มาแล้วค่ะตอนนี้ อ่านผลโหวตหลายคน คู่คริสกับนายวิน กับโทนี่-ภาม นี่ไล่ ๆ กันเลย (ต๊ายน่าน้อยใจแทนกานต์)
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจนักอ่าน เลยใส่คู่เควินกานต์แทน(อ้าว)
ล้อเล่นจ้า ใส่มาทั้งสามคู่เลย สลับกันนะ~ เืพื่อความยุติธรรม ไว้จะเขียนแบบเดี่ยว ๆ ของแต่ละคู่อีกที
(พอดีดูจำนวนหน้าแล้ว คริสกับวิน ใช้ไปเยอะพอ ๆ กับคู่หลัก เลยชะลอไว้ก่อนนั่นล่ะค่ะ)
คุณตำรวจยอดรัก
บทที่ 11
=========
ระหว่างที่เพื่อนรักลาพักร้อนอยู่ กานต์ก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ที่ทำงานดูเงียบ ๆ เพราะปกติก็จะได้อาชวินคอยสร้างความครึกครื้นให้อยู่เสมอ วันนี้อีกฝ่ายก็หยุดเป็นวันที่สองแล้ว เมื่อตอนเช้าเขาโทรไป ได้ยินอาชวินตอบมาฟังเสียงดูเหมือนจะเหนื่อยมากกว่าเมาค้าง แต่บางทีเขาอาจจะฟังผิดไปเองก็ได้
เที่ยงกว่าแล้ว ป่านนี้หมอนั่นคงกำลังพักกินข้าวอยู่สินะ...
กานต์คิดในใจแล้วโทรไปคุยกับเพื่อนสนิท เพราะตอนนี้เขาก็ว่างไม่มีอะไรทำพอดี
“กานต์เหรอ ...อะ...อืม กินแล้วน่ะ ...อย่ามาจับสิ ถอยไปห่าง ๆ นะ!”
“เอ๋? วิน นายอยู่กับใครน่ะ?”
“คนรักครับ โอ๊ย!”
มีเสียงใครบางคนแทรกขัดมา พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บและเสียงคล้ายศีรษะใครโดนเขกแว่วมา จากนั้นกานต์ก็ได้ยินเสียงอาชวินรีบแก้ตัวยกใหญ่
“ไม่ใช่นะ แค่เด็กเปรตข้างห้องที่แวะมาคุยด้วยเท่านั้นเอง อย่าเชื่อที่เด็กนั่นพูดนะ!”
“คนใจร้าย! เมื่อคืนคุณครางเรียกชื่อผม เรียกแล้วเรียกอีกแท้ ๆ แต่พอมาตอนนี้ ผมกลายเป็นเด็กเปรตไปแล้วหรือครับ!”
เสียงแสร้งโวยวายอย่างไม่พอใจแทรกเข้ามา แล้วจึงมีเสียงหมอนตีอะไรบางอย่างตุบตับ ก่อนที่อาชวินจะรีบตัดบทแล้ววางสายของเพื่อนทันที
“โธ่โว้ย! ไปห่าง ๆ เลยไป ไอ้เด็กบ้า! แค่นี้นะกานต์ ไว้จะไปเล่าให้ฟังที่สน. ”
กานต์นิ่งถือโทรศัพท์ค้างอยู่กับที่ได้สักพัก ก่อนจะทบทวนความวุ่นวายที่ได้ยินจากปลายสาย แล้วหน้าแดงนิด ๆ ฟังจากเสียงอีกฝ่ายแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าพวกตน แถมยังเป็นผู้ชายอีก...อย่าบอกนะว่าอาชวินไปพลั้งเผลอ หิ้วเด็กผู้ชายเข้าห้องมาหาความสุขด้วย
ผู้หมวดหนุ่มพยายามจะไม่คิดมากเรื่องเพื่อน ถ้าอาชวินจริงจังเรื่องนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะท้วง เพราะตัวเขาเองก็ยังมีความลับที่บอกอีกฝ่ายออกไปไม่ได้เหมือนกัน
กานต์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วหวนนึกถึงคนรัก เจ้าตัวหน้าแดงนิด ๆ แล้วจึงส่งข้อความผ่านมือถือไปให้ปลายสาย
‘คิดถึงนะ’
ข้อความสั้น ๆ แต่แทนความจริงใจของคนส่ง สักพักมือถือของเขาก็สั่น แล้วมีข้อความตอบกลับมาจากเบอร์ที่ส่งไป
‘อยากไปหาแล้วกอดเดี๋ยวนี้จัง เย็นนี้เจอกันนะ จะรีบกลับ’
“บ้า...” กานต์พึมพำแล้วหน้าแดง ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ แล้วกลับไปทำงานต่อ วันนี้เขาอยากเคลียร์งานให้เสร็จให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้กลับไปรอเควินที่คอนโดของอีกฝ่าย ทว่า...
“ฮัลโหล นั่นเบอร์ใครครับ~”
เสียงร่าเริงคุ้น ๆ ของใครบางคนพร้อมกับเบอร์โทรที่ไม่รู้จักโชว์หน้าจอมือถือ ทำให้กานต์ขมวดคิ้วแล้วย้อนถาม
“แล้วคุณจะพูดกับใครล่ะ”
น้ำเสียงห้วนเข้มเล็กน้อย ทำให้ปลายสายหัวเราะก๊าก แล้วพูดตามมา
“ไอ้กานต์! ฉันเองโว้ย ก้องภพไง!”
“ไอ้ก้อง! โทรมาได้ไงวะ เอาเบอร์ฉันมาจากไหนน่ะ”
พอได้ยินชื่อเพื่อนเก่าสมัยเรียนก็ทำให้กานต์ตื่นเต้น พอจบมาเป็นตำรวจ พวกเขาก็ต่างยุ่งแทบไม่ได้มีเวลาพบปะสังสรรค์กันเลย
“ขอวินมันมา แต่เพิ่งมีโอกาสได้โทรหานายนั่นล่ะ เย็นนี้ว่างไหม มาดื่มกัน ภามก็มาด้วยนะ”
ชื่อของภามทำให้กานต์หูผึ่งแล้วรีบรับคำทันที
“โอเค เดี๋ยวเย็นนี้ไป ที่ไหนล่ะ”
“ร้านเหล้าร้านประจำที่พวกเราชอบไปเมากันเมื่อก่อนไง”
ก้องภพบอกตามมา ซึ่งกานต์ก็รับคำ แต่พอชายหนุ่มถามถึงอาชวิน เขาก็บอกว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในพักร้อน
“เหรอ เสียดายว่ะ ไม่เป็นไร งั้นแค่นายมาก่อนก็แล้วกัน ว่าแต่ช่วงนี้เฟื่องฟูมั่งเปล่าวะ”
คำถามของก้องภพ ทำให้กานต์หัวเราะเบา ๆ อย่างรู้ทันแล้วย้อนกลับ
“จะหาคนเลี้ยงเหล้าล่ะสิ ไม่ได้โว้ย ฉันเพิ่งกลับมาจากพักร้อน นายชวนนายก็เลี้ยงสิวะ”
“โห! ขี้ตืดว่ะ นายเพิ่งกลับแต่ฉันเดี๋ยวกำลังจะไป ส่วนภามมันก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน ไม่อยากให้มันเลี้ยงด้วย เกรงใจ นาน ๆ จะยอมออกมาเมาด้วยทั้งที”
“เออ! ทีงี้ทำเกรงใจ ถ้าเกรงใจจริงก็เรียกเขาว่าพี่ด้วยสิ ไอ้นี่...ไม่เคยสนใจว่าใครรุ่นพ่งรุ่นพี่”
กานต์บ่นตามมา ซึ่งก้องภพก็หัวเราะตอบ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้นับถือเพื่อนรุ่นพี่ของเขาอยู่พอดู
“เจ้าตัวเขาให้เรียกแบบนั้นเองต่างหาก อิจฉาก็เรียกมั่งสิ”
“ไม่เอาล่ะ ไม่ต้องชวนให้คนอื่นลามปามเหมือนตัวเลย”
“เออ ๆ พอพูดถึงรุ่นพี่ที่รักคนนี้ทีไรของขึ้นทุกทีเลยนะนาย งั้นเย็นนี้เจอกัน จะให้ขับรถไปรับไหม?”
“อืม...มาก็ดี ไม่เปลืองค่าแท็กซี่”
กานต์ตอบรับง่าย ๆ เพราะระยะทางที่จะไปร้านที่ว่านั่นมันก็ไกลอยู่เหมือนกัน
“งก! เออ งั้นเลิกงานแล้วจะไปรับ แค่นี้นะ”
“บาย”
ผู้หมวดหนุ่มรับคำ แล้วยิ้มมองมือถือที่ถูกอีกฝ่ายตัดการสนทนาไป ก่อนจะชะงักเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง
“เวรล่ะ...อ้างยังไงดีนะ”
กานต์มองมือถือ เปิดพิมพ์ข้อความ แล้วเลือกเบอร์เตรียมส่ง สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจส่งไป
‘เย็นนี้พอดีมีนัดด่วนกับเพื่อน... วันนี้ไม่เข้าไปนะ’
ส่งไปแล้วผู้หมวดหนุ่มก็มองมือถือ แล้วก็สะดุ้ง คราวนี้ไม่ใช่ข้อความส่งกลับ แต่เป็นเควินที่โทรกลับมาเองเลย
“หมายความว่ายังไง ที่ว่าจะไม่เข้ามาน่ะ?”
“ก็นาน ๆ จะเจอกับเพื่อนที ...พี่ภามน่ะ พี่ภามไงจำได้ใช่ไหม เย็นนี้นัดเจอกินเหล้าด้วยกัน”
กานต์รีบบอก ถ้าใครผ่านมาเห็นสีหน้าเขายามนี้ ก็ต้องแปลกใจแน่
“คุณภามคนเดียว?” เควินถามอย่างคาดคั้น
“ไม่ใช่ ไอ้ก้องอีกคน ง่า...ก้องภพน่ะ เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับฉันแล้วก็วินมัน”
เสียงปลายสายเงียบไป จนคนรอฟังใจเต้นระทึก จากนั้นเสียงของเควินจึงดังขึ้น
“ไปกินเหล้ากันแบบนั้น ถ้าเมาแล้วนาย...เกิด...”
เสียงเงียบไปเหมือนจะลังเลว่าจะพูดดีไหม แต่คนฟังนั้นชะงักแล้วเข้าใจดีในความเงียบนั้น เจ้าตัวหน้าแดงวาบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตวาดอย่างโมโห
“ไอ้บ้า! เพื่อนฉันไม่มีใครหื่นกามอย่างนายหรอก! วันนี้ยังไงฉันก็จะไปกับเพื่อนฉัน แค่นี้นะ!”
กานต์กดตัดสายอย่างหงุดหงิด ความสัมพันธ์ของเขากับเควินก็เริ่มต้นขึ้นเพราะเขาเมาไม่รู้เรื่องนั่นล่ะ แต่นั่นเพราะเขาเมามาก แล้วเควินก็ฉวยโอกาสด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็สาบานไว้แล้วว่าจะไม่เมาหนักจนไม่รู้เรื่องขนาดนั้นอีกแน่ แต่ที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้น มันเหมือนเขาเป็นคนเมาแล้วใจง่ายแท้ ๆ แล้วจะไม่ให้โมโหได้ยังไง
ผู้หมวดหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด แล้วเดินตีหน้าบึ้งกลับโต๊ะทำงาน จนคนรอบข้างพากันหวาดผวาไม่กล้าเข้ามาทักทายไปตาม ๆ กัน
เควินซึ่งถูกคนรักตัดสายไปถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะว่ากานต์ เพียงแต่จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้หมวดหนุ่ม มันทำให้เขากังวลและระแวง กลัวว่าคนอื่นอาจจะคิดมิดีมิร้ายกับคนรักของเขาตอนเมาบ้างก็ได้
คิดไปคิดมาหนุ่มลูกครึ่งจึงกดเบอร์ไปหาใครบางคนซึ่งพออีกฝ่ายรับเขาก็บอกออกไปห้วน ๆ
“เย็นนี้ไปกินเหล้ากัน”
“หา? ชวนฉันเหรอ นึกอะไรขึ้นมาน่ะ”
ปลายสายถามด้วยความสงสัย เควินเงียบไปสักพัก แล้วตอบกลับ
“คุณภามหวานใจนายก็ไปด้วยนะ”
“จริงหรือ! งั้นไป ที่ไหน เมื่อไหร่!”
เสียงตื่นเต้นที่ตอบกลับมาทำให้เควินทำเสียงในลำคออย่างหมั่นไส้ แล้วจึงย้อนกลับ
“นายก็สืบมาสิ ฉันรู้แค่กานต์จะไปกินเหล้ากับคุณภาม แล้วเพื่อนของเขาที่ชื่อก้อง ๆ อะไรนั่นน่ะ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะ ซึ่งเควินฟังแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก
“โธ่! นึกว่าอะไร หวงไม่เข้าท่าอีกแล้วล่ะสิ นี่คงโดนคุณกานต์ว่ามาก่อนจะโทรมาหาฉันใช่ไหม คุณก้องภพน่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทคุณภาม แล้วก็มีแฟนแล้วด้วย แฟนเขาก็เพื่อนสนิทของคุณพิราอร...แฟนคุณภามที่เสียไปแล้วน่ะ”
ท้ายประโยคน้ำเสียงปลายสายแผ่วลง จากนั้นเสียงเดิมจึงดังขึ้นอีกครั้ง
“เย็นนี้สินะ เดี๋ยวฉันสืบข่าวให้ แล้วจะให้ขับรถไปรับเลยไหม”
“อือ ก็ดี”
เควินรับคำ แล้วกดตัดสาย ถึงจะเบาใจลงเรื่องของก้องภพ แต่เขาก็ไม่อยากให้คนรักไปเมาต่อหน้าคนอื่นเอาเสียเลย ใบหน้าแดงระเรื่อน่ารักยามเมานั่น มีไว้มองเขาคนเดียวก็พอแล้ว
หนุ่มลูกครึ่งคิด แล้วจึงทำงานต่อด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทำให้ลูกน้องของเขาแถวนั้นพากันก้มหน้าก้มตาด้วยความหวาดหวั่น ไม่มีใครกล้าพูดคุย หรือเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของตนเลยสักคน
... (จบครึ่งแรก)...