อะกาลิโก..รักไร้กาล
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อะกาลิโก..รักไร้กาล  (อ่าน 64594 ครั้ง)

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z2: :z2: :z2:
พบเจอแรกเริ่ม เรียนรู้ และสานสัมพันธ์
อ่านแล้วยังคงยิ้มๆ มิตรภาพที่สานตัวขึ้นมาจะเป็นเช่นคงต้องลองอ่านดูต่อไป อิอิ

CaroL

  • บุคคลทั่วไป
Re: อะกาลิโก..รักไร
«ตอบ #31 เมื่อ24-05-2010 10:27:34 »

นิทเช ไตติลา โอ้ยยย  เพราะทั้งสองชื่อ เลือกไม่ถูกคนไหนดีหนอ  :man1:

ปล.รำเซไปทางนิชเช

sakuu

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักค่า ดูเรื่อยๆดี...(อ่านแล้วเย็นใจ)

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๓.๒

ราวๆห้าทุ่มครึ่งไตติลาต้องเชิญลูกค้าคนสุดท้ายกลับ ก่อนจะเริ่มเก็บร้าน ปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อย ก่อนจะรับเงินค่าแรงสำหรับวันนี้พกใส่กระเป๋าแล้วขอตัวกลับก่อนมื้ออาหารที่มักทำทานกันก่อนแยกย้าย พร้อมกับคำไสส่งอย่างคนขี้เล่นของเจ้าของร้าน  ไตติลาสวมแจ๊คเก็ตไว้กับตัว ก่อนจะก้าวยาวๆไปยังรถของตัวเอง  อยากกลับบ้านอาบน้ำนอนจะแย่ ทว่าไอ้ขาวลูกรักก็สตาร์ทไม่ติดเสียนี่

“ไม่เอาน่าไอ้ขาว อยากกลับบ้านแล้ว ไม่เล่นแบบนี้นะ” แม้จะพยายามสตาร์ทอย่างไรก็สตาร์ทไม่ติด ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกข้างคนขับ

“คุณคริษฐ์!” ไตติลานึกแปลกใจ ชายหนุ่มออกจากร้านไปพักใหญ่แล้วทำไมยังอยู่แถวนี้อีก

“รถเสียหรอ เปิดกระโปรงหน้ารถหน่อยได้ไหม?” ชายหนุ่มอายุอ่อนกว่าเลือกไม่ได้ เขาไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกแม้แต่น้อย

“อือฮือ”คริษฐ์ถึงกับอุทานเมื่อเห็นสภาพรถชัดๆ รอบตัวถังมีรอยแผลจากการชน จากความทรุดโทรมจากการใช้งานมากมาย

“เอาไปขับที่ไหนมา” ไตติลายิ้มเหย

“ไว้มีตังค์ก็จะซ่อมอยู่หรอกครับ”

“ตอนคุณลงไปเปิดไฟทิ้งไว้หรือเปล่า รถไฟหมดนะ มีสายจัมป์ไหม?”ไตติลาส่ายศีรษะ คริษฐ์นึกขัน ไม่มีหรือไม่รู้กันล่ะ

“คุณเห็นรถอัลติมาตรงนั้นไหม? นั่นรถผมช่วยเลื่อนมาใกล้ๆที….” คริษฐ์ยื่นกุญแจรถให้ ไตติลายิ่งนึกแปลกใจขึ้นไปอีก ว่าทำไมถึงไว้ใจคนที่เพิ่งรู้จักกันนัก

“อะ..เดี๋ยว อย่าชนนะครับ”  คนพูดพูดยิ้มๆ คนฟังได้แต่เม้มปากแล้วหลุบตาลงเล็กน้อยคล้ายกับจะซ่อนอารมณ์ไว้ ก่อนจะรับกุญแจไป

“เอาไอ้นี่ใส่รถให้ด้วยได้ไหมครับ?” คริษฐ์พูดพลางชี้ที่ปลายเท้าตัวเอง เป็นเบียร์แพคหนึ่งที่ทำหูหิ้วไว้พร้อม ไตติลามองหน้าคนไหว้วานด้วยดวงตาเป็นประกายวาว ทว่ายังทำสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะยอมหิ้วไปด้วยจนได้ 

“ไหนคุณว่าไม่มีสายจัมป์” คริษฐ์ว่าพลางลากสายออกมาจากกระโปรงหลัง เมื่อไตติลาเคลื่อนรถมาใกล้แล้ว

“ผมไม่ได้บอกว่าไม่มี”

“ก็คุณส่ายหัว”

“ผมบอกว่าไม่ได้เปิดไฟอะไรทิ้งไว้เฉยๆ” คนฟังหัวเราะเอ็นดู

“เอ้า ถือ!” มือใหญ่ยื่นขั้วสายจั๊มป์แบตส่งให้

“หนีบขั้วลบก่อน”ไตติลาลอบทำหน้าแหยงๆ ก่อนจะง้างหนีบเข้ากับขั้วแบตอย่างหวาดๆ

“เวลาหนีบก็หนีบขั้วลบก่อน เอาออกก็เหมือนกัน หัดไว้จะได้ทำเป็น” น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างผู้ใหญ่ใจเย็นทำให้ไตติลายอมฟัง

“เห็นไหม สตาร์ทติดแล้ว” ไตติลาถอนใจโล่งอก

“ขอบคุณครับ”คริษฐ์รับไหว้พลางอมยิ้ม

“กลับบ้านเถอะ ดึกแล้ว เดี๋ยวพี่ขับตามหลัง”


   ไตติลากลับเข้าอพาร์ทเม้นต์เจโดนสวัสดิภาพ เช่นเดียวกับเจ้าของอพาร์ทเม้นต์พี ไฟในห้องลอเรนยังสว่าง ไตติลาเกือบลืมไปแล้วว่าต้องคุยกับรูมเมทสาว เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ รูมเมทสาวไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ยกเว้นเรื่องกินไม่ล้าง  จัดว่าเป็นคนค่อนข้างสนิทเสียด้วยซ้ำ ทว่าไตติลาก็จำใจต้องตัดสินใจแบบนี้

“ลอเรน ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” ไตติลาพูดพลางเคาะประตู จนรูมเมทสาวเปิดประตูออกมา แม้จะค่อนข้างสนิทกันแต่ไตติลาก็ไม่เคยย่างเท้าเข้าไปในห้องเพื่อนหญิงคนไหนๆ  หรือต่อให้เกาะกรอบประตูคุยก็ไม่เอา เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง แม้จะเป็นเลสเบี้ยนก็ตาม

“มาเถอะไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่น”

“ติลาฉันขอโทษนะที่จ่ายค่าห้องไม่ครบมาหลายครั้ง แต่ว่าฉันไม่มีจริงๆ เลยไปขอยืมแม่ แม่ก็ไม่มีให้อีก  ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” ไตติลารับฟังเงียบๆ สังคมอเมริกันก็แบบนี้ เมื่อโตเป็นหนุ่มสาวก็แยกบ้านออกมาอยู่คนเดียว

“ก็เศรษฐกิจย่ำแย่ขนาดนี้ จะทำอย่างไรได้”

“ไม่รู้จะโดนเลย์ออฟกันอีกเมื่อไหร่”

“ลอเรนลองมองหาที่อยู่ที่อื่นดูดีไหม? ฉันไม่เร่งรัดลอเรนนะ ฉันจะลงประกาศหาเมทใหม่ ระหว่างที่ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา ลอเรนก็อยู่ไปก่อน เอาอย่างนี้ดีไหม?” ไตติลามองเข้าไปในรูมเมทสาว ทำไมเขาจะไม่เข้าใจหัวอก แต่เขาก็ต้องดำรงชีวิตอยู่เช่นกัน

“อืม  หรือถ้าไร้หนทางแล้วจริงๆ คงจะกลับไปอยู่กลับแม่สักพัก”  ลอเรนพูดเสียงแผ่วเบา ไตติลาไม่ได้อยากใจร้าย แต่เขายอมได้เท่านี้จริงๆเช่นกัน

“ขอบคุณนะ”

“อืม ลอเรนไปนอนเถอะ ดึกแล้ว”

   
   รูมเมทสาวกลับเข้าห้องนอนไปแล้ว อพาร์ทเม้นต์เจตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ไตติลาคลานขึ้นเตียงเมื่อเวลาตีสองกว่า  ลืมตามองเพดานอยู่นานช้าจึงยอมหลับตาลงได้  ในสมองกำลังปั่นป่วนครุ่นคิด จนข่มตาไม่หลับ จึงต้องพยายามทำให้สงบลงด้วยการสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่ไม่ใช่คนเคร่งศาสนาอะไร แต่ในเวลานี้บทสวดง่ายๆที่แม่บังคับให้ท่องมาแต่เล็ก เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยให้จิตใจสงบลงได้บ้าง ขณะที่เขากำลังจะหลับ เขาได้ยินเสียงคนเดินไปมาที่โถงทางเดิน ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู ได้ยินเสียงเพลงแจ๊สแผ่วเบา

Sometimes I wonder why I spend
The lonely nights dreaming of a song
The melody haunts my reverie
And I am once again with you
 
Though I dream in vain
In my heart it always will remain
My stardust melody
The memory of love's refrain

บางคราวตัวฉันเฝ้าสงสัย เหตุใดจึงเดียวดาย
ใช้ค่ำคืนโดดเดี่ยวพาฝันผ่านบทเพลง
ท่วงทำนองหลอนห้วงจินตกาล
ดังได้หวนคืนเคียงกาย

แม้ตัวฉันจักเฝ้าฝัน
ในดวงใจกลับเฝ้าเตือน
ด้วยท่วงทำนองชวนฝัน
นั้นคือเสี้ยวทรงจำแห่งรักไม่หวนคืน
Nat king cole
‘stardust’


TBC


มาต่อเร็ว เพราะว่าของสัปดาห์นี้เขียนเสร็จเเล้ว เย้เย~ ( เขียนนำอยู่สักสี่ตอนได้ค่ะ) อาทิตย์นึงเขียนประมาณตอนนึงได้ค่ะ

สำหรับเพลงประกอบ เเปลย๊ากกกกยาก ค่ะเลยเอาเท่าที่เข้าเค้าเเล้วกันนะคะ เหอๆๆๆ เวอร์ชั่น Nat king cole อาจจะเก่าไปสักหน่อยนะคะ มีนักร้องหนุ่มๆรุ่นใหม่มาร้องไว้เหมือนกัน เช่น พ่อปูเป้ (ไมเคิล บูเบล่) ลองฟังได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ

Stardust
ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะคะ
เจ้าของเสียงก๊อกเเก๊กในห้องไตติลาจะเป็นใคร  คุณคริษฐ์จะเริ่มออกตัวกับไตติลาไหม โปรติดตามตอนต่อไป (ชวนเชื่อสุดฤทธิ์ o18)

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z2: :z2: :z2:
อ่านแล้วชอบไตติลาจังตอนนี้ เหมือนเด็กเล็กๆที่ต้องการใครสักคนมาดูแล
แต่ขณะเดียวกันก็มีความเด็ดเดี่ยวเพื่อเอาตัวรอดไปด้วย
ที่ชอบที่สุด คือ ที่ส่ายหน้า อยากเข้าไปเห็นในเหตุการณ์ด้วยจัง อิอิ
แล้วจะรออ่านต่อนะเออ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ไตติลาน่ารัก

CaroL

  • บุคคลทั่วไป
ความหมายดีจังครับ เห็นด้วยอ่านแล้วรู้สบายๆเย็นๆ เรื่อยๆ
เป็นกำลังใจให้ครับ :man1:

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ไตติลา...เหงามั๊ยคะ?
คริษฐ์...เหงาเหมือนกันใช่ป่่ะคะ  หึ!!หาเอาใหม่เหอะเพ่..ติน่ะ..เราจองไว้ให้คุณดิสแล้ว  :laugh:
ชอบวิธีการเล่าเรื่องของคุณเมศจังค่ะ มันสื่ออารมณ์แบบต่าง ๆ ได้ชัดเจนดี  แล้วก็เข้าถึงความเหงาได้ดีมากด้วยค่ะ  สงสัยจะเหงาทุกวัน  มาค่ะ  กอดกันแน่น ๆ จะได้ไม่เหงา(แต่จะเปลี่ยนมาเขินกันแทน 555+)
+1 ขอบคุณค่ะคุณเมศ  :pig4:
ยังหวังว่าเสียงในห้องของติจะเป็นคุณดิสค่ะ  :-[

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
ไตติลา  ><
ดูเป็นคนน่าทะนุถนอมนะ ...
คุณคริษฐ์ ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีอ่ะ

อยากได้แฟนแบบนี้ !!!!!


pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
อืม... คริษฐ์กับไตติลาเข้าใกล้กันอีกนิดแล้ว
แต่แบบว่า.. ไม่เชียร์ได้ป่ะ ฮ่าๆๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
 :-[

แอบอ่านสับสนระหว่างไตติลากับ คริษฐ์ (เขียนยากจัง) ล่ะ

เขินจัง

แต่ชอบบ อิอิ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๔.๑

คริษฐ์จอดรถที่หน้าร้านอาหารร้านเดิมเพราะเป็นทางผ่านจากที่ทำงานไปที่พัก รสชาติอาหารก็จัดว่าอร่อยในราคาย่อมเยาว์ อาจเพราะเขามาบ่อยเสียจนพนักงานร้านจำได้ จึงทักทายคุยเล่นกันเป็นปรกติ ดวงตาคมกวาดมองพนักงานในเครื่องแบบเหมือนๆกัน ทว่าไม่เห็นไตติลา บางทีอาจจะมีเรียน เขายิ้มก่อนจะรับเมนูอาหารมาเปิดพลิกดู

