[เรื่องสั้น] ในวันที่ฟ้าสีหม่น
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ในวันที่ฟ้าสีหม่น  (อ่าน 8779 ครั้ง)

nanohuman

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

ชื่อเรื่อง ในวันที่ฟ้าสีหม่น
ประเภท เรื่องสั้น
by nanohuman
คำแนะนำ ฟังเพลง 'ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ' potato ไปด้วยจะได้ฟิลมากๆ(เราเอาลงไม่เป็น ฮ่าๆ)
พูดคุย ความจริงเรื่องนี้กะแต่งเป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบ แต่ว่า.....สุดท้ายก็มมีตอนล่างๆผุดตามออกมาจนได้ เอาเป็นว่าแล้วแต่จะเลือกอ่านค่ะ



                                                            ในวันที่ฟ้าสีหม่น


'เราจะรักกันตราบสิ้นลมหายใจ'

'เราจะไม่มีวันพรากจากกัน'

'เราจะมีกันและกันนิจนิรันดร'

       ยังจำได้ไหมใครเคยพูดเอาไว้แบบนี้ แล้วใยวันนี้ถึงได้มาบอกลากัน

'เราเลิกกันเถอะ'

      ถ้อยคำสามคำสั้นๆแต่มันกลับบีบคั้นหัวใจของผมเป็นอย่างมาก ราวกับมีใครเอาโซ่ตรวนมาผูกไว้แล้วค่อยๆดึงมันจนตึง แขนขาหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาซะดื้อๆ รู้สึกเหมือนจะลืมหายใจ เหมือนมีก้อนอะไรไม่รู้มาจุกอยู่ตรงลำคอทำให้พูดไม่ออกหาเสียงของตัวเองแทบไม่เจอ  

ถ้าหากเลือกได้ ผมก็อยากจะเลือกให้มันอยู่เคียงข้างกันต่อไป

    เสียงหยดน้ำตกกระทบลงบนหลังคากระเบื้องดังปอกแปกๆ ภายในห้องเรียนดูเงียบเหงาและหม่นหมอง อาจารย์ยังคงดำเนินการสอนต่อไปแม้ว่าสมาธิของนักเรียนจะหายไปพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง

     ผีเสื้อปีกสีเหลืองสดใสบินมาเกาะบนขอบหน้าต่างไม้เก่าๆข้างๆที่ผมนั่งอยู่ ผมมองมันอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่ใจในอยากจะมองคนที่นั่งเคียงข้างมากกว่า แต่ว่า.....ผมก็ไม่พร้อมที่จะเจอกับสายตาเย็นชาที่ส่งผ่านมาให้กัน

     ไม่มีคำพูดระหว่างผมกับคนๆนั้น เขาขีดเขียนตัวหนังสือลงบนสมุดที่พึ่งจะขึ้นหน้าไปไม่กี่หน้า ที่ต้องเปลี่ยนสมุดเพราะสมุดเล่มเก่านั้นมันมีตัวหนังสือของผมอยู่เต็มไปหมดสินะ

"อย่าทำอย่างนี้เลย ไอ้พี แม้เราจะเลิกกันแล้ว มึงจะเลิกเป็นเพื่อนกับกูเลยเหรอ" ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากหยักลึกได้รูป มันเอาแต่นิ่งเงียบ สายตาเหม่อมองไปยังกระดานดำที่เปื้อนไปด้วยสีชอร์ก

     ผมฝืนยิ้มทั้งๆที่ในใจมันกำลังร่ำไห้ แม้แต่เพื่อนมันก็ไม่อยากจะหลงเหลือให้ผมเลย ความจริงก็อยากจะหนีไปให้ไกล แต่ผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้ คนที่เคยรักกันมาเมื่อวันวาน พอวันนี้กลับเฉยชาและหมางเมิน ลืมสิ้นแล้วคำสัญญาที่เคยมีให้กัน ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหนถึงต้องมาพบกับจุดจบของเราสอง

"เรากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ" ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องพูดแบบนั้นออกไป รู้เพียงแค่ว่ามันอยู่ในห้วงของความคิดเสมอที่เห็นหน้ามัน อยากจะกลับไปเหมือนเดิม อยากจะดูแล อยากจะเดินจับมือ อยากยืนเคียงข้างมันไปตลอดชีวิต

"กูขอโทษ" มันพูดสั้นๆแต่สายตานั้นยังคงเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ผมเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง ผีเสื้อตัวน้อยยังคงไม่ไปไหน

     ถ้าผมเกิดมาเป็นผีเสื้อก็คงดี จะได้โบยบินออกไปยังโลกกว้างอย่างอิสระ ไม่ต้องแคร์หรือสนใจใคร ไม่ต้องแคร์สายตาคนรอบข้าง ไม่ต้องกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมีใครมาทำร้ายทำลายหัวใจ

"กูอยากเกิดเป็นผีเสื้อว่ะ"

".............."

