กลับมาแล้วค่าาาาาาาาาาาา!! คิดถึงนิยา่ยเรื่องนี้มาก คิดถึงนักอ่านในเล้าทุกคนเลยค่ะ! 
หลังจากผ่านวิกฤตการณ์เฉียดเส้นเลือดในสมองแตกตายเพราะความเครียด (เวอร์ซะ) ก็กลับมาเริ่มสบาย ๆ ต่อได้แล้วค่ะ~
จะได้มาปั่นคุณกานต์ คุณวิน และคุณภามต่อ (สังเกตว่าเน้นไปทางฝ่ายรับเป็นหลัก เพราะหมั่นไส้บรรดาฝ่ายรุก)
พอหายไปปั่นนิยายเรื่องหลักมาเป็นเดือน รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีวินัยขึ้นมาบ้าง (นิดนึง) ถ้าไม่ติดอะไร เรื่องนี้ก็คงจะมาทยอยโพสตามปกติ ไม่หายไปเป็นเดือนเหมือนก่อนแล้วล่ะค่ะ แล้วเจอกันสำหรับตอนหน้าค่ะ จะกลับมาแบบพล็อตยาว ๆ ต่อเนื่องข้ามตอนกันบ้างสำหรับตอนหน้านะคะ ^ ^ (พูดง่าย ๆ ก็คือให้มันมีเรื่องราวชวนตื่นเต้นบาง แทนหวานปานน้ำตาลหกอย่างปัจจุบันนี้น่ะค่ะ แหะ ๆ 
)
ป.ล. เรื่องสั้นคุณตำรวจยอดรักการพบกันครั้งแรกของนายเควิน กับผู้หมวดกานต์ ที่ลงในโนลิมิตเล่ม 2 จะปิดจองวันพรุ่งนี้แล้วนะคะ (วันที่ 7 ต.ค.) แจ้งไว้สำหรับคนทีั่ตั้งใจจะโอนวันสุดท้ายค่ะ (กลัวลืม)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18270.0คุณตำรวจยอดรัก
==============
18
ก้องภพนัดภามมานั่งดื่มกันลำพังหลังเลิกงานภายในห้องพักของเขา เพราะสงสัยในพฤติกรรมที่ดูผิดแผกแปลกไปของเพื่อนภายในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ภามลาป่วยยาวไปสามวัน แต่พอได้ฟังเหตุผลที่แท้จริงเรื่องที่อีกฝ่ายแปลก ๆ ไปทั้งหมดจากปากของเจ้าตัว ผู้หมวดหนุ่มก็ถึงกับนิ่งอึ้งอยู่กับที่ไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามมา
“แม้แต่นายก็ด้วยอีกคนอย่างนั้นรึวะภาม...เมื่อวันก่อนฉันเพิ่งได้รู้จากเจ้าวินมา ว่ามันก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน ...แล้วตกลงเพื่อนฉันแต่ละคนนี่เสร็จผู้ชายหมดเลยหรือไงวะ!”
ภามเงียบกริบกับคำบ่นนั้น เขาสู้ยอมทนข่มความอาย และบอกกับเพื่อนรักเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเคยได้สัญญากับอีกฝ่ายว่า ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็จะไม่มีความลับปิดบังต่อกัน แต่พอได้ยินก้องภพพูดเช่นนี้ก็อดที่จะน้อยใจขึ้นมาบ้างไม่ได้
“ขอโทษนะ ที่ทำให้นายผิดหวัง ถ้านายรังเกียจฉันมาก ฉันก็จะพยายามไม่พูดอะไรกับนายอีก...”
ภามพึมพำ ทำเอาก้องภพสะดุ้งเฮือก แล้วรีบโพล่งกลับไปทันที
“เฮ้ย! คิดไปถึงไหนกันน่ะ ฉันบอกสักคำแล้วหรือไงว่ารังเกียจ! ฉันก็แค่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ก็เท่านั้นเอง มีอย่างที่ไหน นายก็ออกจะเท่ เป็นขวัญใจทั้งผู้ชายผู้หญิง แต่ดันเป็นฝ่ายโดนกด ฉันก็เลยค่อนข้างทำใจยากอยู่พอสมควรน่ะสิ... แถมยังเสียว ๆ ตัวเองว่าจะมีใครมาเล็งแบบนั้นบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้!”
บ่นยาวแล้วเจ้าตัวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายที่นั่งอึ้ง ๆ ฟังอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ฉันน่ะดีใจนะ ที่คู่ของนายเป็นคุณโทนี่ ขนาดฉันมองแล้วยังรู้เลยว่าเขาให้ความสำคัญนายขนาดไหน ดีใจจริง ๆ ที่นายสามารถกลับมามีความรักใหม่ได้อีกครั้ง คุณเขมเองถ้ารู้เขาก็คงดีใจเหมือนฉันนี่ล่ะที่เห็นคนที่เพื่อนของเธอรัก มีความสุขกับเขาได้สักที”
ภามนิ่งอึ้ง แล้วก้มหน้าพึมพำตอบกลับไปแผ่วเบา
“ขอบใจนะก้อง...ขอบใจมาก”
“ไม่ต้องขอบจงขอบใจอะไรหรอก ฉันสิควรจะขอบใจนายมากกว่า ที่ยังเห็นฉันเป็นเพื่อน ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง ...คนแรกด้วยใช่ไหม?”
ท้ายประโยคเจ้าตัวถามอย่างไม่แน่ใจนัก แต่พอเห็นภามพยักหน้ารับเขาก็ยิ้มกว้าง แล้วตบบ่าอีกฝ่ายอย่างถูกใจ
“ดีมาก! สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักของฉัน ถ้าขืนปล่อยให้ฉันรู้จากคนอื่นที่หลังล่ะก็...นั่นล่ะถึงจะน่าโมโห!”
ก้องภพบอกไปตรง ๆ จนภามต้องหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ อีกฝ่ายยังคงเป็นคนร่าเริง มองโลกในแง่ดี อยู่ไม่เปลี่ยน และสำหรับเขา ก้องภพเป็นเพื่อนคนสำคัญ และมีส่วนช่วยประคับประคองให้เขาผ่านคืนวันที่ไร้พิราอรมาได้จนถึงทุกวันนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มกันหน่อย ฉลองที่นายสละโสดอีกรอบ!”
ก้องภพยกแก้วเหล้า แล้วกุลีกุจอให้ภามทำตาม ทำให้ผู้กองหนุ่มสั่นศีรษะอย่างระอาแล้วก็อดมองเพื่อนรุ่นน้องอย่างเอ็นดูไม่ได้
“สรุปแล้วก็เลยต้องค้างคืนที่นั่นหรือครับ...ให้ผมไปรับกลับก็ได้นี่ครับ”
เสียงอ้อนดังขึ้นผ่านโทรศัพท์มือถือ หลังจากที่ภามโทรไปบอกอีกฝ่ายว่าคืนนี้เขาจะอยู่ค้างที่ห้องของก้องภพที่เมาหลับไปเรียบร้อย
“ไม่ได้หรอก บอกก้องเขาไว้แล้วด้วย”
ภามปฏิเสธเรียบ ๆ ทำให้เสียงในสายเงียบไป ก่อนจะดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นคุณภามก็พักผ่อนให้สบายนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะไปรับแต่เช้า กู้ดไนท์นะครับ”
โทนี่รีบตัดบทปิดการปฏิเสธของผู้กองหนุ่ม ทำให้คนที่ถือสายค้างอยู่ชะงัก แล้วใบหน้านั้นจึงค่อย ๆ แดงเรื่ออย่างขัดเขิน
“คนเอาแต่ใจ...”
ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ภามก็รู้ดีว่าโทนี่แคร์และห่วงใยเขามากเพียงใด และยิ่งนับตั้งแต่เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านของอีกฝ่าย งานบ้านทุกอย่างโทนี่ก็รับเหมาไปทำหมด จนตอนนี้เขาได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ จนเริ่มจะติดนิสัยขี้เกียจขึ้นมาบ้างแล้วด้วยซ้ำ
“ฝันดีเช่นกันนะ...โทนี่”
ภามพึมพำผ่านโทรศัพท์มือถือของตนที่อีกฝ่ายวางสายไปนานแล้ว จากนั้นผู้กองหนุ่มก็ยึดโซฟาของก้องภพเป็นที่นอน จนกระทั่งยามเช้ามาถึง
ก้องภพยิ้มเจื่อน ๆ ตอบ เมื่อเห็นรอยยิ้มของคนที่มากดออดที่ห้องเขาแต่เช้ามืด จากนั้นผู้หมวดหนุ่มจึงเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามาพักด้านในห้องรอภามที่กำลังอาบน้ำชำระล้างร่างกายอยู่ในห้องน้ำ
“มาแต่เช้าเลยนะครับ คุณโทนี่”
“กวนหรือเปล่าล่ะครับ คุณก้อง”
โทนี่ย้อนถามแล้วเอ่ยขอบคุณเบา ๆ กับกาแฟที่อีกฝ่ายชงมาให้เขา
“ไม่หรอกครับ มารับภามสินะครับ”
คนฟังพยักหน้ารับเพราะรู้ดีว่าผู้หมวดหนุ่มรู้เรื่องของเพื่อนสนิทกับเขาเรียบร้อยแล้ว
“โทษทีนะครับ เมื่อคืนพอดีนึกครึ้มอกครึ้มใจเลยเผลอดื่มมากไปหน่อย ตอนแรกก็ตั้งใจจะขับรถไปส่งเขาที่ห้อง...ง่า ตอนนี้อยู่บ้านคุณแล้วสินะครับ”
เจ้าตัวถามอย่างเกรงใจซึ่งโทนี่ก็ยิ้มตอบอย่างไม่ถือสา
“ใช่ครับ ผมขอร้องกึ่งบังคับให้ไปอยู่ด้วยกันเองนั่นล่ะครับ ขืนปล่อยให้อยู่คนเดียว เดี๋ยวก็ได้ป่วยอีกรอบแน่ ขาดสุขอนามัยที่ดีมากเลยนะครับรายนั้น ของกินก็ไม่มีติดตู้เย็น ยาสามัญประจำบ้านก็ไม่มีติดบ้าน ไม่รู้โตมาแข็งแรงได้ไง...”
โทนี่ที่กำลังบ่นสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกระแอมจากใครบางคนที่เดินนุ่งผ้าขนหนูพันเอวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ
“ขอโทษทีนะ ที่ไม่ได้เรื่องจนถึงกับต้องบ่น”
ภามบอกพร้อมกับส่งแววตาคมกริบไปให้ แล้วจึงแอบลอบค้อนน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าใส่ ทำให้โทนี่ต้องถอนหายใจเบา ๆ ส่วนก้องภพนั้นหัวเราะอย่างนึกขำ
“น่า ๆ แบบนั้นไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ แค่งอนนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ เขาไม่ค่อยชอบให้ใครมาจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ คุณเองก็น่าจะรู้ดีนี่นะครับ”
โทนี่ยิ้มตอบ แล้วพยักหน้ารับเบา ๆ
“ครับ ผมทราบดี ยังไงเวลาอยู่ที่ทำงานก็ฝากคุณก้องช่วยดู ๆ ด้วยนะครับ ใจจริงผมน่ะอยากไปเฝ้าเขาทั้งวันทั้งคืนอยู่หรอก แต่ขืนทำแบบนั้น ผมโดนคุณภามเตะก้านคอใส่แน่เลยครับ เฮ้อ”
ก้องภพหัวเราะลั่นอย่างถูกใจต่อคำพูดของหนุ่มลูกครึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะสะดุ้ง เมื่อคนที่แต่งตัวเสร็จอย่างว่องไว กระแอมเบา ๆ อีกครั้ง แล้วจ้องมองพวกเขาเขม็ง
“กลับแล้วนะก้อง แล้วเจอกันที่สน.”
“ง่า...เออว่ะ โชคดี”
ก้องภพบอกแล้วรีบเลี่ยงขอตัวไปจัดการธุระส่วนตัวบ้าง เพราะบรรยากาศยามนี้มันแสนจะชวนอึมครึม อย่างคนที่คุ้นเคยกันดีย่อมรู้แน่ชัดว่า ภามนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวหงุดหงิดเพียงใด
“ดะ...เดี๋ยวครับคุณภาม รอผมด้วย!”
โทนี่รีบบอกเพราะอีกฝ่ายหันขวับมามองเขาด้วยแววตาเย็นชา แล้วค้อนให้ก่อนจะเดินนำไปก่อนอย่างหงุดหงิด จนถึงลานจอดรถชั้นล่างอาคาร โทนี่ก็ตามมาทันแล้วรีบรวบร่างของอีกฝ่ายกอดอย่างประจบ
“คุณภาม โกรธหรือครับ ขอโทษนะครับ ผมผิดเอง หายโกรธนะ”
ภามเม้มปากแน่น เจอลูกอ้อนแบบนี้มันก็น่าหายโกรธอยู่หรอก ถ้าที่นี่มันเป็นสถานที่ลับตาชาวบ้านสักหน่อย ไม่ใช่กลางลานจอดรถแบบนี้
“ปล่อย!”
ภามบอกเสียงห้วน แล้วตวัดสายตาดุ ๆ ไปมองคนกอด ทำเอาโทนี่ต้องถอนหายใจแล้วรีบปล่อยมืออีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถให้ภามขึ้นไปนั่ง ผู้กองหนุ่มลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งข้างคนขับแต่โดยดี โทนี่ขับรถเรื่อย ๆ จากบ้านพักของก้องภพ ไปยังบ้านพักส่วนตัวของเขาที่อยู่ไม่ห่างจากที่ทำงานของภามเท่าใดนัก
บ้านพักของหนุ่มลูกครึ่ง หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ตามแต่ เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ตั้งอยู่ในซอยส่วนตัวที่ไม่พลุกพล่าน มีพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง และมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปลูกไว้ให้พักผ่อนหย่อนใจ รวมไปถึงมีบ่อน้ำไว้เลี้ยงปลากลางสวนอีกต่างหาก หายากยิ่งที่จะมีบ้านที่อยู่อาศัยสไตล์นี้เกิดขึ้นในเมืองกรุง ถ้าเจ้าของบ้านไม่มีอันจะกินจริง ๆ
และถัดจากบ้านพักของเขาเพียงไม่กี่ซอย โทนี่ก็ยังมีร้านค้าซึ่งเป็นงานอดิเรก และไว้ติดต่อกับลูกค้าที่ติดต่อค้าข่าวกับเขาเปิดไว้อยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งตอนแรกพอมีปัญหากับภามเรื่องพิราอร เขาก็ปิดร้านนั้นไปสักพัก แต่พอกลับมาคืนดีกับภามเช่นนี้ ร้านพิงกี้คาเฟ่ก็ถูกเปิดขึ้นมาใหม่อีกรอบ แต่แน่นอนว่าด้วยบรรยากาศอันแสนจะอบอวลไปด้วยความหวานแหววนั่น แทบไม่ทำให้ภามนึกอยากจะไปเยี่ยมกรายที่ร้านแห่งนั้นสักเท่าใดนัก
“คุณภามครับ หายโกรธผมหรือยัง”
คนที่จอดรถส่งผู้กองหนุ่มลงหน้าบ้านของตนเอ่ยถาม ภามหันมามองโทนี่แวบหนึ่งไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับเดินขึ้นห้องพักเพื่อไปเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานต่อ
“คุณภาม...ผมขอโทษนะครับ ทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธผมล่ะ”
ชายหนุ่มผมยาวยังคงอ้อนไม่เลิกแม้กระทั่งยามที่ภามเดินมาที่โรงจอดรถของบ้าน เพื่อจะขับรถยนต์ของเขาไปทำงานก็ตาม
“โทนี่”
ภามเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และใบหน้าเฉยชา คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบรับเสียงอ่อย
“ครับ”
ภามถอนหายใจเบา ๆ เขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แล้วจึงค่อย ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะหอมแก้มของคนรักแผ่วเบา
“แล้วเจอกันเย็นนี้”
ภามบอกด้วยใบหน้าเขินอายนิด ๆ ก่อนจะรีบก้าวขึ้นรถยนต์ และสตาร์ทรถจากไป ทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนนิ่งอึ้ง ลูบใบหน้าของตนอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะตามมาด้วยอาการกลั้นยิ้มเต็มที่ด้วยความดีใจ
โทนี่เฝ้ามองเวลาจากนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ห้องรับแขก ด้วยความหงุดหงิด วันนี้เขาไม่ได้แวะเข้าไปร้านของตัวเอง เพราะมัวแต่มานั่งรอภามกลับบ้าน แต่ตอนนี้เวลาหกโมงเย็นแล้วภามก็ยังคงกลับไม่ถึงบ้านสักที ทั้งที่ระยะทางจากสน.มาถึงบ้านหลังนี้ใช้เวลารถยนต์แล่นอย่างช้าก็ไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงแท้ ๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้โทนี่สะดุ้ง รีบหยิบมาดูเบอร์แล้วกดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ใคร
“คุณภามหรือครับ! ทำไมกลับช้าจังครับ ตอนนี้อยู่ไหนครับเนี่ย!”
ภามรอให้โทนี่ถามเขาให้เสร็จก่อน จึงบอกกลับไปค่อย ๆ
“ขอโทษนะโทนี่ พอดีมีงานด่วนเข้ามา ผมเลยต้องอยู่ต่อ อีกสักสองสามชั่วโมงก็คงเคลียร์เสร็จ คุณเองถ้าง่วงก็นอนไปก่อนเลยก็ได้ ไม่ต้องรอผมหรอก”
โทนี่นิ่งอึ้ง เขาเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่ภามจะผิดสังเกต แล้วถามขึ้น
“โทนี่? คุณยังอยู่ในสายหรือเปล่า?”
“...ยังอยู่ครับ ทราบแล้วครับ คุณภามก็อย่าหักโหมมากนะครับ แล้วก็ทานข้าวเย็นให้ตรงเวลาด้วยนะครับ”
ปลายสายจะทำสีหน้ายังไงก็สุดที่โทนี่จะคาดเดา แต่เสียงอ่อนโยนที่ตามมาก็ทำให้เขายิ้มออก
“ขอบคุณ ...แล้วผมจะทำตามนั้น แค่นี้นะ”
ภามตัดสายไปแล้วแต่โทนี่ก็ยังคงนั่งจ้องมือถือของตนอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจ แถมยังเป็นตำรวจที่เคร่งครัดต่อหน้าที่ของตนเองเสียยิ่งกว่าใคร ชนิดที่ว่าถ้าให้เลือกระหว่างงานกับเขา ภามก็คงต้องเลือกงานมาก่อนเป็นอย่างแรกแน่นอน
...เอาเถอะ แค่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ มันก็ดีมากแล้ว ขืนมีความสุขมากไปกว่านี้ สวรรค์คงหาเรื่องกลั่นแกล้งพวกเขาแน่ ...
โทนี่คิดในใจ แล้วหวนคิดถึงพิราอรกับภามตอนที่ทั้งคู่หมั้นกัน และมีกำหนดงานแต่งเรียบร้อย แต่ก็ยังถูกชะตาเล่นตลก ให้ต้องพรากจากกันจนได้
“ผมรักคุณนะคุณภาม...รักมาก ถึงคนอย่างผมมันจะได้ชื่อว่าเป็นคนเลวก็ตาม แต่ถึงยังไงผมก็ยังปรารถนาให้คุณมีแต่ความสุขตลอดไปนะ”
โทนี่พึมพำ แล้วจึงเอนกายพิงไปกับพนักโซฟา คิดโน่นคิดนี่ไปพักใหญ่ ก่อนจะเผลอหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย
“โทนี่...ตื่นเถอะ ไปนอนข้างบนดีกว่านะ”
เสียงคุ้นเคยของใครบางคนกระซิบใกล้ ๆ และพอปรือตาขึ้นมองก็เห็นใบหน้าคมสันของคนที่เขารักกำลังมองเขาอยู่อย่างเป็นห่วง
“คุณภาม...กลับมาแล้วหรือครับ”
“อือ ...กว่าจะได้กลับเล่นเอาเสียดึก คุณนี่ก็จริง ๆ เลยนะโทนี่ ผมบอกให้คุณนอนไปก่อนได้เลยแท้ ๆ ยังมาทนนั่งรอหลังขดหลังแข็งอยู่บนโซฟานี่ได้”
ภามบ่นเบา ๆ แล้วเดินไปรินน้ำในตู้เย็นดื่ม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเมื่อครู่เดินตามมากอดเขาหลวม ๆ จากทางด้านหลัง
“โทนี่ มีอะไรหรือ?”
“คิดถึงคุณจังเลยครับคุณภาม”
โทนี่บอกตามตรง ทำให้คนฟังยิ้มน้อย ๆ อย่างขัดเขิน ก่อนจะอุบอิบตอบ
“เพิ่งเจอเมื่อเช้าแท้ ๆ นี่นะ”
“คุณภามครับ ...ขอจูบได้ไหมครับ”
คำขอที่เป็นทางการทำให้ภามชะงักกึก แล้ววางแก้วน้ำในมือลงแถวนั้น ก่อนจะเบี่ยงกายหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไปหรือโทนี่”
โทนี่มองคนที่ตั้งคำถามเขาด้วยใบหน้าระบายยิ้มเศร้า ๆ แล้วสั่นศีรษะเบา ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่ลองขอดู”
ภามนิ่งเงียบไป ก่อนจะถอนหายใจตามมา แล้วเป็นฝ่ายที่เริ่มต้นจูบที่ริมฝีปากได้รูปของหนุ่มลูกครึ่งเสียเอง สร้างความตกตะลึงให้กับคนถูกจูบ ก่อนที่ภามจะบอกกับอีกฝ่ายแผ่วเบา แต่แววตาที่จ้องมองคนรักนั้นล้วนเต็มไปด้วยความจริงจังและจริงใจเป็นที่สุด
“โทนี่...เรามาอยู่ด้วยกันแล้วนะ คุณรู้ความหมายของคำว่าอยู่ด้วยกันดีไหม ...มันหมายถึงการที่ทั้งคุณและผมที่เติบโตมากันคนละแบบกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกัน และแน่นอนว่า มันก็ย่อมมีปัญหาหลายเรื่องตามมา ...แต่ถ้าผมและคุณหันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกัน และยินดีแบ่งปันทั้งทุกข์ สุข ให้กัน ปัญหาทั้งหลายที่มีมันก็ย่อมผ่านพ้นไปด้วยดีแน่นอน”
โทนี่นิ่งอึ้ง ก่อนจะรวบร่างในอ้อมกอดเข้าหาตัวอย่างแน่นกว่าเดิมด้วยความตื้นตัน ภามปล่อยให้ชายหนุ่มกอดเขาอยู่แบบนั้นพักใหญ่ แล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดตอบอีกฝ่าย
“พรุ่งนี้ผมเข้าเวรบ่ายนะ...”
น้ำเสียงของเจ้าตัวดูขัดเขินนิด ๆ ทำเอาโทนี่ชะงัก และพอดันร่างนั้นออกมาพิจารณาก็เห็นว่าใบหน้าของผู้กองหนุ่มแดงระเรื่ออย่างน่ามองจนเขาต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็รีบขึ้นไปแลกเปลี่ยนปรึกษาปัญหากันบนห้องเถอะครับ ...เดี๋ยวเวลาคุยจะไม่พอเอา”
โทนี่กระซิบตอบแล้วยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาภามชักอยากจะกลับคำพูดเสียแล้ว แต่ดูเหมือนโทนี่จะไม่ยอมให้ภามคิดมาก เขารีบรั้งร่างของผู้กองหนุ่มขึ้นไปชั้นบนที่ห้องนอนของพวกเขา และพูดคุยภาษารักต่อกันตลอดค่ำคืนนั้นจนกระทั่งยามเช้ามาถึง...