มาแล้วค่า สำหรับคนที่รอนายโทนี่ กับผู้กองภาม ...... จะเฮ หรือจะเฮ้ย(?) ก็ต้องลองอ่านนะคะ~
(โพสแล้วรีบชิ่ง)-------------------
คุณตำรวจยอดรัก
บทที่ 16
=========
เมื่อออกจากที่พักมาถึงสน.ที่ภามทำงานอยู่ โทนี่ก็เตร็ดเตร่แถวร้านค้าข้างสน. รอจังหวะพักกลางวันให้มาถึง แต่เอาเข้าจริง ๆ เขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเห็นกลุ่มตำรวจที่เดินมานั่งหาอะไรกินในร้าน ไม่มีภามรวมอยู่ในนั้นด้วย
“อ้าว? คุณโทนี่ มาได้ยังไงครับ มีธุระแถวนี้หรือครับ”
ก้องภพที่อยู่ในกลุ่มตำรวจกลุ่มนั้นเอ่ยทัก โทนี่ฝืนยิ้มแล้วแสร้งตอบออกไป
“ก็ประมาณนั้นล่ะครับ เอ่อ...คุณก้องครับ ผู้กองภามล่ะครับ”
ผู้หมวดหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ตอบคำถามนั้นไปแต่โดยดี
“ภามไม่สบายครับ เมื่อเช้าโทรมาลา ผมก็ว่าจะไปเยี่ยมตอนเย็นนี้อยู่หรอก ...แต่งานดันเข้าซะงั้น เฮ้อ...”
คนพูดมีสีหน้าลำบากใจ แต่กลับทำให้คนฟังชะงักเล็กน้อย แล้วจึงรีบขันอาสาทันที
“ถ้าอย่างนั้นผมแวะไปให้แทนไหมครับ หลังจากนี้ผมก็ว่างแล้ว ...และผมก็เป็นห่วงผู้กองมากด้วย”
ท้ายประโยคนั้นแววตาของคนพูดอ่อนแสงลง จนคนมองจับสังเกตได้ หากแต่ก็ยังคงพยักหน้ารับรู้อย่างเห็นด้วยกับถ้อยคำอาสาของอีกฝ่าย
“ถ้าได้จริง ๆ ก็ดีครับ ผมเองก็เป็นห่วงหมอนั่นเหมือนกัน ปกติไม่เคยจะป่วยให้เห็นเลยสักครั้ง และนี่ถ้าไม่หนักจริง ๆ ก็คงไม่ขอลา ...หมอนั่นเคยลาติด ๆ กัน ก็แค่ช่วงคุณอรเสียใหม่ ๆ เท่านั้นล่ะครับ...เอ่อ คือ...”
พอหลุดปากออกไป ก็ต้องชะงักแล้วเหลือบตามองคนตรงหน้าอย่างเกรงใจ ซึ่งโทนี่ก็ยิ้มให้น้อย ๆ อย่างไม่ถือสา
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”
ก้องภพถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วยิ้มตอบให้กับชายหนุ่มลูกครึ่ง
“ดีจังนะครับ ที่ทั้งคุณโทนี่ และภาม เข้าใจกันได้สักที ผมกับเขม เองก็ไม่สบายใจนัก ที่เห็นภามเฝ้าโทษตัวเองและโทษคุณแบบที่ผ่านมา ...แต่พอหลังกลับจากพักร้อน เขาก็มีท่าทีที่สงบขึ้นมากเลยทีเดียว”
โทนี่ยิ้มรับ รู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด เพราะเหมือนว่าคำพูดและการกระทำของเขา มีส่วนช่วยเปลี่ยนภามไปในทางที่ดีขึ้นนั่นเอง
“ถ้ายังไงก็ฝากภามด้วยนะครับ”
ก้องภพบอกกับคนที่ขอตัวออกจากร้านเพื่อไปหาผู้กองหนุ่มอย่างรีบเร่ง ซึ่งโทนี่ก็หันมาพยักหน้าพลางตอบรับอย่างหนักแน่น
“ครับ...ผมจะดูแลคุณภามอย่างดี”
ผู้หมวดหนุ่มมองร่างสูงโปร่งในชุดลำลองของหนุ่มลูกครึ่ง ที่เดินจากไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เขาหวนคิดถึงคำพูด สีหน้าและการกระทำของอีกฝ่าย ก่อนจะย้อนนึกไปถึงพฤติกรรมของภาม ยามพูดถึงเรื่องโทนี่ในระยะหลัง ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง
“จะเป็นแบบคู่เจ้ากานต์มันอีกคู่หรือเปล่าวะเนี่ย...น่าสงสัยจริง ๆ”
“มีอะไรหรือครับผู้หมวด?”
เสียงทักของลูกน้องที่ดังขึ้นแถวนั้น ทำให้ก้องภพสะดุ้ง แล้วหันไปปั้นยิ้มให้
“ไม่มีอะไรหรอกจ่า สั่งอะไรกินกันยังล่ะนั่น”
“สั่งแล้วครับ เหลือแต่ของผู้หมวดนั่นล่ะ”
“เหรอ งั้นฉันเอาข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวแล้วกัน”
ก้องภพบอกโดยไม่ต้องดูเมนูในร้าน แต่นั่นก็ทำให้คนอื่นหัวเราะ แล้วหนึ่งในนั้นก็เอ่ยแซวขึ้น
“เมนูสิ้นคิดอีกแล้วนะครับ”
ผู้หมวดหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วย้อนถามกลับไปบ้าง
“ทำเป็นพูดดี แล้วจ่าล่ะสั่งอะไร”
“แหะ ๆ ข้าวผัดหมูครับ”
“ก็สิ้นคิดพอกันล่ะว้า”
ก้องภพบ่น แล้วจึงหันไปสนทนากับคนอื่น ๆ ในกลุ่มต่อ โดยทำเป็นลืม ๆ เรื่องของเพื่อนสนิทไปเสีย เพราะถึงอย่างไรไม่ว่าภามจะรักกับใคร เพศไหน สำหรับเขาแล้ว การที่ชายหนุ่มสามารถกลับมามีความรักใหม่ได้อีกครั้ง เขาก็รู้สึกยินดีและพร้อมจะสนับสนุนยอมรับเพื่อนทุกเมื่ออยู่แล้ว
โทนี่ยืนกดออดหน้าประตูห้องของผู้กองหนุ่มได้สักพัก เจ้าตัวขมวดคิ้วนิด ๆ กำลังคิดว่าจะแอบสะเดาะกลอนเข้าไปดี หรือจะไปขอกุญแจสำรองด้านล่างดี ระหว่างกำลังคิดชั่งใจอยู่บานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมร่างที่ยืนโงนเงน ใบหน้าแดงด้วยพิษไข้ ออกมาต้อนรับ
“...โทนี่”
“คุณภาม! อะไรกันเป็นหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ไปหาหมอ หรือโทรบอกผมกันล่ะ!”
โทนี่โวยวายด้วยความตกใจ เขาประคองร่างของภาม หวังจะพาไปหาหมอ แต่เจ้าของห้องก็รีบขืนตัวไม่ยอมให้ความร่วมมือเสียก่อน
“คุณจะมารู้ดีกว่าผมได้ยังไง...ผมปวดหัวก็จริง แต่ไม่ได้เป็นหนักขนาดนั้น”
หนุ่มลูกครึ่งมองคนดื้อเบื้องหน้าเขา แล้วถอนหายใจ ความจริงอยากจะอุ้มภามพาไปหาหมอเสียเดี๋ยวนั้น แต่ขืนทำแบบนั้นเข้า คงโดนงอนและโกรธไปอีกหลายวันทีเดียว ยังไงก็คงต้องเช็คอาการเจ้าตัวก่อน ถ้าเป็นหนักไม่มากเขาคงจะดูแลเองได้ แต่ถ้าไข้ยังขึ้นไม่ลด ถึงจะไม่ยอมก็คงต้องฝืนดึงดันพาไปให้ได้ล่ะนะ
“ไม่พาไปก็ได้ แต่ต้องให้ผมอยู่เฝ้าไข้คุณนะ”
โทนี่ยื่นข้อเสนอ ทำให้ผู้กองหนุ่มชะงัก แต่ก็ต้องพยักหน้ายินยอมอย่างเสียไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าคนพูดจะไม่ยอมกลับไปง่าย ๆ แน่
โทนี่ยิ้มกว้างตอบ เขาประคองภามกลับเข้าห้อง พาชายหนุ่มไปที่เตียงนอน แล้วจัดแจงให้อีกฝ่ายนอนพักไปตามเดิม
“ทานข้าว ทานยาหรือยังครับ”
หนุ่มลูกครึ่งถามพร้อมกับใช้มืออังที่หน้าผากอีกฝ่าย มันค่อนข้างร้อนเอาการจนเขานิ่วหน้า
“ยัง...ผมทานไม่ลง”
ภามตอบเบา ๆ พยายามหลุบตาหลบสายตาที่แฝงความห่วงใยของอีกฝ่ายเต็มที่
“ทั้งข้าว ทั้งยา?”
โทนี่ย้อนถาม สีหน้าขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด
“อือ”
เสียงตอบสั้น ๆ ทำให้คนฟังถอนหายใจหนัก ๆ แล้วตำหนิคนป่วยเสียงเข้ม
“คุณภาม! คุณไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ แล้วนะครับ ไม่สบายแบบนี้ แล้วยังไม่กินข้าวกินยา คุณจะหายได้ยังไง”
“ก็ผมไม่เคยเป็นหวัดมาก่อน ...”
คำแก้ตัวของคนป่วย ทำให้โทนี่ต้องสั่นศีรษะอย่างระอา ก่อนจะเดินไปสำรวจตู้เย็นในครัวที่ไม่มีอะไรนอกจากน้ำไม่กี่ขวด แถมตู้ใส่ยา ก็ยังว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้านที่ควรมี
“คุณภาม... ให้ตายเถอะ นี่คุณอยู่มาได้ยังไงถึงป่านนี้เนี่ย ของกินก็ไม่มีติดตู้เย็น ยาอะไรก็ไม่มีสักอย่าง!”
โทนี่บ่นใส่ ทำให้คนป่วยทำเสียงในลำคอเบา ๆ แล้วตอบกลับไปเสียงแผ่วอย่างน้อยใจ
“นั่นสิ...คนอย่างผมมันน่าจะตาย ๆ ไปซะตั้งนานแล้ว ...ไม่น่าอยู่มาให้เป็นภาระคนอื่นแบบนี้เลย”
โทนี่ชะงัก เขามองไปยังคนที่นอนหันหลังตะแคงให้ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินมาทรุดนั่งบนเตียงข้างร่างของผู้กองหนุ่ม พลางลูบไล้เส้นผมของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“ผู้กอง ...ผมขอโทษ ผมไม่น่าดุคุณแบบนั้นเลย อย่าโกรธผมนะ ผมแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น”
ภามเม้มปากแน่น ทำไมเขาจะไม่รู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่พอได้ยินคำตำหนิที่เหมือนตัวเองเป็นภาระ ก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอย่างประหลาด เขาไม่ชอบตัวเองตอนนี้เลย ทั้งความคิดและการกระทำ มันไม่เหมือนกับเป็นเขายามปกติเลยสักนิด
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปซื้อของจำเป็นมาให้นะ คุณนอนพักไปก่อนแล้วกัน”
โทนี่บอกแล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินจากไป ทำให้คนที่นอนหันหลังให้ รีบหันกลับมา แล้วเผลอยื่นมือไปดึงแขนอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
“เอ่อ...ไม่มีอะไร...ขอโทษ”
ภามที่รู้สึกตัวบอกเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบปล่อยมือของตนออก แล้วเบือนหน้าหนีไปมองอีกทาง ทว่าเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทนี่จับมือข้างนั้นของเขาขึ้นมากุม แล้วบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะครับ”
หลังจากที่โทนี่ปล่อยมือและออกไปจากห้อง ภามก็ได้แต่มองตรงไปยังบานประตูห้องนอนของเขาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันถูกเปิดออกมาอีกครั้ง
“มาแล้วครับข้าวต้มร้อน ๆ”
ร่างสูงที่ถือชามข้าวต้มบอกพร้อมรอยยิ้ม เขาวางชามข้าวต้มไว้บนหัวเตียง ก่อนจะพยุงร่างของภามให้นั่ง พลางยกชามข้าวต้มขึ้นมาหมายจะป้อนอีกฝ่าย
“ผมทานเองได้”
ภามรีบท้วง แต่โทนี่สั่นหน้า
“ชามข้าวต้มร้อนนะครับ คุณก็ไม่มีแรง ให้ผมป้อนน่ะดีแล้ว”
ผู้กองหนุ่มอึกอัก แต่พอเห็นอีกฝ่ายตั้งใจทำเพื่อเขา ก็ทำให้ไม่กล้าปฏิเสธ
“เอ้า...อ้ามนะครับ”
“ป้อนธรรมดาก็ได้ ...ผมไม่ใช่เด็ก”
ภามดุเบา ๆ ทำให้โทนี่หัวเราะ แล้วถือช้อนรอ ผู้กองหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยอมอ้าปากปล่อยให้อีกฝ่ายป้อนแต่โดยดี แต่พอกินไปได้แค่ไม่กี่คำ เขาก็ต้องสั่นหน้า ซึ่งโทนี่ก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายกินไม่ลง
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าท้องว่าง”
หนุ่มลูกครึ่งบอกแล้วยิ้มให้ ก่อนจะหยิบชามไปเก็บไว้ในครัว แต่พอกลับมาเฝ้าภามตามเดิม เขาก็ถูกอีกฝ่ายไล่ให้กลับแทน
“โทนี่...คุณกลับไปเถอะ”
โทนี่ชะงักกึก รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีให้ผู้กองหนุ่มหายไป ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง พลางย้อนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“ทำไมล่ะครับ ผมมันน่ารำคาญนักหรือครับ”
“ไม่ใช่! ...คือ...”
ภามรีบปฏิเสธ แล้วมีท่าทางอ้ำอึ้ง เสียจนคนมองอยู่แปลกใจ
“ผู้กอง?”
“ผมกลัวคุณติดหวัดผม...”
คำสารภาพที่ตามมาเรียกรอยยิ้มกลับคืนจากโทนี่ได้อีกครั้ง หนุ่มลุกครึ่งจับมือข้างหนึ่งของผู้กองหนุ่มมากุมแน่น แล้วจูบที่มือข้างนั้นแผ่วเบา
“ถ้าสามารถเป็นแทนคุณได้ ผมก็ยินดีครับ”
คนฟังเงียบกริบ สบประสานสายตาของตนกับสายตาจริงใจคู่นั้นที่มองมา โดยที่ยังคงปล่อยให้มือของตัวเองตกอยู่ในอุ้งมือของอีกฝ่ายเช่นเดิม ทั้งคู่อยู่ในสภาพเช่นนั้นพักใหญ่ โทนี่จึงเป็นฝ่ายปล่อยมือของภามออกอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะเดินไปหยิบยาและน้ำมาให้ผู้กองหนุ่มทาน และเมื่อนำแก้วน้ำไปเก็บเรียบร้อย เขาก็มานั่งมองคนป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่อ
“ผู้กอง... รู้ไหม วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีความสุขที่สุด”
คำพูดที่ตามมาของหนุ่มลูกครึ่งเรียกแววตาสงสัยของภาม โทนี่ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงเฉลยในสิ่งที่คนป่วยสงสัย
“เพราะได้อยู่ข้าง ๆ คุณแบบนี้ไงล่ะครับ ถึงไม่ค่อยชอบใจที่ต้องเห็นคุณไม่สบาย แต่ผมก็มีความสุขที่ได้ดูแลคุณ ...ได้อยู่ใกล้ ๆ คุณ ...และสามารถเป็นที่พึ่งของคุณได้”
ภามนิ่งอึ้ง ใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยพิษไข้อยู่แล้วยิ่งแดงหนักมากขึ้น เจ้าตัวพลิกกายหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้โทนี่ถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็อดยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมาไม่ได้
“พักผ่อนให้มาก ๆ นะครับ ผมจะเฝ้าคุณอยู่แบบนี้ จนกว่าอาการของคุณจะดีขึ้น”
โทนี่บอกแล้วจึงเดินไปลากเก้าอี้ตัวหนึ่งด้านนอก มานั่งเฝ้าข้าง ๆ เตียงอีกฝ่าย ภามนั้นไม่อยากจะหลับลงไปต่อหน้าของคนข้างกายเขานัก ทว่าฤทธิ์ของยาแก้ไข้ก็ทำให้หนังตาของเขาเริ่มหนัก จนสุดท้ายก็ต้องหลับไปในที่สุด
ภามหลับไปได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว โทนี่มองใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของอีกฝ่าย แล้วก็ต้องเบาใจลงมาก เพราะถ้าเหงื่อออกแบบนี้ แสดงว่าไข้ของภามนั้นลดลงไปมาก
หนุ่มลูกครึ่งเดินไปค้นตู้เสื้อผ้าของผู้กองหนุ่ม เพราะเห็นว่านอกจากหน้าแล้ว เหงื่อของอีกฝ่ายยังออกเสียชุ่มตัว และสังเกตว่าภามเริ่มนอนไม่ค่อยสบายตัวแล้ว
โทนี่จัดแจงถอดเสื้อผ้าของภามออก แล้วนำผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าและเนื้อตัวของผู้กองหนุ่มอย่างยากลำบาก เพราะว่าเขาต้องทนฝืนกลั้นความรู้สึกปรารถนาต่อเรือนร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย จนกระทั่งการเช็ดตัวเสร็จสิ้นลง หนุ่มลูกครึ่งจึงถอนหายใจยาว แล้วอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของคนป่วยดูสบายขึ้นมากกว่าก่อนหน้านั้นอย่างเห็นได้ชัด
“คุณภาม... คุณจะรู้บ้างไหม ว่าผมอยากกอดคุณ จนแทบจะคลั่งขนาดไหน”
โทนี่พึมพำ มือไล้ใบหน้าคมเข้มยามหลับแผ่วเบา อยากจูบ อยากทำมากกว่านั้น แต่ก็ต้องหักห้ามใจ เพราะไม่อยากต้องเสียความไว้วางใจจากคนบนเตียงไปตลอดกาล
ภามยังคงนอนหลับตาพริ้มเช่นเดิม โทนี่ถอนหายใจเบา ๆ พลางตำหนิตัวเองที่อดทนมาได้อยู่ตั้งนานแท้ ๆ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธธรรมชาติของร่างกาย ที่เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย
“คุณภาม...ผม...ต้องการคุณ”
มือข้างหนึ่งของร่างที่นั่งเฝ้าอยู่รูดซิบกางเกงของตัวเองลง พลางจับความต้องการที่ผงาดออกมา แล้วจัดการช่วยเหลือตัวเองลวก ๆ อย่างไม่อาจต้านทานความต้องการของร่างกายเอาไว้ไหว
“อะ...คุณภาม ...ผม...”
ใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งโน้มลงมาที่ใบหน้าของคนป่วย จนลมหายใจร้อนติดขัดเป่ารดใบหน้าของอีกฝ่าย ริมฝีปากที่จรดอยู่ที่ริมฝีปากซีดค้างไว้แค่นั้น ก่อนที่เจ้าของใบหน้าจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วเลื่อนไปจูบที่หน้าผากของผู้กองหนุ่มแทน
“ผมรักคุณนะ...คุณภาม...เพราะรัก ...เลยไม่อยากทำให้คุณผิดหวัง...”
เจ้าตัวพึมพำ มือที่จับความเป็นชายของตัวเองก็เริ่มเร่งจังหวะ เสียงครางทุ้มต่ำดังผ่านลำคอ จนคนที่นอนหลับอยู่เริ่มรู้สึกตัว ภามลืมตาปรือมองเห็นโทนี่ที่นั่งอยู่บนเตียงข้างเขา กำลังช่วยเหลือตัวเอง โดยไม่ได้แตะต้องตัวเขาแม้แต่น้อย
“โทนี่...คุณ...”
ภามพึมพำ ใบหน้าแดงระเรื่อ โทนี่นั้นชะงักกึก แล้วหันมามองหน้าคนป่วย เขามีใบหน้าละอายใจให้เห็น ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
“คุณภาม...ผมขอโทษ ถ้าคุณโกรธ ผมจะไปเดี๋ยวนี้...แต่อย่าเกลียดผมเลยนะครับ”
ภามเงียบกริบ เขายันกายขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง เหลือบสำรวจสภาพของตัวเขาเองนั้นก็ยังคงเรียบร้อยเป็นปกติ แม้จะอยู่ในชุดใหม่ แล้วมองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก สีหน้าและคำพูดของโทนี่ทำให้ใจเขาปวดแปลบ แต่ลึก ๆ นั้น กลับรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจ เพราะทั้ง ๆ ที่โทนี่มีโอกาสจะล่วงเกินเขาในยามที่เขาอ่อนแอหลายต่อหลายครั้ง แต่ชายหนุ่มก็กลับเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น และเขาเองก็อยากตอบแทนความรู้สึกดี ๆ ที่อีกฝ่ายมีให้บ้าง
“ไม่ต้องไปหรอก...ผมอยากให้คุณอยู่ข้าง ๆ แบบนี้”
คำพูดของภามที่ได้ยินทำให้โทนี่นิ่งอึ้ง ตกตะลึง ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาจ้องมองผู้กองหนุ่มนิ่ง แล้วย้อนถามเสียงสั่น
“คุณภาม... เมื่อครู่คุณพูดว่าอะไรนะครับ”
ภามหน้าแดงระเรื่อ เขาไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายในทันที หากแต่มือข้างหนึ่งของเขากลับเอื้อมไปสัมผัสแก่นกายที่ยังคงตื่นตัวของหนุ่มลูกครึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาหวานซึ้งกับเจ้าตัว
“ให้ผมได้ตอบแทนความรักของคุณบ้าง ...จะได้ไหม”
=== TBC ===