ไปต่อกันเลยนะคร้าบบบบ
***********************************************************************************************
เส็งยืนอยู่ที่หน้าต่างบานเดิม บานที่เปิดออกจากเฉลียงทางเดินหน้าห้องนอนแขกของหลวงพินิจราชอักษร ตัวบ้านเงียบเชียบเหมือนเดิมตลอดเวลาที่หลวงพินิจราชอักษรไม่อยู่ สายตาของบ่าวหนุ่มน้อยมองทอดอาลัยออกไปนอกหน้าต่าง ตรงนั้นเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะเห็นเรือของหลวงพินิจเดินทางกลับมา คุณหลวงจากเขาไปนับวันเดินทางด้วยก็สิบวันแล้ว ตามกำหนดน่าจะกลับได้แล้ว แต่เส็งก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือจ้างสักลำที่จะนำคุณหลวงกลับมาหาเขา
บ่าวหนุ่มหมุนตัวออกจากหน้าต่าง มองเห็นประตูห้องหนังสือเปิดอยู่ เขาคงจะลืมปิดตอนที่ออกมากระมัง ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งบนตั่งไม้ มองเข้าไปยังห้องนั้น ห้องที่หลวงพินิจทิ้งกลอนเพลงยาวที่ใช้บอกรักเขาเอาไว้
บัดนี้ กระดาษแผ่นนั้นเหน็บอยู่ที่เอวของเขา และอยู่ตรงนั้นตลอดเวลากลางวัน ส่วนตอนกลางคืนนั้นหนุ่มน้อยจะสอดมันไว้ใต้หมอนอย่างทะนุถนอมเสมอไม่ให้ใครได้ล่วงรู้สิ่งที่คุณหลวงต้องการจะบอกแก่เขาคนเดียวแม้จะแน่ใจว่าไม่มีบ่าวคนไหนอ่านหนังสือออกนอกจากเขาก็ตาม เมื่อใดที่คิดถึงคุณหลวง บ่าวหนุ่มน้อยก็จะแอบเอาออกมาอ่านแล้วยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุขทุกครั้ง
แต่เขาก็ถามตัวเองนะว่า รักที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มันจะเป็นไปได้หรือ
หลวงพินิจราชอักษรก็ต้องแต่งงานกับหยาดในอีกไม่กี่อาทิตย์แล้ว พอแต่งงานกันมีลูก คุณหลวงก็ต้องลืมเขา ทอดทิ้งเขาอย่างคนอื่นๆที่เขาเห็นมานักต่อนัก เมียแรกมักเป็นทุกข์เสมอ ในขณะที่เมียแต่งไม่ว่าจะเป็นคนที่เท่าใดก็ย่อมมีหน้ามีตา มีความสุข มีทรัพย์ศฤงคารทุกอย่างได้เท่าที่ต้องการเสมอเช่นกัน แล้วนี่เขาไม่ใช่เมียของคุณหลวงด้วยซ้ำ เป็นเพียง...ทางผ่านเท่านั้น เผลอๆไม่ต้องรอให้มีลูกด้วยซ้ำ แค่หายไปสิบวันโดยไม่รีบกลับอย่างนี้ ก็น่าเป็นห่วงพออยู่แล้วว่า คุณหลวงอาจเผลอใจไปรักคุณหยาดได้พอๆกับที่เผลอรักอ้ายเส็งเวลาอยู่ที่เรือนเทา
เพราะคุณหยาดคนเดียว เส็งคิดอย่างหงุดหงิดใจ พลางเดินลงบันไดเวียนมายังชั้นล่าง เดินปล่อยใจ คิดอะไรไปตามเรื่อง หากไม่มีคุณหยาด คุณหลวงก็คงรักแต่เขาคนเดียว คงไม่ต้องแต่งงาน มีทายาทสืบสกุลอะไรเลย เพียงแต่อยู่กับเขากันสองคนง่ายๆ ไม่ต้องเอาเขาออกหน้าออกตาอะไรในสังคมนัก แต่เขาจะกล้าตัดสังคมของคุณหลวง ไม่ให้พบปะผู้คน ให้อยู่กับเขาคนเดียวได้หรืออ้ายเส็ง
ไหนจะเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ของคุณหลวงอีกเล่า หากรู้ความจริงเข้า ว่าลูกของตนมีพฤติกรรมผิดเพศมาชอบผู้ชายด้วยกัน จะรับได้หรือ คุณหลวงจะไม่รอดถูกโบย ถูกขับออกจากบ้านเลยหรือ
บ่าวลูกจีนคิดจนปวดหัวก็หยุดคิด เดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงสวนผลไม้ของหลวงพินิจราชอักษร บรรดาบ่าวไพร่ยังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง มั่นเห็นเด็กหนุ่มเดินหน้างอมาก็ร้องทัก
“จะไปไหนหรือ อ้ายเส็ง ทำหน้าอย่างกับจะไปฆ่าจะแกงใคร”
“ไม่มีอะไรดอกพี่ ฉันจะเข้าสวนหน่อย”
“ไปแอบนอนรึเอ็ง” เขาหัวเราะลงลูกคอเบาๆ “ระวังนะ เดี๋ยวคุณหลวงเธอกลับมารู้ว่าหนีงานได้โดนด่ายับ”
เส็งหัวเราะพอเป็นพิธีก่อนจะเดินทอดน่องเข้าสวนไปไม่ได้ใส่ใจมั่นอีก บ่าวหนุ่มน้อยเดินมาถึงต้นมะม่วงต้นใหญ่ก็นึกถึงตอนที่หลวงพินิจเอื้อมจนสุดมือ ปลิดผลมะม่วงสุกลงมาปอกให้เดี๋ยวนั้นเขาก็อดคิดถึงความสุขที่ได้อยู่ข้างกายนายบ่าวของเขา ที่เขารักจนหมดหัวใจไม่ได้
บัดนี้ทั้งคู่รู้แล้วว่าต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน เส็งจะปฏิบัติต่อคุณหลวงได้เหมือนเคยหรือ แล้วคุณหลวงเองจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด บ่าวหนุ่มน้อยนั่งลงใต้ต้นมะม่วง ยกมือขึ้นประสานรองไว้ที่ท้ายทอย เอ็นตัวลงพักผ่อน คิดถึงตอนที่หลวงพินิจห่มผ้าให้ คิดถึงตอนที่คุณหลวงบอกว่า “ถ้าหนาวก็ห่มผ้าของเราไปก่อน คราวที่แล้วเห็นนอนสั่นกลัวจะจับไข้ก็ห่มผ้าให้ คราวนี้ไม่ได้อยู่ต้องห่มเองเสียแต่ก่อนนอนแล้วนะเส็ง”
คุณหลวงไม่รู้หรอกว่าทุกคืนที่บ่าวหนุ่มนอนห่มผ้าแพรสีขาวนวลของหลวงพินิจนั้น เขาอบอุ่นเพียงใด รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีความสุขราวกับได้นอนอิงแอบร่างกายที่แข็งแรงกำยำของคุณหลวงหนุ่ม กลิ่นกายและน้ำอบฝรั่งที่คุณหลวงพรมร่างทุกวัน ยังติดผ้าอยู่ ทุกครั้งที่เส็ง ซุกหน้าลงกับผ้าห่ม ก็รู้สึกเหมือนได้ แนบหน้าลงกับใบหน้าคมสัน หล่อเหลาราวเทพบุตรของคุณหลวงหนุ่มไม่ต่างกัน... จะมีไหมอ้ายเส็ง... จะมีสักวันไหมที่เอ็งจะได้นอนแนบกับตัวจริง ไม่ใช่เพียงห่มผ้าของเจ้าตัวเท่านั้น
เส็งไม่รู้ตัวว่าหลับไปเมื่อใด รู้สึกตัวอีกที ก็มีมั่นนั่งอยู่ข้างๆ เขย่าตัวเรียกเขาแล้ว ลืมตามองก็เห็นว่าตอนนั้นฟ้ามืดเสียแล้ว เขาหลับไปนานพอควร
“กว่าจะตื่น” เพื่อนบ่าวรุ่นพี่ว่า “จะมาบอกว่าคุณหลวงกลับมาแล้ว”
“คุณหลวงกลับมาแล้วหรือ”
“งั้นซี ได้ยินว่าอะไรเล่า” มั่นหัวเราะ
เพื่อนบ่าวรุ่นน้อง ลุกขึ้นแทบจะกระโจนพรวดออกมาจากสวน ตั้งแต่ได้ยินคำว่า คุณหลวงแล้ว มั่นบ่นทำนองว่าผุดลุกผุดนั่งอย่างกับลิง แต่เส็งก็ไม่อยู่ฟัง รีบวิ่งออกจากสวนตรงไปที่ท่าน้ำราวกับติดปีกบินไป
คุณหลวง... คุณหลวงของบ่าว คุณหลวงกลับมาแล้ว เส็งวิ่งมาได้ถึงท่าน้ำก็เห็นบุคคลที่เขาคะนึงหาที่สุดตลอดระยะเวลา สิบวัน
หลวงพินิจราชอักษรขึ้นจากเรือก่อนเป็นคนแรก ก่อนจะยื่นมือให้คุณหญิงแม่เกาะ พยุงขึ้นจากเรือ ตามด้วยเจ้าคุณไพรัชกิจ หลวงพินิจดูผอมลง ราวกับไม่ได้กินอะไรเลยตลอดเวลา สิบวันที่อยู่ที่หัวหิน บรรดาบ่าวไพร่ นั่งอยู่ตรงพื้นท่าน้ำ มีนางแก้วนั่งอยู่แถวหน้าสุด ตามีและ บ่าวผู้ชายซ้อนอยู่แถวหลัง เส็งยืนอยู่หลังสุด มีมั่นที่เพิ่งมาสมทบยืนอยู่ข้างๆ
บ่าวลูกจีนสาบานเอาอะไรก็ได้ว่า หลวงพินิจกวาดตามองไปรอบๆ ราวกับจะหาเขา พอตาประสานตา แทนที่จะได้เห็นรอยยิ้มจากหลวงพินิจราชอักษร เส็งกลับเห็นเพียงแววตาเฉยชาราวกับว่าบ่าวหนุ่มไม่มีตัวตน มองเห็นแล้วก็มองผ่านไปเท่านั้น
เส็งประหลาดใจ เกิดอะไรกับคุณหลวง เหตุใดหลวงพินิจจึงทำเช่นนี้กับเขา บ่าวลูกจีนเห็นแก้วก้มลงกราบ ก่อนจะพูดอย่างประจบประแจง
“คุณหลวงกลับมาแล้ว ดีใจจังเลยเจ้าค่ะ คุณหลวงไม่อยู่พวกบ่าวเหง๊า เหงา ไม่รู้จะไปรับใช้ใครเจ้าค่ะ”
หลวงพินิจยิ้มนิดๆ แม้จะแค่นิดๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้เห็นไม่ใช่ทำหน้าปั่นปึ่งใส่อย่างที่ทำกับเส็ง บ่าวหนุ่มน้ำตาคลอแทบจะร้องไห้เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ของคุณหลวง
“เอาเถอะๆ พวกเอ็งไปเตรียมสำหรับมาให้เจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่เถิด ไม่เห็นต้องมารับกันขนาดนี้” หลวงพินิจว่า “ดูแลบ้านกันดีหรือเปล่า”
“ดีขอรับไม่มีขโมยขโจรหรืออะไรเสียหายเลย ขอรับ” ตามีเป็นคนตอบ น้ำตาของเส็งเกือบจะไหลลงแก้มอยู่แล้ว แต่พอได้ยินคุณหลวงเรียกชื่อเขาบ่าวหนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“เส็ง” คุณหลวงหันมาคุยกับเขา หากแต่ไม่มีแววแห่งความรัก เมตตาแฝงอยู่เหมือนที่เคย “เอ็งดูแลเรือนเทาดีหรือเปล่า”
เท่านั้นเองหรือ เส็งคิดในใจ ดูแลเรือนดีหรือเปล่า ไม่มีบอกว่ารัก บอกว่าคิดถึง หรืออย่างน้อยก็รอยยิ้มอย่างอบอุ่นที่มักจะใช้กับเขาคนเดียวอีกแล้วหรือ หนุ่มน้อยก้มหน้า น้ำตาหยดลงพื้นหญ้า ไม่ได้ไหลอาบแก้มให้คุณหลวงได้เห็นชัด
“ดะ... ดีขอรับ” บ่าวหนุ่มน้อยตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว บ่าวผู้ชายช่วยอ้ายเทิดมันขนของของข้า และคุณหญิงแม่ เจ้าคุณพ่อขึ้นเรือน บ่าวผู้หญิงไปเตรียมกับข้าว” หลวงพินิจออกคำสั่ง “เส็ง เอ็งไม่ทิ้งอะไรไว้ที่ตั่งหน้าเรือนห้องข้าใช่ไหม วันนี้เจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่จะนอนค้างอยู่ที่นี่”
“มะ... ไม่ขอรับ” บ่าวหนุ่มน้อยตอบ
“ดีแล้ว คืนนี้เอ็งก็นอนที่เรือนบ่าวเหมือนเดิมก็แล้วกัน”
เท่านั้นเอง หลวงพินิจราชอักษร เจ้าคุณพ่อ และคุณหญิงแม่ของเขาก็เดินเข้าเรือนเทาไป บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตนตามที่หลวงพินิจมอบหมาย มีเพียงเส็งเท่านั้นที่ยืนคว้างไม่รู้จะขยับไปทางไหน ทำอะไรไม่ถูก
เส็งกำลังจะก้าวเท้าออกเดิน ก็ได้ยินแก้วพูดขึ้นข้างๆ เดินเบียดบ่าวหนุ่มไปอย่างตั้งใจ “ไงละเอ็ง คุณหลวงเขาไม่เห็นสนใจเอ็งเลย อย่าได้ลำพองไปหน่อยเลยย่ะ ว่าคุณหลวงเขาจะโปรดเอ็งอยู่ได้นานเหมือนที่โปรดปรานฉันน่ะ คุณหลวงเขาก็เห่อบ่าวใหม่อย่างนี้ทุกคน พอเก่าแล้วเขาก็ลืม ไม่สนใจอะไรเหมือนฉันที่เคยโปรดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น”
หล่อนหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนบ่าวเพื่อทำอาหารมื้อค่ำ มาให้คุณหลวงรับประทาน
เส็งรู้ดีว่าเขาไม่ควรเก็บเอาคำพูดของแก้วมาใส่ใจ แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกินที่จะไม่สนใจสิ่งที่บ่าวสาวคนนั้นพูด แม้เส็งจะรู้ว่าหล่อนตั้งใจพูดให้เขาเสียใจ และไม่ยุ่งไม่เข้าใกล้คุณหลวงเกินไปอย่างเมื่อก่อน แต่เขาก็อดเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ว่า คำพูดของหล่อนจะเป็นจริง “พอเบื่อแล้วก็ลืม”
คุณหลวงคงไม่เคยมีบ่าวที่ไหน อ่านหนังสือออกแบบเขา หรือทำงานฝีมือได้สวยแบบเขา คงจะถูกใจเอ็นดูไปอย่างที่เคยบอกเขาเท่านั้น คำพูดอย่าง “จะรักไปแสนนานมิรู้ลืม” คงไม่จริงอะไร เป็นเพียงตัวอักษรที่ขีดๆ เขียนๆ ร้อยกรองมาอย่างที่คิดอย่างไรก็เขียนไปอย่างนั้น คงไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองมาเลยกระมัง ... คุณหลวงไม่ได้รักเขาจริงอย่างที่เขียนบอกไว้
หรือคุณหลวงเพียงแค่ไม่อาจแสดงออกอะไรมากนักต่อหน้าเจ้าคุณ และคุณหญิงไพรัชกิจเท่านั้น แต่หากไม่ต้องการแสดงออกอะไรเพราะไม่เหมาะกับกาลเทศะจริงๆ อย่างน้อยก็น่าจะเพียงแค่ยิ้มมาเท่านั้น เขาก็ดีใจแล้ว บ่าวหนุ่มนอนก่ายหน้าผาก คิดมาก แต่คิดอะไรไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เผลอหลับไปอีกครั้ง ไม่ทันเห็นบ่าวไพร่คนอื่นๆเดินเข้ามาในหอนอนสักคน
เส็งตื่นมาอีกทีก็พบว่าบ่าวผู้ชายเข้านอนกันหมดแล้ว แถมเสียงพูดคุย ทำอะไรอยู่ด้านนอกก็เงียบหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงอนุมานเอาเองว่าเวลานี้คงจะดึกมากแล้ว หนุ่มน้อยหลับตา พลิกตัวนอนคว่ำหน้า เปลี่ยนท่าไปมาอยู่หลายครั้งก็รู้ว่าตาสว่าง สมองตื่นเกินกว่าจะนอนต่อแล้ว ก็ลุกออกจากหอนอนมาที่นอกชาน
ในหัวคิดเพียงแต่ว่า หากคุณหลวงไม่รักเขาแล้วอย่างนี้ เขาจะอยู่บ้านนี้ไปอีกทำไม หนีไปตายเอาดาบหน้าข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ หนุ่มน้อยเดินลงจากเรือนบ่าวมา ตาก็มองไปยังหน้าต่างห้องหนังสือด้วยความเคยชิน เขาจึงเห็นว่าโคมไฟในห้องนั้น เปิดอยู่!
คุณหลวงรอเขาอยู่หรือ
เป็นไปได้หรือเปล่าว่า คุณหลวงเพียงแค่ไม่อาจแสดงออกต่อหน้าใครๆ ได้หากแต่ตอนนี้กำลังรอพบเขาอยู่ตามลำพัง เหมือนคราวนั้นก่อนที่คุณหลวงจะไปหัวหิน หนุ่มน้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างดีใจไปทางเรือนเทาด้วยความสุขลึกๆว่า จะได้พบคุณหลวง ได้คุยกันตามลำพังแม้สักพัก ก็คงอุ่นใจ
แต่หากคุณหลวงไม่ได้รักเอ็งเล่าเส็ง ถ้าเอ็งโผล่ไปอย่างนี้ แล้วคุณหลวงเกิดบอกว่าเขาไม่ได้จริงจัง บัดนี้รักแต่คุณหยาดและจะแต่งงานกับหล่อนเล่า เอ็งจะทำอย่างไร บ่าวหนุ่มคิด
แต่อาจเพราะเส็ง เป็นคนประเภท ใช้หัวใจมากกว่าสมอง ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาจึงพาตัวเองมาถึงด้านหลังของเรือนเทาในไม่กี่นาทีต่อมานั้นเอง บ่าวลูกจีนเงยหน้ามองหน้าตาห้องหนังสือก็พบว่า แสงไฟยังอยู่ แต่ไม่มีคุณหลวงที่หน้าต่าง เขาอาจจะกำลังเดินลงมา หรือว่าหลับไปแล้วเพียงแต่เปิดไฟทิ้งไว้ ลืมปิดไฟห้องหนังสือเท่านั้น
บ่าวหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นสักครูเดียวความคิดก็วิ่งวนไปมาในหัว
มันจะต้องออกมาดีซี ออกมาอย่างใจคิด ข้อความในกลอนเพลงยาวของคุณหลวงก็บอกทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณหลวงคิดอย่างไรกับเขา คุณหลวงก็ดูมั่นใจดีไม่ใช่หรือ จะมาเปลี่ยนใจง่ายๆ เพียงแค่ไปเที่ยวกับคุณหยาดมาสิบวันเท่านั้นหรือ คุณหลวงคงไม่ได้เปลี่ยนใจไปจากเอ็งหรอกเส็ง ที่คุณหลวงต้องทำท่าปั้นปึ่งใส่ ก็เพราะต้องแสดงออกต่อหน้าเจ้าคุณพ่อและคุณหญิงแม่ของเขาเท่านั้น ว่าไม่ได้มีใจเอนเอียงมาหาบ่าวหนุ่มให้เจ้าคุณและคุณหญิงไพรัชกิจสงสัยในตัวลูกชายเหมือนคืนก่อนที่เขาจะเดินทางอย่างไรล่ะ
แต่เอ็งก็ต้องเผื่อใจนะเส็ง ต้องคิดเผื่อด้วยว่าหากหลวงพินิจเกิดรักคุณหยาด ด้วยเห็นความดี เห็นใจ สงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ตลอดเวลา สิบ วันที่หัวหินมันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรือ หากเขารักกันจะแต่งงานกัน ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือถ้าเขาจะทำท่าปั้นปึ่ง ไม่สนใจเอ็ง แล้วหากเขารักกันจริงๆละก็ เอ็งจะทำลายชีวิตคู่ของเขาได้ลงเชียวหรือ เอ็งควรจะจบความสุขลมๆแล้งๆของเอ็งไว้เสียตรงนี้เลยไม่ดีหรือ เส็งว้าวุ่นในใจ
จะทำอย่างไร ยืนอยู่รอเขาลงมา หรือกลับไปเรือนบ่าว แล้วตัดใจเสีย วันรุ่งขึ้นหรือวันไหนก็ขอลาออกจากเรือน ไปทำมาหากินข้างนอก ไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เส็งก็เห็นร่างของบุคคลคนหนึ่งเปิดประตูหลัง ก้าวออกมาจากเรือนเทาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บอกความรู้สึกใด
หลวงพินิจราชอักษร เดินออกมายังสนามหญ้าหลังตึกใหญ่ มองเส็งด้วยแววตาที่ยากจะบอกได้ว่าหมายถึงอะไร รู้สึกอะไรหลังม่านตาสีดำคู่นั้น ท่อนบนดูกำยำ แม้ถูกปิดทับด้วยเสื้อสีขาวโปร่งบาง และกางเกงผ้าแพรที่คุณหลวงมักใส่นอนประจำ ผมทรงรองทรงของคุณหลวงยาวขึ้น หนวดเคราขาดการโกนมาสองสามวัน ร่างกายซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด กระนั้น สำหรับเส็ง บนโลกนี้ ใต้แสงจันทร์ดวงเดียวกับที่เขาเห็นอยู่นี้ ไม่มีใครรูปงามเกินหลวงพินิจราชอักษรของเขาอีกแล้ว
ชายหนุ่มเดินตรงมาหาเส็งใบหน้าบอกได้ยากว่ารู้สึกอะไร หัวใจของเส็งเต้นโครมคราม ด้วยไม่อาจเดาได้เลยว่า คนที่อยู่ข้างหน้าคิดอะไรกับเขาอยู่กันแน่
***********************************************************************************************
ปล. ขำคุณกิต อิอิ ><
ปล2 ทุกคนใจร้ายยยย ไม่มีใครเห็นใจพาทิศเลย 555+