“แหม คุณคริษฐ์มาบ่อยดีจังค่ะ ติดใจอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะเนี่ย?” เจ๊เจ้าของร้านวันนี้ออกมารับออเดอร์เองทัก คนฟังหัวเราะ

“ก็อาหารที่นี่อร่อยดีนี่ครับ”คริษฐ์สั่งอาหารแล้วนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างร้าน สักครู่อาหารร้อนๆก็มาถึงโต๊ะ

“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ขอทบทวนรายการอาหารนะครับ” คนพูดยกถาดอาหารวาง ทบทวนรายการอาหารด้วยภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อโดยไม่สนใจจะมองหน้าลูกค้าแม้แต่น้อย คริษฐ์เท้าคางมองแล้วอมยิ้ม

“ไง ลืมปิดไฟในรถหรือเปล่าวันนี้” ดวงตาวาววับที่วันนี้ถูกแว่นสายตากรอบหนาบังทอประกายคมปลาบแวบหนึ่งก่อนจะหลุบตาลงอึดใจ แล้วจ้องมองคนถามกลับไปบ้าง

“เปล่าครับ รายการอาหารครบแล้วนะครับ ขาดเหลืออะไรเรียกได้เลยนะครับ” ไตติลาพูดแล้วยิ้มมุมปากนิดหนึ่งเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะเดินกลับไปทำงานอื่นๆอีก

“เดี๋ยวสิ วันนี้เอาสมูธตี้สตรอเบอร์รี่นะ ขอท๊อปปิ้งเยอะๆ”ลูกค้าทำท่าใส่ท๊อปปิ้งประกอบ

“แหมน่ารักจริงๆเลย คุณคริษฐ์เนี่ย” เจ๊เจ้าของร้านเปรยอย่างปลื้มๆ

“น่ารักตรงที่เป็นลูกค้าประจำใช่ไหมเจ๊”

“แน่สิยะ”

“ฉันว่าเขาเป็นแน่เลยว่ะแก” เพื่อนสาวคนสนิทที่วันนี้มาทำงานด้วยกันรีบเสนอหน้าออกมาจากหน้าต่างห้องครัว

“เป็นอะไร Swine Flu หรอวะ”

“เป็นเก้งหนุ่มหรือกวางหนุ่มนะสิแก” เพื่อนสาวทำมือเป็นเขาบนศีรษะตัวเอง

“นั่นมันควาย” ไตติลาหัวเราะขัน ก่อนจะทำเมนูของหวานตามที่ลูกค้าสั่ง

“ตาถั่ว!”

“ยกไปเสิร์ฟเลยปะ” ไตติลาปัดให้เพื่อนสาวทำแทน

“แกนั่นแหล่ะไป” ไตติลายักไหล่ ก่อนจะยกออกไป แต่ยันไม่ทันพ้นเคาท์เตอร์เพื่อนสาวก็ดึงตัวไว้

“ระวังเก้งกวางกระโดดตัดหน้าเอานา”

“เพิ่งโดนชนมา ยังเสียหายอยู่เลย”

“แกยังทำใจไม่ได้อีกหรอวะ?” เพื่อนสาวลดเสียงเหลือเพียงกระซิบ

“เปล่า” ไตติลาตอบโดยไม่สบตา ก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง



คริษฐ์ละเลียดชิมของหวานพลางอ่านเอกสารงานของเขา การได้เปลี่ยนบรรยากาศออกมานั่งตามร้านอาหารไม่อุดอู้อยู่ที่ทำงาน หรืออยู่แต่ในห้องตัวเองทำให้หัวสมองแจ่มใสดีทีเดียว เขาจึงเลือกมานั่งที่นี้บ่อยๆ คราวละนานๆ อาจเพราะวันนี้ร้านคนไม่มากออกจะเงียบเหงาเสียด้วยซ้ำ จึงเห็นพนักงานร่างโปร่งลากเท็กซ์บุ๊คเล่มหนามานั่งเปิดอ่านข้างๆโทรศัพท์ด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ รับโทรศัพท์จดออเดอร์ด้วยภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ใครหลายคนน่าจะแอบอิจฉา อะไรก็ดีหรอก...เสียอย่างเดียวไม่ยอมยิ้ม

“อ้าว จะไปแล้วหรือคะ?” เจ๊เจ้าของร้านรีบถามทันทีที่คริษฐ์มาชำระเงิน ไตติลาเงยหน้าขึ้นมองครู่หนึ่งก็ก้มลงอ่านหนังสือต่อ

“ครับ วันนี้เหนื่อยๆ”

“แหม สุดสัปดาห์แล้วค่ะพรุ่งนี้พักผ่อน ชาร์จแบตไว้ทำงานต่อสัปดาห์หน้า” ไตติลาฟังๆแล้วนึกอยากมีสุดสัปดาห์กับเขาบ้าง

“วันเสาร์นี้คุณทำอะไรหรือเปล่า?”ไตติลาได้ยินเสียงคริษฐ์ แ ต่ไม่ยักมีใครตอบ จึงเงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนจ้องเขาเป็นตาเดียวราวกับรอคอยคำตอบ

“เอ่อ....ทำงาน....มั้งครับ”

“แย่จัง ผมกำลังหาคนไปช่วยเลือกของฝากส่งกลับเมืองไทย สงสัยต้องไปคนเดียวเสียแล้ว”

“แหม ถ้าเจ๊ว่าง เจ๊ช่วยก็ได้ค่ะ”

“ถามสามีเจ๊ก่อนดีกว่าม๊างง” เสียงใครแว่วๆมาจากในครัว เรียกเสียงฮากันครืน

“เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกครับ สมูธตี้อร่อยมากแล้วจะแวะมาทานอีกบ่อยๆ”


๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔

คริษฐ์จอดรถหน้าอพาร์ทเม้นต์ของตัวเอง ไขเปิดตู้ไปรษณีย์อพาร์ทเม้นต์พีตามปรกติ ห่อพัสดุระบุถึงตัวเขา ที่มาจากเมืองไทย ทำให้เขายิ้มกว้างขวาง เขารีบแกะมันออกทันทีที่ปิดประตูห้องลง นิตยสารฉบับหนึ่งที่ภายในมีโพสต์อิทแปะไว้ เขียนด้วยลายมือคุ้นเขียนข้อความสั้นๆ ‘ได้พิมพ์แล้ว แต่ยังไม่ใช่กระทิง’คนอ่านข้อความหัวเราะ ภาพภูเขาที่สลับซับซ้อนที่สีแสงแห่งธรรมชาติแต่งแต้มราวกับภาพวาด ภาพสัตว์ใหญ่น้อย และภาพต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาอย่างมั่นคงบนลำต้นตรงสูงตระหง่านกว่าต้นอื่นใด เพียงหลับตาลงจินตนาการ คริษฐ์ก็เห็นเจ้าของภาพ แหงนเงยมองต้นไม้สูงใหญ่นั้นจนคอตั้งบ่า ยกกล้องตัวเก่งขึ้นเก็บภาพ

“คิดถึง” เขารำพันออกมาแผ่วเบาราวฝากถ้อยความแขวนลอยไปในอากาศ

เขารีบตอบอีเมลล์นิทเชด้วยหัวใจเบิกบาน ทั้งที่รู้ ระยะนี้นิทเชคงจะไม่ได้เช็คอีเมลล์บ่อยนัก เพราะเจ้าตัวคงเดินท่อมๆเข้าไปในป่า ตามหาตัวโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย ความรู้สึกพองฟูในอกมันอัดแน่นจนยากเกินกว่าจะเก็บไว้คนเดียว เขาจึงเลือกโทรหาเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่ง

“เขาส่งนิตยาสารมาให้ดูว่ะ ว่างานเขาได้พิมพ์แล้ว เขาคงดีใจน่าดู”

“ก็เลยดีใจกับเขาด้วยสิ”ปลายสายหัวเราะ

“แน่สิ เขารอโอกาสนี้มาตั้งกี่ปี” คำตอบคือเท่ากับจำนวนปีที่คริษฐ์คบกันนิทเชนั่นเอง

“ช่วงนี้ได้คุยกับเชเขามั่งหรือเปล่า?”

“ไม่ค่อยหรอก เรางานยุ่ง เชก็คงจะยุ่งเหมือนกัน”

“กูขอเดาว่ามึงยังรักเขาอยู่”

“แน่สิวะ”

“ไอ้คริษฐ์ มึงตัดใจได้แล้ว”ปลายสายทำเสียงอ่อนใจ

“ทำไมวะ?” คริษฐ์ถามทั้งที่ร่องรอยของความสุขยังอ้อยอิ่งอยู่ในหัวใจ

“กูว่า เขามีคนใหม่แล้วว่ะ มึงตัดใจเหอะ”

“ว่าไงนะ?” คริษฐ์ถามอย่างไม่เชื่อหู หัวใจที่เคยพองคับอกกลับแปบพับลงโดยพลัน

“กูเห็นช่วงสิ้นเดือนเขาเข้ากทม. ไปกินข้าวกับไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้ หน้าตารกๆ พอดีกูไปเจอเขาพอดีเลยทักกัน”

“เพื่อนเขาหรือเปล่า?”

“เขาก็บอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานน่ะแหล่ะ แต่กูดูแววตาเพื่อนเขามองเขาแล้วกูว่ามันไม่ใช่ว่ะ” คริษฐ์พูดอะไรไม่ออก ถ้อยคำเหล่านั้นเหมือนระเหยหายไปสิ้น

“มึงเป็นไรไหมวะไอ้คริษฐ์” ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง

“หรอ....ก็ดีนะ อย่างน้อยนิทเชจะได้มีคนดูแล ไม่เหงา”

“อืมดูๆแล้วไอ้หนุ่มคนนั้น เขาคงไม่ใช่คนเลวร้ายหรอก”

คริษฐ์วางสายไปเมื่อไหร่เขาจำไม่ได้ ความรักของคนอยู่ไกลเป็นเช่นนี้เอง เหมือนเป็นแต่เพียงดาวเทียมที่หมุนรอบวงโคจร เฝ้ามองมาจากที่ไกลๆ ทำได้เพียงรับส่งสัญญาณแห่งความรักและคิดถึงเป็นบางครั้งคราว โดยไม่รู้ว่าผู้รับได้รับหรือไม่ หรือรับแล้วจะรู้สึกตอบสนองอย่างไร และไม่รู้ว่าตัวเองหลงทางในห้วงความรู้สึกของตัวเองไปถึงไหน ใกล้...เท่ากับระยะความรัก ทว่าไกล...ราวระยะของความรู้สึก

ชายหนุ่มบอกตัวเอง เขายังไม่ปักใจเชื่อเสียทั้งหมด นิทเชยังไม่เคยบอกเขา หรือส่งสัญญาณใดๆ ต่างยังพูดคุยกันปรกติ ชายหนุ่มคิด อยากได้ยินเสียจากปากนิทเชด้วยหูของตนเอง มันอาจเป็นเพียงเรื่องไร้สาระให้ฟังหูไว้หูเสียก็เป็นได้ คริษฐ์พยายามทำใจให้สงบ ทำราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่ในหัวใจกลับหาความสงบไม่ได้ เขาอยากจะคว้าโทรศัพท์โทรหานิทเชเสียให้รู้เรื่องแต่อีกใจก็ไม่กล้า เพราะอะไรนะหรือ....เพราะ ‘เรา’ ไม่ใช่เราสองคน แต่เป็น ‘ตัวเรา’ จนเมื่อเวลาล่วงเลยเกือบเข้าวันใหม่ โทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มจึงมีสายเรียกเขา เจ้าของเครื่องชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับ

“ครับ?”

“ดีกแล้วนะ ยังไม่นอนอีกหรือ?” เจ้าของเสียงสดใสยังเรียกรอยยิ้มให้เขาได้เสมอ ทว่าวันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆ หัวใจมันหวังและสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้านอนแล้วจะรับโทรศัพท์ได้ยังไง?”

“ละเมอละมั้ง”

“ภาพสวยดีนะ”

“ได้รับ เร็วจริง”

“ได้แล้ว ไปถ่ายคนเดียวหรอ?” ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ

“มีใครบอกอะไรหรอ?” คริษฐ์ฟังแล้วหัวเราะ ทว่าเสียงหัวเราะของตัวเองฟังดูแห้งแล้งกว่าทุกคราว

“ใครจะบอกอะไรมันสำคัญที่ไหน แค่ถามเฉยๆ เพราะเรา....ไม่ใช่ ‘เรา’ อย่างเมื่อก่อนแล้ว....จริงไหม?” คนที่ปลายสายเงียบไปได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจแผ่วเบา

“เชไปกับเพื่อน” คริษฐ์พลิกนิตสารเล่มในมือแผ่วเบา สายตาของเขาจับจ้องภาพๆนึง สัตว์ป่าสองตัวคล้ายกวางยืนเคล้าเคลียกันในหนองน้ำนิ่งๆ ท่ามกลางขุนเขาโอบล้อม ภาพดูสงบ และเป็นสุขยิ่ง

“เขารักเชหรือเปล่า?” คริษฐ์หลุดปากถามออกไป นิทเชทำเสียงราวกับคนจมน้ำ

“รัก”

“แล้วเชรักเขาหรือเปล่า?” อีกครั้งที่ปลายสายเงียบไป หัวใจคนถามเต้นอย่างคาดหวัง ทั้งที่เจ้าของหัวใจดวงนั้นเองก็ไม่แน่ใจ ว่าคาดหวังสิ่งใด

“ก็....รัก” คริษฐ์หลับตาลง ฟังน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับขาดความมั่นใจนั้น ชายหนุ่มพยายามอย่างยิ่ง ให้หัวใจตนเองไม่รู้สึกรู้สา

“หรอ ก็ดีแล้ว”


หากคริษฐ์คิดว่าการหลอกตัวเองให้หัวใจไม่เจ็บปวดนั้นสามารถทำได้ง่ายดายละก็ ชายหนุ่มคิดผิดถนัด เพราะหัวใจเขายังคงเต้นอยู่ในอกนี้ส่งผ่านพิษร้ายของความร้าวระบมไปตามร่างกายอย่างช้าๆ ทว่าน่าแปลกใจตรงที่ คริษฐ์ไม่มีน้ำตาให้หลั่งไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

TBC ๔.๒

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เงียบเหงา วังเวง โหลงเหลง โบ๋เบ๋
 :t3:


ตอนที่เเล้วมี stardust เป็นเพลง "ปลากรอบ" ไปเเล้ว

ตอนนี้มีเหมือนกันค่ะ  คิดว่า นักเขียนบางท่าน น่าจะมีอาการเดียวกันกับเมศเวลาขีดเขียน คือมันต้องฟังเพลง 55+

เพลงประจำตอน ๔ นี้คือ Give me strength : Snow patrol ลองฟังดูนะคะ

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเช่นเดิมค่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เรื่องนี้เหมือนเคยเป็นเรื่องสั้นที่ คุณภาณุเมศ เคยเอามาลงให้อ่านหรือเปล่า

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
^
^
^
จิ้มพร้อมตอบว่า ใช่ค่ะ เป็นการเอาเรื่องสั้นสองเรื่องมาขยายเป็นเรื่องยาวค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ กำลังตามอ่านอยู่นะ ชอบชื่อไตติลา แปลกดี
ขอบคุณค่ะ

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วเจ็บปวดเลย ก่อนหน้านี้สงสารนิทเชเพราะรู้สึกรับรู้ถึงความเจ็บปวดของนิทเชมากกว่าคริษฐ์
แต่มาวันนี้รู้สึกสงสารคริษฐ์มากๆเลยค่ะ อ่านจบแล้วใจหายวูบเลยแหละ  :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
น้ำตาตกเลยอะ ความรักมันช่างทำร้ายกันได้ลงคอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2010 20:38:10 โดย [N]€ẃÿ{k}uñĢ »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
:monkeysad: เหงาๆ เศร้าๆมากเลย...

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๔.๒


ไตติลายกกองหนังสือพิมพ์ภาษาไทยมัดใหญ่ลงจากรถตู้หลังจากยกของหนักขึ้นๆลงมาตลอดทั้งเช้า หลังไหล่ของเขากำลังร้องอุทธรณ์อย่างเงียบๆ ขณะที่ไตติลาบอกตัวเองว่าที่นี่เป็นแหล่งสุดท้ายแล้วสำหรับวันนี้ เขายกมัดหนังสือเดินตัวเอียงเข้าไปในร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง ทักทายกันพอเป็นพิธีก่อนจะกลับออกมาขึ้นรถตู้คันเดิม

“หมดแล้ว เหนื่อยไหม?” เพื่อนร่วมงานหญิงของเขาพูดขึ้น ต่างไม่ได้สนิทอะไรกัน เพียงแต่ทำงานด้วยกันไตติลาเป็นคนขนของ อีกคนเป็นคนขับอย่างเดียว

“ก็เหนื่อยครับ ก้มๆเงยๆ”

“เดี๋ยวพี่ปล่อยเราลงก่อนสองสามบลอคนะ” ไตติลามองหน้าคนขับแวบหนึ่ง

“ทำไมหรือครับ?”

“พี่จะแวะเอารถไปเติมน้ำมันก่อน” ไตติลาหลุบสายตาลงครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง

คำว่าสองสามบลอคของคนขับ อาจจะเป็นสองสามบลอคจากในความฝันของเจ้าตัว ทั้งที่เป็นฤดูหนาวไตติลาเดินจนเหงื่อซึม หลังจากถูกปล่อยลงเดินแล้ว ไตติลาโทรแจ้งนายจ้างว่าเพื่อนร่วมงานกำลังเอารถไปเติมน้ำมัน ส่วนเขากำลังเดินกลับไปเพื่อรับเงินค่าแรงตามปรกติ แถมขันอาสารับฝากซื้อแซนวิชเจ้าอร่อยที่คุยกันไว้ก่อนเขาจะขึ้นรถมาทำงานให้ด้วย ไตติลาทำเพราะท้องมันร้องหิวๆขณะเดินผ่าน และเป็นการป้องกันปัญหา เพื่อนร่วมงานของเขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน มันออกจะผิดปรกติสักหน่อย ไตติลาจึงเลือกที่จะไม่เสี่ยง เพราะจากประสบการณ์การ การโดนใครสักคนหักหลัง ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมันเจ็บทั้งนั้น ...ใช่แล้ว ไตติลาบอกตัวเอง...เขาก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร

“จะหอบแซนวิชไปกินที่ไหน?”ไตติลาที่กำลังผลักประตูร้านออกไปสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงใครสักคนถามขึ้นจากข้างหลัง

“ช่วงนี้เจอกันบ่อยจริง คุณคริษฐ์”

“นั่นสิ ไม่เห็นสวัสดีพี่สักคำ” คริษฐ์ถามยิ้มๆ เขามักรู้สึกสนุกเล็กๆที่เห็นแวบตาคู่นั้นเปลี่ยนไปตามความคิดในหัวของไตติลา

“สวัสดีครับ วันนี้หน้าตาคุณดูไม่สบายเลย” คริษฐ์รีบยกมือลูบหน้า จะไม่เหนื่อยได้อย่างเรา เขานอนไม่หลับเลยมาตลอดทั้งคืน จนสุดท้ายก็ทนอุดอู้ไม่ไหว ขับรถเรื่อยไปจนแวะหาอะไรกินพออิ่ม แล้วบังเอิญเจอคนหน้าตาคุ้นเคยเขาในร้านนี้

“เดี๋ยวไปไหนต่อหรือเปล่า?”

“อ้อ เดินกลับไปที่ทำงานก่อนครับ แล้วก็เอารถขับกลับบ้านแล้ว”

“ไปรถพี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเดิน” คริษฐ์สังเกตุเห็นไตติลาเม้มปากน้อยๆ คล้ายกำลังตัดสินใจ

“แต่ได้เดินๆเสียบ้าง หายใจสะดวกดี”

“พูดจาเหมือนคนแก่ ไปเร็วเข้า เดี๋ยวโดนทิกเก็ตต้องช่วยหารนา” คริษฐ์พูดพลางดันหลังไตติลาจนยอมขึ้นรถจนได้

ไตติลาแวะที่ทำงานครู่หนึ่งก็กลับมา คริษฐ์มองไตติลาในรถของตนเอง คริษฐ์ให้นิยามไตติลาว่าหนุ่มน้อยเพราะร่างโปร่ง และนัยน์ตาเข้มแข็งของเจ้าตัวที่ทอประกายกล้า ไตติลากำลังกัดแซนวิชในมือขณะรอข้ามถนน พลางมองปึกเงินตัวเองเหมือนนับคร่าวๆ ก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ให้ลึกที่สุด ร่างโปร่งนั้นก้าวขายาวๆไปที่รถของตนเอง ที่จอดข้างๆกันนี้

“ไม่รีบไม่ใช่หรือ? ไปเที่ยวด้วยกันหน่อยสิ” คริษฐ์รีบลดกระจกฝั่งตนเองลง

“ทำอย่างกับจะอ๊อฟเด็ก”ไตติลาพึมพำลอบยกยิ้มขัน

“ว่าไงนะ?”

“คุณคริษฐ์จะไปไหนล่ะครับ?” ไตติลาเงยหน้าขึ้นถาม คนตอบกลับนิ่งนานก่อนจะตอบ

“ไม่รู้สิ” ดวงตาที่เคยมีประกายแจ่มใสวันนี้โรยราอ่อนแสงกว่าปรกติเช่นเดียวกับสีหน้า ที่เผือดกว่าทุกครั้งที่เห็น ไตติลาบอกตัวเองเข้าข่ายกลุ่มอาการ คนอกหัก

“จะไปกับพี่ไหม?”

“ไปไหนล่ะครับ”

“ถ้าบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน จะยังยอมไปด้วยหรือเปล่าละครับ?” น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลนั้นติดจะอ้อนอยู่ ในที

“ไปก็ได้ครับ” คนตอบทำเสียงอ่อนล้อเลียน ก่อนจะยอมสะพายกระเป๋าย่ามใบเล็กของตัวเองไปขึ้นรถ

ชายหาดในฤดูหนาวเงียบสงบด้วยเพราะลมเย็นเฉียบที่พัดสู่ฝั่งตลอดเวลา หาดทรายที่มักคับคั่งในฤดูหนาวจึงเงียบเชียบ ชายหนุ่มสองคนเดินไปตามหาดทรายอย่างเงียบๆ ไตติลาสวมฮู้ดดี้ตัวเก่งยกหมวกขึ้นสวมกันลมเย็นๆ แล้วก้มลงถอดรองเท้าออกมาตบๆเคาะเม็ดทรายออกจากรองเท้า คริษฐ์เดินไปบนผืนทรายล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวนอก ดวงตาคู่นั้นกำลังเหม่อมองออกยังทะเลกว้างปล่อยหัวใจล่องลอยไม่สนใจกับสิ่งใด รอบกายสงบมีเพียงเสียงลมและคลื่น ท้องฟ้ายามบ่ายคล้อยกลับไม่เป็นสีฟ้าสดใส มีเมฆขาวเบาบางลอยปะปน

“แหม เห็นแล้วอยากกินไอติม” ไตติลาเปรย

“หา?”

“เมฆ เหมือนไอติมละลาย เห็นแล้วอยากกิน”

“ หนาวอย่างนี้นะหรอ?” คนฟังยิ้ม กอดอกตัวเองมองเส้นขอบฟ้าไกลลิบๆ

“คุณคริษฐ์เชื่อไหม หน้าร้อนนะวันพีซ ทูพีซ เดินกันให้ขวัก”

“มาดูบ่อยหรือไง?”

“ไม่ได้ตั้งใจมาดูหรอก แค่ตื่นมาแล้วมันเห็นเอง” คนพูดหันมองคอนโดหรูด้านหลังแว๊บหนึ่ง

“อ้อ แปลว่ามาค้างแถวนี้บ่อย”

“คงไม่ได้มาบ่อยๆแล้วล่ะครับ”ทั้งคู่เงียบฟังเสียงคลื่นลมรอบกาย

“แต่พี่ว่าทะเลที่ไหนก็ไม่สวยเท่าทะเลบ้านเรา” คนพูดเอ่ยด้วยเสียงระโหย

“อืม แต่สิ่งที่ทะเลมีเหมือนๆกันคือคลื่นลม มันพัดเข้ามาเสมอแรงบ้างเบาบ้างไปตามเรื่องตามราว แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะผ่านไป” ไตติลาพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูเป็นการเป็นงาน ก่อนจะต่อ

“แต่ถ้าแรงมากๆเขาเรียกทสึนามิ” คริษฐ์ขมวดคิ้วหันมามองคนพูดอย่างคนขัดอารมณ์ ก่อนจะนั่งลงกับผืนทราย

“กลับเข้าเรื่องแล้วว่าต่อไปสิ”คริษฐ์สั่ง

“หัวใจคนเหงาก็เหมือนทะเลหน้าหนาว เวิ้งว้างเงียบเหงา บางคนว่ามันไม่สวย ไม่ครื้นเครงเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกของหน้าร้อน แต่ผมว่ามันเงียบสงบดี เงียบพอที่จะได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง คุณคริษฐ์ลองฟังดูสิ ดูสิว่าคุณได้ยินมันไหม?เอ้า! หลับตาด้วย จะได้ไม่เห็นอะไรให้วอกแวก”

“แวะมาปลงตกแถวนี้บ่อยๆล่ะสิ” คริษฐ์พูด ก่อนจะหลับตา ปลายจมูกเริ่มเป็นสีแดงจากอากาศเย็น เขานิ่งฟังเสียงคลื่นลมทั้งที่อากาศหนาวจับใจ ทว่ามันสงบจริงอย่างที่ไตติลาว่า เมื่อลองได้พิจารณาเรื่องราวของตนเองดูอย่างมีสติแล้ว ความหม่นหมองเจ็บร้าวใดๆกลับละลาย ไม่ใช่หายไปในชั่วกระพริบตา แต่เบาบางลงจนหัวใจที่เคยหนักอึ้งกลับเบาลง

คริษฐ์ลืมตาขึ้น แสงอาทิตย์สุดท้ายของวันแตะแต้มที่ขอบฟ้า วันเวลาดูเหมือนจะผ่านไปเร็วกว่าที่เขาคิดไว้ ชายหนุ่มหันไปมองคนที่นั่งข้างกัน ไตติลานั่งขัดสมาธิบนหาดทราย ดวงตาคู่สวยเป็นประกายด้วยแสงของดวงตะวันยามลาลับมองจับจ้องที่เส้นขอบฟ้า คริษฐ์นึกอยากรู้ความคิดเบื้องหลังสายตาคู่นั้น ทว่าไม่กล้าถาม

“เย็นแล้ว กลับเถอะครับ ผมอยากอาบน้ำอุ่นๆจะแย่แล้ว” คนพูดๆพลางผุดลุกขึ้นยืน

“ถ้าวันนี้ เป็นวันที่คุณรู้สึกว่ามันเลวร้ายละก็ ผมว่า กลับบ้านอาบน้ำอุ่นๆแล้วเข้านอนเร็วสักหน่อย ให้เวลาของวันที่เลวร้ายผ่านไปเร็วขึ้นอีกนิด ก็ดีเหมือนกันนะครับ”ไตติลาหันมาสบตาก่อนจะยิ้มกว้างขวาง รอยยิ้มนั้นทำให้คนมองรู้สึกเต็มตื้นได้อย่างน่าประหลาด

“อืม”

คริษฐ์พูดสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่านี้ อาจเพราะคลื่นลมทะเลได้หอบพัดความขุ่นมัวให้เจือจาง เปลี่ยนให้มิตรภาพบางๆทักทอสายใยปกคลุมหัวใจ



TBC

ใกล้จะเปิดเทอมเเล้ว เค้าดองเริ่มจะมา
 :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งจะเห็นมุมอบอุ่นของไตติลา เหงาแต่ก้อเข้มแข็งได้  o13
เอาใจช่วยคุณคริษฐ์ให้หายเจ็บไวๆ แต่... ก้อยังไม่เชียร์ให้คู่กับไตติลาอยู่ดี 555+
 :เฮ้อ: นิทเช

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อย่าเพิ่งดองได้ไหม กำลังติดเลยอ่า

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งอ่านจบหน้าสองค่ะ แล้วกำลังอินอย่างสุดๆ  น่าเสียดายมากนะคะ ถ้าเรื่องนี้ปล่อยให้ถูกค้างนานๆ
ไรท์เตอร์อย่าเงียบหายไปหลายวันนะ
อยากให้คริสต์กับไตติลา รักกันเร็วๆ
แต่คงต้องเจอกับความเจ็บปวดใช่มั้ยล่ะ

ดูท่าแล้วจะดราม่านะ ทุกตัวละครเลย

รีบมาต่อนะ

รออยู่จ้า^^

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านทันทุกตัวอักษรแล้ว คุณเมศ ยังเขียนได้ดีเหมือนเรื่องที่ผ่านๆ มาเลย บางประโยคโดนใจอ่านแล้วนั่งคิดตามเลยด้วยซ้ำ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ปล. เรื่องมันจะเศร้าสลดมั้ยอะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
ไตติลา พูดไรแบบนี้ทีเล่นทำต้างไป พักเลยทีเดียว
คิดแล้วอยากไปทะเลลลลลลลลลลลลลลล ไปลองบ้าง

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
อ่านสองตอนรวด  ขยันมากค่ะคุณเมศ
ขอเมนท์ตอนที่แล้วหน่อยนะคะ
คริษฐ์...บอกแล้วว่าไม่ต้องรอนิทเช  ถ้าลองบอกให้มองใครซักคนดูบ้าง  ร้อยทั้งร้อย  มันไม่รู้สึกรักแล้วชัวร์(ประสบการณ์ตรง...เคยมาแล้ว55+)
เจ็บ...แต่ไม่มีน้ำตา  ทรมานนะคะคริษฐ์...หาใหม่เถอะค่ะ  การรักใครซักคนมันทำให้เราลืมความเจ็บได้ชะงักเลยนะคะ
แต่...อย่า  มา  หลี  ไตติลาของคุณดิสเด็ดขาด!!!! รายนั้นเค้ารอติจนลมหายใจสุดท้ายเลยนะคะ  อย่ามาแย่งนะ  :beat:
ตอนนี้..ไตติลาน่ารัก เข้าใจเปรียบเทียบนะคะ  ชอบสำนวนการเขียนฉากแสดงอารมณ์ของคุณเมศจังค่ะ  มันเหงาได้ถึงก้นบึ้งดี
ส่วนประโยคนี้...
คริษฐ์พูดสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่านี้ อาจเพราะคลื่นลมทะเลได้หอบพัดความขุ่นมัวให้เจือจาง เปลี่ยนให้มิตรภาพบางๆทักทอสายใยปกคลุมหัวใจ
ถักไปคนเดียวเถอะย่ะ  :angry2:
+1ขอบคุณคุณเมศและเป็นกำลังใจ(ในการดอง กร๊ากกกกก)ค่ะ
 :pig4:

CaroL

  • บุคคลทั่วไป
นิทเช ทำไม่ทำกับคริษฐ์แบบนั้นล่ะครับ ไม่น่ารักเลยยยย ฮือ ๆ :o12: :sad4:

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๕.๑
   
   เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ที่รูมเมตคนใหม่ย้ายเข้ามา  เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยใกล้ๆนี้ ไตติลายังไม่คุ้นเคยด้วยมากนัก  วันนี้อพาร์ทเม้นต์เจเงียบเหงา เพราะรู้เมตคนหนึ่งคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกพักใหญ่  ส่วนอีกคน เขาไม่แน่ใจนักว่าอยู่เหรือเปล่า เพราะมักเข้านอนเร็ว ไตติลารินผสมน้ำอุ่นใส่แก้วใบใหญ่ของตนเอง วางไว้บนเคาท์เตอร์ในครัว ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง หยิบสมุดหนังสือออกมา เขามองไปที่เคาท์เตอร์ แก้วน้ำของเขาหายไปแล้ว มันวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวแทน ไตติลาเอียงคออย่างสงสัย บางทีเขาอาจจะเบลอๆ  จนนึกว่าเอาแก้ววางไว้บนเคาท์เตอร์ก็เป็นได้

“ติลา ติลา” เสียงทุ้มที่ไตติลาเริ่มเคยคุ้น เคาะประตูอพาร์ทเม้นต์เจ ก่อนจะโผล่หน้าทางกระจกบานเกล็ดหน้าประตู

“พรุ่งนี้ว่างไหม?” คริษฐ์รีบถามทันทีที่เจ้าของห้องเปิดประตูต้อนรับ

“ทำไมหรือครับ?”

“จะชวนไปดูหนัง”

“ไม่ได้หรอกครับ พรุ่งนี้ผมไม่ว่างจนถึงร้านปิดก็เที่ยงคืน”

“แย่จริง” คริษฐ์ทำหน้าเศร้า ไตติลาเห็นแล้วก็อมยิ้ม ผู้ชายตัวโตๆบทจะทำใจน้อยก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ

“ช่วงนี้ ไม่ค่อยว่างเลยหรือ?”

“ผมเพิ่งได้ทำงานอาสาที่โรงพยาบาล กำลังวุ่นๆเลย ไหนจะงานอาสาสมัคร ไหนจะโรงเรียน ไหนจะงานจับฉ่ายหลายอย่างอีก ทำไมคุณคริษฐ์ไม่ลองชวนเพื่อนที่ทำงานสักคนไปเที่ยวกันล่ะครับ”

“ก็คงดีกว่าถ้าจะไปเที่ยวกับคนที่รู้ใจ จริงไหม?” คนพูดมองมาด้วยสายตาที่ทำให้ไตติลากลัว....ไตติลากลัว ว่าบาดแผลในอกที่เริ่มจะเยียวยา จะถูกซ้ำรอยเดิมเข้าอีก

“นี่ดึกแล้วนะครับ คุณคริษฐ์ยังไม่นอนอีกหรอครับ?”

“อยากมาคุยกับติลาก่อน” ไตติลามองคนพูดอย่างรอคอย มาคุยก็แปลว่าต้องมีเรื่องคุย

“ครับ?”

“ติลาได้พักบ้างหรือเปล่า ดูเหนื่อยมากเลย”  ไตติลาลอบคิดในหัว ว่าไม่ใช่แค่ดูเหนื่อย แต่เข้าข่ายทรุดโทรมเลยก็ว่าได้

“ช่วงนี้อ่านหนังสือเตรียมสอบครับ แล้วยังสารพัดกิจกรรมอีกเลยเหนื่อยๆ” คริษฐ์เอื้อมมือมาแตะข้อศอกเพียงแผ่วเบา

“พักเสียบ้างนะ ไม่สบายไปจะแย่เอา ร่างกายน่ะ ไม่ได้เป็นเหล็กไหล มีอะไรก็บอกพี่ได้ พี่พร้อมจะช่วย” น้ำเสียงทุ้ม ดวงตาอ่อนโยนนั้นยามทอดทอมาสบทำให้หัวใจไตติลาหวั่นไหว 

“ครับ”

“เอาล่ะ งั้นพี่ไม่กวนแล้ว อ้อ จริงสิ พรุ่งนี้กลับมาแล้วแวะห้องพี่แป๊บสิ”

“ทำไมหรือครับ?”

“ความลับ มาเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก” เมื่อเห็นไตติลายังไม่ยอมตอบรับ จึงรบเร้า

“น๊ะ?” ไตติลาคลี่ยิ้มบางก่อนจะตอบรับ

“ก็ได้ครับ”

   คริษฐ์กลับไปแล้ว ไตติลาอ่านหนังสือที่โต๊ะกินข้าวในครัวเงียบๆ เวลาค่อยๆเคลื่อนผ่านไป  แว่วเสียงกีต้าครวญเพลงแผ่วเบา เสียงต่ำสูงของท่วงทำนอง ทำให้ไตติลาอดเงี่ยหูฟังไม่ได้ เสียงเพลงชวนให้เขาผ่อนคลาย  ร่างโปร่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้ ประสานมือทั้งสองไว้บนหน้าท้อง หลับตา ถอนหายใจ  เสียงเพลงเบาๆของอพาร์ทเม้นต์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นอพาร์ทเม้นต์แบบเปิดโล่ง เสียงจากห้องอื่นมาถึงได้ บางคราวห้องชาวฟิลิปปินส์ชั้นล่างก็จะชวนกันมาร้องเพลงในช่วงสุดสัปดาห์บ้าง ไตติลาไม่เคยนึกรำคาญหากเป็นเพลงที่ไม่บาดหูนักและไม่ผิดเวลาจนเกินไป ความเหนื่อยล้า ค่อยทำให้ไตติลาเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา

“อย่ามานอนแถวนี้” ในความฝัน ไตติลาได้ยินเสียงทุ้มติดจะห้าว พูดเพียงกระซิบที่ริมหู  รู้สึกถึงปลายนิ้วที่เกี่ยวพันเส้นผม  ความรู้สึกนั้น เหมือนจริงเกินกว่าจะเป็นฝัน ไตติลาสะดุ้งตื่นขึ้น ยกนาฬิกาขึ้นดู เวลา...เดินไปอย่างช้าๆ จนล่วงเข้าสู่วันใหม่เสียแล้ว

“บ้าชิบ” ร่างโปร่งรีบหยิบเก็บของกลับเข้าห้องตน เพื่อเข้านอนทั้งที่ในหัวใจ มันวิบโหวงอย่างบอกไม่ถูก


   ยามเช้ามาเยือนแล้ว ทว่าไตติลากลับนอนทรมานอยู่บนเตียง ร่างโปร่งบางนั้นขดกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ด้วยเพราะอาการปวดท้องที่นับวันจะรุนแรงขึ้น ไตติลาไม่ค่อยชอบพบหมอ แต่ทว่าครั้งนี้รุนแรงจนเกือบสุดจะทน ไตติลามองนาฬิกาบอกเวลายามเช้าที่เช้าเกินไปสักหน่อยสำหรับวันสุดสัปดาห์ เขาพยายามข่มตาหลับลงอีกครั้งพลางคิดไปถึงนัดหมายพบหมอครั้งต่อไป ไตติลาพบแพทย์ที่คลินิกของโรงเรียนแล้ว ทว่าผลการตรวจร้ายแรงเกินกว่าคลินิกจะรักษาได้ จึงถูกส่งต่อให้โรงพยาบาลในเครือเดียวกัน

“อดทน...อดทน” ไตติลา ทำได้แต่เพียงท่องเอาไว้จนหลับไปอีกครั้ง พร้อมกับสัมผัสอุ่นๆราวกับมีมืออันอบอุ่นลูบไล้หลังไหล่ด้วยหวังจะประโลมหัวใจ

๕๕๕๕TBC๕๕๕๕๕๕


เริ่มจะกลิ่นเปรี้ยวๆเเล้ว ทำไงดี เหอๆๆๆๆ

ปล.อ่านครึ่งหลับเตรียมยาดมไว้ด้วยนะคะ เหอๆ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ว้ายยยย :z13: ทะลวงแทงคุณเมศอย่างรุนแรงอ่ะ555+
คุณคริษฐ์...พยายามมากไปมั้ย?  หืม...เรียก 'ติลา' เลยเหรอเนี่ย  ติน่ะเค้าจองให้คุณดิสนะ!!!!
คนที่ย้ายแก้วน้ำต้องเป็นคุณดิสแน่เลย...โผล่มาซะทีสิคะ  มันล่วงเลยถึงบทที่  5 ไปแล้วนะคะ
เดี๋ยวก็ตามไม่ทันคริสตี้  เทอร์ลิงตัน(ขอโทษนะคะคุณคริษฐ์...กลายเป็นนางแบบไปเรย555+)หรอกค่ะ  รายนั้นเค้าเทียวไล้เทียวขื่อติลาอยู่นะคะ
ติเป็นโรคกระเพาะรึเปล่าคะ?  ปวดรุนแรงขนาดนั้นมันต้องพบแพทย์แล้วนะ
ค้นกระเป๋าหายาดมก่อนจะได้อ่านครึ่งหลัง 
...เจอแต่กระดาษทิชชู่ใช้แล้วอ่ะ  :laugh:
+1 เป็นกำลังใจในการเขียนค่ะ
 :pig4:

ปล.คุณเมศขู่เฉย ๆ ใช่มั้ยคะ  ไม่ดองจริง ๆ ใช่มั้ยคะ  :monkeysad:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
คริษฐ์เต็มตัวแล้วมั้งเนี่ย เฮ้อ จริงๆมันก้อดีเนอะกับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ว่าแต่ ตาคนที่ผลุบๆโผล่ๆนี่เป็นใครเนี่ย ออกมาแสดงตัวด่วนค่ะ

ขอไปเตรียมยาดมก่อนนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด