๒๖
“คุณหลวงขอรับ เมื่อใดจะมารับบ่าวไปอยู่กับคุณหลวงเสียที” เส็งสะอื้นไห้กับปลอกหมอน บ้านในสวนนั้นน่ากลัวขึ้นเป็นร้อยเท่า เมื่อไม่มีหลวงพินิจราชอักษรอยู่ในบริเวณใกล้เคียง คุณหลวงหนุ่มจากไปหลายเดือนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านช่างต่างไปจากที่มันเคยเป็นอยู่มาก
ทั้งที่จริงแล้วเส็งไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ฟังมาจากมะลิอีกทีต่างหาก
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า คนก็ลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในเรื่อนเทาแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างมะลิกับชิด ที่ทำตัวห่างเหินไปได้พักหนึ่ง ก็กลับมาพูดจาดีด้วยเหมือนเดิม จนเมื่อเวลาผ่านไปเดือนสองเดือน หล่อนสองคนก็ถึงกับเอากับข้าวกับปลามานั่งกินด้วยกันกับเส็งที่บ้านสวนแทบทุกวัน เส็งยังจำได้ว่าวันนี้ พอวางกับข้าวลงบนแคร่นอกตัวบ้านแล้ว มะลิก็เอ่ยปากบ่นอย่างคับแค้นใจทันที
“ดู ดู๊ ไม่รู้ไปเอามาจากไหน เล่นไพ่เล่นพนันกันเนี่ย เล่นกันแต่ละทีไม่เป็นอันทำการทำงาน เริ่มเล่นเช้า กว่าจะเลิกก็ดึก เลิกแล้วก็หลับ ตื่นมาก็เล่นอีกแล้ว” หล่อนยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางบนแคร่ เปิบข้าวใส่ปากอย่างอร่อยเอร็ด เคี้ยวข้าวไปก็บ่นไป มีชิดคอยเป็นลูกคู่
“โดยเฉพาะยายนอม แก่จนจะ... วุ๊ย ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักห้ามปราม ซ้ำยังชวนกันเล่นแบบเอาเงิน เนี่ยจนเงินเดือนไม่มีแล้ว ซื้อของอะไรส่วนตัวกันไม่ได้ก็มารีดเอาจากฉันกับมะลิ” ชิดว่า ทำหน้าทำตาใส่อารมณ์เต็มที
“ไม่ให้ก็โดนด่าเอา” มะลิช่วยเสริมอีกแรง
“ยายนอมแกไม่ทำอะไรเลยจริงหรือ แกแก่ที่สุดก็น่าจะปรามๆบ้าง” เส็งถามอย่างประหลาดใจ ปกติยายนอมเจ้าระเบียบจะตาย
“อู๊ย นั่นละเจ้ามือเทียว” มะลิว่า “ตามีก็ไม่อยู่เสียแล้ว ไม่มีใครจะมาช่วยห้ามปรามกันดอก”
ตามี เสียไปตั้งแต่เมื่อครั้งคุณหลวงออกจากเรือนไปยุโรปใหม่ๆ แล้วผู้ที่อาวุโสที่สุดในบ้านก็เลยกลายเป็นยายนอมไป คุมทั้งบ่าวผู้หญิง และบ่าวผู้ชายเสียคนเดียว จะชี้ซ้ายชี้ขวาอย่างไรก็ได้ไม่มีใครคอยแย้ง
“แล้วคุณหยาดเล่า ไม่ทำอะไรหรือ”
มะลิส่งสายตาอย่างเหนื่อยระอามาให้เส็งก่อนจะว่าต่อไป
“คุณหยาดเธอก็ท้อง จะมาสนใจรึว่าเรือนบ่าวเขาทำอะไรกัน เธอก็อยู่ของเธอบนเรือนเทา” มะลิแอบลอบถอนใจ “พ่อเทิดก็เอากับเขา ถ้าวันไหนไม่หายไปในเรือนเทากับคุณหยาดแล้วละก็ ต้องลงมาเล่นไพ่กับพวกบ่าว ตานี้ละเงินที่คุณหลวงให้ช่วยดูแล ก็เอามาเล่นไพ่ เล่นพนันหมด ฉันยังไม่ได้เล่าให้พ่อเส็งฟังใช่ไหมว่าพ่อเทิดเขาเล่นชนไก่ด้วย”
เส็งตะลึง ก่อนจะส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ คล้ายๆที่คุณหลวงชอบทำ
“ชนไก่... เลี้ยงเอาไว้หลายตัวอยู่หลังเรือนเทานั้นละ ทำอย่างกับเป็นบ้านตัวเองจะแต่งจะเติม จะรื้อจะถอนอะไรก็ทำ ตานี้ซื้อไก่เขามาก็ต้องเสียอยู่โข พอเอาไก่ไปชนได้เงินมาก็เอามาเล่นไพ่ แล้วเล่นทีไรก็ชนะเสียด้วยนะ เงินจากพวกบ่าวก็เลยไปอยู่ที่พ่อเทิดเขาหมด แล้วเขาก็เอาไปพนัน พอเล่นเสียบ้างเงินในบ้านก็ออกไปจมนอกบ้าน พอเล่นได้อีกก็มาเล่นที่ในบ้านอีก วนเวียนไปอย่างนี้ไม่มีจบละเอ็งเอ๋ย” มะลิอธิบายต่อ “อย่างวันนี้ก็ออกไปกับคุณหยาด ไม่รู้ว่าพาไปเรือนเพื่อนๆของมันที่ชอบเล่นพนันหรือเปล่า”
“คุณหยาดก็เล่นหรือจ๊ะ” เส็งถามอย่างฉงน
“เปล่าดอก เธอชอบดูเฉยๆ เขาว่ากันว่า พ่อเทิดมันเล่นเก่ง เล่นทีได้เงินมาก อยู่สบายไปเป็นเดือนๆ ทีเดียวละ”
“แล้วนี่” ชิดรีบแทรกขึ้นมาก่อนที่ตนจะไม่มีโอกาสได้พูด เพราะมะลิพูดนานเหลือเกิน “ได้เงินมาเยอะๆ แทนที่จะขึ้นเงินให้พวกเรา เปล๊า เอาเข้าตัวหมด เงินที่ปกติคุณหลวงให้รายเดือน พ่อเทิดนึกอยากให้ก็ให้ ไม่นึกอยากให้ก็ไม่ให้ แล้วไม่ชอบหน้าใครก็ไม่ให้ด้วย อย่างฉันกับมะลิไม่ได้เงินใช้ส่วนตัวมานานแล้ว”
เส็งมองมะลิและชิดอย่างเห็นใจ
“คุณหยาดไม่รู้เรื่องนี้หรือ”
“ไม่รู้หรอก หรือรู้แล้วไม่ทำอะไรก็บอกไม่ได้ คุณหยาดเองก็เถอะ เงินในบ้านเอาไปซื้อเสื้อซื้อผ้าเสียหมดตามสมัยนิยมต้องเป็นเสื้อลูกไม้ แขนพอง มีกี่ตัวต่อกี่ตัวแล้วก็ยังซื้ออีกอ้างว่าอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ฉันว่าใส่วันละตัวนี่ก็อยู่ได้เป็นเดือนเทียว”ชิดตอบ “ไม่รู้ว่าคิดว่าเป็นนายบ้านนี้เองหรือไงเนอะ พ่อเทิดกับคุณหยาดนี่”
ชิดทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า
“พ่อเทิดน่ะไม่มีสิทธิ์คิดแน่ แต่คุณหยาดก็อาจจะคิดได้” มะลิว่าไปตามน้ำ “ลูกของคุณก็ลูกเจ้าของจริงๆนี่นา โตมาก็คงได้เป็นเจ้าของบ้านเสียอีกคน”
“แต่จะลูกคุณหลวงจริงๆหรือ เขาไม่เห็นรักใคร่กันสักนิด”
“แหมก็เขาแต่งงานกันเขาก็ต้องนอนด้วยกันบ้าง ถ้าไฟมันใกล้ฟืนอย่างไรก็ต้องมีควัน เราไม่ได้ไปเฝ้าไว้เราจะรู้หรือว่าเขาทำอะไรกันวันๆหนึ่ง” มะลิไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เส็งไม่สบายใจ แต่ก็โพล่งไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำไม่รู้จะแก้อย่างไร เห็นเส็งหน้าสลดลงก็หยุดพูดไปเฉยๆ รีบกินข้าวให้หมดแล้วก็เดินกลับเรือนบ่าวไป ทิ้งเส็งนอนไม่สบายใจอยู่เพียงคนเดียวในบ้านสวนอย่างตอนนี้
