[ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ป า ง บ ร ร พ์] แจ้งข่าว คห.#1289  (อ่าน 483431 ครั้ง)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ผิดคาดเรื่องคนเจาะรูมาก  ตอนแรกนึกว่าเป็นคุณหลวงจะเจาะไว้แอบดูเส็ง
เรื่องพาทิศคือใครในชาติผ่านมาไม่กล้าเดา  แม้ใจจะเอนเอียงไปทางคุณหลวงก็เถอะ
เฮ้อออ  อ่านเรื่องนี้ไปใจเต้นไปด้วย  ครบรสจริง ๆ
+1 ให้เลยค่ะ

ออฟไลน์ O_cha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อึ้งเรื่องคุณหยาดเป็นคนเจาะรูปเหมือนทุกท่านแล
คิดได้ยังไงครับเนี่ย เจาะห้องอาบน้ำนี่ จริงๆ กะแอบดูคุณหลวงอาบน้ำเฉยๆ แต่ดันมาแจ๊คพ็อตเข้าซะก่อนรึเปล่าครับ

เรื่อง พาิทิศ ผมตอบเทิด เพราะอยากเก็่บพาทิศไว้ให้นัฐครับ ไม่ได้อาศัยหลักการเดาใดๆ ทั้งสิ้น  5555

คืนนี้จะมามั้ย รออยู่นะครับ  :call:

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
๒๓

    หยาดกำลังวางแผนอยู่กับแก้วว่าจะแอบดูหลวงพินิจได้อย่างไรดี เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเขามีอะไรลึกซึ้งกับเส็งหรือไม่ตอนที่หลวงพินิจราชอักษรออกไปกับเส็งแล้ว คุยกันไปได้ไม่เท่าไรนักเทิดก็เข้ามาที่เรือนพอดี จะว่าไปก็สวนทางกับคุณหลวงเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทนายหนุ่มหน้าเข้มเดินขึ้นเรือนเทาจะมาหาคุณหลวงก็พบเข้ากับบ่าวที่เฝ้าอยู่ในเรือน พอพูดจากันรู้เรื่องว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ เดินทางไปทำธุระที่ฝั่งธนบุรี เทิดก็คิดจะกลับในทันที
    เขาหลีกเลี่ยงไม่อยากเจอหญิงสาวบางคนในบ้าน
    กระนั้นโชคชะตาก็ไม่เคยเข้าข้างหนุ่มน้อยเลยสักครั้ง เพราะพอเขาหันหลังให้บ่าวที่อยู่เฝ้าเรือน แก้วก็ชะโงกหน้าออกมามองจากขั้นบนสุดของบันไดพอดี
    “เอ้า พี่เทิด มาลับๆล่อๆ จะมาทำอะไรหรือ”
     ทนายหนุ่มแทบชักสีหน้าอย่างห้ามตัวไม่ทัน กระนั้น หญิงสาวสวยผุดผาดที่โผล่มาข้างหลังแก้วกลับทำให้เขาทำหยาบคายไม่ออก ชายหนุ่มไม่กล้าทำอะไร ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาคุณผู้หญิงของบ้าน
    “พ่อเทิด” เสียงของหล่อนเบา สั่นเครือ จะด้วยอารมณ์ที่ค้างอยู่เรื่องหลวง พินิจไม่รับอาหารที่หล่อนอุตส่าห์ทำหรืออย่างไร เทิดไม่อาจรู้ได้ จึงได้แต่ตอบรับเพียง ขอรับ เบาๆเท่านั้น หยาดเงียบไปอึดใจเดียว ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พ่อเทิด...ขึ้นมาหน่อย”
    ทนายหนุ่มไม่ตอบ แต่ไม่ฝืนคำสั่งเช่นกัน เขาเดินก้มหัวช้าๆ อย่างเจียมตัวขึ้นไปถึงชั้นสองของเรือน ตามหยาดเข้าไปในห้องนอนของหล่อน
    “ฉันมีอะไรให้พ่อเทิดช่วยสักหน่อย”
    “ขอรับ”
    “ช่วยเจาะรูที่ผนังนี้ให้ทีเถิด” หยาดพูดอย่างเขินอาย ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงๆคล้ายๆ ว่าหล่อนกำลังพูดให้แก้วฟังมากกว่าจะพูดให้ทนายหน้าหอของหลวงพินิจราชอักษรฟังเสียอีก หยาดเขินอาย อายเกินกว่าจะบอกว่า หล่อนจะเจาะรูที่ผนังนี้ไว้ ดูสามีของหล่อนกับคนรัก! ถ้าไม่เห็นด้วยตา หยาดก็จะไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าทั้งคู่มีสัมพันธ์กันจริงๆ วิธีนี้ ที่แก้วย้ำนักย้ำหนาว่า “เชื่อสิเจ้าคะ ตานี้ได้เห็นกับตัวเอง คุณหยาดได้ไม่หาว่าบ่าวกุเรื่อง” จึงดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในตอนนี้กระมัง
    หยาดนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เทิดไม่ถามอะไรอีก นอกจากจะถามว่า ให้เจาะตรงไหนแล้วก็ไปหยิบเครื่องมือมาลงมือทำตามคำสั่งไปในที่สุด พอที่ผนังมีรูขนาดเกือบให้นิ้วสอดไปได้เรียบร้อยแล้วหยาดก็ลองก้มลงส่องดู
    ปรากฏว่าไม่ตรงกับห้องนอนอย่างที่ตั้งใจ แต่กลับเป็นตรงห้องน้ำ
    “ตายแล้วเจาะผิด แม่แก้ว เห็นแต่ห้องน้ำ” หล่อนอุทานแล้วฟันมาพูดกับบ่าวสาวของหล่อน
    “อ้ายเทิดเอ็งนี่เจาะอย่างไรของเอ็งยะ ไม่ตรงห้องนอนแบบนี้” แก้วหันไปว่าเทิดราวกับว่าตนเป็นนายของเขาอีกคน เทิดไม่ตอบโต้ แลดูเขาจะกลายเป็นคนพูดน้อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มจ้องหน้าแก้วแต่ไม่ว่าอะไร สายตาบอกไม่ได้ว่า โกรธหรือรำคาญ หรือแค่ขวางๆอย่างไรแน่
    “กระผมเจาะให้ใหม่ได้ขอรับ” เทิดกล่าวกับหยาดเบาๆ ยังคงก้มหน้าและไม่มองหล่อน
    “ไม่ต้องแล้ว” หล่อนถอนใจอย่างคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พออารมณ์เสีย ก็พาลไปหมดกับทุกคน “เจาะเยอะแยะเขาได้จับได้กันพอดี”
    หยาดมองออกนอกหน้าต่างไปไกล จ้องอยู่อย่างนั้นเหมือนมันมีอะไรน่าสนใจเหลือเกิน หญิงสาวถอนใจอีกครั้งก็หันมาบอกเทิดทำนองว่าให้ไปได้แล้ว ทนายหนุ่มก็ทำตามอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆเช่นกัน หล่อนรู้สึกสิ้นหวัง ความอยากรู้ตอนนี้สงบลงแล้ว กลายเป็นว่า หล่อนเริ่มรู้สึกกระดาก รู้สึกผิดแปลกๆ จะเพราะอะไรหล่อนก็ไม่ได้พูดออกมา บ่าวสาวที่นั่งนวดขาให้หล่อนอยู่จึงไม่รู้ว่าใจของนายคิดอะไรอยู่แน่ ที่แน่ๆคงเป็นเรื่องคุณหลวงและเส็ง
    สมน้ำหน้า แก้วแอบนึกในใจไม่ได้ คุณหลวงเขาไม่ได้รักคุณหรอกเจ้าค่ะ คุณกับเขาไม่คู่ควรกันเลย แก้วต่างหากที่เหมาะกับคุณหลวง ขั้นแรกต้องให้คุณหยาดหึงเสียจนเกลียดเส็ง ทำอย่างไรก็ได้ให้เส็งได้ออกไปจากเรือน ทำอย่างไรก็ได้ให้สองคนนั้นเลิกกันเสียก่อน ขั้นที่สองค่อยเป่าหูหยาดให้รังเกียจคุณหลวง ให้หล่อนเสียหน้า เสื่อมเกียรติ แล้วจากเรือนหลังนี้ไปในที่สุด ทีนี้แหละนางแก้วก็จะหมดคู่แข่ง คุณหลวงก็จะไม่มีใครให้รักอีกแล้ว
    ตำแหน่งนายผู้หญิงของเรือนเทาหลังนี้ ก็จะเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
    ท่ามกลางความเงียบ ความคิดของหญิงสาวสองคนสวนทางกันโดยสิ้นเชิง หยาดไม่ได้คิดถึงหลวงพินิจราชอักษร แต่คิดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญกว่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นลูบที่ท้องของหล่อนเบาๆ ใจลอยคิดอะไรไปไกล
    ไม่ได้รู้เลยว่าคืนนั้น พอหลวงพินิจราชอักษรกับบ่าวหนุ่มของเขากลับมาแล้ว ไอ้เจ้ารู้เล็กๆที่เทิดเจาะผิดที่นั้นเองก็ทำให้หล่อนตาสว่าง เห็นอะไรในแบบที่มันเป็นจริงๆ
    
    หลวงพินิจราชอักษร ยังมีสีหน้ากังวลยามนั่งอยู่คนเดียว แม้ว่าพอเส็งหันมาครั้งใด คุณหลวงหนุ่มจะพยายามยิ้มกลบเกลื่อนทุกครั้ง แต่ก็ไม่วายเส็งยังอุตส่าห์เห็นสีหน้าวิตกของคุณหลวงอยู่ได้เวลาที่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ระวังตัว
    ทะเลที่เพชรบุรีสวย แม้ไม่สวยเท่าหัวหินในสายตาหลวงพินิจราชอักษร แต่ก็สวยพอแล้วสำหรับคนไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนในชีวิตอย่างเส็ง ... อย่าว่าแต่ทะเลเลย แม้ม้าเหล็กที่เขานั่งมาจากพระนครจนถึงเพชรบุรีเส็งก็ไม่เคยเห็น รถไฟเอย รถรางเอยเป็นของใหม่ของคนสยาม ต่อให้เปิดใช้บริการเป็นสิบๆปีแล้วในตอนนั้น ก็ยังมีคนสยามบางคนที่ไม่เคยใช้บริการ หรือแม้แต่เคยเห็นมาก่อน
    เส็งกลัวเวลารถไฟหวูดสัญญาณดังก่อนจะเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา แต่ก็ทำได้เพียงกุมมือคนรักของเขาไว้แน่นจะโผเข้ากอดอย่างลืมตัว ก็ต้องห้ามใจ ให้ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะคนบนรถไฟก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย แม้หลวงพินิจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนสยามไม่กี่คนที่พูดภาษาฝรั่งได้ ใครเห็นก็จำได้ ทำงานกับฝรั่ง ฝรั่งก็ชอบเพราะหัวดี ช่างพูด กล้าแสดงออก แต่จะทำงานกับคนไทย คนไทยก็รักเพราะความสุภาพนอบน้อมของเขานั่นแหละ
    อย่างการเดินทางคราวนี้เหมือนกันหากไม่ใช่เพราะคนที่ทำงานด้วยกัน ชอบใจเขาละก็ หลวงพินิจราชอักษรก็ยังไม่รู้ว่า จะไปพักได้ที่ไหน
    ทั้งคู่จึงต้องวางตัวให้เหินห่างเล็กน้อย เว้นระยะให้ไม่ดูชัดเจนเกินไปจนน่าเกลียด อันที่จริงจะแสดงออกซึ่งความรักระหว่างกัน อย่างจับมือถือแขนโอบไหล่กันยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะกอด จูบกันในที่สาธารณะเลยด้วยซ้ำ
    เส็งมองบรรยากาศข้างทางก็รู้สึกร่มรื่น ด้วยต้นไม้ ใบหญ้ามันเขียวชะอุ่มสวยงามไปหมด หากผ่านลำธารเล็กๆ ก็จะเห็นลูกเด็กเล็กแดง วิ่งไล่กันบ้าง ลงแช่น้ำบ้าง ดูเป็นบรรยากาศที่สวยงาม จับใจ ลมตีเข้าหน้าเส็ง แต่หนุ่มน้อยก็ไม่กลัว กลับยื่นหน้ารับลมที่พัดมาแรงๆ รู้สึกเย็นสบาย ได้ปล่อยตัวตามสบาย พักผ่อนฟอกปอดอย่างนี้ก็ดีหน่อยสำหรับเส็ง
    พอหลวงพินิจบีบมือเส็งเบาๆ เด็กหนุ่มก็หันมามอง
    “อย่ายื่นหน้าออกไปมาก เดี๋ยวกิ่งไม้จะเกี่ยวเอา” นายหนุ่มของเขาว่า หัวเราะหึหึในลำคอ  “อีกอย่างลมพัดหน้าเส็งหลุดไปเราจะทำอย่างไร”
    บ่าวหนุ่มยิ้มให้นาย แล้วก็กลับไปนั่งพิงเก้าอี้คิดโน่นนี่ในใจไปเรื่อย เรื่องที่คิดหนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องสีหน้ากังวลของคุณหลวงหนุ่มนั่นแหละ ไม่รู้ว่าหลวงพินิจมีอะไรที่ไม่ได้บอกเขาอยู่หรือเปล่า
    เขาไม่รู้หรอกว่าเรื่องใดบนโลกจะหนักหนาจนกระทั่งบอกเขาไม่ได้ เอาเป็นว่าหากหลวงพินิจราชอักษรกล้าบอกเขาว่าตนต้องแต่งงานกับหยาดเพราะหยาดท้องได้ละก็เรื่องอื่นๆก็ย่อมไม่หนักหนาถึงขนาดบอกเขาไม่ได้อีกแล้ว
    แต่เส็งยังไม่อยากคิดอะไรตอนนี้ เพราะพอหันไปหาคุณหลวง นายหนุ่มก็นั่งยิ้มให้เขาแล้ว ไม่ได้บึ้งตึงอยู่อีก หนุ่มน้อยจึงไม่ได้ติดใจอะไรนัก
    บ้านที่หลวงพินิจพาเส็งมาอยู่นั้นเป็นบ้านที่คุณพระสนิทพิพิธประเทศ
ซื้อไว้เฉยๆ กะว่าบั้นปลายชีวิตหากออกจากกระทรวงแล้วจะมาอยู่ที่นี่ มันจึงเป็นบ้านไม้ขนาดเล็กไม่หรูหรา ไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากมายไปหมดเหมือนเรือนเทาของหลวงพินิจ แม้บ้านหลังนี้จะไม่ได้อยู่ติดทะเลเหมือนบ้านของเจ้าคุณที่หัวหิน แต่กระนั้น พอมองไปก็ยังจะเห็นผืนน้ำสีครามสวย ระยิบระยับล้อแสงแดดอย่างงดงาม กว้างไกลไปสุดลูกตา แทบจะกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับแผ่นฟ้าสวยอยู่ไม่ไกลนัก บ่าวหนุ่มยืนมองจากหน้าต่าง มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าไม่ต่างจากเด็กๆเห็นของเล่นใหม่
    “คุณหลวงขอรับ ทะเลสวยจริงขอรับ”
    “จ้ะ” หลวงพินิจรับคำ ตัวเขานอนอยู่บนเตียงอย่างเอกเขนกเต็มที ขี้เกียจจะลุกไปทำอะไรที่ไหน
    “คุณหลวง ไปที่ทะเลกันเถิดขอรับ”
    “เดี๋ยวก่อนซี เพิ่งมาถึง ขอนอนเอาแรงก่อน”
    “โธ่” เส็งบ่นอย่างน้อยใจ ก่อนจะเดินไปที่เตียง ปีนขึ้นไปนอนซุกกายอุ่นของหลวงพินิจราชอักษร “ไปเถิดนะขอรับ บ่าวอยากลงเล่นน้ำเต็มที อยากรู้ว่าน้ำทะเลเป็นอย่างไรขอรับ”
    หลวงพินิจหัวเราะลงลูกคอ
    “ไม่ละ เราหมดแรง นั่งมานานๆเมื่อยตัวเต็มที ขอพักก่อนเถิด”
    “คุณหลวงขอรับ...” เส็งอ้อน “นะนะนะ ไปกันนะขอรับ”
    “นอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ถึงจะพาไป”
    “คุณหลวงละก็” บ่าวหนุ่มแกล้งทำเป็นน้อยใจ หลวงพินิจราชอักษรจึงลุกขึ้นมา กอดซ้อนจากเบื้องหลัง
    “หมดแรง”
    เส็ง เอี้ยวตัวไปหอมแก้มเนียนสีเข้มของคุณหลวงหนุ่ม
    “มีแรงหรือยังขอรับ”
    หลวงพินิจไม่ตอบ แต่ช้อนตัวเส็งวิ่งอุ้มออกจากที่พักแบบเด็กๆ หัวเราะก้องบริเวณนั้นไปหมด ไม่กลัวใครต่อใครจะเห็น เพราะคิดว่าคงไม่มีคนรู้จักอยู่ใกล้ๆแถวนั้นอยู่แล้ว แต่หากใครมาเห็นจริงๆก็คงจะเห็นภาพของชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำ วิ่งอุ้มเด็กหนุ่มหัวเราะระริกระรี้ไปจนถึงทะเลใครๆก็คงดูออกว่าสองคนนี้รักใคร่ผูกพันกันแค่ไหน หากใครจะคิดว่าความรักที่เกิดขึ้นระหว่างชายสองคนนี้จะวิปริตผิดเพศ ก็คงเป็นคนที่ยึดติดแต่กับธรรมเนียมปฏิบัติอะไรเดิมๆ ใช้สมองมองอะไรต่อมิอะไรไปหมด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เพียงใช้ตามองก็คงรู้ได้ว่า ความรักของทั้งสองคนนี้เป็นความรักที่สวยงาม บริสุทธิ์เกิดจากความผูกพันรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยกันไม่ใช่โรคร้าย   ไม่ใช่ความผิดบาป
    ไม่ได้ต่างอะไรจากความรักระหว่างชายกับหญิงเลย
    ชายและหญิงบางคนเสียอีกที่ต้องจำใจอยู่ด้วยกันไปจนตาย ทั้งที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ผูกพันอะไรกันเลย อย่างคุณหลวงกับแม่หยาดนี่ไง... อย่างไหนกันแน่ที่เป็นรักที่สวยงามที่ถูกต้องตามความสมัครใจ และอย่างไหนคือความผิดที่ต้องไปบังคับให้คนไม่รักกันอยู่ด้วยกัน อยู่ไปก็ทุกข์ใจไปเฉยๆ
    
    เส็งว่ายน้ำไม่เป็นจึงได้แต่ลอยคออยู่นิ่งๆให้คลื่นซัดเข้าฝั่ง หัวเราะอย่างมีความสุข หลวงพินิจราชอักษรนั่งดูอยู่จากที่ชายหาดบ้าง ลงมาเคลียคลอบ่าวหนุ่มในน้ำบ้าง หรือไม่ก็วิ่งไล่จับกันอย่างมีความสุขบ้าง สักพักพอเหนื่อยก็ขึ้นมานอนอยู่บนหาดนอนกอดกันราวกับเป็นหาดสวรรค์ของทั้งสองคน เพราะคุณพระไม่ได้บอกหลวงพินิจว่าที่นั่นมีบ้านของเพื่อนอยู่อีกหลังหนึ่งและเพื่อนคนนั้นก็อยู่บ้านด้วย หลวงพินิจจึงคิดเอาเองว่า ไม่มีใครอื่นนอกจากเขาและคนรัก จะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างไร ก็ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเลยว่าอาจจะมีคนมาเห็นได้
    “คุณหลวงขอรับ” เส็งเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อฟ้าเริ่มจะมืดลง พระอาทิตย์เกือบจะพ้นขอบฟ้า ผืนฟ้ากว้างเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้าใสอย่างตอนกลางวันมาเป็นสีน้ำเงินเข้ม แกมม่วงดูสวยงามจับใจ
    “ว่าอย่างไร”
    “บ่าวมีความสุขขอรับ” เส็งกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของหลวงพินิจ คุณหลวงหนุ่มก็หัวเราะแล้วตอบไปทำนองว่าเขาเองก็มีความสุขมากเช่นกัน “อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่ต้องกลับพระนคร ไม่ต้องไปพบกับความจริงว่า คุณหลวงกำลังจะมีลูก และแม่ของลูกคุณหลวงก็คือคุณหยาด”
    หลวงพินิจเงียบ ไม่รู้ว่าไม่อยากพูดอะไร หรือไม่มีอะไรให้พูดกันแน่
    “บ่าวไม่อยากคิดอย่างนี้เลยขอรับ แต่บ่าวก็คิดแล้ว บ่าวรักคุณหลวงนะขอรับ รักแบบที่ไม่อยากให้คุณหลวงไปรักใคร หรือมีสัมพันธ์อะไรกับคนอื่นอีก” เส็งว่าต่อไป “บ่าวอาจเห็นแก่ตัว แต่บ่าวอยากเป็นของคุณหลวงคนเดียว อยากรักแต่คุณหลวง และก็อยากให้คุณหลวงรักบ่าวแต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน
    บ่าวลำบากใจเหลือเกินที่เมื่อตื่นมาครั้งใดก็ต้องพบว่าคุณหยาดเธอต้องนอนคนเดียวอยู่ห้องข้างๆ ทั้งๆที่เธอก็เป็นคนพาบ่าวมาให้คุณหลวงเอง ทั้งๆที่คุณหลวงก็หมั้นอยู่กับเธอมานาน ลำบากใจที่ต้องไปแบ่งใจของคุณหลวงมาจากคุณหยาด ต้องรักกันแบบหลบๆซ่อนๆ ในขณะที่คุณหยาดสามารถรักกับคุณหลวงอย่างเปิดเผยก็ได้ แต่ไม่ทำเพราะคุณหลวงรักอยู่กับบ่าวแล้ว
    บ่าวไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่อยากทำร้ายคุณหยาด แต่ก็ไม่อยากจากคุณหลวงเช่นกัน เพราะว่าบ่าวรักคุณหลวงเหลือเกิน รักเสียสุดหัวใจ รักจนไม่อาจทนเห็นคุณหลวงได้มีลูกสักวัน ได้เลี้ยงดูลูกร่วมกับคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะรักคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะลืมบ่าว”
    หลวงพินิจหันหน้ามองเด็กหนุ่มเต็มตา
   “ไม่ดอกเส็ง ตลอดเวลามานี่ เรายังไม่ได้พิสูจน์ให้เส็งเห็นอีกหรือว่า เรารักเส็งคนเดียว และเราทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเส็งได้ตลอด”
    เส็งเงียบไปนาน จนกว่าจะพูดอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแทบไม่เห็นหน้ากันเสียแล้ว
    “บ่าวอยากอยู่กับคุณหลวงเพียงสองคนบนโลกเหลือเกิน ขอรับ”
   “เราก็เหมือนกัน” อีกฝ่ายว่าอย่างเศร้าสร้อย ในใจว้าวุ่นไปหมดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตรักของตนดี “เอาอย่างนี้ไหมล่ะเส็ง เราจะขอร้องหยาดดีๆ เราจะส่งเสียเลี้ยงดูหยาด ยกสมบัติทั้งหมดให้หล่อน แล้วเราก็หนีมาอยู่ด้วยกันเพียงสองคนที่นี่ ที่เพชรบุรี”
    “คุณหลวง!”
    “เส็งจะว่าเราพูดเป็นเล่นใช่ไหม เราพูดจริงๆ” หลวงพินิจว่า “หยาดก็คงไม่ชอบใจนักหากต้องอยู่ในฐานะเมีย แต่ไม่ได้รับความรักความสนใจจากผัวเลย”
    “แต่เราจะหนีมาอยู่กันแค่สองคนหรือขอรับ คุณหลวงต้องทิ้งทุกอย่าง การงาน ทรัพย์สิน เกียรติยศ และครอบครัวนะขอรับ หากเจ้าคุณพ่อรู้เข้า.... คุณหลวงจะต้องเดือดร้อนแน่ขอรับ”
    “ก็จะเดือดร้อนทำไม” ชายหนุ่มว่า “ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักเราไม่ใช่หรืออย่างไร การงาน ทรัพย์สิน เกียรติยศ อะไรเราก็ไม่ต้องการ เราต้องการแค่อยู่กับเส็งเท่านั้น” เขาว่า “แล้วถ้าเราไม่มีการงาน ทรัพย์สินอะไรพวกนั้น เส็งจะยังเหมือนเดิมหรือไม่”
    “คุณหลวง บ่าวไม่เคยต้องการได้ทรัพย์สินอะไรของคุณหลวง...”
    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เราจะอยู่อย่างนี้กันก็ได้นี่ อยู่อย่างจนๆ พอมีพอกินไปตามเรื่อง ทรัพย์สินเงินทอง สมบัติทั้งหมด เรายกให้แม่หยาดเป็นค่าเลี้ยงดูลูก เส็งจะยอมไหมล่ะ หากจะมาอยู่แต่ตัวกับเราที่นี่ มาเริ่มต้นทุกอย่างกันใหม่ ปลูกผักหาปลากินกันไปวันๆหนึ่ง จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน”
    เส็งไม่ตอบแต่กอดร่างของหลวงพินิจแน่นเข้า
    “เราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน” บ่าวหนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่อกของหลวงพินิจ
    “แล้วเรื่องครอบครัว เราก็จะรอจนเจ้าคุณพ่อหายโกรธเสียก่อนค่อยไปขอขมา ได้ไม่มีเวรกรรมอันใดที่โกรธแค้นระหว่างกัน ดีไหมเส็ง”
    “ขอรับ” บ่าวหนุ่มยิ้มอยู่ในความมืด เช่นเดียวกับหนุ่มคนรัก เหมือนคืนที่พบกันก่อนหลวงพินิจไปหัวหินกับแม่หยาด เหมือนคืนที่หลวงพินิจเพิ่งกลับมา ได้บอกรักกันเป็นครั้งแรก กระนั้นคราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนๆ เพราะนอกจากจะสุขที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ยังจะทุกข์ใจเมื่อต้องมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรอยู่ในหัวเต็มไปหมด อีกด้วย
    ทั้งคู่รู้ดีพอๆกับที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักกันมากเหลือเกิน ว่าทั้งสองไม่เหมาะสมกัน ทั้งฐานะ ชาติตระกูล วิถีชีวิต และ เพศ แต่ทั้งคู่ก็ยังดื้อดึง ยังฝืนรักกันถลำลึกจนถอนใจจากกันและกันไม่ได้ ยังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆในชีวิต ทั้งๆที่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากหากหลวงพินิจตัดใจจากเส็งตั้งแต่รู้ว่าตนต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหยาด
    ป่านนี้เขาคงมีความสุขอยู่กับภรรยา คงตั้งหน้าตั้งตารอเลี้ยงดูลูก แม้อาจจะลืมเส็งไม่ได้ง่ายๆ และคิดถึงหนุ่มน้อยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่นานเกิน เดือนสองเดือน เขาก็คงลืมเส็ง คงลืมไปว่าเคยรักใครเสียหัวปักหัวปำ ชีวิตเขาก็จะดำเนินต่อไปอย่างง่ายดาย รุ่งโรจน์ เขาอาจได้เลื่อนยศเป็น พระพินิจราชอักษร ไม่แน่อาจได้เป็น พระยาอย่างพ่อของเขาสักวัน มีลูกคอยเลี้ยงดูเมื่อแก่เฒ่า ตายดีอย่างมีเกียรติสมฐานะ สมชาติตระกูล
    แล้วหากเขาเลือกทิ้งอนาคตที่เขาเห็นรางๆอยู่นี้เล่า เขาก็คงมาอยู่ที่นี่กับเส็ง “ที่นี่” ไม่ได้หมายความว่ามีที่อยู่แล้วนะ หมายความแต่ว่าอยากมาอยู่ทะเล เพราะเส็งชอบทะเลเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนซื้อบ้านแถวนี้ แล้วเรื่องอาหาร การงานอะไรเล่า อยู่แถวนี้หลวงพินิจคงไม่มีโอกาสใช้ภาษาฝรั่งเต็มศักยภาพหาเลี้ยงชีพได้เงินเยอะๆเสียแล้ว คงต้องยอมรับว่า ตนต้องหามื้อกินมื้อ ปลูกผัก หาปลากินไปวันๆเท่านั้น อาจต้องอดมื้อกินมื้อหรือเปล่า บ่าวไพร่บริวารก็ไม่มี หากจับไข้ขึ้นมา ใครจะดูแล มีเส็งอยู่ข้างเขาคนเดียว แต่พอแล้วหรือ หากเขาเป็นอะไรสาหัสแบบที่เส็งเองก็ช่วยไม่ได้ จะเอายาจากไหน เอาหมอจากไหน ไม่ป่วยตายไปเสียกลางป่าอย่างนี้หรือ คงไม่มีงานศพสมเกียรติเพราะพ่อแม่เขาคงไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ ชายหนุ่มคงต้องเป็นศพไร้ญาติ เผาตามวัดแถวนี้ นี่ในกรณีที่เขาตายก่อนนะ
    หากเส็งตายก่อนเขาเล่า เขาจะอยู่อย่างไร กลับไปหาหยาด หาเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ก็คงทำไม่ได้อีก อยู่คนเดียวที่นี่ไปจนตาย จะทำได้หรือไม่
    อีกอย่างที่คิดคือ แล้วหยาดเล่า หล่อนจะเสียใจแค่ไหน สิ่งที่เขาสองคนทำนั้นมันผิดต่อหล่อนเพียงใด แล้วลูกอีก ลูกจะมีปมด้อยเกิดมากำพร้าพ่อโตไปก็จะเป็นเด็กมีปัญหา ไม่มีใครคอยช่วยเลี้ยงดู คอยให้การศึกษา หยาดจะถูกว่า ว่าเป็นหญิงไม่ดี ที่แม้แต่สามียังไม่เอา
    แต่เรื่องของคนอื่นไม่สำคัญกับพวกเขาเท่าเรื่องของตัวเองอีกแล้วในเวลานั้น ด้วยความรักอย่างแรงกล้า บวกความอยากเอาชนะ บวกความหลงแล้ว ทั้งคู่ต่างก็มั่นใจว่าจะอยู่กับอีกคนหนึ่งต่อไป การหนีกันมาอยู่ที่เพชรบุรี เป็นความคิดที่เข้าท่า แม้จะเป็นแบบเห็นแก่ตัวไปสักนิด แต่ก็จะทำให้ทั้งเขาสองคน และหยาดมีความสุขเท่าๆกันได้ทุกฝ่าย
    หลวงพินิจราชอักษรไม่รู้ว่าทั้งเขาและบ่าวคนรักนอนกอดกันเงียบๆอยู่นานเพียงใด กระทั่งเริ่มรู้สึกถึงหยดน้ำตกลงต้องผิวกาย สักพักก็รู้ว่าฝนตก ไม่ถึงนาที จากฝนปรอยๆ โปรยมาเป็นละอองก็กลายเป็นฝนตกห่าใหญ่ ตกโครมลงมาจนเปียกโชกไปหมดสองหนุ่มโอบประคองกันและกันรีบวิ่งเข้าที่พักอย่างเร็วที่สุด
   หลวงพินิจกอดเส็งไว้แนบกาย ไออุ่นจากตัวเขา ทำให้หนุ่มน้อยอบอุ่นเหลือเกิน ทั้งคู่ยืนนิ่งในอ้อมกอดของกันและกันหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนผ้า พร้อมนอนแล้ว หนุ่มน้อยยืนมองบรรยากาศอันแสนน่ากลัวของชายทะเลที่มีมรสุมเข้า อยู่ตอนนั้น มีหลวงพินิจราชอักษรกอดมาจากข้างหลัง วางใบหน้าที่เริ่มมีหนวดแข็งๆขึ้น ไว้บนไหล่ของเส็ง
    ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า ควรจะบอกเขาไปหรือเปล่า ว่าความจริงที่พระสนิทพิพิธประเทศบอกเขาในวันนั้นคืออะไร กระทั่งรวมรวมสมาธิได้ หลวงพินิจก็เอ่ยขึ้น
    “เส็ง”
    “ขอรับ”
    “เรามีอะไรจะบอกสักหน่อย” อาจเพราะน้ำเสียงของหลวงพินิจนั้นจริงจังมากไปสักนิดกระมัง เส็งจึงหมุนตัวมายืนมองหน้าคุณหลวงหนุ่มอย่างนี้
    “มีอะไรหรือขอรับ”
    “เอ้อ”พอถึงเวลา เรื่องที่พูดง่ายๆกลับพูดยากอย่างไรไม่รู้ “จำวันนั้นที่เราเอางานไปส่งคุณพระสนิทได้หรือไม่”
    “จำได้ซีขอรับ”
    “อันที่จริงคุณพระเธอไม่ได้ให้เราหยุดมาเที่ยวหัวเมืองได้ง่ายๆดอก อันที่จริงเธอชอบงานของเรามาก จึงบอกกับผู้ใหญ่ที่กระทรวง ที่เผอิญอยู่ที่นั่นด้วยในวันนั้นว่า” หลวงพินิจกลืนน้ำลาย “เธออยากให้เราช่วยไปกับเรือขนสินค้าที่จะไปยุโรปเที่ยวนี้ด้วย เพราะไม่มีใครจะไปพูดเจรจากับบริษัทขนส่งทางโน้นได้แล้วนอกจากเราคนเดียว”
    เส็งหน้าชา เขาเบื่อเหลือเกินที่ต้องได้ยินเรื่องที่ไม่น่าฟังแบบนี้จากหลวงพินิจครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ไปหัวหิน จนหยาดท้อง จนแต่งงาน มาตอนนี้ทำท่าจะไปได้ดีก็กลายเป็นว่า ต้องจากเขาไปจนถึงยุโรปอีกแล้ว
