวไผ่ได้แต่ยิ้มแหยง ๆ
   
   “เกิดอะไรขึ้น เหรอ” ทิวไผ่ถามออกไปเมื่อเพื่อนสาวคลายอาการหวาดวิตกลงไป

   “งู ๆ งูมันอยู่หลังห้องในซอกถังขยะนั่น เรากำลังจะเอาขยะไปทิ้งมันชูคอออกมาจากถังขยะเลย ฮือ ๆ น่ากลัวที่สุดเลย” เธอละล่ำละลักออกมาเสียงสั่น

 “เอ่อ...งูเหรอ” ทิวไผ่หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ถูกกับงูนัก เพราะสมัยเด็ก ๆ ทิวไผ่โดนงูกัดมาแล้ว และกลัวงูจนฝังใจมาตลอด แต่จะให้บอกไปตามตรงก็ใช่ที่ เสียฟอร์มหมด แถมซ้ำเดี๋ยวจะกลายเป็นจุดอ่อนให้ต้นข้าวเอามาเล่นงานเขาอีก และจะโดนเพื่อน ๆ ล้อว่า ตัวใหญ่ซะเปล่า กลับกลัวงูซะนี่

“เอ่อ ปล่อย...เราได้แล้ว” ทิวไผ่พูดเสียงเนือย ๆ และสะกิดตัวเพื่อนสาวเบา ๆ เธอคลายวงแขนออกทันทีที่ตื่นจากภวังค์เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แล้วหน้าแดงก่ำเขินอายอย่างสุดขีด

ต้นข้าวซึ่งจับตาดูเหตุการณ์มาตลอด ก็จับสีหน้าของทิวไผ่ได้ทันที

“โธ่เอ๊ย...กะอีแค่งูก็กลัว ตัวโตซะเปล่า” พูดเสียดสี ออกไปอย่างสะใจ พลางหัวเราะเย้ยหยัน

“ใคร... ใครกลัว ไม่ทราบ” ทิวไผ่ตอบโต้ออกไปอย่างเสียฟอร์ม

“ไม่กลัวแล้วนั่งทึ่มอยู่ทำไม ดูทำหน้าเข้าสิ ยังกับเห็นผีงั้นแหละ หมั่นไส้ว่ะ กกสาวอยู่ได้ ทุเรศ มานี่ฉันจัดการเองกะอีแค่งู ไหน มันอยู่ไหน” ต้นข้าวคว้าได้ด้ามไม้กวาดแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปยังถังขยะต้นเหตุ

“เออ... ทำเป็นเก่ง... เดี๋ยวโดนงูกัดตายขึ้นมาคนเขาคงสรรเสริญเป็นวีรบุรุษหรอกนะคุณต้นข้าว” ทิวไผ่แดกดันกลับอย่างฉุน ๆ ‘พลาดท่าให้ไอ้หน้าใสนี่แล้วมั้ยล่ะเรา แสบชะมัดยาด คอยดูนะจะเก่งได้ซักกี่น้ำ’

“ค้าบ...คุณทิวไผ่ แค่งูเขียวธรรมดาตัวเท่านิ้วก้อยเอง ไม่มีพิษด้วยจ้างให้ก็กัดไม่ตายหรอก สงสัยเข้ามาตามกิ่งไม้ที่พาดเข้ามาในระเบียงตึกมั้ง ช่วงนี้ฝนตกบ่อยมันคงมาหลบฝน”

ต้นข้าวตอบกลับ พลางเอาด้ามไม้กวาดเขี่ยเจ้างูน้อยตัวนั้นโยนออกไปทางระเบียงด้านหลังอาคารเรียน

   ยิ่งรู้ว่าเป็นแค่งูเขียวยิ่งทำให้ทิวไผ่รู้สึกเสียหน้าหนักเข้าไปอีก มาเรียนที่นี่ได้ไม่ถึงสองวัน กลับโดนเจ้าถิ่นตัวร้ายจับไต๋ได้ซะแล้ว ‘แค้นนี้ต้องชำระ นายต้องโดนเอาคืนแน่ไอ้คุณต้นข้าว โทษฐานที่บังอาจหักหน้าคนอย่างทิวไผ่’

   “ต๊ายตาย น่าอิจฉาแม่นั่นจัง ได้กอดสุดหล่อของห้องด้วย แต่เสียดายจัง เป็นชั้นหน่อยไม่ได้ จะทั้งกอดทั้งหอมแก้มไม่ปล่อยเลยล่ะย่ะหล่อน” มีเสียงผู้หญิงและสาวเทียมจับกลุ่มกันทั้งแซว ทั้งนินทาให้ได้ยินอย่างโจ่งแจ้งอีกแล้ว ทิวไผ่ได้แต่ทำหน้าแหย ๆ

   “ฟ้าครับ ต้นข้าวเค้าเก่งจังเนาะ เห็นตัวผอม ๆ บาง ๆ อย่างนั้น ไม่กลัวงูด้วย”

 “ไม่รู้มันสิครับไผ่ ไอ้เจ้านี่มันแปลก ๆ ฟ้าคบกับต้นมาหลายปีก็ไม่เข้าใจอ่ะ” สายฟ้าตอบอย่างพาซื่อ

“ยังไงหรอครับ” ทิวไผ่ทำเสียงอย่างอยากรู้ ท่าทางสนอกสนใจ

“ก็ แบบว่า... ต้นมันจะกลัวในสิ่งที่ชาวบ้านเค้าไม่ค่อยจะกลัวกันน่ะ อย่างพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขอ พวกแมลงแปลกๆ แมลงสาบ หนอนบุ้ง อะไรนี่ มันไม่กลัวหรอกครับ”

“เหรอครับ แล้วเค้ากลัวอะไรหรอ” ทิวไผ่รุกต่อ

“อืมน่าจะเป็นจิ้งจกอ่ะ ต้นมันบอกไม่ค่อยชอบ เห็นแล้วแหยง ๆ จั๊กจี้” สายฟ้าตอบไปตามตรงอย่างไม่ระแคะระคายว่า ทำไมทิวไผ่ถึงสนใจในสิ่งที่ต้นข้าวกลัวนัก

‘หึหึ เจ้านั่นกลัวจิ้งจกหรอกเหรอ ดีล่ะ นายต้นข้าวเอ๋ย อยากจะรู้นัก นายจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอคู่ปรับสี่ขาของนาย’ ทิวไผ่แสยะยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ กระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนการเอาคืนเจ้าถิ่นของตนเอง

“แล้วไผ่ถามทำไมหรอครับ” สายฟ้า ถามกลับทิวไผ่ด้วยความสงสัย

“อ้อ...เปล่าหรอกครับ เห็นต้นเค้าไม่กลัวงู แล้วฟ้าเปรยว่าต้นไม่ค่อยกลัวอะไร เลยนึกว่าจะกลัวอะไรไม่เป็นเหมือนชาวบ้านเค้า”

“อืม...แล้วไผ่ไม่ชอบงูหรอครับ” สายฟ้าถามกลับ เพื่อยืนยันความเข้าใจของเขาในสิ่งที่เห็นจากสีหน้าท่าทางและอาการของทิวไผ่ที่แสดงออกก่อนหน้านี้

“อ่า... ใช่ครับ” ทิวไผ่ตอบหน้าเจื่อน ๆ อย่างจนมุม เพราะจำนนต่อหลักฐาน พลางโทษตัวเองที่เก็บอาการไม่อยู่เพราะความกลัวที่ฝังใจ
“คือตอนเด็ก ๆ สมัยผมอยู่ชั้นอนุบาลกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามหญ้าแถวสนามเด็กเล่น เผอิญวิ่งไปเหยียบเอาหางงูเข้ามันเลยแว้งมากัดเข้าที่น่องน่ะครับ ผมตกใจมากร้องไห้ลั่นเลย ถึงหมอจะว่าไม่ใช่งูผิดแต่มันก็กัดเจ็บมาก ๆ เลยนะ เลยกลัวมาจนถึงทุกวันนี้ล่ะครับ แถมโดนฉีดยากันบาดทะยักอีก ทั้งงู ทั้งเข็มเลย” ทิวไผ่พูดเจือหัวเราะอย่างอาย ๆ

“เฮ้อ...เดี๋ยวนี้ได้เพื่อนใหม่แล้วนี่ เพื่อนคนนี้ก็คงหมดความหมายแล้วซินะ คุยกันสนิทสนมกันจ๊าง... เมื่อวานยังไม่จ้อเก่งขนาดนี้นี่นา” ตาทำเป็นอ่านหนังสือ แต่ปากยังส่งเสียงแดกดันแกมตัดพ้อดังมาจากโต๊ะอีกมุมหนึ่งของห้อง หารู้ไม่ว่าความลับของตัวเองโดนเพื่อนรักเปิดเผยไปโดยไม่ตั้งใจไปซะแล้ว

“อีกแล้วนายต้น นายนี่จะไม่ให้เราคบเพื่อนคนอื่นนอกจากนายคนเดียวเลยหรือไงนะ เราแค่นั่งคุยกับไผ่เท่านั้นเองนะ” สายฟ้าแหวเพื่อนอย่างเอือม ๆ

“จ๊า...พ่อเพื่อนยาก เราไปจำกัดสิทธิของนายเมื่อไหร่ไม่ทราบ ไปก็ได้วะ ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอแล้ว เชิญตามสบายเหอะ จะทำอะไรกันก็เชิญ”
 ต้นข้าวพูดจบ ลุกจากเก้าอี้พร้อมหนังสือเล่มที่ถืออยู่ในมือเดินออกจากห้องไปอย่างขัดใจ

“เฮ้ย...ไอ้ต้น พูดอะไรของนายวะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงไม่ทราบ เฮ่ย... อย่างพึ่งไปสิ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” สายฟ้าตะโกนตามหลังเพื่อนไปอย่างเคือง ๆ และคาใจในสิ่งที่ต้นข้าวพูดทิ้งท้าย

สายฟ้าหันมาสบตากับทิวไผ่ซึ่งทำหน้างง ๆ จ้องมองตัวเขาอยู่ พอดี จนสายฟ้า ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาแหลมคมจากดวงตาเรียวสวยภายใต้แนวคิ้วโก่งได้รูปบนใบหน้าคมเข้ม คู่นั้น

“มีอะไรหรอครับไผ่ จ้องฟ้าทำไมอ่ะ”

สายฟ้าพูดออกไปอย่างพยายามสะกดน้ำเสียงให้ดูเรียบเฉยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หันหน้าออกไปด้านข้าง มือไม้เริ่มที่จับนู่นจับนี่ทำแก้เขิน เลือดฝาดสูบฉีดบนใบหน้าจนตึงไปหมด 

“คือ... ผมงงอ่ะครับ นายต้นนี่แปลก ๆ นะ อารมณ์แปรปรวน ได้ตลอดเวลา” ทิวไผ่ตอบเลี่ยง ๆ อย่างไม่ตรงคำถาม

“เอ่อ...ไผ่ครับ อย่าไปถือสาคำพูดไร้สาระของต้นมันเลยนะครับ มันก็บ้า ๆบอ ๆ แบบนี้แหละ” สายฟ้าแก้เก้อ และเบี่ยงเบนประเด็นให้ออกห่างตัวเอง

“ครับผมไปถือคนบ้า ไม่ว่าคนบ๊องหรอก” ทิวไผ่ตอบ แล้วหัวเราะอย่างมีเลศนัย จนสายฟ้าได้แต่ยิ้มตอบมาอย่างหน้าเจื่อน ๆ

‘เพื่อนรักคู่นี้แปลก ๆ แฮะ คนหนึ่ง มนุษย์สัมพันธ์ดี อีกคน เอาแต่ใจ ท่าทางร้ายกาจ...แล้วเมื่อกี้นายนั่นพูดอะไรของเขา มันหมายความว่าไง หนุ่มหน้าหวาน ตัวเล็กนี่คิดอะไรกับเรางั้นหรือ...บ้าน่า เป็นไปได้ไง’ ทิวไผ่ตั้งคำถามกลับตัวเอง แต่ใจเจ้ากรรมก็เกิดขัดแย้งกันขึ้นซะนี่

‘แต่เมื่อกี้หนุ่มน้อยหน้าหวานนั่น ทำท่าทางเขินเรานะ’


………………………………………………………………………………………………………..

 : 222222:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :laugh3: เพิ่งจารู้ตัวเหรอทิวไผ่  :laugh3:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ไผ่จ๋า ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย  :-[  :-[

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หุหุ คนมันไม่ค่อยจะเห็นผงเข้าตา
 :myeye:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด