๙
“เทิด มาหาแต่เช้ามีเรื่องอะไรหรือ” หลวงพินิจราชอักษรเอ่ยขึ้น พร้อมกับผายมือให้ทนายหนุ่มนั่งฝั่งตรงข้ามของเขา
เทิดคนนี้ เป็นชายร่างสูงกำยำ ใบหน้าคมเข้มรูปหล่อเหมือนชาวใต้ คิ้วทั้งสองเข้มหนาเป็นสีดำสนิทรับกันกับดวงตา และเส้นผมทรงหลักแจวหยักศก มองดูคล้ายๆ แขกขายวัวอยู่บ้างเหมือนกัน หากสำเนียงภาษาที่กล่าวออกมาแต่ละคำนั้นเป็นคำสยามที่ฟังชัดเจนถูกต้องตามแบบแผนที่พูดกัน จึงรู้ดีว่าหนุ่มคนนี้เป็นคนสยาม มิใช่แขกเทศอย่างที่ใครๆมักเข้าใจผิด หากเพียงแค่เห็นหน้า
ทนายหนุ่มเป็นคนรับใช้ใกล้ชิดที่คอยปฏิบัติหน้าที่หลายอย่างให้หลวงพินิจราชอักษร เป็นงานออกหน้าออกตา รับแขกแทนคุณหลวงหนุ่มในกรณีที่เจ้าตัวไม่สะดวกใจ หรือตัดขัดอะไรไม่อาจทำงานนั้นๆได้ ก็จะใช้เจ้าเทิดคนนี้ทำงานให้แทน ไม่ว่าจะรับแขกใหญ่โต อย่างพระน้ำ พระยา ส่งสาส์นจดหมาย หรือทำธุระซื้อขายอะไรแทนหลวงพินิจอยู่บ่อยๆ
ชายหนุ่มคนนี้ เป็นเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เด็กๆของคุณหลวง เพราะเป็นลูกของทนายหน้าหอของเจ้าคุณไพรัชกิจ หวงพินิจจึงเห็นวิ่งเล่นอยู่ในบ้านประจำ อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกัน อีกทั้งมีสติปัญญาเฉียบแหลม กิริยามารยาทเรียบร้อย กล้าทำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ จึงทำให้มันได้ขึ้นมาเป็นทนายของหลวงพินิจเมื่อคุณหลวงย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ในที่สุด
วันนี้มาหาแต่เช้าคุณหลวงก็มั่นใจว่า จะต้องมีเรื่องเริ่งรีบอย่างใด
อย่างหนึ่งแน่นอน
“เรื่องบ้านใหญ่ขอรับ” บ้านใหญ่ก็คือบ้านของเจ้าคุณไพรัชกิจ นั่นเอง ตั้งอยู่แถวคลองสาน เป็นบ้านทรงไทยแบบเก่าที่คุณหลวงทนอยู่ไม่ได้เลยต้องมาสร้างบ้านสไตล์ฝรั่งอยู่อย่างนี้ ทุกวันนี้ที่บ้านใหญ่ มีเพียงเจ้าคุณ และ คุณหญิงไพรัชกิจอยู่กันสองคน ไม่รวมเรือนเล็กๆที่เป็นที่อยู่ของบรรดาลูกหลานเมียเก็บของเจ้าพระยาไพรัชกิจ หากมีบ่าวไพร่ บริวารอยู่กันมากมาย เพราะนานๆครั้งบรรดาญาติๆ และลูกเมียเล็ก เมียน้อยตามหัวเมืองของท่านเจ้าคุณจะมาอาศัยอยู่นั่นเอง
แต่เนื่องจากบรรดาเมียเล็กเมียน้อยของเจ้าคุณ รวมถึงลูกหลานเหล่านั้น ไม่เคยมายุ่งอะไรกับคุณหลวงพินิจอยู่แล้ว เมื่อพูดว่า “บ้านใหญ่” ก็ย่อมหมายถึง เจ้าคุณหรือคุณหญิงไพรัชกิจ คนใดคนหนึ่งเท่านั้น
“เจ้าคุณพ่อ กับ คุณหญิงแม่เป็นอะไรหรืออ้ายเทิด”
“ท่านทั้งสองยังสุขสบายดีขอรับ หากแต่วันนี้ เจ้าคุณไพศาล มาเยี่ยมจนถึงบ้าน พร้อมด้วยคุณหญิง เห็นว่ามาคุยกันเรื่องงานแต่งขอรับ”
ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่กลางศาลา หลวงพินิจสะดุ้งจนสุดตัว ก่อนจะกล่าวกลบเกลื่อนไม่ให้ทนายหนุ่มล่วงรู้ความในใจ
“ก็ดีนี่ ท่านมาเชิญให้ฉันไปคุยหรืออย่างไร”
“มิได้ขอรับ เจ้าคุณมิได้ใช้กระผมให้มา แต่กระผมมาเองด้วยต้องการแจ้งให้คุณหลวงทราบว่า กำหนดฤกษ์แต่งคาดว่าจะสิ้นเดือนหน้าขอรับ”
สิ้นเดือนหน้า หลวงพินิจไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“สิ้นเดือนหน้าแล้วหรือ”
“เร็วไปหรือขอรับ”
“เร็ว” หลวงพินิจลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินไปอีกด้านของศาลา ทำท่าทีเมียงมองไปยังเรือนบ่าว “เร็วไป ข้ากับแม่หยาดไม่ทันได้รู้จักนิสัยกัน แต่งกันไปเห็นจะอยู่กันไม่รอด”
“ขอประทานโทษเถอะขอรับ แต่คุณหลวงกับ คุณหยาดลูกสาวเจ้าคุณไพศาล ก็รู้จักกันมาแต่เด็กแล้วนี่ขอรับ”
หลวงพินิจถอนหายใจ
“นั่นคงเป็นเหตุผลของเจ้าคุณไพศาลละซี”
ทนายหนุ่มยิ้มกับพื้นไม้ศาลา ก่อนจะรับคำเบาๆ
“รู้จักกันก็จริง แต่รู้จักตอนเด็กๆ ข้าไปเมืองฝรั่งตั้งแต่ 10 ขวบ กลับมาเอา เกือบ 20 ช่วงเวลา 10 ปีนั้นก็แทบไม่ได้รู้จักมักคุ้น แม่หยาดเธอเปลี่ยนไปเพียงใดก็ไม่มีใครรู้ แม้ตอนรู้จักกันก็มิได้รู้จักมักจี่รักใคร่แต่อย่างใด เห็นเป็นเพื่อนเล่นคนหนึ่งเท่านั้น”
หลวงพินิจพักหายใจก่อนจะว่าไปอีก
“ข้าเห็นอะไรหลายอย่างในฝรั่งเศส เห็นชีวิตแต่งงานที่ไม่ราบรื่น เห็นการหย่าร้าง ทิ้งลูกทิ้งเมียเป็นปัญหาสังคม ข้าไม่อยากเป็นอย่างนั้น”
“แต่คุณหลวงก็ทราบนี่ขอรับว่ายังไงคุณหลวงก็ต้องแต่งงาน มีทายาทให้เจ้าคุณพ่อ” เทิดกล่าวเบาๆ
“มีทายาทให้อีก ไม่ได้คิดถึงทายาทที่มีอยู่แล้วบ้างหรือ” คุณหลวงหนุ่มถอนใจอีกครั้ง “บรรดาลูกเมียเล็ก เมียน้อยของเจ้าคุณพ่อ ก็มีหลานให้กันแล้วเยอะแยะ เจ้าคุณพ่อยังไม่พอใจอีกหรือ”
“หลานที่เกิดจากเมียเล็ก มีเยอะไปก็เท่านั้นขอรับ คุณหลวง เจ้าคุณท่านคงอยากได้หลานเมียคุณหญิงกระมัง ได้เชิดหน้าชูตา ได้อวดใครต่อใครได้”
“ก็เท่านั้น” หลวงพินิจว่าเบาๆ “อวดใครต่อใคร เห็นประโยชน์ตกอยู่ที่เจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ทั้งหมด ข้าอยากมีภาระเพิ่มหรือก็ไม่ เราไม่ได้พูดกันถึงจิตใจของข้ากันเลย ตลอดบทสนทนานี้อ้ายเทิดเอ๋ย”
“คุณหลวงขอรับ” เทิดว่าเบาๆ เบายิ่งกว่าประโยคไหน “หาว่ากระผมเสือกก็เชิญเถิด คุณหลวงพูดเหมือนว่า จิตใจของคุณหลวง ผูกอยู่ที่ใครอื่นแล้ว”
หากไม่ใช่เพราะสนิทรู้ใจกัน เทิดคงไม่กล้าพูดเรื่องส่วนตัวขนาดนี้กับหลวงพินิจ และคุณหลววงเองก็คงไม่กล้าตอบเช่นกัน หากแต่ก่อนจะกลั่นคำตอบออกมาจากใจได้ คุณหลวงหนุ่มก็ต้องถอนใจเฮือกแล้ว เฮือกเล่าเป็นเวลานานพอควร
“เอ็งรู้ใจข้ากว่าทุกคน” คุณหลวงว่า ไม่กล้าสบตาทนายหนุ่ม ฝ่ายพูดฟังก็ก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามารับฟังนายบ่าวเต็มสองหูเหมือนกัน “เอ็งรู้ว่าข้าไม่มีวันแต่งงานกับแม่หยาดหรือ ใครก็แล้วแต่ที่ข้าไม่ได้รัก”
“กระผมรู้ดีขอรับ” หนุ่มทนายเงยหน้าในที่สุด “แต่คุณหลวงยังไม่ได้ตอบคำถามของกระผม ว่าคุณหลวงมีใจรักใคร่ใครแล้วหรือยังขอรับ หากมีกระผมจะได้ช่วยหาทางพูดไกล่เกลี่ย กล่อมคุณพ่อให้พูดกับเจ้าคุณให้เลื่อนงานแต่งออกไปอีก หากไม่เกรงว่าคุณหลวงคงต้องแต่งงานกับคุณหยาดไปก่อนกระมัง ตามความพึงใจของเจ้าคุณ”
หลวงพินิจถอนตาออกจากเรือนบ่าว หันกลับมาจ้องตาของทนายหนุ่ม
“มีแล้ว เทิดเอ๋ย ข้าไม่บอกเอ็งละว่าใคร แต่ให้รู้ไว้ว่ากับคนนี้ ข้าตั้งใจจริงว่าจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต”
“เพรียบพร้อมด้วยคุณสมบัติทุกประการหรือขอรับ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ จะมองว่าไม่ใช่ก็ได้เหมือนกัน” หลวงพินิจกล่าว “ความสามารถ สติปัญญาเทียบได้กับเอ็งละ รูปร่างหน้าตาขอบอกว่าพึงใจข้าที่สุด ติดที่ฐานะ วงศ์ตระกูล แต่ข้าก็มิได้สนหรอกคนเราอยู่ด้วยกันเพราะถูกตาต้องใจกันมิใช่เรื่องว่าเป็นเจ้าเป็นนายหรือเป็นลูกพระน้ำ พระยาหรือไม่ เอ็งว่าอย่างไร อ้ายเทิด”
“กระผมเห็นด้วยกับคุณหลวงขอรับ แต่เกรงว่าเจ้าคุณและคุณหญิง จะไม่คิดว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร ท่านทั้งสองมองแต่ความเหมาะสมกันทั้งชาติตระกูล การศึกษา ฐานะ และเผอิญว่าคุณหยาดตรงตามคุณสมบัติของเจ้าคุณและคุณหญิงเสียด้วยขอรับ”
“นั่นซีเอ็ง” หลวงพินิจถอนใจ “เอาเป็นว่าเอ็งช่วยข้าเท่าที่ช่วยได้เถอะวะ ข้าจะขอบใจเอ็งมาก”
“ขอรับ” ทนายหนุ่มยกมือไหว้ “เอ้อ มีอีกเรื่องขอรับ”
“ว่าอย่างไร”
“ที่มาหาจริงๆแล้วเพราะเรื่องเมื่อครู่ แต่ที่หาเรื่องมาจนได้ก็เพราะเจ้าคุณให้มาแจ้งขอรับว่า สัปดาห์หน้าแขกฝรั่งจะมาเยี่ยม แลต้องการไปหัวเมืองชายฝั่งทะเล เห็นว่าคงเป็นที่หัวหิน เจ้าคุณบอกวานให้คุณหลวงรีบทำงานให้เสร็จก่อนถึงเวลานั้น ได้ลางานตามเจ้าคุณไปหัวเมือง พาฝรั่งเที่ยวขอรับ”
“ขอบใจมากที่อุตส่าห์มาบอก”
“เจ้าคุณยังบอกอีกขอรับว่า วันสองวันนี้ จะมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วย จะมาวันไหนคงส่งคนมาบอกขอรับ”
“ดีละ ให้คนมาบอกล่วงหน้า จะได้เตรียมกับข้าวกับปลาไว้ถูก”
“ขอรับ เรื่องสุดท้ายแล้วขอรับ”
“ว่ามาซี”
“เจ้าคุณ และคุณหญิงไพศาลเสนีย์ รวมถึงคุณหยาดก็จะมาด้วยขอรับ” ทนายหนุ่มจบประโยค หลวงพินิจก็ไม่ว่าอะไรอีก
เทิดยกมือไหว้แล้วก็ออกไปจากศาลา ทิ้งให้หลวงพินิจราชอักษรนั่งครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆในใจ เดือนหน้าแล้วที่ต้องแต่งงานกับแม่หยาด คุณหลวงต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ไม่ต้องได้เข้าพิธีกับหญิงสาวคนนั้นให้ได้