แบรตและบีเจมาถึงแอลเอตอนบ่ายวันศุกร์ ผมขับรถไปรับพวกเขาที่แอลเอเอ็กซ์ ผมค่อนข้างตกใจ....ถ้าจะให้ถูกคือผมรู้สึกหวาดผวามากกว่าน่ะนะเมื่อต้องเจอกับบุคคลนึงที่ติดสอยห้อยตามแบรตและบีเจมาด้วย
“ไงเนท ไม่เจอกันนานเลยนะเนี่ย คุณดูดีขึ้นนะ” หมอนี่มองผมตั้งแต่หัวจรดรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของผม
“ว้าว แซค ฮอพสเตทเตอร์ คุณก็ดูดีนะ” ผมค่อนข้างสับสนว่าผมควรจะใช้คำว่าดูดี ดูเป็นผู้เป็นคน หรืออะไรก็ตามที่ห่างไกลพวกคำว่าแบดบอยหรือเพลย์บอยออกมาซักสองสามฟุต
“คุณมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ” ผมถามพร้อมกับภาวนาในใจขอให้พวกนี้อย่ารวมตัวมาเจอกัน ใช่สิแอลเอมีคาแบลท์ มีแบรตและแซคเพิ่มขึ้นมาอีก แค่นี้ก็ทำให้มีเรื่องชวนปวดหัวได้ไม่ยากแล้วล่ะ
“ผมเป็นห่วงบีเจอยู่เหมือนกันนะ แต่จริงๆแล้วผมก็มาทำงานด้วยน่ะ” เขายิ้ม แล้วดึงกระเป๋าของบีเจจากมือผมไปถือซะเอง
“เอาล่ะบีเจ หลานอยากไปเอิร์ธคาเฟ่ไหม” ผมหันไปถามบีเจที่เดินตามหลังแซคต้อยๆ จะว่าไปเขาบีเจก็ดูจะติดแซคไม่ใช่น้อยนะ ให้ตายเหอะรอบตัวหลานตัวน้อยของผมมีแต่พวกแปลกๆ ผมล่ะอยากให้เขาย้ายมาอยู่กับผมซะจริงๆ
“ผมรู้นะฮะว่าอาชอบแจมบ้าจู๊ซมากกว่า แต่ถ้าอาเกิดเปลี่ยนใจเป็นคนรักสุขภาพขึ้นมาตอนนี้ผมก็โอเคฮะ” โอวพระเจ้า ใครสอนหลานผมให้เป็นแบบนี้เนี่ย ผมหันไปมองหน้าแบรต เขาหันมายักไหล่ให้ผมแล้วเดินไปขึ้นรถตามแซค
“ใช่ มันไม่ดีเหรอ ปกติอามีชีวิตอยู่เพื่อแจมบ้าจู๊ซเลยละ” ผมกำลังจะขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับ แต่แซคโบกมือขอกุญแจรถ ผมจึงโยนกุญแจ่รถให้เขาแล้วผมก็ย้ายนั่งข้างๆที่คนขับแทน ผมหันไปมองที่เบาะหลังก็เห็นบีเจนอนตาแป๋วอยู่บนตักของแบรต
“อาว่าตอนดูดแจมบ้าจูซแล้วเย็นจี้ดขึ้นสมอง...”
“ใกล้เคียงเซ็กซ์ซาดิสต์เลยล่ะ” แชคพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดจบ ผมและแบรตหันไปส่งสายตาดุๆให้เขาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดกันไว้
“ผมขอโทษ แต่ผมชอบพีนัตบัตเตอร์มูด์หรือไม่ก็...”
“แมงโก อะโกโก้” ผมแทรกขึ้นจนลืมตัวไปว่า สถานการณ์ตอนนี้ผมต้องวางตัวนิ่งๆต่อหน้าแซค เขาหันมายิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้ารัวๆแล้วหันไปขับรถต่อ
“ฉันว่าเอิร์ธก็ดีนะ ที่นั่นมีสมูธธี่ บีเจจะได้วิตามินจากผลไม้ด้วย...แจมบ้าจูซไม่มีให้ลูกของฉันหรอก” คราวนี้ผมและแซคหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดกันไว้ เราจ้องหน้ากันด้วยสายตาที่สื่อสารได้ว่าผมควรเงียบและแซคก็ควรขับรถเงียบๆต่อไป จะว่าไปแซคก็ดูเป็นคนธรรมดาและดูเป็นมิตรมากๆ – นั่นหมายถึงตอนเขาไม่เมานะ
เอิร์ธคาเฟ่เป็นที่รวบรวมบรรดาออแกนิกอร่อยๆทั้งหลาย ลานกลางแจ้งของมันยังเต็มไปด้วยผู้คนที่รักสุขภาพ ผู้คนในแอลเอต่างหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่พวกเขารักที่สุด นั่นคือลูกผสมระหว่างการทำงานกับการพักผ่อนหย่อนใจ นักเขียนมีกระดาษดินสอพร้อมมือ นั่งหาแรงบรรดาลใจจากน้ำส้มคั้นสดๆหรือดารานั่งอ่านบทหนังโดยสวมแว่นตาสายตาปลอมๆเพียงเพื่อให้ตัวเองดูฉลาด ทุกคนต่างจ้องมองกันและกันอย่างเปิดเผยด้วยความอยากรู้อยากเห็นระดับเดียวกับนักท่องเที่ยวในสวนสัตว์ซาฟารี— อาจจะเป็นเพราะอากาศที่ทำให้เลือดในกายรุ่มร้อนและทำให้ทุกคนต่างมองหาคู่ หรือบางทีอาจจะเป็นความวิตกจริตที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดที่ทำให้ประชากรพวกนี้ไม่อยากพลาดอะไรสักอย่างเผื่อว่ามันอาจจะเป็นเรื่องดังหรือคนดัง
ผมแย่งโต๊ะกับผู้ชายหน้าตาดูไม่เป็นมิตรไว้ได้ทัน ผมและบีเจนั่งยืดขาไปในแสงแดดขณะที่แซคยืนต่อแถวเพื่อไปสั่งซุป สลัด มัฟฟิ่นลูกเกด-รำข้าว-น้ำผึ้งไขมันต่ำและน้ำผลไม้คั้นสดๆให้เรา ส่วนแบรตไปเข้าห้องน้ำทันทีที่เราจอดรถ ผมรู้สึกว่ามีคนมาแตะไหล่ผมอยู่
“ฮ่าๆ เราเจอกันบ่อยจริงๆ” แกสยืนยิ้มยิ้มแก้มปริอยู่ข้างๆหนุ่มน่ารักร้านคอฟฟี่บีน ผมแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับบีเจแต่ผมไม่รู้จักชื่อหนุ่มน่ารักคนนั้น ผมเลยปล่อยให้เขาแนะนำตัวเองไป
“หลานคุณน่ารักจริงๆ ผมเจสันครับ” เขายื่นมือมาจับกับผมและบีเจ ผมเชิญให้พวกเขาทั้งคู่นั่งลงขณะที่แบรตและแซคเดินมาพอดี ผมจึงแนะนำแกสและเจสันให้แบรตกับแซครู้จักอีกรอบ ผมไม่รู้ว่าควรจะแนะนำแกสให้แซคและแบรตให้รู้ดีไหมว่าเขาคือแฟนของคาแบลท์ แล้วผมก็คิดได้ว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่หรอกหากพวกเขากำลังคบกันแบบไม่เปิดเผย
พนักงานเสริฟ เสริฟอาหารให้เราหลังจากที่เราเริ่มคุยกันได้แปบนึง ตลอดเวลาแบรตสนใจแค่อาหารของเขาและเหลือบไปมองบีเจสลับกับผมและเพื่อนๆบ้าง ผมว่ามันค่อนข้างดีนะที่เขาไม่พูดอะไรที่อาจจะตัดสายสัมพันธ์ออกมา ส่วนแซคก็ยังคงเป็นแซคที่อัธยาศัยดีเมื่อเขาไม่เมาและสามารถพูดคุยอย่างสงบเสงี่ยมกับพวกเราได้
“ฉันกับเจสันต้องไปก่อนล่ะ เราต้องไปที่ร้านสตาร์บุ๊คกันต่อน่ะ” แกสบอกขึ้นตอนที่สลัดของผมเหลือแค่ครึ่งจาน
“อันที่จริงแกสอยากไปโอลด์เนวีเพื่อหาชุดผ้าฝ้ายสบายๆไว้ใส่ตอนเขาเจ็บไข้น่ะ” ผมรู้สึกว่าเจสันเป็นคนน่ารักและตลกจริงๆนั่นแหละ
“พอเหอะน่า เอาล่ะเราควรจะไปกันต่อได้แล้วล่ะ” แกสหันมายิ้มตามสไตล์เขาแล้วลุกออกไป เจสันเองก็เหมือนกันแต่รอยยิ้มของเจสันมันดูน่ารักเหมือนเทวดาน้อยๆมากกว่ารอยยิ้มราวกับนางงามจักรวาลได้รับมงกุฎเหมือนแกส
“เพื่อนๆคุณน่ารักดีนะ” แซคหันมาบอกผมหลังจากที่พวกเขาเดินออกไปได้ซักพัก
“ช่าย คุณคงไม่หันมาชอบผู้ชายแบบผมหรอกใช่ไหม” แซคยักไหล่แล้วหันไปสนใจซุปของเขาต่อ ส่วนแบรตยังคงสนใจแต่อาหารของเขาเหมือนเดิม ถ้าให้ผมเดานะเขาก็คงไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบเพื่อนผมหรอก เพราะขณะที่เราคุยกันเขาไม่ได้แทรกด้วยคำพูดกัดแบบเจ็บๆแสบๆสไตล์แบรต
เย็นวันศุกร์เรากลับไปดินเนอร์ที่บ้าน หลังดินเนอร์ผมและบีเจก็นอนตีพุงคุยกันบนโซฟา โอลิเวอร์หมกตัวอยู่ในห้องทำงานหลังดินเนอร์แต่เขาสัญญาว่าเขาจะเข้าไปในนั้นไม่เกินสองชั่วโมง ส่วนแบรตกับแซคออกไปหาคาแบลท์ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าที่เขามาแอลเอสุดสัปดาห์นี้เขามาเพื่อเจอเพื่อนๆพร้อมทั้งหาโอกาสพาบีเจมาหาผม........ หมอนี่มันร้ายจริงๆๆ
“หลานว่าไงนะ”
“ก็อย่างที่ผมบอกฮะ ผมต้องใส่หมวกคลุมหน้าไปโรงเรียน” บีเจเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆจนผมเดาอารมณ์เขาไม่ถูก
“ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่หลานจะต้องใส่หมวกคลุมหน้าไปโรงเรียน”
“หนึ่งพวกเขาล้อผม เพราะผมหน้าสวย”

“สอง พวกเขาแกล้งผม เพราะผมหน้าสวย”
“สาม พวกเขาไม่ให้ผมเข้ากลุ่มด้วยเพราะเหตุผลเดิม อาว่าเหตุผลสามข้อมันเพียงพอมั้ยฮะ” สำหรับปัญหานี้จริงๆแล้วผมก็ไม่เคยเจอเหมือนกันเพราะผมไม่ใช่พวกหน้าสวย....ผมว่าแกสกับเจสันอาจจะช่วยหลานผมได้
“นั่นสินะ อาไม่เคยเจอเรื่องพวกนั้นหรอก แต่อย่างที่หลานรู้อาคบกับผู้ชาย แต่อาก็ยังมั่นใจในความเป็นผู้ชายของอา นั่นทำให้อาไม่สนสายตาของคนอื่นที่มองมาหรอกนะ” บีเจยิ้มแล้วดึงจมูกผมเบาๆ ตอนนี้เหมือนเขากำลังปลอบใจผม มากกว่าผมปลอบใจเขาซะแล้วสิ
“อาพอรู้เรื่องของแม่มั้ยฮะ คือตั้งแต่ผมมาอยู่กับพ่อก็ไม่มีใครพูดถึงแม่เลยฮะ”
“อาก็ไม่รู้เหมือนกัน จะพูดให้ถูกก็คือ...อายังไม่เคยเห็นแม่ของหลานเลยด้วยซ้ำ อาไม่รู้ด้วยว้ำว่าพวกเขาไปคบกันตอนไหน” ผมบอกบีเจไปตามความจริง
“เอาล่ะ เดอะฟลาส 5 มาแล้วหลานอยากดูนี่ไหม” บีเจพยักหน้าหน้าแล้วหันไปจ้องโทรทัศน์ต่อ
“ทำอะไรกันอยู่เหรอหนุ่มๆ” โอลิเวอร์เดินมาหาเราสองคน ผมเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าเขารักษาสัญญาได้ดีเยี่ยม แถมยังแบ่งเวลาสำหรับการอาบน้ำรวมอยู่ในสองชั่วโมงที่เขาบอกไว้ด้วย
“คุณจะนั่งดูการ์ตูนกับเราไหม” ผมหันไปสบตากับเขา เขายักไหล่นิดๆแล้วนั่งเบียดผมบนโซฟา ผมดึงเรามาจูบตรงหน้าผากแล้วนึกหมั่นไส้จึงขยี้หัวเขาแรงๆ โอลิเวอร์ดึงมือผมไปจูบ....นับว่าโชคดีของเราที่บีเจดูจะสนใจการ์ตูนมากกว่าผมและโอลิเวอร์
“คุณใส่เสื้อตัวนี้อีกแล้วเหรอ” ผมถามออกมา เพราะทันทีที่แม่บ้านซักเสื้อผ้าฝ้ายตัวนี้ของเขาเสร็จ เขาก็จะสวมมันทันที
“ก็คุณซื้อให้ผมนี่ มันเป็นตัวแรกที่คุณซื้อให้ผมเลยนะ คุณจำไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ผมไม่ได้ซื้อนี่ให้คุณสักหน่อย ผมซื้อมันมาแล้วผมก็ใส่มันไม่ได้ต่างหาก” ผมหัวเราะจนน้ำตาแทบไหล โอลิเวอร์คงหมั่นไส้มั้ง เขาจึงยกตัวผมขึ้นพาดบ่าแล้วตีก้นผมสองสามที...ผมว่าเขารู้ล่ะนะว่าผมไม่มีทางซื้อผิดไซส์หรอกเพราะผู้ชายไซส์เอสและผู้ชายไซส์แอลหรือตอนนี้อาจจะเป็นเอ็กซ์แอลในบางแบรนด์ ไซส์มันค่อนข้างห่างกันพอควรล่ะ
“ฉันขอตัวอาตัวแสบของนายก่อนนะบีเจ” โอลิเวอร์ยืนบอกบีเจ เขาพยักหน้าแล้วหันไปสนใจการ์ตูนต่อไม่สนใจเราสองคนแม้แต่น้อย...ผมอำเขาด้วยเรื่องตลกๆตลอดทาง โอลิเวอร์ตีก้นผมทุกครั้งที่ผมอำเขา ส่วนผมก็หัวเราะเขาซะจนท้องแข็ง แล้วก็ตต้องหยุดหัวเราะเมื่อเขาวางผมลงบนเตียง...คืนนั้นเราเล่นบทสาวใช้และเจ้านายกันทั้งคืน
----------------------------------------------------------------------------
ลุคเจสันแบบนี้เป๊ะๆเลยคะ

แซคก็อิมเมจเดียวกันจากปฐมบทฯคะ
