หลุยส์วิคตองได้รับเลือกให้เป็นกระเป๋าอย่างเป็นทางการสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เพราะจากที่ผมเห็นนั่นคือหลุยส์วิคตองหลายใบมาเป็นรถเข็ญเลยมีทั้งแบบเป็นตู้ กระเป๋าล้อลาก กระเป๋าเครื่องประดับ กระเป๋าหิ้ว กระเป๋าแบบแขวนชุดได้และกระเป๋าหนีบ ผมเชื่อว่าจำนวนกระเป๋าในตอนนี้มีมากกว่าในร้านหลุยส์วิคตองในปารีสหรือบูติกที่ถนนสายห้าแน่นอน พนักงานสามถึงสี่คนช่วยกันยกกระเป๋าอย่างทุลักทุเลจากเทอร์มินัลที่ชื่อแสนจะถ่อมตัวว่ามิลเลี่ยนเทอร์มินัล ไปสู่ใต้เครื่องบินส่วนตัวยี่ห้อกัลฟ์สตรีม
“เฮ้ ที่รัก กระเป๋าผมล่ะ” ผมถามโอลิเวอร์เมื่อพบว่าไม่มีกระเป๋าใบสีดำแสนเชยของผมถูกลำเลียงไปด้วย
“ขอโทษนะครับ ผมจัดกระเป๋าใหม่ให้คุณ แต่แน่นอนของทุกอย่างในกระเป๋าของคุณมีในกระเป๋าอีกใบ”
“โอวพระเจ้า นี่มันกระเป๋าของผมนะ คุณไม่ควรมายุ่งด้วยเลย” ผมเดินนำเขาเพื่อจะไปขึ้นเครื่อง
“เฮ้ๆ รอผมด้วยสิ ผมแค่อยากจัดเสื้อผ้าที่ผมเตรียมไว้ให้คุณ แต่กระเป๋าคุณใบเล็กเกินไป” เขาเดินมาประชิดตัวผม ผมจึงเบี่ยงตัวออกมา เขาทำผมหงุดหงิดจริงๆ หงุดหงิดจนพาลไม่อยากย้ายไปแอลเอกับเขา เขาเอาใจใส่ผมมากเกินไป มากจนรู้สึกว่าเขาล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของผม
“ขอโทษครับ ข้างๆคุณมีคนนั่งหรือปล่าว” ผมถามผู้หญิงผมบลอนด์ที่ดูเป็นสาวสังคมอายุราวๆ 37 ปี เธอสวมเดรสสีขาวของคริสเตียน ดิออ และมีปากอวบอิ่มจากการฉีดโบท็อกมันถูกเคลือบโดยกลอสสีนู้ดฉ่ำ
“ว่างคะ คุณนั่งกันฉันได้นะ” เธอบอกผมอย่างสุภาพ ผิดกับที่ผมคิดไว้มาก
“ไม่เป็นไรครับเบ็ต เขาจะนั่งกับผม” โอลิเวอร์บอกเธอพร้อมกับดึงมือไปจูบ เขากระซิบข้างๆหูผมว่า ‘คุณไม่อยากให้ปากนั่นอยู่ระหว่างขาคุณหรอก’ พูดจบเขาก็ดึงมือผมไปนั่งแถวหลัวถัดจากเธอมาทันที เขาผลักให้ผมนั่งติดหน้าต่าง หยิบไอพอดเครื่องสีส้มของผมจากกระเป๋าเคลลี่และนำมันไปวางบนชั้นวางของ
“โอลิเวอร์คุณรู้ไหม บางทีคุณก็ดูแลผมมากเกินไป เราน่าจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวของเราอีกคนละนิดนะ” ผมแกะผ้าปิดตาออกและกำลังจะสวมมัน เตรียมตัวเข้าสู่นิทรา
“ผมขอโทษ ผมจะพยายาม” เขาพูดเรียบๆ โอลิเวอร์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอาร์มานี่ลายตารางและเหยียดเก้าอี้เตรียมนอนเหมือนกับผม แตะก็ต้องดึงเบาะกลับขึ้นมาใหม่เมื่อเห็นว่าฟิลลิปกำลังเดินมากับเมลิสา
“เฮ้” ฟิลลิปทักทายผมและโอลิเวอร์ เมลิสาก็เหมือนกันเธอมีหุ่นที่ดูเพอร์เฟ็กส์ทำให้สูทสีดำของเธอดูดีขึ้นไปอีก
“เฮ้” ผมทักทายพวกเขาสองคนกลับ แต่โอลิเวอร์ทำเป็นเมินเฉยผมจึงสะกิดเขาเบาๆ เขาจึงทำตามผมแล้วแกล้งทำเป็นไม่สนใจฟิลลิปที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม ฟิลลิปผายมือเชิญให้เมลิสาไปนั่งก่อน เธอยิ้มขอบคุณเขาเล็กน้อยพร้อมกับชวนเขามานั่งข้างๆเธอ เขาพยักหน้าให้เธอและส่งสัญญาณกับผมว่าเขาต้องไปแล้วไม่งั้นแม่สองสาวที่ดูใกล้กับคำว่ากระดูกเดินได้คงวีนใส่เขาแน่ ผมยิ้มให้เขาแล้วหันไปสนใจไอพอดของผมต่อ
“ให้ตายสิ ช่างภาพอีกคนที่เราหาไว้มีปัญหาเพราะรับงานซ้อน นั่นน่ะทำให้ทริปนี้ห่วยลงมาเลย” โอลิเวอร์เหลือบไปมองฟิลลิปแว่บนึงจากนั่งเขาก็จัดการเหยียดเก้าอี้ลงไปอีกรอบ ผมมองเขาแล้วถอนหายใจกับความงี่เง่าของเขาแล้วเหยียดตัวนอนต่อ
“ผมขอโทษ ” ผมกำลังจะหันไปบอกเขาว่าไม่เป็นไรแต่ถูกขัดด้วยแอร์โฮสเตสสาวที่เสิร์ฟแชมเปญให้เราและยังมีนักบินหนุ่มที่ออกมาพูดถึงระยะเวลาในการเดินทางของเรา
“ไม่เป็นไร แต่คุณควร...เอ่อ”
“งี่เง่าน้อยกว่านี้” ผมกำลังจะพยักหน้าเห็นด้วยแต่คิดดูอีกทีนั่นอาจทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเก่าผมจึงหันไปยิ้มให้เขาแทนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา ผมจูบหน้าผากเขาเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับเนท ผมรักคุณ” เขาบีบมือผมเบาๆ
“เฮ้ๆ มีใครอยากกระตุ้นประสาท กล่อมประสาท คุณต้องการแบบไหนคะอยากปาร์ตี้หรือหลับกัน” หนึ่งในสองสาวที่เดินตามหลังฟิลลิปตะโกนออกมาหลังจากที่เครื่องบิน บินออกมาประมาณสามสิบนาที
“อันนี้ไม่ลงข่าวใช่มั้ย” เธอหันไปถามนักข่าวคนนึง เขาพยักหน้าตอบกลับอย่างเนือยๆ
“หลับ” เมลิสาบอกเธอ
“โอลิเวอร์เรียกฉันไปจัดการงานต่างๆทั้งอาทิตย์แทนเพราะงั้นนายจ่ายค่ายานี่ให้ฉันด้วยล่ะ” เมลิสาบอกโอลิเวอร์ที่กำลังจะหลับ เขาพยักหน้าตอบเธอ พร้อมกับบอกให้ผมจัดการหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ของเขาส่งให้เธอไปร้อยดอลล่าร์เพื่อปัดความรำคาญ
“ว้าว ดูสิเขาเลี้ยงฉันจริงด้วย คุณอยากนอนหรือปาร์ตี้ ฉันจะจัดการให้” เมลิสาชูเงินแล้วหันไปบอกฟิลลิป
“หลับแน่นอนครับ” เขาหันไปบอกเมลิสา เธอตะโกนบอกแม่สาวขี้ยาคนนั้นทันที
“พวกคุณนี่ไม่หนุกเลย!” แม่สาวขี้ยาทำเสียงไม่พอใจ แต่เธอก็ส่งยาให้เมลิสา
“คุณมีอะไรบ้างล่ะ” สาวสังคม..เบ็ต ที่ผมเกือบจะได้ไปนั่งข้างๆถามขึ้นมา
“บอกมาเลยค่ะ ฉันมีหมด ฉันต้องจัดการพวกนี้ก่อนลงจอด ฉันเคยดู มิดไนต์ เอ็กซ์เพรส แล้วฉันไม่เอาแบบนั้นหรอก” เธอบอก
“ช่าย เรื่องยานี่ไม่ใช่เล่นๆ อยากได้อะไรให้บอกฉัน ฉันจะจัดการบอกเพื่อนสเปนที่แสนน่ารักให้และฉันไม่แนะนำให้เรานำเข้าประเทศไปเอง” เมลิสาหันไปบอกพวกเขา
“งั้นฉันขอแวเลี่ยม” แม่สาวสังคมประกาศ
“ฉันขอออกซิโคโดนเม็ดนึง” สาวผมน้ำตาลที่โอลิเวอร์เคยบอกผมว่าเธอคือนางเอกโฆษณาพูดขึ้น
“คุณมีแอมเบียนมั้ย ขอสองเม็ดกับเหล้าซักแก้วคงเอาอยู่” โอวนั่นก็พระเอกโฆษณาหุ่นล่ำ ถ้าจำไม่ผิดเขาน่าจะชื่อลีโอ
“ฉันขอซาแน็กซ์”
“ผมขอแบบลีโอ”
“คุณมีเพอร์โคเซ็ตรึปล่าว”
และยังมีอีกหลายคนที่ตะโกนบอก ทุกคนรอคิวอย่างอดทนขณะที่แม่สาวขี้ขากำลังแจกจ่ายยาให้ งวดนี้ผมว่าเธอทำกำไรได้เยอะเชียวล่ะ ผมดึงความสนใจกลับมาที่ไอพอดเช่นเดิม เพราะตอนนี้บนทีวีพลาสม่าจอยักษ์กำลังฉายหนังเรื่องปารีสเจอแตมนั่นทำให้ผมตัดสินใจฟังเพลงมากกว่าเลือกจะดูหนัง เพราะผมดูมันไปแล้วรอบนึงกับเอบิเกลและไมเคิล และเมื่อผมหันไปมองโอลิเวอร์ก็เห็นว่าตอนนี้เขาหลับจนกรนครอกไปแล้ว

ไม่ขออธิบายเรื่องยาต่างๆที่กล่าวไว้นะคะเอาเป็นว่าส่วนใหญ่เป็นยาแก้ปวดชนิดหนึ่งละกันคะ