อะกาลิโก..รักไร้กาล
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อะกาลิโก..รักไร้กาล  (อ่าน 64584 ครั้ง)

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะโอ 3...เศร้า
เริ่มมาถึงคิวดราม่าแล้ว ฮือ
รอเชียร์อยู่ข้างสนาม
เอิ่ม เม้นนี้อาจเพี้ยนๆ ไปและ ฟิ้ว- ฉึบ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๗.๒


ใครเคยมีปมในวัยเด็กบ้าง?....ไตติลาคนหนึ่งละที่มีปมเล็กๆปมหนึ่งฝังอยู่ในใจ  เมื่อสมัยไตติลายังเป็นเด็กเล็กๆ เมื่อเวลาเลิกเรียนมักต้องรอพ่อให้มารับทุกวัน เด็กทุกคนนั่งเรียงแถวกันจนกว่าผู้ปกครองของตนเองจะมา  เด็กน้อยไตติลาในเวลานั้น มักมีความสุขเสมอที่เมื่อต่อแถวออกจากห้องเรียนแล้วพบพ่อยิ้มกว้างขวางรอรับ  จนวันหนึ่งที่ไตติลารอแล้วรอเล่า  แต่ละนาทีล้วนผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวชั่วโมง  การรอคอยที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดนั้นทรมานหัวใจอย่างยิ่ง  จนเมื่อเห็นใบหน้าคุ้นตาของพ่อ ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว  ความรู้สึกในเวลานั้นมักแผดเผาหัวใจไตติลาเสมอมา เมื่อโตขึ้นมา เขาจึงเกลียดชังต่อการรออย่างไม่มีที่สิ้นสุดนัก  เช่นเดียวกับในยามนี้ ไตติลามาถึงห้องสมุดเล็กๆแห่งหนึ่งในเวลาก่อนเที่ยง นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ใกล้กับประตูทางเข้า เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ว่าใครจะผ่านเข้าออกจะเห็นเขาแน่นอน

   เข็มนาฬิกายังทำหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงตรงเสมอ เลยเวลาเที่ยงมาพักใหญ่แล้ว ไตติลาเงยหน้าขึ้นมองทุกครั้งที่ประตูเปิด ทว่าไม่ใช่คนที่รอคอย ในหัวสมองกำลังปั่นป่วนไปด้วยเหตุผลต่างๆที่อาจเป็นไปได้ ของการที่คริษฐ์ยังมาไม่ถึง รถติด รถเสีย ไม่สบาย อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ....นิทเช  ไตติลารวบรวมความอดทนให้ตัวเองอีกครั้งอย่างเงียบๆ  ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความอดทนของไตติลายิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จนเกือบจะหมดสิ้น  มือนวลนั้นคว้าโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นเตรียมจะโทรออก  แต่บางอย่างในหัวใจกลับร้องห้าม

‘ถ้าเขาจะมา เขาก็มาเองแหล่ะ’ ทว่าอีกใจกลับขัดแย้ง

‘เขาไม่มาหรอกติลา  ไม่เห็นหรือว่า หลักฐาน เต็มห้องออกอย่างนั้น’

‘เขาต้องมาสิ คุณคริษฐ์ ต้องมา เพราะว่า ติลา...ยังคอย’

‘แน่ใจได้อย่างนั้นเชียว ไตติลาสำคัญอะไรนักกับคุณคริษฐ์หรือ?’ ไตติลานิ่งคิด ให้ความกระวนกระวายเผาผลาญหัวใจต่อไปอย่างเงียบเชียบ

   ใกล้จะตกเย็นไตติลานั่งอ่านหนังสือต่อไป ทั้งที่ตัวหนังสือนั้น เป็นเพียงภาพเงาเลื่อนลอยอันห่างไกล มือข้างหนึ่งกำโทรศัพท์มือถือของตัวเองไว้แน่นโดยไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยวาง  ห้องสมุดที่เคยมีคนทุกเพศทุกวัยในยามนี้เริ่มว่างเปล่าและเงียบงัน ริมฝีปากบางนั้นเม้มแน่นเข้าราวกับจะรีดเค้นเอาความอดทนออกมาจากทุกอณูกาย  ยิ่งนานเข้า ความอึดอัดในอกนั้นยิ่งสุมทวี  กระบอกตานั้นร้อนผ่าวราวกับจะเผาไหม้ทว่าน้ำตายังไม่ยอมหยาดหยด 

   พอแล้ว!! พอกันที!! ร่างโปร่งนั้นลุกพรวดขึ้น กวาดมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาแดงจัด ความอัดอั้นที่แน่นอยู่ในอกจนยากแม้แต่จะหายใจนี้ ทำให้ไตติลานึกอยากจะทำลายล้างอะไรก็ตามตรงหน้าเสียให้สิ้น ร่างนั้นหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะก้าวยาวๆแทบเป็นวิ่งออกไปนอกห้องสมุดเล็กๆแห่งนั้น  ที่เคยนึกชอบใจบรรยากาศสบายๆน่านั่ง  ท้องฟ้าขุ่นมัวด้วยอากาศที่แปรปรวนนั้น กำลังครวญคำราม ก่อนฝนเม็ดใหญ่ จะลงเม็ด   เม็ดฝนเย็นเฉียบตกกระทบร่างที่เดินฝ่าสายฝนอย่างไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใดนั้นไม่อาจทำให้ไฟที่สุมในอกบรรเทาลงได้  ไตติลาที่ตัวสั่นไปหมด ด้วยเพราะอะไรก็ตามแต่ หัวเสียหนักขึ้นอีก เมื่อไม่สามารถไขเปิดรถตัวเองได้ตามที่ตั้งใจ   จนเผลอระบายอารมณ์กับสิ่งไม่มีชีวิตอย่างรถยนต์เข้าความรู้สึกเจ็บแล่นปราดขึ้นมาทันที ทำให้ร่างนั้นหยุดนิ่งลงในที่สุด  ก่อนเจ้าของรถจะไขกุญแจอีกครั้งอย่างเบามือ ก่อนจะนั่งประจำที่ด้วยหัวใจที่ไม่ได้ร้อนดั่งไฟสุมเช่นเมื่อครู่  หากคล้ายจะเย็นชา ด้วยเพราะความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านจนหัวใจไตติลาไร้ความรู้สึกใดๆ   ในวินาทีนั้นเอง ไตติลาระลึกได้แล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคริษฐ์คืออะไร มันสามารถบรรยายได้ด้วยคำเพียงสามคำ ‘ Friend with benefit’

๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗



   ท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบของอพาร์ทเม้นต์พีที่เงียบราวร้างผู้คนด้วยเพราะเวลาดึกสงัด  นิทเชนั่งมองผู้ชายคนหนึ่ง ที่คุ้นหน้าคุ้นใจเขามานานปี ชายคนนั้นกำลังชงกาแฟในห้องครัว  ความสูงนั้นยังคงเจนตานิทเช พอๆกับโครงหน้าที่รับกับแว่นสายตาของเจ้าตัว  นิทเชยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจก่อนจะรับกาแฟที่เจ้าของห้องชงให้  รสชาติของมันไม่ผิดเพี้ยนไปจากเก่าก่อนแม้แต่น้อย รสชาตินุ่มนวลและหวานติดปลายลิ้น  ขณะที่หากนิทเชเดาไม่ผิด ในแก้วของคนชง รสชาติของมันจะเข้มจัดอย่างกาแฟที่ไม่เคยเต็มสิ่งใดเลย

“มาฉุกละหุกอย่างนี้ มีอะไรหรือ?” แม้น้ำเสียงจะราบเรียบคุ้นหู ทว่านิทเชรู้สึกได้ถึงความเย็นชา

“เชแวะมาเยี่ยม”

“มาทำอะไรหรือ?” นิทเชจิบกาแฟในแก้วอีกครั้ง รสชาติของมันยังเหมือนเดิมไม่มีผิด

“มาทำงานน่ะ  คริษฐ์ดู....แปลกไปนะ” สายตาเบื้องหลังกรอบแว่นนั้นจับจ้องราวกับจะทะลุทะลวงคนตรงหน้า

“อย่างนั้นหรือ?  แล้วเช คาดหวังว่าจะเห็นอะไรล่ะ?” นิทเชหลุบตามองต่ำ ยกกาแฟอุ่นๆในแก้วขึ้นจิบอีกอึก คราวนี้ รสชาติของมันกลับแผกไป ความนุ่มนวลและรสหวานที่เคยติดปลายลิ้นหายสิ้น เหลือเพียงความข่มจางๆ

“เปล่า  เชเพียงแต่รู้สึก” ความรู้สึก อึดอัดบางอย่างกลับมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้คนทั้งคู่เงียบงัน

“เด็กคนที่เชเจอ ใครหรือ?”

“อยากรู้ไปทำไม?”

“เช แค่อยากจะรู้” นิทเชมองสบสายตาที่มองตรงมาแน่วนิ่ง คราวนี้เขาแน่ใจแล้ว ว่าความรู้สึกแปลกนั้น เป็นของจริง  ชายตรงหน้านี้ ไม่ใช่คริษฐ์คนเก่าที่เขารู้จัก

“แค่เด็กขี้เหงาคนหนึ่งเท่านั้น”

“คริษฐ์!”

“ทำไมหรือนิทเช เธอมีปัญหาอะไรกับธุระของฉัน!?” คริษฐ์มองดวงหน้าคุ้นใจนั้น เค้าความอ่อนโยนในดวงตาคู่นั้น จางหาย

“เช เธอย้ำฉันเองนะ ว่า ‘เรา’ ไม่ใช่ ‘เรา’ อย่างเมื่อก่อน”    

“นั่นสินะ ผมนี่ช่างโชคดีเหลือเกิน”

“เธอจะพูดอะไร?”

“โชคดีของผมเหลือเกินแล้ว ที่ไม่ต้องอยู่กับคนไร้หัวใจอย่างคุณ” ในอดีตคริษฐ์เคยกลัวเหลือเกินว่า สักวันหนึ่ง ดวงตาที่เคยฉ่ำชื้นด้วยหยาดน้ำ จะเอ่อคลอด้วยน้ำตา   น้ำตาของความผิดหวังอย่างที่สุด   อย่างที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้   นิทเชลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงนัก ก่อนจะสะพายกระเป๋าของตนขึ้นบ่า แล้วพุ่งตรงไปที่ประตู

“จะไปไหนนิทเช”

“ขอบคุณสำหรับกาแฟ ผมคิดผิดเหลือเกิน ที่คิดถึงคุณ”  นิทเชกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาทว่าร้าวกับเค้นมาจากหัวใจ  มือแข็งแรงที่เคยสัมผัสอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม กลับบีบแน่นราวปลอกเหล็กเข้าจับที่ต้นแขน

“จะอยู่ถึงเมื่อไหร่?” คริษฐ์ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง

“ไม่นานจนทำให้คุณรำคาญใจหรอก ผมคงจะพอหาทางไปเองได้โดยไม่รบกวนคุณอีก” นิทเชผู้เคยมีแววตาอ่อนโยน กลับมองมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด ในสายตานั้น อัดแน่นไปด้วยความผิดหวังอย่างร้ายกาจเช่นกัน

“ผม....” คริษฐ์พูดได้เพียงเท่านั้น ก่อนจะกัดริมฝีปากอย่าสะกดกลั้น  มือที่บีบอีกฝ่ายแน่นคลายออก เปลี่ยนสัมผัสนุ่มนวลสุภาพอย่างครั้งเก่าก่อน ฝากรอยความรักและคิดถึงทั้งหมดผ่านริมฝีปาก ประทับลงแผ่วเบาบนหน้าผากนั้น  ก่อนจะปล่อยนิทเชไป ...ทั้งที่รู้ การปล่อยมือในคราวนี้ อาจหมายถึง  ‘กาลนิรันดร์’







โปรดติดตามตอนต่อไป

อ่าห์...ดราม่า

ปล.ติดเกมส์ขนาดหนัก ถ้าหายไปนาน ส่งคนมาตามที่หลังสวนยายเมี้ยนด้วยนะคะ 555+


ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
  :z13:  :laugh:
ดราม่าแบบนี้ชอบค่ะ
ติลาจะได้เลิฟเลิฟกับพระเอกจากแดนภารตะของดิชั้นคนเดียว  :jul3:
คุณคริษฐ์ไม่ไปง้อนิทเชล่ะคะ...เค้าโกรธคุณไม่นานหรอกค่ะ  เชื่อเถอะ
บวกขอบคุณค่ะคุณเมศ
 :pig4: 

heavenly**yaoi

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้อดีตของติลามากกว่านี้จัง

แล้วนิทเชจะกลับมาทำไม

ทำไมคริษฐ์พูดไปแบบนั้น

คนไร้หัวใจ

เห็นแก่ตัว!

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
คริษฐ์ ไม่ได้ไร้หัวใจ แต่ใจร๊ายยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
I'm so sad.

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กลายเป็นรักสามเศร้าแล้วเหรอ อย่าเพิ่งสิ ยังมี กษิดิษฐ์ อีกคน อาจเป็นตัวแปรที่ดี (หรือเปล่า) ก็ได้นะ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ฮี่ๆๆๆ ค่อยๆเดากันไป กระดึ๊บบบ กระดึ๊บบบ

เดาว่า คงจะมีคนอยากจะตุ๊บตั๊บคริษฐ์ อิอิ

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ใครก็ได้บอกทางไปสวนยายเมี้ยนหน่อยครับ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
สวนยายเมี้ยน...ไม่รู้จักอ่ะค่ะ
แต่...ไปแจ้งความคนหายง่ายกว่าอ่ะ
 :jul3:
แอบ  :กอด1: คุณดิส55+
คุณเมศศศศศศศศ  ชั้นคิดถึงคู๊ณณณณณณณณณณณณ (ใส่แอ็คโค่ตามใจชอบค่ะ555)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
คิดถึงงติลาแล้ว

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๘.๑

   ไตติลากลับถึงอพาร์ทเม้นต์ ด้วยหัวใจหนาวเยือกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ร่างนั้นทิ้งกายลงนั่งปลายเตียงอย่างหมดแรง  ความรู้สึกบางอย่างยังอึดอัดอยู่ในอก อย่างที่เจ้าตัว ก็ไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไร   เขาจึงทำได้เพียง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่จิตใจเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก  ไตติลาเดินกลับไปตามทางเดิน คัดแยกจดหมายสอดไว้ใต้ประตูของรูมเมตแต่ละคน ก่อนจะเข้าห้องครัว หาน้ำดื่มสักแก้ว เพราะในยามนี้ ไตติลากินอะไรไม่ลงทั้งนั้น

“กลับมาแล้วหรือ?” น้ำเสียงคุ้นหูนั้นทำให้ไตติลารีบก้มหน้างุด

“เป็นอะไร?” เงาที่เริ่มคุ้นตาไตติลาเลื่อนเข้ามาใกล้ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนัก

“เปล่าครับ” คนตอบ ว่าเปล่านั้นเสียงสั่นจนแทบควบคุมไม่ได้

“ทำตาแดงๆอย่างนี้นะหรือ ว่าเปล่า” ไตติลาหันไปสบตากษิดิส เพราะจากน้ำเสียงคล้ายจะล้อเลียนนั้น   ทว่าดวงตาที่ไตติลาเห็น ไม่ได้มีเค้าล้อเลียน แต่เป็นแววตาอาทรที่ทอดมา

“ผมไม่ได้ทำตาแดงๆ” ไตติลาว่า พลางพยายามขับไล่ไอน้ำอุ่นร้อนที่จับกระบอกตา

“แน้ อย่ามาหลอก   ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรหรอก   เพราะใครๆก็ต้องมีความลับของตัวเองทั้งนั้น   เพียงแต่มันอึดอัด ไม่มีที่ระบาย” กษิดิสพูด พลางยิ้มเห็นฟันขาวใต้หนวดเครา ไม่ใช้ยิ้มอย่างเยาะเย้ย แต่เป็นยิ้มอย่างปลอบใจ

“ระบายออกมาเถอะ จะได้หายอึดอัดเสียที” ไตติลายืนนิ่งขึง จิกเล็บเข้ากับขอบอ่างล้างจานแน่น  กษิดิสจึงถอยออกมา บางทีไตติลาอาจจะอยากอยู่เงียบๆคนเดียวก็เป็นได้  ทว่าเมื่อเขาถอยออกมาได้แค่ครึ่งก้าว ไตติลาที่พยายามอดทนจนไหล่ทั้งสองข้างนั้นสั่นสะท้าน กลับสะอื้นออกมาอย่างสิ้นอาย

“ทำไมคนที่ผ่านมาในชีวิตผมทุกคนถึงได้เฮงซวยแบบนี้หมด”  กษิดิสรีบหยิบทิชชูสำหรับเช็ดครัวส่งให้ แม้เนื้อกระดาษจะหนาสักหน่อย แต่คงพอจะซับน้ำตาได้  กลายเป็นว่าไตติลากลับหันมาซุกบนอกเขาแทน  กษิดิสที่เอาเข้าจริงแล้วไม่รู้จะปลอบอย่างไร ทำได้แค่ลูบหลังลูบไหล่เท่านั้น

“ผมไม่ดีตรงไหนหรือคุณดิส ทำไมทุกคนทำเหมือนผมไร้ค่า พอเบื่อแล้วก็ทิ้งไป วันนี้...เขาปล่อยให้ผมรอ...รอโดยไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ อย่างนี้มันยุติธรรมกับผมหรือ?” กษิดิสรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นบนอก ที่แผ่ขยายวงไปทั่ว

“หึ!...friend with benefit สินะ แค่เพื่อน ที่สนุกกันชั่วครั้งชั่วคราว ช่างน่าสมเพทจริงๆไตติลา” ไตติลาพูดแล้วหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นกรีดลึกหัวใจคนได้ยิน

“ไม่หรอก   อย่าดูถูกหรือเวทนาตัวเองเลย   คุณค่าของคนเราอยู่ที่ตัวเรานะ ไตติลาที่พี่รู้จัก ออกจะเข้มแข็ง ใช่ไหม? ” เจ้าของอกอุ่นๆที่ซับน้ำตาให้ ก้มลงมองคนในอ้อมแขน   ขณะที่ ไตติลาเงยหน้ามองทั้งน้ำตาเปื้อนหน้า

“คุณดิส......หนวดคุณจิ้มผม  ผมเจ็บ” คนฟังหัวเราะเบาๆ ขณะคนเจ็บตัวเอามือถูหน้าผากตัวเองเบาๆ


   ไตติลาที่ร้องไห้เสียจนหมดแรง นอนขดบนโซฟาแข็งๆในห้องนั่งเล่นของตนเอง โดยใช้ขากษิดิสต่างหมอนหนุน  เจ้าของศีรษะที่มีเส้นผมอ่อนนุ่มนั้นขยับบนหน้าขาตึงแน่นอีกสองสามครั้ง ก่อนจะเริ่มนิ่ง โดยยังมีมือแข็งแรงของกษิดิส คอยลูบศีรษะนั้นอย่างปลอบขวัญ  ก่อนที่มือนวลของคนนอนตักนั้นจะคว้าจับไว้

“หือม์ อ้าว มือเป็นอะไร?” คนนอนตักส่ายศีรษะเบาๆ

“เดี๋ยวใส่ยาเสียนะ” มืออุ่นๆนั้น กอบกุมมือของอีกคนไว้นุ่มนวล

“คุณดิสอยู่กับติลาก่อนนะ” น้ำเสียงแผ่วเบาอย่างคนไม่มั่นใจนั้น ทำให้กษิดิสยิ้มเอ็นดู

“ได้ซี สัญญาเลย”


๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘


   ไตติลาที่ร้องไห้จนเพลียหลับนั้น ทำให้ชายหนุ่มอมยิ้ม  เขาลูบสัมผัสเส้นผมนั้นเบามือ พลางคิดไปว่า ใครหนอ...ช่างใจร้ายกับไตติลาได้อย่างนั้น  แม้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้วต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง แต่คนนอนตักยังขดตัวกลมพลางกอดตัวเอง  กษิดิสจึงตัดสินใจหาผ้าห่มให้สักผืน  เขาวางศีรษะไตติลาไว้บนกองหนังสือที่คว้าได้ใกล้ๆมืออย่างนุ่มนวล  เดินผ่านครัวเปิดโล่งสู่ห้องนั่งเล่นนี้เข้าไปยังห้องที่สุดทางเดิน ห้องของเขาเอง คว้าผ้าห่มและหมอนออกมา ให้ไตติลาได้นอนอุ่น และหนุนนอน   เมื่อมั่นใจว่าหนุ่มน้อยนอนสบายขึ้นแล้ว จึงแวะหาอุปกรณ์ทำแผล แต่แล้วเขาก็ชะงักกับภาพตัวเองในกระจก 

“อืม....” ไตติลาพลิกนอนหงาย ดวงตาปวดร้าวระบมไปหมด   จนเขาต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง   หูได้ยินเสียงทุ้มๆของใครบางคน พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันชัด ด้วยถ้อยภาษาที่เหมือนในหนังย้อนยุค อาจจะเป็นทีวี....ไตติลายกมือกุมศีรษะ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นนั่ง มือของเขาข้างที่เจ็บ ได้รับการทำแผลแล้ว ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยจนเขานึกชม

“ตื่นแล้วหรือ? ทานข้าวสักหน่อยไหม?”ไตติลาปรือตามองคนพูด   เอ...เสียงคุ้น หน้าไม่คุ้น   กษิดิสเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะคุกเข่าลงข้างโซฟานั้น

“ทานสักหน่อยนะ จะได้มีอะไรรองท้อง”

“ว่าไงครับ ผมทำอร่อยนะ” กษิดิสเอ่ยชวนเชื่อ เมื่อเห็นไตติลานิ่งไปนาน

   ไตติลากำลังสังเกตว่าอะไรแปลกไป  คุณดิสล่ะคงใช่ แต่ทำไมหน้าแปลก หนวดเคราหายไป เหลือเพียงรอยเขียวครึ้ม และริมฝีปากหยักสวยเป็นสีแดง ที่กำลังยิ้มจางๆ ผมสีดำจัดนั้นใส่น้ำมันเสยไปด้านหลัง ดวงตาคมยาวที่มีแพขนตายาวล้อมกรอบเข้ม กำลังมองมาที่เขา พร้อมกับคิ้วที่รับกับจมูกโด่งเป็นสันนั้นเลิกขึ้นอย่างสงสัย ผิวหน้าเป็นสองสีจางๆ จากส่วนที่ถูกแดดบ่อย และส่วนที่ขาวกว่าที่เคยอยู่ใต้หนวดเครา ทว่าไม่อาจทำให้โครงหน้าอย่างไทยแท้นั้นหมองมัวลงได้เลย

“หน้าไม่คุ้นเลย” ไตติลาพูดแล้วอดยิ้มจางไม่ได้

“ดูไม่ได้เลยหรือ? หรือว่าหน้าจะด่างมาก”

“ไม่หรอกครับ แค่แปลกตาไปเท่านั้น”

“มาเถอะ ทานอะไรสักหน่อย”


   อาจเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลนั้นพูดชักชวน จนไตติลายอมตามแต่โดยดี  ไตติลาลอบมองดวงหน้าคมสันของอีกคนที่อยู่อีกด้านของโต๊ะอย่างสนใจ สมองของเขายังคงมึนชาจากหลายๆเรื่อง  มือนวลตักอาหารเข้าปาก อย่างว่าง่าย ท่ามกลางสายตาคาดหวังของคนปรุง  ดวงตานั้นมองคล้ายจะถาม ไตติลาจึงพยักหน้าให้เบาๆทีหนึ่ง เพราะรสชาติอาหารจัดว่าดีกว่าไตติลาทำเองเสียอีก  เมื่อเห็นคนชิมยอมรับ ดวงตานั้นก็ทอดกลับมาอย่างพึงพอใจ

“มองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ มีอะไรหรือ?”

“ผมกำลังคิดว่า กลับเมืองไทยไป คุณดิสน่าจะเป็นดารา”คนฟังหัวเราะแก้ขวย

“อย่างนั้นเชียว”

“เสียอย่างเดียว ว่าออกจะเชยไปหน่อย ปรับลุคอีกสักนิด คุณดิสเป็นดารานายแบบได้สบาย”

“ฉันเชยฟุฟะอย่างนั้นเชียว”  กษิดิสพูดคล้ายพึมพำบอกตนเอง แต่คนได้ยินทำหน้าแปลกใจ

“วิธีพูดก็เชยด้วย”ไตติลาสำทับ

“เห็นทีผมจะไม่สมัยใหม่เท่าติลา” มือแข็งแรงที่ติลาชมว่าได้รูปสวย เกาไรเขียวเหนือริมฝีปากอย่างลืมตัว

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าน่ารักดี” ไตติลาอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเหนือไรหนวดเขียวนั้น ซับสีเรื่อน่าดู

“ไตติลาชอบทำอะไรบ้างเวลาว่าง?” กษิดิสรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เขิน

“เอ หลายอย่างนะครับ ถ้าว่างจริงๆผมชอบฟังเพลง  หรือไปนั่งตามหาด ฟังเพลงที่เขาเล่นจากร้านอาหารแถวนั้น ฟังฟรี บรรยากาศดีด้วย แล้วคุณดิสล่ะ?”

“ผมชอบทำอาหารนะ เพราะผมกินจุ  ทำเองกินเองเสีย จะได้ไม่มีใครบ่นว่ากินเปลือง เพราะแต่ก่อนผมยังแชร์บ้านกับนักเรียนไทยคนอื่นๆ ทุกอย่างเราลงขันกันเสียหมด  ถ้าอย่างติลาไปลงขันกับเขา คุณละขาดทุน”

“ผมคงไม่ลงขันกับใครดีกว่า เพราะทีแรก ผมเกือบเป็นมังสาวิรัตอยู่แล้ว เพราะว่าระบบทางเดินอาหารไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเขา   เลยกินแต่พวกผักหรือเต้าหู้เป็นหลัก  ถ้าเกิดหารอะไรกับใครเขา คงจะขาดทุนน่าดู”

“ไม่เป็นไรหรอก แล้วผมจะทำให้ทานหลายๆอย่าง ไม่ให้ติลาขาดทุน  ดีไหม?” คนถามส่งสายตาอย่างที่ไตติลามันรู้สึกว่ามันกระยิบกระยิบ ให้คันยุบยิบในหัวใจ  จนเขายิ้มตอบ

“ส่วนดนตรีผมก็เล่น เล่นจนจะเลิกเรียนไปเล่นดนตรีอยู่แล้ว”

“อ้าว  คุณดิสเรียนปีอะไรแล้ว?”

“ปีสุดท้ายแล้ว แต่ไม่ค่อยขยันไปเรียน เพราะต้องหาเงินเอง  จนศาสตราจารย์แกคงปลง  แกเลยว่า ถ้ายูอยากกลับมาเรียนเมื่อไหร่ค่อยมาแล้วกัน เห็นจะเพราะเข็นเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นเสียแล้ว”

“น่าเสียดายออกคุณดิส อีกนิดเดียวก็สำเร็จเตรียมกลับบ้านแล้ว แต่ของติลา ยังเพิ่งจะเตรียมแพทย์ สงสัยจะต้องเรียนกันจนแก่  แล้วคุณมาเรียนอยู่นี่กี่ปีแล้วครับ?” ไตติลาถามพลางจ้องมองใบหน้าคมสันนั้นอย่างรอคอยคำตอบ คนตอบจึงคลี่ยิ้มเอ็นดูให้เสียทีหนี่ง

“ ผมมาอยู่นี่ตั้งแต่อายุสิบหก  เก๊อะ...สิบปีพอดี” ไตติลาทำตาโต

“ผมเพิ่งมาได้สองสามปีเอง มิน่าล่ะคุณเรียนจะจบแล้ว ผมเพิ่งจะเริ่ม” เสียงเพลงที่ไม่รู้ที่มาดังขึ้น กษิดิสเหลียวหา ไตติลากลับสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบหยิบ ‘กล่องสี่เหลี่ยม’ ขนาดกระทัดรัดออกมา

“อะไรน่ะ?” กษิดิสชะโงกหน้ามาจากอีกฟากของโต๊ะ

“โทรศัพท์มือถือ คุณไม่มีหรือ?” คนฟังส่ายหัว ไตติลากระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะขอตัวพูดธุระสักครู่ ร่างโปร่งบางนั้น ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปตามทางเดิน กลับเข้าไปในห้องนอนของตน โดยก่อนไปกำชับใครอีกคนไว้

“คุณทิ้งจานไว้นะ เดี๋ยวผมล้างเก็บเอง” ไตติลาหันหลังเดินจากไป พร้อมกับสายตาใครอีกคน  ที่จ้องมองจนลับหายจากสายตา



๘๘๘๘๘โปรดติดตามตอนต่อไป๘๘๘๘๘

ฮา...ต้นอาทิตย์ติดเกมส์ กลางอาทิตย์ติดงาน ปลายอาทิตย์ติดบอล
จนดองนิยายยยยย
 :a5:

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค๊า



ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดด คุณดิส น่ารัก เจ้าเงาะถอดรูปแล้ว
แต่ว่า โทรศัพท์ที่เรียกเข้ามาเนี่ย มาจากปลายสายที่ชื่อ คริษฐ์ ปะ  :sad4:

ปล. ติดเกม กะ ติดบอลเหมือนกันเลย  :z3:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
หึหึ ไม่แน่ว่านายดิสอาจจะเป็นคนที่ใช่ก็ได้ หรือ เป็นแค่เพื่อนแก้เหงา...

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
ความดราม่าเริ่มมาเยือน  :sad4:
แต่... คุณดิสน่ารักเนอะ ช่วงเวลาที่ติลาอยู่กับคุณดิสดูน่าสบายใจดี อยากลุ้นคู่นี้จัง  :impress2:
นิทเช  :monkeysad:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
คุณดิสชอบติลารึเป่าอ่ะ เดี๋ยว sad อีกรอบ

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ติดอะไรก็ติดไป

แต่ อย่าให้รอนานนะครับ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
พระเอกแดนภารตะของดิชั้นหายไป...เหลือเพียงชายหนุ่มหน้าตาคมคายเป็นพระเอกหนังไทยคนเดียวเท่านั้น
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คุณดิสของดิชั้น..ให้น้องใช้ขาแทนหมอนเหรอคะคุณดิส
ให้น้องใช้อกซับน้ำตาด้วยอีกต่างหาก..
ชนะเลิศศศศศ  อบอุ่นที่สุดดดดดด
ขอคู่นี้อีกนะคะคุณเมศ
บวกขอบคุณค่ะ
 :pig4:


ปล.คุณเมศเชียร์ใครคะ...ดิชั้นเชียร์พี่กาก้าค่ะ555

Givesza

  • บุคคลทั่วไป
พี่เมศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศ

คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๘.๒

คริษฐ์ยังคงรอฟังเสียงจากปลายสายให้รับโทรศัพท์อย่างอดทน หัวใจของเขาบีบตัวหนักๆด้วยความรู้สึกผิดจางๆที่แล่นปราดไปตามร่างกายนี้ ปลายสายนั้นรับสายแล้ว ทว่าไม่พูดอะไรกลับมา ทั้งคู่ต่างนิ่งงันปล่อยวินาทีเคลื่อนผ่านไปอย่างเงียบเชียบ คริษฐ์กำลังจินตนาการเจ้าของดวงหน้าของคนที่ปลายสาย ว่าอยู่ในอารมณ์ใด

“มีอะไรหรือครับคุณคริษฐ์” ในที่สุดน้ำเสียงราบเรียบของไตติลา ก็ดังมาตายสัญญาณโทรศัพท์จนได้ ทว่าคริษฐ์ยังคงเงียบงัน

“คุณนิทเชคงกลับไปแล้วสินะครับ” คริษฐ์ได้ยินเสียงที่ปลายสายหัวเราะเบาๆ ด้วยเสียงหัวเราะ ที่ฟังแล้วชาปราดไปทั้งร่าง

“กลับไปแล้ว ติลา...พี่”

“ครับ?”

“ติลาลงมาที่ห้องพี่หน่อยได้ไหม?”น้ำเสียงนั้นแผ่วเบา ที่ปรายเสียงนั้นคลับคล้ายจะเป็นคำวิงวอน ทว่าไตติลาไม่ได้ยิน

“มีอะไรหรือครับ? หรือว่าเกิดคิดถึงของเล่นเก่าอย่างไตติลาขึ้นมา คุณคริษฐ์...” เสียงเรียกนั้นฟังดูเฉียบขาดกว่าครั้งไหนๆที่เขาเคยได้ยินมา

“ผมคงสู้คุณนิทเชไม่ได้หรอกนะครับ” ถ้อยความนั้น ค่อยกรีดหัวใจคนฟังช้าๆ ส่งผ่านความเจ็บร้าวราวพิษร้าย

“ติลา!”

“ว่าอย่างไรครับ คุณคริษฐ์ ต้องการอะไรจากไตติลาคนนี้?” คริษฐ์กำมือถือของตัวเองไว้แน่น

“ขอพี่เจอติลาหน่อยได้ไหม?”

“ในฐานะอะไรครับ? เพื่อนที่สนุกกันให้สมอารมณ์อยากแล้วก็แยกย้าย หรือว่าอะไร?”

“พี่...”

“คุณคริษฐ์ ผมไม่ใช่ตัวแทนคุณนิทเช คนที่คุณไม่เคยตัดใจจากเขาได้ หรือเป็นของเล่นแก้เหงา เพราะผมก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีหัวใจเหมือนกัน ผมจะไม่พลาดพลั้ง ให้ความรู้สึกดีๆกับคุณอีก เพราะไตติลาคนนี้จะรักตัวเองมากกว่าใครๆ”

“ติลา...เราจะคุยกันดีๆไม่ได้เชียวหรือ? พี่รู้ว่าเราโกรธ...แต่”

“แล้วคุณคริษฐ์ตอบผมได้หรือยัง ว่าต้องการอะไรจากผม” คริษฐ์อึ้งงันไป ในหัวของเขากำลังปั่นป่วนไปด้วยความสับสน ที่หนักหนากว่าใครใดๆ

“พี่ไม่รู้!” เสียงนั้นกระซิบด้วยความสับสนอลหม่านในหัวใจ ทุกสิ่งดูเคว้งคว้างเกินกว่าคริษฐ์จะจับยึดสิ่งใดไว้เป็นหลักได้

“คุณคริษฐ์ อย่าทำให้เรื่องระหว่างผมกับคุณ เลวร้ายไปกว่านี้เลย” ไตติลาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ก่อนจะตัดสายไป


๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘


ไตติลายืนคว้างอยู่ในห้องนอนของตัวเอง รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหัวใจ จนถึงกับต้องถอนหายใจหนักๆ ไตติลาเกลียดนัก กับความรู้สึกเหมือนโดนหักหลังกันแบบนี้ ริมฝีปากบางนั้นเม้มเข้าจนแน่น ในอกยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่กดทับราวกับมีน้ำหนักมหาศาล ไตติลารวบรวมกำลังให้ตัวเองอีกรั้ง ก่อนจะทิ้งโทรศัพท์ไว้ในห้อง ณ นาที เขาไม่ต้องรับรู้อะไรอีก นอกจากเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเขา อย่างน้อย มันก็ช่วยเจือจางความผิดหวัง และหลอมละลายความเจ็บปวดได้ แม้จะไม่ได้ในทันใดราวเวทมนต์

“ติลา” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่เรียกชื่อแผ่วเบานั้น ชโลมหัวใจไตติลาให้ทุเลาจากเพลิงเผาใจ

“ไม่เป็นไรนะครับ?” ไตติลายิ้มตอบประกายตาที่ทอดทอมาอย่างอาทรนั้น ทั้งที่ในดวงตาของไตติลารู้สึกร้อนผ่าว ด้วยหยาดน้ำจางๆ

“คุณยังอยากล้างจานอยู่หรือเปล่า? ผมเหลือให้คุณใบหนึ่ง อ้อ...กับแก้วอีกหนึ่ง”

“แหมใจดีจัง” ไตติลาพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น ทั้งที่เสียงของตัวเองยังเครือราวคนจะร้องไห้ ไตติลารับช่วงล้างจานต่อ เงาสูงใหญ่นั้นเคลื่อนไป ยืนเช็ดมืออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“ติลา อย่าเกลียดใครเลยนะ การเกลียดใครสักคนมันเหนื่อยมากนะ เหนื่อยกายเราพักผ่อนได้ แต่เหนื่อยใจ มันติดตามเราไปทุกเวลา จนบังตาเราว่าครั้งหนึ่ง ใครบางคนได้ทำอะไรดีๆให้เราไว้บ้าง”

“อืม” ไตติลาครางรับในคอเบาๆ

“อืมได้ยังไง ต้องตอบว่า ขอรับครับผม”

“เอาจริงน่ะ”

“เอาจริงสิ เร็วเข้า” กษิดิสคะยั้นคะยอ

“ แหม ทำไมต้องตอบยาวๆด้วย” ไตติลาต่อรอง ก่อนจะหัวเราะออกมา ในวันนี้กษิดิสสมปรารถนาแล้ว ที่ได้ขอรอยยิ้มกว้างขวางคืนให้หนุ่มน้อยไตติลา




โปรดติดตามตอนต่อไป


ลืมมาต่อ ขอโทษค่ะ เหอๆๆๆๆ  :call: เเถมเเบ่งหนึ่งสองเเปลกๆอีกตะหาก โอ้วโน้วววว...

คริษฐ์นี่ ได้รับการโหวตจากผู้อ่านส่วนใหญ่ให้เเค่เห็นก็อยากจะหนุมานถวายเเหวน น่าสงสารจริงๆ

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะคะ


นอกเรื่องไปเรื่องบอลมั่ง จริงๆเชียร์หลายทีมค่ะ  บางทีมร่วงบางทีมรอดส่วนใหญ่จะเเล้วเเต่เเมชไหนใครเเข่งกะใครก็ชอบข้างไหนก็เชียร์ข้างนั้น  หรือไมเลยทั้งคู่ก็ไม่ดู  เเต่ตอนนี้เริ่มเอาใจช่วยญี่ปุ่น เพราะว่า วันก่อนเตะดีมว๊ากกกก  เเบบว่าสวยงามเเทบร้องกรี๊ดๆอยู่หน้าทีวี(เสียสติ)  สเปนเชียร์บ้างดูนักเตะบ้าง พอหอมปากหอมคอ ฮ่าๆ

ส่วนใครคิดถึงกัน...คิดถึงด้วย เเวะมาเยี่ยมบ่อยๆนะคะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
^
จิ้ม +

ลึกๆ ยังอยากเชียร์คริษอยู่นะ แต่พฤติกรรมติดลบมากกกก :m16:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2010 19:54:42 โดย JJHJJH »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
หุหุ นายดิสพูดจาน่ารักจริง

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
โห ไรเนี้ย อิคุณคริษฐ์  :m16: ติลาอย่าได้ใส่ใจเชิดใส่ไปเลย คนอะไร้


ปล. เมื่อคืนเสียดายญี่ปุ่น ไม่น่าเลย

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ติลาชนะเลิศศศศ..ให้เค้ารู้ไปค่ะ ว่าเราไม่ใช่อะไรที่จะมาทำเล่น ๆ ได้55+
หมดเวลาของคุณแล้วค่ะคริษฐ์...ตอนนี้มันเป็นเวลาโรแม้นซ์ของคุณดิส..(ของดิชั้น  :o8: )
ถึงแม้ว่าจะต้องโรแม้นซ์กันผ่านประตูเวลาก็ตาม  :m15:
ขอบคุณค่ะคุณเมศ
 :pig4:


ปล.ถ้าอยากอ่านตอนต่อไป..จะให้ไปตามคุณเมศได้ที่ไหนคะ?  :jul3: เค้าล้อเล่นน้าาาาา

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ สั้นไปป่าว

รออยู่นะครับ มาต่อเร็วๆ ล่ะ


ไม่เลือกใครทั้งนั้น แบบว่าจะเหมาหมด

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
ตอน ๙.๑

   ไตติลาก้มลงมองสมุดบันทึกของตัวเองที่มีนัดหมายต่างๆเขียนไว้แน่นแทบทุกวัน เพื่อดูห้องเรียนที่ต้องไป  หลังจากวนรถหาที่จอดอยู่เกือบยี่สิบนาทีเต็ม  ไตติลาถึงห้องเรียนก่อนเวลาเรียนเล็กน้อย เขาเลือกนั่งที่ประจำ แถวติดทางเดินกลาง ไม่หน้าไม่หลังจนเกินไป   เพื่อนร่วมชั้นมาพร้อมส่งเสียงพูดคุยกันครึกครื้น ไตติลาทักตอบเพื่อนบางคนบ้าง ก่อนจะเริ่มหยิบอุปกรณ์การเรียนของตนออกมา  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากรู้สึกว่ามีคนมานั่งใกล้ๆ

“คุณบอกการบ้านผมผิด โปรเฟสเซอร์คอมเม้นต์การบ้านผมใหญ่เลย” สมิท ไทสัน พูด ดวงหน้าคมสันเค้าเอเชียยิ้มจริงใจ

“ขอโทษ เพิ่งจะเห็นตอนกลับมาแล้ว แต่ไม่รู้จะติดต่อยังไง”

“เดี๋ยวเทอมนี้ผมไม่ได้ที่หนึ่งจะทำไงล่ะทีนี้” คนพูดพูดอย่างขบขัน ไตติลาฟังแล้วหน้าบูด

“ล้อเล่นหรอก ถ้าผมไม่ได้ที่หนึ่ง คุณจะได้เป็นแทนไง แล้วผมสลับไปเป็นที่สองแทน ดีไหม?”

“ผมไม่ได้อยากจะแกล้งคุณนะ” ไตติลายืนยันหนักแน่น ไตติลาที่ต้องเรียนแข่งกับเพื่อนคนอื่นๆ จนได้ผลการเรียนดีๆนั้น ด้วยกำลังตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยคิดอิจฉากลั่นแกล้งใคร

“ผมรู้ คุณขยันออกขนาดนี้” อาจารย์เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเริ่มการสอน

“ ผมรู้ว่าคุณนอกจากเรียนแล้ว ยังต้องรับผิดชอบค่าเรียนของตัวเองด้วย  ครึ่งหนึ่งใช่ไหม?”  ไตติลาหันมามองคู่สนทนาอย่างประเมิน  ดวงตาของไตติลาหลังกรอบแว่นหรี่ลงซ่อนบางอย่างไว้โดยไม่ยอมปริปาก  สมิท ไทสัน ยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ

“ผมรู้เกี่ยวกับคุณอีกตั้งหลายอย่าง ถ้าคุณสงสัย” ชายหนุ่มยิ้มยั่วเย้า

“สงสัยสิ”

“เรียนก่อนเถอะ”  ไตติลาหน้าตึง ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจเรียน คนนั่งข้างๆจึงลอบยิ้มขัน จนไตติลาชักหงุดหงิดพึมพำกับตัวเองตามภาษาตน

“ยังมายิ้มอีก” คนนั่งข้างๆเปลี่ยนจากแอบยิ้มเป็นหัวเราะเบาๆ

“นี่ ยืมปากกาสักแท่งสิ” ไตติลาลอบสูดหายใจเข้าลึกอย่างพยายามใจเย็น ก่อนจะหยิบกระเป๋าดินสอเปิดออก ดวงตาหลังกรอบแว่น มองปากกาหลากสีอยู่อึดใจ ก่อนจะหยิบสุ่มๆออกมาหนึ่งแท่ง แล้วส่งให้ ก่อนทั้งคู่จะไม่ปริปากพูดคุยกันอีกจนจบชั่วโมงเรียน

“ขอบใจสำหรับปากกา” ไตติลาเอื้อมมือไปรับ แต่คนถือไม่ยอมปล่อย

“เราเป็นเพื่อนกันนะ” สมิท ไทสัน ยิ้มกว้างขวาง ด้วยท่าทางจริงใจ ไตติลาเผลอยิ้มร้ายๆโดยไม่รู้ตัว

“ขอคิดดูก่อน....คงจะนานหน่อย” ก่อนจะฉวยปากกาของตนคืนมา   เก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย

“ เอาน่า ถึงคุณจะไม่ยอมเป็นเพื่อนผม แต่ผมแน่ใจว่า รู้จักคุณนานแล้วก็แล้วกัน”  คนพูดๆด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน จนไตติลาอดคันปากไม่ได้

“ผมว่าคุณไป ทำความรู้จัก ตัวเองก่อนดีกว่า”  ไตติลาพูดทิ้งท้าย ก่อนจะสะพายกระเป๋าออกไป

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙


   กว่าไตติลาจะกลับเข้าอพาร์ทเม้นต์เจก็ค่ำแล้ว หลังจากไปเสิร์ฟมา โดยมีคำถามคะยั้นคะยอของเพื่อนสาว มาเลียบๆเคียงๆถามว่าระหว่างเขากับคริษฐ์ไปถึงไหนกันแล้ว  จนพอเริ่มได้คำตอบก็ถามอีกว่า ทะเลาะกันหรืออย่างไรและอีกมากมาย จนไตติลาไม่อยากจะตอบ  จึงเปลี่ยนไปไหว้วานธุระแทน

“ไอ้แหม่ม พฤหัสหน้าว่างไหม?”

“ทำไมหรือจะชวนไปไหน?”

“ไปโรงพยาบาล”

“ไปทำไมอ่ะ?” เพื่อนสาวทำเอียงคอสงสัย จนไตติลายื่นมือไปตีหน้าผากเพื่อนให้หายคันมือเสียทีหนึ่ง

“ไอ้ติลา อย่านะวันนี้เปิดเถิกเอาฤกษ์เอาชัย”

“หมอนัดผ่าตัดว่ะ”

“เอาจริงดิ” ไตติลาหัวเราะกะท่าทางของเพื่อนสาว

“จริ๊ง” หนุ่มน้อยไตติลาทำเสียงสูงเลียนแบบเพื่อนบ้าง

“วันนี้คลินิกโรงเรียนนัด ฟังผล หมอบอกว่าเป็นเนื้องอก แต่ไม่ได้อันตรายอะไร ผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาล  แต่ไม่ยักกะให้ขับรถกลับเองได้” ไตติลาพูดติดตลก เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มหน้าเสีย

“ที่แกบ่นว่าปวดท้องนะหรอ?” ไตติลาพยักหน้า

“ว่าไงล่ะ ว่างหรือเปล่า?”

“ไม่แน่ใจว่ะ อาจารย์นัดสอนเพิ่มหรือเปล่า ไว้จะบอกอีกทีนะ แต่จะพยายามให้ว่างไว้”



“คิดอะไรอยู่?” เสียงทุ้มนุ่มๆที่บัดนี้คุ้นใจไตติลาถามเบาๆ กษิดิสยืนส่งยิ้มให้อยู่ที่โถงทางเดิน

“แหม มาบ่อยจัง  วิตโตลิโอ้ดีใจแย่”

“เปล่า ผมมาหาแต่ติลา  ไม่ได้หรือ?”  ปลายเสียงนั้น ติดจะเว้าวอน จนไตติลาเผลอเม้มริมฝีปาก

“ก็แล้วแต่คุณสิ”

“ผมเข้าไปได้หรือเปล่า?”

“อ้อ เชิญครับ แต่มีงูหรือเปล่าก็ไม่ทราบ”  กษิดิสหัวเราะ มองไตติลาด้วยดวงตาเป็นประกาย  ดวงตาแบบที่ไตติลานึกรักอย่างบอกไม่ถูก

“แหม เหมือนห้องผมเลย” กษิดิสออกปากเมื่อมองไปรอบๆ

“เหมือนตรงที่รกสินะครับ” ไตติลาพูดอย่างขบขัน พลางพยายามจัดโต๊ะเขียนหนังสือของตนให้เป็นระเบียบ พอให้ผู้มาเยือนนั่งได้

“เรียนเก่งจริง” กษิดิสออกปากชม เมื่อเห็นใบผลการเรียนที่ไตติลาปักไว้บนบอร์ดเล็กของตน  ไตติลานิ่งคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งจึงถามขึ้น

“คุณกษิดิสว่างไหมครับ? วันพฤหัสนี้ พอดี ผมมีธุระ ขับรถกลับเองไม่ได้”

“มีอะไรหรือ?”

“ไปโรงพยาบาลน่ะครับ คุณหมอไม่ให้ขับรถกลับเอง” กษิดิสถึงกับตกใจ

“ไปโรงพยาบาลเป็นอะไร?”

“ผ่าตัดนิดหน่อยนะครับ เป็นผ่าตัดเล็กเองครับ ไม่ต้องนอนค้าง เพียงแต่ยาสลบทำให้มึนๆหน่อย เลยไม่สะดวกจะขับกลับมาเอง”

“ติลา ผมขอโทษนะ เห็นจะช่วยไม่ได้”  กษิดิสพูดพร้อมกับดวงตาคมนั้น ทอประกายของความเสียใจ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะลองถามเพื่อนคนอื่นๆดูก่อน คงจะมีว่างสักคนล่ะน่า” ไตติลาพูดพลางยิ้มจางๆ เขาไม่ชอบเลย ที่เห็นดวงตาคู่นั้นแสดงว่าเจ้าตัวกำลังกังวลใจ


   ไตติลามักใช้เวลาในช่วงค่ำ ทำอาหารทานกับกษิดิสอย่างง่ายๆบ่อยครั้ง  ล้างจานแล้วค่อยอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน ที่โต๊ะกินข้าว  ขณะที่ร่างสูงใหญ่นั้น จะนั่งอยู่ไม่ใกล้ไกล ขีดเขียนอะไรใส่กระดาษไปเรื่อยเปื่อย  ไตติลาชอบบรรยากาศแบบนี้  เพราะทำให้รู้สึกเป็นสุขกว่าครั้งไหนๆ ทั้งที่กิจกรรมที่ทำร่วมกันนั้น ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายเลย

“วาดอะไรครับ?”  ไตติลาถามขึ้นหลังจาก เท้าคางมองมือคู่สวยนั้น ขีดเขียนลงบนเศษกระดาษที่ไตติลาใช้แล้วหน้าหนึ่ง  ลายเส้นสวยเป็นระเบียบ สมกันวิชาที่ร่ำเรียนอยู่

“บ้านครับ  ผมอยากมีบ้านแบบนี้”

“สวยดีนะครับ ท่าทางน่าอยู่”  คนฟังยกริมฝีปากหยักสวยนั้นยิ้ม พลางแต่งเติมรายละเอียดลงบนภาพต่อไป

“ผมมีที่อยู่แปลงหนึ่ง เป็นมรดกจากคุณปู่ ท่านยกให้ พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง ผมเลยมาเรียนที่นี่พร้อมกับเงินก้อนนั้น แต่ว่าที่แปลงนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไร  เลยตั้งใจว่า ถ้าได้กลับไป จะสร้างบ้านของตัวสักหลัง”

“แถวไหนหรือครับ?” กษิดิสตอบไตติลาเห็นว่าไม่ได้ไกลจากบ้านตนสักเท่าใดเลย

“รอบๆยังเป็นทุ่งนาอยู่เลย ถัดเข้าไปหน่อยเป็นคลองน้ำใสแจ๋ว  คนยังอยู่กันไม่มาก  ก็บ้านนอกดีๆนี่เอง” กษิดิสพูดถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
 
“เอ  คุณคงจะมาอยู่ที่นานแล้ว  ผมเองก็อยู่ไม่ไกลจากแถวที่คุณว่าเท่าไหร่  แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะครับ”

“หรือ?  เปลี่ยนไปมากไหม?”

“มากครับ แถวนั้นไม่มีนาแล้ว ถนนใหญ่ตัดผ่าน ถ้าจะไปหานา ต้องเข้าไปลึกๆ  เกือบสุดเขตกรุงเทพฯโน่น คลองนั่นก็โดนถมขยายถนนจนบางช่วงไม่มีคลองแล้วล่ะครับ   แถมคนก็ย้ายมาอยู่กันมากจนเรียกได้ว่าเจริญแล้วล่ะครับ”

“เห็นทีผมจะจากบ้านมานานมากแล้วจริงๆ”

“กลับไปคราวนี้ คุณดิสจะถึงกับงงเชียวล่ะ” ไตติลาหัวเราะเมื่อลองนึกภาพตาม เป็นคุณดิสแต่งตัวเชยๆ ยืนงงตาแตกอยู่ที่สุวรรณภูมิ

“นั่นสิ เวลาเป็นสิบๆปี เปลี่ยนอะไรไปเสียหมดนะ ว่าไหม? เปลี่ยนเอาความเจริญเข้ามา บางทีก็ทำลายของเก่าดีๆที่เคยมี โดยลืมไปว่า แต่ก่อนเราเคยอยู่อย่างสงบอย่างไร” กษิดิสพูด แล้วก้มลงดูนาฬิกาข้อมือตน ก่อนจะอุทาน

“ดึกมากแล้ว ติลาไม่รีบนอนหรือ?”

“แหม เผลอแป๊บเดียว  พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนเสียด้วย”

“ต้องไปโรงเรียนเหมือนเด็กๆเลยหรือเปล่า ต้องมีใครจูงมือไปไหม?” กษิดิสล้อเลียน

“แหม ก็บอกว่าไปโรงเรียนมันดูเป็นเด็กๆดีจะตาย”

“แหม พูดถึงโรงเรียนแล้วนึกได้ แต่ก่อนผมเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย”

“กีฬาอะไรครับ?”

“กระโดดรั้ว   รั้วโรงเรียนนะ ไม่ใช่รั้วในสนาม” ร่างสูงใหญ่นั้นหัวเราะจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างแกมก่อนจะ ลุกยืนเต็มความสูงส่งไตติลาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้างขวางอย่างที่มักทำเสมอ จนไตติลาค่อนในใจว่าจะสุภาพบุรุษไปถึงขนาดไหน

“ไปเถอะ  ราตรีสวัสดิ์ครับ ดูแลร่างกายกับหัวใจด้วยนะครับ”

“ราตรีสวัสดิ์ครับ” ไตติลาตอบอุบอิบ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป โดยไม่รู้ว่าตนเอง มีใบหน้านวลซับสีเรื่อยชวนมองอย่างไร
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

เเหมไม่มีใครไปตามที่สวนยายเมี้ยนเลย  ดองลืม
ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเช่นเคยนะคะ

ปล. (หมึกน้องพอลทายว่าสเปนใช่ป่ะคะจะได้โขกน้ำพริกทำน้ำจิ้มรอน้องพอลลลล เคี๊ยะๆ) o18

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
ไปตามแล้วไง แต่แท็กซี่ไม่รู้จัก

ไม่รู้สวยยายเมี้ยนอยู่ตรงไหน

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ติลาน่าร๊ากกกกก
คุณดิสก็อบอุ๊นอบอุ่นนนนนนน
แต่..สมิท  ไทสัน  ยังมีบทบาทกับติลาอยู่เหรอคะคุณเมศ ?
ถ้าอยากอ่านตอนต่อไป...คงต้องรอให้บอลโลกจบไปก่อนละมั้ง?
 :pig4:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
แอบเหงาๆ แทนติลา สักคนเหอะนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด