มาต่อกันครับผมมม
***************************************************************************
พาทิศผงะถอยหลัง พลางร้องออกมาอย่างห้ามตัวไม่อยู่ เขาหันหลังกลับเตรียมตัวจะหนีไปจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด โชคดีของเขาโดยแท้ที่ ลิฟต์ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดเปิดออก มีแขกกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ทันทีที่พ้นคนสุดท้าย พาทิศก็แทรกตัวเข้าไปข้างในก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงอย่างรวดเร็ว พาทิศใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ความตกใจและความกลัวมีมากกว่าจะเพียงแต่เดินเข้าห้องไกรลาศ บอลล์รูมไปได้แบบ ธรรมดาๆ เขารู้สึกระแวงกับทุกๆ อย่างที่อยู่รอบตัว ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำก่อนที่จะค่อยเข้าไปในงาน
แต่แล้วคำถามก็ยังวนเวียนในใจ
เขาเห็นอะไร... ผี หรือ ศพ
เขาเห็นจริงหรือ... หรือแค่ตาฝาด
จะอะไรก็แล้วแต่เขากลัวมาก กลัวยิ่งกว่าตอนที่เห็นหน้าหลวงพินิจราชอักษรที่บ้านของเขา ในวันที่เขาไปแอบมองเด็กหนุ่มหน้าใสนั้น ตอนที่จุดธูปอธิษฐานถึงคุณหลวงพินิจ หรือแม้แต่ตอนเขานอนคนเดียวในบ้านนั้นเมื่อคืนนี้ เขาจำดวงตานั้นได้ติดตา มันเป็นดวงตาที่เบิกโพลง ราวกับว่าคนที่เห็นเขานั้นก็ตกใจ และกลัวไม่แพ้กับเขาเลย
พาทิศปิดกั้นความคิดทั้งหมด เมื่อเห็นแม่ของเขาเองเดินตรงเข้ามาชายกระโปรงโบกน้อยๆ จากการเคลื่อนไหวที่รีบร้อน หากแม่ของเขาโกรธที่เขาขึ้นมาช้าละก็ เธอก็ปกปิดไว้ได้เกือบมิดชิดทีเดียว
“คุณชายมาสวัสดีคุณป้าจิตมาศซีคะลูก”
คุณนาย เพลงพิณพาลูกชายที่หล่อเหลาเอาการ เข้าไปหาเจ้าของวันเกิด ป้าจิตมาศ ดูสวยสง่าในชุดงานเลี้ยงสีทอง ทอจากผ้าไหมไทย แววตาเป็นประกายอย่างมีความสุขในงานเลี้ยงที่มีแขกมามากมายก่ายกอง หล่อนยืนอยู่ตรงกลางของห้องไกรลาส บอลล์รูม รับไหว้แขกเหรื่อคนนั้นคนนี้ ด้วยท่าทีเป็นกันเอง พอเห็นพาทิศ ตรงเข้าไปไหว้ด้วยกิริยาอ่อนช้อน เจ้าหล่อนก็หันมายิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยทักทายด้วยเสียงใส ราวกับนกไนติงเกล
“ตาชายหรือ แหมไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โตขึ้นเยอะทำงานอะไรล่ะหือ” หล่อนพูดไป ก็ใช้ตาสำรวจเครื่องแต่งกาย และหน้าตาของหลานชายของเพื่อนสาวไปพลางอย่างสนอกสนใจ
“ผมเป็นนักเขียนครับ” พาทิศ ตอบให้สั้นที่สุดเข้าไว้ เพราะไม่อยากจะเสวนากับ จิตมาศมากนักป้าชมนาด พี่สาวแท้ๆ ของพ่อเขา เคยเล่าให้ แม่ของเขาฟังว่า
“จิตมาศเนี่ย แต่งงานแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ล่าสุดมาได้คุณผ่านฟ้าก็โชคดี คุณผ่านฟ้าเธอก็ชรามาก แถมเป็นโรคร้าย วันๆไม่รู้หรอกว่าภรรยาของตัวเองน่ะ เจ้าชู้จะตาย วันทองก็วันทอง กากีก็กากีเถอะ มาประกวดกับแม่จิตมาศ แพ้หมดทุกราย ก็อย่างว่านะ คนมันสวย ห้าสิบกว่าแล้ว ยังดูเหมือนสามสิบปลายๆอยู่เลย แล้วเสปค เจ้าหล่อนก็ไม่ใช่วัยเดียวกันด้วยนะ เธอชอบกินเด็กจ้ะ ตาชายลูกเธอก็ระวังไว้เถอะ เข้าใกล้มากๆ เดี๋ยวจะซวย”
พาทิศ เห็นป้าชมนาด โบกมือให้ไกลๆ จากโต๊ะวีไอพี ใกล้กับเวทีสีขาวใหญ่ มีป้ายตัวเบ้อเริ่มเขียนไว้ว่า “สุขสันต์วันเกิดปีที่ 55 คุณจิตมาศ” พอหันไปหาแม่ก็พบว่า ส่งสายตาบางอย่างให้พี่สาวสามีอยู่ แต่จิตมาศเองก็ยังคุยเรื่องพาทิศกับเพลงพิณอยู่ไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มข้างๆจะรู้สึกกระดากแค่ไหนที่มีสาวแก่วัย ห้าสิบ มายืนกอดแขนอยู่อย่างนี้
“ตายแล้ว คุณพี่ พี่ชมนาดโบกมือเรียกแล้ว ตาชายไปหาป้าแกเถอะ แม่จะช่วยป้าจิตมาศรับแขกอยู่ตรงนี้” เพลงพิณดันหลังลูกชายให้เดินตรงไปทางโต๊ะที่ชมนาด นั่งอยู่แทบจะทันที
ป้าของเขาก็ไม่แพ้ จิตมาศเท่าไรนัก หล่อนใส่ชุดราตรี สายเดี่ยวเปิดให้เห็นช่วงบ่าขาว และคอยาวระหง ใบหน้าที่ศัลยกรรมมาแล้ว ครั้งไม่ถ้วน ยังสวยเต่งตึงไม่ต่างจากสาววัยสามสิบต้นๆ เท่าไรนัก
“คุณป้าสวัสดีครับ” พาทิศไหว้ พี่สาวของพ่อตัวเอง แล้วหันไปไหว้คนอื่นๆที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ ด้านซ้ายของป้าชมนาดคือพ่อของเขา ถัดไปเป็นแขกอีกหลายคนที่เขาไม่รู้จัก ข้างขวาเป็นสตรีที่พาทิศเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เดาได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของป้าชมนาด เพราะนั่งติดกัน แถมจับไม้จับมือกันอย่างสนิทสนม ไม่มีใครเชิญให้นั่ง พาทิศก็ยืนอยู่ห่างๆ ไม่รู้จะนั่งข้างสตรีสูงวัยคนนั้น หรือเก้าอี้ตัวถัดมาอีกสอง สามตัวดี
“ไหว้พระเถอะลูก เอ้า นั่งซี นี่ป้าจิตรา เพื่อนสนิทป้าเอง พี่สาวป้าจิตมาศ” ป้าชมนาดจัดแจงแนะนำ พาทิศ จึงหย่อนก้นนั่ง ข้างๆป้าจิตรานั้นเอง
หล่อนเป็นผู้หญิงที่พาทิศเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ แม่มดในจินตนาการของเขามากที่สุด หล่อนทาปากสีแดงเข้ม ทาตาสีดำ กรีดไว้สวยทำให้ดวงตาสีดำขลับดูโดดเด่นไม่แพ้ริมฝีปาก ผมสีดำสนิทตัดไว้สั้นเป็นผมบ็อบทรงนักเรียน ม.ต้น สั้นเพียงต้นคอ ใบหน้าบอกความชรา แต่ก็ดูน่าเกรงขาม เหลือไว้ซึ่งความสวยงามในอดีตให้เห็นได้ชัด เสื้อผ้าที่ใส่เป็นสีม่วงเข้มดูคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน แต่ดูหรูหราและงดงามเมื่อมีการเดินเส้นไหมเงิน เข้าแทรกในเนื้อผ้า เมื่อยั่วล้อกับแสงไฟ ป้าจิตราจึงดูเหมือน แม่มดแก่ๆ ที่ใส่ชุดเรืองแสงนั่งอยู่ทางซ้ายมือของเขา พาทิศเห็นหล่อนยิ้มมาเขาก็ยิ้มกลับไป หมดความกลัวในตัวป้าจิตราแล้ว ก็ถือโอกาสสำรวจห้องไกรลาส บอลล์รูม
ห้องนี้ค่อนข้างใหญ่ มีโต๊ะจีนเรียงรายหลายตัว มีเวทีด้านหน้าเขา จัดแบบไทยๆ ราวกับหลุดมาอยู่ในวิมานของนางฟ้า หรือเทวดาสักคน
ลวดลายที่ผนังเป็นผ้ากำมะหยี่ ปักไว้เป็นเรื่องราวของพระสุธน มโนราห์ สวยงามหรูหรา อย่างที่พาทิศไม่เคยเห็นมาก่อน ในใจนึกนับถือคุณผ่านฟ้าที่มีใจรักในวรรณคดีเสียเหลือเกิน ทั้งการตกแต่งสถานที่ ลวดลายบนผนัง การแต่งตัวของพนักงานที่ดูราวกับสาวสวรรค์ อีกยังสระมโนดาต นั่นอีก ก็คงรายละเอียดไว้ ราวกับหลุดมาอยู่ในโลกวรรณคดีจริงๆก็ไม่ปาน
พาทิศจิบน้ำที่สาวสวรรค์ นางหนึ่งมาเสิร์ฟให้
นึกถึงสระมโนดาต ภาพของชายหนุ่มที่ลืมตาเหลือกโพลง มองหน้าเขาด้วยความตกใจ แกมขอร้องให้ช่วยเหลือ ก็กลับเข้ามาในมโนภาพ ครั้งนี้ เขาเห็นภาพของ ชายคนนั้น ตะเกียก ตะกายแหวกว่ายสระน้ำนั้น พยายามจะโผล่ขึ้นมาหายใจเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าอะไรบางอย่างกลับดึงชายคนนั้น ลงไปที่ก้นบ่อ จนเด็กหนุ่มไม่สามารถ ขยับแข้งขาได้อีก
น้ำทะลักเข้าท่วมปอดอย่างฉับพลัน เจ็บปวด... เจ็บปวดอะไรเช่นนี้ ราวกับเข็มนับร้อยกำลังเข้าทิ่มแทงจนแสบ จมูก แสบคอไป หมด แน่น แน่นหน้าอกเหลือเกิน หายใจไม่ออก หายใจไม่ออกอีกต่อไปแล้ว! สมองตื้อ จนไม่เห็นอะไรเลย คุณหลวง คุณหลวง ช่วยบ่าวด้วย... คุณหลวง...
“คุณหลวง!”