๒๓
หยาดกำลังวางแผนอยู่กับแก้วว่าจะแอบดูหลวงพินิจได้อย่างไรดี เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเขามีอะไรลึกซึ้งกับเส็งหรือไม่ตอนที่หลวงพินิจราชอักษรออกไปกับเส็งแล้ว คุยกันไปได้ไม่เท่าไรนักเทิดก็เข้ามาที่เรือนพอดี จะว่าไปก็สวนทางกับคุณหลวงเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทนายหนุ่มหน้าเข้มเดินขึ้นเรือนเทาจะมาหาคุณหลวงก็พบเข้ากับบ่าวที่เฝ้าอยู่ในเรือน พอพูดจากันรู้เรื่องว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ เดินทางไปทำธุระที่ฝั่งธนบุรี เทิดก็คิดจะกลับในทันที
เขาหลีกเลี่ยงไม่อยากเจอหญิงสาวบางคนในบ้าน
กระนั้นโชคชะตาก็ไม่เคยเข้าข้างหนุ่มน้อยเลยสักครั้ง เพราะพอเขาหันหลังให้บ่าวที่อยู่เฝ้าเรือน แก้วก็ชะโงกหน้าออกมามองจากขั้นบนสุดของบันไดพอดี
“เอ้า พี่เทิด มาลับๆล่อๆ จะมาทำอะไรหรือ”
ทนายหนุ่มแทบชักสีหน้าอย่างห้ามตัวไม่ทัน กระนั้น หญิงสาวสวยผุดผาดที่โผล่มาข้างหลังแก้วกลับทำให้เขาทำหยาบคายไม่ออก ชายหนุ่มไม่กล้าทำอะไร ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาคุณผู้หญิงของบ้าน
“พ่อเทิด” เสียงของหล่อนเบา สั่นเครือ จะด้วยอารมณ์ที่ค้างอยู่เรื่องหลวง พินิจไม่รับอาหารที่หล่อนอุตส่าห์ทำหรืออย่างไร เทิดไม่อาจรู้ได้ จึงได้แต่ตอบรับเพียง ขอรับ เบาๆเท่านั้น หยาดเงียบไปอึดใจเดียว ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พ่อเทิด...ขึ้นมาหน่อย”
ทนายหนุ่มไม่ตอบ แต่ไม่ฝืนคำสั่งเช่นกัน เขาเดินก้มหัวช้าๆ อย่างเจียมตัวขึ้นไปถึงชั้นสองของเรือน ตามหยาดเข้าไปในห้องนอนของหล่อน
“ฉันมีอะไรให้พ่อเทิดช่วยสักหน่อย”
“ขอรับ”
“ช่วยเจาะรูที่ผนังนี้ให้ทีเถิด” หยาดพูดอย่างเขินอาย ไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงๆคล้ายๆ ว่าหล่อนกำลังพูดให้แก้วฟังมากกว่าจะพูดให้ทนายหน้าหอของหลวงพินิจราชอักษรฟังเสียอีก หยาดเขินอาย อายเกินกว่าจะบอกว่า หล่อนจะเจาะรูที่ผนังนี้ไว้ ดูสามีของหล่อนกับคนรัก! ถ้าไม่เห็นด้วยตา หยาดก็จะไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าทั้งคู่มีสัมพันธ์กันจริงๆ วิธีนี้ ที่แก้วย้ำนักย้ำหนาว่า “เชื่อสิเจ้าคะ ตานี้ได้เห็นกับตัวเอง คุณหยาดได้ไม่หาว่าบ่าวกุเรื่อง” จึงดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในตอนนี้กระมัง
หยาดนึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เทิดไม่ถามอะไรอีก นอกจากจะถามว่า ให้เจาะตรงไหนแล้วก็ไปหยิบเครื่องมือมาลงมือทำตามคำสั่งไปในที่สุด พอที่ผนังมีรูขนาดเกือบให้นิ้วสอดไปได้เรียบร้อยแล้วหยาดก็ลองก้มลงส่องดู
ปรากฏว่าไม่ตรงกับห้องนอนอย่างที่ตั้งใจ แต่กลับเป็นตรงห้องน้ำ
“ตายแล้วเจาะผิด แม่แก้ว เห็นแต่ห้องน้ำ” หล่อนอุทานแล้วฟันมาพูดกับบ่าวสาวของหล่อน
“อ้ายเทิดเอ็งนี่เจาะอย่างไรของเอ็งยะ ไม่ตรงห้องนอนแบบนี้” แก้วหันไปว่าเทิดราวกับว่าตนเป็นนายของเขาอีกคน เทิดไม่ตอบโต้ แลดูเขาจะกลายเป็นคนพูดน้อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว ชายหนุ่มจ้องหน้าแก้วแต่ไม่ว่าอะไร สายตาบอกไม่ได้ว่า โกรธหรือรำคาญ หรือแค่ขวางๆอย่างไรแน่
“กระผมเจาะให้ใหม่ได้ขอรับ” เทิดกล่าวกับหยาดเบาๆ ยังคงก้มหน้าและไม่มองหล่อน
“ไม่ต้องแล้ว” หล่อนถอนใจอย่างคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พออารมณ์เสีย ก็พาลไปหมดกับทุกคน “เจาะเยอะแยะเขาได้จับได้กันพอดี”
หยาดมองออกนอกหน้าต่างไปไกล จ้องอยู่อย่างนั้นเหมือนมันมีอะไรน่าสนใจเหลือเกิน หญิงสาวถอนใจอีกครั้งก็หันมาบอกเทิดทำนองว่าให้ไปได้แล้ว ทนายหนุ่มก็ทำตามอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆเช่นกัน หล่อนรู้สึกสิ้นหวัง ความอยากรู้ตอนนี้สงบลงแล้ว กลายเป็นว่า หล่อนเริ่มรู้สึกกระดาก รู้สึกผิดแปลกๆ จะเพราะอะไรหล่อนก็ไม่ได้พูดออกมา บ่าวสาวที่นั่งนวดขาให้หล่อนอยู่จึงไม่รู้ว่าใจของนายคิดอะไรอยู่แน่ ที่แน่ๆคงเป็นเรื่องคุณหลวงและเส็ง
สมน้ำหน้า แก้วแอบนึกในใจไม่ได้ คุณหลวงเขาไม่ได้รักคุณหรอกเจ้าค่ะ คุณกับเขาไม่คู่ควรกันเลย แก้วต่างหากที่เหมาะกับคุณหลวง ขั้นแรกต้องให้คุณหยาดหึงเสียจนเกลียดเส็ง ทำอย่างไรก็ได้ให้เส็งได้ออกไปจากเรือน ทำอย่างไรก็ได้ให้สองคนนั้นเลิกกันเสียก่อน ขั้นที่สองค่อยเป่าหูหยาดให้รังเกียจคุณหลวง ให้หล่อนเสียหน้า เสื่อมเกียรติ แล้วจากเรือนหลังนี้ไปในที่สุด ทีนี้แหละนางแก้วก็จะหมดคู่แข่ง คุณหลวงก็จะไม่มีใครให้รักอีกแล้ว
ตำแหน่งนายผู้หญิงของเรือนเทาหลังนี้ ก็จะเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
ท่ามกลางความเงียบ ความคิดของหญิงสาวสองคนสวนทางกันโดยสิ้นเชิง หยาดไม่ได้คิดถึงหลวงพินิจราชอักษร แต่คิดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญกว่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นลูบที่ท้องของหล่อนเบาๆ ใจลอยคิดอะไรไปไกล
ไม่ได้รู้เลยว่าคืนนั้น พอหลวงพินิจราชอักษรกับบ่าวหนุ่มของเขากลับมาแล้ว ไอ้เจ้ารู้เล็กๆที่เทิดเจาะผิดที่นั้นเองก็ทำให้หล่อนตาสว่าง เห็นอะไรในแบบที่มันเป็นจริงๆ
หลวงพินิจราชอักษร ยังมีสีหน้ากังวลยามนั่งอยู่คนเดียว แม้ว่าพอเส็งหันมาครั้งใด คุณหลวงหนุ่มจะพยายามยิ้มกลบเกลื่อนทุกครั้ง แต่ก็ไม่วายเส็งยังอุตส่าห์เห็นสีหน้าวิตกของคุณหลวงอยู่ได้เวลาที่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ระวังตัว
ทะเลที่เพชรบุรีสวย แม้ไม่สวยเท่าหัวหินในสายตาหลวงพินิจราชอักษร แต่ก็สวยพอแล้วสำหรับคนไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนในชีวิตอย่างเส็ง ... อย่าว่าแต่ทะเลเลย แม้ม้าเหล็กที่เขานั่งมาจากพระนครจนถึงเพชรบุรีเส็งก็ไม่เคยเห็น รถไฟเอย รถรางเอยเป็นของใหม่ของคนสยาม ต่อให้เปิดใช้บริการเป็นสิบๆปีแล้วในตอนนั้น ก็ยังมีคนสยามบางคนที่ไม่เคยใช้บริการ หรือแม้แต่เคยเห็นมาก่อน
เส็งกลัวเวลารถไฟหวูดสัญญาณดังก่อนจะเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา แต่ก็ทำได้เพียงกุมมือคนรักของเขาไว้แน่นจะโผเข้ากอดอย่างลืมตัว ก็ต้องห้ามใจ ให้ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะคนบนรถไฟก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย แม้หลวงพินิจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนสยามไม่กี่คนที่พูดภาษาฝรั่งได้ ใครเห็นก็จำได้ ทำงานกับฝรั่ง ฝรั่งก็ชอบเพราะหัวดี ช่างพูด กล้าแสดงออก แต่จะทำงานกับคนไทย คนไทยก็รักเพราะความสุภาพนอบน้อมของเขานั่นแหละ
อย่างการเดินทางคราวนี้เหมือนกันหากไม่ใช่เพราะคนที่ทำงานด้วยกัน ชอบใจเขาละก็ หลวงพินิจราชอักษรก็ยังไม่รู้ว่า จะไปพักได้ที่ไหน
ทั้งคู่จึงต้องวางตัวให้เหินห่างเล็กน้อย เว้นระยะให้ไม่ดูชัดเจนเกินไปจนน่าเกลียด อันที่จริงจะแสดงออกซึ่งความรักระหว่างกัน อย่างจับมือถือแขนโอบไหล่กันยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะกอด จูบกันในที่สาธารณะเลยด้วยซ้ำ
เส็งมองบรรยากาศข้างทางก็รู้สึกร่มรื่น ด้วยต้นไม้ ใบหญ้ามันเขียวชะอุ่มสวยงามไปหมด หากผ่านลำธารเล็กๆ ก็จะเห็นลูกเด็กเล็กแดง วิ่งไล่กันบ้าง ลงแช่น้ำบ้าง ดูเป็นบรรยากาศที่สวยงาม จับใจ ลมตีเข้าหน้าเส็ง แต่หนุ่มน้อยก็ไม่กลัว กลับยื่นหน้ารับลมที่พัดมาแรงๆ รู้สึกเย็นสบาย ได้ปล่อยตัวตามสบาย พักผ่อนฟอกปอดอย่างนี้ก็ดีหน่อยสำหรับเส็ง
พอหลวงพินิจบีบมือเส็งเบาๆ เด็กหนุ่มก็หันมามอง
“อย่ายื่นหน้าออกไปมาก เดี๋ยวกิ่งไม้จะเกี่ยวเอา” นายหนุ่มของเขาว่า หัวเราะหึหึในลำคอ “อีกอย่างลมพัดหน้าเส็งหลุดไปเราจะทำอย่างไร”
บ่าวหนุ่มยิ้มให้นาย แล้วก็กลับไปนั่งพิงเก้าอี้คิดโน่นนี่ในใจไปเรื่อย เรื่องที่คิดหนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องสีหน้ากังวลของคุณหลวงหนุ่มนั่นแหละ ไม่รู้ว่าหลวงพินิจมีอะไรที่ไม่ได้บอกเขาอยู่หรือเปล่า
เขาไม่รู้หรอกว่าเรื่องใดบนโลกจะหนักหนาจนกระทั่งบอกเขาไม่ได้ เอาเป็นว่าหากหลวงพินิจราชอักษรกล้าบอกเขาว่าตนต้องแต่งงานกับหยาดเพราะหยาดท้องได้ละก็เรื่องอื่นๆก็ย่อมไม่หนักหนาถึงขนาดบอกเขาไม่ได้อีกแล้ว
แต่เส็งยังไม่อยากคิดอะไรตอนนี้ เพราะพอหันไปหาคุณหลวง นายหนุ่มก็นั่งยิ้มให้เขาแล้ว ไม่ได้บึ้งตึงอยู่อีก หนุ่มน้อยจึงไม่ได้ติดใจอะไรนัก
บ้านที่หลวงพินิจพาเส็งมาอยู่นั้นเป็นบ้านที่คุณพระสนิทพิพิธประเทศ
ซื้อไว้เฉยๆ กะว่าบั้นปลายชีวิตหากออกจากกระทรวงแล้วจะมาอยู่ที่นี่ มันจึงเป็นบ้านไม้ขนาดเล็กไม่หรูหรา ไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากมายไปหมดเหมือนเรือนเทาของหลวงพินิจ แม้บ้านหลังนี้จะไม่ได้อยู่ติดทะเลเหมือนบ้านของเจ้าคุณที่หัวหิน แต่กระนั้น พอมองไปก็ยังจะเห็นผืนน้ำสีครามสวย ระยิบระยับล้อแสงแดดอย่างงดงาม กว้างไกลไปสุดลูกตา แทบจะกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับแผ่นฟ้าสวยอยู่ไม่ไกลนัก บ่าวหนุ่มยืนมองจากหน้าต่าง มีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าไม่ต่างจากเด็กๆเห็นของเล่นใหม่
“คุณหลวงขอรับ ทะเลสวยจริงขอรับ”
“จ้ะ” หลวงพินิจรับคำ ตัวเขานอนอยู่บนเตียงอย่างเอกเขนกเต็มที ขี้เกียจจะลุกไปทำอะไรที่ไหน
“คุณหลวง ไปที่ทะเลกันเถิดขอรับ”
“เดี๋ยวก่อนซี เพิ่งมาถึง ขอนอนเอาแรงก่อน”
“โธ่” เส็งบ่นอย่างน้อยใจ ก่อนจะเดินไปที่เตียง ปีนขึ้นไปนอนซุกกายอุ่นของหลวงพินิจราชอักษร “ไปเถิดนะขอรับ บ่าวอยากลงเล่นน้ำเต็มที อยากรู้ว่าน้ำทะเลเป็นอย่างไรขอรับ”
หลวงพินิจหัวเราะลงลูกคอ
“ไม่ละ เราหมดแรง นั่งมานานๆเมื่อยตัวเต็มที ขอพักก่อนเถิด”
“คุณหลวงขอรับ...” เส็งอ้อน “นะนะนะ ไปกันนะขอรับ”
“นอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้ถึงจะพาไป”
“คุณหลวงละก็” บ่าวหนุ่มแกล้งทำเป็นน้อยใจ หลวงพินิจราชอักษรจึงลุกขึ้นมา กอดซ้อนจากเบื้องหลัง
“หมดแรง”
เส็ง เอี้ยวตัวไปหอมแก้มเนียนสีเข้มของคุณหลวงหนุ่ม
“มีแรงหรือยังขอรับ”
หลวงพินิจไม่ตอบ แต่ช้อนตัวเส็งวิ่งอุ้มออกจากที่พักแบบเด็กๆ หัวเราะก้องบริเวณนั้นไปหมด ไม่กลัวใครต่อใครจะเห็น เพราะคิดว่าคงไม่มีคนรู้จักอยู่ใกล้ๆแถวนั้นอยู่แล้ว แต่หากใครมาเห็นจริงๆก็คงจะเห็นภาพของชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำ วิ่งอุ้มเด็กหนุ่มหัวเราะระริกระรี้ไปจนถึงทะเลใครๆก็คงดูออกว่าสองคนนี้รักใคร่ผูกพันกันแค่ไหน หากใครจะคิดว่าความรักที่เกิดขึ้นระหว่างชายสองคนนี้จะวิปริตผิดเพศ ก็คงเป็นคนที่ยึดติดแต่กับธรรมเนียมปฏิบัติอะไรเดิมๆ ใช้สมองมองอะไรต่อมิอะไรไปหมด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เพียงใช้ตามองก็คงรู้ได้ว่า ความรักของทั้งสองคนนี้เป็นความรักที่สวยงาม บริสุทธิ์เกิดจากความผูกพันรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยกันไม่ใช่โรคร้าย ไม่ใช่ความผิดบาป
ไม่ได้ต่างอะไรจากความรักระหว่างชายกับหญิงเลย
ชายและหญิงบางคนเสียอีกที่ต้องจำใจอยู่ด้วยกันไปจนตาย ทั้งที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ผูกพันอะไรกันเลย อย่างคุณหลวงกับแม่หยาดนี่ไง... อย่างไหนกันแน่ที่เป็นรักที่สวยงามที่ถูกต้องตามความสมัครใจ และอย่างไหนคือความผิดที่ต้องไปบังคับให้คนไม่รักกันอยู่ด้วยกัน อยู่ไปก็ทุกข์ใจไปเฉยๆ
เส็งว่ายน้ำไม่เป็นจึงได้แต่ลอยคออยู่นิ่งๆให้คลื่นซัดเข้าฝั่ง หัวเราะอย่างมีความสุข หลวงพินิจราชอักษรนั่งดูอยู่จากที่ชายหาดบ้าง ลงมาเคลียคลอบ่าวหนุ่มในน้ำบ้าง หรือไม่ก็วิ่งไล่จับกันอย่างมีความสุขบ้าง สักพักพอเหนื่อยก็ขึ้นมานอนอยู่บนหาดนอนกอดกันราวกับเป็นหาดสวรรค์ของทั้งสองคน เพราะคุณพระไม่ได้บอกหลวงพินิจว่าที่นั่นมีบ้านของเพื่อนอยู่อีกหลังหนึ่งและเพื่อนคนนั้นก็อยู่บ้านด้วย หลวงพินิจจึงคิดเอาเองว่า ไม่มีใครอื่นนอกจากเขาและคนรัก จะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างไร ก็ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเลยว่าอาจจะมีคนมาเห็นได้
“คุณหลวงขอรับ” เส็งเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อฟ้าเริ่มจะมืดลง พระอาทิตย์เกือบจะพ้นขอบฟ้า ผืนฟ้ากว้างเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้าใสอย่างตอนกลางวันมาเป็นสีน้ำเงินเข้ม แกมม่วงดูสวยงามจับใจ
“ว่าอย่างไร”
“บ่าวมีความสุขขอรับ” เส็งกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของหลวงพินิจ คุณหลวงหนุ่มก็หัวเราะแล้วตอบไปทำนองว่าเขาเองก็มีความสุขมากเช่นกัน “อยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่ต้องกลับพระนคร ไม่ต้องไปพบกับความจริงว่า คุณหลวงกำลังจะมีลูก และแม่ของลูกคุณหลวงก็คือคุณหยาด”
หลวงพินิจเงียบ ไม่รู้ว่าไม่อยากพูดอะไร หรือไม่มีอะไรให้พูดกันแน่
“บ่าวไม่อยากคิดอย่างนี้เลยขอรับ แต่บ่าวก็คิดแล้ว บ่าวรักคุณหลวงนะขอรับ รักแบบที่ไม่อยากให้คุณหลวงไปรักใคร หรือมีสัมพันธ์อะไรกับคนอื่นอีก” เส็งว่าต่อไป “บ่าวอาจเห็นแก่ตัว แต่บ่าวอยากเป็นของคุณหลวงคนเดียว อยากรักแต่คุณหลวง และก็อยากให้คุณหลวงรักบ่าวแต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน
บ่าวลำบากใจเหลือเกินที่เมื่อตื่นมาครั้งใดก็ต้องพบว่าคุณหยาดเธอต้องนอนคนเดียวอยู่ห้องข้างๆ ทั้งๆที่เธอก็เป็นคนพาบ่าวมาให้คุณหลวงเอง ทั้งๆที่คุณหลวงก็หมั้นอยู่กับเธอมานาน ลำบากใจที่ต้องไปแบ่งใจของคุณหลวงมาจากคุณหยาด ต้องรักกันแบบหลบๆซ่อนๆ ในขณะที่คุณหยาดสามารถรักกับคุณหลวงอย่างเปิดเผยก็ได้ แต่ไม่ทำเพราะคุณหลวงรักอยู่กับบ่าวแล้ว
บ่าวไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่อยากทำร้ายคุณหยาด แต่ก็ไม่อยากจากคุณหลวงเช่นกัน เพราะว่าบ่าวรักคุณหลวงเหลือเกิน รักเสียสุดหัวใจ รักจนไม่อาจทนเห็นคุณหลวงได้มีลูกสักวัน ได้เลี้ยงดูลูกร่วมกับคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะรักคุณหยาด สุดท้ายคุณหลวงก็จะลืมบ่าว”
หลวงพินิจหันหน้ามองเด็กหนุ่มเต็มตา
“ไม่ดอกเส็ง ตลอดเวลามานี่ เรายังไม่ได้พิสูจน์ให้เส็งเห็นอีกหรือว่า เรารักเส็งคนเดียว และเราทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเส็งได้ตลอด”
เส็งเงียบไปนาน จนกว่าจะพูดอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแทบไม่เห็นหน้ากันเสียแล้ว
“บ่าวอยากอยู่กับคุณหลวงเพียงสองคนบนโลกเหลือเกิน ขอรับ”
“เราก็เหมือนกัน” อีกฝ่ายว่าอย่างเศร้าสร้อย ในใจว้าวุ่นไปหมดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตรักของตนดี “เอาอย่างนี้ไหมล่ะเส็ง เราจะขอร้องหยาดดีๆ เราจะส่งเสียเลี้ยงดูหยาด ยกสมบัติทั้งหมดให้หล่อน แล้วเราก็หนีมาอยู่ด้วยกันเพียงสองคนที่นี่ ที่เพชรบุรี”
“คุณหลวง!”
“เส็งจะว่าเราพูดเป็นเล่นใช่ไหม เราพูดจริงๆ” หลวงพินิจว่า “หยาดก็คงไม่ชอบใจนักหากต้องอยู่ในฐานะเมีย แต่ไม่ได้รับความรักความสนใจจากผัวเลย”
“แต่เราจะหนีมาอยู่กันแค่สองคนหรือขอรับ คุณหลวงต้องทิ้งทุกอย่าง การงาน ทรัพย์สิน เกียรติยศ และครอบครัวนะขอรับ หากเจ้าคุณพ่อรู้เข้า.... คุณหลวงจะต้องเดือดร้อนแน่ขอรับ”
“ก็จะเดือดร้อนทำไม” ชายหนุ่มว่า “ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักเราไม่ใช่หรืออย่างไร การงาน ทรัพย์สิน เกียรติยศ อะไรเราก็ไม่ต้องการ เราต้องการแค่อยู่กับเส็งเท่านั้น” เขาว่า “แล้วถ้าเราไม่มีการงาน ทรัพย์สินอะไรพวกนั้น เส็งจะยังเหมือนเดิมหรือไม่”
“คุณหลวง บ่าวไม่เคยต้องการได้ทรัพย์สินอะไรของคุณหลวง...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เราจะอยู่อย่างนี้กันก็ได้นี่ อยู่อย่างจนๆ พอมีพอกินไปตามเรื่อง ทรัพย์สินเงินทอง สมบัติทั้งหมด เรายกให้แม่หยาดเป็นค่าเลี้ยงดูลูก เส็งจะยอมไหมล่ะ หากจะมาอยู่แต่ตัวกับเราที่นี่ มาเริ่มต้นทุกอย่างกันใหม่ ปลูกผักหาปลากินกันไปวันๆหนึ่ง จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน”
เส็งไม่ตอบแต่กอดร่างของหลวงพินิจแน่นเข้า
“เราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน” บ่าวหนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่อกของหลวงพินิจ
“แล้วเรื่องครอบครัว เราก็จะรอจนเจ้าคุณพ่อหายโกรธเสียก่อนค่อยไปขอขมา ได้ไม่มีเวรกรรมอันใดที่โกรธแค้นระหว่างกัน ดีไหมเส็ง”
“ขอรับ” บ่าวหนุ่มยิ้มอยู่ในความมืด เช่นเดียวกับหนุ่มคนรัก เหมือนคืนที่พบกันก่อนหลวงพินิจไปหัวหินกับแม่หยาด เหมือนคืนที่หลวงพินิจเพิ่งกลับมา ได้บอกรักกันเป็นครั้งแรก กระนั้นคราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนๆ เพราะนอกจากจะสุขที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ยังจะทุกข์ใจเมื่อต้องมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรอยู่ในหัวเต็มไปหมด อีกด้วย
ทั้งคู่รู้ดีพอๆกับที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักกันมากเหลือเกิน ว่าทั้งสองไม่เหมาะสมกัน ทั้งฐานะ ชาติตระกูล วิถีชีวิต และ เพศ แต่ทั้งคู่ก็ยังดื้อดึง ยังฝืนรักกันถลำลึกจนถอนใจจากกันและกันไม่ได้ ยังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆในชีวิต ทั้งๆที่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากหากหลวงพินิจตัดใจจากเส็งตั้งแต่รู้ว่าตนต้องเข้าพิธีแต่งงานกับหยาด
ป่านนี้เขาคงมีความสุขอยู่กับภรรยา คงตั้งหน้าตั้งตารอเลี้ยงดูลูก แม้อาจจะลืมเส็งไม่ได้ง่ายๆ และคิดถึงหนุ่มน้อยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่นานเกิน เดือนสองเดือน เขาก็คงลืมเส็ง คงลืมไปว่าเคยรักใครเสียหัวปักหัวปำ ชีวิตเขาก็จะดำเนินต่อไปอย่างง่ายดาย รุ่งโรจน์ เขาอาจได้เลื่อนยศเป็น พระพินิจราชอักษร ไม่แน่อาจได้เป็น พระยาอย่างพ่อของเขาสักวัน มีลูกคอยเลี้ยงดูเมื่อแก่เฒ่า ตายดีอย่างมีเกียรติสมฐานะ สมชาติตระกูล
แล้วหากเขาเลือกทิ้งอนาคตที่เขาเห็นรางๆอยู่นี้เล่า เขาก็คงมาอยู่ที่นี่กับเส็ง “ที่นี่” ไม่ได้หมายความว่ามีที่อยู่แล้วนะ หมายความแต่ว่าอยากมาอยู่ทะเล เพราะเส็งชอบทะเลเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนซื้อบ้านแถวนี้ แล้วเรื่องอาหาร การงานอะไรเล่า อยู่แถวนี้หลวงพินิจคงไม่มีโอกาสใช้ภาษาฝรั่งเต็มศักยภาพหาเลี้ยงชีพได้เงินเยอะๆเสียแล้ว คงต้องยอมรับว่า ตนต้องหามื้อกินมื้อ ปลูกผัก หาปลากินไปวันๆเท่านั้น อาจต้องอดมื้อกินมื้อหรือเปล่า บ่าวไพร่บริวารก็ไม่มี หากจับไข้ขึ้นมา ใครจะดูแล มีเส็งอยู่ข้างเขาคนเดียว แต่พอแล้วหรือ หากเขาเป็นอะไรสาหัสแบบที่เส็งเองก็ช่วยไม่ได้ จะเอายาจากไหน เอาหมอจากไหน ไม่ป่วยตายไปเสียกลางป่าอย่างนี้หรือ คงไม่มีงานศพสมเกียรติเพราะพ่อแม่เขาคงไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ ชายหนุ่มคงต้องเป็นศพไร้ญาติ เผาตามวัดแถวนี้ นี่ในกรณีที่เขาตายก่อนนะ
หากเส็งตายก่อนเขาเล่า เขาจะอยู่อย่างไร กลับไปหาหยาด หาเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ก็คงทำไม่ได้อีก อยู่คนเดียวที่นี่ไปจนตาย จะทำได้หรือไม่
อีกอย่างที่คิดคือ แล้วหยาดเล่า หล่อนจะเสียใจแค่ไหน สิ่งที่เขาสองคนทำนั้นมันผิดต่อหล่อนเพียงใด แล้วลูกอีก ลูกจะมีปมด้อยเกิดมากำพร้าพ่อโตไปก็จะเป็นเด็กมีปัญหา ไม่มีใครคอยช่วยเลี้ยงดู คอยให้การศึกษา หยาดจะถูกว่า ว่าเป็นหญิงไม่ดี ที่แม้แต่สามียังไม่เอา
แต่เรื่องของคนอื่นไม่สำคัญกับพวกเขาเท่าเรื่องของตัวเองอีกแล้วในเวลานั้น ด้วยความรักอย่างแรงกล้า บวกความอยากเอาชนะ บวกความหลงแล้ว ทั้งคู่ต่างก็มั่นใจว่าจะอยู่กับอีกคนหนึ่งต่อไป การหนีกันมาอยู่ที่เพชรบุรี เป็นความคิดที่เข้าท่า แม้จะเป็นแบบเห็นแก่ตัวไปสักนิด แต่ก็จะทำให้ทั้งเขาสองคน และหยาดมีความสุขเท่าๆกันได้ทุกฝ่าย
หลวงพินิจราชอักษรไม่รู้ว่าทั้งเขาและบ่าวคนรักนอนกอดกันเงียบๆอยู่นานเพียงใด กระทั่งเริ่มรู้สึกถึงหยดน้ำตกลงต้องผิวกาย สักพักก็รู้ว่าฝนตก ไม่ถึงนาที จากฝนปรอยๆ โปรยมาเป็นละอองก็กลายเป็นฝนตกห่าใหญ่ ตกโครมลงมาจนเปียกโชกไปหมดสองหนุ่มโอบประคองกันและกันรีบวิ่งเข้าที่พักอย่างเร็วที่สุด
หลวงพินิจกอดเส็งไว้แนบกาย ไออุ่นจากตัวเขา ทำให้หนุ่มน้อยอบอุ่นเหลือเกิน ทั้งคู่ยืนนิ่งในอ้อมกอดของกันและกันหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนผ้า พร้อมนอนแล้ว หนุ่มน้อยยืนมองบรรยากาศอันแสนน่ากลัวของชายทะเลที่มีมรสุมเข้า อยู่ตอนนั้น มีหลวงพินิจราชอักษรกอดมาจากข้างหลัง วางใบหน้าที่เริ่มมีหนวดแข็งๆขึ้น ไว้บนไหล่ของเส็ง
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่า ควรจะบอกเขาไปหรือเปล่า ว่าความจริงที่พระสนิทพิพิธประเทศบอกเขาในวันนั้นคืออะไร กระทั่งรวมรวมสมาธิได้ หลวงพินิจก็เอ่ยขึ้น
“เส็ง”
“ขอรับ”
“เรามีอะไรจะบอกสักหน่อย” อาจเพราะน้ำเสียงของหลวงพินิจนั้นจริงจังมากไปสักนิดกระมัง เส็งจึงหมุนตัวมายืนมองหน้าคุณหลวงหนุ่มอย่างนี้
“มีอะไรหรือขอรับ”
“เอ้อ”พอถึงเวลา เรื่องที่พูดง่ายๆกลับพูดยากอย่างไรไม่รู้ “จำวันนั้นที่เราเอางานไปส่งคุณพระสนิทได้หรือไม่”
“จำได้ซีขอรับ”
“อันที่จริงคุณพระเธอไม่ได้ให้เราหยุดมาเที่ยวหัวเมืองได้ง่ายๆดอก อันที่จริงเธอชอบงานของเรามาก จึงบอกกับผู้ใหญ่ที่กระทรวง ที่เผอิญอยู่ที่นั่นด้วยในวันนั้นว่า” หลวงพินิจกลืนน้ำลาย “เธออยากให้เราช่วยไปกับเรือขนสินค้าที่จะไปยุโรปเที่ยวนี้ด้วย เพราะไม่มีใครจะไปพูดเจรจากับบริษัทขนส่งทางโน้นได้แล้วนอกจากเราคนเดียว”
เส็งหน้าชา เขาเบื่อเหลือเกินที่ต้องได้ยินเรื่องที่ไม่น่าฟังแบบนี้จากหลวงพินิจครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ไปหัวหิน จนหยาดท้อง จนแต่งงาน มาตอนนี้ทำท่าจะไปได้ดีก็กลายเป็นว่า ต้องจากเขาไปจนถึงยุโรปอีกแล้ว
“ไปเมื่อไหร่ขอรับ” พอพูด เสียงก็สั่นเครือ น้ำตาก็เอ่อล้นมาคลอเบ้าอีกครั้งทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้เป็นแบบนี้เลย หลวงพินิจเห็นเส็งตาแดงกก่ำก็ใจเสีย ก้มหน้าไม่กล้าสบตาบ่าวหนุ่ม
“อาทิตย์หน้านี้แล้ว”
“โธ่” เส็งร้องออกมา “อาทิตย์หน้าแล้ว คุณหลวงขอรับทำไมเร็วเหลือเกิน”
หลวงพินิจไม่อาจตอบได้ เขาก้มหน้านิ่งไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นให้บ่าวหนุ่มช้ำใจมากไปกว่านี้
“ไปถึงเมืองฝรั่ง คราวนี้คงไม่ได้รีบไปรีบกลับแน่” น้ำตาของบ่าวหนุ่มไหลเป็นทาง “ต้องไปนานจริงหรือไม่ขอรับ”
“ก็คง สักสามสี่เดือน หรือหกเดือนเป็นอย่างมาก”
“หกเดือน!” เส็งอุทาน ร้องไห้อย่างทุกข์ใจ แค้นสวรรค์ที่ทำให้เขาได้พบกับรักที่อ่อนหวาน แต่ก็ทำร้ายเขาด้วยความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า “ทำไมความรักของเราต้องลำบากถึงเพียงนี้ด้วยขอรับ”
“เส็ง” หลวงพินิจเช็ดน้ำตาคนรัก พลางเข้ามากอดหวังให้หยุดร้อง กระนั้นเส็งก็ยังคงยิ่งร้อง ร้องแล้วร้องอีก ไม่มีท่าว่าจะหยุด “เส็งน้อยใจหรือ... อย่าเพิ่งเบื่อ อย่างเพิ่งน้อยใจซี เราต้องผ่านกันไปได้นะเส็ง เราก็ไม่ได้อยากไป แต่ก็ไม่มีใครที่คุณพระไว้ใจให้ไปอีกแล้ว แล้ว เพราะงานครั้งนี้เราอาจได้เลื่อนยศ อาจจะ...”
“คุณหลวง” บ่าวหนุ่มกัดริมฝีปาก “คุณหลวงไม่สงสาร ไม่เห็นใจบ่าวบ้างหรือขอรับ”
เท่านั้นหลวงพินิจก็รู้สึกเหมือนถูกเส็งตบหน้า เหมือนถูกพระยายมราช คว้าหัวใจแล้วบีบทิ้งให้เละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขามันเป็นคนรักที่แย่ที่สุด เขาทิ้งเส็งไปหัวหินมาครั้งหนึ่ง ทำหยาดท้อง เข้าพิธีแต่งงานให้เส็งต้องทุกข์ใจมาก มาคราวนี้ก็จะทิ้งเส็งไปอีกแล้ว แล้วไปถึงยุโรป เจ้าตัวรู้ดีว่าสามสี่เดือนที่บอกเส็งนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เขาจะกลับมาได้ กว่าจะเดินทางไปถึงก็หลายเดือน และคงไม่ได้อยู่ที่เดียว เขาอาจต้องไปฝรั่งเศส ไปอังกฤษ ดีไม่ดีได้ไปรัสเซียอีก กว่าจะได้กลับก็คงนาน ขากลับก็ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน คงครึ่งปีหรือเกือบปีกระมังกว่าที่เขาจะได้กลับมาพบหนุ่มคนรัก
“เส็ง” เขาว่า น้ำตาปริ่มจะไหลออกมาบ้าง “เราขอโทษนะเส็ง เราจำเป็นต้องไปจริงๆ”
“คุณหลวง” เส็งสาวเท้าเข้ามากอดร่างของนายหนุ่มกล่าวทั้งน้ำตา “ตั้งแต่รู้จักกันมา อ้ายเส็งคนนี้ยังไม่เคยได้ขออะไรจากคุณหลวงเลยนะขอรับ คราวนี้จะขอสักครั้ง ไม่ไป ไม่ได้หรือขอรับ”
“เส็ง” เขากระซิบเบาๆ ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลอาบแก้มเป็นทางมาจน หยดลงบนตัวเส็งอย่างนี้ได้เลย “มันเป็นวิธีเดียวที่เราต้องทำ จะได้บอกกับทางผู้ใหญ่ว่าทำงานเหนื่อยมากแล้ว จะออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ออกมาอยู่ด้วยกันกับเส็งแค่สองคน”
บ่าวหนุ่มได้แต่ฟัง แล้วก็ร้องไห้ ส่ายหน้าราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วหลวงพินิจจะไม่จากไปจริงๆอย่างนั้น
“ขอให้เส็งคิดว่าทุกวันนี้ เราได้ทำทุกอย่าง ทุกทางแล้วจริงๆให้เราได้อยู่ด้วยกันนะเส็ง” หลวงพินิจราชอักษร หน้าซีดเผือด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดูเป็นคนที่ “แพ้” ให้ทุกอย่างแล้วในชีวิตตอนนี้ “พอเรากลับจากยุโรป เราจะไปลาออกจากงานที่กระทรวง คุยกับแม่หยาดให้รู้เรื่อง แล้วก็ไปรับเส็งมาอยู่กับเราที่นี่ ที่เพชรบุรีนี้นะเส็ง”
บ่าวหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้จนน้ำตาแห้ง กอดร่างของหลวงพินิจไว้อย่างนั้น ยอมรับชะตากรรมอันแสนจะอาภัพของตน ขี้เกียจจะเสียใจ น้อยใจ ขอร้องอะไรจากหลวงพินิจราชอักษรอีก ได้แต่หวังลึกๆในใจ ลึกๆจริงๆว่าเมื่อหลวงพินิจกับมายุโรปแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นจริงๆ เขาคงจะได้อยู่กับหลวงพินิจราชอักษรสองคน ไปจนตาย ... หารู้ไม่ว่า ตนเองจะไม่มีโอกาสเช่นนั้นจริงๆ