"ถ้าเราเกิดมาเป็นผีเสื้อก็ดีเนอะ จะได้เคียงคู่กันอย่างไม่ต้องสนสายตาใคร" ผมเงยหน้าขึ้นมองเพดานสีเขียวอ่อนเพื่อสะกัดกั้นหยดน้ำสีใสที่ทำท่าจะไหลออกมาจากดวงตา




'ไอ้พี ถ้าชาติหน้ามีจริง มึงอยากเกิดมาเป็นอะไร'

'กูอยากเกิดมาเป็นฟองคลื่น'

'ทำไมล่ะ'

'ก็ถ้ามึงเป็นทะเล กูก็จะเป็นฟองคลื่นอยู่คู่กับมึงตลอดไปไงไอ้ซี........แล้วมึงล่ะ'

       ตอนนั้นผมตอบมันไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมให้คำตอบได้แล้ว ผมอยากจะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่มีอิสระ เกิดเป็นอะไรก็ได้ที่สามารถรักคนๆนึงได้โดยที่ไม่มีใครมาขัดขวาง หรือมากำหนดกฏเกณความรักของผม

      คนเคยรักกันแม้เลิกกันไปแล้วกลายเป็นคนอื่น แต่ก็ยังรัก มันยากนะที่จะตัดมันออกจากหัวใจ ผมรู้ว่ามันเองก็เจ็บไม่ต่างจากผม ในเมื่อเราสองคนก็เจ็บไม่ต่างกัน แล้วทำไมยังเลือกที่จะทำแบบนี้ก็ไม่รู้

ความรักของเรามันเป็นไปไม่ได้เพราะเราทั้งสอง หรือเพราะคนอื่นกัน

วันเวลาที่แสนสวยงามของเราสองคน กูจะเก็บมันไว้ในความทรงจำตลอดไปนะ

     ผมเคยคิดว่าผมเข้าใจในความรักที่สุด แต่แท้ที่จริงแล้วผมไม่เคยจะเข้าใจมันเลย รักที่ทุกคนรู้จักและคิดว่ามันเป็นอย่างที่พวกเค้าเข้าใจ รักที่ยิ่งใหญ่ แต่ทำไมความรักของของผมกับไอ้พีมันไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าความจริง ทำไมรักของเรามันไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่ากฏเกณของสังคม ทำไมสุดท้ายความรักที่เรามีให้กัน กลับย้อนมาทำลายหัวใจของเราเอง

"ซี "

      มืออุ่นๆของไอ้พีเอื้อมมากุมมือผมจากใต้โต๊ะ มือของมันยังคงอุ่นเสมอ แต่ว่าทำไมมันไม่อุ่นไปถึงหัวใจของผมที่เย็นเหยียบกัน เราไม่ได้หันมาสบตากัน ต่างก็เบือนหน้าหนีไปคนละฟากฝั่ง
 
"กูขอโทษ"

    ผีเสื้อสีเหลืองสดโบยบินจากไปแล้ว มันได้หอบเอาความรักของผมไปด้วย เส้นทางที่มันบินไปไม่มีใครรู้ว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน และไม่รู้ว่ามันจะกลับมาหาผมอีกครั้งรึเปล่า

      ความรักของเราได้บินไปอย่างอิสระแล้วนะไอ้พี ผีเสื้อตัวนั้นจะนำพาความรู้สึกดีๆที่เรามีให้กันไปยังสถานที่ๆเราเคยฝันกันไว้ ไปยังปลายทางแห่งความสุข ไปยังสถานที่ๆเราจะรักกันได้แม้วันที่โลกแตกดับ เราจะรักกันแม้วันพรุ่งนี้เราจะกลายเป็นเพียงเด็กผู้ชายสองคนที่ต้องวิ่งตามกระแสสังคม เราจะรักกัน ณ ที่ๆ ไม่มีใครมาขัดขวางเส้นทางความสุขของเราได้อีก

"ขอบคุณนะ"

ขอบคุณที่ทำให้รู้จักกับความรักที่ทำให้หัวใจเปียกปอน

ขอบคุณวันเวลาและความทรงจำดีๆ

ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้

ขอบคุณ จากใจดวงนี้



****

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2010 21:27:02 โดย THIP »

ออฟไลน์ SUICIDE

  • ธรรมะสวัสดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เจิมมม

nanohuman

  • บุคคลทั่วไป

    จุดเริ่มต้นเรื่องนี้คือจุดจบของเราทั้งสองคน แต่ไม่ใช่จุดจบสายใยสัมพันธ์ที่เรามีให้แก่กัน ผมจะห่างจากมันเพื่อให้เราได้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น เราจะกลับมาเริ่มต้นที่ศูนย์ใหม่ กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง


     หนึ่งปีหลังจากผมกับไอ้พีเลิกกัน ตอนแรกนั้นมันก็ลำบากพอสมควรกับการทำใจ แต่แล้วก็ลองมาคิดดูอีกทีว่าเรา'เลิก'เป็นแฟนกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าผมและมันจะ'เลิก'รักกันนี่

ความจริงก็คือผมยังรักมัน และมันก็ยังรักผม

     ผมยังคงรักรอยยิ้มของมัน ผมยังคงรักตัวตนของมัน ผมยังคง 'รัก'ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเป็น เราเลิกกัน เราถอยห่างกันคนล่ะก้าวเพื่อที่จะได้เรียนรู้ และยอมทำตามในสิ่งที่สังคมอยากให้เป็น

"พีกินข้าวกัน" ผมเรียกไอ้พีที่ก้มหน้าจนแทบจะมุดลงไปในหนังสือการ์ตูน มันเงยหน้ามองผมก่อนจะพยักหน้าและเก็บกระเป๋า เพื่อนๆคนอื่นๆแวะไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วค่อยไปเจอกันที่โรงอาหาร

     โรงอาหารของโรงเรียนผมนั้นไม่ได้ติดแอร์หรือทันสมัยใดๆทั้งสิ้น มันเป็นโรงเล็กๆที่มีโต๊ะไม่ถึงห้าสิบโต๊ะด้วยซ้ำ พื้นฉาบปูนอย่างลวกๆ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดงสดซึ่งตอนนี้มันไม่หลงเหลือเคล้าเดิมอีกแล้ว ฝ้าเพดานทาด้วยสีเขียวอ่อนๆให้สบายตา ติดพัดลมให้ไม่กี่เครื่อง ตามมีตามเกิดนั่นแหละครับ

     ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะประจำก่อนจะออกตัววิ่งไปซื้อข้าวซึ่งมีไอ้พีตามมาติดๆ พีต่อแถวซ้อนหลังแล้วถามขึ้นมาอย่างล้อๆ

"อากาศข้างล่างเป็นไงมั่ง" ผมเลยตุ๋ยท้องมันไปหนึ่งที มันก้มหน้าลงมากระซิบผมด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอีกครั้ง ซึ่งนั่นมันทำเอาผมนิ่ง

"อยู่ข้างล่างวิวดีไหม แต่กูก็อยากให้มึงลองอยู่ข้างบนดูว่ะ" หน้าของผมร้อนซ่าราวกับใครเอาไฟมาลน ผมรู้ความหมายที่แท้จริงของมันอยู่หรอกว่าหมายความว่ายังไง ไอ้บ้านี่เล่นไม่ดูตาม้าตาเรือเลย



     วันนี้อยู่เตะบอลกับเพื่อนๆเลยทำให้กลับถึงบ้านเย็นมากๆ บ้านของผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ ผมจึงเดินมาโรงเรียนซึ่งนั่นก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ ผมเห็นเงาตะคุมๆหน้าบ้านจึงซุ่มดูอยู่ ลองสังเกตดูดีๆแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง

"ซี น้ามีเรื่องจะคุยด้วย"

     แม่ของไอ้พีเหลือบมาเห็นผมพอดี ผมรู้สึกใจคอไม่ดียังไงไม่รู้ที่เค้ามาหาผมแบบนี้ ทั้งๆที่ผมกับมันยอมเลิกรากันตามคำสั่งของเค้าแล้วแท้ๆ ผมยกมือไหว้ท่านก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ

"น้าศรีมีอะไรรึเปล่าครับ เข้าบ้านก่อนมั้ยครับ"

"ไม่เป็นไร น้ามาแปปเดียว" ผมพยักหน้า น้าศรีแม่ของไอ้พีเงียบไปก่อนจะจ้องมองผมด้วยสายตาเว้าวอน

"ซีน้าขอได้ไหม น้ามีลูกคนเดียว น้าไม่อยากให้เค้าต้องเป็น.......เอ่อ......เป็นเกย์ น้าทำใจไม่ได้จริงๆ" มือเหี่ยวย่นกุมมือผมเอาไว้ มือของท่านสั่นมาก

    นี่มันก็ปีหนึ่งแล้วที่ผมกับไอ้พีกลับไปเป็นเพื่อนกัน น้ายังจะบังคับให้ผมห่างกับมันอีกเหรอครับ น้ามีความสุข ทุกคนมีความสุขที่พวกผมเลิกกัน แล้วผมกับไอ้พีล่ะ มีความสุขมั้ย พวกคุณจะคิดถึงใจของพวกเรากันบ้างรึเปล่า

        ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จะให้ผมทำยังไง ผมต้องทำยังไงอีกพวกคุณถึงจะพอใจ ทุกวันนี้ก็กล้ำกลืนฝืนทนกันแค่ไหน พวกคุณจะเคยรู้บ้างรึเปล่า

"น้าครับ ผมกับพีเราเป็นเพื่อนกันครับ เราเป็นแค่เพื่อนกัน"

"น้า.......ซี........ซีต้องเข้าใจน้านะ ซีคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าสิ หรือไม่ก็คิดถึงอนาคตของพีมัน ไม่มีใครเค้ายอมรับเรื่องแบบนี้ได้หรอกนะซี" น้าศรียังคงยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอ้าง

      สำหรับน้าศรีเค้าอาจจะคาดหวังอนาคต แต่กับคนอย่างผม ผมอยู่กับปัจจุบัน ผมอยากทำทุกวันของผมให้มีความสุขที่สุด ให้เป็นความทรงจำที่ดีควรค่าแก่การนึกถึง กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงผมไม่รู้หรอกว่าผมยังจะมีชีวิตอยู่ถึงอนาคตแบบนั้นมั้ย

เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน

เราควรจะขวนขวายหาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุขไม่ใช่เหรอ?

"น้าศรีครับ ผมกับพีเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆครับ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นอีกแล้ว" ผมกัดริมฝีปากจนมันเป็นเส้นตรง เจ็บจนชินชาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เจ็บเลย

"ขอบใจซีมากนะ ที่เข้าใจน้า"

     น้าศรีเดินจากไปแล้ว แต่ผมยังไม่ขยับไปไหน ผมเกลียดสังคมแบบนี้จัง สังคมที่ต้องคอยแคร์สายตาของคนอื่นมากกว่าจะสนความรู้สึกของคนที่เรารัก อย่างแม่ผมท่านก็คอยกีดกันผมกับไอ้พีไม่ต่างกัน เพียงแต่ท่านมีวิธีที่ต่างออกไป แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนผลสุดท้ายมันก็ออกมาไม่ต่างกัน



"กลับมาแล้วครับ!"

      ผมตะโกนบอกแม่ที่น่าจะอยู่ในครัว ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขนมกิน แต่ทำไมวันนี้บ้านถึงได้เงียบผิดปกติ ทุกทีจะมีเสียงแม่กับพ่อทะเลาะกันไม่ได้ขาด พ่อผมติดเหล้าติดการพนันงอมแงม วันๆไม่ทำอะไรได้แต่กินเหล้าและเข้าบ่อน ส่วนแม่ทำงานงกๆหาเงินทุกวันแทบจะไม่ได้พัก

      ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปหาแม่ข้างบนห้อง บ้านผมเป็นบ้านสองชั้นมีอยู่สองห้องนอน ผมนอนกับน้องซึ่งตอนนี้อายุได้สิบขวบแล้ว ส่วนพ่อกับแม่นอนอีกห้องหนึ่ง ผมเดินเข้าไปในห้องแม่ที่เปิดอยู่ แผ่นหลังซูบผอมนั้นสั่นเกร็ง เสียงสะอื้นฮึกฮักนั้นทำเอาหัวใจของผมหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

"แม่.......แม่ร้องไห้ทำไม พ่อมาไถตังอีกแล้วใช่ไหม" ผมเดินไปกอดแม่แน่น

"เปล่า.....ซี แม่ขอร้องได้ไหมลูก ซีอย่าไปยุ่งกับลูกเค้าอีกเลยนะ แม่ขอนะ"

"แม่ ผมกับมันเป็นแค่เพื่อนกันครับ" น้ำตาของผมกลิ้งลงจากดวงตาช้าๆ ทั้งสงสารแม่และสงสารตัวเอง

"จริงเหรอลูก ซี ถ้าซีรักเจ้าพีมันจริง ซีต้องยอมนะลูก ซีต้องยอมปล่อยเค้าไป นะลูกนะ เห็นแก่แม่เถอะนะ"

"แม่.......แม่รู้ไหมครับ ว่าหนึ่งปีที่ผมเลิกกับมัน หัวใจของลูกแม่คนนี้มันไม่เคยจะได้เจอกับคำว่าความสุขเลย ผมเข้าใจนะครับว่าแม่อยากให้ผมเหมือนกับคนปกติทั่วไปเค้า แต่ว่าผมรักมัน ความรักของผมมันไม่ได้ไปทำร้ายใครไม่ใช่เหรอแม่"

"แม่เข้าใจ ซี แม่เข้าใจ ความรักของลูกมันไม่ได้ทำร้ายใคร เพียงแต่ว่าคนอื่นเค้าไม่ยอมรับกัน แม่ไม่อยากให้ลูกแม่ต้องแปลกแยกจากคนอื่น"

      เพียงแค่เรารักเพศเดียวกันมันแปลกแยกนักเหรอครับ ความรักของผมมันผิดเหรอ หรือว่าแท้จริงแล้วความรักต้องมีแต่เฉพาะชายหญิง สังคมต่างหากผิดที่กำหนดกฏเกณแบบนั้นขึ้นมา คนส่วนใหญ่เค้าเห็นว่าผิด แล้วนั่นก็คือความผิดเหรอ

      
      เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาตอนกลางดึก ผมรีบกดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของไอ้พีที่โทรมา เราคุยกันสองสามคำก่อนที่มันจะวางสายไป แต่เพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับใจที่ถูกทำร้ายมาอย่างแสนสาหัส


       เช้าวันนี้อากาศสดใสแต่ทำไมใจของผมมันถึงได้มัวหม่นชอบกล โรงเรียนเป็นสถานที่เดียวที่ผมจะมีอิสระ และเป็นสถานที่เดียวที่ผมจะได้เจอกับไอ้พี

"ว่าไงไอ้ซี เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ย" ไอ้พี่เอ่ยทักผมทันทีที่ผมก้าวเข้าห้อง ผมยิ้มให้มันก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ มันกำลังลอกการบ้านวิชาเคมีอยู่ซึ่งผมเองก็ยังไม่ได้ทำ ผมขึ้นดึงสมุดมาลอกด้วยคน มันจะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำของผม ว่าครั้งนึงเราเคยนั่งลอกการบ้านวิชาเคมีด้วยกันในห้องเรียน

"มึงเป็นอะไรรึเปล่า หน้าซีดๆ" ผมถามไอ้พีอย่างเป็นห่วง เห็นหน้ามันซีดๆกลัวว่ามันจะไม่สบาย ยังมือขึ้นอังหน้าผากก็ไม่ร้อน

"กูปวดหัวนิดหน่อย สงสัยไมเกรนเล่นงาน" ผมบอกให้มันไปนอนห้องพยาบาลแต่มันก็ไม่ยอมไป แล้วจะให้ผมเลิกห่วงมันได้ยังไง

     ตอนเย็นอาการปวดหัวของมันก็ยังไม่หาย ผมจึงพามันไปคลีนิกแถวโรงเรียน หมอเรียกไอ้พีเข้าไปตรวจซักพักก่อนที่ไอ้พีจะเดินหน้าซีดออกมา ผมถึงกับหลุดขำเพราะว่าไอ้พีเป็นคนที่กลัวเข็มมากที่สุด

"เป็นไงมึง หมอเค้าว่าไงบ้าง"

"เค้าบอกให้กูไปตรวจที่โรงบาลอีกทีว่ะ" คำตอบของมันทำให้ผมเป็นกังวล

     เราเดินแยกกันกลับบ้านที่หน้าคลีนิก ในหัวของผมยังคงคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องของไอ้พี ทำไมหมอเค้าถึงให้มันไปตรวจที่โรงบาลอีกที ผมกลัว.......ผมกลัวเหลือเกิน ปกติคลีนิดนี้ถ้าไม่เป็นอะไรหนักจริงเค้าก็จะรับไว้ให้ค้างคืน แต่กลับที่คลีนิกรับไม่ไหวก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในตัวเมือง


     เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมมักจะถามมันเสมอว่ามันได้ไปตรวจที่โรงบาลหรือยัง มันก็แค่อือๆออๆไปเรื่อย บางวันมันปวดหัวถึงกับทำอะไรไม่ได้ก็มี นั่นยิ่งทำให้ผมเป็นห่วงมันมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว เวลาที่เห็นมันเจ็บ อยากให้รู้ว่าผมเจ็บกว่ามันร้อยเท่า เจ็บ......ที่ทำอะไรเพื่อมันไม่ได้ซักอย่าง

"พี มึงไปโรงบาลเหอะ กูขอร้อง กูไปเป็นเพื่อนก็ได้"

"เอาน่า คิดไรมากวะ กูไม่เป็นโรคพระเอกหรอกน่า"

"อะไรวะ โรคพระเอก"

"ลิวคีเมียไง" ไอ้พีหัวเราะเอิกอ๊ากคนเดียว แต่ผมไม่ได้หัวเราะไปกับมันด้วย รู้สึกกังวนใจอยู่อย่างนั้น และจะหายกังวลก็ต่อเมื่อมันไปโรงบาลและหมอบอกว่ามันไม่เป็นไร แข็งแรงกว่าควายถึกคงไม่ป่วยง่ายๆหรอก



     ล่วงมาถึงสอบปลายภาค ผมทนไม่ไหวจริงๆที่เห็นมันเป็นอย่างนั้น จึงตัดสินใจไปหาน้าศรีทั้งๆที่ไม่อยากจะแบกหน้าไปหาเค้าซักนิด แต่ว่าผมก็ห่วงไอ้พีไม่เป็นรองใคร ผมจึงเลือกจะกลายเป็นคนหน้าด้าน เพื่อแลกกับความสบายใจที่จะรู้ว่าไอ้พีไม่ได้เป็นอะไร

"น้าศรีครับ ซีมีเรื่องจะคุยด้วย"

     บ้านของไอ้พีนั้นเป็นบ้านหลังใหญ่มากหากเปรียบเทียบกับบ้านในละแวกนี้ ฐานะก็ค่อนข้างรวยเพราะพ่อของมันเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน ผมถอดรองเท้าวางให้เป็นระเบียบก่อนจะเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างสงบเสงี่ยม วันนี้ไอ้พีไม่อยู่และมันไม่รู้ด้วยว่าผมจะมาที่นี่ เพราะผมไม่อยากให้มันลำบากใจที่จะออกมาพบผมทั้งๆที่แม่ของมันก็อยู่ด้วย

"น้าศรีรู้เรื่องอาการป่วยของพีมันมั้ยครับ"

"พีเป็นอะไรเหรอ"

"ผมเห็นมันมีอาการปวดหัวมาซักพักใหญ่ๆแล้วครับ น้าศรีช่วยพามันไปโรงบาลหน่อยได้ไหมครับ...... ผมรู้ว่ามาพูดแบบนี้มันไม่สมควร แต่ว่าผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆครับ"


     ผมเดินออกจากบ้านไอ้พีมาแล้ว น้าศรีรับปากจะพามันไปหาหมอ ท่านบอกว่าไอ้พีไม่เคยแสดงอาการอะไรให้เห็นเลย แต่ว่าช่วงนี้มันมักจะคลุกตัวอยู่ในห้องบ่อยขึ้น ซึ่งผมสันนิฐานว่าคงเป็นเพราะอาการของมันกำเริบแน่ๆ

"แม่ครับ  ถ้าวันนึงไม่มีผมแล้ว แม่จะอยู่ได้ไหมครับ" อยู่ๆผมก็ถามคำภามนี้กับแม่

"แม่อยู่ได้ แต่อยู่แบบไม่มีความสุข"

"แล้วมันต่างจากผมตอนนี้ตรงไหนครับ อยู่โดยทำเหมือนคนไม่เคยรักกัน" แม่ลูบหัวผมเบาๆ

"ก็ยังดีที่เค้ายังมีชีวิตอยู่ ยังสบายดีอยู่ ไม่ได้จากไปไหน"

     ใช่ ตอนนี้ผมมีไอ้พีอยู่ มันยังยืนอยู่ในที่ๆสายตาผมสามารถหามันเจอ อยู่อย่างสุขสบายกายแม้ว่าใจจะเป็นทุกข์ แต่ก็ยังมีลมหายใจ มีตัวตนที่จับต้องได้



      ช่วงปิดเทอมไอ้พีไม่ค่อยโทรมาหาผมเลย ผมโทรไปก็ไม่ค่อยรับ ผมรู้สึกเป็นห่วงมันยังไงไม่รู้ อยากจะไปหามันที่บ้านแต่ก็ทำได้แค่เดินไปถึงหน้าปากซอย

"ซี เจ้ากายรถล้ม" สิ้นเสียงของแม่ ผมรีบวิ่งออกจากห้องทันที ผมวิ่งตามหลังของแม่ที่นำไปก่อนแล้ว พอมาถึงตลาดสถานที่เกิดเหตุป้าเค้าก็บอกว่ามีคนพามันไปโรงพยาบาลแล้ว ใจผมเต้นแรงมาก รู้สึกเป็นกังวลแต่ผมก็ต้องตั้งสติ แม่ผมแทบจะเป็นลมผมเลยรีบวิ่งไปประครองท่านเอาไว้

       เราเหมารถโดยสารเข้าไปโรงพยาบาลในตัวเมือง ผมได้แต่ปลอบแม่และบอกให้แม่ใจเย็นๆ เจ้ากายมันยังเด็กพึ่งจะสิบขวบเอง สงสัยจะไปซ้อนท้ายรถพวกวัยรุ่นในตลาด  เราเกิดเรื่องขึ้น รถแล่นเข้ามาในตัวโรงพยาบาล พอรถจอดสนิทผมกับแม่ก็รีบวิ่งไปยังหน้าห้องฉุกเฉิน

      พอเห็นเจ้ากายร้องไห้สะอึกสะอื้นแขนเปื้อนเลือดเป็นรอยทะลอกนิดหน่อย ก็รู้สึกโล่งใจที่มันไม่เป็นอะไรมาก อีกใจก็รู้สึกสงสารน้อง แม่รีบวิ่งไปดูเจ้ากายทันที เจ้ากายพอเห็นแม่ก็วิ่งเข้ามากอดก่อนจะร้องไห้หนักกว่าเดิม เห็นดังนั้นผมจึงออกมาเดินเล่นสูดอากาศภายนอก

    สวนของโรงบาลจัดเอาไว้อย่างสวยงามสมกับเป็นโรงบาลประจำจังหวัด ผมเดินไปนั่งก้าวอี้ตัวยาวก่อนจะเอนตัวลง ในใจก็คิดถึงแต่ไอ้พีที่มันหายไปไม่ค่อยได้ติดต่อมา จนผมเริ่มกลัว.......

      นอนไปซักพักก็รู้สึกเมื่อยตัวผมจึงยันตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง หันมองไปรอบๆด้านก็สะดุดตากับแผ่นหลังคุ้นตาของใครคนนึง เขาคนนั้นอยู่ในชุดโรงพยาบาลสีฟ้าอ่อน เบื้องหลังของเค้าดูอ่อนโยนแต่ก็ดูว้าเหว่  เท้าของผมก้าวไปก่อนใจคิด เดินเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นแรงขึ้น มือสั่นๆแตะลงบนไหล่ก่อนที่เค้าคนนั้นจะหันมา......

"พี........."

"ไอ้ซี........"

     เราต่างอึ้งกันอยู่อย่างนั้น ผมไม่คิดว่าจะได้เจอไอ้พีที่นี่และในสภาพนี้ ทำไมมันถึงไม่บอกผมซักคำว่าป่วย ผมเห็นมันกำมือแน่นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปไม่กล้าสบตากับผม ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ในหัวสมองเริ่มประมวลผลอย่างเชื่องช้า

"ทำไมไม่บอกกูซักคำว่าไม่สบาย"

"กูไม่อยากให้มึงเป็นห่วง"

"แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอ ว่าถ้ากูมารู้เองทีหลัง แล้วกูจะรู้สึกยังไง"ไอ้พีเงียบ มันก้มหน้าลงมองมือของตัวเองอยู่อย่างนั้น  มันดูเศร้าๆจนผมอดใจที่จะดึงมันมากอดปลอบไม่ไหว มันกอดตอบและวางหน้าไว้บนไหล่ของผม

"พี กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือตอนไหน กูก็เป็นห่วงมึงเสมอ" มันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น


      ผมเดินไปส่งมันถึงหน้าห้องพักพิเศษแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก มันเลยสั่งให้ผมขนขนมมาเยอะๆ เพราะที่โรงบาลมันได้กินแต่ข้าวต้มสุดแสนจะจืดชืด ผมยิ้มรับก่อนจะเดินจากมา ขณะที่ผมกำลังเดินเรียบทางระเบียง ผมก็ตามหลังนางพยาบาลกลุ่มนึง พวกเธอคุยกันค่อนข้างเสียงดัง ผมจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน

'คนไข้ห้อง 401 อ่ะเธอ ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ น่าสงสารจริงๆ'

'เห็นว่ามะรืนนี้จะย้ายไปโรงบาลที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางแล้วนี่'

'เห็นว่าโอกาสมีถึงห้าสิบห้าสิบนะเธอ ถือว่าการผ่าตัดน่าจะผ่านไปด้วยดี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกำลังใจของเจ้าตัวด้วยล่ะ บางเคสที่ง่ายๆแต่กับคนไข้ที่หมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ก็เป็นไปได้ยาก'

'แต่มันก็เสี่ยงที่จะเป็นเจ้าชายนิทราไม่ใช่เหรอ'


      ร่างของผมเหมือนถูกสาป ถ้าผมจำไม่ผิดห้องที่ผมเพิ่งจะจากมานั้นเลขห้องของมันคือ 401 ไม่ใช่เหรอ ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไอ้พีถึงปิดผมได้นะ หรือว่ามันเห็นผมไม่สำคัญกัน จากที่ผมจะเดินออกไปข้างนอก ขาของผมกลับสั่งการให้วิ่งกลับไปยังห้องนั้น ห้องที่ผมเพิ่งจะจากมาเมื่อครู่ วิ่งโดยที่สมองไม่ทันคิด แต่ร่างกายของผมกลับโบยบินไปพร้อมกับหัวใจ

"แม่ แม่อย่าบอกไอ้ซีนะว่าผมเป็นอะไร ผมไม่อยากให้มันไม่สบายใจ" ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไป เสียงที่เล็ดลอดออกมาทำให้ขาผมหยุดกึก

"ถ้าพีต้องการแม่ก็จะทำให้ ไม่ว่าพีจะต้องการดวงดาวดวงไหน ตอนนี้แม่ก็พร้อมจะไปเก็บมาให้พี พีอยากคบกับเด็กนั่นแม่ก็จะไม่ขัดอีกเลย แต่แม่ขอร้องพีได้ไหม ว่าอย่าหนีออกจากโรงบาลเพื่อไปเฝ้าหน้าบ้านเด็กคนนั้นอีก" เสียงของน้าศรีสั่นเครือ ข้างกายของน้าศรีมีลุงกฤษพ่อของไอ้พีคอยพยุงไม่ให้ร่างของน้าศรีทรุดลงไปกองกับพื้น

     ลำคอของผมตีบตันทันทีที่ได้ยิน ไอ้พีหนีโรงพยาบาลไปเฝ้าผมหน้าบ้านเกือบทุกวัน ในขณะที่ผมไม่แม้แต่จะกล้าไปหามันที่บ้าน มันไปหาผมทั้งๆที่ตัวเองป่วยแต่ผมไม่เคยรู้เลย ไม่เคยรู้อะไรเลย......

"พี........" ผมเรียกมันด้วยเสียงสั่นๆ

     น้ำใสๆกลิ้งลงจากเปือกตาหยดแล้วหยดเล่าเมื่อเห็นว่ามันนอนอยู่บนเตียง โดยแขนของมันมีสายน้ำเกลือระโยงไว้ น้ำเกลือในถุงยังเต็มอยู่ นั่นอาจจะเป็นเพราะพยาบาลเพิ่งเจาะเข้าไปใหม่ๆ ไอ้พีหันมามองทางผมอย่างตกใจ ริมฝีปากหยักลึกอ้าขึ้นราวกับมีเรื่องจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่มีถ้อยคำใดเปร่งออกมา


      น้าศรีกับลุงกฤษเดินออกหลบออกไปเพื่อให้ผมได้คุยกับมันสองคน ทั่วทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ จนผมทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน

"ทำไมถึงคิดจะปิดกู"

"กู.......กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจ"

"แล้วถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมา ไม่นึกบ้างเหรอว่ากูจะเสียใจขนาดไหนที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างมึง"

"กูขอโทษ" เพียงถ้อยคำสั้นๆที่ฟังจนชิน ไม่เคยมีครั้งไหนเลยจริงๆที่ผมจะไม่ยกโทษให้กับมัน

       คืนนั้นผมตัดสินใจจะอยู่เฝ้าไข้มัน ซึ่งน้าศรีก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนขออนุญาติแม่ผมท่านเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ถามว่าไอ้พีเป็นอะไรบ้าง นั่นทำให้ผมยิ้มจนแก้มปริ ไอ้พี.......ต่อไปนี้จะไม่มีใครขัดขวางเราอีกแล้วว่ะ

"ซี สมมติว่าถ้ากูเป็นดวงจันทร์ แล้วมึงจะเป็นอะไรวะ"

      ขณะที่พวกเรากำลังนั่งชมวิวอยู่ตรงระเบียงห้อง อยู่ๆไอ้พีก็ถามออกมา มันหันมามองหน้าผมอย่างจริงจัง และคาดหวังในคำตอบ

"กูเป็นกระต่ายแล้วกัน"

"หุยยยย แรงว่ะ"

     นานแค่ไหนแล้วนะที่เราไม่ได้หัวเราะด้วยกันอย่างนี้ ไอ้พีวาดแขนกอดคอผมก่อนจะชี้ชวนให้ดูพระจันทร์ที่ตอนนี้กำลังสุกสกาวอยู่บนท้องฟ้า ดวงจันทร์ดูอ่อนโยนและอบอุ่น เป็นเพราะคนข้างๆนี่หรือเปล่าที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ ไอ้พีก้มลงมาขโมยหอมแก้มผม ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมเดินไปห่มผ้าให้มันก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาข้างๆ

"ไอ้ซี ถ้ากูผ่าตัดเสร็จ กูขอ'กอด' มึงได้ไหม" มันเน้นคำว่ากอดอย่างชัดเจน เพื่อให้ผมเข้าใจในความหมายที่แท้จริงในคำพูดของมัน

"อือ" ผมตอบไม่เต็มเสียงก่อนจะพลิกตัวนอนหันหลังให้มันอย่างอายๆ



      การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ตอนนี้ไอ้พีกำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ ซึ่งผมก็อยู่เฝ้าไข้มันตลอดเพราะช่วงนี้ปิดเทอมด้วยแหละ ศรีษะที่เคยปกคลุมด้วยเส้นผมตอนนี้ถูกตัดออกจนมันสั้นและถูกพันด้วยผ้าสีขาวสะอาด ตอนแรกๆหน้าและตัวของมันดูบวมๆ แต่ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้วล่ะ

     รู้สึกว่าช่วงที่ไอ้พีมันป่วยมันจะอ้อนผมเอามากๆ แม้แต่ตอนกินข้าวยังให้ผมป้อนเลย ซึ่งผมก็เต็มใจทำ ถ้าทำแล้วมันมีความสุขผมก็อยากจะทำให้ทุกอย่างเลย

"อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ!"

"เออ!"

"รออีกเดือนนะ ช่วงนี้ก็ใช่น้องมือไปก่อน!"

"เออ!"

       คนเรานี่ก็แปลกเนอะ ต้องรอให้เกือบจะสูญเสียสำคัญไปก่อนถึงจะมาเข้าใจ แต่กลับคนบางคนกลับเข้าใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก หรือบางคนต้องรอให้สูญเสียไปก่อนถึงจะมารู้สึกผิดกับการกระทำของตน และคอยแต่โทษตัวเองเสมอๆว่าทำไมตอนที่มีเค้าอยู่ไม่เคยที่จะได้มอบความสุขให้

       กับเรื่องราวของผม กว่าเราจะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ผมจึงอยากจะเก็บความรักนี้ไว้ให้นานตราบนานเท่านาน อยากจะทำให้คนที่ผมรักมีความสุข และอยากจะทำให้คนที่รักผมมีความสุขด้วย


      ความรักของผมไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าฟ้า แต่ความรักของผมนั้นคือการอดทน อดทนรอวันที่ทุกคนจะให้คุณค่ากับมัน รอวันที่ทุกคนจะยอมรับ ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำมันได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ทำแล้วมีความสุขผมก็อยากจะทำ ให้คุ้มกับการรอคอยที่แสนทรมาณ ให้คุ้มกับบททดสอบที่แสนหฤโหด ให้คุ้มกับหยดน้ำตาที่เสียไป


   วันนี้ผีเสื้อตัวนั้นได้นำความรักของผมกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มันโบยบินไปท่องเที่ยวโลกกว้าง ....


"ไอ้ซี กูรักมึงว่ะ"

"กูก็รักมึงว่ะ"

"งั้นมามะ เมาให้กูจูบหน่อย"

"อือ"

"มามะ มาให้กูกอดหน่อย"

"อือ แต่กูขออยู่บนนะ......."

"จัดไป!!"

        ถึงเปลี่ยนตำแหน่งกัน แต่ทำไมมันก็ไม่เห็นจะแตกต่างไปจากทุกที เอาเป็นว่าขอจบเรื่องนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ อ่อ.....เดี๋ยวก่อนสิ ฝากไว้หนึ่งคำถามละกันว่า

'วันนี้คุณมีคนที่รักและคนที่รักคุณหรือยัง'

ถ้ายังก็................อย่าอิจฉาผมล่ะ



The End.


****
เรื่องสั้นนี่แต่งยากสุดๆ ลงรายละเอียดอะไรไม่ได้มาก ถ้าลงมากๆเข้าจะกลายเป็นเรื่องยาว อย่างที่เคยเป็นมาแล้วหลายๆเรื่อง ผลสุดท้ายคือไม่จบ 55+

ยังไงก็ติชมมาได้นะคะ เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันรึเปล่า
สุดท้ายขอบคุณสำหรับทุกรีพรายค่ะ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2010 12:40:29 โดย nanohuman »

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ซึ้งๆ เหงาๆ ดีจ้ะ อ่านไปลุ้นไป สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้สมหวังในรัก


ขอบคุณสำหรับนิยายจ้ะ  :L2:

fernnakab

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดก็ได้คบกัน
ก็จริงเนอะ..ในวันที่คนเราเกือบจะเสียสิ่งนั้นไปจึงจะเข้าใจ
ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่าน..^^

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
โรแมนติกมาก :L2:

ชอบอ่ะ :o8:

vvivy

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจังเลยค่ะ

ลุ้นมาก...ดีที่จบไม่เศร้า...ไม่งั้นมีเสียน้ำตาแน่เลย o13

ออฟไลน์ ๛゙★βra_11!☆゙

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
โรแมนซ์จังง  :monkeysad:

ขอบคุณจ้าที่แต่งเรื่องดีๆอย่างนี้มาให้อ่านกัน
 o13

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
เรื่องสั้นของคุณแต่งสุดยอดแล้วครับ  อาจจะสั้นแต่ได้ความรู้สึกดีๆให้กับใครหลายๆคนครับ  ขอบคุณที่มีเรื่องราวดีมาให้อ่านกัน :L1:

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปลุ้นไป กลัวจบเศร้าจัง ดีใจที่จบมีความสุข

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
อ่านไป ลุ้นไป กลัวจบเศร้าน่ะค่ะ  :t2:

ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวที่แฝงด้วยความหมายดีๆมาให้อ่านกันค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
โอยชอบมาก...อ่านแล้วลอยๆ
เหมือนจะเศร้าแต่สุดท้ายก็ยิ้มได้...
ชอบมากๆ ว่างๆแต่งอีกนะคะ +1 ค่ะ
(ตอนแรกจิ้มผิด จิ้มให้คุณ SUICIDE ไป 555 ก็บวกไปด้วยเลยละกันนะคะ ^^)

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
ชอบมากกกค่ะ เฮ้ออออ กว่าจะเห็นคุณค่า

บางครั้งมันก็นาน จนเหนื่อยอะเปล่าอ่ะ

 :กอด1:

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 o18 ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ




ขอบคุณนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ loveooo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนแรกๆเหมือนจะจบเศร้าเลยอ่ะ  แต่สุดท้ายก็จบดี
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกดีมากๆเลย เหมือนมันเรียบๆง่ายๆแต่ก็กินใจมาก
ความรักนี้ มันสวยงามเสมอเนอะ ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหนก็ตาม

ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อารมณ์ "รักแห่งสยาม" มากๆ เลยตอนที่แม่ของพีมากพูดกับซี

ออฟไลน์ pupuzaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ

 :3123: :3123: :3123: :3123:

teamteam

  • บุคคลทั่วไป
 :mew1:ประทับใจมาก

ออฟไลน์ Chichi Yuki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-3
นึกว่าจะจบเศร้าซะแล้ว
ดีใจแทนซีกับพี ในที่สุดความรักของทั้งคู่ก็สมหวัง
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ตอนแรกก็ว่าจะร้องไห้แล้วล่ะ เพราะมันเศร้าและซึ้งมาก
แต่ดีใจที่สุดท้ายก็เรียกรอยยิ้มของเรากลับมา o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] ในวันที่ฟ้าสีหม่น
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-10-2013 15:10:26 »





ออฟไลน์ VICcy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดว่าจะจบเศร้าซะแล้ว แต่สุดท้ายก็ แฮปปี้ เอ็นดิ้ง
ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆมาให้อ่านนะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด