ป้าปุ้ยเค้าฝากมาลง อิอิ 
---------------------------------------------------------------------
“เราต้องคุยกัน ไปหาอะไรดื่มกัน” มันเป็นคำที่ผมไม่ค่อยชอบเอาซะเลยไอ้คำว่า”เราต้องคุยกัน” ยิ่งได้ยินจากมิสเตอร์แมคเทอร์เนอด้วยแล้วมันยิ่งแสลงหูชวนให้ผมวิงเวียนและพร้อมจะอาเจียนมื้อเช้าที่โอลิเวอร์ลงมือทำให้ผม
“ได้สิ แบรต” ผมเดินนำแบรตไปร้านกาแฟเล็กๆข้างๆอพาร์ทเม้นของผม
โอลิเวอร์ขับรถมาส่งผมที่อพาร์ทเม้น เราจูบลากันโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีสายตาที่พร้อมจะฆ่าเขาและกระชากลิ้นของผมออกมาจากปากโอลิเวอร์ ทันทีที่โอลิเวอร์ขับรถออกไปไม่ถึงนาทีแบรตก็มายืนจังก้าปั้นหน้าบูดเหมือนโดนบังคับให้โดนอมนิ้วเท้าเน่าๆเข้าไป
เขาสั่งเอ็กเพรสโซ่มาสองแก้วและเริ่มต้นบทสนทนาน่าพะอืดพะอมทันที
“นาย..ควรจะเลิกคบกับโอลิเวอร์” ผมว่าเขานิ่งไปเพราะอยากจะพูดว่า’นายต้องเลิกคบกับโอลิเวอร์มากกว่าแต่เขาก็กลืนคำพูดนั่นไว้เพราะผมแสดงท่าทีไม่พอใจออกไปอย่างชัดเจน
“นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ!”
“ฉันเป็นพี่ชายนาย” เขาพูดเรียบๆเหมือนที่เคยพูดไว้ตอนบอกให้ผมเลิกทำโน่นทำนี่ แน่นอนที่สุด!ถึงผมไม่เลิกทำเขาจะทำทุกทางให้ผมเลิกทำมัน ผมจะไม่ยอมให้เขามาสั่งอีกต่อไป...แบรตมักแพ้ทางลูกอ้อนของผมเสมอ ผมควรจะแสร้งลองดู
“โถ่ ไม่น่าแบรต ฉันชอบเขาจริงๆนะ เรากำลังไปได้สวย...ฉันมีความสุขที่สุดเลยล่ะตอนนี้ นายก็รู้นานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้มีความสุขจริงๆ”
“.....” ผมว่ามันอาจจะได้ผล
“เขารักฉัน” ผมว่ามันอาจจะเป็นประโยคเด็ดที่ทำให้แบรตยอมอ่อนข้อ
“เขาไม่...เนท เพราะนั่นน่ะคือโอลิเวอร์ สเนซ” เขาหยุดพูดเสียดื้อๆ วางเงินไปบนโต๊ะพร้อมส่งสายตาสื่อความออกมาว่า’ตามฉันออกมาแล้วนายจะได้เจออะไรดีๆ’
เหมือนผมต้องมนต์สะกดนัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวคู่นั้นของเขา มันทำให้ผมเดิมตามเขาและปีนขึ้นไปนั่งบนรถจากัวร์เอ็กเอฟซีรี่ย์สามของเขา ตลอดทางที่เขาขับรถเราสองคนแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยจะมีก็แค่เสียงเพลงของวงซีแบร์ วงโฟลค์จากไอร์แลนด์ที่เล่นอย่างเอื่อยเฉื่อยตรงกันข้ามกับอารมณ์คุกรุ่นของผม
เขาจอดรถหน้าโรงแรมใหญ่อลังการที่ทำเอาผมตะลึงพร้อมกับโยนกุญแจรถให้พนักงาน แบรตกดลิฟต์ชั้น 31 และต่อลิฟต์ขึ้นไปอีกทีที่ชั้น 38 ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกก็พบว่ามีสาวผมแดงในชุดของอีฟแซงต์โลรองนั่งอ่านแฟ้มเอกสารหนาปึกนึง เขาเดินตรงไปหาเธอกระแอมเล็กน้อยเพียงแค่นี้เธอก็ต่อสายโทรศัพท์ทันที...นี่พวกเขาโทรจิตคุยกันเหรอไง
“โอลิเวอร์กำลังรอคุณอยู่คะ อ้อ แล้วนี่คงเป็นคุณหมอเนทใช่ไหมคะ คุณดูดีกว่าในหน้าหกนะคะ” เธอยืนขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มและไม่ลืมที่จะยื่นมือออกมา ผมจับมือเธอตอบและยิ้มให้ เธอปล่อยมือออกและนั่งลงไปทำงานของเธอต่อราวกับว่าแฟ้มนั่นจะหายไปหากเธอไม่หันไปสนใจมันภายในสี่วินาที
ผมเดินตามแบรตเข้าไปและพบว่าโอลิเวอร์นั่งกระดิกเท้ารอเราสองคนอยู่ตรงโซฟาหลุยวิคตองในห้องทำงานของเขา เขากำลังลุกออกไปรินเหล้าแต่แบรตส่งสายตาห้ามเขาไว้เขาจึงกลับลงไปนั่งกระดิกเท้าเหมือนเดิม และโบกมือให้ผมเดินไปนั่งใกล้ๆเขา แน่นอนแบรตห้ามผมไม่ได้หรอก...อย่างน้อยก็เรื่องนี้ล่ะนะ ทำให้แบรตต้องไปนั่งโซฟาเดี่ยวใกล้ๆแทน
“เราคงต้องคุยกันสินะ ดูเหมือนนายจะรู้ดี” แบรตเหยียดยิ้มให้เขาหลังจากเริ่มบทสนทนา
“ใช่” เขาตอบสั้นๆ และยกมือขึ้นมาโอบรอบเอวผมไว้เหมือนเริ่มสงครามประสาทกับแบรต—บ่งบอกว่ายังไงซะเขาก็ไม่ยอมเลิกคบกับผม นั่นทำให้ผมหันไปฉีกยิ้มกับเขา แม้ว่าจริงๆแล้วนั้นผมอยากจะดึงเขามาจูบซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ลิตเติ้ลเอ็น นายน่าจะรู้ไว้ซะว่าฉันกับหมอนี่เป็นเพื่อนกัน” ให้ตายสิเขาเรียกผมว่าลิตเติ้ลเอ็นเพื่อประกาศให้รู้ว่าเขาน่ะยังไงก็เหนือกว่าผม แล้วเขาว่าไงนะ เขาเป็นเพื่อนกับโอลิเวอร์งั้นเหรอ ผมหันไปมองโอลิเวอร์ เขาพยักหน้ารับทันทีนั่นทำให้ผมตกใจยิ่งกว่าเขาเคยเรียนที่เดียวกับผม
“เราเรียนด้วยกันตั้งแต่มัธยมและแน่นอนมหาลัยก็ด้วย ถ้านายหัดสนใจสิ่งรอบข้างบ้างนายก็จะรู้...” ผมส่งเสียงอือให้เขาเล่าต่อ
“แน่นอน หมอนี่เคยไปปาร์ตี้สุดเหวี่ยงที่บ้านตอนที่นายนอนอ่านหนังสืออยู่บนห้องของนาย...”
“ฉันไปปาร์ตี้งี่เง่านั่นของนายเพราะคิดว่าอาจจะเจอเนท นายควรจะบอกรายละเอียดจริงๆให้น้องนายรู้ด้วยแบรต” โอลิเวอร์ตอบเรียบๆ แบรตยักไหล่เล็กน้อย
“นายไม่ควรเจอเขาด้วยซ้ำเพื่อน นั่นไม่ใช่เพราะนายนอนกับใครๆไปทั่วหรอกนะ แต่เพราะนายคือ โอลิเวอร์ สเนซ...เอาล่ะ” เขาหยุดพูดเสียดื้อๆแล้วลุกไปรินเหล้าใส่แก้วสองใบ ส่งให้โอลิเวอร์แล้วนึงและส่งเข้าปากตัวเองแก้วนึง
“บอกฉันหน่อยสิตลอดยี่สิบเจ็ดปีของนาย นายนอนกับใครๆไปทั่ว...นั่นน่ะกี่คนนะ ฉันว่าเนทควรจะรู้ระดับความสำส่อนของนายนะ” เขายักคิ้วกวนๆแล้วเทเหล้ากรอกเข้าปากอีกแก้ว โอลิเวอร์หันมามองหน้าผมพร้อมกับส่งสายตาขอโทษมาให้ผม ผมยิ้มเจื่อนๆให้เขา
“สี่สิบ” เขาตอบเสียงเบา แบรตยิ้มเยาะเขาเล็กน้อย
“สี่สิบสอง ถ้ารวมเนทคงเป็นสี่สิบสาม” ผมแปลกใจเล็กน้อยที่แบรตรู้เรื่องส่วนตัวของโอลิเวอร์
“นายไม่ต้องแปลกใจ อย่างที่บอกลิตเติ้ลเอ็นเขาน่ะเป็นเพื่อนสนิทฉัน” แบรตยักคิ้วให้พร้อมส่งเหล้าทั้งขวดให้โอลิเวอร์...พวกเขาเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกันอยู่เหรือเนี่ย
“เขานอนกับผู้หญิงครั้งแรกตั้งแต่สิบหก” แบรตเริ่มการแฉของเขาต่อไปไม่สนใจปฏิกิริยาพะอืดพะอมของผมและโอลิเวอร์แม้แต่น้อย
“นายก็นอนกับสาวครั้งแรกตอนสิบหกน่าแบรต อีกอย่างนั่นน่ะผ่านไปแล้ว ตอนนี้ฉันคบกับเนทแบบจริงจัง” ผมกลั้นยิ้มอย่างสะใจไว้ไม่อยู่ตอนโอลิเวอร์พูดออกมา
“โอ้วพระเจ้า โอลิเวอร์ สเนซพูดว่าจริงจังงั้นเหรอ โถ่ เพื่อนนายน่ะไม่ นายก็รู้”
“นั่นน่ะใช่ สำหรับเนท และใช่ที่สุดเพราะทำนั้นน่ะไม่เหมาะสำหรับนายมากกว่า” โอลิเวอร์ยิ้มอย่างมีชัย แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงทันที
“ฉันไม่มีทางส่งน้องฉันเข้าปากหมาป่าคโยทอย่างนายหรอก” แบรตประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ เขาพยักหน้าให้ผมลุกตามเขาไป ผมหันไปมองโอลิเวอร์เล็กน้อย เขาพยักหน้าเล็กน้อยและส่งสายตาว่า’ผมไม่เป็นไร คุณไปเถอะ’ ผมยืนขึ้นและกำลังจะเดินไปหาแบรตแล้วก็ต้องชะงัก
“งั้นนายก็อย่าหวังว่าวิคตอเรียจะได้ไปอยู่กับลาบราดอร์โง่ๆอย่างนาย” โอลิเวอร์เดินนำออกไปเปิดประตูให้แบรตพร้อมกับส่งแอร์คิสให้ผม ทันทีลับหลังแบรตที่เดินหุนหันออกไปอย่างรวดเร็ว
---------------------------------------------------------
ขอบคุณ นุ่น,เกต มากๆที่ช่วยแก้คำผิดให้ 