ไม่สบายใจแล้วก็ไม่สบายกายด้วย เตียงไม้เก่าๆในบ้านหลังนี้นอนไม่สบายเลย แรกๆมาที่นอนเส็งถึงกับปวดหลังไปอยู่เป็นอาทิตย์ กว่าจะชินได้ก็พักใหญ่ๆหลังจากนั้น ยุงเยอะบินว่อนกัดเขาจนต้องตื่นขึ้นมาปัดยุงอยู่หลายครั้งเพราะไม่มีแม้แต่ยุ้งจะใช้กางกันยุง เส็งต้องไปขุดตะไคร้มาแขวนไว้ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้างเป็นครั้งคราว แต่เส็งก็ไม่คิดบ่นหรืออะไร เขาเคยชิดกับการอยู่วัด และอยู่เรือนที่แสนจะลำบากของหยาดพอๆกับที่ชินกับการนอนเตียงสี่เสาปูเบาะนุ่มของคุณหลวงเสียแล้ว
คิดถึงคำพูดของมะลิก็พาลคิดถึงคุณหลวงขึ้นมา
ป่านนี้คุณหลวงจะอยู่ที่ไหน อยู่อังกฤษหรือฝรั่งเศส อยู่สบายดีหรือเปล่า หรือว่าต้องทนทุกข์ทรมาณสักเพียงใดกับการที่ต้องอยู่โคลงไปเคลงมาบนเรือที่แล่นข้ามมหาสมุทรไปถึงยุโรป เส็งไม่ห่วงหลวงพินิจเรื่องอาหารการกิน เพราะคุณหลวงชอบอาหารฝรั่ง ได้ไปกินของจริงก็คงดีกว่ากินฝีมือเขาอยู่แล้ว เขาห่วงแต่ว่าคุณหลวงจะสุขสบายมีคนคอยรับใช้ มีเตียงนุ่มๆให้นอน มีใครให้พูดคุยด้วยอย่างไรบ้างหรือเปล่าเท่านั้น
แต่ในความเป็นห่วงก็ยังมีความทุกข์ใจอยู่... ทุกข์ใจ น้อยใจ ระแวง สงสัยว่า บนเรือคงไม่ได้มีแต่คนแก่ๆและคุณหลวง จะต้องมีบ่าวไพร่ ฝีพายหนุ่มๆ อะไรที่ไว้ใช้งานด้วย ... จะมีสักคนไหมที่คุณหลวงถูกตา ต้องใจอย่างเขา คุณหลวงจะใกล้ชิด จะตกหลุมรักใครบ้างหรือเปล่า สุดท้ายแล้วจะมีใครแทนเขาไหม ในขณะที่เขาเองก็ยังไม่ไปไหน ยังรอหลวงพินิจกลับมารับเท่านั้น แล้วหลวงพินิจเล่าจะนับวันรอกลับมาเจอเขา เหมือนที่เขาทำหรือเปล่า หรือรักแท้จะแพ้ใกล้ชิด หลวงพินิจจะเผลอใจ ไป “ก่อควัน” กับฟืนที่ไหนอย่างที่มะลิว่าเสียก่อน เส็งไม่แน่ใจ
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องสะบัดหัวแรงๆแล้วดึงความคิดตัวเองกลับมา คิดในใจทุกครั้งว่า “เราต้องเชื่อมั่นในตัวคุณหลวง” แต่พอเก็บเรื่องมาคิดมากจนนอนไม่หลับขนาดนี้ เส็งจึงตัดสินใจลุกออกจากบ้านสวนในที่สุด ออกมาเดินเล่นนอกบ้าน ไปนั่งที่คลองชมจันทร์เพลินๆคงจะดี
เส็งเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาจนถึงริมคลองที่เขามักจะมานั่งดูคนพายเรือสัญจรไปมา แต่มืดค่ำป่านนี้ เขาไม่คิดหรอกว่าจะเจอใครพายเรือไปไหน หรือกลับมาจากไหนอีก เขาหย่อนขาลงน้ำแกว่งน้อยๆพอให้รู้สึกสบายที่เท้า คิดถึงตอนที่นั่งหย่อนขาที่ริมท่าน้ำกับคุณหลวง... ป่านนี้ท่าน้ำจะยังอยู่ดีหรืออย่างไร
นอกจากท่าน้ำแล้ว ศาลาไม้แปดเหลี่ยมสีขาวนั่นอีกล่ะ แล้วยังจะเรือนเทา ในนั้นเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่สำคัญที่สุดระหว่างเขากับหลวงพินิจทีเดียว สถานที่ที่พบกันครั้งแรก ที่ที่สัมผัสต้องกายกันครั้งแรก ที่ที่นอนร่วมเตียงกันครั้งแรก รวมถึง เป็นที่ที่ได้ใกล้ชิดกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย ไม่รู้เพราะอะไร เส็งอยากกลับไปที่เรือนเทาเหลือเกิน หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนแล้ว... รู้ก็รู้ว่าตนถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในบริเวณนั้นอีก แต่ใจกลับทำงานไวกว่าสมอง มันสั่งให้เขาลุกขึ้น เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนเทา ไปเยือนที่ที่ทุกมุมมีความทรงจำเกี่ยวกับความรักระหว่างเขาและหลวงพินิจราชอักษร
เส็งเดินอย่างรวดเร็วไปที่ทางออกสวนมองเห็นเรือนเทาอยู่ไม่ไกลจากสายตา สิ่งแรกที่เห็นคือ บ้านทั้งหลังเปิดไฟไว้สว่างแทบจะทุกห้อง เพียงเห็นเส็งก็ปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวอย่างรวดเร็ว มะลิ และชิดบอกว่าวันนี้คุณหยาดกับเทิดออกไปข้างนอกกัน และไปเล่นพนันเสียด้วย กว่าจะเลิกก็คงดึกป่านนี้น่าจะยังไม่กลับ ยิ่งบ้านเปิดไฟไว้สว่างขนาดนี้ ยิ่งทำให้เส็งมั่นใจ หากในบ้านไม่มีคนอยู่ หากไม่ใช่ว่าทิ้งไปหลายวัน แต่ไปธุระที่ไหนชั่วประเดี๋ยวละก็ หลวงพินิจสั่งทุกคนไว้ว่า ให้เปิดไฟไว้เสีย ขโมยขโจรจะได้คิดว่ามีคนอยู่บ้าน ไม่ขึ้นมาขโมยข้าวของบนเรือน
เส็งเดินช้าๆ เร้นกายในความมืดตรงไปยังเรือนเทา เขาไม่กลัวว่าใครจะเห็น จันทร์คืนนี้ มืดเกินกว่าที่จะมีใครเห็นตัวเขาได้จากที่เรือนบ่าว เส็งจึงมั่นใจที่จะกลับไปเรือนเทาในครั้งนี้ ไปสัมผัสที่ที่ยังอบอวลไปด้วยรักของเขาและคุณหลวงหนุ่ม เพื่อเติมแรงใจที่ใกล้จะริบหรี่เต็มทีของเขาให้เต็มอีกครั้ง
บ่าวลูกจีนมองไปบริเวณรอบๆ แม้ทุกอย่างจะยังอยู่ในที่ที่มันอยู่ ไม่เปลี่ยนไปมากนัก ทั้งท่าน้ำ และศาลาทรงแปดเหลี่ยมที่ริมสระบัว แต่เขาก็ดูออกว่า ตรงนั้น ขาดการดูแลรักษา ปล่อยไว้จนทรุดโทรมจริงๆอย่างที่มะลิ และชิดพูดเอาไว้ หญ้าสูงขึ้นมาเกือบพ้นข้อเท้า มีเศษใบไม้แห้งตกเกลื่อนกลาด อย่างไม่มีใครคิดจะเก็บกวาดเสียให้เรียบร้อย
บ่าวลูกจีนเดินมาถึงประตูบ้าน ก็เห็นว่าบ้านใส่กลอนไว้อย่างมิดชิด สองคนนั้นไม่อยู่ที่บ้านจริงๆ แต่เส็งไม่คิดว่าเขาจะเข้าบ้านไม่ได้ เพราะหากไม่ใช่เขาแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยที่รู้ว่า หลวงพินิจราชอักษรเก็บกุญแจสำรองเอาไว้ที่ใด
เส็งเดินกลับมาที่ศาลาไม้ทรงแปดเหลี่ยม ลงนั่งคุกเข่าใช้มือคลำไปบริเวณใต้ที่นั่งฝั่งที่เขามักจะนั่งเสมอเวลารับเช้ากับหลวงพินิจที่นี่ ก็พบเข้ากับลูกกุญแจดอกเล็กนิดเดียว เสียบไว้อย่างชาญฉลาดตรงสุดขอบเก้าอี้ ไม่ว่าใครก็จะหามันไม่พบเด็ดขาด นอกจากเขาที่หลวงพินิจเป็นคนบอกที่ซ่อนนี้เอง ด้วยความรักและวางใจ บ่าวหนุ่มน้อยไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมีวันที่เขาได้ลอบเข้ามาในบ้านหลังนี้ ด้วยวิธีไขประตูเข้ามาอย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้าน
เพียงเสียบลูกกุญแจเข้าแม่กุญแจแล้วบิดดัง คลิกเดียว กลอนประตูก็เปิดออกรับเขาอย่างง่ายดาย... เขากลับมาแล้ว ที่นี่เอง ที่เขาสมควรอยู่ด้วยความรักและเต็มใจจากเจ้าของ มิใช่บ้านไม้เก่าๆ ในสวนที่มืดมิด และน่ากลัวหลังนั้น
หนุ่มน้อยก้าวขาเข้าบ้าน ปิดประตู ตัวสั่นน้ำตาแทบไหล
เหตุใดบ้านของคุณหลวงจึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้! มันดูเก่า สกปรก ราวกับไม่มีใครนึกปัดกวาดเช็ดถู ซ้ำเมื่อเข้ามาถึงหอนั่งที่หลวงพินิจพบเขาครั้งแรกก็พบว่า เครื่องเรือนถูกย้ายไปไว้ริมผนังไม่อยู่กลางห้องอย่างเดิม เพื่อให้มีบริเวณกลางห้องไว้นั่งเล่นไพ่กันบนพรมนุ่ม ที่พื้นมีไพ่กองทิ้งไว้ กระจัดกระจายเป็นหลักฐานสนับสนุนความคิดของเขา เศษอาหารกองอยู่ตามมุม เห็นได้ว่าคนเล่นคงเล่นจนเพลินขนาดไม่หยุดพักทำอะไรเลยเล่นไปกินไป เล่นกันเสร็จก็ไปนอน กองข้าวของทิ้งไว้ ไม่คิดปัดกวาด
เส็งเห็นก็แทบใจสลาย แต่เขาก็ไม่อาจชักช้าอยู่ตรงนั้นได้ เพราะหยาดกับเทิดจะกลับมาเมื่อใดก็ไม่รู้ เขาจึงเดินผ่านห้องอื่นๆอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปจนถึงชั้นบน
หนุ่มน้อยขึ้นบันไดเวียน มองไปทางซ้ายมือเห็นตั่งไม้ตัวเดิมที่คุณหลวงของเขาเคยนอนให้เขาอ่านบทเห่กล่อมให้ฟัง เสียงของเขาก้องอยู่ในหัวราวกับมันเกิดขึ้นเดี๋ยวนั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว “หลับเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อม...” เสียงนั้นยังคงวิ่งวนอยู่ในหัวจนน้ำตาเอ่อล้นมาจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ในอกสั่นหวิวคล้ายคนหลับไม่พอ เขารู้สึกราวกับว่าหลวงพินิจราชอักษรยังไม่ไปยุโรป แต่นั่งอยู่บนตั่งนั้น รอให้เขาเข้าไปนั่งใกล้ๆ
หนุ่มน้อยเดินไปนั่งมือลูบตั่งไม้เบาๆ ราวกับว่าหากลูบอยู่อย่างนั้นแล้ว จะสัมผัสเจอมืออุ่นของหลวงพินิจราชอักษร และได้ยินเสียงห้าว แต่นุ่มลึกกล่าวอย่างขันๆขึ้นมาเฉยๆว่า “จับมือเราอย่างนี้กลัวจะหนีไปไหนหรือ”
“คุณหลวง บ่าวคิดถึงคุณหลวงเหลือเกินขอรับ” น้ำตาของเส็งหล่นลงสัมผัสตั่งไม้นั้น น้ำตามิได้ซึมลงได้เร็วเหมือนน้ำฝนซึมเข้าพิ้นทราย แต่ความรักความคิดถึงของเส็ง แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตั่งไม้นั้นเสียแล้ว หากใครมาสัมผัสมันต่อจากเขาละก็ คงจะรู้สึกถึงความรักของบ่าวหนุ่ม ไออุ่นจากผ้าแพรสีนวลที่เจ้าของบ้านเป็นคนห่มให้คนที่เคยนอนบนนี้เมื่อนานมาแล้ว และหยาดน้ำตาที่ฝังลึกอยู่ในเนื้อไม้นี้ได้บ้างกระมัง
เส็งเช็ดน้ำตาออกจากหน้าเดินไปเข้าห้องหนังสือ เพียงเปิดประตูไปก็เหมือนกับจะเห็นร่างของคุณหลวงหนุ่มอ้าแขนรอพร้อมกอดรัดบ่าวลูกจีนคนนี้ไว้แนบอก เหมือนครั้งที่เคยทำมาแล้วด้วยอารามตกใจว่าหนุ่มน้อยจะลื่นล้มได้รับบาดเจ็บในครั้งแรกที่เขาเข้ามาที่นี่ เขาเดินไปลูบโต๊ะไม้กลางห้องด้วยความอาลัยตรงนี้เองมิใช่หรือที่เขายืนอ่านกลอนเพลงยาวที่คุณหลวงใช้บอกรักเขา ตรงนี้เองที่หลวงพินิจสวมกอดเขาแล้วกระซิบเบาๆว่า
“ตกใจทำไม น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าในบ้านนี้ คนที่ทำกับเส็งแบบนี้ได้มีแต่เราคนเดียวเท่านั้น” จากนั้นจึงจบคืนนั้นลง และอีกหลายๆคืนต่อมาด้วยการก่ายกอดพลอดรักนวลอนงค์ จนสมใจกันทั้งคู่ คิดแล้วก็อดใจหาย ที่ไม่มีโอกาสได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ทุกคืนที่มีหลวงพินิจอยู่ข้างกาย กลายเป็นคืนที่อ้างว้างอยู่คนเดียว ท่ามกลางไม้สวน และยุงแมลงต่างๆ
เส็งเดินออกจากห้องไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ในใจรู้สึกราวกับเป็นปีเป็นชาติที่ได้มาอยู่ในที่ที่เขาคะนึงหาที่สุด บ่าวลูกจีนเดินไปเปิดหน้าต่าง บานที่อยู่ตรงกันกับห้องนอนแขก ดูว่ามีเรือลำใดผ่านมาแถวนี้บ้างหรือไม่คุณหยาดและเทิดกลับมาแล้วหรือยัง เขาชะโงกหน้าออก แต่มองก็ไม่เห็นว่าจะมีเรือสักลำที่มาจากพระนคร
เขาจึงผละออกมาจากหน้าต่างบานนั้น เข้าไปในห้องที่อยู่ตรงข้ามกับมัน ก่อนจะจบที่ห้องนอนของหลวงพินิจราชอักษร ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้กลับออกมาจากห้องนั้นอีก เพราะบุคคลที่เขามองหานั้น ไม่ได้พายเรือมาจาก
พระนครก็จริง แต่มาจากอีกทางต่างหาก เพราะสถานที่ที่ทั้งสองไปมาในวันนี้ คือบ้านของคุณพระสนิทที่ฝั่งธนบุรี!