    “ไปเมื่อไหร่ขอรับ” พอพูด เสียงก็สั่นเครือ น้ำตาก็เอ่อล้นมาคลอเบ้าอีกครั้งทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้เป็นแบบนี้เลย หลวงพินิจเห็นเส็งตาแดงกก่ำก็ใจเสีย ก้มหน้าไม่กล้าสบตาบ่าวหนุ่ม
    “อาทิตย์หน้านี้แล้ว”
    “โธ่” เส็งร้องออกมา “อาทิตย์หน้าแล้ว คุณหลวงขอรับทำไมเร็วเหลือเกิน”
    หลวงพินิจไม่อาจตอบได้ เขาก้มหน้านิ่งไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นให้บ่าวหนุ่มช้ำใจมากไปกว่านี้
    “ไปถึงเมืองฝรั่ง คราวนี้คงไม่ได้รีบไปรีบกลับแน่” น้ำตาของบ่าวหนุ่มไหลเป็นทาง “ต้องไปนานจริงหรือไม่ขอรับ”
    “ก็คง สักสามสี่เดือน หรือหกเดือนเป็นอย่างมาก”
    “หกเดือน!” เส็งอุทาน ร้องไห้อย่างทุกข์ใจ แค้นสวรรค์ที่ทำให้เขาได้พบกับรักที่อ่อนหวาน แต่ก็ทำร้ายเขาด้วยความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า “ทำไมความรักของเราต้องลำบากถึงเพียงนี้ด้วยขอรับ”
    “เส็ง” หลวงพินิจเช็ดน้ำตาคนรัก พลางเข้ามากอดหวังให้หยุดร้อง กระนั้นเส็งก็ยังคงยิ่งร้อง ร้องแล้วร้องอีก ไม่มีท่าว่าจะหยุด “เส็งน้อยใจหรือ... อย่าเพิ่งเบื่อ อย่างเพิ่งน้อยใจซี เราต้องผ่านกันไปได้นะเส็ง เราก็ไม่ได้อยากไป แต่ก็ไม่มีใครที่คุณพระไว้ใจให้ไปอีกแล้ว แล้ว เพราะงานครั้งนี้เราอาจได้เลื่อนยศ อาจจะ...”
    “คุณหลวง” บ่าวหนุ่มกัดริมฝีปาก “คุณหลวงไม่สงสาร ไม่เห็นใจบ่าวบ้างหรือขอรับ”
    เท่านั้นหลวงพินิจก็รู้สึกเหมือนถูกเส็งตบหน้า เหมือนถูกพระยายมราช คว้าหัวใจแล้วบีบทิ้งให้เละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขามันเป็นคนรักที่แย่ที่สุด เขาทิ้งเส็งไปหัวหินมาครั้งหนึ่ง ทำหยาดท้อง เข้าพิธีแต่งงานให้เส็งต้องทุกข์ใจมาก มาคราวนี้ก็จะทิ้งเส็งไปอีกแล้ว แล้วไปถึงยุโรป เจ้าตัวรู้ดีว่าสามสี่เดือนที่บอกเส็งนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะกลับมาได้ กว่าจะเดินทางไปถึงก็หลายเดือน และคงไม่ได้อยู่ที่เดียว เขาอาจต้องไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษ ดีไม่ดีได้ไปรัสเซียอีก กว่าจะได้กลับก็คงนาน ขากลับก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน คงครึ่งปีหรือเกือบปีกระมังกว่าที่เขาจะได้กลับมาพบหนุ่มคนรัก
    “เส็ง” เขาว่า น้ำตาปริ่มจะไหลออกมาบ้าง “เราขอโทษนะเส็ง เราจำเป็นต้องไปจริงๆ”
    “คุณหลวง” เส็งสาวเท้าเข้ามากอดร่างของนายหนุ่มกล่าวทั้งน้ำตา “ตั้งแต่รู้จักกันมา อ้ายเส็งคนนี้ยังไม่เคยได้ขออะไรจากคุณหลวงเลยนะขอรับ คราวนี้จะขอสักครั้ง ไม่ไป ไม่ได้หรือขอรับ”
    “เส็ง” เขากระซิบเบาๆ ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลอาบแก้มเป็นทางมาจน หยดลงบนตัวเส็งอย่างนี้ได้เลย “มันเป็นวิธีเดียวที่เราต้องทำ จะได้บอกกับทางผู้ใหญ่ว่าทำงานเหนื่อยมากแล้ว จะออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ออกมาอยู่ด้วยกันกับเส็งแค่สองคน”
    บ่าวหนุ่มได้แต่ฟัง แล้วก็ร้องไห้ ส่ายหน้าราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วหลวงพินิจจะไม่จากไปจริงๆอย่างนั้น
    “ขอให้เส็งคิดว่าทุกวันนี้ เราได้ทำทุกอย่าง ทุกทางแล้วจริงๆให้เราได้อยู่ด้วยกันนะเส็ง” หลวงพินิจราชอักษร หน้าซีดเผือด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดูเป็นคนที่ “แพ้” ให้ทุกอย่างแล้วในชีวิตตอนนี้ “พอเรากลับจากยุโรป เราจะไปลาออกจากงานที่กระทรวง คุยกับแม่หยาดให้รู้เรื่อง แล้วก็ไปรับเส็งมาอยู่กับเราที่นี่ ที่เพชรบุรีนี้นะเส็ง”
    บ่าวหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้จนน้ำตาแห้ง กอดร่างของหลวงพินิจไว้อย่างนั้น ยอมรับชะตากรรมอันแสนจะอาภัพของตน ขี้เกียจจะเสียใจ น้อยใจ ขอร้องอะไรจากหลวงพินิจราชอักษรอีก ได้แต่หวังลึกๆในใจ ลึกๆจริงๆว่าเมื่อหลวงพินิจกับมายุโรปแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นจริงๆ เขาคงจะได้อยู่กับหลวงพินิจราชอักษรสองคน ไปจนตาย ... หารู้ไม่ว่า ตนเองจะไม่มีโอกาสเช่นนั้นจริงๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2010 23:58:10 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
    ร่างของพาทิศนิ่งสงบ นานถึงสามอาทิตย์จนเกือบจะขึ้นอาทิตย์ที่สี่แล้ว ที่เขายังนอนนิ่งเป็นเจ้าชายนิทราอยู่บนเตียงอย่างนี้ ชายหนุ่มหลับตาพริ้มอยู่ในเสื้อของโรงพยาบาล อกสะท้อนขึ้นลงเบาๆ ช้าๆตามจังหวะการหายใจที่แผ่วเบาลงมากขึ้นทุกทีๆ  ผมเผ้าถูกตัดออกไปเพื่อผ่าตัดเลือดคั่งในสมอง กระดูกแขนที่หักสมานกันดีหรือยัง ไม่มีใครรู้ เพราะพาทิศยังไม่ฟื้น และจะเอาไปเอ็กซ์เรย์ดูก็ไม่ได้เพราะญาติผู้ป่วยที่ดูเหมือนแม่มดแก่ๆนั้น ยืนยันว่าต้องให้มีโถเครื่องลายครามอยู่ข้างๆตัวชายหนุ่มตลอดเวลา มิเช่นนั้นเขาจะต้องหมดลมหายใจไปอย่างง่ายๆ อย่างนั้น
    “ญาติผู้ป่วยที่ดูเหมือนแม่มดแก่ๆ” คนนั้นนั่งอย่างสงบอยู่ข้างเตียง ตาหลับสนิท เพ่งสมาธิไปยังร่างที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง มีหนุ่มสาวสองคนยืนอยู่ริมเตียง คนที่เป็นชายหนุ่มยืนเกาะขอบเตียงมองเพื่อนหนุ่มอยู่ด้วยสายตาน่าสงสาร มีหญิงสาวที่รวบผมหางม้าตึงอยู่ที่ท้ายทอย ยืนอยู่ข้างๆหลัง มือแตะอยู่ที่บ่าของชายหนุ่มที่วางมือของเขาบนมือของเธออีกทีหนึ่งราวกับจะขอบคุณกำลังใจที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน
    ไม่มีใครกล้ารบกวนสมาธิของจิตรา
    หญิงชราพยายามเพิ่งจิตให้เข้าไปเตือนพาทิศว่า ให้ดึงจิตของเขากลับมายังปัจจุบันได้แล้ว แต่หล่อนก็ไม่สามารถทำได้ ราวกับใครบางคนที่ทำให้พาทิศเห็นภาพนิมิตเหตุการณ์ในอดีตของเขาในครั้งนี้ ต้องการให้เฉพาะพาทิศเท่านั้นที่รู้เรื่องราว ต่อให้จิตรารู้ตอนจบของเรื่องนี้อย่างมั่นใจแน่นอนแล้ว หล่อนก็ยังไม่รู้สาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องอยู่ดี จึงอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับรู้เรื่องนี้บ้าง และหล่อนก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่า พาทิศเป็นใครในอดีตกันแน่
    ถามหล่อนว่า หากจิต หรือความทรงจำของคนที่ใครต่อใครรวมทั้งพาทิศก็เห็นกันที่เรือนเทา นั้นเป็นเส็ง แสดงว่าพาทิศจะเป็นเส็งไม่ได้หรือ หล่อนจะตอบว่าอาจได้ แม้บ่อยครั้งไปที่ความทรงจำบางส่วนของคนจะฝังอยู่ในที่ที่ตาย จนจิตที่เข้มแข็งนั้นไม่ยอมพ้นจากโลกไปสู่ร่างใหม่ในชาติภพใหม่ แต่หล่อนก็ยังไม่แน่ใจว่า คนเราจะแบ่งจิตเป็นสองที่อยู่ในที่หนึ่ง แล้วมาเกิดอีกที่หนึ่งได้หรือไม่
    มันจะมีคำอธิบายที่ดีทีเดียว สำหรับการเห็นเหตุการณ์ เดจา วู คือจิต หรือความทรงจำที่เคยเกิดมาก่อนในชาติภพก่อนยังฝังอยู่ในที่ที่หนึ่งไม่ไปไหน แม้จิตส่วนหนึ่งจะมาอยู่ในร่างใหม่แล้วก็ตาม เมื่อร่างใหม่นี้กลับไปยังที่เดิมที่เคยฝังจิต และความทรงจำไว้ ก็จะจำสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นได้อย่างการระลึกชาติ แต่ในเมื่อพาทิศเคยเห็นเส็ง ในรูปของคน แม้จะเป็นเพียงจิตส่วนหนึ่งแต่หากแกร่งกล้าพอที่จะปรากฏเป็นรูปร่าง ก็ย่อมแสดงว่า จิตของเส็งนั้นต้องมีอยู่ครบดวง ฝังอยู่ในเรือนเทานั้นไม่ได้ไปเกิดใหม่ จะแบ่งอยู่ที่เรือนเทาส่วนหนึ่ง มาเกิดเป็นพาทิศอีก ก็ไม่น่าจะได้แล้ว
    กระนั้นจิตราก็ไม่แน่ใจ พาทิศจะเป็นใครก็ได้ ตั้งแต่เส็ง หลวงพินิจราชอักษร คุณหยาด แก้ว มั่น เทิด เจ้าคุณ หรือคุณหญิงไพรัชกิจ หรือแม้แต่มะลิ หรือชิดก็เป็นได้ทั้งนั้น แล้วจริงๆ พาทิศเป็นใครกันแน่ หล่อนทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้พาทิศรู้ของเขาเอง ทีนี้พอรู้แล้ว ก็จะได้ช่วยกันหาวิธีแก้ต่อไป
    แล้วจิตรามีส่วนได้ส่วนเสียอะไร
    หล่อนจะตอบว่าไม่ก็ได้ แต่ในฐานะของคนที่มีสัมผัสที่หก เมื่อได้ไปสัมผัสถึงจิตของ “ใคร”ที่อยู่ในบ้านนั้นก็ย่อมอยากรู้ว่า จิตที่ยังสิงสถิตย์อยู่นั้นเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่ หล่อนรู้ไม่ใช่ไม่รู้ เกี่ยวกับสัมพันธ์ของหลวงพินิจราชอักษร และเส็ง หล่อนเห็นใจว่าการรอคอยใครสักคน ยาวนานข้ามศตวรรษมันทรมาณเพียงไหน เพราะหล่อนเองก็รอใครสักคนอย่างนั้นเหมือนกันแม้ไม่ข้ามศตวรรษแต่หล่อนก็รู้ว่า การรักใครสักคนแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมันทรมาณเพียงใด
    จิตราไม่แต่งกับผ่านฟ้าเพราะหมั่นไส้ในความร่ำรวยของเขา มารู้จริงๆว่าหล่อนมีใจให้ชายหนุ่มผู้นั้น ก็สายไปแล้ว หล่อนก็ได้แต่รอให้เขาหันกลับมาแต่ในที่สุดเขาแต่งงานมีลูกไปเรียบร้อย แต่งกับน้องสาวหล่อน จึงได้แต่เศร้าสร้อย โทษตัวเองได้เท่านั้น เพราะความหลงในหนุ่มรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของหล่อนนั่นเอง
    แต่หล่อนก็ยังตั้งคำถามว่า ที่หลวงพินิจรักเส็งนั้น ใช่รัก อย่างที่หล่อนรักผ่านฟ้าหรือไม่ หรือเป็นเพียงหลง จนอาจจะตัดสินใจผิดไม่เลือกคุณหยาด อย่างที่หล่อนเลือกรุ่นพี่ผู้นั้น แทนที่จะเป็นผ่านฟ้ากันแน่
    จิตราลืมตาในที่สุด เพื่อนหนุ่มของพาทิศก็โผเข้ามาหาหล่อน ถามด้วยเสียงร้อนรน “คุณป้าครับ ไอ้ทิศ... ไอ้ทิศจะไม่ฟื้นจริงๆหรือครับ”
    “ฟื้นแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้” หล่อนหลับตาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้าของนิมิตยังไม่อยากให้เขาฟื้นค่ะ”
    “แต่นี่เกือบเดือนแล้วนะครับ คุณป้าผมไม่อยากให้มันเป็นเหมือนตอนนั้นอีก แล้วตอนนั้นก็เพียงแค่อาทิตย์เดียว..”
    “คุณณัฐอย่าห่วงเลยค่ะ ตอนนี้คุณพาทิศได้รับอาหารจากทางสายน้ำเกลือ แล้วพยาบาลก็คอยมาขยับพลิกตัวอยู่ทุกวัน คนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” สร้อยฟ้ายิ้มให้ชายหนุ่มผู้ซึ่งยิ้มกลับอย่างอบอุ่น
    “ขอบคุณคุณสร้อยมาก ที่อยู่ข้างผมมาตลอด... ถ้าผมไม่ได้คุณสร้อยผมคงจะแย่” จิตราสังเกตเห็นเลือดฝาดขึ้นหน้าหลานสาว พอๆกับสายตาอบอุ่นของเพื่อนหนุ่มของหลานชายเพื่อนหล่อน ก็หลับตาลงยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาเฉยๆว่า
   “จริงของแม่สร้อยค่ะ คุณณัฐอย่าเป็นห่วงไปเลย อีกอย่าง จิตของคุณ
พาทิศเข้มแข็งขึ้นแล้ว เรื่องคงกำลังจะเข้มข้นขึ้น จิตคุณพาทิศใกล้จะกลับเข้าร่างในที่สุด ดิฉันว่า เรื่องคงกำลังจะจบแล้วล่ะค่ะ” ใช่เรื่องความรักในอดีตระหว่างหลวงพินิจราชอักษรและเส็งกำลังจะจบลง แม้ความรักของทั้งคู่ยังไม่จบลงในปัจจุบัน ยืดยาวมาเป็นศตวรรษก็ตาม ในขณะที่ความรักของหนุ่มสาวที่อยู่ด้วยกันกับหล่อนคู่นี้กำลังเริ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ...จิตรายิ้มอย่างพอใจ    

*********************************************************************************************

ขอโทษทีครับที่ตอนนี้มาต่อช้าเหลือเกิน พอดีเพิ่งเสร็จธุระนะครับผมม
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะครับที่เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณมากครับ
คุณหน่าครับ ...จะเม้นสั้น เม้นยาว ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ ดีใจเสียอีกที่มีคนติดตาม และอุตส่าห์เม้นให้กำลังใจไว้ด้วย ตื้นตันมากๆครับ
ตอนนี้คงจะเครียดๆหน่อยนะครับ อันที่จริงหมดช่วงหวานแล้ว ฉากนี้เป็นฉากหวานเล็กๆน้อยๆ ฉากสุดท้าย
หนทางข้างหน้ามีแต่ขวากหนาม ครับผม

ตอนหน้าจะยิ่งเศร้า เป็นตอนที่พีค และแต่งยากที่สุดตอนหนึ่งเลยครับ ยอมรับว่าแต่งตอนต่อไปนี้ตอนเดียว แทบจะทั้งวัน
และบทต่อไปนี้แหละครับที่ผู้เขียนเองต้องเสียน้ำตาให้กับมันด้วย เรียกได้ว่าเป็น มาม่า ต้มยำทะเลเดือดไซส์ยักษ์จริงๆ
ยังไงก็ติดตามกันนะครับผม อิอิ

ปล. ขำเม้น คุณ Big...
ปล2 ขำเม้นคุณกิตเช่นเคย :]
ปล3 ขำทุกเม้นที่เขียนว่า "รู"คุณหยาด 555+
ปล4 ยินดีต้อนรับคุณ V_we และ คุณ Itahset
รวมทั้งคนอื่นๆที่เพิ่งมาตามอ่านนะครับ ฝากคุณหลวง และเส็ง รวมทั้งพาทิศและคนอื่นๆไว้ในใจอีกสักคนสองคนด้วยนะครับ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2010 00:08:05 โดย Purple_Sky »

tawan

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :monkeysad:สงสารเส็งคุณหลวง


เกียจทุกคนที่ขัดขวางความรักกกกกกกกกกกกกก :angry2:


พาทิศตื่นมาเร็วน้าณัฐรออยู่ๆๆๆๆๆๆๆ


อยากรู้ว่าพาทิศเป็นใครด้วยยยยยยยยยยยยยยยย o13

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
ใกล้ถึงจุดที่ทุกคนอยากรู้แล้วใช่ไหมค่ะ ว่าเส็งและคุณหลวงตายยังไง จะรออ่านค่ะ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยเส็งจะตายเสียก่อนกระมั้งเนี้ย

แล้วใครที่อยู่ในสะบัวเล่า หรือจะเป็นนางแก้ว พวกขี้ข้าหวังตีตัวเสมอเจ้านายนี้น่าจะถูกจับกดสระนะอาจจะเป็นนายเทิดที่ฆ่าแก้ว  พอคุณหลวงกลับมาก็เลยตรอมใจตายเลยที่รู้ว่าเส็งเสียแล้ว



อยากรู้มากอ่ะวาจะออกมาเป็นแบบไหน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

Miku

  • บุคคลทั่วไป
แอบลุ้นๆว่าพาทิศน่ะ คือคุณหลวง
แต่ก็รู้สึกไขว้เขวนิดๆแล้ว

ตอนนี้เริ่มๆจะบีบคั้นหัวใจแล้ว
กลัวว่าคุณหลวงไปแล้วเส็งจะโดนคนอื่นแกล้งจนตายไปจริงๆ
ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว คุณหลวงกลับมาจะเป็นยังไง
แล้วหายไปครึ่งปี จะยังรักเหมือนเก่ามั๊ย(เห็นตอนต้นเกริ่นๆเหมือนมีคนเล่าว่าคุณหลวงตายเพราะรักคุณหยาดมาก)
ถ้าคุณหลวงไม่เหมือนเก่า แล้วเส็งที่ตายไป รอไปเพื่ออะไร

อยากอ่านต่อมากเลยค๊าาา

(ส่วนตัวแล้วแอบเห็นใจคุณหยาดนะ แต่งเข้ามาแล้วเขาก็ไม่รัก)

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ต๊าย นุ่งโจงลงเล่นน้ำทะเล เท่พิลึก
/กิต. นึกถึงภาพ....ผ้านุ่ง ลอยกระเพื่อมๆ อิอิ

๑๒๐ + ๑ = ๑๒๑
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ณัฐกับสร้อยฟ้า  จะเข้าทำนองคุณหลวงกับแม่หยาดหรือเปล่านะ
ดูเหตุการณ์จะคล้าย ๆ กัน  อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกความรักทำให้คนเห็นแก่ตัวนะ
รักแล้วก็อยากครอบครอง  ผิดมั๊ยก็ไม่ผิดหรอก
แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันก็ไม่ถูก  เฮ้ออ

V_we

  • บุคคลทั่วไป
มันหวานๆ ปนเศร้า แล้วก็แถมด้วยอาการหวาดระแวง
คิดไปสารพัดว่าอะไรที่จะแยกสองคนนี้ออกจากกันจริงๆ
ความจริงใกล้มากแล้วสินะคะ เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้รอ
 :sad11:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
เตรียมใจรอรับมาม่าชามยักษ์ :sad11:


ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ไม่อยากให้ถึงตอนหน้าเลย  :m15:

ขอตัวไปเตรียมผ้าเช็ดตัวก่อนนะคะ ทิชชู่คงไม่พอ

สงสารเส็งงงงงงงงง  :sad11:

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :impress3: เรื่องมันเศร้า

ทำไมคุณหลวงทำกับเส็งเยี่ยงนี้

ออฟไลน์ BiGgYDrIb

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ใกล้ climax แล้วสินะ

ได้เวลาที่พจเส็งจะลุกขึ้นมาถักเปีย ถือชะลอมเดินเข้าบ้านชายคลอง โดยไม่มีคุณหลวงชายกลาง

ไม่รู้หม่อมแม่กับหญิงเล็กจะแผลงฤทธิ์อะไรบ้าง

กำพร้าสามีชั่วคราว แล้วยังถูกโขกสับอีก

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ณัฐรักกับสร้อยฟ้าจริงๆ หรอ แล้วพาทิศล่ะ ฮือออออออออ

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เส็งโดนจับกดน้ำแน่เลยอ่ะ 


พาทิศคู่กับณัฐเหรอพี่



แล้วพาทิศทำไงอ่ะ


เชียร์นัทกับพาทิศเจ้าค่ะ

kwa

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้ติดตามอ่านแบบรวดเดียวถึงหน้าปัจจุบัน
สนุกมากๆค่ะ แถมใช้คำได้สละสลวยสมเป็นนิยายพีเรียด ^^
ตอนแรกอ่านแล้วไม่ถูกชะตากับพาทิศสักเท่าไร  แต่พออ่านๆไปอยากให้พาทิศคู่กับณัฐมากกว่าให้นัฐไปคู่กับสร้อยฟ้าแฮะ
สงสารเส็ง รักคนที่อยู่สูงกว่าแล้วยังมีแต่อุปสรรคอีก จะเศร้าไปไหน TTATT
แต่แม้ว่าจะดราม่าสักแค่ไหน จะคลุกเคล้าน้ำตาเพียงใด
ก็จะตามอ่านต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าถึงที่สุดของแต่ละคนจะเป็นยังไง^^

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ตอนหน้า น่าเป็นห่วงจริงๆ

อย่าเศร้ามากนะ เดี๋ยวคนอ่านบางคนจะใจสลาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ltahset

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้เมือนกันว่าพาทิศจะเป็นใคร
แล้วเกี่ยวอะไรกับโถ
เรื่องนี้มีแต่ความสงสัย
อยากอ่านต่อจัง

^^
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Lady-Rabbit

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความรัก ความหลงระหว่างคนทั้งคู่จริงๆค่ะ
คุณหลวงจริงๆก็ค่อนข้างจะบูชาความรักอยู่มากเหมือนกัน


ออฟไลน์ jobi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยังคิดไม่ตกว่าพาทิศเป็นใคร
จากที่อ่านอาจจะเป็นคุณหยาด
เพราะว่ามาส่องรูเดียวกัน
ส่วนพาทิศคราวนี้นอนนานจังเลย ณัฐร้อนใจแย่

ขอบคุณมากๆค่า สำหรับนิยายสนุกๆ
รอติดตามตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
อ้าวกำ น้องณัฐเราจะน้องใจพาทิศหรือไง ไม่นะ T^T

ปล เตรียมเศร้าแน่เลยตอนหน้า

ออฟไลน์ dezzetoeiiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สวัสดีค่ะ :)) .. หลังจากเพิ่งได้อ่านเมื่อวานนี้ มาจนถึงตอนปัจจุบัน
เรารู้สึกเสียใจมากที่เข้ามาอ่านเร็วเกินไป เพราะมันค้างมาก
แล้วก็เสียใจที่เข้ามาอ่านช้าเกินไป เพราะมันทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ติดตามมาัตั้งแต่ต้น  :z3:

ตอนช่วงที่คุณหลวงเริ่มจีบเส็งนี่เราก็อิ๊นนนนน อินจนม้วนแทนเส็งไปประมาณสามสิบตลบ
แต่พอมาตอนจะไคลแมกซ์ ที่คาดว่าสะเทือนใจคนอ่านมากมายแน่นอน อันเป็นต้นว่า เส็งคนโดนไม่แก้ว คุณหยาด หรือเทิด หรือใครก็ตามรังแก และในที่สุดก็คงต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน
แอบเห็นด้วยว่าพาทิศอาจจะเป็นคุณหยาดกลับชาติมาเกิดจริงๆ เหมือนว่าโรคชอบถ้ำมองจะเป็นบาปกรรมติดตัวมาแต่ชาติก่อนที่ไปเจาะรูแอบดูเขา !

แค่นี้ก็เศร้าพอแล้วค่ะ คิดๆแล้วไม่อยากอ่านตอนต่อไป กลัวเศร้าเกินนน
อย่างน้อยในปัจจุบันก็ยังอยากให้เขาได้เจอกันในภพภูมิที่ดี ไม่ต้องมีอะไรขัดขวางความรักอีกต่อไป เศร้า

จิตเป็นอนัตตา .. หลังจากนี้คงต้องทำใจ  :o12:

ขอบคุณค่ะ TT

deva

  • บุคคลทั่วไป

แอบโดนอิทธิพลทางความคิดจาดคุณ dezzetoeiiz  ครอบงำ 555
หลังจากที่ได้อ่านความเห็นก็เริ่มคิดตาม

ไม่เคยคิดมาก่อนว่า พาทิศจะเป็นคุณหยาดเมื่อชาติก่อน
แต่จากพฤติกรรม ส่องรูคุณหยาดแบบนี้  แล้วยังเห็นเส็ง
อาบน้ำเหมือนกันด้วย ว้าว ยิ่งเหมือนกันไปใหญ่่ ท่าทางพาทิศ
จะเป็นคุณหยาดแน่ๆเลย เป็นการเดา ณ ขณะนี้

ถ้าอย่างนั้น คุณหลวงกับเส็งในชาตินี้ถ้าจะมีคงหนีไม่พ้น
สร้อยฟ้า กับ คุณณัฐแน่ๆเลย


อ่านทันมาได้สักพักแล้ว + อ่านตอนล่าสุดแล้วด้วย
ทั้งๆที่อยู่ในช่วงสอบเนี่ยแหละ ห้ามใจไม่ไหวจริงๆ
รัก รัก รัก เรื่องนี้มากๆเลย 

ขอบคุณ Purple_sky ด้วยที่ตอบเม้นมาคุยกันตั้งยาว
จะบอกคุณว่า ถ้าสำนวนการเขียนบอกหน้าตาคนเขียนได้นะ
คุณคงเป็นคนที่หน้าตาดีมากๆ  หล่อสุดในสามชาติ 555
ปลื้มคนเขียน อิอิ

ตอนหน้าเนื้อหาคงพีคแล้วสิ  เชื่อเหมือนคนอื่นว่า
คงไม่พ้นฉากการตายอย่างทรมานของเส็ง
แค่คิดก็บีบหัวใจ  กับฉากหัวใจแตกสลายของคุณหลวง
เมื่อพบว่าสูญเสียคนรักไป  ตามมาด้วยการ
ตรอมใจหรือฆ่าตัวตายตามไป ฮือๆๆๆ บทสรุปใกล้เข้ามาแล้ว

เริ่มอยากรู้จริงจังแล้วสิว่าคนเขียนเรียนมาด้านไหนนะเนี่ย
เห็นบอกว่า "รู้แล้วจะอึ้ง" หรือว่าจะเป็น... หมอ
ไม่รู้เหมือนกัน แตรู้สึกว่าคงไม่ใช่ด้านสังคม ด้านมนุษยแบบที่คิดไว้มั้ง
ก็น่าจะเป็นด้านวิทย์ สักอย่างหนึ่ง  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
แล้วเขียนได้ขนาดนี้ หาข้อมูลได้ขนาดนี้  คุณเจ๋งมากเลยรู้มั้ย
แค่รู้ว่าเรื่องนี้เริ่มต้นมาจากฝันคุณก็ทึ่งแล้วนะ บวกกับ
ใช้เวลาทำการบ้านหาข้อมูลถึง 7 เดือนทุ่มเทสุดๆไปเลย
ยกย่องมากๆ  ถ้าไม่เขียนด้วยใจคงไม่กลั่นกรองข้อมูลนานขนาดนั้น

อ่านเรื่องของคุณแล้วอยากเขียนเรื่องแนวย้อนยุคบ้าง  ตอนนี้ยอมแพ้ไปแล้ว
หาข้อมูลไม่ไหวจริง  ทุกอย่าง ฉากเอย การพูดการจา การแต่งตัว สิ่งของ
ความเชื่อ แต่งแล้วกลัวจะไม่โบราณจริง  สู้รออ่าน ปางบรรพ์ ของคุณดีกว่า


แต่แอบขัดใจอ่ะ คุณหลวงกับเส็งทำไมไม่ระมัดระวังกว่านี้
ตอนล่าสุด ไปเมืองเพชร กันแล้วมีบ้านเพื่อนพระสนิทอยู่ใกล้ๆ
เขาเห็นเข้าจะเอาไปฟ้องใครหรือเปล่าก็ไม่รู้  เื่ผลอๆแดงถึงเจ้าพระยาไพศาลราชกิจจะทำเยี่ยงไร


ปล ปลื้มคนเขียน และรักทุกตัวละครต่อไป แม้จะต้องฝืนใจ เจือดความรักไปให้นังแก้ว กับคุณหยาดบ้างก็เถอะ




ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
๒๔

   เจ้าคุณไพรัชกิจมาหาหล่อน พร้อมกับเทิดในเช้าวันหนึ่ง เป็นเช้าที่อากาศขุ่นมัวฟ้ามืดครึ้มราวกับว่าฝนพร้อมจะตกลงมาเมื่อใดก็ได้ เสียงนอกเรือนก็เงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่บ้าน อันที่จริงก็ไม่ค่อยมีใครอยู่บ้านจริงๆนั่นแหละ บ่าวไพร่หลายคนพากันลากลับหัวเมืองบ้าง หนีหายไปเฉยๆบ้าง เพราะไม่อาจทนพฤติกรรม “เล่นสวาท” ของนายหนุ่มของตนได้ นับแต่วันที่หลวงพินิจกลับมาจากหัวหิน เจ้าของบ้านก็แสดงออกอย่างชัดเจนในท่าทีของเขาที่มีต่อเส็ง จะโอบกอด จูงมือก็ทำโดยไม่สนใจว่าบ่าวไพร่คนใดจะเห็น แม้คุณหลวงจะไม่ได้แสดงบทรักอย่างโจ๋งครึ่มให้ใครต่อใครเห็นแต่ก็ไม่คิดจะปิดบังท่าทีที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติต่อคนรักอีกต่อไปเพราะในใจของทั้งคู่เริ่มอยากเอาชนะ และไม่สนใจสังคมรอบข้างเสียแล้ว
    ไม่มีใครคิดจะทำอะไรกับเรื่องนี้ คนเป็นบ่าว จะทำอะไรได้นอกจากทนมองพฤติกรรมที่ยากจะยอมรับได้ของนาย คนที่ทนได้บ้างก็ยังเลี่ยงไม่ขึ้นเรือนเทา ไม่อยาก “เห็น” หรือ “ได้ยิน” อะไรอีก บางคนทนไม่ได้ก็ออกไปเสียง่ายๆ เรือนเทาจึงเริ่มเสื่อมโทรม มีมั่น แก้ว มะลิ ชิด ที่เป็นคนใกล้ชิดกันมาเท่านั้นที่กล้าขึ้นเรือนมาปัดกวาดเช็ดถูกทำความสะอาด แม้แต่หยาดเอง ก็ประกาศตนอย่างชัดเจนว่าจะไม่สนใจเส็งอีกแล้ว แต่ก็ไม่ขับไล่หรือดุด่า เพราะหล่อนมีแผนจะให้ใครบางคนจัดการสิ่งนั้นแทนหล่อน
    คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับบทนี้จะเป็นใครอีก ถ้าไม่ใช่เจ้าคุณไพรัชกิจเพียงแต่หยาดไม่คิดเท่านั้นว่า เจ้าคุณจะมาหาหล่อนเอง โดยที่หล่อนไม่ต้องส่งใครวิ่งโร่ไปฟ้อง
   “จริงหรือไม่หนูหยาด ที่เขาลือกันว่าตาแสงไม่ใยดีหนูเลย ทิ้งไว้ให้อยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ ออกหน้าออกตาในสังคมเท่าที่ควร” เจ้าคุณไพรัชกิจเปิดฉากมาอย่างไม่อ้อมค้อม ไม่คิดชวนคุยชักแม่น้ำปัญจมหานทีแม้สักสายเดียว เขาพูดออกมาตรงๆโผงผางตามนิสัยของเขา
    คงตรงเกินไปจนหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้วยตกใจ
    หล่อนดูอวบขึ้นมากแล้ว เพราะท้องมาได้กว่าสี่เดือน แม้ไม่มีท้องกลมยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ดูออกชัดเจนว่าดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ใครมองผ่านๆคงคิดว่าหลวงพินิจดูแลหล่อนดี ขุนจนอ้วนพร้อมเป็นคุณแม่มากกว่าจะคิดว่าอ้วนขึ้นเพราะท้องก่อนแต่ง

     หยาดกระมิดกระเมี้ยน จะตอบได้อย่างไรว่า “พี่แสงไม่ใยดี ดีฉันเลยเจ้าค่ะ วันๆเอาแต่นอนกกอ้ายเส็ง ไม่ได้ดูแลดีฉันเลยเจ้าค่ะ” แต่จะทำเหมือนไม่มีอะไรก็จะไม่สมกับเป็น “คุณหยาด” ผู้เอาแต่ใจตัวเอง รวมไปถึงแผนการในการกำจัดเส็งของแก้ว ที่พวกหล่อนเพิ่งคุยปรึกษากันว่า
    “ต้องบอกเจ้าคุณไพรัชกิจเจ้าค่ะ ได้ไล่อ้ายเส็งมันออกจากเรือนไปให้พ้นๆลูกตา คุณหยาดได้มีโอกาสใกล้ชิดคุณหลวงเต็มที่อย่างไรล่ะเจ้าคะ”
    หยาดจำได้ว่าหล่อนเคยตอบแก้วไปว่า
    “ไม่ดอกแก้ว ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาไม่รักฉัน ถ้าคุณหลวงเธอรักชอบของเธออย่างนั้น ก็แล้วแต่เธอไปซี ฉันหวังแต่เพียงทรัพย์สมบัติและความสบายเท่านั้นแหละ” แม้จะเข้าทางแก้วแต่บ่าวสาวก็ยังยุอีกว่า
    “คุณเจ้าขา... ลูกในท้องคุณก็เป็นลูกคุณหลวงนี่เจ้าคะ อย่างไรทรัพย์สมบัติของคุณก็ต้องได้อยู่แล้ว แต่ถ้าได้ใจคุณหลวงมาด้วยก็จะยิ่งสะใจ จริงหรือไม่เจ้าคะ อย่างน้อยได้ตอกหน้าอ้ายเจ๊ก พิสูจน์เจ้าค่ะว่าอย่างไรก็ตาม ผู้หญิงอย่างเราต่างหากที่คู่ควรกับผู้ชาย”
    คำว่า “เรา” ของแก้วเป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งพหูพจน์สำหรับหยาด แต่หยาดไม่รู้ว่า ผู้พูดตั้งใจพูดให้เป็นสรพพนามบุรุษที่หนึ่งเอกพจน์ ... ตั้งใจให้หมายความถึงตัวหล่อน – นางแก้วเองต่างหาก
    คิดถึงคำยุจากแก้ว ก็ทำให้หยาดนึกแค้นใจ ฮึดสู้ขึ้นมาได้บ้าง เอ่ยปากขึ้น
    “มิได้เจ้าค่ะ ดีฉันจะว่าสามีของดีฉันเอง อย่างนั้นได้อย่างไร” หยาดก้มหน้าให้เจ้าคุณตีความเอาเองว่าหล่อนแอบซ่อนความระหว่างบรรทัดไว้ในท่าที ซึ่งสายตาที่เฉียบคมของเจ้าคุณก็เผอิญเฉียบพอที่จะเห็นท่าทีนั้นแฝงอยู่สมความตั้งใจเสียด้วย
    “อย่าโกหกพ่อเลย เขาลือกันทั้งพระนครว่า ตั้งแต่แต่งกันมายังไม่เห็นหน้าลูกพระยาไพศาลเสนีย์ออกไปไหนกับสามีเลย” เจ้าคุณมองอย่างเพ่งพิศ เวลาที่เจ้าคุณมองใครอย่างนี้ เป็นใครก็ร้อนๆหนาวๆอยู่บ้าง แต่สำหรับหยาด หล่อนไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เพียงแต่อิ่มใจที่แผนของหล่อนได้ผลพอแล้วที่ให้เจ้าคุณซักเอาเอง ไม่ใช่ว่าหล่อนเป็นคนวิ่งโร่ไปบอก
    “ก็คงไม่ได้ไปไหนจริงๆ กระมังเจ้าคะ” หล่อนยิ้มแบบเย็นๆ
    “แล้วลูกสุขสบายดีหรือ มีอะไรลำบากหรือไม่สบายใจบ้างไหม”
    “ดีฉันอยู่สบายดีเจ้าค่ะ” หล่อนตอบ และยังคงยิ้มแบบน่าสงสารให้เจ้าคุณอยู่ ค่อยๆ ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ อย่างช้าๆ แต่มั่นคง และดูท่าจะไปได้สวย “ถ้าวันไหนคุณหลวงเธอไปข้างนอก หรือทำงานอะไรยุ่งอยู่ ดีฉันก็อยู่กับแม่แก้วสอนให้ร้อยมาลัยสวยๆ หรือปักผ้ากันเป็นลายใหม่ๆ กันเจ้าค่ะ”
    “แล้วตาแสงวันๆมันทำอะไรบ้าง ไม่ไยดีหนูหยาดเลยหรือ”
   หยาดยิ้มอย่างสะใจที่แผนหล่อนมาถึงขั้นรุกเสียแล้ว หล่อนแสร้งพูดเบาๆอย่างเกรงอกใจเกรงใจ ยังคงหลบตาเจ้าคุณ ให้เห็นว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจฟ้อง แต่ตอบไปแบบไม่เต็มใจเท่านั้น
    “คุณหลวงเธอคงมีงานเยอะเหลือเกินเจ้าค่ะ วันๆขลุกอยู่แต่กับเส็ง จะไปไหนก็พาบ่าวคนนี้ไปเพราะเห็นว่าพูดจากันรู้เรื่อง ดีฉันไม่รู้ภาษาอะไรกับคุณหลวง ก็เลยไม่เป็นประโยชน์อะไรกับคุณหลวงเธอเท่าใดกระมังเจ้าคะ”
    หยาดตอบเพียงเท่านี้ เจ้าคุณก็ถอนตาที่มองเพ่งเหมือนคนในยุคปัจจุบัน “มองลอดแว่น” นั้นออกไป แล้วมองหยาดด้วยแววตาสงสารเท่านั้น พระยาไพรัชกิจถอนใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยว่า
    “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พ่อหนักใจที่สุด” เขาว่าเบาๆ
    เป็นครั้งแรกที่หยาดมองเห็น “คนแก่” คนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงหน้า สภาพเหนื่อยโทรม ไม่มีความสุขกับชีวิต ไม่เหมือน เจ้าคุณไพรัชกิจที่มั่งคั่งร่ำรวย เป็นที่เคารพยำเกรงของคนอื่นเสียเลย เขานั่งตาลอย เหมือนสนใจผนังที่อยู่ด้านหลังของหยาดมากกว่าคนที่เขาสนทนาอยู่ด้วย
    “บรรดาบ่าวไพร่คนเก่าคนแก่เขามาฟ้อง ว่าตาแสงปล่อยให้หนูหยาดต้องทุกข์ต้องเศร้าใจ ได้แต่อยู่กับบ้าน ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน แถมยังขลุกอยู่แต่กับ อ้ายเส็งคนนั้นละ” เขาลอบถอนใจ “กลัวว่าลูกเรามันจะเป็นพวกลักเพศ เห็นใครๆก็ว่ากันอย่างนี้”
    หยาดนิ่งเฉย หล่อนรู้ดีว่า หากพูดแทรกขึ้นเฉยๆอย่างนี้ ก็จะดูว่าหล่อนอยากฟ้องเสียเต็มแก่ตั้งแต่แรก จึงเงียบไม่ตอบอะไร จนกว่าเจ้าคุณจะถามขึ้นมาเองละ ทีนี้หล่อนจึงจะตอบทั้งหมดที่เขาถามไม่ว่าจะอะไรทั้งสิ้น
    “ไอ้เรารังเกียจก็รังเกียจ รับไม่ได้ดอกอ้ายพวกบัณเฑาะก์พวกนี้” เจ้าคุณเสียงแข็งขึ้นตามพายุแห่งอารมณ์โกรธที่ค่อยๆก่อขึ้นในใจ “แต่พอคิดว่าเป็นลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างยังไม่รู้เลยว่าที่เขาพูดๆกันนี่ จะเป็นจริงหรือไม่”
    เงียบ ไม่มีใครตอบอะไร หยาดเหลือบมองตาเทิดแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้านิ่งไปอีกครั้ง จนเจ้าคุณพูดขึ้นมาอีกว่า
    “หนูจะไม่พูดกระไรหน่อยหรือ”
     หยาดเงยหน้าขึ้นในที่สุด แกล้งบีบน้ำตาเท่าที่ทำได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำได้แต่ให้เสียงสั่นเครือคล้ายคนจะร้องไห้เท่านั้น
   “เจ้าคุณจะให้ดีฉันพูดกระไรเจ้าคะ สามีของดีฉันนะเจ้าคะ” หล่อนแสร้งทำได้น่าสงสารพอที่เจ้าคุณไพรัชกิจจะคลายแววโกรธในดวงตาไปได้บ้าง “ดีฉันรักคุณหลวง และไม่เชื่อว่าคุณหลวงจะเป็นแบบนั้นเด็ดขาด ใครมันจะพูดอะไร ไปเอามายืนยันเถิดเจ้าค่ะ กล่าวหากันง่ายๆเฉยๆแบบนี้ดีฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด”
    เจ้าคุณส่ายหน้า
    “จะไปเอามายืนยันอย่างไรลูกเอ๋ย เขาพูดกันปากต่อปาก ไม่มีใครเขาคิดหาเรื่อง หากมันไม่มีมูล ใครจะเอาอะไรมาพูด”
    นั่นละ หยาดได้จังหวะในที่สุด
    “คุณหลวงเธอแค่ให้เส็งนอนในเรือนเทา และอยู่ในห้องทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเท่านั้นนะเจ้าคะ ไม่มีหลักฐานอะไรเลยจะประกันได้ว่าคุณหลวงเธอเป็น... เป็นพวกลักเพศนี่”
    “ว่าอย่างไรนะ ให้นอนบนเรือนหรือ” เจ้าคุณแผดเสียงออกมาดังลั่นด้วยความโกรธ ไม่ทันเห็นว่า แก้วกับหยาดลอบสบตากันอย่างสะใจเพียงไร “สมควรที่คนเขาจะพูดกัน อ้ายแสงมันคิดอะไรอยู่ นอนที่ไหนแม่หยาด บอกพ่อมาซี!”
    “เอ้อ” หล่อนแกล้งทำอึกอัก “นอนในห้องเจ้าค่ะ คุณหลวงเธอนอนกับเส็งห้องหนึ่งเห็นว่าทำงานกันดึกๆ ลูกนอนอีกห้องหนึ่งเจ้าค่ะ”
    เท่านั้นเอง เจ้าคุณไพรัชกิจก็ปวดหัวปรี๊ด เส้นเลือดในสมองแทบแตก หน้าแดงก่ำด้วยทั้งโกรธ และอาย รังเกียจเรื่องราวที่ได้ยินได้จินตนาการคิดตามไปถึงไหนๆ ...มันทำได้อย่างไร ทำไปได้อย่างไร เสื่อมเกียรติ ฉีกหน้าบรรพบุรุษเสียย่อยยับไม่มีชิ้นดี
    “ต่ำ! สกปรกที่สุด! เรื่องที่เขาลือกันเห็นจะจริงกระมัง”

    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2010 23:05:43 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
คนบนเรือนไม่รู้หรอกว่า คนที่กำลังพูดถึงนั้น นั่งเรือพายอย่างสุขสบายใจมากับคู่กรณี หัวเราะกันอย่างแช่มชื่น สนุกสนาน ไม่ได้รู้เหมือนกันว่าคนในบ้านกำลังเป็นฟืนเป็นไฟเพียงใด เดินขึ้นจากท่ามาไม่เห็นใครมาต้อนรับก็ไม่ทันผิดสังเกตเดินหัวเราะเคียงคู่กันมา จนเกือบถึงเรือนเทาจึงได้ยินเสียงโวยวายของคนที่ตนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
    เสียงก่นด่า ฟังแล้วร้าวไปถึงเบื้องลึกที่สุด ดังออกมาจากปากพ่อบังเกิดเกล้า หลวงพินิจหันหน้ามามองเส็งอย่างเต็มตาเห็นแววประหม่า ตกใจในดวงตาของกันและกัน
    “เจ้าคุณพ่อมา” หลวงพินิจครางออกมาเบาๆ
    คำว่า “วิปริต ผิดเพศ” ดังสะท้อนออกมานอกเรือน จนหลวงพินิจแทบไม่ต้องเดาเลยว่า คนข้างในกำลังพูดถึงเขากับคนรักของเขาเป็นแน่
    “คุณหลวงขอรับ ... คุณหลวงทำอย่างไรดี”
   “เส็งไม่ต้องทำอย่างไรทั้งนั้น กลับไปเรือนบ่าวก่อนเถิด”
    “คุณหลวง บ่าวไม่ไปไหนทั้งนั้น”
    “ไปเรือนบ่าวเดี๋ยวนี้เส็ง! ถือว่าเราขอร้องเส็งสักเรื่อง” หลวงพินิจคว้าต้นแขนของเส็งมากุมแน่นพยายามทำตัวให้เข้มแข็งไม่ให้เสียสติกันไปมากกว่านั้น
    หลวงพินิจไม่ฟังคำทัดทานใดจากเส็งอีก เขาเปิดประตูเรือนเข้าไป เจอบ่าวที่นั่งหน้าซีดอยู่ก็ตะโกนถามอย่างร้อนใจ
    “เจ้าคุณพ่ออยู่ไหน”
   “หอนั่งเจ้าค่ะ”
    คุณหลวงหนุ่ม เดินเข้าไปในห้อง พอดีกับคำถามของเจ้าคุณพ่อของเขาว่า “แล้วอ้ายตัวดีมันอยู่ที่ใด”
    “อยู่นี่ขอรับ” หลวงพินิจก้าวเข้าไปในห้องอย่างเต็มตัวยืนประจันหน้ากับพ่อบังเกิดเกล้า ด้วยสีหน้าที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดในโลกนี้
     ทั้งสองได้แต่ยืนจ้องหน้ากันต่างฝ่ายต่างถือตัวว่าตนเป็นฝ่ายถูกจึงไม่มีใครยอมให้กับใคร แม้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น หยาด แก้ว หรือเทิด ต่างก็พากันก้มหน้างุดด้วยความกลัว ต่างก็รู้ดีว่า หลวงพินิจราชอักษรนั้น อารมณ์แรงเป็นที่สุด หากจะมีใครที่แรงพอจะสู้กันได้ก็คงเป็นเจ้าคุณไพรัชกิจ เมื่อบัดนี้ทั้งคู่มายืนจ้องหน้ากันราวจะเข่นฆ่าอย่างนี้ ใครเห็นแล้วไม่กลัวย่อมแสดงว่าไม่รู้จักสองพ่อลูกดีพอ
    เจ้าคุณไพรัชกิจเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
    “มาแล้วรึอ้ายแสง” เส้นเลือดที่ขมับ เต้นตุบบีบรัดสมองจนปวดร้าวไปหมด แต่เจ้าตัวก็ยังเค้นเสียงพูดออกไปเท่าที่ร่างกายจะอนุญาต “พ่อไม่อ้อมค้อมละ เอ็งบอกพอมาตามตรงซีว่า เอ็งมีอะไรวิปริตกับอ้ายบ่าวลูกเจ๊กนั่นอย่างที่เขาลือกันให้เสื่อมเกียรติของตระกูลเรา จริงหรือไม่!”
    หากเพียงหลวงพินิจบอกว่า
    “ไม่ขอรับ” แล้วแก้ตัวอย่างนอบน้อมว่า “ลูกเพียงเอ็นดูมันอย่างนายเอ็นดูบ่าว จะรักใคร่แบบพวกผิดเพศนั้นเห็นจะไม่จริงขอรับ” อย่างที่เจ้าคุณอยากได้ยินละก็ เรื่องคงจบ เจ้าคุณอาจจะขอโทษลูกก็ได้ ที่เข้าใจผิดไป
    หากแต่โทสะ ที่พ่อเรียกความรักของเขาว่า “วิปริต” และเรียกคนรักว่า “อ้ายบ่าว ลูกเจ๊ก” รวมกับทิฐิที่ถือความคิดของตนเป็นใหญ่แท้ๆ มาบันดาลใจ หลวงพินิจราชอักษรจึงโพล่งออกไป อย่างไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ว่า
    “ลูกกับเส็ง... เป็นคนรักกันขอรับ”
    ผัวะ! เจ้าคุณตบหน้าลูกชายสุดแรงเกิด เท่าที่เขาเคยทำมากับใครบนโลก แม้กับบ่าวไพร่เจ้าคุณก็ไม่ทำเช่นนี้ หลวงพินิจเซ ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมามองพ่อด้วยอารมณ์ที่ผสมกันไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งน้อยใจ เสียใจสุดประมาณ อีกทั้งยังอาย ที่ถูกกระทำอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าเทิด และบ่าวอย่างแก้ว

    “เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ นี่อย่างไรล่ะ” เจ้าคุณไพรัชกิจหยิบกระดาษที่อยู่ที่ตั่ง ข้างกายเขาตลอดบทสนทนาระหว่างเขาและแม่หยาด ด้วยมือสั่นเทาขึ้นมาถือให้ลูกเห็น กระดาษนี้เองที่เป็นเหตุผลให้เจ้าคุณไพรัชกิจต้องถ่อมาถึงนี่ “จดหมาย เพื่อนของพระสนิทเขียนมาหาพ่อ ว่าแกเอาอ้ายเจ๊กนี่ไปนอนกกถึงเพชรบุรี พลอดรักกันไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง ให้เขาด่าว่าพ่อเลี้ยงดูอย่างไรแกถึงออกมาวิปริตเพียงนี้”
    เจ้าคุณขยำกระดาษแผ่นนั้นปาเข้าถูกหน้าลูกชายของเขาพอดี
   หลวงพินิจไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ที่เขาจ้องมองพ่อจากที่พื้นอย่างนั้น รู้เพียงว่าสิ่งที่ทำให้เขาลุกขึ้นมานั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เขาน้ำตาคลอแทบจะร้องโฮออกมาอย่างเด็กๆ ... เส็งเข้ามาประคองเขาลุกขึ้น ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน เบา และทนุถนอม ประหนึ่งว่าหากสัมผัสแรงไปกว่านั้นอีกนิดแล้ว คนรักของตนจะเจ็บกว่านั้นก็ไม่ปาน เส็งพูดด้วยภาษาสยาม ชัดถ้อยชัดคำ หากแต่สั่นเครือเพราะความโกรธ กลัว และเสียใจระคนกันว่า
    “หากเจ้าคุณจะทำร้ายคุณหลวงอีก ขอให้ฆ่าอ้ายเส็งคนนี้แทนเถิดขอรับ”
    ประโยคนั้นประโยคเดียวทำคนทั้งห้องนิ่งเงียบ ชั่วขณะแรกคือ ทุกคนตกใจไม่คิดว่าเส็งจะกล้าทำถึงเพียงนี้ กับเจ้าคุณที่ใครๆก็ต่างกลัวกัน จากนั้นจึงรู้สึกประหลาดใจว่าหนุ่มน้อยคนนี้พูดราวกับหลวงพินิจราชอักษรเป็นของรัก เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่การรักษาไว้ เป็นสิ่งที่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นมาทำลาย
    สำหรับทุกคน ความรักแบบ “บัณเฑาะก์” นี้เป็นบาป เป็นกิเลสตัณหาที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ เป็นความต้องการทางเนื้อหนังที่เกิดขึ้นแล้วไม่รู้จักควบคุมว่า เกิดกับเพศเดียวกัน ไม่ควรปล่อยให้เลยเถิดไป กลับเป็นทาสของเมถุนให้มันกัดกิน กลายเป็นพวกวิปริต พวกน่ารังเกียจ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต่างจากสัตว์ เมื่อเกิดอารมณ์ก็ขึ้นขี่ได้ไม่ว่าเพศไหน ไม่มีใครเคยคิดเลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพินิจกับเส็งนี้ เป็นความรักแบบที่เป็น รักแท้ รักบริสุทธิ์ ไม่ต่างอะไรจากความรักของชายหญิง เป็นรักที่อยากให้คนรักเป็นสุข และไม่อาจทนอยู่ได้เมื่อคนรักเป็นทุกข์ เป็นความรักที่ยอมเสียสละเพื่อกัน ยอมเจ็บ ยอมตายเพื่อกันได้
    แวบสุดท้ายของอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจของพระยาไพรัชกิจ คือความเกลียด เกลียดความคิดเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นในใจคน กลายเป็นพาลรังเกียจเส็ง และความสัมพันธ์บริสุทธิ์นั้นไปด้วย เขาไม่อาจยอมรับได้ แม้เห็นกับตาก็ตามว่าความรักครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องผิด ด้วยทิฐิ หรืออะไรก็แล้วแต่ เจ้าคุณไพรัชกิจกลับโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
    “อ้อ อย่างนั้นหรืออ้ายเจ๊ก หากเอ็งต้องการอย่างนั้นก็ได้” เจ้าคุณไพรัชกิจ ร้อง ให้เทิดวิ่งไปหยิบไม้มา พร้อมเฆี่ยนบ่าวคนรักของหลวงพินิจราชอักษร แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าคุณตกใจไปกว่าเดิมคือ
    หลวงพินิจเดินเข้าไปโอบลากตัวเส็งเข้ามากอด น้ำตาคลอเบ้า ตาแดงก่ำ จ้องอยู่ที่หน้าของเจ้าคุณพ่อแสดงสีหน้าวิงวอน และท้าทายแบบอวดดีไปในเวลาเดียวกัน ราวจะประกาศว่า “ของของข้า ใครอย่ามายุ่ง” บ่าวหนุ่มซุกหน้าเข้าหาตัวของหลวงพินิจ สะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร กระนั้น สำหรับเจ้าคุณไพรัชกิจ ไม่มีอะไรบนโลกอีกแล้วที่เขาจะขวางหูขวางตาได้มากถึงเพียงนี้
   ลูกของเขา ลูกชายคนเดียวของเขาแท้ๆต้องมาแปดเปื้อนมลทิน แปดเปื้อนกามตัณหา เพราะอ้ายบ่าวคนนี้คนเดียว แค้นก็แสนแค้น แต่เสียใจมากกว่า ราวกับว่าเขาได้เสียลูกไปแล้ว เสียไปให้กับหนุ่มลูกจีนคนหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
    “พอได้แล้วลูกจะให้พ่อตายให้เห็นหรืออย่างไร!” เจ้าคุณตวาดก้อง น้ำตาของหลวงพินิจไหลรินมาในที่สุด “ทุเรศ... ทุเรศลูกตาที่สุด! ปล่อยมือออกจากลูกข้าเดี๋ยวนี้อ้ายเส็ง อ้ายอัปรีย์! มึงจะไปทำชั่วช้าสามานย์ที่ไหนก็ไป ขอร้อง อย่ามาทำให้กูเห็น!”
    “คุณพ่อขอรับ” หลวงพินิจสะอื้นไห้ “ลูกก็จะขอร้องคุณพ่อเหมือนกัน ตั้งแต่เป็นพ่อลูกกันมา ลูกเคยทำอะไรผิดให้คุณพ่อต้องเจ็บแค้นใจสักครั้งหรือ ลูกเคยทำตัวเหลวไหล ให้คุณพ่อต้องหนักใจเพียงสักครั้งหรือ ที่ผ่านมาไม่ใช่อ้ายแสงคนนี้หรือที่เป็นลูกที่คุณพ่อภูมิใจ ที่เชิดหน้าชูตาคุณพ่อ ที่ทำทุกอย่าง... อะไรก็ได้ให้คุณพ่อกับคุณแม่มีความสุข ลูกไม่อยากไปเมืองนอกก็ไป ลูกไม่อยากทำงานกระทรวงก็ทำ ลูกไม่อยากแต่งกับแม่หยาดลูกก็แต่ง มีหรือที่ลูกจะขัดใจคุณพ่อ ถ้าหากมันทำให้คุณพ่อสบายใจ ลูกทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น  มันยังเป็นข้อพิสูจน์ไม่ได้อีกหรือขอรับ ว่าลูกพยายามแล้วแค่ไหนที่จะเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อ!”
    หลวงพินิจสะอื้น กอดเส็งเข้าแน่นร้องไห้น้ำตาหยดลงบนหลังของคนรัก
    “ลูกขอเรื่องเดียวจากคุณพ่อ ทั้งชีวิตนี้ว่า คนคนนี้ลูกรักของลูกมากจริงๆ รักอย่างที่ลูกไม่อาจรักใครอีก รักโดยไม่สนว่าเขาเป็นใคร อยู่ฐานะใด เป็นเพศอะไร รักมากเท่าที่ใครคนหนึ่งจะรักใครอีกคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องร่วมสายเลือดได้ รักพอๆกับที่คุณพ่อรักคุณแม่ ลูกกราบละครับ” หลวงพินิจก้มลงกราบประกอบคำพูด และไม่เงยหน้าขึ้นมาอีก จรดดวงหน้าอยู่แทบเท้าพ่อบังเกิดเกล้าเท่านั้น “ขอร้อง คุณพ่อเข้าใจลูกด้วยเถิดขอรับ”
    เจ้าคุณถอยหลังผละออกจากลูกชาย
    “แกจะให้พ่อเข้าใจอะไรแก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาขอให้เข้าใจ! แกต้องเลิก” เจ้าคุณตวาดลั่น จนบ่าวในเรือนทั้งหลังได้ยินกันจนทั่ว “เรื่องวิปริตแบบนี้ พ่อไม่ขอเข้าใจ แล้วอย่าเอาแม่ของแกมาเกี่ยว อย่าเอาแม่ไปเปรียบกับอ้ายลักเพศนี่”
    เส็งหน้าชา หลวงพินิจเองก็หน้าชา ทั้งคู่เริ่มทำใจยอมรับ แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็ตามว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร ถ้าเจ้าคุณรับไม่ได้เสียแล้ว อย่างไรก็ไม่มีวันรับได้อยู่ดี หลวงพินิจรวบรวมแรงสุดท้ายกล่าวคำที่รุนแรงที่สุดออกมา
    “อย่างนั้นก็ฆ่าลูกเสียซีขอรับ” เขาตวาดออกมาสุดเสียงพอๆกับเสียงเจ้าคุณพ่อของเขา คับแค้นอยู่เต็มอก “ถ้าลูกมันเลวมาก ทุเรศมากจนคุณพ่อรับไม่ได้ก็อย่าให้ลูกคนนี้มันมีชีวิตอยู่อีกเลย ไหนๆ เจ้าคุณพ่อก็ให้ชีวิตลูกมาแล้ว จะขอคืนเสียวันนี้ ก็ไม่ผิดอะไรนี่ขอรับ!”
    เจ้าคุณลืมไปเสียแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือลูกชายที่ฟูมฟักทนุถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่โกนจุก ตั้งไข่ บวชเรียน ส่งตามคณะทูตไปเมืองนอก ลูกชายที่เขารักหนักหนา ภูมิใจหนักหนาบัดนี้เหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจ้าคุณถลาเข้าไปหาลูก โมโหเสียจนจะฆ่าจะแกงตามคำท้าทายนั้น
    เส็งถลาเข้าไปหา กอดขาเจ้าคุณให้หยุดไว้เสียก่อนถึงตัวคุณหลวง แล้วก้มลงกราบ  ปากก็ร้องว่า “อย่าทำคุณหลวง ขอร้องล่ะขอรับ อย่าทำคุณหลวง”กระนั้น แทนที่เจ้าคุณจะเห็นใจ กลับรู้สึกขวางขึ้นมาอีกเป็นล้นพ้น เตะเส็งกระเด็นไป ไม่สนว่าจะถูกส่วนใดของหน้า
    ปรากฏว่าโดนจมูก เลือดไหล ออกมาเป็นทาง
   คนที่อยู่ในห้องต่างร้องออกมาเมื่อเห็นเลือด กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย มีเพียงหนุ่มคนรักที่รีบเข้ามาหากอดหนุ่มน้อยร้องไห้ อย่างไม่กลัวเลือดของเส็ง แม้มันจะเปื้อนตัวเขาอย่างไรก็ตาม
    “เส็ง!”
    “บ่าวไม่เป็นไรขอรับ คุณหลวงขึ้นเสียงกับเจ้าคุณเกินไปแล้ว ถ้าเห็นแก่บ่าวละก็ขอโทษเจ้าคุณพ่อเสียเถิดขอรับ”
    เจ้าคุณ ปวดหัวตุบๆ เริ่มรู้สึกตัวว่าทำเกินกว่าเหตุเมื่อ เห็นสายตาของลูกจ้องมองอย่างตัดพ้อ เมื่อหมดความโกรธแค้นแล้ว ความสงสารลูกก็เอ่อล้นขึ้นมาจับใจ กระนั้นก็ไม่อาจยอมรับให้ปล่อยเรื่องนี้ไปได้ น้ำตาของเจ้าคุณไหลออกมาอาบแก้มทั้งที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น
    แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหลวงพินิจคลานเข่าเข้าไปกราบพ่อด้วยน้ำตา
    “ลูกขอโทษขอรับ อภัยให้ลูกเถิดขอรับ”
    คนเป็นพ่อรู้จักนิสัยของลูกดี หลวงพินิจเป็นคนไม่เคยลงให้ใคร ต่อให้ศาลตัดสินว่าเขาผิด หากเขาไม่ผิดก็จะเถียงจนกว่าศาลจะกลับคำตัดสิน ต้องให้มีการฆ่าแกงกันหลวงพินิจก็เอาด้วย กับเขาเองก็เหมือนกัน ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ บอกอะไรก็เชื่อฟังก็จริง แต่หากหลวงพินิจกำลังโกรธอยู่อย่างเมื่อครู่ ให้พ่อสั่งให้ขอโทษอย่างไร ก็ไม่มีทางยอม ให้จิกหัวลงกราบ ก็จะขืนไว้ให้คอหักเสียด้วยซ้ำ
    แล้วเส็งเป็นใคร เป็นเพียงบ่าวแต่กลับออกคำสั่งให้ลูกของเขาทำตามได้ และ ไม่ได้ทำแบบขอไปทีเพราะถูกสั่งด้วย แต่ลูกชายของเขาเชื่อฟัง และกราบขอโทษเขาอย่างนอบน้อมที่สุด
    เจ้าคุณรวบรวมกำลังเพียงพอก็เอ่ยปากออกมาจนได้
   “ถ้าจะคุยกันดีๆ พ่อก็จะพูดดีๆ” เขาไม่มองหน้าลูกชายที่น้ำตาไหลอาบหน้าอย่างน่าสมเพช และหลบตาเส็งที่เลือดไหลอาบหน้าเช่นกัน “พ่อรับไม่ได้กับเรื่องนี้ ใครก็รับไม่ได้ พ่อจะขอให้แกเลิก แล้วพ่อจะให้อภัยทุกอย่าง ให้เส็งกลับไปอยู่ที่ที่มันเคยมา ลูกก็ทำหน้าที่ของลูก พ่อจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
    หลวงพินิจนับหนึ่งถึงร้อยในใจ่อนจะกัดฟันว่าอย่างเจ็บปวด
    “เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วขอรับ ลูกจะไม่เลิกกับเส็ง ขอร้องให้คุณพ่อเข้าใจ”
    ดื้อ... ดื้อพอกันทั้งสองฝ่าย เส็งคิดในใจ แล้วก็กระซิบบอกคุณหลวงว่า
    “อย่างไรท่านก็เป็นพ่อนะขอรับคุณหลวง คุณหลวงยอมเถิด”
    “ไม่เส็ง เราสัญญากับเส็งไว้แล้ว เราจะทำตามสัญญา” หลวงพินิจกระซิบบอกเส็งก่อนจะหันไปหาพ่อบังเกิดเกล้า “ถ้าเจ้าคุณพ่อยังยืนยันให้เส็งออกจากเรือนนี้ละก็ โบยลูกเสียเถิดขอรับ อย่างไรลูกก็ไม่ยอมให้เส็งไปจากลูก”
    “เอ็งพูดเองนะ” พ่อกลั้นใจพูด แกล้งทำเป็นข่มไปอย่างนั้น คิดว่าลูกจะกลัว แต่เปล่าหลวงพินิจมุ่งมั่นจะทำให้ได้อย่างที่เขาว่า “ถ้าจะให้อยู่ต่อก็ได้ แต่ต้องแยกกันอยู่ ไม่ให้อยู่เรือนนี้ แล้วต้องเลี้ยงดูแม่หยาดให้ดี ออกหน้าออกตาอย่างเมียคนหนึ่ง ให้สมศักดิ์ศรีลูกพระยาไพศาลเสนีย์”
    หลวงพินิจรู้ดีว่า ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
    “อ้ายเทิดไปหยิบหวายมา”
    “คุณหลวง!” เส็งร้อง “อย่าเลยขอรับ... บ่าวไม่อยากให้คุณหลวงเจ็บ ให้บ่าวถูกโบยเองก็ได้ขอรับ”
    “ไม่ เราตัดสินใจแล้วเส็ง” หลวงพินิจเห็นเทิดยังลังเลจึงตวาดออกไปอีกทั้งน้ำตา    “อ้ายเทิด มึงไปเอาไม้หวายมาเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่อยากถูกโบยต่อจากกู!”
    เทิดตาลีตาลาน วิ่งไปหยิบไม้หวายเส้นหนามา หลวงพินิจยืนหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหล เขาทำอะไรก็ได้... ได้ทุกอย่างขอเพียงให้เขาได้อยู่กับเส็ง ได้เห็นหน้าเส็ง ไม่ต้องนอนด้วยกันบนเรือนก็ได้หากเป็นคำสั่งของเจ้าคุณพ่อ อย่างน้อยให้ได้เห็นทุกวันอย่างเมื่อแรกรัก เขาก็ยอม
    ทันทีที่ไม้หวายมาอยู่ในมือของเจ้าคุณ เขาก็จูงมือลูกชายออกมานอกบ้าน เส็งวิ่งตาม คว้าข้อมือหลวงพินิจคนรักของเขา
    “คุณหลวง ให้เจ้าคุณเฆี่ยนบ่าวแทนเถิดขอรับ”
    “อย่ามายุ่ง” หลวงพินิจตวาดว่าอย่างเจ็บใจ
    “คุณหลวง...”
    “บอกว่าอย่ามายุ่ง! หลบเข้าไปในบ้านเดี๋ยวนี้” ตะโกนร้องจนสุดเสียง เส็งก็ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กับพื้น ฝ่ายเจ้าคุณพอมาถึงกลางลานหลังเรือนเทาหน้าศาลาสีขาวก็หยุดตะโกนก้องทั้งน้ำตา ด้วยทั้งรัก ทั้งแค้นเหลือประมาณ
    “ฟังไว้ หากใครคิดประพฤติตน อัปรีย์จัญไรอย่างนี้ แม้เป็นลูกกูก็ไม่เว้น อย่าให้กูได้เห็นใครทำแบบนี้ให้เสื่อมเกียรติอีก วันนี้กูเขียนเสือให้วัวกลัว วันหน้าหากมีวัวคิดอวดดี กูจะเชือดวัวตัวนั้นเสีย”
    หลวงพินิจราชอักษรถอดเสื้อ ขว้างกองไว้ข้างๆ ให้เจ้าคุณพ่อของเขาได้ฟาดไม้หวายเข้าเนื้อได้อย่างจัง
    “คุณหลวง...” เส็ง สะอื้น ร้องไห้ออกมาสุดเสียงปานว่าจะขาดใจ มีมั่น
ล็อกแขนเอาไว้มิให้วิ่งเข้าไป มิเช่นนั้น เส็งคงวิ่งเข้าไปขวางไว้เพียงเสียงหวาย ผ่านอากาศดังขวับแรกเสียแล้ว
    เจ้าคุณไพรัชกิจฟาดหวายลงหลังของหลวงพินิจอย่างแรงที่สุด เท่าที่เขาเคยทำ ระบายความรักและโทสะลงกับหลังของลูกครั้งแล้ว ครั้งเล่า คนที่ถูกเฆี่ยนต่อให้เจ็บแค่ไหนก็กัดริมฝีปากไม่ร้องออกมาสักแอะ แค้นก็แค้น เสียใจก็เสียใจ ไม่รู้ว่าตนผิดอะไรได้แต่ก้มหน้ารับความเจ็บนั้น อย่างน้อยก็อุ่นใจว่า ตนเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง ไม่ใช่เส็ง
    จนกระทั่ง
    เจ้าคุณขว้างไม้ลงพื้น หอบจนตัวโยน เมื่อเหนื่อยเกินกว่าจะฟาดหวายนั้นลงบนเนื้อของลูกชายได้อีก น้ำตาที่เกือบจะแห้งไปหมดแล้วไม่ได้ทำให้เขาเห็นชัดเจนน้อยลงเลยว่า ลูกชายเจ็บจนหมดสติล้มลงนอนกองอยู่กับพื้น เส็งวิ่งเข้ามาประคองร่างไร้สตินั้นไว้ในอ้อมอก ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดนั้นเป็นอย่างไร เส็งเข้าใจในวันนี้ มันไม่ใช่เลือดจริงๆดอกที่ไหลออกมาจากตา แต่เป็นเลือดในอกที่ไหลปนกับน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บแค้น
    “ปล่อยลูกกูแล้วมึงไปอยู่บ้านในสวนเสีย อ้ายมั่นจัดสำรับไปให้พออิ่ม เช้ากลางวัน เย็น เท่านั้น ห้ามออกมาจากสวนแม้สักก้าวเดียว เอ็งดูไว้ด้วย หากอ้ายเส็งเข้ามาในบริเวณเรือนให้บอกข้าทันที ข้าจะเป็นคนมาลากมันออกไปจากอาณาเขตบ้านข้าเอง” พูดเสร็จก็หันหลัง “ส่วนอ้ายแสงปล่อยเอาไว้ตรงนั้นให้มันได้สติแล้วจึงให้มันเข้าบ้านไปเอง อย่าให้ใครช่วยมันเข้าไปล่ะ เทิด เอ็งดูไว้ให้ข้า ดึกแล้วถึงค่อยกลับเรือนใหญ่”
    เท่านั้น เจ้าคุณก็เดินออกจากตรงนั้นไปที่ท่าเรือ หันกลับไปมองลูกที่เส็งเพิ่งจะผละออกมาเพราะมั่นเข้าไปลากแยกเขาออกจากกัน เจ้าคุณเห็นหลวงพินิจราชอักษรแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า... เขาเสียลูกชายไปแล้วตลอดกาล
    พอๆกับคุณหลวงหนุ่ม สติสุดท้ายที่เขาล้มลง เขาลอบมองหน้าพ่อ มองพ่อเป็นครั้งสุดท้าย... พ่อที่เลี้ยงดูเขา มีบุญคุณแทบจะยกชีวิตให้ได้ง่ายๆ พ่อที่เขารักเคารพ เทิดทูนและยกไว้เป็นแบบอย่าง เขาอดคิดในใจไม่ได้เช่นเดียวกันว่า เขาได้เสียพ่อไปแล้ว บัดนี้ชายชราที่เฆี่ยนเขาจนสลบเป็นเพียง คนคนหนึ่งที่ใจร้ายพอที่จะไม่เข้าใจอะไรเลย และทำร้ายได้แม้กระทั่งลูกตัวเองเท่านั้นแล้วสำหรับเขา... เขาไม่เคยมีพ่อชื่อพระยาไพรัชกิจ
    แล้วหนุ่มน้อยข้างกายนี้เล่า เขายังจำได้ จำได้ดีว่าเป็นเพียงบ่าวหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่น่าสะดุดตาอะไรนัก เขาจำวันที่เส็งคลานเข้ามาอย่างประหม่าตอนที่หยาดเพิ่งจะเอาบ่าวหนุ่มมาฝากเลี้ยงไว้ใช้งาน จำไดว่าพอเส็งเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็รู้แน่แล้ว ว่าคนคนนี้คือคนที่เขาจะรัก ทนุถนอมเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต
    เขาจำได้ถึงตอนที่ทำแผลให้เส็ง จำวันที่เส็งทำให้เขาประหลาดใจด้วยการริ้วมะปรางมาให้ ซ้ำยังท่องกาพย์เห่เครื่องคาวหวานอย่างคล่องปาก จำวันที่หลับไปเพราะเสียงเห่กลอม “หลับเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม” ได้ จำวันที่เส็งทำให้ทั้งโต๊ะอาหารคึกครื้นได้ด้วย ฟักเจ็ดชิ้น แกะเลียนแบบเรื่องสังข์ทองได้ จำวันที่เขาห่มผ้าให้บ่าวหนุ่มด้วยความรัก จำได้ว่าเคยทำอาหารฝรั่งกัน จำได้ว่าเคยจีบเส็งกลายๆผ่านเรื่องบัวสี่เหล่า... จำได้ว่าเขาทำได้เพียงเท่านั้นเอง ณ. ตอนนั้น ไม่อาจใกล้ชิดได้อีก เพราะเป็นเพียงนาย และบ่าว
    เขาจำได้ว่าเขียนกลอนเพลงยาวให้เส็งว่า “จะรักไปแสนนานมิรู้ลืม” เมื่อจะจากไปหัวหิน จำได้ว่าคิดถึงเส็งเพียงใดตลอดเวลาที่อยู่หัวเมือง และไม่แน่ใจสักนิดว่า เส็งจะรับรักเขาอย่างที่เขียนไว้ในกลอนเพลงยาว
    เขายังจำได้ว่าเมื่อกลับมาจากหัวหิน เขาทำปั่นปึ่งใส่เส็งอย่างไร เขาจำอ้อมกอดแรก สัญญาแรก จูบแรก คืนแรก ระหว่างเขากับเส็งได้ จำตอนหอมแก้มได้ว่า จากได้แต่ยืนมองไกลๆ พอได้มาหอมแก้มสักครั้ง “ปรางค์อิ่มอาบซาบนาสา”จริงๆ เขาจำได้ว่าเขาเตรียมงานไปงานเทศน์เหนื่อยอย่างไร และเส็งอยู่ช่วยเขาข้างกายอย่างไร ตอนเขารู้เรื่องหยาดแต่งงาน เขาสัญญาอะไรกับเส็ง เขาจำได้ว่าเส็งอยู่กับเขาแทบจะตลอดทั้งงานแต่ง เขาจำทุกวันที่อยู่กับเส็งร่วมเรือนเดียวกับหยาดได้อย่างไร เขาจำวันเวลาแสนสุขที่เพชรบุรีได้ว่าเขาไม่อยากจากมาอย่างไร
   เขาจำสัญญาว่าจะไปอยู่กับเส็งที่เพชรบุรีได้ทุกคำ
   เขามาไกลแล้วเหลือเกิน จากวันแรกๆ มาจนวันนี้เขาผ่านอะไรมามากมาย มาจนวันนี้แม้จะดูเหมือนว่ามันกำลังจะจบ แต่มันก็ยังไม่จบ เส็งก็ยังอยู่กับเขา อยู่ข้างเขามาตั้งแต่คลานเข้าหอนั่งมาในวันแรก จนมากอดเขาไว้อย่างไม่รังเกียจเลือดจากหลังของเขาในตอนนี้... อย่างนี้เรียกว่าวิปริตหรือเปล่า... อย่างนี้เรียกว่าตัณหาหรือ... จะเรียกว่า “รัก” ได้หรือยัง
    หลวงพินิจแม้เหนื่อยอ่อนใกล้สิ้นสติเต็มทีก็ยังอุตส่าห์กระซิบแผ่วเบาให้เส็งได้ยินแต่เพียงผู้เดียว ก่อนที่มั่นจะแยกเส็งออกไปจากเขา
    “เรารักเส็ง... รักมากกว่าใครทั้งหมดบนโลกนี้ และจะไม่มีวันใดที่เราจะหมดรักเส็งได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยขอให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไปนะเส็ง... เราพูดอะไรไว้เราจำได้ทั้งหมด... เราตั้งใจทำอย่างที่เราพูดจริงๆ” ฟ้าที่มืดครึ้มในที่สุดก็ทนไม่ไหว ตกลงมาเป็นฝนพร้อมกับน้ำตาของคู่รักสองคนตรงนั้น “เห็นหรือยังว่าเราพูดอะไรจากใจ มิได้พูดไปเพราะอารมณ์ชั่วครู่ เห็นหรือยังว่าเราทำได้อย่างที่พูดไว้ทุกคำ”
   พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ฝนที่หลั่งไหลลงมานั้นเป็นน้ำตาของพระองค์เองนั่นละ ที่ร้อง ให้กับคู่รักที่รักกันมั่นคงยิ่งนัก คู่นี้
   หากใครสักคนจะสำนึกผิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ควรจะเป็นแก้วและหยาด น่าแปลกที่แก้วสำนึกผิดได้ทันทีตั้งแต่ที่เห็นน้ำตาของทั้งสองคน หล่อนร้องไห้ไปพร้อมกับหลวงพินิจและเส็ง บอกตัวเองว่าจะไม่ยุ่งกับหลวงพินิจอีก แต่หยาดต่างหาก ที่ไม่ได้รู้สึกผิดแม้สักนิด สะใจเสียอีก ที่ในที่สุดเส็งก็แพ้หล่อน ผู้ชนะหนึ่งเดียวในเกมรักครั้งนี้ก็คือหล่อน ...หยาด ผู้ที่ดูเหมือนแพ้มาตั้งแต่ต้นนั่นเอง

***************************************************************************************

อุอิ เห็นเดาอะไรกันใหญ่เลย ไม่บอกนะครับว่าเดาถูกหรือเปล่า
เห็นบางคนเริ่มอะไรกับณัฐ และสร้อยฟ้า หึหึ ติดตามกันต่อไปครับ งานนี้คงมีคนสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างก็จะพยายามให้เฮิร์ทน้อยที่สุดครับ

ปล. คุณ deva อย่าเดาเลยว่าผมเรียนอะไร หึหึ เดี๋ยวจะอึ้งจริงๆ แล้วเรื่องหน้าตา ผมขอปฏิเสธครับ ผมอัปลักษณ์มากๆ 555+
ยังไงก็ช่วยอยู่เป็นกำลังใจต่อไปด้วยนะคร้าบบบ

อ้อแล้วก้อ เจ้าคุณชื่อไพรัชกิจ แล้วก็ไพศาลเสนีย์นะครับ ไม่มีไพศาลราชกิจ อิอิ :)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2010 01:20:27 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ต๊าย ชะรอยแม่แก้วจะ avatar มาเกิดเป็นคุณจิตรากระมังคะ  o15
ส่วนแม่หยาด เป็นผีในสระอโนดาต(ที่โรงแรม) อิอิ
๑๒๓ + ๑ = ๑๒๔
ขอบคุณนะคะ คุณ Purple_Sky

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2010 00:45:50 โดย kit »

ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
น้ำตาหมดไปปี๊บนึงแล้วค่ะไรเตอร์ มันโดนใจมาก

แอบตกใจนิดหน่อยที่แก้วกลับใจได้ แต่ก็ดีแล้วล่ะน่ะ ส่วนคุณหยาดนี่สิ เกินเยียวยาจริงๆ

ปล หรือว่าวิญญาณคุณหลวงเธอจะไปรอเส็งอยู่ที่หัวหิน?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด