คุณตำรวจยอดรัก
==============
25
อาชวินรับมือแขกจอมเจ้าชู้แต่ละคนอย่างไม่ยากเย็นนัก แถมยังได้กินดื่มฟรีอีกต่างหาก จนเกือบจะปิดร้าน เขาก็ดื่มไปหลายแก้วพอดูเหมือนกัน
“ขืนเป็นแบบนี้บ่อย ๆ สงสัยตับแข็งจะถามหา...”
ชายหนุ่มพึมพำหลังออกจากห้องน้ำ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในร้าน ผู้คนเริ่มบางตา แขกบางโต๊ะก็ทำการเจรจากับพนักงานในร้านเรื่องไปต่อกันข้างนอก ส่วนกานต์นั้นออกไปกับเควินได้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เหลือแต่เขาที่กำลังคิดว่าจะกลับไปนอนที่บ้าน หรือนอนห้องพักพนักงาน ที่เฉินเตรียมไว้ให้ดี
“สวัสดีครับคุณวิกกี้ หลังจากนี้ว่างหรือเปล่า ไปค้างกับผมสักคืนได้ไหมครับ”
น้ำเสียงคุ้นเคยที่เรียกชื่อเล่นตอนทำงานของตน ทำเอาอาชวินชะงักกึก พลางค่อย ๆ หันกลับไปมอง แล้วก็ต้องพบว่าคริสโตเฟอร์กำลังยืนยิ้มมองเขาอยู่ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถามเสียงแผ่ว
“คริส...มาได้ไง...แล้วมาตั้งแต่ตอนไหน”
“หึ ๆ มาเห็นตั้งแต่คุณนั่งยิ้มหวาน ยอมให้ตาแก่หัวงูมันลูบ ๆ คลำ ๆ ตั้งแต่ตอนเปิดร้านช่วงหัวค่ำแล้วล่ะ...แหม! ครั้งนี้ผมต้องชมตัวเองเลยนะครับ ที่อดทนได้ตั้งนานขนาดนี้”
คนพูดยิ้มน้อย ๆ ทว่านัยน์ตาสีฟ้านั้นกลับดูวาววับชวนให้คนถูกจ้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น
“มันเป็นงานนะ...”
“ก็รู้ว่าเป็นงานน่ะสิครับ ถึงได้ยอมอยู่นิ่ง ๆ ไม่ฉุดคุณไปตั้งแต่แรกที่เห็นน่ะ”
คริสโตเฟอร์ตอบเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงชนิดเดาอารมณ์ลำบาก
“ง่า ...คืนนี้นายพักแถวไหน ...แล้ว...เอ่อ ฉันไปค้างด้วยได้ไหม?”
อาชวินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนจะหน้าแดงระเรื่อเมื่อหลุดปากถามออกไป ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง
“คุณวิน นี่ล่ะนะ...อย่างนี้ผมก็โกรธไม่ลงน่ะสิ...งั้นไปกันเลยแล้วกันครับ”
คริสโตเฟอร์แย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่คนฟังชะงักกึก ก่อนจะเหลือบมองไปทางเฉิน ซึ่งอีกฝ่ายพอเห็นสายตาแบบนั้นของผู้หมวดหนุ่ม เขาก็ยกนิ้วให้ แถมยังโพล่งเสียดังตามมาอีก
“ไปเลย ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวร้านก็ปิดแล้ว ยังไงได้ทิปหนัก ๆ ก็อย่าลืมแบ่งตาแก่คนนี้มั่งนา หนูวิกกี้!”
พนักงานคนอื่นเป่าปากแซวเป็นลูกคู่กันเกรียว เล่นเอาอาชวินก้มหน้างุด ๆ ด้วยความอาย แล้วดึงแขนคริสโตเฟอร์ไปด้วยกัน ท่ามกลางความเสียดายของแขกคนอื่นที่เล็งชายหนุ่มไว้ แต่ถูกปฏิเสธไปเสียตั้งแต่ก่อนหน้านั้นเรียบร้อย
ช่วงเย็น ๆ ของอีกวัน กานต์และอาชวินมาทำงานที่ร้านด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง จนพนักงานคนอื่นลอบยิ้มและนินทากันเบา ๆ ทั้งชื่นชมและอิจฉา เพราะต่างรู้ดีว่าทั้งคู่มีแขกเงินหนาหน้าตาหล่อเหลาหิ้วตัวกลับไปด้วยเมื่อคืน
“ไม่เอาแล้ว...ถ้าต้องเจอแบบนี้อีกคืนสองคืน ฉันต้องตายก่อนแน่”
กานต์บ่นอุบเมื่อนึกถึงค่ำคืนอันเร่าร้อนระหว่างเขากับเควินเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางด้านอาชวินนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าเนือย ๆ ไม่แตกต่างกัน
“นั่นสิ เจ้าเด็กบ้านั่นไม่ยอมปล่อยให้ฉันได้พักเลย ปากบอกว่าไม่โกรธ ๆ แต่จับฉันล่ามกับเตียง แถมยังเอาของเล่นบ้า ๆ มาเล่นวิตถารอะไรไม่รู้ตั้งเยอะแยะ ดูเด่ะ! ข้อมือยังเป็นรอยกุญแจมืออยู่เลย ไม่รู้ไปหามาจากไหน ยังกับของจริงเลยด้วย!”
กานต์มองเพื่อนที่เริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจึงยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเอ่ยปลอบอีกฝ่าย
“เอาน่า ๆ ไหนบอกว่าชอบไม่ใช่เหรอ ก็ทนเอาหน่อยสิ”
อาชวินชะงัก แล้วจึงถอนหายใจตามมาเฮือกใหญ่
“ชอบก็ชอบอยู่ แต่พวกเจ็บเนื้อเจ็บตัวฉันไม่ชอบนักหรอกนะ ถึงคราวหน้าเด็กนั่นจะสัญญาว่าจะหาผ้านุ่ม ๆ มาหุ้มกุญแจมือให้แทนก็เหอะ!”
กานต์รับฟังความโรคจิตของคนรักเด็กของเพื่อน แล้วฝืนยิ้ม พลางคิดในใจว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีอยู่มาก เพราะอย่างน้อยเควินก็ไม่ค่อยชอบเล่นอุปกรณ์วิตถาร หรือพวกเซ็กส์ทอยเท่าใดนัก
“กานดา กับ วิกกี้ เดี๋ยวมาพบเฮียที่ห้องหน่อยนะ เฮียมีเรื่องคุยด้วย”
นายเฉินตะโกนเรียกชื่อปลอมของทั้งคู่ ซึ่งกานต์กับอาชวินก็มองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ แล้วลุกขึ้นเดินตามไป ห้องส่วนตัวของเฉินจัดเป็นห้องลับได้ห้องหนึ่ง เพราะไม่มีหน้าต่างหรือช่องให้แอบฟังแต่อย่างใด
“คุณฟงเจ้านายของผมรู้เรื่องของพวกคุณทั้งสองคนแล้ว และเพราะว่าเป็นการขอร้องของคุณเควินลูกค้าระดับวีไอพีของนาย งานนี้นายก็เลยยอมยื่นมือเข้ามาช่วย ดีนะที่คุณโทนี่กับคุณเควินก็เพื่อนกัน ผมก็เลยไม่พลอยซวยโดนหางเลขไปด้วย แต่ก็โดนนายบ่นเหมือนกัน ว่าทีหลังอย่าหาเรื่องพาตำรวจเข้าร้านมาอีก ถึงอีกฝ่ายจะมีการรับปากรับคำกันว่าจะไม่ก่อเรื่องที่นี่แล้วก็เหอะ พวกคุณก็คงจะรู้ล่ะนะ ว่าคนทำอาชีพแบบพวกผมไม่ค่อยถูกโรคกับตำรวจสักเท่าไหร่นัก”
เฉินบ่นยาวเบา ๆ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำเอาผู้หมวดทั้งสองรู้สึกผิด แล้วจึงพึมพำขอโทษชายวัยกลางคน
“ไม่เป็นไร ๆ ไม่ได้เรียกมาบ่นอะไรกันนักหรอก แค่จะมาบอกว่า ถ้าเป้าหมายมาเมื่อไหร่ เจ้านายของผมจะร่วมมือล็อกตัวคุณกานต์ให้ไปประกบทันที เพราะสเป็คของเป้าหมายน่ะ เป็นแบบคุณกานต์นี่ล่ะ เพราะงั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณแล้วล่ะนะ”
“ถ้ามันยอมพานายไปบ้านได้ก็เจ๋งเลยนะกานต์ ฉันเชื่อว่าที่นั่นต้องมีหลักฐานอยู่แน่ อย่างน้อยอาวุธมันก็คงไม่ซ่อนไว้ไกลตัวนักหรอก”
อาชวินเสริมให้คนที่กำลังนิ่งเงียบเพราะอึ้งที่ตัวเองกลายเป็นสเป็คของเจ้าโจรร้าย และกำลังคิดว่าตนจะเล่นละครได้สมบทบาทล่ออีกฝ่ายให้ติดกับได้ไหม
“ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมให้มันเลยเถิดหรอกนะ ...ถึงเวลานั้นฉันจะป้องกันตัวเต็มที่ แม้ว่าต้องทุบหัวไอ้หมอนั่นให้สลบก็ตาม”
กานต์บอกตามมาด้วยสีหน้าจริงจัง จนอีกสองคนมองแล้วต้องอมยิ้ม
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่าเพื่อน คิดหรือว่า ‘ทีม’ สะกดรอยของพวกเรา จะยอมให้นายโดนหมอนั่นเล่นงานง่าย ๆ”
อาชวินเอ่ยแซวไปถึงอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันในห้อง แต่นั่นก็ทำให้กานต์ต้องแยกเขี้ยวให้อย่างหมั่นไส้
“รู้หรอกน่า...รู้งี้ปล่อยให้หมอนั่นลงมือเองทั้งหมด ไม่ต้องมาเปลืองตัวยุ่งด้วยก็ดี เฮอะ! ทำเอาเราที่ลงทุนลงแรง แฝงตัวเข้ามาไร้ความหมายไปเลย!”
กานต์บ่นประชดอย่างหงุดหงิด รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย ที่ครั้งนี้ก็ต้องให้คนรักมาคอยช่วย ในเรื่องงานของตนอีกครั้ง
“ช่วยไม่ได้ ถ้าให้ทางนั้นเขาทำเองทั้งหมด เราจะลากหมอนั่นไปรับผิดอย่างภาคภูมิใจได้ไง ...อย่าลืมสิ เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะผู้เสียหายเป็นตำรวจด้วยกันเท่านั้น แต่ยังเป็นพี่ภามที่พวกเราเคารพอีก”
คนฟังถอนหายใจเบา ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้กับเพื่อนของตน แต่ก็ยังคงอดบ่นตามมาไม่ได้
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะดันทุรังเข้ามายุ่งทำไม ทั้ง ๆ ที่ปล่อยให้พวกนั้นจัดการกันเองก็ลากคนร้ายออกมาได้ไวกว่าอยู่แล้ว เฮ้อ! ถึงจะไร้ความสามารถขนาดไหน ยังไงพวกเราก็ยังเป็นตำรวจอยู่ดี จะให้คอยพึ่งแต่คนฝั่งนี้จัดการ มันก็ทำใจลำบากล่ะนะ”
กานต์บอกแล้วยักไหล่นิด ๆ ด้วยความเซ็งเช่นเดียวกับสีหน้าที่แสดงออกมา ทำให้อาชวินต้องยิ้มน้อย ๆ แล้วตบบ่าเพื่อนปลอบโยน
“อย่าดูถูกตัวเองอย่างนั้นเลยน่า คืนนี้พวกเราก็จัดการเองให้สำเร็จ ก่อนที่ทางนั้นเขาจะลงมือก็สิ้นเรื่อง”
“จะพยายามแล้วกัน”
กานต์พยักหน้ารับ โดยที่เฉินได้แต่มองการสนทนาของนายตำรวจทั้งสอง แล้วยิ้มน้อย ๆ ไปด้วย และถึงแม้ว่าด้วยอาชีพที่เป็นอยู่ จะทำให้เขาไม่ถูกโรคกับตำรวจเท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นตำรวจที่มีนิสัยใจคอน่าคบหาอย่างสองคนนี้ เขาก็ไม่คิดจะตั้งแง่รังเกียจแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้นมานัดแนะกันก่อน คุณกานต์ต้องมีความอดทนสูงพอควรนะ เพราะเป้าหมายเรามันค่อนข้างเป็นพวกออกแนวเถื่อน ๆ สักหน่อย เด็กของเราที่หมอนั่นเคยหิ้วไป พอกลับมาก็แทบจะขอลาออก เพราะไม่อยากเจอหมอนั่นอีก เห็นว่าโดนทำซาดิสต์เสียจนขยาดเลยทีเดียว”
กานต์กลืนน้ำลายลงคอ แล้วจึงตอบกลับไปเรียบ ๆ
“ผมคงไม่ทนปลอมตัวจนถึงเวลาที่มันทำซาดิสต์ใส่ผมหรอกครับคุณเฉิน”
“ฮ่า ๆ ผมก็ว่างั้น แต่กลัวคุณจะลืมตัวอาละวาดที่ร้านก่อนพอดีน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็พังกันทุกฝ่ายล่ะนะ”
กานต์ยิ้มแห้ง ๆ แล้วรีบรับปากตามมา
“ผมจะพยายามอดทนเต็มที่ครับ ไม่ต้องห่วง พวกคุณช่วยเหลือผมขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่ทำให้พวกคุณเดือดร้อนอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณครับ ผมจะเชื่อคุณแล้วกัน”
เฉินบอกแล้วยิ้มตอบ แล้วทั้งคู่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกคนที่บ่นตามมาด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ
“เฮ้อ! อย่างนี้คืนนี้ฉันก็ไม่ได้ออกโรงอะไรกับเขาเลยสินะ”
“อยากเปลี่ยนตัวกันก็ได้นะวิน พร้อมทุกเมื่อ”
กานต์เสนอด้วยสีหน้าเอือมระอา ทำให้เพื่อนยิ้มแป้นแล้วโบกไม้โบกมือไปมาล้อเลียน
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเจอซาดิสต์ใส่แล้วเกิดติดใจขึ้นมาจะแย่ ฮ่า ๆ”
“เหอะ! จำที่พูดไว้ดี ๆ แล้วกัน เสร็จงานนี้จะบอกให้เจ้าหนูคริสโตเฟอร์ เล่นงานเสียให้เข็ด”
กานต์บอกอย่างหมั่นไส้ แต่คนฟังยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแทน
“ถ้านายฟ้องหมอนั่น ฉันจะเอาคลิปลับของนายไปให้คุณเควินเหมือนกัน”
อาชวินสวนโต้ตอบแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนมองนิ่งอึ้ง ก่อนจะโวยวายใส่
“คลิปลับอะไร! บอกมานะ! แล้วไปถ่ายมาตอนไหน!”
“ความลับ~ ขืนบอกออกไปก็ไม่ใช่คลิปลับน่ะสิ”
อาชวินยักไหล่พลางยิ้มล้อเลียน จนคนกลางอย่างเฉินมองทั้งคู่ที่ทะเลาะกันแล้วสั่นหน้าอย่างเอือมระอา แต่ก็อดยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้กับความสนิทสนมของคนทั้งคู่
“ถ้าอย่างนั้น ธุระของผมก็มีแค่นี้ล่ะครับ พวกคุณเข้ามานานแล้ว เดี๋ยวพวกข้างนอกมันจะสงสัยเอา และถ้าถูกถามก็บอกว่าเฮียเฉินเรียกมาชม ที่ทำยอดขายในวันแรกได้ดีก็แล้วกันนะครับ”
สองหนุ่มที่กำลังหยอกล้อชะงักกึก แล้วต่างพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ยังไม่วายที่จะแกล้งแหย่ และเขม่นใส่กันอยู่ดี
พอกานต์กับอาชวินออกมาจากห้อง ก็มีพนักงานบางคนเข้ามาสอบถามอย่างสงสัยเหมือนกับที่เฉินบอกไว้จริง ๆ ทั้งคู่เลยแกล้งบอกตามที่ชายวัยกลางคนแนะนำออกไป เพียงไม่นานก็เกิดเสียงซุบซิบนินทาทั่วละแวกนั้นอย่างอิจฉา เพราะนาน ๆ ที เฮียเฉินถึงจะเรียกพนักงานเข้าไปชมสักครั้ง แถมสองคนนี่เฉินก็ยังพามาสมัครเอง ทั้งคู่จึงถูกมองว่าเป็นเด็กเส้นของเฉิน และบางคนยังลือไปจนถึงว่า ทั้งกานต์และอาชวินนั้นเป็นเมียเก็บของเฉินทั้งคู่อีกด้วย
แต่ต้นตอข่าวลือนั้นไม่ได้สนใจใคร ได้แต่ตั้งสมาธิรอคอยให้เหยื่อมาติดเบ็ดเอง ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่า จะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ หรือวันไหนกันแน่
ตกค่ำได้เวลาเปิดร้าน ผู้หมวดหนุ่มทั้งสองก็ยังคงงานเข้าไม่แพ้วันแรก เผลอ ๆ จะยิ่งมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะเรื่องของเควินกับคริสโตเฟอร์ ทำให้เฒ่าหัวงูทั้งหลาย คิดอยากลองลิ้มชิมรสชายหนุ่มน่ากินทั้งสองดูบ้างเช่นเดียวกัน
“น้องกานดาจ๋า คืนนี้ออกไปกับเฮียเถิดนะ งานนี้ถึงผัวน้องจะดุขนาดไหน เฮียก็ไม่สน เฮียอยากให้น้องดูแลเฮียจริง ๆ นะ”
ชายหนุ่มอ้วนลงพุงหน้าตาออกทางเชื้อจีนที่กำลังเมาได้ที่ พยายามพูดจาแทะโลมอ้อนวอนกานต์ที่นั่งดื่มเป็นเพื่อน และต้องซ่อนสีหน้าขยะแขยงเอาไว้อย่างเต็มที่
“ผมก็อยากออกไปกับเฮียหรอกนะ... แต่คืนนี้คงไม่ไหวแล้วล่ะเฮีย เมื่อคืนยังปวดเมื่อยไม่หายเลย”
ชายหนุ่มตีสีหน้าทำเป็นเอียงอาย แล้วพยายามแกะมือไม้ปลาหมึกที่มาลวนลามเขาออกอย่างเต็มที่
“นึกถึงแล้วก็เจ็บใจ เมื่อคืนรู้งี้ยอมเสี่ยงกับผัวโหด ๆ ของน้อง แต่ได้น้องไปกอดยังดีกว่า แต่เฮียก็เข้าใจผัวน้องดีล่ะนะ ลองคนที่หิ้วน้องกานดาไปด้วย เป็นผู้ชายคนนั้น ต่อให้ผัวน้องโหดขนาดไหนก็คงไม่กล้ายุ่งนั่นล่ะ”
ชายอ้วนหน้าตี๋พึมพำ ทำเอากานต์นึกสนใจขึ้นมา เลยแกล้งทำเป็นเออออถามตามน้ำเอาเสียเลย
“ทำไมเหรอเฮีย ผู้ชายคนนั้นเขาร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ มิน่าพอผัวผมเห็นว่าไปกับใคร มันก็ทำเป็นไม่รู้จักผมเสียอย่างนั้นเลยล่ะ”
ชายอ้วนตบมือเผียะกับหน้าขาตัวเอง แล้วจึงโพล่งตามมาดัง ๆ
“บ๊ะ! เฮียว่าแล้ว ว่าผัวน้องต้องไม่กล้า โธ่! ถ้าเป็นคนวงการนี้แล้วไม่กลัวเขา ยังจะกล้าอยู่ในวงการนี้ได้ไงล่ะ!”
กานต์นิ่งคิดอย่างสนใจ ตลอดเวลาที่คบกัน เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีมากขนาดนี้ พอคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงแกล้งทำเป็นรินเหล้าให้เสี่ยอ้วน แล้วรีบประจบถามยกใหญ่
“เฮียครับ ผมอยากรู้เรื่องของคนคนนั้นจัง เฮียรู้จักอะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง พอจะเล่าให้ฟังได้ไหม”
น้ำเสียงอ้อน ๆ นัยน์ตาช้อนมองอย่างยั่วยวน ที่ทำให้คนมองกลืนน้ำลาย แทบจะห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่ แต่ก็ไม่กล้าพอจะที่จะทำอนาจารเด็กดริงค์ของเถ้าแก่ฟงภายในร้านค้าเช่นนี้ เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ใช่แค่เจ้าของร้านธรรมดาทั่วไป แต่ยังเป็นถึงผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งเลยทีเดียว
“แหม...น้องกานดาอยากรู้เรื่องเขาขนาดนี้ คงไม่ใช่ติดใจเขาให้แล้วหรอกนะ”
ชายอ้วนถามอย่างแอบหึงนิด ๆ ส่วนกานต์ทำเป็นตีสีหน้าเอียงอาย แล้วตอบเบา ๆ
“ก็แหม...คุณเขากระเป๋าหนักออกนี่ ก็เลยอยากรู้ข้อมูลไว้บ้าง เผื่อจะได้เอาใจถูก”
พอได้ยินคำตอบเช่นนี้ก็ทำให้คนฟังหัวเราะอย่างถูกใจ เพราะคิดว่ากานต์ก็คงเป็นแค่ผู้ชายขายบริการที่งกเงินคนหนึ่งเท่านั้น และตนเองถ้ากล้าทุ่มเข้าหน่อย ก็คงมีสิทธิ์ได้เชยชมเรือนร่างชวนกระตุ้นอารมณ์นี่ได้บ้างเหมือนกัน
“งั้นก็ได้ ระดับเฮียเองก็แค่รู้จักผิวเผินล่ะนะ แต่ก็ได้ฟังข่าวลือมาหนาหูพอสมควร... สมัยก่อนผู้ชายคนนั้นก็ขาประจำที่นี่คนหนึ่งนั่นล่ะ มาทีก็เหมาเบอร์หนึ่งของร้าน ทั้งชายทั้งหญิงมาปรนเปรอให้ชาวบ้านอิจฉาไม่เว้นแต่ละวัน แถมเบอร์หนึ่งพวกนั้นก็หลงรสลีลาของเขาจนติดอกติดใจ ชนิดว่าถึงขอหิ้วไปฟรี ๆ พวกนั้นก็ยินดีบริการล่ะนะ”
กานต์ชะงักกึก กัดฟันนิด ๆ แล้วกำหมัดน้อย ๆ ด้วยความหึง เมื่อได้ฟังประวัติของคนรักจากปากของอีกฝ่าย
“แต่ก็นั่นล่ะ คนระดับนั้นจะมาคิดจริงจังอะไรกับเด็กขายพวกนี้ โน่น! พี่แกควงไฮโซ นางแบบ ดารา เปลี่ยนแทบไม่ซ้ำหน้า แทบสาว ๆ หนุ่ม ๆ พวกนั้นก็พยายามจะจับเขาจะตาย แต่ก็คว้าน้ำเหลว”
กานต์แสร้งยิ้มแล้วพยักหน้ารับรู้ แต่ในใจรู้สึกปวดแปลบนิด ๆ เมื่อนึกไปว่าเรือนร่างแกร่งที่เคยกอดเขาทุกคืนนั้น จะเคยมีทั้งหญิงและชาย ได้รับสัมผัสเร่าร้อนปรนเปรอลีลาสวาทเช่นเดียวกับเขาเหมือนกัน
“แต่หลัง ๆ มานี่ ข่าวลือพวกนั้นก็เงียบหายไป จู่ ๆ ก็ไม่มีข่าวคาวชู้สาวอะไรของคนนั้นให้เห็น จนมีบางคนลือไปว่าเจ้าตัวได้คนรักเข้าให้แล้ว แต่มันก็คงเป็นแค่ข่าวลือล่ะนะ ก็เมื่อวานยังหิ้วน้องกานดาไปนอนด้วยเลยไม่ใช่หรือไง”
เสี่ยอ้วนบอกแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม โดยไม่ทันสังเกตคนข้างกาย ที่กำลังหน้าแดงระเรื่อด้วยความดีใจ
“อืม...ขอบใจนะเฮีย ที่เล่าให้ฟัง งั้นดื่มอีกนิดนะครับ”
กานต์พยายามแสร้งทำเป็นเอาใจอีกฝ่ายเพื่อแก้เขิน แล้วสักพักจึงหาเรื่องปลีกตัวออกไป โดยมีสายตาเสียดายของชายอ้วนที่โดนปฏิเสธนัดในคืนนี้อีกรอบ
----TBC ----
กำลังคิดว่าจะให้ น้องกานดา กับน้องวิกกี้ เปลืองตัวอีกสักระยะ แต่กลัวเสี่ยเควิน กับเสี่ยคริส ถล่มร้านเสียก่อน (ฮ่า ๆ) เดี๋ยวสักตอนหน้า เป้าหมายก็คงจะเวียนมาแล้วล่ะค่ะ อาจจะว่องไวไปหน่อย แต่ก็เพื่อความสบายใจของคุณสามีทั้งสองล่ะนะคะ ~ (คนเขียนโดนยัดเงินใต้โต๊ะ ให้รีบตัดจบ)
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ^^ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ อ่านแล้วก็แอบยิ้ม บางเมนต์ก็ฮาซะ ~
ขอบคุณฮับ!
