ทันทีที่เราถึงอาหารจีนนอกจากเสียงที่ดังอึกทึกแล้วยังพบว่าคนหนาแน่นเต็มร้านจนผมหายใจติดขัดผมลองคิดเล่นๆว่าถ้ามาคราวหน้าผมควรจะพกถังอ็อกซิเจนสำหรับนักประดาน้ำมาด้วยหรือไม่ก็ควรจะยืมรองเท้าส้นสูงสี่หรือห้านิ้วจากแคทอรีนแม่ดาราหนังโป๊เกรดบีที่อยู่ถัดจากห้องผมไปสองห้อง เราได้โต๊ะมุมสุดด้านในที่ติดกับหญิงชราชาวจีนสามถึงสี่คนพวกเธอพูดคุยกันด้วยเสียงดังแต่ก็โชคดีเพราะทันทีที่เรานั่งกันประมาณสิบห้านาทีพวกเธอก็ลุกออกไปจนหมด
เอบิเกลกับไมเคิลช่วยกันสั่งอาหาร ผมได้แต่นั่งรอและมองรอบๆ ผมกวาดสายตามองเห็นกลุ่มคนหน้าตาดีสามเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนกำลังเดินมานั่งโต๊ะหญิงชราชาวจีนที่ลุกออกไป ผมรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายหนึ่งในสองคนนั่นมาก แต่ผมก็ต้องตื่นจากห้วงความคิดเมื่อเอบิเกลเริ่มเล่าเรื่องของโอลิเวอร์ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ
“เขาติด 1 ใน 100 หนุ่มนักธุรกิจในนิตยสารฟอจูน เขาละเก่งจริงๆอายุยังไม่ถึงสามสิบเลย ฉันจำได้ว่าตอนเรียนที่คอนสแตนเขาเคยทักฉันครั้งนึงละ นั่นน่ะวิเศษสุดๆเลย”
“เขาเข้ามาแจกใบปลิวชมรมว่ายน้ำให้เธอเนี่ยนะ ฉันก็อยู่น่าเอบิเกล” ไมเคิลรีบแทรกเอบิเกลทันที ผมว่าเขาทำเอบิเกลฝันสลายแล้วนะ
“เขายืนดูคอนเสิร์ตของนายข้างๆเราใช่ไหมเอ็บ” ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้เรียนที่เดียวกับพวกเขาเลย เพราะผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับโอลิเวอร์เลยให้ตายสิ
“ตอนนั้นเนทยังน่ารักอยู่เลยนะ” เธอหมายความว่าตอนนี้ฉันไม่งั้นเหรอ
“ใช่ เอ๊ะนั่นฟิลิปใช่ไหม” ไมเคิลสะกิดให้ผมดู ใช่เลย ฟิลิปนี่เองถึงว่าผมคุ้นหน้าเขานักเขาแก่กว่าผมสองปี เขาคงรู้ว่าเราจ้องเขาอยู่เขาจึงลุกออกมาจากโต๊ะและโบกมือทักทายเราทั้งสามคนทันที
“ไง พวกนายเป็นไง ยังอยู่กันสามคนเหมือนเดิมเลยนะ” เขาเรียกพนักงานและกระซิบกระซาบกัน ผมคิดว่าเขาคงสั่งเครื่องดื่มให้พวกเรา
“จริงๆแล้วมีลิบบี้ด้วย ไมค์กำลังจะแต่งงานกับลิบบี้” เอบิเกลหันไปบอกเขา เขาทำหน้าแบบที่ผมอ่านได้ว่า ‘แม่บลอนดี้ที่นอนกับใครๆนั่นเหรอ’ ผมพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
“ตอนนี้พวกนายเป็นไงละ” เขาหันไปรับเบียร์จากพนักงานและส่งให้เราสามคน
“ฉันเลี้ยง”
“ไมเคิลทำงานที่ยูโอบี เนทเป็นหมอฟัน อ้อ! เขากำลังจะมีคลินิคเป็นของตัวเอง” เอบิเกลหันมาขยิบตาให้ผม
“ฉันเป็นอาจารย์ที่มหาลัยนิวยอร์ค นายละฟิลิป” ผมรู้สึกว่าพวกเรานะเด็กเนิร์ดชัดๆ
“ฉันเป็นตากล้องแฟชั่นน่ะ แต่ก็มีงานอื่นควบคู่ไปด้วย” ว้าว เราสามคนอุทานออกมาพร้อมกัน เขาคงเคยเจอคนดังๆนั่นน่ะเยี่ยมจริงๆ
“นายเคยถ่ายเอ็ดเวิด นอตันไหม” เอบิเกลควบคุมน้ำเสียงตื่นเต้นไม่อยู่
“ฉันเคยเจอเขา และได้ถ่ายเขาตอนเขาไปออกงานเปิดตัวสินค้า”
“อ้อ นั่นน่ะบังเอิญมากๆฉันได้ถ่ายโอลิเวอร์ สเนซ คนดังของโรงเรียนเราด้วย” บังเอิญจริงๆ
“เนท นายเดทกับเขาอยู่เหรอ” เขาหันมาถามผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“อ้อ เปล่า คือ..มันค่อนข้างซับซ้อนน่ะฟิลิป” ผมคิดว่ามันซับซ้อนจริงๆนั่นละ
“งั้นฉันก็จีบนายได้สิ” ผมเหวอและคิดว่าเอบิเกลและไมเคิลก็คงเป็นด้วย
“โอเค ฉันมองนายมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ฉันเคยให้ไมเคิลเอาของขวัญไปให้นายด้วยนะ” ผมหันไปสบตากับไมเคิลเพื่อหาความจริง
“ใช่ แต่เอ็บบี้ไม่เห็นด้วยเราสองคนเลยตกลงกันว่าจะยกให้แอนนาแทน” ผมยิ้มรับพอใจในการกระทำของทั้งสอง ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ
“โอเค นายไม่สนใจฉันจริงๆ ฉันขอตัวกลับโต๊ะก่อนละ” เขาบอกลาเราสามคนและไม่ลืมที่จะหันมาขยิบตาให้ผม ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่น่ารักนะ เขามักจะมาถ่ายรูปการซ้อมดนตรีที่ชมรม และทำใบปลิวชมรมให้เราฟรี อีกอย่างที่ผมชอบในตัวเอาคือผิวสีแทนธรรมชาติของเขา
“ช่วงนี้นายดูป็อบนะเนท” ผมเบะปากกับคำแซวไม่ชวนหูของไมเคิล เราลงมือกินกันเมื่ออาหารมาถึงอย่าเอาเป็นเอาตาย และยังสั่งของเพิ่มอีกหวานสองอย่าง ตอนเราเดินออกมาจากร้านพบว่ากลุ่มของฟิลิปก็ออกมาเช่นกัน
ผมกับฟิลิปตกลงว่าจะแชร์แท็กซี่กันเพราะเขาอยู่ถัดจากที่พักผมไปสิบบล็อค ตลอดทางเรานั่งคุยกันถึงเรื่องเก่าๆสมัยมัธยม ผมขำกับมุกตลกของเขาและตกลงว่าพรุ่งนี้เราจะออกไปทางมื้อเที่ยงด้วยกัน ทันทีที่แท็กซี่จอดหน้าที่พักผมเขาก็ลงมาด้วยและแย่งจ่ายเงินทันที
“คุณตกลงกับผมว่าจะแชร์กันไม่ใช่เหรอ คุณโกหกผมงั้นเหรอ”
“โอเค งั้นฉันรับไว้” เขายิ้มเล็กน้อย เราแลกเบอร์โทรศัพท์กัน เขาอ้างว่าจะโทรไปย้ำเรื่องมื้อเที่ยงที่สัญญากับเขาไว้
“ผมว่ามันจะต้องสนุกแน่” ผมยิ้มรับ เราจ้องหน้ากันอย่างเคอะเขินสำหรับผมเพราะผมไม่มีอะไรจะพูดต่อและรู้สึกแปลกๆกับสายตาของเขา แม้ผมจะปฎิเสธว่าไม่ใช่สายตาหวานเยิ้มก็ตาม แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเขาดึงผมไปจูบ...จูบรสเบียร์ที่ทำเอาผมนอนไม่หลับและทำให้ผมใจสั่นเมื่อดื่นขึ้นมาตอนเช้า
-----------------------------
แวะมาแก้คำผิด ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นคะ
