ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟลุกโชติช่วง ทั่วทั้งห้อง ลามจากตรงนั้นไปยังห้องข้างๆ เหลือพื้นที่รอบๆ เตียงเท่านั้นที่ไม่ถูกไฟไหม้ อย่างน่าประหลาด ร่างกายของพาทิศยังคงนั่งสงบอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
นอกบ้าน ลุงอิ่มกำลังยืนร้อนรนอยู่กับเอหลานชาย เห็นรถวิ่งเข้ามาจอดก็หันไปมอง พบว่าเป็นสร้อยสุวรรณ ที่รีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น พอเห็นสภาพบ้าน
ก็ยกมือขึ้นปิดปาก ไฟไหม้ไปครึ่งหนึ่งของชั้นสอง ชั้นล่างยังปลอดภัย หากแต่มีควันพวยพลุ่งอยู่ตลอดเวลาทำให้หล่อน และคนดูแลบ้านทั้งสองไม่อาจเข้าไปได้
“คุณหนูสุครับทำอย่างไรดี”
“ฉันโทรตามรถดับเพลิงแล้วไม่ต้องห่วง” หล่อนว่า มองเรือนเทาที่ลุกเป็นไฟราวกับบ้านกระดาษที่ถูกเผาในวันตรุษจีนก็ใจหาย “คุณพาทิศอยู่ในนั้น ต้องให้ใครสักคนมาช่วยค่ะ”
เอทำท่าอาสาจะเข้าเอง แต่สร้อยสุวรรณก็สั่งห้ามไว้
“อย่าเลยมันอันตราย รอเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขามาดีกว่า” หล่อนว่า “ตายแล้ว แล้วป้าจิตราก็ยังไม่มา เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มาทำไงดีล่ะนี่”
ยืนร้อนรนกันอยู่ไม่นาน รถอีกคันก็ตรงเข้ามาจอดหลังรถของสร้อยสุวรรณ คนที่ก้าวลงมาจากรถก่อนคือคนขับ ณัฐวิ่งเข้ามาใบหน้าซีดเซียวตกใจยิ่งกว่าครั้งไหน พาทิศจะทำเขาหัวใจวายให้ได้สักครั้งกระมัง ตอนแรกก็หลับไปเป็นอาทิตย์ตื่นมาได้ก็ทั้งโล่งใจ ทั้งตกใจ ครั้งที่สองก็ถูกรถชนหลับไปเป็นเดือน ครั้งนี้ กำลังจะโดนไฟคลอกหรือ
“พาทิศยังอยู่ข้างในหรือครับ” ชายหนุ่มว่าด้วยความร้อนรน เห็นสร้อยสุวรรณพยักหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ตาแดงน้ำตาจะไหลออกมาให้ได้
“คุณป้าคะ ป่านนี้..”สร้อยฟ้าหันไปหาจิตราก็พบว่า เป็นครั้งแรกที่หล่อนเห็นหญิงชราควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หล่อนหน้าซีดอย่างเดียวไม่พอ แต่ปากสั่นตัวสั่นราวกับว่าจะเป็นลมล้มพับลงไปตรงนั้นเมื่อใดก็ได้
“คุณป้า ... พาทิศตายหรือยังครับ” ณัฐวิ่งเข้ามาถาม จับแขนทั้งสองข้างของหล่อน แทบจะลืมตัวเขย่าเค้นความจริงออกมา หลับตาลง แล้วหลานสาวทั้งสอง รวมทั้งณัฐก็สะดุ้งตกใจ
หญิงชราร้องไห้ น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้ม
“ตอนนี้ยังค่ะ แต่ก็ไม่แน่”
ทุกคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ณัฐหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออก สร้อยฟ้าก็ถามว่าจะทำอะไร
“โทรตามรถดับเพลิง”
“รถคงใกล้มาแล้วค่ะ” คนตอบคือ สร้อยสุวรรณหล่อนดูหน้าซีดแม้แสงสีส้มของเปลวไฟจะฉายชัดอยู่บนหน้าก็ตาม
“ผมไม่รอแล้ว จะไปช่วยพาทิศ” ณัฐตะโกน วิ่งเข้าไปที่ประตูบ้านอย่างไม่เกรงกลัวอันตราย น้ำตาร่วงเป็นสาย จนคนที่พบเห็น ต่างก็เห็นใจกันทุกคน โดยเฉพาะสร้อยฟ้า ที่อดคิดในใจไม่ได้ว่า หากเป็นหล่อนที่ติดอยู่ในนั้น ณัฐจะมีใจพอที่จะอยากเข้าไปช่วยหล่อนโดยไม่กลัวตายอย่างนี้บ้างหรือไม่
ชายหนุ่มผิวขาวสะอาดวิ่งเข้าไปเกือบถึงตัวบ้าน ไม่ทันจะได้จับประตู หน้าต่างชั้นสองที่เปิดไว้อย่างน่าประหลาดใจ ก็ถูกไฟเผาจนไหม้เกรียม หักตกลงมาขวางไว้ตรงหน้าพอดี ณัฐเกือบจะหยุดไม่ทัน หงายหลังล้มไป เห็นว่าเปลวไฟยังคงลุกไหม้อยู่ที่หน้าต่าง เขาจะเข้าไปอย่างไรได้
“คุณณัฐ!” สร้อยฟ้าวิ่งเข้ามารั้งชายหนุ่มไว้ ไม่ยอมให้เข้าไปใกล้กว่านั้น เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของชายหนุ่มมีหยาดน้ำตาเปียกใบหน้าก็สงสาร ชายหนุ่มโผเข้ากอดหล่อน หญิงสาวก็กอดกลับ รู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด แต่อยู่ได้ไม่นานนัก ณัฐก็รู้ว่าเขาควรทำอย่างไร
“ลุงอิ่ม!” ชายหนุ่มตะโกนก้อง “ลุงมีกุญแจเข้าบ้านไม่ใช่หรือ เปิดให้ผมเข้าไปฝั่งโน้นหน่อยเถอะครับ “
ชายหนุ่มหมายความถึงฟากตะวันตกของบ้าน
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณณัฐ คนที่เฝ้าอยู่เขาไม่อนุญาต”จิตราตอบ
“แต่เราก็น่าจะลองก่อนนะครับ”
“ก็ลองซีคะ แต่ก็คงเข้าไม่ได้หรอกค่ะ” หล่อนว่าอย่างใจเย็น ลุงอิ่มก็ทำตามที่ณัฐบอก แต่ทันทีที่เสียบกุญแจเข้าในตัวล็อก แล้วบิดเบาๆเท่านั้น ลูกกุญแจก็หักคาแม่กุญแจ ติดค้างอยู่อย่างนั้นจะเปิดประตูก็ไม่ได้อีก
ในขณะเดียวกัน ที่ถนนใหญ่บริเวณแยกที่จะเข้าซอยที่พามายังเรือนเทา รถสิบล้อที่ไล่ล่าพาทิศเมื่อตอนดึกๆนั้น ถูกรถลาก ลากจะเอาไปซ่อมที่ศูนย์ แต่จู่ๆพอขับผ่านซอยนั้นปุ๊บ รถลากก็ดับลง ทำอย่างไรก็สตาร์ทไม่ติด กลายเป็นว่า มันปิดทางเข้าออกซอยนี้อยู่ คนในจะออกก็ไม่ได้ ก็นอกก็เข้าไม่ได้อีก พอรถลากหยุดกระทันหัน รถคันที่ตามมาก็เบรกไม่ทัน จนโครมเข้ากับรถสิบล้อที่พังยับเยินนั้น รถคันถัดมาก็ชนเข้าไปอีก จากหน้าปากซอยนั้นเอง ยาวตลอดไปทั้งถนน จึงกลายเป็นสภาพรถติด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนบนถนนสายนี้ ไม่มีรถคันไหนไปไหนได้เลย จอดค้างกันอยู่ตรงนั้นเอง รวมถึงรถดับเพลิงที่สร้อยสุวรรณเรียกด้วย
พาทิศจึงถูกขังอยู่ในเรือนเทา อย่างที่ไม่อาจมีใครช่วยเขาออกมาได้
ชายหนุ่มจ้องหน้าบ่าวลูกจีน มัวแต่กังวลกับเรื่องตรงหน้าเสียจนแทบไม่เห็นว่าฉากหลังของนิมิตเริ่มเลือนลางเหลือเกินแล้ว ราวกับว่า มันพร้อมจะจางหายไปพร้อมกับเรือนเทาที่ผุพังลงเรื่อยๆ
“ฉันขอโทษนะเส็ง” เขาว่า “ฉันรู้ว่าฉันเคยทำผิดไว้มากในอดีต เธอเองก็ไม่ลืมถึงรอมาได้ป่านนี้ แต่เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม ให้อภัยฉันได้หรือเปล่า เธอจะได้ไปเกิดเสียที”
“ขอโทษหรือขอรับ!” เขาตวาดก้อง เสียงที่เคยนุ่มลึก ป่านนี้ไม่ต่างจากเสียงของพญาราชสีห์ คำรามก้องเข้าไปบีบขั้วหัวใจของพาทิศ “คุณหยาดยังไม่สำนึก ยังไม่รู้สึกตัวอีกหรือขอรับ ว่าทำให้บ่าวทรมาณแค่ไหน”
เส็งพุ่งเข้ามาหาเขา เวลานั้นพาทิศไม่กลัวเลยหากจะถูกเส็งบีบคอให้ตาย หรือล้วงไส้ล้วงพุงเขา จะทำอะไรกับเขาก็ได้ เขาพร้อมจะรับกรรมทุกอย่างแล้ว
ศีรษะของเส็งแตกออก เลือดไหลท่วมกายราวกับต้องการจะแสดงให้เห็นว่า “บ่าวทรมาณแค่ไหน” มันคือแค่นี้ แล้วก็กลับไปเป็นร่างปกติของเส็งที่ยืนส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ มีแวววูบของน้ำตาอยู่เต็มสองข้าง หยาดรู้สึกสงสารจับใจ ซ้ำยังเข้าใจแล้วว่า เมื่อตอนที่เขาไปที่โรงแรม เกต ออฟ พาราไดส์ครั้งแรก ตอนที่เขาอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของจิตมาศนั้น เหตุใดเขาถึงสำลักน้ำ และรู้สึกทรมาณได้จนขนลุกไปหมด เส็งต้องการให้เขาเข้าใจ เมื่อเขาเผอิญไปอยู่ในที่ที่เขาตายพอดี
และตอนที่เลือดไหลครั้งที่เขานอนอยู่ในโรงพยาบาลนั้น ไม่ใช่ปฏิริยาข้างเคียงจากการที่จิตของเขากลับเข้าสู่ร่างอย่างที่จิตราเข้าใจ แต่เป็นเพราะเส็งเองนี่แหละที่ต้องการทำให้เขารู้สึกว่าความทุกข์ทรมาณที่เขาก่อให้เกิดกับบ่าวหนุ่มน้อยเป็นอย่างไร
“ฉันรู้ดีว่าฉันผิดไปมากเหลือเกินเส็ง” เขาว่า เขายังรู้สึกว่าตัวเองยังคงเป็นพาทิศ แต่เมื่อพูดเสียงเขากลับเป็นเสียงของหยาดอย่างน่าประหลาดใจ “ฉันพร้อมจะใช้กรรมแล้วละ ฉันเอาโถลายครามมาคืน”
ชายหนุ่มรู้สึกถึงความโล่งบางเบาของบรรยากาศมากขึ้นเมื่อพูดถึงโถสองใบนั้นที่เส็งหวงหนักหนา พาทิศจำได้ว่าในนิมิตที่เส็งดลใจให้เขาเห็นนั้น คุณหลวงชอบห้องลายครามเป็นพิเศษ เพราะเครื่องลายครามนั้นเป็นเครื่องกระเบื้องมาจากจีน เหมือนหนุ่มน้อยที่เป็นลูกหลานจีน อีกอย่างเมื่อครั้งที่เข้าไปในห้องนั้นครั้งหนึ่ง มันเคยมีความรัก ความอบอุ่นเล็กๆน้อยที่ซึมซับอยู่ในทุกอณูของเนื้อกระเบื้อง
“ของของคุณหลวง” เส็งเข้ามากอดกระเบื้องนั้นด้วยความรัก “มันกลับมาอยู่ปลอดภัยในเรือนแล้วขอรับคุณหลวง”
พาทิศเห็นหยาดน้ำตาของเส็งหยดลงกระทบเครื่องลายครามก็อดลังเลไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาเห็นว่าจิตของเส็งกำลังจางลง คล้ายกับว่าจะโปร่งใสหายไปจากตรงนั้น
“เธอต้องการให้ฉันเอามาคืน ฉันก็มาคืนแล้ว เธอคงจะไปเกิดได้เสียทีนะเส็ง” พาทิศได้ยินเสียงของหยาดดังผ่านปากของเขาออกไปเบาๆ
“ไปเกิดหรือ” เขาทวนคำ
“ใช่ ก็เธอตายแล้ว เธอหมดห่วงแล้วเธอก็ต้องไปเกิดซี” พาทิศอธิบาย
“บ่าวไม่ไป” เส็งว่า “บ่าวไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณหลวงยังไม่กลับมา บ่าวจะรอคุณหลวงที่นี่ แม้จะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนก็ตาม!”
“เธอไม่ต้องรอแล้วเส็ง” พาทิศสูดหายใจเข้า พร้อมจะบอกความจริงกับบ่าวหนุ่ม ความจริงที่จะทำให้การรอคอยกว่าร้อยปีนั้นจบลงได้ในที่สุด “หลวงพินิจราชอักษรกลับมาแล้ว เขากลับมาที่นี่ ตายที่นี่ และเขาก็ไปเกิดใหม่แล้ว เธอจะต้องไปเกิดตามเขาได้แล้วนะเส็ง ไม่ต้องทรมาณรออยู่ที่นี่แล้ว”
“ไม่! คุณหยาดพูดอย่างนี้เพื่อจะได้หนีจากปัญหานี่ขอรับ พูดให้บ่าวไปเกิด คุณหยาดจะได้ลอยนวลไปได้สบายหรือไม่มีทางดอก”
“เปล่านะฉันพูดจริงๆ” เขายังดึงดันต่อไป เริ่มรู้สึกร้อนๆ แสบผิวได้อย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อเปลวไฟลามลงถึงชั้นล่าง อำนาจจิตของเขาก็ไม่สามารถต้านแรงไปได้อีก มันลามเข้ามารอบเตียงติดม่านสี่เสาเป็นเหมือนกำแพง ขังพาทิศไว้ตรงกลางเตียงอีกชั้นหนึ่ง “เธอไม่เห็นคุณหลวง เพราะเธอคิดว่าคุณหลวงจะยังไม่มารับเธอ เธอไม่แน่ใจในตัวคุณหลวง เธอคิดว่าคุณหลวงจะมีคนอื่นนอกจากเธอ”
ใช่ ข้อนี้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเส็ง ลึกจนเขาแทบไม่รู้ตัว เขาแอบกังวล แอบคิดในใจว่า ที่คุณหลวงมาช้าเหลือเกินก็คงเป็นเพราะหลวงพินิจไปติดใจใครอยู่ที่ไหนอย่างนั้น ความเข้าใจผิดและทิฐิข้อนี้เองที่พอกหนาขึ้นราวกับไอน้ำที่เกาะกระจก จะว่าเห็นก็เห็น แต่ไม่รู้ว่าใคร ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่อยู่อีกฟากของกระจก
ไม่ได้รู้หรอกว่าหลวงพินิจราชอักษรเคยมาที่บ้านนี้ หลายครั้งแล้ว!
“เธอจำคุณหลวงไม่ได้ เพราะก่อนคุณหลวงตายฉันไปหลอกเขาไว้” พูดไปก็ขนลุกไป ละอายต่อความผิดก็ละอาย แต่ความรู้สึกผิดนั้นเองนั่นแหละ บอกให้เขาพูดความจริงกับเส็ง ให้เขาเข้าใจได้ถูกจริงๆ “ฉันไปหลอกเขาว่าเธอจะไปหัวเมืองกับผู้ชายอื่น เธอทิ้งคุณหลวงไปก่อนที่เขาจะกลับมา คุณหลวงก็เลยน้อยใจ อธิษฐานขอว่าเมื่อเกิดมาชาตินี้ขอให้จำเธอไม่ได้อีก”
เส็งตาโต ตกใจกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน จนต้องนั่งลงกับขอบเตียงในนิมิตนั้นหมดแรงจะยืนอีกต่อไป ไม่ได้สังเกตว่าป่านนี้สภาพบ้านในนิมิตจางลงเต็มที กลายเป็นเพียงห้องที่อบอวลไปด้วยกลุ่มควัน ส่วนสภาพห้องจริงนั้น ถูกไฟลามเลียไปทั่ว จนพื้นจะพังทะลุลงไปด้านล่างแล้ว
“เส็ง ไปเกิดเถอะนะ ไปหาคุณหลวง”
“คุณหยาด ทำกับบ่าวไว้เมื่อตอนมีชีวิตยังไม่พอ คุณหยาดยังจะทำกับบ่าวแม้ว่าบ่าวจะตายแล้ว ด้วยหรือขอรับ” เส็งตะโกน อดกลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“ฉันผิดไปมากเมื่อชาติที่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันทำไปได้อย่างไรฉันมันเลว เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ แต่เธอก็ต้องไม่ลืมนะ ว่าฉันหมั้นกับคุณหลวงไว้ก่อนเธอจะได้เจอกัน และก็ฉันเองนี่แหละที่เป็นคนพาเธอมาพบคุณหลวง”
คราวนี้กลายเป็นเส็งที่เงียบไปบ้าง
“เธอไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้างหรือ” พาทิศว่า “เราผิดกันทั้งสามคนอย่างไรล่ะเส็ง ไม่มีใครผิดมากน้อยไปอยู่คนเดียว เธอถึงต้องทุกข์ได้แต่รอคุณหลวง เหมือนที่ฉันรอเขามาทั้งชาติที่แล้ว และเพราะฉันไปพรากเธอจากกัน ชาตินี้ฉันถึงทุกข์หนักไม่มีใครที่จะรักฉันอยู่ได้ตลอดไป คุณหลวงก็คงคล้ายๆกัน เห็นไหมล่ะเส็ง ว่าเราต่างก็ผิดกันทั้งนั้น ชาตินี้ฉันถึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอกับคุณหลวงได้เจอกันในที่สุด ไปเกิดกันชาติใหม่ แล้วรักกันอีกครั้ง จะตัดเวรตัดกรรมเสีย หากเธอยังพยาบาทฉัน หากฉันก็ทิฐิไม่ยอมเธอ เราไม่ต้องตามจองเวรกันอย่างนี้ไปอีกทุกชาติหรือเส็ง... ไปเกิดเถอะเส็ง ไปหาคุณหลวงเถอะ”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้ เส็งก็ลังเล ความแค้นฝังลึกที่มีอยู่เมื่อครู่เกือบจะดับวูบลง กระนั้นความกังวลก็ยังไม่หมดไปจากใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า
“คุณหยาดก็พูดได้ คุณไม่ได้มาเป็นอย่างบ่าวนี่ขอรับ” เขาพูดทั้งน้ำตา “หากบ่าวไปเกิดก็คงจำคุณหลวงไม่ได้อีกตามอธิษฐานที่คุณหยาดแท้ๆเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น!”
สุดท้ายก็กลับมาเป็นอย่างเดิม เส็งไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยจริงๆ
แต่เส็งก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ เขาแทบไม่เคยทำอะไรใครเลย มีแต่เขาเป็นฝ่ายถูกแกล้ง ถูกทำร้ายอยู่ตลอดเวลา
“ในเมื่อคุณหยาดทำให้มันเกิดขึ้น คุณก็ต้องให้มันจบลง ถ้าบ่าวยังไม่เจอคุณหลวง บ่าวก็จะรอคุณหลวงเรื่อยไปอย่างนี้ คุณหยาดนั่นละต้องมารอคุณหลวงเป็นเพื่อนบ่าวขอรับ!”
โครม
พื้นไม้พังทลายลง ชั้นสองของบ้านเริ่มถล่มลงมา น่าแปลกตรงที่บริเวณห้องที่พาทิศอยู่นั้น ยังคงไม่เสียหายมากเท่าส่วนอื่นๆ ทั้งที่ตรงนั้นเป็นต้นไฟแท้ๆ ร่างของเขายังนั่งนิ่ง ปกติแล้วตราบใดที่เปลวเทียนไม่ดับลง ผู้เข้ากสิณจะไม่ฟื้นขึ้นจากนิมิต แต่นี่เปลวเทียวลามเป็นเพลิงไหม้ทั้งเรือนเทาอยู่อย่างนี้คงต้องอาศัยแค่รถดับเพลิงเท่านั้นกระมังจึงจะปลุกให้พาทิศรู้สึกตัวได้
หรือไม่ก็คงต้องให้เขาถูกไฟลวกตายเสียก่อน อย่างนั้นก็ไม่ต้องฟื้นแล้ว แต่หลับไปตลอดกาลเสียเลย
“ไอ้ทิศ” ณัฐตะโกนก้อง จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ชายหนุ่มพยายามวิ่งเข้าไปในบ้านให้ได้ มีลุงอิ่ม และเอ ดึงตัวเขาไว้อย่างน่าสงสาร ณัฐพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่อาจทำได้ เขาอยากวิ่งฝ่าไฟเข้าไป จะเป็นจะตายอย่างไรเขาก็ยอม หากมันจะช่วยชีวิตเพื่อนหนุ่มได้ แต่นอกจากคนที่อยู่ในบ้านจะไม่ยอมแล้ว คนที่ยังอยู่ข้างนอกก็ไม่ยอมด้วย
สร้อยฟ้า อยู่ดูแลจิตรา หญิงชราลมจับ ยืนเกาะรถไว้แทบจะเป็นลม รับรู้แทบจะทุกอย่างที่พาทิศคุยอยู่กับเส็ง
“แค้นขนาดนั้นเลยหรือเส็ง” หล่อนรำพึง แต่หญิงสาวที่ยื่นยาดมให้หล่อนดมอยู่นั้น กลับไม่ได้ยิน เพราะกำลังสนใจแต่ชายหนุ่มผู้ที่กำลังร้องลั่นหาเพื่อนหนุ่มอยู่อย่างนี้ แทบว่ายอมตายแทนกันได้เลย
หล่อนไม่เคยถาม เพราะไม่อยากรู้ แต่มั่นใจว่า ณัฐและพาทิศคงจะมีความสัมพันธ์อะไรกันมากกว่าเพื่อนเสียแล้ว แต่หล่อนก็ไม่อาจห้ามใจให้คิดมากกว่าเพื่อนอย่างนี้กับคนอื่นได้ ณัฐเป็นคนแรกที่ให้เกียรติหล่อน รักหล่อน เอาใจหล่อน ต่อให้เป็นแค่อย่างเพื่อน แต่ก็มากพอสำหรับหญิงสาวที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างนี้จากใครอื่น หลงรักเขาได้ง่ายๆ โดยมากสร้อยฟ้าจะมีแต่ลูกคนรวยแบบ รวยมากๆหน่อยมาจีบ มามีสัมพันธ์ด้วย แต่ก็เป็นสัมพันธ์ฉาบฉวย ที่ต้องการแต่จะ “ได้” จากหล่อนมากกว่า “ให้” อย่างที่หนุ่มน้อยคนนี้ทำ สร้อยฟ้ายังเคยคิดด้วยซ้ำว่า หากหล่อนจะปลงใจแต่งงานกับใครสักคน ก็คงต้องเป็นณัฐเท่านั้น
แต่เขาจะแต่งกับหล่อนหรือ ในเมื่อเขาไม่สนใจผู้หญิงคนใดเลยบนโลกนี้
“ฮัลโหลค่ะ” สร้อยสุวรรณต่อโทรศัพท์ติดในที่สุด หลังจากที่พยายามมานาน พอหล่อนพูดเท่านั้น คนทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็หันมา รอฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าหล่อนคุยอะไรกับใคร “ดิฉันโทรจากโรงแรมเกต ออฟ พาราไดส์ค่ะ ไฟไหม้บ้านโบราณหลังโรงแรม...”
แล้วหล่อนก็เงียบไป เงียบแบบที่ทำให้ใครหลายคนทรมาณใจเหลือเกิน อึดใจต่อมาหล่อนก็วางหูโทรศัพท์ หันช้าๆ ไปยังทิศที่จิตราอยู่ ณัฐหลุดออกจากวงแขน ของลุงอิ่มและเอ เดินเข้ามารอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“รถดับเพลิงเข้ามาไม่ได้ ข้างหน้ามีอุบัติเหตุขวางทางเข้าซอยค่ะ เขาให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพ พยายามเข้ามาอยู่ค่ะ คงไม่นานนัก”
“ไม่นานนักแต่พาทิศอาจจะตายได้นะครับ!” ณัฐว่า “ทำไมมันซวยอย่างงี้วะ อะไรๆก็เลวร้ายไปหมด ถ้าไอ้ทิศตายนะ ... ถ้ามันตาย”
ชายหนุ่มหลับตาไล่ความคิดออกจากหัวแต่ก็ทำไม่ได้ เขาเดินไปยังเรือนเทา นึกถึงเด็กชายหน้าทะเล้นวัยสิบสองขวบนอนอยู่ข้างๆ เขาในเต็นท์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ทั้งคู่นอนเอาหัวออกมาข้างนอก มองเห็นดาวดารดาษไปทั่วฟ้า
“เห็นดาวดวงนั้นป่าว” เด็กชายพาทิศกระซิบข้างๆ “ดวงนั้น ดวงที่สว่างที่สุด ใครจะเรียกดาวเหนือก็เรียกไป แต่เราจะเรียกดาวนี้ว่าดาวณัฐ เพราะมันสว่างที่สุด แล้วก็สวยเหมือนตาของนาย” เขาพูดเบาๆ ทำเอาเด็กชายข้างๆขนลุกไปหมด
“ถ้างั้น ดวงนั้นเป็นดาวทิศนะ” เขาว่า ชี้ดาวที่อยู่ตรงกันแต่อยู่ห่างกันมากเหลือเกินให้เพื่อนดู
“ทำไมอยู่ตรงนั้นล่ะ ไกลจากดาวณัฐจะตาย”
“ก็มันอยู่ตรงกันไงถึงไกลกัน ก็ตรงกัน มองเห็นกันและกันตลอดไป”
“ตลอดไปหรือ” พาทิศถาม “ทำไมล่ะสักวันดาวมันอาจเปลี่ยนที่ก็ได้นะ”
“คุณครูสอนแล้วนี่นาเทอมที่แล้ว ว่าดาวเหนือไม่เปลี่ยนทิศ” เขาชี้ไปยังดาวเหนือ ตัวแทนของเขาเอง
“แต่ดาวทิศอาจเปลี่ยนนะ เมื่อคืนมันไม่เห็นอยู่ตรงนั้นเลย” เขาว่า “คืนพรุ่งนี้อาจจะไม่อยู่ก็ได้ แต่คืนนี้มันอยู่ตรงกับดาวณัฐ”
เด็กน้อย พลิกตัวขึ้นคร่อมเพื่อนหนุ่ม ทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำ แต่อยากทำ และทำไปตามที่เคยเห็นบ่อยๆในหนังเท่านั้น ไม่ได้รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ณัฐเคลิบเคลิ้มไปกับทุกอย่างโดยไม่อาจเดาได้ล่วงหน้าว่า คืนต่อๆไป “ดาวทิศ” นั้น จะอยู่ไม่ตรงกับ “ดาวณัฐ” เสียแล้ว และเขาคงทนไม่ได้ หาก “ดาวทิศ” ต้องลับขอบฟ้าไปเร็วกว่า “ดาวณัฐ” อย่างนี้
หลุดจากความคิดของตัวเอง ณัฐก็ได้ยินเสียงจิตราพูดว่า
“ไม่ตายหรอกค่ะ” หล่อนผละออกมาจากสร้อยฟ้า “ป้าจะเข้าไปเอง”
******************************************************
ใกล้จบเข้าไปทุกทีแล้วนะครับสำหรับเรื่องนี้
หวังว่าตอนนี้จะช่วยตอบคำถามของเพื่อนๆ ให้หลายๆคนหายสงสัยกันได้นะครับ
สำหรับใครที่สงสัย หรือไม่เห็นด้วยในทิศทางของนิยายตั้งแต่นี้ไป ก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ที่ไม่สามารถตามใจผู้อ่านได้ เป็นความต้องการของผู้เขียนเองที่จะให้เป็นแบบนี้ ขอโทษคร้าบบบ
และขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์ที่เข้ามาชมกันนะครับ ผมขอบอกว่าผมเป็นมือสมัครเล่นจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนแล้วเหนื่อยที่สุด แต่ก็ภูมิใจที่สุดด้วย หากมีข้อผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ
เห็นมีคนพูดถึงผลงานเรื่องอื่นๆ ของผม ขอบอกว่ามีเตรียมไว้รับปีใหม่แล้วครับ
และคงจะไม่ใช่แนวนี้ บางทีอาจจะแตกต่างกันจนสุดขั้วเลยก็ว่าได้
แต่ตอนนี้ ปางบรรพ์ ยังไม่จบเลย ขอยังไม่พูดถึงเรื่องใหม่แล้วกันนะครับ
เอาใจช่วย ให้เส็งเจอคุณหลวง ให้พาทิศพ้นผิด (หรือรับผิด?) ให้พาทิศลงเอยกับณัฐ (หรือ ให้สร้อยฟ้าสมหวัง) กันต่อไปนะคร้าบบบ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