คุณตำรวจยอดรัก
==============
21
“ตามสืบข้อมูลต่อไปเรื่อย ๆ ฉันต้องการที่กบดานของมัน รวมไปถึงพรรคพวกที่มันติดต่อเรื่องอาวุธสงครามด้วย อ้อ! อย่าเพิ่งให้มันรู้ตัวล่ะ งานนี้ถึงจะมอบให้ตำรวจจัดการก็จริง แต่ทางเราต้องตัดกำลังของมันให้ได้เสียก่อน...”
เสียงคุ้นเคยของใครบางคนที่กำลังคุยโทรศัพท์แว่วเข้ามาให้ได้ยิน ทำให้ร่างอ่อนแรงบนเตียงค่อย ๆ ปรือตาขึ้น สมองยังคงมึนงงเบลออยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ ลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองก่อนจะหมดสติไปอย่างช้า ๆ
“จริงสินะ...เราโดนยิงนี่...ถ้างั้นที่นี่ก็...”
ภามค่อย ๆ ตั้งสติ เหลือบมองสายน้ำเกลือที่มือ แล้วไล่สายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจากบาดแผลที่ยังคงไม่หายดี
“ถ้าอย่างนั้นก็แค่นี้นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็ติดต่อฉันทันทีเลยรู้ไหม”
โทนี่กดวางสายสนทนากับลูกน้องที่เขาใช้ให้ไปสืบข่าวของคนร้ายที่ยิงภาม ก่อนจะเดินจากระเบียงนอกห้องพักผู้ป่วย กลับเข้ามาหมายจะเฝ้าร่างที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงต่อ ทว่า...
“โทนี่...”
ภามที่มองมาอยู่แล้วพึมพำเรียกชายคนรักแผ่วเบา ส่วนโทนี่นั้นยืนนิ่งอึ้งตกตะลึงอย่างลืมตัวสักพัก ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปหาร่างบนเตียงจับมือข้างที่ไม่ถูกเจาะสายน้ำเกลือขึ้นมากุม แล้วเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“คุณภาม...ฟื้นแล้วหรือครับ...ดีจริง ๆ ...”
ภามรู้สึกถึงหยดน้ำอุ่น ๆ ที่มือของเขาข้างที่ถูกอีกฝ่ายนำไปเกาะกุมแนบใบหน้าของเจ้าตัว
“คุณหลับไปหลายวัน จนผมใจคอไม่ดี ...จนผมเผลอคิดไปทางแง่ร้ายว่า ถ้าคุณไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ผมจะทำยังไง ...ผมคงต้องเป็นบ้าไปแน่ ๆ เลย หากเป็นแบบนั้น”
โทนี่บอกกับคนบนเตียงโดยไม่คิดจะกลั้นน้ำตาของตัวเอง เพราะมันเป็นน้ำตาแห่งความยินดีเมื่อได้เห็นคนรักกลับคืนมาหาเขาอีกครั้ง ทางด้านภามฟังสิ่งที่อีกฝ่ายบอกพลางพึมพำแผ่วเบา พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
“ขอโทษนะ...โทนี่ ที่ทำให้เป็นห่วง...คงกังวลมากสินะ”
“คุณภาม...ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริง ๆ”
คำขอโทษที่ตามมาทำให้ผู้กองหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้วก็ต้องหน้าแดงน้อย ๆ เมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากปากของคนรัก
“ถ้าคืนนั้นผมปล่อยให้คุณได้พักผ่อนให้เต็มที่ ...บางที คุณอาจจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็ได้ ...เป็นความผิดผมเองแท้ ๆ”
ภามถอนหายใจเบา ๆ ดูจากน้ำเสียงและแววตา โทนี่คงเป็นกังวลและเฝ้าโทษตัวเองเรื่องนี้อย่างมาก โชคดีนะที่เขาสามารถรอดชีวิตมาได้ ไม่อย่างนั้นผู้ชายที่แสนจะอ่อนโยนคนนี้ คงจะไม่อภัยให้กับตัวเองไปตลอดชีวิตเป็นแน่
“โทนี่...ฟังผมนะ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของคุณ มันเป็นคราวเคราะห์ของผมเองต่างหาก ...”
ภามพูดแล้วก็นิ่วหน้า รู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาแปลบ ๆ อาการเช่นนั้นทำให้โทนี่ตกใจแล้วจึงรีบกดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาลข้างนอกห้องมาทันที
“คนไข้เจ็บแผลครับ ช่วยเข้ามาดูหน่อยครับ!”
“โทนี่ ...ใจเย็น ๆ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ภามเอ่ยปรามคนที่มีสีหน้าร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดให้ใจเย็นลง โทนี่เฝ้ามองคนบนเตียงอย่างเป็นห่วง และพอพยาบาลเข้ามา เขาก็ขยับห่างออกไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงจับจ้องร่างบนเตียงอย่างไม่วางตา จนเมื่อหมอเข้ามาตรวจอาการเรียบร้อยก็บอกว่า เป็นเพราะภามเพิ่งฟื้นอย่าเพิ่งให้ออกแรงคุยหรือขยับตัวมาก และให้นอนพักผ่อนต่อไปอีกสักระยะก่อน
“คุณภาม นอนพักซะนะครับ เดี๋ยวผมจะเฝ้าคุณอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง”
โทนี่บอกกับร่างบนเตียงที่กำลังมึนงงเพราะฤทธิ์ยาที่หมอฉีดให้เขาเมื่อสักครู่ เพราะต้องการให้ร่างกายนอนหลับพักฟื้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โทนี่...อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ...เห็นคุณโทษตัวเองแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดตามไปด้วย...เพราะผมเองก็มีส่วนทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ...”
ภามพึมพำบอก แล้วจึงหลับลงในไม่ช้า ทว่าคำพูดของเขาทำให้คนที่อยู่ด้วยกันข้าง ๆ แย้มยิ้มออกมาได้ โทนี่รู้สึกตื้นตันและซาบซึ้งใจที่คนรักเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึกของเขาเช่นนี้ ...โชคดีเหลือเกินที่เขาได้รักภาม และได้รับความรักจากภามอย่างที่เป็นอยู่
“รักคุณนะครับคุณภาม...หายไว ๆ นะครับ จะได้กลับบ้านของเรากัน”
โทนี่กระซิบกับคนที่หลับอยู่บนเตียงพร้อมกับจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของผู้กองหนุ่ม ก่อนจะนั่งเฝ้าอีกฝ่ายอยู่บนโซฟาข้างเตียงคนไข้เงียบ ๆ ทว่าในสมองกับกำลังคิดถึงวิธีการที่จะไล่ต้อนและจัดการเจ้าคนที่ลงมือทำร้ายคนรักของตน โทนี่สั่งให้คนของเขาคอยตามสืบเรื่องนี้แล้ว โดยประสานงานกับคนของทางเควิน ทำให้การใช้เวลาตามรอยคนร้ายคืบหน้าไปได้อย่างมากเลยทีเดียว
ระหว่างที่ใครหลายคนกำลังยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับคดีของภาม ผู้หมวดหนุ่มไฟแรงอีกนายหนึ่งก็กำลังปวดหัว ทั้งจากเอกสารที่ต้องอ่าน และจากเด็กหนุ่มที่คอยเดินไปเดินมาภายในห้องของเขา แถมยังโผล่หน้ามาดูว่าเขาทำอะไรอยู่เป็นระยะ จนคนที่กำลังเคร่งเครียดอยู่ ชักจะเริ่มรำคาญเต็มทน
“นี่! ถ้านายอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ก็กลับไปเสียเลยไป ฉันจะทำงาน!”
คริสโตเฟอร์ชะงัก ก่อนจะตีสีหน้าสลด แล้วพึมพำแผ่วเบาตอบ
“งานอีกแล้ว...สองสามวันมานี่คุณก็เอาแต่ทำงาน แถมพอผมถามก็ไม่ยอมบอกว่างานอะไรอีก ...ผมมันพึ่งพาอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม”
อาชวินชะงักกึก ความหงุดหงิดเริ่มคลายลง เมื่อเห็นสีหน้าหงอย ๆ ของคนรักอายุน้อยกว่าของตน
“ขอโทษ...นายไม่ผิดหรอก ฉันเครียดมากไปหน่อยก็เลยมาลงกับนาย ขอโทษนะคริส”
คริสโตเฟอร์ยังคงมีสีหน้าไม่สู้ดี แถมยังยืนอยู่ห่าง ๆ ไม่ยอมเข้ามาออดอ้อนเหมือนเคย จนทำให้อาชวินต้องถอนหายใจ แล้ววางเอกสารในมือลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนรัก ซบหน้ากับไหล่ของอีกฝ่าย พลางโอบกอดเจ้าตัวหลวม ๆ
“คริส...นายมีคนรักเป็นตำรวจนะ นายก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้บ่อย ๆ นั่นล่ะ แต่ถ้านายทนไม่ได้ล่ะก็...”
อาชวินชะงักถ้อยคำของตน อ้อมกอดที่โอบรัดอีกฝ่ายค่อย ๆ คลายออก เงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าดีขึ้นเพราะถูกง้อ ด้วยสายตาลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดสินใจพูดไปในที่สุด
“นายจะเลิกกับฉันก็ได้นะ...หาคนรักใหม่ที่เขามีเวลาให้นายมากกว่าฉัน ...”
ยังไม่ทันพูดจบอาชวินก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเขาถูกคนที่สูงน้อยกว่าเขาแค่ไม่กี่เซนจับรวบร่างช้อนอุ้มแบบหญิงสาว เดินไปที่เตียง ก่อนจะวางร่างของผู้หมวดหนุ่มลง พร้อมกับที่เจ้าตัวกดทาบทับตามมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก
“คุณวิน! คุณจะใจร้ายกับผมไปถึงไหนกันครับ! เอะอะก็จะหาเรื่องเลิกกับผมตลอด ใช่สิ! ก็คุณไม่ได้รักผมมากเหมือนอย่างที่ผมรักคุณนี่นะ ...หรือว่าคุณแค่อยากแก้แค้นเรื่องที่ผมทำให้คุณเป็นของผมโดยไม่เต็มใจในคืนนั้น ถึงได้ยอมคบกับผมใช่ไหมครับ!”
อาชวินนิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังถ้อยคำตัดพ้อของเจ้าตัว เขาพยายามจะแก้ตัว แต่ก็ดูเหมือนคริสโตเฟอร์จะไม่ยอมฟังเท่าใดนัก
“ผมไม่ยอมหรอก! ต่อให้คุณเกลียดผมยังไงก็ตาม ต่อให้คุณอยากเลิกกับผมแค่ไหน...ผมก็จะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปเด็ดขาด คุณเป็นของผมแล้วนะ ผมไม่มีวันยกคุณให้ใครหน้าไหนเด็ดขาด ไม่ว่าผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็ไม่มีวัน!”
เด็กหนุ่มผมทองโพล่งใส่ด้วยสีหน้าจริงจังผิดเคย ทำให้อาชวินชะงัก นิ่งเงียบ ก่อนจะค่อย ๆ หลุดยิ้ม แล้วระเบิดเสียงหัวเราะตามมา จนอีกฝ่ายประหลาดใจ แต่ก็ยังคงหน้าง้ำด้วยความงอนไม่หาย
“ฮะ ๆ ๆ นายนี่นะ ...พอเห็นแบบนี้แล้ว ค่อยคิดว่านายเป็นเด็กสมอายุตัวเองหน่อย...”
คริสโตเฟอร์เงียบกริบสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์เมื่อถูกเปลี่ยนเรื่องสนทนา แถมยังโดนอีกฝ่ายมองว่าเขาเป็นเด็กอะไรนั่นอีก
“นายเอาแต่ใจ ฉันก็รู้ ...แต่บางครั้งนายก็ชอบวางท่าทีเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ เสียจนทำให้ฉันลืมตัวบ่อย ๆ ว่านายก็แค่ 16 เท่านั้น”
อาชวินบอกพร้อมรอยยิ้ม พลางยกมือขยี้เส้นผมสีทองสลวยของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู แล้วบอกตามมาเมื่อเห็นสีหน้าอึ้ง ๆ ของอีกฝ่าย
“ฉันรักนายนะคริส ก็เพราะรักเลยเป็นห่วงความรู้สึกของนาย ...นายยังเด็ก ยังเป็นวัยสนุกสนาน และรักในอิสระ แต่ฉันไม่ใช่...ฉันมีหน้าที่ มีงานต้องรับผิดชอบ ยิ่งได้รับความรักจากนายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ฉันต้องหวนคิดว่า ฉันจะยังเห็นแก่ตัวยึดนายมาอยู่ในโลกของฉันแบบนี้ดีไหม ...หรือจะปล่อยให้นายไปจากชีวิตของฉัน ให้ไปพบเจอความสุขที่แท้จริงของนายแทนดี”
คำพูดตรง ๆ ไร้การเสแสร้งแกล้งเอาใจของผู้หมวดหนุ่ม ทำให้เด็กหนุ่มที่คร่อมทับร่างของอีกฝ่ายเงียบไปสักพัก ก่อนจะค่อย ๆ ยันกายขึ้นนั่งหันหลังให้ ไม่ยอมหันกลับมาสบตาอีก จนทำให้อาชวินเริ่มกังวล
“คริส...โกรธหรือ แต่ฉันเป็นห่วงความรู้สึกนายจริง ๆ นะ...”
“คุณวิน...ผมไม่ได้โกรธคุณหรอกครับ”
คริสโตเฟอร์ยอมพูดในที่สุด แต่พออาชวินจับที่บ่าของเขาเด็กหนุ่มก็รีบหันหน้าหลบ แล้วบอกเสียงดัง
“อย่ามองนะครับ! ผมไม่อยากให้คุณมองหน้าผมตอนนี้!”
และแม้ถึงจะไม่ได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายเต็มตา แต่ใบหูขาว ๆ ของหนุ่มลูกครึ่งตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อ บ่งบอกถึงความรู้สึกของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
“คริส ... นายเขินเหรอ?”
อาชวินถามกึ่งขำกึ่งสงสัย เด็กหนุ่มผมทองยิ่งหน้าแดงหนัก แล้วตัดสินใจหันขวับ กลับมาจับคนข้างเขากดลงไปบนเตียงอีกครั้ง
“คุณวิน! คุณจะทำให้ผมหลงรักคุณหัวปักหัวปำมากไปกว่านี้ถึงไหนกันครับ ...รู้ไหม ว่าผมจะคลั่งตายเพราะคุณอยู่แล้ว!”
“ตกลงมันเป็นความผิดของฉันรึไง!”
อาชวินที่อึ้งกับถ้อยคำต่อว่าทั้งใบหน้าแดงก่ำของเด็กหนุ่ม โพล่งกลับอย่างเริ่มหงุดหงิดขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคนรักอายุน้อยผู้นี้ซบหน้าลงกับอกเขา แล้วพึมพำตามมา
“คุณวิน ...ผมมีความสุขนะครับ มีความสุขที่ได้รักคุณ และได้รับความรักจากคุณ ...อย่าไล่ผมไปไหนเลยนะ ขอให้ผมอยู่รักคุณแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้หรือครับ”
ถ้อยคำออดอ้อนที่กลั่นมาจากใจของคนพูด ทำให้อาชวินเงียบกริบ แล้วจึงค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมาได้ ก่อนจะกอดร่างบนกายของตนกลับไปบ้างอย่างอ่อนโยน
“แน่ใจหรือ...ถ้าฉันตกหลุมรักนายมากกว่านี้ แล้วนายอยากจากไป ตอนนั้นจะเสียใจก็สายไปแล้วนะ...เพราะฉันจะไม่ยอมปล่อยนายให้หลุดมือแน่”
คำพูดที่ตามมาของผู้หมวดหนุ่มทำให้คริสโตเฟอร์ชะงัก แล้วชะโงกหน้าขึ้นจูบคนพูดอย่างรวดเร็วและเร่าร้อนจนอาชวินไม่ทันได้ตั้งตัว
“...คุณวิน วันนี้ผมมีความสุขมากที่สุดในโลกเลย รู้ไหมครับ”
หลังจากถอนริมฝีปากออกมาแล้ว เด็กหนุ่มผมทองก็พึมพำอ้อยอิ่งบอกกับอีกฝ่าย โดยที่ริมฝีปากของเจ้าตัวก็ยังคงคลอเคลียอยู่บริเวณริมฝีปากของผู้หมวดหนุ่มไม่ห่าง
“คริส...ฉันก็มีความสุขเหมือนกันนะ ที่มีนายอยู่เคียงข้าง”
อาชวินบอกไปพร้อมรอยยิ้มหวาน นั่นทำให้คนมองใจเต้นตึกตึก และขณะที่กำลังจะเอ่ยปากขอร่วมรักกับผู้หมวดหนุ่มให้สมใจ เขาก็ต้องชะงักกึก เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของอาชวินดังขึ้น
“ง่า...ฉันรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
อาชวินรีบบอก หน้าแดงระเรื่อ มองสายตาของคนรักก็พอจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร นี่ถ้าไม่มีโทรศัพท์ดังขัดขึ้นก่อน เขาก็คงยอมปล่อยให้คริสโตเฟอร์ทำในสิ่งที่ทั้งเจ้าตัวและเขาเองต้องการไปแล้ว
“สวัสดีครับ...หือ กานต์เหรอ ...อะไรนะ! พบเบาะแสแล้วหรือ! ... หือ ไปคุยกันที่ร้านของคุณโทนี่? แต่ฉันไปไม่ถูกนี่หว่า...อ้อ ก้องขับรถมารับใช่ไหม งั้นได้ ...อีกสักพักก็มางั้นหรือ โอเค เดี๋ยวจะแต่งตัวรอนะ”
อาชวินกดวางสายแล้วเหลือบมามองคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงนอนเขา ผู้หมวดหนุ่มฝืนยิ้มแล้วบอกกับอีกฝ่าย
“คริส ฉันต้องไปคุยธุระเรื่องงานน่ะ วันนี้กลับไปก่อนนะ”
“เรื่องงาน...ตอนเกือบสามทุ่มนี่นะครับ”
คริสโตเฟอร์บอกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เขาไม่ว่าหรอกที่อาชวินจะคุยธุระเรื่องงาน แต่ไม่พอใจที่ทำไมคนรักไม่ยอมบอกเขาสักทีถึงปัญหาที่ตัวเองประสบอยู่
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ มันเป็นเรื่องสำคัญ ถึงจะดึกดื่นขนาดไหน ยังไงก็ต้องไปอยู่ดีนั่นล่ะ”
อาชวินตัดบทแล้วเตรียมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปข้างนอก แต่คริสโตเฟอร์ก็ยังคงนิ่งเฉยบนเตียงของชายหนุ่ม ไม่ยอมขยับไปไหน ทำให้เจ้าของห้องเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
“คริส...ฉันจะไปธุระเรื่องงานนะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นอะไรที่ไหนให้นายต้องหึงหรอกน่า!”
คนฟังยักไหล่ แล้วแย้งกลับเรียบ ๆ
“นั่นผมก็รู้ดีอยู่หรอก แล้วผมก็ไม่ได้หึง แต่น้อยใจต่างหาก ที่คุณไม่ยอมบอกกล่าวอะไรผมเลย ทั้งที่เรื่องพวกนี้ผมก็พอจะช่วยได้อยู่แท้ ๆ”
อาชวินเงียบกริบ จริงอยู่ว่าด้วยความกว้างขวางและอำนาจเงินที่เด็กหนุ่มมีก็สามารถช่วยเขาสืบสวนได้อีกทางหากเขาขอร้อง แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา และคริสโตเฟอร์เองก็ไม่ควรจะต้องมาเสียเงินและเสียเวลากับเรื่องนี้ด้วย หรืออันที่จริงผู้หมวดหนุ่มนั้นไม่อยากลากให้คนรักอายุน้อยของเขาผู้นี้ มามีส่วนพัวพันกับอันตรายจากลูกหลงของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้นั่นเอง
“โอเค ๆ ผมเข้าใจ คุณก็มีโลกของผู้ใหญ่อย่างคุณ เด็กอย่างผมมันก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวให้วุ่นวายสินะ งั้นถึงเวลานอนของเด็กแล้ว ผมขอตัวกลับไปอาบน้ำเข้านอน ทำตัวเป็นเด็กดีอย่างที่คุณอยากให้เป็นแล้วกัน!”
คริสโตเฟอร์บอกด้วยน้ำเสียงประชด แล้วเดินออกจากห้องไป ทำให้อาชวินถอนหายใจยาว แล้วพึมพำกับตัวเองตามมา
“ขอโทษนะคริส ...แต่ฉันไม่อยากลากนายมายุ่งด้วยจริง ๆ ...ถ้านายเกิดเป็นอะไรไป ฉันคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่”
จากนั้นผู้หมวดหนุ่มก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รอเวลาที่ก้องภพมา และเมื่อก้องภพมาถึง ทั้งเขาและก้องภพก็รีบออกเดินทางมายังจุดหมายปลายทางทันที แต่พอมาถึงร้านพิงกี้คาเฟ่ของโทนี่ อาชวินก็ต้องเจอกับสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงตาค้าง พูดแทบไม่ออก ในขณะที่คนซึ่งทำให้ผู้หมวดหนุ่มเป็นเช่นนั้น กลับยิ้มแย้มทักทายอย่างร่าเริง
“ไงครับคุณวิน มาช้านะครับ ผมมารอคุณเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ”
“นาย...มาถูกได้ยังไง ไม่สิ! ไหนบอกจะกลับบ้านนอนแล้วไงล่ะ!”
อาชวินถามอย่างตกใจ แต่คนถูกถามยิ้มกริ่ม ในขณะที่คนอื่น ๆ ในที่นั้นพากันสั่นศีรษะอย่างระอา
“อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคุณวิน ผมรู้ทุกเรื่องนั่นล่ะ รวมไปถึงสาเหตุที่คุณเอาแต่หมกตัวกับเอกสาร ไม่ยอมกุ๊กกิ๊กกับผมหลายวันมานี้ด้วย”
“นายรู้ทั้งหมด?”
อาชวินทวนคำ ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก
“ใช่...เห็นคุณเคร่งเครียดแบบนี้ มีหรือที่ผมจะปล่อยนิ่งเฉยได้ แต่ผมก็รอจนกว่าคุณจะยอมขอร้องผมให้ผมช่วย ...ซึ่งผมก็ลืมไปว่าคุณน่ะ หยิ่งในศักดิ์ศรีแค่ไหน เฮ้อ!”
“ก็ที่เรียกนายมาคุยได้แบบนี้ เพราะได้ข้อมูลเสริมจากเจ้าหนู เอ๊ย คุณคริสโตเฟอร์ นั่นล่ะ ใช่ไหมเควิน”
กานต์เอ่ยเสริมมา แล้วหันไปทางคนรัก ซึ่งเควินก็พยักหน้ายืนยัน
“ใช่ครับ ตระกูลรัสเซลของคุณคริสโตเฟอร์กว้างขวางมากเลยนะครับ ถึงจะไม่ใช่มาเฟียโดยตรง แต่ก็ทรงอิทธิพลมากพอสมควร”
พอได้ยินคำบอกเล่าของเควินก็ทำให้ผู้หมวดหนุ่มอ้าปากค้าง เขาไม่เคยรู้เรื่องทางบ้านของคนรักอายุน้อยกว่าผู้นี้มาก่อน รู้ก็แค่เจ้าตัวเป็นลูกคุณหนูที่รวยมากก็แค่นั้นเอง
“แหม ๆ คุณเควินก็พูดเกินไป เดี๋ยวคุณวินเข้าใจผมผิดพอดี หาว่าผมเป็นผู้มีอิทธิพลอะไรนั่น ผมก็เป็นแค่เด็กอายุ 16 ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเองล่ะครับ เนอะ คุณวิน”
กานต์เหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยืนอึ้ง ๆ ด้วยความสงสาร พอได้คุยกับคริสโตเฟอร์มาสักพัก ก็พอจะจับทางนิสัยอีกฝ่ายออกว่าเจ้าตัวค่อนข้างเจ้าเล่ห์เพียงใด แต่แน่ ๆ ที่เขารับรู้ได้ก็คือ เด็กหนุ่มผู้นี้รักเพื่อนของเขามากจริง ๆ
“เอาล่ะครับ หมดเวลาพูดจาหยอกล้อกันแค่นี้ เรามาเริ่มหารือแผนการกันดีกว่าครับ ว่าจะต้องทำยังไงกันต่อไป”
โทนี่ที่ยืนฟังทุกคนคุยอยู่ได้สักพัก เอ่ยตัดบทด้วยสีหน้าจริงจัง ทั้งนี้เพราะเขาทิ้งภามไว้ในความดูแลของแพทย์และนางพยาบาลตามลำพัง ถึงแม้ด้านนอกจะมีลูกน้องของเขาคอยเฝ้าระวังภัยอยู่ก็ตาม แต่เขาก็อยากจะรีบ ๆ จบการประชุม เพื่อกลับไปเฝ้าคนรักต่อโดยเร็วที่สุด คนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พากันเงียบกริบเพราะเข้าใจชายหนุ่มลูกครึ่งดี เนื่องจากพวกเขาแต่ละคนต่างลองคิดกลับกันว่า หากคนที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นคนรักของตัวเอง ก็ย่อมที่จะต้องร้อนรน และอยากจัดการเรื่องราวให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเช่นกัน
---TBC----
มาต่อแล้วจ้า~~ ช้าไปนิด ต้องขออภัยด้วย ตอนนี้ต้องสับรางหลายเรื่องค่า
คาดว่ากลางเดือน พ.ย. คงเป็นปกติสุข เพราะจัดการเรื่องหนังสือทำมือจบสักที - -.