[Short Story] Don't Let Him Go by Koi
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Short Story] Don't Let Him Go by Koi  (อ่าน 23904 ครั้ง)

Koi

  • บุคคลทั่วไป
[Short Story] Don't Let Him Go by Koi
« เมื่อ27-04-2007 13:31:50 »

 :-[ สวัสดีค่ะ ชื่อ Koi นะคะ เราเป็นสมาชิกใหม่น่ะค่ะ เพิงสมัครเมื่อกี้ แต่เข้ามาอ่านเรื่องที่นี่มานานแล้ว แบบว่าชอบมากๆ  :impress:
ความจริงเราก็เขียนนิยายวายอยู่ แต่หยุดไปหลายปีเพราะเรื่องเรียนและงาน แต่อเจอเว็บนี้เข้าไฟเลยลุกขึ้นมาใหม่ :loveu:

วันนี้เอาเรื่องสั้นที่เขียนไว้นานแล้วมาลงให้อ่านประเดิมก่อนนะคะ อาจจะไม่ดีนักแต่เราก็เขียนด้วยใจ :-[  เรื่องนี้เคยเอาลงที่เว็บ Angelico Mew เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นนามปากกาว่าK1 (เผื่อใครไม่ทราบ เรากลัวโดนเขาหาว่าไปลอกมาอ่ะค่ะ แหะๆ)

Don't Let Him Go เป็นเรื่องสั้นโปรเจ็คฮัลโลวีนของเว็บนั้นค่ะ ซึ่งก็หมายความว่ามีผีในเรื่องด้วย อิๆ แต่จะเป็นแบบไหนให้อ่านอาเองนะคะงาชิ้นนี้ส่งตรงจากฮอลลีวู๊ดเลย (เพราะฉากและคาแรกเตอร์เป็นอเมริกันทั้งสิ้น แถมยังเปนเรื่องย้อนยุคหน่อยๆ คืออยู่ในช่วงสงครามเวียดนามค่ะ)

อ่านแล้วมีอะไรติชมก็บอกมาได้นะคะ เรารับได้  :yeb:

สุดท้ายนี้ขอฝากตัวด้วยนะคะ

เชิญอ่านได้เลยค่ะทุกท่าน
.
.
.



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 20:38:22 โดย THIP »

Koi

  • บุคคลทั่วไป
Don’t let him go
By Koi

ถึงแม้ว่าปีนี้ศาสตราจารย์บริสเซ่นฮาว์นจะมีอายุ 57 ปีแล้วก็ตามแต่กำลังใจในการมีชีวิตอยู่ของเขาก็ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ใบหน้าเหี่ยวย่นตามวันเวลาแต่ดวงตาสีน้ำตาลหม่นนั้นกลับฉายแววขี้เล่นเช่นเดียวกับเมื่อ 30 ปีก่อน ถ้าหากคุณมองหน้าเขาให้ดีๆ ก็พอจะเห็นได้รางๆ ว่าในวัยหนุ่มท่านศาสตราจารย์เป็นคนหล่อมากคนหนึ่ง เขาเป็นคนมีอารมณ์ขันและเป็นอาจารย์คนโปรดของนักศึกษาทุกคนที่เคยเรียนกับเขา นักศึกษาสาวๆ หลายคนบอกกับตัวเองว่าถ้าเพียงศาสตราจารย์ยังเป็นโสดและหนุ่มกว่านี้พวกเธอคงหลงรักไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงผู้หญิงคนไหนที่พบกับเขาสักครั้งก็ไม่อาจลืมเขาได้ลงหรอก

แต่ศาสตราจารย์บริสเซ่นฮาว์นก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเขาไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐศรีอะไร เพียงแค่อยู่มานานกว่าและเข้าใจชีวิตมากกว่าก็เท่านั้นเอง และก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่จะต้องมีความลับอยู่บ้างไม่มากก็น้อยและมันก็เป็นความลับที่เขาเก็บไว้มานานกว่าสามสิบปีแล้วแม้กระทั่งภรรยาและเพื่อนสนิทก็ไม่เคยรู้มาก่อน เขาไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยแต่เขากลับกำลังจะเล่าให้นักเรียนกว่าครึ่งร้อยฟังในวันนี้!

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่ออีธานน.ศ.จอมซ่า เด็กหนุ่มผมแดงใบหน้าตกกระนิดหน่อยแสดงให้เห็นว่าชอบอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมีดวงตาสีเขียวใสทว่าเป็นน.ศ.คนโปรดของเขาจบการพูดสุนทรพจน์เรื่องความประทับใจในวัยเด็ก ซึ่งเป็นโครงการที่ศาสตราจารย์มอบให้น.ศ.ทุกคน อีธานนั้นเป็นเด็กกระตือรือร้นในทุกๆ อย่างทั้งยังทะลึ่งตึงตังจึงเป็นคนที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นได้เสมอ

“และนี่ก็คือความประทับใจในวัยเด็กของผม” อีธานลงท้ายพร้อมโค้งคำนับอย่างงดงามเสียงปรบมือดังกึกก้องเป็นรางวัลให้กับการเล่าเรื่องอันพลิกแพลงและมุขตลกอันเฉียบขาดที่มีในเรื่อง เจ้าหนุ่มอีธานเดินกลับไปนั่งที่พร้อมทั้งยิ้มยิงฟันใส่ศาสตราจารย์คนโปรด 

“เราทุกคนพูดกันครบแล้วใช่มั้ย?” ศาสตราจารย์ขยับแว่นให้อยู่ในที่ๆ ควรอยู่พร้อมทั้งพลิกดูรายชื่อที่ลงคะแนนเอาไว้แล้ว ในทันทีที่ถามน.ศ.จอมกะล่อนก็ยกมือขึ้น

“อะไรรึอีธาน?” ชายผมขาวโพลนยิ้มพลางมองผู้เป็นทั้งเพื่อนและนักเรียนต่างวัยของเขา ศาสตราจารย์คุ้นเคยกับตลกร้ายที่อีธานมักจะหยอกเขาดีแต่เขาไม่ได้เตรียมตัวรับกับสิ่งที่อีธานกำลังขอให้เขาทำ

“ยังมีอีกคนที่ยังไม่ได้พูดครับศาสตราจารย์”
“อืม…แล้วมันใครกันล่ะคุณเจนเซ่นในรายชื่อนี่ก็บอกว่าทุกคนพูดกันหมดแล้ว” ศาสตราจารย์เรียกนามสกุลของศิษย์โปรดแทนชื่อจริงยามที่ต้องการจะล้อเลียน

“ก็ตัวศาสตราจารย์เองแหละครับที่ยังไม่ได้พูด อาจารย์เคยพูดเสมอๆ เกี่ยวกับความเสมอภาคไม่ใช่เหรอครับ ทีนี้ทุกคนในห้องก็พูดกันหมดแล้วเหลือก็แต่ท่านศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิคนเดียวที่นั่งหัวขาวโพลนอยู่หน้าห้องและไม่ยอมพูด…” เสียงฮาดังครืนคนหัวขาวไม่ได้โกรธเขากลับหัวเราะไปกับพวกเด็กๆ ด้วยซ้ำไป นี่เองที่ทำให้เขาเป็นอาจารย์ที่มีนักเรียนรักใคร่มากที่สุด

“อีธานเอ๊ย! เธอจะให้ฉันทำยังไง? ซื้อยาย้อมผมให้เป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนเมื่อตอนหนุ่มๆ แล้วให้คนเรียกว่าเฒ่าทารกงั้นเหรอ?” ชายผมขาวจับผมตัวเองยืดดูและทำหน้าบ้องแบ๊วใส่คู่ปรับจอมป่วน

“โธ่…อย่าเปลี่ยนเรื่องซีครับใครๆ ก็อยากฟังเรื่องของอาจารย์ทั้งนั้นแหละ” อีธานเลือกใช้คำว่าอาจารย์เพราะรู้ดีว่าท่านศาสตราจารย์นั้นชอบให้นักเรียกเรียกเขาว่าอาจารย์มากกว่า

“จริงไหมพวกเรา?” แทนคำตอบทุกคนก็ปรบมือบางคนเป่าปากเปี๊ยวป๊าวและตะโกนเรียกชื่อศาสตราจารย์เป็นจังหวะ

“อาจารย์บริสเซ่นฮาว์นๆๆๆ” คนถูกบังคับส่ายหน้าระอาแต่ใบหน้าระบายไปด้วยยิ้มบางๆ เขามองใบหน้าของนักศึกษาแต่ละคนแล้วก็ต้องมาหยุดที่มุมห้องด้านซ้ายด้วยความประหลาดใจ ศาสตราจารย์บอกกับตัวเองเบาๆ ว่าเขาเคยเห็นเด็กคนนี้ เด็กที่มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้าใสที่ชวนให้เขาคิดถึงใครคนหนึ่ง สัญชาติญาณบางอย่างในตัวรุมเร้าเหมือนจะบอกว่ามันมีอะไรที่ผิดปกติธรรมดา แต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้านั้นความสงสัยก็มลายหายไป…แต่ก็ไม่ทั้งหมดซะทีเดียว อีธานปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์เมื่อเห็นว่าชายแก่ที่เจ้าตัวเคารพรักนิ่งเงียบไป

“ว่าไงครับ?” ศาสตราจารย์สะดุ้งแล้วยิ้มแหยๆ

“ชีวิตของฉันมันไม่น่าฟังนักหรอก อย่าฟังเลย”  เด็กๆ โห่ร้องไม่ยอมให้เขาหลบเลี่ยง

“จริงๆ นะ มันไม่มีอะไรน่าประทับใจหรอก พวกเธอคาดหวังว่าฉันจะเล่าถึงเรื่องที่ฉันเคยเป็นสายลับรัสเซียมาก่อนหรือไงกัน”

“ไม่รู้แหละเล่ามาสักเรื่องไม่งั้นเราไม่ยอมไปแน่!” อีธานยืนยันเสียงแข็ง เขาเองนอกจากจะอยากแกล้งแล้วก็ยังอยากจะรู้จักอาจารย์ของตนให้มากขึ้นอีกด้วย

“อืม…อย่างนั้นเชียวเหรอ?” ชายวัย 57 ปีมองหน้านักเรียนในชั้นอย่างลำบากใจ เขาจะเล่าอะไรดีล่ะ? อยู่ๆ เด็กหนุ่มผมทองที่มีดวงตาสวยเหมือนลูกแก้วคนนั้นก็เอ่ยขึ้น

“ผมรู้มาว่าสมัยหนุ่มๆ อาจารย์เป็นพวกบุปผาชน(Hippy)?”

“โอ…ฉันไม่รู้ว่าเธอไปได้ยินมาจากไหนแต่ก็ถูกของเธอฉันเคยเป็นจริงๆ แล้วรู้กันไหมว่าทำไมเขาถึงเรียกเราว่าบุปผาชน?”

นักเรียนคนหนึ่งยกมือ “ฉันรู้ค่ะเพราะว่าพวกบุปผาชนมักจะติดดอกไม้ไว้ที่ผมโดยเฉพาะพวกผู้หญิง” ศาสตราจารย์อดีตบุปผาชนหัวเราะชอบใจ

“รู้ละเอียดดีนี่ลินดา ตอนนั้นเราต้องการสันติภาพมากและเราก็ต่อต้านสงคราม…สงครามเวียดนาม ครูเองก็เป็นหนึ่งในคนหนุ่มๆ หลายต่อหลายคนที่ถูกเกณฑ์ทหารและสิ่งแรกที่ครูทำเมื่อได้รับหมายเรียกก็คือหอบผ้าหนีออกจากบ้านไปเป็นบุปผาชนเดินทางร่วมกับสหายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เราเดินทางไปร่วมเดินขบวนต่อต้านสงครามตามที่ต่างๆ นิวยอร์ค วอชิงตัน ชิคาโก ฟิลลาเดลเฟีย…ในหลายๆ เมืองใหญ่ทีเดียว…”

ใบหน้าของทุกคนในห้องต่างแสดงความสนใจเป็นอย่างมาก ศาสตราจารย์บริสเซ่นฮาว์นชักรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองพูดมากเกินไป เขาไม่อยากให้ตัวเองหลวมตัวเล่าอะไรออกไปมากนัก อดีตมักจะทำให้ผู้คนเจ็บปวดได้มากกว่าสุขใจเสมอ…

Koi

  • บุคคลทั่วไป
“หยุดทำไมล่ะครับเล่าต่อสิ” อีธานคะยั้นคะยอ

“เรื่องในบางช่วงก็ไม่น่าฟังนักหรอก” เขาแก้ตัว

“ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต บลิสเซ่นฮาว์นครับ” ศิษย์โปรดเรียกชื่อเต็มของเขาเพื่อเรียกความสนใจ

“อะไรรึ อีธาน เจนเซ่น?” คนถูกเรียกตอบ

“ไม่ทราบว่าศาสตราจารย์สอนวิชาอะไรครับ?”

“อืม…เธออาจจะลงเรียนโดยไม่ดูชื่อวิชาสินะ ฉันจะบอกให้ละกัน วิชาประวัติศาสตร์ยังไงล่ะ” ผู้เป็นอาจารย์ยิ้มไม่ซีเรียสกับการหยอกของผู้เป็นศิษย์

“แล้ววิชานี้มุ่งเน้นอะไรครับ?”

“ก็เหมือนกับที่ฉันบอกไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้าสอน วิชาประวัติศาสตร์มุ่งเน้นสอนให้มนุษย์เรียนรู้อดีตเพื่อจะได้ไม่ทำพลาดพลั้งในอนาคต…”

“นั่นปะไร!” อีธานดีดนิ้วเปาะ “นี่ล่ะที่เรากำลังขอร้องอาจารย์ โปรดเถอะครับ โปรดเล่าชีวิตของอาจารย์ให้เราฟัง ทั้งเรื่องดีและไม่ดี น่าฟังและไม่น่าฟัง เพื่อเราจะได้เรียนรู้จากมันและไม่ทำผิดพลาดยังไงล่ะครับ นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ควรจะทำไม่ใช่เหรอ?” ทุกคนปรบมือให้เขา ศาสตราจารย์นิ่งอึ้งพลางเหลือบเห็นดวงตาสีฟ้าใสนั้นมองเขารอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าเล็กที่มุมห้อง มันกระตุ้นความสงสัยของเขาให้มากขึ้นไปอีก

เด็กคนนี้เป็นใครกันนะ? เขาคิด เขาไม่ยักจำได้เขาจำชื่อนักเรียนทั้งห้องได้ยกเว้นเด็กคนนี้…แปลก…เขาควรจะรู้สิ

“อยากฟังจริงๆ รึ?” เหตุผลที่อีธานว่ามาทำให้เขาได้คิดและด้วยอายุปูนนี้แล้วท่านศาสตราจารย์ก็ไม่เห็นว่าจะผิดอะไรที่จะเล่าให้ฟัง เขาเองอีกไม่นานก็คงจะตายแล้ว และอีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะเขาเหนื่อยที่จะเก็บมันไว้คนเดียวเขาอยากร่วมแบ่งปันเรื่องราวที่เก็บไว้กับผู้อื่นบ้าง เผื่อบางที…บางทีอาจจะมีสักคนที่รู้จักเขาคนนั้น บางทีเขาอาจจะได้เจอเขาคนนั้นอีกสักครั้ง แต่มันช่างเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เสียเหลือเกินเมื่อเทียบกับเวลาสิบๆ ปีที่ล่วงเลย ศาสตราจารย์บลิสเซ่นฮาว์นถอดแว่นตาทรงโบราณออกแล้วมองตรงไปข้างหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง

“เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อครูได้รับหมายเรียกให้ไปเป็นทหารเพื่อร่วมรบในสงครามเวียดนาม ตอนนั้นครูอายุ21 พอดิบพอดี…”

*****************************************

รถตู้คันใหญ่เทอะทะที่มีคนอัดกันอยู่เจ็ดแปดคนเป็นพาหนะที่ครูกับเพื่อนๆ ใช้หนีทหารออกจากซานฟรานซิสโกบ้านเกิด พวกเราไม่มีจุดหมายปลายทางใดๆ ทั้งสิ้นเรียกว่าไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่รถมันจะพาไป เราหยุดพักตามเมืองต่างๆ เพื่อหาเงินแล้วก็เดินทางต่อ มันช่างเป็นชีวิตที่สนุกสุดยอดจะทำอะไรจะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ สำหรับเรา อิสระทุกอย่างทั้งยา ทั้งความรัก(Free Love) เข้าใจที่ครูพูดใช่ไหม? ในตอนนั้นใครๆ ก็พร้อมที่จะรักกันเราสามารถเดินเข้าไปหาคนที่เราชอบแล้วถามตรงๆ ได้เลยว่า

“เฮ้! ผมมองคุณมานานแล้ว ผมคิดว่าคุณน่ารักมาก นอนกับผมได้ไหม?”  หรืออะไรทำนองนี้ และอย่าได้คิดนะว่ามีการป้องกันอะไรทั้งถุงยางยาคุมไม่มีทั้งนั้น สติยังแทบจะไม่มีกันเลยเราเมายากันทั้งวันทั้งคืน ครูโลดโผนมากเลยในช่วงนั้น ประกอบกับหน้าตาที่ค่อนข้างหล่อเป็นทุนเดิมครูก็สามารถกระโดดขึ้นเตียงโน้นกระโดดลงเตียงนี้ได้อย่างสบายๆ ชีวิตของบุปผาชนช่างสนุกอะไรอย่างนี้อิสระเสรีไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นสิ่งที่ครูคิดในตอนนั้นแต่ก็มาเปลี่ยนความคิดเอาภายหลัง ถามว่าเพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าครูได้เจอใครคนหนึ่งน่ะสิ คนที่ทำให้ครูมองเรื่องฟรีเซ็กส์ต่างออกไป

ตามปกติครูมีคู่นอนหลายคนและไม่ใส่ใจด้วยว่าพวกเขาจะไปนอนกับใครอื่น แน่นอนมันเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นเดียวกับสิทธิ์ของครูที่จะนอนกับใครก็ได้ที่ต้องการ แต่คนๆ นั้นทำให้ครูที่เคยเป็นคนใจกว้างในเรื่องนี้ต้องกลายเป็นคนใจแคบลงไปถนัดตา ถ้าเป็นเธอก็ต้องทำแบบครูใครจะไปทนได้ถ้าคนที่เราหลงรักไปนอนกับคนอื่นน่ะ …ถูกแล้วครูหลงรักเขา อย่างมากซะด้วยเรียกว่าหัวปักหัวปำจะถูกกว่า

สามเดือนหลังจากครูจากบ้านมาเราก็มาถึงนิวยอร์คหรือเดอะบิ๊กแอปเปิ้ล(The Big Apple) อืม…ที่เขาเรียกกันอย่างนี้ก็คงเพราะเมืองนี้เป็นศูนย์รวมแห่งบาปล่ะมั้งทั้งยา โสเภณีและอะไรอีกมากมายก็หาได้ที่นี่ และที่เป็นแอปเปิ้ลก็เพราะว่ามันเป็นผลไม้ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับผลไม้แห่งบาปในใบเบิ้ลนั่นเอง

ที่นิวยอร์คนี่เองที่ครูได้แยกกับเพื่อนเพื่อเดินทางคนเดียวครูเริ่มเบื่อกับปัญหาภายในกลุ่มหลายๆ อย่าง ก็อย่างที่เขาว่ามากคนก็มากความ ครูเลยตัดสินใจฉายเดี่ยวและถึงจะเดินทางคนเดียวมันก็ไม่ลำบากนักหรอกเพราะเราสามารถพึ่งเพื่อนๆ บุปผาชนกลุ่มอื่นๆ ได้ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันเขาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเราอยู่แล้ว ครูมุ่งหน้าไปที่สวนสาธารณะที่ใกล้ที่สุด ตามธรรมดาพวกเรามักจะพักกันตามสวนสาธารณะอยู่แล้วด้วย นานๆ ครั้งถึงจะได้นอนในบ้านหรืออะไรที่มีหลังคาคลุมหัวน่ะนะ

“ไงเพื่อน!” ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเดินตรงมาทักครู

“สวัสดี…พักด้วยได้ไหม?” เมื่อที่พึ่งเดินเข้ามาหาก็ต้องคว้าไว้สิ

“ได้เลยยินดีอยู่แล้ว อ้อ! เดี๋ยวเราจะพี๊กันแล้วเอาด้วยไหม? ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ?”

"โรเบิร์ต…เรียกร็อบดีกว่า”

“โอเค ร็อบ จะร่วมด้วยไหมล่ะ?”

“เอาสิ!” ครูยิ้มรับไมตรีจิตของเขา เพราะการปฏิเสธมันเท่ากับว่าเรารังเกียจ

พวกเขาต่อเพิงเล็กๆ มีหลังคาและฝากั้นพอควร ข้างในมีแต่คนเมายาทั้งนั้นควันสีขาวลอยโขมง ครูข้ามคนที่นอนอยู่สองสามคนแล้วก็พบที่ว่างที่พอจะนั่งได้ ผู้ชายคนเดิมเดินมาและยื่นบุหรี่ยัดไส้กัญชาให้ครู
 
“เอ้า!”

“ขอบใจนะ” ครูรับมาจุดสูบ ผู้ชายคนนั้นมองครูยิ้มๆ

“ฉันยังไม่ได้บอกชื่อนายสินะ ฉันชื่อเนธาเนียลเรียกเนทก็ได้”

เนทยิ้มกว้างอย่างเปิดเผยเวลาเขายิ้มแล้วเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกร่วมยิ้มไปกับเขา ครูไม่เคยเห็นใครยิ้มได้อย่างจริงใจขนาดนี้มาก่อนนั่นเป็นความประทับใจแรก…หา? อะไรนะ? เขาหน้าตาเป็นยังไงน่ะเหรอ? ถ้าเธอคิดว่าเขาหน้าตาดีเลิศก็ผิดแล้วล่ะ เขาเป็นคนหนุ่มหน้าตาธรรมดาแต่เขามีเสน่ห์เหลือหลายเหลือเกิน สิ่งที่เด่นที่สุดในตัวเขานอกจากรอยยิ้มกว้างก็คือดวงตา…ดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกาย

พวกเธอเคยมองดูดวงตาของทารกบ้างไหม? นั่นล่ะ! มันเป็นแบบนั้นแหละ ครูแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีใครที่ไหนที่จะมีดวงตาไร้เดียงสาได้ขนาดนั้น เขาช่างบริสุทธิ์ใจในทุกการกระทำของเขาแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยทำผิดหรอกนะ เขาทำบ่อยเลยล่ะ ทั้งเสพยา มั่วเซ็กส์ แถมบางทียังทำลายข้าวของสาธารณะซะอีกแน่ะ อะไรนะ? ครูน่ะเหรอ? ก็ร่วมด้วยกับเขาทุกอย่างนั่นแหละ เราสนิทกันมากตั้งแต่เราเจอกันบางทียังแบ่งผู้หญิงบนเตียงเดียวกันเลยด้วยซ้ำไป…แต่มันก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อครูเริ่มตระหนักว่าครูคิดกับเขาเกินเพื่อนเสียแล้ว…

Koi

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว! อีธานเอ๊ย! ตาจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วนั่นนึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะว่าตาแก่หัวขาวนี่เคยเป็นเกย์มาก่อนน่ะ…ไม่เป็นไรๆ ฉันล้อเธอเล่นน่ะฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ เล่าต่อนะ…ระหว่างที่ครูกำลังสับสนกับตัวเองอยู่นั้นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้น คอนเสิร์ตวู๊ดสต็อคคครั้งแรกของโลกที่จัดขึ้นในนิวยอร์คกำลังจะเริ่มขึ้น!

นักดนตรีและนักร้องแทบทุกคนจะมางานนี้ตอนนั้นเป็นราวๆ ปี 1969 ล่ะมั้ง พวกเราปักหลักดูกันทั้งวันทั้งคืนเพราะงานนั้นจัดกันสี่วันสี่คืนติดกันเลย อ้อ…แล้วรู้อะไรไหมเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดสถิติรถติดที่เลวร้ายที่สุดของอเมริกาทีเดียว

ครูกับเนทเฝ้าดูประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ตรงหน้าด้วยกันโดยไม่นึกเลยว่าเวลาของเราที่จะได้อยู่ด้วยกันกำลังจะหมดลง ช่วงหลังๆ ครูเริ่มกลายเป็นคนขี้โมโหอย่างไร้สาเหตุ(นั่นเป็นสิ่งที่เนทคิดเพราะครูมักจะหาเรื่องเขาทุกครั้งที่เขาจะไปนอนกับใคร)จึงทำให้เนทหมดสนุกลงไปเยอะ เนทเป็นคนรักสนุกและรักอิสระกว่าใครที่ครูเคยรู้จัก แน่นอนครูก็เคยเป็นแบบเขาแต่อย่างที่บอกครูหลงรักเขาไปแล้วและครูก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย…เพราะเหตุนี้เราจึงทะเลาะกันบ่อยๆ อย่างช่วยไม่ได้ทั้งที่ครูรักเขามากแท้ๆ

…อะไรนะ? เธอจะถามอะไรครูเหรอโจนาธาน? ไม่! เราไม่เคยมีอะไรกันเลยสักครั้งแม้ว่าครูจะหวังให้มีก็เถอะ ครูไม่กล้าพอที่จะขอถึงจะรู้ว่าเนทจะให้ง่ายๆ ก็ตาม

วันสุดท้ายที่ครูได้เห็นเขาเป็นวันสุดท้ายของคอนเสิร์ตเช่นกัน เราอยู่ในเพิงหลังเดิมกับที่เขาพาครูมาครั้งแรกเนทนั่งอยู่ข้างๆ ครูและเอนศรีษะของเขาซบกับไหล่ครู ครูยังจำได้ดีทุกอย่างทั้งวิธีที่เขาช้อนตาขึ้นมามองครู ความนุ่มของเส้นผมสีทองที่ละกับบ่าของครูและเสียงหัวเราะสดใสนั่น ร่างเล็กๆ ของเขาผ่อนคลายลงเมื่อจุดบุหรี่ไส้กัญชาขึ้นสูบ

“เอาไหม?” เนทยื่นบุหรี่ให้

“ไม่! ขอบใจ” ครูปฏิเสธ ครูไม่อยากเมายาตอนนี้ครูอยากมองหน้าเขาให้ชัดๆ มากกว่า เนทไม่ว่าอะไรเขายักไหล่แล้วสูบมันต่อไป ดวงตาสีฟ้าใสของเขามองทอดออกไปนอกหน้าต่างมันเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง เนทเป็นหนึ่งในบรรดาพวกเราหลายๆ คนที่คิดว่าสักวันตนเองต้องประสบความสำเร็จแล้วกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาได้

ครูได้บอกพวกเธอไหมว่าเนทเป็นกวี…ไม่เหรอ? อืม…อย่างที่บอกเขาเป็นกวี เขาแต่งกลอนและอะไรอีกหลายๆ อย่าง บางครั้งเขาก็จะอ่านมันให้ครูฟังแต่มันคงจะลึกซึ้งไป หรือไม่เขาก็เขียนมันขึ้นมาอย่างไร้จุดหมายครูก็เลยไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตามครูก็ชอบเวลาที่เขาอ่านให้ครูฟังและให้ครูบอกเขาว่าครูคิดยังไง ครูชอบเวลาที่เขาแสดงออกว่าเขาสนใจหรือต้องการให้ครูทำอะไรๆ ด้วย ช่วงเวลาแบบนั้นเป็นช่วงที่ทำให้ครูรู้สึกว่าครูเป็นคนพิเศษของเขา…

************************************

ศาสตราจารย์ไออย่างทรมานสองสามครั้งก่อนที่จะหอบหายใจหนักๆ “ขอบใจอีธาน…” ลูกศิษย์หนุ่มที่รีบวิ่งมาคอยลูบหลังให้ยิ้มบางๆและเดินกลับไปนั่งที่

“แก่แล้วก็อย่างนี้แหละ เจ็บออดๆ แอดๆ เรื่อย” คนแก่เงยหน้ามองนักเรียนในชั้นซึ่งบัดนี้แทบไม่ขยับหรือพูดจากันเลย พวกเขาเพียงแค่มองหน้าศาสตราจารย์ด้วยสายตาหลากหลายแต่ไม่มีสักคู่ที่มองเขาแบบรังเกียจหรือขยะแขยง ทว่ามีดวงตาคู่หนึ่งที่ทำให้ศาสตราจารย์บลิสเซ่นฮาว์นต้องหยุดคิดอีกครั้ง เขายังคงจำเด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าเขาจะเปิดดูรายชื่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถทวนความจำได้ ปกติเขาจำหน้าและชื่อของนักศึกษาได้ทั้งหมด แต่เด็กคนนี้อาจจะแค่มานั่งฟังเฉยๆก็ได้ น.ศ.หลายคนก็ทำอย่างนี้ถ้าสนใจวิชาบางวิชาที่ไม่ได้ลงแล้วก็เลยเข้ามานั่งฟังเฉยๆ

“เอาล่ะๆ ครูไม่เป็นไรแล้ว..เล่าถึงไหนแล้วนะ?”

************************************

“ร็อบ…”

“หือ?” ครูเขี่ยผมของเขาเล่นระหว่างที่คุย ครูชอบผมของเขามากพอๆ กับรอยยิ้มและดวงตาสีฟ้าสดใส ผมของเขานุ่มและมีกลิ่นหอมประหลาดของดอกไม้บางชนิด ครูชอบสัมผัสมันมากและครูก็ทำบ่อยๆ ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไร เนทแค่ยิ้มขำๆ แล้วปล่อยให้ครูลูบผมเขาไปเรื่อยๆ และท่าทางเขาก็จะชอบเหมือนกัน

“หลังคอนเสิร์ตจบเราจะไปไหนกันดี?”

“ไม่รู้สินะ…แคลิฟอร์เนียดีไหม ไปทะเลไง นายเคยไปทะเลบ้างไหม?”

“ครั้งหนึ่งตอนเด็กๆ พ่อกับแม่พาฉันไปแต่หลังจากนั้นก็ไม่มีโอกาสไปอีก” เนทเอนตัวมาพิงครูอย่างเต็มที่เหมือนจะใช้เป็นโซฟานอนงั้นแหละ เขาเงยหน้ามองครูแล้วยิ้ม

“ฉันชอบผมนายจัง…”

“หา? อะไรนะ?”

“ผมนาย…ฉันบอกว่าฉันชอบผมนาย” เขายกมือเรียวขึ้นเขี่ยผมสีน้ำตาลเข้มของครูที่แตกต่างจากผมสีทองของเขาอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันอยากได้ผมสีนี้”

“ผมสีทองของนายก็สวยดีอยู่แล้ว”

“ก็อยากได้นี่” เขาหัวเราะ ครูแทบทนไม่ได้อีกแล้ว ครูรักเขาเหลือเกิน หัวใจมันก็เหมือนแก้วบางๆ และความรักก็เปรียบได้เหมือนลาวาร้อนๆ สะสมมากๆ เข้าทุกวันๆ มันก็จะระเบิด หัวใจของครูกำลังจะระเบิดอยู่แล้ว ครูจับมือเนทไว้แน่น

“เนท!”

“อะไรเหรอ?” เขาดูตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของครู

“หลังจากที่ไปทะเลกันแล้วไปซานฟรานซิสโกกันนะ”

“มีอะไรที่ซานฟรานซิสโก?”

“บ้าน…บ้านของฉัน” ครูได้บอกพวกเธอหรือยังว่าก่อนหน้านั้นครูติดต่อกลับไปที่บ้านและก็ได้รู้ว่าแม่ของครูป่วย มันทำให้ครูว้าวุ่นใจมาก ทางบ้านต้องการให้ครูกลับไป

“บ้าน? นายจะกลับบ้านเหรอ? ไม่มีใครเขากลับกันสักหน่อย นายจะกลับทำไม?”

“แม่ของฉันป่วยพวกเขาต้องการฉัน” แววตาของเนทอ่อนโยนลง เขาเอื้อมมือมากุมมือของครู

“ถ้าอย่างนั้น…ตกลงเราจะไปกัน…ว่าแต่นานเท่าไรล่ะ?”

“…ฉันจะกลับไปอยู่เลย…” เนทมองครูอย่างไม่เชื่อสายตา บุปผาชนอย่างเราๆ จะเดินทางไปเรื่อยๆ เรื่องที่จะกลับบ้านก็แทบไม่มี ยิ่งกลับไปอยู่เลยยิ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นคำพูดของครูจึงเหมือนกับการทรยศเขา

“กลับไปอยู่เลย!” แทนคำตอบครูพยักหน้า เนทท่าทางหัวเสียมาก

“นายเป็นบ้าอะไร?” เขาสบถอะไรมาอีกหลายอย่างแล้วค่อยๆ นั่งลง

“และฉันก็อยากให้นายไปอยู่ด้วย…” ครูโพล่งออกไป และอย่างที่คิด…เขาปฏิเสธ

“ร็อบ…นี่มันบ้าสิ้นดี จะให้ฉันไปอยู่กับนายเนี่ยนะ? นายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย? เราก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้วตอนนี้! แต่นายกลับพูดถึงเรื่องกลับบ้านแล้วยังจะให้ฉันไปอยู่ด้วยอีก…”

“เนท…ฉันไม่คิดว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นมาเลย เดินทางไปเรื่อยๆ ไร้จุดหมายอย่างนี้ เมายา มั่วกัน นี่ไม่ใช่ชีวิต!” เนทตบครูฉาดใหญ่เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ เวลาที่ผ่านมาทำให้ครูคิดได้ว่าขืนเป็นอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแน่นอน อิสระเสรีแต่ไร้อนาคต…

Koi

  • บุคคลทั่วไป
“นายดูถูกฉัน…ดูถูกพวกเรา…ดูถูกตัวตนที่นายเคยเป็น!”

“แต่ฉันก็พูดถูกใช่มั้ยล่ะ?”

“ถ้านายไม่ชอบก็ไปซะ แต่อย่ามาโน้มน้าวให้ฉันเลิกด้วยเลยนี่มันเป็นชีวิตของฉันไม่ใช่ของนาย!” เขามองครูอย่างเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยบัดนี้มีแต่ความขมขื่น ครูดึงเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่น

“แต่…แต่ฉันอยากให้นายไปกับฉัน…ฉัน…ฉันรักนาย!” ร่างในอ้อมกอดครูชะงักไปครู่นึงแล้วก็กลับเป็นเหมือนเดิม เขาค่อยๆดันตัวออกจากครู

“รักฉัน?…”

“ใช่…” เนทยิ้มแต่ดวงตาเขาเศร้าสร้อย

“ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้?…ทำไมต้องมาบอกเอาตอนที่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้…” เขาตัดพ้อ

“ได้สิ! อยู่ด้วยกันได้ เนท!มาอยู่กับฉันทิ้งชีวิตแบบนี้แล้วมาอยู่กับฉัน!”

เนทส่ายหน้าช้าๆ เขาไม่อาจทิ้งชีวิตแบบนี้ได้และครูก็ไม่สามารถจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกแล้ว เรามาถึงทางแยกและเราเลือกเดินกันคนละทาง!

ครูเฝ้าอ้อนวอนเขา พร่ำบอกเขาว่าครูรักเขาแค่ไหน ครูถึงกับคุกเข่าขอร้องเขาให้ไปกับครูเราทั้งคู่ร้องไห้ เนทพยายามเบือนหน้าหนีครูแต่น้ำตาเขาก็ยังไหล

“ไม่รักฉันเลยเหรอ?” ครูจับมือเขาไว้แล้วถามย้ำ “ไม่รักฉัน…สักนิดเลยเหรอ?” เนทพยายามสงบสติเขาตัวสั่นเทาเพราะสะอื้นไห้เขาดูเจ็บปวดพอๆกับครู

“ฉันก็รักนายร็อบ…แต่มันสายเกินไป”

“ไม่! ไม่สายเกินไป เนท!” ครูยังคงดื้อดึงทั้งที่รู้ว่าเขาพูดถูก

“ฉันไม่อาจเป็นคนอย่างที่นายต้องการได้…”

“ฉันไม่ต้องการให้นายเปลี่ยนอะไรเนท! ฉันรักนายอย่างที่นายเป็น…แค่…แค่อยู่กับฉัน!”

“ถ้ารักฉันอย่างที่ฉันเป็นล่ะก็…ปล่อยฉันไปสิ! นี่คือตัวฉันร็อบ! ฉันไม่อาจหยุดอยู่กับที่ได้…นี่เป็นตัวฉัน!” เขามองหน้าครู มองเหมือนจะตราตรึงไว้ในความทรงจำแล้วก็ค่อยๆแกะมือครูที่เกาะเขาไว้ออก ครูพยายามแข็งขืนไม่ยอมปล่อยแต่เรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เนทยิ้มละไมเขาพูดเบาๆ

“I do my thing, and you do your thing. I am not in this world to live up with your expectations, and you are not in this world to live up to mine…”

เนทโน้มตัวมาจูบครูเบาๆทว่าเนิ่นนานราวนิรันดร มันเป็นจูบแรกและจูบสุดท้ายของเราความรักท่วมท้นหัวใจไปหมด เมื่อครูลืมตาขึ้นเขาก็ผละออกไปแล้วกระซิบ

“You are you, and I am I, and if by chance we find each other, it’s beautiful…”

*****************************************

“You are you, and I am I, and if by chance we find each other, it’s beautiful…” ศาสตราจารย์ทวนประโยคช้าๆมันดังก้องกังวานเข้าไปในใจของทุกคนในห้อง

“พวกเธอเข้าใจที่เขาพูดไหม? เขาต้องการจะบอกกับครูว่าเขาไม่สามารถเป็นในสิ่งที่ครูอยากให้เขาเป็น และครูก็ไม่อาจเป็นในสิ่งที่เขาคาดหวังให้ครูจะเป็นได้ แต่การที่เราได้มาพบกันนั้นมันก็เป็นสิ่งที่งดงาม…เขาต้องการให้ครูเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่หอมหวาน เพราะเราไม่อาจร่วมทางกันได้ นักกวีก็ยังงี้ล่ะน๊า…” ชายผมขาวพูดติดตลกแต่ไม่มีใครหัวเราะไปกับเขาด้วยสักคน

“แล้ว…แล้วเป็นไงต่อละครับ” อีธานผู้ดูจะหลุดออกจากภวังค์ได้ก่อนเพื่อนพูดขึ้น

“อืม…เราก็แยกกันครูตรงกลับบ้าน ส่วนเขาก็เดินทางขึ้นเหนือล่ะมั้งเท่าที่ครูจำได้ แต่ก่อนจะแยกกันครูก็ให้เขาสัญญาว่าจะมาเยี่ยมครูบ้าง…”

“แล้วเขามาไหมครับ?”

“แย่หน่อยที่เขาไม่มา ครูเฝ้ารอเขานับตั้งแต่ตอนที่แยกกัน ประมาณ 4 ปีให้หลังนับจากวันนั้นสงครามเวียดนามก็จบลง ครูกลับไปเรียนต่อแต่ก็ไม่เคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะกลัวว่าสักวันเนทอาจจะมาแล้วไม่เจอครู ระหว่างนั้นครูก็ได้พบรักกับผู้หญิงที่กลายมาเป็นภรรยาของครูในภายหลัง เธอผู้นั้นมีรอยยิ้มจริงใจเหมือนเนทและเราก็ยังอยู่ด้วยกันจวบจนทุกวันนี้…”

น.ศ.ทุกคนดูจะหายใจได้ไม่ทั่วท้อง บางคนถึงกับน้ำตาคลอ อีธานนั่งตาค้างไปเลยทีเดียวเขาไม่นึกไม่ฝันว่าผู้ชายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ชาญฉลาดและเป็นมิตรคนนี้จะมีความรักอันเศร้าสร้อยเช่นนี้

เสียงกริ่งหมดเวลาดังก้องปลุกทุกคนให้ตื่นจากภวังค์ ทุกคนต่างรีบเก็บข้าวของและเดินเรียงแถวมาจับมือกับอาจารย์ของพวกเขา

“เป็นเรื่องที่เยี่ยมมากๆ เลยค่ะ หนูขอให้ครูได้พบเขาอีกครั้งนะคะ”

“ขอบใจมากครูก็หวังอย่างนั้น” และก็อีกหลายๆ คำพูดที่ให้กำลังใจ ก่อนที่ทุกคนจะออกไปกันจนหมดท่านศาสตราจารย์ก็ตะโกนไล่หลังไป

“อย่าลืมรายงานการวิเคราะห์สงครามโลกครั้งที่สองในความคิดของพวกเธอกันล่ะ!” และตามด้วยเสียงร้องว๊าดังๆ ของอีธาน ศาสตราจารย์หัวเราะหึๆ เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันโล่งไปหมดเหมือนกับว่าคุณแบกของหนักมาตลอดแล้วเพิ่งมาวางมันลงได้ยังไงยังงั้นเลย ฉับพลันสายตาก็ไปสะดุดร่างเล็กๆ ตรงมุมห้อง เจ้าของดวงตาสีฟ้ายังนั่งนิ่งอยู่

“อ้าว!…ยังไม่กลับอีกเหรอ?” คนถูกถามไม่ตอบแต่เขากลับเดินตรงมาหาชายแก่ อะไรบางอย่างในตัวเด็กคนนี้ทำให้ศาสตราจารย์สงสัยและเมื่อศาสตราจารย์ยกแว่นขึ้นมาใส่และเพ่งมองเขาให้ชัดๆ เขาก็อุทานออกมาว่า

“เนท!” แล้วชายผู้ไม่เคยลืมรักแรกของเขาเลยก็ล้มลง

*************************************

Koi

  • บุคคลทั่วไป
“ตายล่ะ!” อีธานร้องลั่นเมื่อเดินออกมาพ้นมหาวิทยาลัย

“เป็นอะไร?” ผู้เป็นเพื่อนพูด

“ฉันลืมหนังสือไว้ที่ห้อง”

“ก็ไปเอาซะก็สิ้นเรื่องนี่หว่า ทำซะตกอกตกใจ”

“รอเดี๋ยวนะเว๊ย!เดี๋ยวฉันมา” อีธานตะโกนพลางวิ่งกลับเข้าไป

*****************************************

ศาสตราจารย์นอนหงายอ้าปากสูดลมหายใจถี่ๆ ทุกครั้งที่มีอาการโรคหัวใจกำเริบมันจะทำให้เขาหายใจไม่ออกและเจ็บหน้าอกแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนักกว่าเพื่อน สายตาของเขามองตามร่างเล็กๆ ที่มาหยุดที่ด้านศรีษะของเขา ร่างนั้นค่อยๆ นั่งลงช้าๆ เขาสัมผัสได้ถึงมือนุ่มและเย็นแตะหน้าผากชุ่มเหงื่อของเขา รอยยิ้มบางฉาบบนใบหน้าเล็ก ศาสตราจารย์ชักไม่แน่ใจแล้วว่าที่เขาเห็นนั้นเป็นของจริงหรือมโนภาพกันแน่ เพราะสัมผัสที่ได้รับมันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน

“ฉันยังอยากได้ผมสีน้ำตาลอยู่นะ…ร็อบ” เสียงนี้เป็นเสียงของเนทแน่ๆ ชายแก่อุทานในใจ เสียงของเนทแน่ๆ แต่จะใช่เนทจริงๆ หรือ?

“ใช่! นี่เป็นฉันจริงๆร็อบ…” คนใกล้ตายตาเหลือก นี่เด็กคนนี้อ่านใจเขาได้หรือนี่!

“ร็อบ…นายยังเป็นพวกลัทธิวิทยาศาสตร์นิยมอยู่อีกเหรอเนี่ย ฉันเคยบอกนายแล้วว่าโลกนี้มีสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้อยู่…อย่างฉันเป็นต้น”

เขาพูดถูกตัวศาสตราจารย์นั้นทั้งเดี๋ยวนี้และเมื่อก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องภูติผีปีศาจเลย แต่ตอนนี้เขาชักไม่แน่ใจแล้วสิ

“ไม่ต้องพูด เพราะถึงอยากจะพูดก็พูดไม่ได้หรอกร็อบ แรงจะหายใจยังไม่มีเลยยังจะอวดดีอีก” เด็กที่หน้าเหมือนเนท ผีของเนท หรืออะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้าเขายิ้ม เป็นยิ้มแบบที่โลกทั้งโลกยิ้มตอบกลับให้เขา เนท! หรือจะเป็นเนทจริงๆ…แต่ทำไมถึงยังเหมือนกับเมื่อสามสิบปีก่อนเลยล่ะ

“อืม…ง่ายๆ ฉันตายแล้วไงล่ะ” ดวงตาของศาสตราจารย์เบิกโพลง ตายแล้ว! หมายความว่าไง!?!

“นิยามของคำว่าตายคือการหยุดนิ่ง ไม่หายใจ ไม่สามารถสื่อสารหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้…” เนทล้อเลียนวิธีพูดของร็อบในช่วงสิบปีให้หลังที่เขามักจะชอบนิยามคำศัพท์ต่างๆ ให้น.ศ.ฟังอยู่เนืองๆ ถ้าเพียงแต่ว่าร็อบสามารถหายใจได้สะดวกล่ะก็เขาคงหัวเราะออกมาดังๆ แต่ในตอนนี้ที่ทำได้ก็เป็นเพียงเสียงครืดคราดในลำคอเท่านั้น

เป็นนายจริงๆ ด้วย…

“แหงล่ะ…ก็ต้องเป็นฉันน่ะสิ…แต่ฉันเขินเป็นบ้าเลยตอนนายเล่าถึงฉันให้น.ร.นายฟัง นายมองฉันเป็นแบบนั้นเองเหรอ?”

ศาสตราจารย์หน้าแดงแล้วยิ้มน้อยๆ เขายังพยายามหอบหายใจอยู่ เนทยิ้มให้เขาแล้วลูบไล้ผมสีขาวโพลนที่เคยเป็นสีน้ำตาลเข้ม

“รู้มั้ยหลังจากแยกจากนายน่ะ ฉันเคยลองย้อมผมเป็นสีน้ำตาลด้วยนะ แต่มันดูไม่เข้าท่าเลยฉันเลยล้างออก…” ดวงตาสีฟ้ายังคงฉายแววขี้เล่นเหมือนเมื่อก่อน

ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะได้พบเนทอีก…ท่านศาสตราจารย์คิด ไม่น่าเชื่อจริงๆ มันราวกับปาฏิหารย์…ไม่สิ มันต้องเป็นปาฏิหารย์แน่ๆ!

เนทส่ายศรีษะช้าๆแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะ “โธ่เอ๊ย! อยู่ๆ ก็มากลายเป็นพวกเชื่องมงายซะได้ ปาฏิหงปาฏิหารย์ที่ไหนกัน ที่ได้เจอก็เพราะฉันมาหานายก็เท่านั้นเอง…เรื่องธรรมดา”

บลิสเซ่นฮาว์นหัวเราะในใจ เนทยังคงเหมือนเดิม ขี้เล่นแล้วก็ชอบล้อเขาไม่เคยเปลี่ยน ท่าศาสตราจารย์ขยับปากช้าๆ และถ้าคุณมองดูดีๆเขาพยายามจะพูดว่า “ฉัน…รัก…เธอ..” ดวงตาสีฟ้าใสนั้นเปล่งประกายเมื่อเขาพูดมันออกไป เนทยิ้มน้อยๆ แล้วลูบผมสีขาวเล่น

“ฉันก็รักนายร็อบ…ถึงได้คอยอยู่ข้างๆ นายมาตลอด…นับตั้งแต่วันที่ฉันตาย…” อยู่ข้างๆ เหรอ? แต่ว่า…ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยล่ะ?

“ที่นายไม่เคยเห็นฉันหรือรับรู้ถึงฉันเลยทั้งๆที่ฉันพยายามติดต่อกับนายมาตลอดก็เพราะว่านายปิดกั้นฉัน…”

ดวงตาสีน้ำตาลหม่นเบิกโพลงทำท่าจะเถียง ฉันไม่เคยลืมนาย!

“ใช่! แต่นายพยายามจะไม่นึกถึงฉัน นายไม่เคยพูดถึงฉันให้ใครฟัง ไม่แม้แต่จะพูดชื่อฉันตลอดเวลาสามสิบปีด้วยซ้ำไป…จนกระทั่งวันนี้”

เนทพูดถูกเขาเจ็บปวดเกินกว่าจะเอ่ยถึงเนท เขาผิดเอง…

“ฉันคอยอยูข้างๆ นายตลอด บางครั้งนายก็เห็นฉันบ้างแต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่วันนี้พิเศษหน่อย”เนทยิ้ม “เพราะนายเปิดรับฉันแล้ว…นั่นเป็นเหตุผลข้อหนึ่ง…”

แล้วข้อสองล่ะ?

“ข้อที่สองคือ…นายกำลังจะตายร็อบ”

ตาย! ท่านศาสตราจารย์ตะโกนลั่นในใจ

“ไม่เห็นจะต้องโวยวายขนาดนั้นเลยอายุปูนนี้แล้วจะตายก็ไม่แปลก” เนทดุ ร็อบเริ่มสงบลง เนทพูดถูกเขาก็โวยวายไปได้ เขาเองก็ได้ใช้ชีวิตมาพอแล้วแท้ๆ…ว่าแต่ เนท! นายตายเพราะอะไรกัน?

“ปอดบวม…คือหลังจากแยกกันไม่นานฉันก็ไปทะเลเหมือนที่เราเคยคุยกันไว้ ฉันเล่นน้ำมันสนุกมากแต่เผอิญมันเป็นหน้าหนาว…แล้วฉันก็เกลียดโรงพยาบาลด้วย ฟังดูตลกดีใช่มั้ยล่ะ ฉันยังขำตัวเองเลย…แต่เสียดายอยู่อย่างเดียว…”

อะไร?

“ฉันวางแผนไว้ว่าหลังจากไปทะเลแล้วก็จะไปหานายน่ะสิ…เพราะอย่างนั้นเองพอตายไปเลยคิดถึงแต่นายก็เลยมาอยู่ข้างๆนายอย่างที่เห็นนี่แหละ”

นายตั้งใจจะมาอยู่กับฉันใช่มั้ย?…ในตอนนั้นน่ะ

“บ้า! ฉันก็ยังเป็นฉันนั่นแหละอยู่กับที่ไม่เป็น แต่ฉันคิดถึงนายมากก็เลยอยากมาหาน่ะสิ”

แต่นายที่เกลียดการอยู่กับที่นานๆก็ยังคงอยู่ข้างๆ ฉันถึงสามสิบปีเต็มๆ…มันเพราะอะไรกันล่ะ?

เนท… วิญญานที่มีดวงตาที่สวยที่สุดนิ่งไปสักพักแล้วก็แย้มยิ้ม “เพราะรัก…เพราะรักยังไงล่ะร็อบ…แค่ความรักตัวเดียวนี่แหละที่ทำให้ฉันอยู่ข้างๆ นาย…”

น้ำตาไหลอาบแก้มของศาสตราจารย์เขาไม่นึกไม่ฝันว่าความรักครั้งแรกของเขาจะมาสมหวังเอาตอนนี้…และแบบนี้ สามสิบปีที่ล่วงเลยไม่เสียเปล่าเลย

นายจะอยู่กับฉันตลอดไปใช่มั้ยเนท?

“ถูกแล้วร็อบ” เนทกุมมือของเขาอย่างอ่อนโยนทว่าหนักแน่น “ตลอดไปเลย…”

ฉับพลันเสียงเคาะประตูหนักๆ และเสียงตะโกนก็ดังขึ้น เป็นอีธานนั่นเอง ใบหน้าตกกระของเขาแนบติดกับกระจกและฉายแวววิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดเขาพยายามพังประตูเข้ามาเมื่อเห็นอาจารย์ของเขาลงไปนอนกองอยู่กับพื้นเสียงตะโกนของเขาเรียกให้คนโดยรอบบริเวณรีบรุดมาที่ประตู

“ศาสตราจารย์บลิสเซ่นฮาว์นๆ ใครก็ได้ช่วยที! อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะครับ…ไอ้ประตูบ้านี่! ใครก็ได้ขอกุญแจทีใครมีกุญแจบ้าง!” อีธานร้องโวยวายลั่นเขาไม่ยอมเสียอาจารย์คนนี้ไปแน่ เท้าเขาถีบประตูพลางปากก็ร้องตะโกนไปพลาง

“รอเดี๋ยวครับอาจารย์รอเดี๋ยวเรากำลังเข้าไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!”

ชายแก่ผู้เป็นที่กังวลของอีธานบัดนี้นอนนิ่งยิ้มให้คนรักของเขาพลางส่ายหัวช้าๆ เจ้าอีธานขี้โวยวายอย่างนี้เรื่อยไม่เคยเปลี่ยนเล้ย…

Koi

  • บุคคลทั่วไป
“ครูยังไงลูกศิษย์ก็อย่างนั้นแหละน่า…” เนทบีบจมูกเขาเบาๆ

แต่ว่าเนท…ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ล็อกประตูไม่ใช่เหรอแล้วทำไม… เขาเหลือบมองอีธานและคนอื่นๆพยายามพังประตูเข้ามาแต่ไม่เป็นผล เนทหัวเราะแล้วยักไหล่

“ก็ฉันไม่อยากให้ใครมากวนเวลาของเรานี่…เลยล็อกซะ”

ฉันอยากคุยกับอีธานก่อนไปนะเนท…เปิดให้เขาเถอะ

“เอาอย่างนั้นเหรอ…ก็ได้ ว่าแต่แรงจะหายใจยังไม่มีแล้วจะพูดได้เหรอฮึ! เอาเถอะจะช่วยละกันให้เวลาห้านาทีนะ…เพราะฉันรอนายมาตั้งสามสิบปีแล้วและจะไม่รออีกแล้วด้วย” เนทจูบหน้าผากเขาเบาๆ ท่านศาสตราจารย์ยิ้มเป็นคำตอบแล้วเนทก็หลบไปในเงามืดพอดีกับที่อีธานพังประตูเข้ามาได้

“อาจารย์ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ! ผมเรียกรถพยาบาลแล้ว! ไม่เป็นไรแล้วครับ เจ็บตรงไหนบ้าง? รู้สึกยังไง? การหายใจล่ะติดขัดไหม? โธ่…ทำไมเป็นอย่างนี้เนี่ย?” น.ศ.ขี้โวยวายพูดรัวเป็นชุดชายใกล้ตายหัวเราะหึๆในลำคอ

“ฉันจะตายก็เพราะเธอนี่ล่ะ” อีธานที่เมื่อกี้ทำหน้าจะร้องไห้ยิ้มออกมาได้ ถ้าอาจารย์ของเขาพูดติดตลกได้แล้วล่ะก็คงไม่เป็นไรแน่

“โธ่…ผมก็หลงเป็นห่วงแทบแย่ ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ยโรคหัวใจเหรอครับ?” อีธานถามด้วยความกังวลแต่เมื่อเห็นชายหัวขาวส่ายหัวช้าๆ ก็โล่งอก

“ไม่ใช่โรคหัวใจหรอกที่ทำให้ครูเป็นอย่างนี้…แต่เพราะใกล้ตายต่างหาก”

“อย่าพูดเล่นสิครับ!” อีธานร้องขึ้นมาทันควัน

“ไม่ได้พูดเล่น…พูดจริงๆ ฉันแค่อยากบอกลาเธอก่อนถึงได้ยังไม่ไป” ลูกศิษย์ทำหน้ายู่ยี่จะร้องไห้แต่ผู้เป็นอาจารย์กลับหัวเราะ

“เสียใจทำไม? ใครๆ ก็ต้องตายทั้งนั้นไม่ว่าฉันหรือเธอแต่ตอนนี้มันเป็นเวลาของฉัน เวลาที่เธอจะต้องไปมันอีกนาน…อีธาน” ชายแก่ทำท่าบอกให้เด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ๆ อีธานโน้มตัวลงไปหา

“ฉันจะบอกความลับให้…ฉันเจอเขาแล้ว…ฉันเจอเนทแล้ว?” อีธานทำหน้างงๆ เขามองไปรอบๆ

“ไม่ต้องมองหาหรอกเธอมองไม่เห็นเขาแน่เพราะว่า…เขาตายแล้ว”
“อย่าล้อผมเล่นนะ!” อีธานชักไม่เห็นว่ามันตลกแล้วสิ

“ไม่ได้ล้อเล่น เนทมารับครูและครูก็จะไปอยู่กับเขา” อีธานส่ายหน้าไปมา

“อย่าไปนะครับ! อย่าไป! เราต้องการอาจารย์อย่าไปนะ…ผมต้องการอาจารย์!”

“อีธาน…ครูเหนื่อยเหลือเกิน ครูอยากพัก…กับเนท เรารอกันและกันมานาน…นานเกินไป เราไม่อยากรออีกแล้ว ครูทนการรอคอยไม่ได้อีกแล้ว…” ลมหายใจของศาสตราจารย์เริ่มติดขัดเขาไอออกมาอีกสองสามครั้ง เหงื่อเกาะพราวใบหน้า อกกระเพื่อมช้าๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด อีธานร้องไห้เหมือนเด็กๆทีเดียวเขาตะโกนเร่งให้พาคนมาช่วยแต่มันไม่ทันแน่นอนเขารู้ดีเพียงแต่เขาไม่อาจยอมรับได้

“อย่าตายนะครับ…อย่าตาย” ผู้เป็นอาจารย์ยิ้มมองลูกศิษย์ด้วยความเอ็นดู

“อีธาน…เธอขอในสิ่งที่ฉันทำได้ยากมากเลยนะ…”

“อาจารย์ทำได้ทุกอย่างนี่ครับ อาจารย์ยังเคยบอกเลยว่าถ้าเราตั้งใจจริงและต้องการจริงๆ ก็จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ อาจารย์เคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอครับ?” อีธานยังคงหาข้ออ้างจนได้

“ใช่! ถ้าเราตั้งใจจริงและต้องการจริงๆ แต่ฉันไม่ต้องการนี่อีธาน…” อีธานร้องไห้แทบขาดใจเขารักชายแก่ตรงหน้าเหมือนเป็นพ่อแท้ๆ ของเขา อีธานเป็นเด็กกำพร้า เขาไม่มีครอบครัวมีก็แต่ศาสตราจารย์บลิสเซ่นฮาว์นที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอด…เขาทนการสูญเสียบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวไม่ได้

“ผมไม่มีใครอีกแล้ว…ไม่มี” อีธานพูดด้วยเสียงสั่นครือ “อย่าไปนะครับได้โปรด…ได้โปรด…” เขาฟุบหน้าลงกับแผ่นอกของชายที่เป็นดั่งบิดาแท้ๆ ของเขา

ศาสตราจารย์ทั้งสงสารและกังวลเขาจะทำเช่นไรดี? ความลังเลเกิดขึ้นชั่วครู่และมลายลงเมื่อเนทก้าวออกมาให้เขาเห็น

“ถึงเวลาแล้วร็อบ…เราต้องไปแล้ว บอกลาเขาให้เสร็จๆ ซะเถอะ” เสียงนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน

ท่านศาสตราจารย์พยักหน้าช้าๆ แล้วใช้กำลังเฮือกสุดท้ายที่มีประคองใบหน้าลูกศิษย์ที่รักและเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆ ของเขาขึ้น

“อีธาน…เมื่อฉันไม่อยู่แล้วช่วยดูแลอลิเซียให้ฉันที” อลิเซียที่ว่าคือภรรยาของเขา “เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีลูก นับจากนี้อลิเซียจะต้องอยู่คนเดียวแต่ถ้าเธอช่วยดูแลอลิเซียแทนฉันมันจะดีมาก…ทำให้ได้ไหม?” อีธานพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ถึงเขาจะไม่อยากให้ชายแก่ตรงหน้าไปแต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของเขาได้

“ต้องอย่างนี้สิไอ้ลูกชาย…” ศาสตราจารย์บลิสเซ่นฮาว์นยิ้มกว้าง “ถ้าฉันมีลูกชายสักคนฉันอยากให้เขาเป็นเหมือนเธอ…” ถึงจุดนี้อีธานปล่อยโฮลั่นเขาไม่อายใครต่อใครอีกแล้ว

“อย่าร้องไห้สิ เป็นลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอ?” เสียงนั้นเย้าแหย่แต่คนขี้แยส่ายหัว “อ้าว! ไม่ใช่ลูกผู้ชายหรอกเหรอ?” ศาสตราจารย์หัวเราะ

“ไม่ใช่…แต่เป็นลูกศาสตราจารย์ต่างหาก…”

“ถ้าเป็นลูกของฉันก็ต้องไม่ร้องไห้” ผู้เป็นลูกพยักหน้า

“แล้วยิ้มให้ฉันดู” แต่เท่าที่อีธานทำได้ก็เป็นแค่ยิ้มทั้งน้ำตา “ก็ใช้ได้แต่เธอต้องปรับปรุงอีกหน่อยนะ” ท่านศาสตราจารย์เริ่มหายใจไม่ออกเขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาแต่เมื่อเขาสัมผัสมือนุ่มเย็นของเนทที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ความเจ็บปวดก็ลดลง เขาหันไปหาอีธานเป็นครั้งสุดท้าย

“เมื่อเธอมีคนที่เธอรัก…อย่าปล่อยเขาไป จำไว้นะอีธาน อย่าปล่อยเขาไป…”

“ผมสัญญา…ผมจะไม่ปล่อยเขาไป ไม่มีวัน…” แล้วชายที่เป็นที่รักของทุกคนในที่นี้ก็ยิ้ม…เป็นยิ้มแบบที่โลกทั้งโลกร่วมยิ้มด้วยเพราะบัดนี้เขาจะได้ไปอยู่ร่วมกับรักแท้ของเขา…ในที่สุด ภาพที่ทุกคนรวมทั้งอีธานมองไม่เห็นก็คือเนทจับมือของท่านศาสตราจารย์…ไม่สิร็อบต่างหาก แล้วพากันเดินเข้าไปที่ประตูที่มีแสงสว่างจ้าที่ๆไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความตาย มีแต่ความสุขสมหวัง ราวกับเป็นรางวัลตอบแทนให้กับชายที่ไม่เคยลืมความรักของเขา เป็นค่าตอบแทนให้กับทั้งคู่ที่เฝ้ารอกันมานาน…และมันก็คุ้มค่าจริงๆ

***********************************

Koi

  • บุคคลทั่วไป
สามเดือนให้หลังนับจากวันที่ศาสตราจารย์โรเบิร์ต บลิสเซ่นฮาว์นเสียชีวิต อีธานก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะดูแลอลิเซียภรรยาของผู้เป็นอาจารย์และพ่อของเขา และเขาก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ทว่าความเจ็บปวดในหัวใจก็ยังอยู่ แทบทุกอาทิตย์ทีเดียวที่เขาจะไปที่หลุมศพของศาสตราจารย์และเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟังและก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ การเรียน เพื่อน อนาคต สุขภาพของอลิเซีย ฯลฯ

อีธานลงนั่งข้างๆแผ่นป้ายหลุมศพแล้วเอนพิงอย่างสบายๆ เขาเหม่อมองท้องฟ้าสีฟ้าใส ก้อนเมฆขาวลอยละล่องเหมือนภาพฝันแล้วถอนหายใจ

“พ่อครับ…ผมยังไม่เจอคนๆ นั้นของผมเลย…” เขารำพึงกึ่งพูดกับตัวเองกึ่งบอกชายแก่ที่นอนหลับอยู่ใต้ผืนดิน นับตั้งแต่วันที่ศาสตราจารย์ตายเขาก็ไม่เคยเรียกศาสตราจารย์ว่าอย่างอื่นเลยนอกจาก ‘พ่อ’

“เมื่อไรจะได้เจอล่ะเนี่ย…บอกผมหน่อยสิ” ส่วนอันนี้บ่นกับตัวเอง “บางทีพ่ออาจจะไม่ได้ยินผม…บางทีอาจจะกำลังจู๋จี๋กับเนทอยู่สินะ…ขี้โกง! หาให้ผมบ้างสักคนเซ่!” เขาล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้านุ่มเขียวขจีและผลอยหลับไป แต่จะเป็นอุปทานหรือไม่ก็ตามหูเขาก็แว่วๆ เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอที่เขาเคยคุ้น…

อีธานหลับไปนานเท่าไรก็ไม่ทราบได้แต่เขาต้องตื่นขึ้นมาก็เพราะมีใครคนหนึ่งเดินสะดุดขาของเขาและล้มลงดังป้าบ!

“โอ๊ย!” คนๆ นั้นร้อง อีธานตกใจตื่นและลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที

“อะไร!” อีธานร้องลั่น ชายที่กุมจมูกตัวเองและนั่งคุกเข่าอยู่นั้นตวาดกลับ

“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ นายเล่นมานอนขวางจนฉันเดินสะดุดหน้าคว่ำอย่างที่เห็นเนี่ย!”

“ก็แล้วทำไมไม่หัดดูทางซะบ้างเล่า!”

“อ๋อ! ตกลงนี่ฉันผิดเหรอ? ใครจะไปตรัสรู้ได้ล่ะว่าจะมีคนนอนอยู่ในสุสานทั้งที่ยังมีชีวิตและก็ไม่ได้ฝังไว้น่ะ ที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะนี่หว่า”

อีธานเริ่มนึกได้ว่าฝ่ายผิดเป็นเขาเอง… “ขอโทษ…ฉันลืมไป…” ชายคนนั้นคลำจมูกป้อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองมาอย่างโมโหๆ ผมสีเดียวกับดวงตานั้นยุ่งเหยิงเล็กน้อยและมีเศษหญ้าติดอยู่นิดหน่อยเพราะการล้มเมื่อกี้

“ช่างเหอะ!” ชายคนนั้นตอบสะบัดๆ อีธานยิ้มแหยๆ มองชุดสูทราคาแพงของคนตรงหน้าที่เปื้อนดินเพราะเขาพลางคิด…จะเอาเรื่องเราไหมนะ?

“ว่าแต่เจ้าหนู…”

“เฮ้! อย่ามาเรียกกันว่าเจ้าหนูนะ! ฉันอายุ 20 แล้ว!”

“ก็ยังเป็นเจ้าหนูสำหรับฉันอยู่ดี ฉันแก่กว่าเธอตั้งแปดปีแน่ะ” อีธานทำหน้าบอกบุญไม่รับ “นายพอจะรู้รึเปล่าล่ะว่าหลุมศพของศาสตราจารย์โรเบิร์ต บลิสเซ่นฮาว์นอยู่ที่ไหน?”

ดวงตาของอีธานกระตุกวูบ “แล้วใครอยากจะรู้ล่ะ?” ชายคนนั้นส่ายหัวระอากับความยียวนกวนประสาทของคนตรงหน้า

“ฉันชื่อ ดไวท์ ปีเตอร์สัน…ทีนี้จะบอกได้รึยัง?”
“แล้วอยากจะรู้ทำไม?”

“ฉันเป็นศิษย์เก่าของเขา เพิ่งรู้ว่าเขาเสียชีวิตและจะมาเยี่ยม ทีนี้กรุณา…”

“นี่ไง!” อีธานพูดขึ้นทันควันแล้วชี้ที่หลุมศพที่เขาพิงอยู่

“อ่า…ขอบใจ” ดไวท์รู้สึกเสียหน้านิดหน่อยอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับมองไม่เห็น

“ช่วยหลบไปได้ไหม?” ชายหนุ่มบอกกับเด็กผมแดงแต่เจ้าตัวส่ายหน้า

“นี่เธอคิดจะกวนประสาทฉันหรือไงกัน?”

“เปล่า…แต่ว่าเขาเป็นพ่อผมนี่…”

“ฉันไม่เคยรู้ว่าศาสตราจารย์มีลูกซะหน่อย”

“เขารับผมเป็นลูก” อีธานพูดอย่างภูมิใจ

“…งั้นเหรอ?” ดไวท์มองป้ายหลุมศพอย่างเศร้าสร้อย เขารู้สึกผิดที่ไม่เคยมาเยี่ยมอาจารย์คนโปรดคนนี้ทั้งที่สัญญาเอาไว้ เขาเอาแต่บอกตัวเองว่าเอาไว้คราวหน้าๆ แต่มันก็สายเกินไป เขาหันมามองอีธานแล้วถาม

“เขาตายยังไง?” อีธานนิ่งคิดนิดนึงแล้วเอ่ย

“นั่งลงสิ…เพราะต้องเล่ากันยาวเลย” ดไวท์เลิกคิ้วแล้วมองอีธานแบบงงๆ

“เอ้า! ไม่เชื่ออีกนั่งลงสิ” ถึงจะสงสัยแต่เขาก็ยอมนั่ง

“เวลาคนเขาจะตายกันเนี่ยมันใช้เวลานานนักหรือไงกัน?”

“คุณก็รู้ว่าพ่อ…ศาสตราจารย์น่ะไม่เหมือนคนอื่นเขา…”

“จริงสินะ…” อีธานยิ้มให้เขา เป็นยิ้มที่จริงใจที่สุดที่ดไวท์เคยเห็น…เขามองอย่างตะลึง เด็กคนนี้เวลายิ้มแล้วช่างน่ามองเอามากๆ

“เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนนั้นพ่อเขาอายุครบ 21 พอดิบพอดี…”

สายลมเย็นๆ พัดมาคอยปัดเป่าความร้อนให้คนทั้งสอง เขาทั้งคู่ยิ้มให้กันและร้องไห้ให้ชายที่ทั้งคู่เคารพรัก ท้องฟ้ายังคงมีสีฟ้าสดใสเช่นเดิมแต่ชีวิตของทั้งคู่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะพวกเขาได้พบกันและกันแล้ว เสียงของศาสตราจารย์ยังคงดังแว่วมาเบาๆ และถ้าเธอเงี่ยหูฟังดีๆ ก็จะได้ยินว่า

“เมื่อเธอมีคนที่เธอรัก…อย่าปล่อยเขาไป จำไว้นะอีธาน อย่าปล่อยเขาไป…”

~END~



จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะคะ  :impress:

Abracadabra

  • บุคคลทั่วไป
เด่วผมสอบเสร็จ (ประมาณวันจันทร์) จะลองมาอ่านดูละกันครับ :haun5:
ตอนนี้มาแอบดันให้ก่อน  ถ้าสนุกเด่วจะติดตามนะครับ  (เพราะผมก็ไม่ค่อยมีเวลาอ่ะครับ) :monkeycry4:

Koi

  • บุคคลทั่วไป
 :myeye: ขอบคุณมากค่า ว่างแล้วก็กุณาอ่านให้หน่อยนะค๊า

 :call: ขอให้สอบได้คะแนนดีๆ นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อ่านจบแล้วมีเสียน้ำตาตอนอาจารย์ตายด้วย  :dont2:

เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ จะติดตามผลงานต่อไป :yeb:

Koi

  • บุคคลทั่วไป
 :loveu: ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์เข้ามาอ่าน



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แปะชื่อไว้ก่อนละกัน เดี๋ยวจะตามอ่านน้า  :yeb:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาแป่ะโป้งไว้ก่อนเหมียนกัน (เรื่องที่เท่าไหร่แย้วหว่า??  :pigha2: ) แต่รับรองว่าเด๋วตามอ่านแน่ๆ  :yeb:
ที่จริงอ่านไปนิดส์ๆแล้วแหล่ะ แต่ยาวเกินอ่ะ  :really2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เมื่อเธอมีคนที่เธอรัก…อย่าปล่อยเขาไป   :monkeysad:
สนุกมากเลย แต่รู้สึกว่าตอนศาสตราจารย์จะตายนี่ยืดไปนิด (รึเราคิดไปเองหว่า)
โดยรวมก็ดีมากเลยค่ะ
ดีใจที่ได้อ่าน
เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้า  :yeb:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีค่ะ  แล้วเอาเรื่องใหม่ ๆ มาลงให้อีกนะ จะรออ่าน  :really2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
อ่านจบแว้ววว  ขอบคุณก้อยคนแต่งมากๆ คะ    :loveu:  :loveu:  :loveu:

สนุกมากๆๆๆ เลยละ  นี่ไม่ได้แกล้งชมนะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ภาษา สำนวน จินตนาการ อารมณ์แล้วก็ความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องดีมากเลย
ทำเอาเราแอบน้ำตาซึมเลยนะเนี่ย  แต่งเก่งคะ บวกหนึ่งสำหรับนิยายดีๆ คะ

ชอบศาสตราจารย์  ชอบเนท  แล้วก็อีธาน  น่ารักดี  แอบคิดว่าเด็กคนนั้นคงเป็นเนทตั้งแต่แรกแล้วละ  อิอิ
ชอบประโยคนี้นะ "เมื่อเธอมีคนที่เธอรัก…อย่าปล่อยเขาไป".....  แต่มันจะไปเองรึเปล่ามะยู้ 555

ถ้ามีเวลาหรือมีเรื่องอื่นๆ  เอามาลงอีกนะ  จะคอยติดตามผลงานต่อคะ
แล้วก็ยินดีต้อนรับน้า   :yeb:

Koi

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: ขอบคุณทุกท่านจริงๆ ค่ะ

โดยเฉพาะคุณมูมู่น้อย ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ให้คะแนน (จริงๆ ไม่นึกว่าจะได้กะเขา ฮา)

เรามีนิยายอีกเรื่องที่เอาลงบอร์ดของเฟื่อยู่ค่ะ นั่นคือเรื่อง April Fool Day งานก็เก่าพอสมควรแล้ว สำบัดสำนวนก็ไม่ค่อยดี (แม้จะนำกลับมาอีดิทใหม่แล้วก็ตาม อะฮึกๆ) เรียกได้ว่าเป็นงานยุคเริ่มแรก สมัยยังละอ่อนค่า  :-[  ตอนนี้ก็ยังละอ่อนน๊า อิๆ  :laugh3:

นี่ว่าจะเอาเรื่องใหม่มาให้อ่าน รอสักนิดนะคะ กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาเรื่องไหนมาให้อ่าน ขอไปคัดก่อนนะคะ (อาจอีกสองวัน สามวันถึงมาโพสต์)

ป.ล. มีผู้อ่านบางท่านบอกให้เขียนภาคต่อของ Don't Let him Go ให้อีธานเป็นตัวเอก ก็กะว่าจะเขียนน่ะค่ะ มาบอกไว้ก่อน เดี๋ยวเสร็จแล้วจะเอามาให้อ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2007 17:49:17 โดย Koi »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รออ่านผลงานเรื่องต่อไปอยู่นะ :yeb:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รออ่านเรื่องใหม่ด้วยคนจ้า  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






jammy

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องที่สนุกดีครับ จินตนาการของคนเขียนนี่ใช้ได้เลยทำให้อยากลองอ่านเรื่องอื่นของคนเขียนอีก จะรอนะครับถ้ามีเรื่องใหม่ก็เอามาลงอีกนะครับ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่านกัน  :give2:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เป็นแนวที่แปลกดี แต่ก็ชอบหละคับ
 :give2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โทษทีครับ ไปอยู่ในมาไม่รู้ วันนี้นั่ง search ไรเล่นๆดันเจอ

ยอดเยี่ยมจริงๆ
 :m11: :m11: :m11:

หลงรักในความรักที่ตอนเด็กๆก็อาจคิดน้อยและตามแต่ใจตัวเอง
หลายๆคนย้อนไปถึงความหลัง ก็คงมีเหตุการณ์แบบนี้
แต่อาจไม่มีโอกาสอีกเลยที่จะแก้ไขมัน
 :m15: :m15:

ว่างๆเอาเรื่องใหม่มาลงอีกนะครับ
หรือว่าไฟมอดไปแว้ว
 :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เศร้าอ่า  :m15: เคยอ่านเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้กลับมาอ่านอีกก็เศร้าเหมือนเดิมเลย ซึ้ง  :m15:

ป.ล. April Fool Day  เราก้อเคยอ่านนะ ชอบมากทั้งภาคแรก และภาคต่อ เราว่าคนในบอร์ดนี้ต้องชอบมากเหมือนเราแน่ๆ
เอามาลงเลย หนับหนุนๆ :a2:
 ป.ล.2 หวังว่าจะได้อ่านผลงานใหม่ๆ บ้างน้า :a1: :a1:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อืม...เรื่องนี้เหมือนเคยอ่านมาแล้วที่บอร์ดอื่น

ชอบนะ เขียนดี สำนวนก็ดี อ่านแล้วไหลลื่นเชียว

ว่าแต่แต่งเรื่องอื่นบ้างไหมคะ อยากอ่าน เอามาลงให้อ่านหน่อยนะคะ น๊าๆๆๆๆ

ปล.น่าจะเขียนชีวิตรักของอีธานบ้างนะคะ อิๆ

hours

  • บุคคลทั่วไป
เขียนดีอ่ะๆๆๆๆๆๆๆ

kaowphoon

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งเดนะคับ  ชอบๆๆๆดันๆๆ

Plabu

  • บุคคลทั่วไป
อืม...
เศร้าไปหน่อย o7 o7
แต่ก็เป็นเรื่องที่แต่งได้ดีมากๆ :m15: :m15:
สะเทือนใจเหมือนกันนะเนี่ย
 :bye2: :bye2:

doonut_kabpom

  • บุคคลทั่วไป
โห้  มาสมหวังในบั้นปลายชีวิตเนี่ยนะ

แต่ก็ดีคับ  ที่ยังจบแบบแฮปปี้เอนนะ
:sad4:

sonicboy

  • บุคคลทั่วไป
สนุกดีครับ อ่านแล้ว แอบ ร้อง นิดนึง :o12:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด