** มาแล้วค่า หลังจากหายไปนาน
แต่งนิยายหลักจบไปเรื่องละ ทีนี้ก็กลับมาแต่งเรื่องนี้ได้เต็มที่สักที (แต่ก็คงทยอยลงล่ะนะคะ ช่วงนี้ กำลังมึน ๆ เรื่องทำมืออยู่) ** คุณตำรวจยอดรัก
บทที่ 14
=========
อาชวินฝืนยิ้มกับเพื่อนสนิทเมื่อเจอกันในตอนเช้า หลังจากที่เขากลับจากพักร้อนและมาทำงานตามปกติ
“เที่ยวสนุกไหมวิน?”
กานต์ถามยิ้ม ๆ พยายามไม่ซักถามเรื่องที่ตนกำลังสงสัย ถ้าหากอีกฝ่ายยังไม่อยากเล่าให้เขาฟัง
“ก็...เรื่อย ๆ”
บอกได้แค่นั้นเจ้าตัวก็เงียบไป แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะสบตากับคนตรงหน้า แล้วบอกเสียงค่อยคล้ายกระซิบ
“เอ่อ ... คือ ที่ได้ยิน...ในโทรศัพท์น่ะ”
“หือ?”
กานต์มีสีหน้าสงสัยเพราะอีกฝ่ายพูดอุบอิบเสียจนเขาแทบไม่ได้ยิน
“แบบว่า ... ในโทรศัพท์ ...คนพูด”
อาชวินบอกแล้วหน้าแดงระเรื่อ จนคนฟังเริ่มจะจับใจความและเดาได้
“อ้อ...อืม...”
กานต์รับคำในลำคอ แล้วก็อดจะหน้าแดงตามไม่ได้ ทั้งคู่ยืนนิ่งก้มหน้าก้มตา ด้วยท่าทีเขินอาย จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาชะงัก แล้วแอบนินทาซุบซิบกันอย่างสนุกปากโดยที่ทั้งคู่ไม่ทันรู้ตัว
“คือ...ไว้เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยคุยกันนะ ฉันอยากเล่าให้นายฟังน่ะ”
อาชวินตัดสินใจบอกออกไป ซึ่งกานต์ก็พยักหน้ารับรู้ พลางบอกกลับ
“อือ...ฉันก็มีเรื่องจะสารภาพกับนายเหมือนกัน”
คนฟังขมวดคิ้ว แต่พอเห็นรอยยิ้มเพื่อน เขาก็ถอนหายใจ แล้วยิ้มตอบ ก่อนที่จะตรงไปทำหน้าที่ของตนเอง อย่างไม่ค่อยจะมีสมาธิเท่าใดนัก
ตกเย็นกานต์นั้นชวนอาชวินไปดื่มที่ห้องพักของเขา เพราะไม่อยากคุยเรื่องส่วนตัวตามที่สาธารณะ ทั้งคู่ซื้อเบียร์กระป๋อง กับแกล้มต่าง ๆ หิ้วขึ้นไปที่พักของกานต์ แล้วหลังจากดื่มเบียร์ย้อมใจไปสองสามกระป๋อง อาชวินก็เริ่มที่จะกล้าพูดมากขึ้น
“นายได้ยินเสียงผู้ชายในโทรศัพท์ฉันแล้วใช่ไหม?”
“อะ...อืม”
กานต์สะดุ้งแล้วพยักหน้า เขายังดื่มไปได้แค่ครึ่งกระป๋อง เนื่องจากกลัวจะเมาแล้วเผลอตัวพูดอะไรเรื่อยเปื่อย เกินความจำเป็นออกไปหมดเสียก่อน
“เด็กนั่น...เอ่อ กับฉัน เรามีอะไรกันแล้วน่ะ...คือแบบว่า ...ฉันโดนหมอนั่นวางยา...แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะ...คือ จะพูดยังไงดีล่ะ”
ยิ่งพูดอาชวินก็ยิ่งเขิน เรียบเรียงประโยคไม่ถูกจนกานต์ต้องบอกให้เพื่อนใจเย็น ๆ จากนั้นคนที่เตรียมใจเล่า ก็พยายามตั้งสติ แล้วจึงเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงสามวันที่ไปพักร้อนให้เพื่อนทราบทั้งหมด
“เอ่อ...คือ ...ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดีน่ะวิน...แบบว่า”
กานต์ที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความอึ้ง เอ่ยตอบตะกุกตะกัก ทีแรกก็แอบโมโห เจ้าเด็กคริสโตเฟอร์นั่น ที่ลอบวางยาปลุกให้เพื่อนของเขากิน แต่พอได้ฟังคำสารภาพของเพื่อนว่ารู้สึกดีกับลีลาของอีกฝ่าย และเริ่มชอบนิสัยของเด็กหนุ่มขึ้นมาบ้างนิด ๆ ก็ทำเอาเขาแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“... นายรังเกียจฉันไหม?”
อาชวินถามอย่างเป็นกังวล ซึ่งพอได้ยินคำถามนี้ กานต์ก็วางกระป๋องเบียร์ลง แล้วเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ทำไมถามแบบนั้น นายเห็นฉันเป็นคนใจแคบ ที่จะเลิกคบกับเพื่อน เพราะเรื่องแบบนี้หรือยังไง”
พอได้ฟังอาชวินก็ยิ้มน้อย ๆ แล้วตบบ่าอีกฝ่าย พร้อมกับพึมพำ
“ขอบใจว่ะกานต์ แล้วก็ขอโทษ... เรื่องมันปุบปับกะทันหัน จนฉันตั้งตัวไม่ติด มันเกิดขึ้นเร็ว จนฉันยังตกใจตัวเองเลย ... เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าตัวเองเป็นคนใจง่ายแบบนี้”
อาชวินพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ จนกานต์ต้องยิ้มตาม แล้วบอกเพื่อน
“เรื่องความรัก มันห้ามกันไม่ได้หรอก ไม่งั้นเขาจะมีศัพท์คำว่า รักแรกพบ ออกมาใช้ได้ยังไง ... ความรักน่ะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรอกนะ ถ้าถูกใจก็คบ เบื่อหน่ายก็เลิกรา มันเป็นกฎธรรมชาติน่ะ”
คนฟังอมยิ้ม แล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ เช่นเดียวกับคนที่นั่งด้วยกัน
“เหมือนนายกับแม่สาวนักค้าข่าวไฟแรงสูงคนนั้นล่ะสิ”
อาชวินเอ่ยแซว ทำเอาคนที่กำลังดื่มเบียร์แทบจะสำลัก แล้วจ้องคนพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เอ่อ...วิน ไหน ๆ นายก็พูดเรื่องของนายให้ฉันฟังจนหมดแล้ว ฉันก็มีเรื่องอยากสารภาพเหมือนกัน”
กานต์บอกด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความตัดสินใจ ทำให้อาชวินต้องจ้องมองเพื่อนนิ่ง แล้วพยักหน้ารับรู้
“ว่ามาสิ”
จากนั้นผู้หมวดหนุ่มก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมด ว่าเขามีคนรักเป็นผู้ชาย และข่าวข้อมูลต่าง ๆ ของพวกอาชญากร เขาก็ได้มาจากเควินอีกที ก่อนจะเฝ้าดูปฏิกิริยาของเพื่อนตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น
“ให้ฉันเดานะ ...คนรักของนาย ใช่หมอนั่นที่เคยเอากระเป๋าเงินมาคืนให้นายที่ สน.ใช่ไหม?”
อาชวินถามกลับไป หลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน ทว่าคำถามของเพื่อนสนิทกลับทำให้กานต์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ แล้วรีบถามกลับ
“นายรู้ได้ยังไง!”
“เดาเอา”
อาชวินตอบสั้น ๆ ทำเอาเพื่อนต้องขมวดคิ้วหลิ่วตามองอย่างสงสัย คนที่แกล้งตอบจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วยอมเฉลยข้อข้องใจให้อีกฝ่ายฟัง
“ก็ฉันคุ้น ๆ หน้าหมอนั่น ตั้งแต่ตอนที่เจอครั้งแรก พอไปลอง ๆ นึกดู ก็คิดได้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ก็แค่ข่าวลือที่มีมูลเฉย ๆ ล่ะนะ ก็ไม่มีใครกล้าไปยุ่งด้วยนี่ ดูท่าจะมีแบ็คอัพหนาพอสมควร”
อาชวินเปรยแล้วยักไหล่น้อย ๆ ก่อนจะเปิดเบียร์กระป๋องใหม่ขึ้นดื่ม แล้วเล่าต่อ
“... จากนั้น ฉันก็เห็นหมอนั่นมารับนายที่สน.ตอนเลิกงานสองสามครั้ง ... ตอนนั้นฉันก็เอะใจนิด ๆ แต่ก็คิดว่า บางทีนายกับหมอนั่นอาจจะตกลงเรื่องธุรกิจค้าข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะตำรวจอย่างพวกเรา การที่จะมีเส้นสายเป็นคนฝั่งนั้นบ้างก็ไม่แปลกอะไร ตราบใดที่ยังไม่ล้ำเส้นกันมากไปนัก”
กานต์ถอนหายใจยาว ไม่คิดเลยว่าจะถูกเพื่อนสังเกตเห็นพฤติกรรมส่วนตัวเอาง่าย ๆ แบบนี้
“พอมารวมกับเรื่องที่นายบอกเมื่อครู่ ฉันก็เลยเดาเอาว่า หมอนั่น กับ นักค้าข่าวไฟแรงสูงคนรักของนาย น่าจะเป็นคนเดียวกัน ...ก็แค่เดาน่ะ”
“เดาได้แม่นชะมัดเลยนะ”
กานต์บอกกึ่งยิ้มกึ่งประชด ทำให้คนฟังหัวเราะ แล้วจึงชวนอีกฝ่ายดื่มพร้อมกัน จนกานต์เองก็เริ่มที่จะมึน ๆ บ้างแล้ว
“สรุปทั้งนายทั้งฉัน ก็มีแฟนเป็นผู้ชายทั้งคู่ ...ตลกดีว่ะ ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
อาชวินบอกแล้วก็ดื่มต่อ กานต์มองกองกระป๋องเบียร์ที่เพิ่มมากขึ้น แล้วเอ่ยปรามเพื่อน
“เฮ้ย! ดื่มมากไป เดี๋ยวกลับบ้านไม่ไหวหรอก”
“กลัวอะไร ก็นอนค้างห้องนายสิ”
คนถูกเตือนโบกไม้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ทำให้คนเตือนถอนหายใจ แต่ก็เห็นดีด้วยในสิ่งที่เพื่อนบอก
“เออ! ถ้าเอางั้น ก็เชิญเมาตามสบาย”
“เหอะ ๆ ทำเป็นพูดดี ใครจะเมาก่อนใครก็ยังไม่แน่เลยด้วยซ้ำ”
อาชวินเอ่ยเยาะ ทำให้คนฟังชักจะไม่ค่อยสบอารมณ์
“หือ? หมายความว่าไง จะว่าฉันคออ่อนอย่างนั้นรึ!”
คนเริ่มเมาขึ้นเสียง แต่พอเห็นรอยยิ้มเยาะของเพื่อน ก็ทำให้เจ้าตัวเกิดฮึด แล้วหยิบเบียร์กระป๋องใหม่ เปิดมาซดอึก ๆ รวดเดียว
“เห็นไหม ว่าคอฉันแข็งแค่ไหน!”
“ฮ่า ๆ เจ๋งว่ะ กานต์ งั้นคงต้องขอขมาที่ล่วงเกินอีกสักกระป๋อง!”
อาชวินตบมือ แล้วมองไปที่กองกระป๋องเบียร์ หมายจะหยิบมาดื่มอีก แต่ก็พบว่ามันมีแต่กระป๋องเปล่าซึ่งถูกเปิดหมดแล้วทั้งนั้น
“เบียร์หมดแล้วว่ะ”
อาชวินหันมาบอกเสียงอ้อแอ้กับเพื่อน ซึ่งกานต์ก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างกันนัก
“ก็ไปซื้อสิวะ”
“เออ...เซเว่นด้านล่างนั่นมีขายใช่มะ ...งั้นฉันไปซื้อให้เอง”
อาชวินเตรียมลุกเดินจะไปซื้อ แล้วหันไปที่เพื่อน ซึ่งกำลังตาปรือคล้ายจะหลับ
“ห้ามหนีหลับก่อนนะโว้ย! ไม่งั้นกลับมาจะจับแก้ผ้า แล้วถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์เลย!”
“เออ ๆ ไปสักทีเหอะไป!”
กานต์โพล่งใส่อย่างรำคาญ แล้วอิงกายไปพิงเตียงนอนก่อนจะหลับลงหลังจากนั้นด้วยความมึน ส่วนอาชวินก็เดินโซเซลงจากห้อง ตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างอพาร์ตเมนต์ของเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะพ้นตัวอาคารดี เขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อถูกมือใครบางคนฉุดไปอยู่มุมมืดของอาคาร แล้วถูกประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด
“อื้อ! ...อือ...อืม”
ลีลาเชี่ยวชาญและกลิ่นกายอันคุ้นเคย ทำให้อาชวินเผลอตอบรับไปอย่างลืมตัว และเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายผละออกจากปากตน ผู้หมวดหนุ่มก็พึมพำเรียกชื่อคนจูบแผ่วเบา
“คริส...ตามมาได้ยังไง”
“ก็หลังจากที่คุณหนีเช็คเอาท์ออกมาก่อน ผมก็ตามสโตกเกอร์คุณมาจนถึงกรุงเทพฯ นี่ล่ะครับ”
คนฟังนิ่งอึ้ง แล้วผลักร่างที่เตี้ยกว่าตัวเองไม่มากออกไปห่าง ๆ ก่อนจะบ่นใส่ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เด็กบ้า...ทำตัวเป็นพวกโรคจิตไปได้”
“ก็ใครใช้ให้คุณวินทิ้งผมไปล่ะ ... ตำรวจไทยนี่ชอบฟันแล้วทิ้งกันหรือไงครับ”
เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด จนน่าหมั่นไส้ คนฟังทั้งเขินทั้งฉุน แล้วจึงพยายามหนีกลับขึ้นห้องของเพื่อนสนิท แต่ก็ถูกมือแข็งแรงของอีกฝ่ายจับข้อมือของเขารั้งเอาไว้ก่อน
“ไม่ให้ไปหรอกครับ คืนนี้ไปนอนกับผมที่โรงแรมนะ ผมเปิดห้องเอาไว้รอคุณแล้ว”
“บ้าเหรอ! ใครจะไปกับนาย แล้วเพื่อนฉันก็ยังเมาหลับอยู่บนห้องนั่น ประตูก็ไม่ได้ล็อก เกิดโจรย่องเข้าห้องจะทำยังไง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะดูแลเขาเอง”
เสียงทุ้มดังขัดการสนทนาของทั้งคู่ขึ้นมา พออาชวินหันไปมองก็เห็นร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งที่คุ้นหน้า อีกฝ่ายมองมายังเขาแล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนเอ่ยทักขึ้นอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับคุณตำรวจ เจอกันอีกแล้วนะครับ จำผมได้ไหม”
อาชวินนิ่ง แล้วพยักหน้าค่อย ๆ
“ครับ ... จำได้ คุณเอากระเป๋ามาคืนกานต์มัน ... แล้วคุณก็ยังเป็นคนรักของเพื่อนผมอีกด้วยสินะ”
คนฟังเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แล้วจึงย้อนถาม
“กานต์บอกคุณ?”
“อื้อ บอกหมดแล้ว... สด ๆ ร้อน ๆ ผ่านมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้วล่ะ”
อาชวินตอบอย่างว่าง่าย แล้วก็ยิ้มให้
“ถ้าคุณจะขึ้นไปหาหมอนั่น ก็ฝากดูแลเขาด้วยแล้วกัน”
เควินยิ้มรับ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของเด็กหนุ่มผมทองดังขัดขึ้น
“หมายความว่าคุณวิน จะไปโรงแรมกับผมใช่มะ?”
“ฉันจะกลับบ้านต่างหาก!”
อาชวินโพล่งใส่อย่างหงุดหงิด ทั้งเขินทั้งโมโห ที่คริสโตเฟอร์กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าบุคคลที่สาม
“เมาแล้วขับ ระวังโดนจับนะครับ”
เด็กหนุ่มแย้งมา ทำเอาคนที่เตรียมจะขับรถตัวเองกลับชะงักกึก แล้วเลี่ยงตอบไป
“ฮึ… ขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้”
คนฟังถอนหายใจ แล้วตรงเข้าโอบเอวของชายหนุ่มรั้งให้เดินไปพร้อมกับเขา
“ไม่เอาน่า อย่าดื้อนักเลย ... อ้อ ผมไปละคุณเควิน โชคดีนะครับ”
“เช่นกันครับ คุณคริสโตเฟอร์ หวังว่าจะได้ทำธุรกิจร่วมกันอีกนะครับ”
เควินตอบแล้วจึงหันหลังกลับ เดินตรงไปที่บันไดอพาร์ตเมนต์เพื่อหมายจะขึ้นไปหาคนรัก ซึ่งกำลังเมาหลับอยู่บนห้องของเจ้าตัวนั่นเอง
“พวกนายรู้จักกัน?”
อาชวินหันมาถามเด็กหนุ่มข้าง ๆ อย่างสงสัย หลังจากที่ถูกอีกฝ่ายโอบเอวรั้งให้เดินไปด้วยกันที่รถของเขา
“อือ ... เขาเป็นบริษัทคู่ค้ากับบริษัทคุณพ่อผม โดยส่วนตัวผมเองก็ติดต่อคบหาสมาคมกับเขา สนิทสนมกันดีนั่นล่ะ ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าเพื่อนของคุณจะเป็นคนรักของคุณเควิน เท่านี้ผมก็หมดห่วง ไม่ต้องหึงแล้วล่ะนะ”
คำพูดพร้อมกับรอยยิ้มหวานและสายตาซึ้ง ๆ ซึ่งจ้องมองมา ทำเอาผู้หมวดหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ แล้วจึงแสร้งบ่นกลับไปเพื่อแก้เขิน
“หึงบ้าอะไร ฉันกับกานต์น่ะ ไม่มีวันกลายเป็นอย่างอื่นได้หรอก”
คริสโตเฟอร์หัวเราะเบา ๆ ดีใจที่เห็นใบหน้าของอาชวินยามเขินอาย เขาตอบพร้อมกับรั้งร่างของชายหนุ่มให้เดินไปด้วยกัน
“แหม... ของแบบนี้มันไม่แน่นอนนี่นา กลัวไว้ก่อนดีกว่า ... เอ้า! รถผมอยู่ทางนี้ ไปด้วยกันนะครับ”
“ใครบอกว่าฉันจะไปกับนาย!”
ผู้หมวดหนุ่มรีบแย้ง แถมจะขืนกายหนีห่าง แต่เพราะดื่มเบียร์ไปมากจนเมา ทำเอาแค่จะเดินให้ตรงก็ยังไม่ไหว เรี่ยวแรงที่มีก็ลดน้อยลง จนแทบไม่เหลือ
“แล้วผมจะมาส่งที่สน.ตอนเช้านะครับ แต่คืนนี้ ยังไงคุณก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนผมทั้งคืนนะ”
เด็กหนุ่มผู้เอาแต่ใจขอร้องกึ่งออกคำสั่ง ส่งผลให้ร่างสูงกว่าพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่เป็นผล เจ้าตัวถูกจับเข้าไปนั่งด้วยกันด้านหลังรถเบนซ์สีดำหรู แล้วหลังจากนั้นรถยนต์คันงามก็ถูกขับออกไป โดยมีคนนั่งข้างหลังโวยวายประท้วงขอลงจากรถไปตลอดทาง
=== TBC ===