งืม... พิมพ์คอมเมนต์ธรรมดารอดแล้วแฮะ งั้นแปะนิยายต่อ ... (เพิ่งสังเกตว่ามันยาวเกินต้องตัดแบ่งให้สั้น ๆ)
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ~ 
เข็นคู่นี้ออกมาให้แล้วค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะโทนหื่น ๆ เล่นของ ......แต่เขียนไปเขียนมาไหงเป็นงี้ได้ฟะ
ก็ต้องลองอ่านเองค่ะ ยังไม่จบนะคะ ยาวมากจนตอนนี้ความยาวแทบจะเท่าเรื่องสั้นที่เขียนปกติไปละ--
รับไปอ่านกันก่อนนะคะ~ ส่วน "ฉากนั้น" ที่รอคอยจะตามมาในไม่ช้าค่ะ 
-----------------
คุณตำรวจยอดรัก
ตอนพิเศษ (คริส x วิน)
อาชวินวางโทรศัพท์ถึงเพื่อน แล้วก็ตรงไปหาสารวัตรเพื่อคุยเรื่องคดีต่อ และเมื่อเสร็จงานเขาก็ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้นึกสังหรณ์ใจเลยว่า เย็นนี้พอกลับบ้านไปตัวเองจะเจออะไรรอคอยอยู่บ้าง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผู้หมวดหนุ่มชะงัก พอยกดูเบอร์ก็ทำให้เขาขมวดคิ้วนิด ๆ พร้อมกับกดรับ
“มีอะไรหรือคริส โทรมาทำไม?”
“วันนี้คุณวินกลับไวไหมครับ ผมไปหาได้ไหม?”
เสียงร่าเริงดังขึ้นมาตามสาย ทำให้คนฟังชะงักเล็กน้อย เพราะจะว่าไปคริสโตเฟอร์นั้นแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ยอมมาส่งเขาที่บ้านง่าย ๆ แล้วยอมกลับไป โดยไม่ทำอะไรนั่นแล้ว
“ก็ได้อยู่...แต่อนุญาตให้แค่มาหาอย่างเดียวนะ อย่าคิดนอกลู่นอกทางอย่างอื่นล่ะ”
“ครับ~ ได้ครับ ตามคำบัญชาของคุณวินเลยครับ”
คริสโตเฟอร์รีบตอบรับคำโดยไม่เกี่ยงงอน แต่นั่นก็ทำให้คนฟังยิ่งหวาดระแวงหนักไปอีก ทว่าพอได้ยินประโยคถัดมา เจ้าตัวก็ชะงักแล้วหน้าแดงระเรื่อตามมา
“รักคุณวินที่สุดเลยนะครับ อยากให้ถึงเวลาเลิกงานเร็ว ๆ จัง”
“...อือ เหมือนกันนั่นล่ะ แค่นี้นะ!”
อาชวินรีบตัดสาย แล้วพยายามควบคุมอารมณ์ปรับเปลี่ยนสีหน้า ไม่ให้ยิ้มมากเกินไป เพราะกลัวเพื่อนร่วมงานจะผิดสังเกตเอาเข้าให้ได้
ตกเย็น คริสโตเฟอร์ก็มารอผู้หมวดหนุ่มอยู่หน้าที่พักของเจ้าตัว เด็กหนุ่มหอบกับข้าวและเครื่องดื่มมาเตรียมพร้อม เพื่อที่จะรอทานข้าวเย็นด้วยกันกับอีกฝ่ายที่ห้อง ซึ่งอาชวินเองก็เห็นดีด้วย เพราะเขาก็ชอบนั่งทานข้าวเย็นแบบง่าย ๆ มากกว่าจะไปกินตามร้านอาหารหรู ๆ ที่เด็กหนุ่มมักชอบพาไปเสมอนั่น
“คุณวินครับ นี่ก็อร่อยนะครับ นี่ก็ด้วย”
คริสโตเฟอร์เอาใจคนรักโดยการตักโน่นนี่ให้ตลอด จนอาชวินชักจะยิ่งสงสัยมากขึ้น
“นี่คริส ...อ้อนแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า?”
คนฟังชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแย้มไร้เดียงสาสมอายุส่งให้
“ผมก็แค่อยากอยู่กับคุณวินก็แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกครับ”
คนฟังขมวดคิ้วยุ่งอย่างขัดใจ ก็ดีอยู่หรอกที่อีกฝ่ายว่าง่ายแบบนี้ แต่เขารู้สึกว่ามันง่ายเกินไปจนน่าประหลาด และทำให้เขาเกิดความหวาดระแวงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับแล้วนะครับ แล้ววันหลังจะแวะมาใหม่”
คนกินข้าวเสร็จแล้วช่วยเจ้าของห้องเก็บกวาดเรียบร้อยบอกขึ้น ทำเอาอาชวินอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะยอมกลับง่าย ๆ แบบนี้
“เดี๋ยวคริส!”
“หือ? มีอะไรหรือครับคุณวิน”
อาชวินนิ่งอึ้ง จะถามว่าทำไมรีบกลับโดยไม่ยอมมีอะไรกับเขาก็กระดากปากเกินไป จึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วอ้อมแอ้มถาม
“ง่า...มีธุระหรือ ถึงได้รีบกลับ”
เด็กหนุ่มผมทองยิ้มน้อย ๆ แล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ไม่มีหรอกครับ แค่ไม่อยากรบกวนคุณวินเท่านั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องทำงานไม่ใช่หรือครับ ถ้าอย่างนั้นสักพักก็พักผ่อนได้แล้วนะครับ งั้นผมกลับล่ะ”
คริสโตเฟอร์บอกแล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูห้องให้เสร็จสรรพ ทำเอาผู้หมวดหนุ่มนิ่งอึ้ง เพราะปกติเวลาเขาไล่ให้เจ้าตัวกลับ เด็กหนุ่มก็มักจะอิดออดแถมยังคอยหากำไรกับเขาเสียจนหนำใจถึงจะยอมกลับได้ด้วยซ้ำ
“เฮอะ...ไม่เห็นจะง้อเลย กลับก็กลับไปสิ”
อาชวินพึมพำกับความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย เขาคิดว่าบางทีคริสโตเฟอร์อาจจะแกล้งลองเชิงเขาก็ได้ นึกดังนั้นผู้หมวดหนุ่มจึงไม่ยอมออกไปง้อ หรือโทรไปหา จนกระทั่งตอนเช้ามาถึง คนที่นั่งรอว่าอาจจะมีคนโทรศัพท์เข้ามา หรือแอบโผล่มาหาตอนดึก ๆ ก็ต้องสบถอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย เพื่อตรงไปทำงานต่อไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก
“สวัสดีวิน เป็นไงสบายดีไหม...ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะ อารมณ์เสียอะไรมาหรือไง?”
กานต์ที่มาทำงานได้แล้วในวันนี้เอ่ยทักขึ้นอย่างสงสัย เพราะความที่คบกันมานาน จึงทำให้อ่านสีหน้าเรียบ ๆ บึ้งตึงนั้นได้ไม่ยากนัก
“ก็เด็กบ้านั่น...”
อาชวินค้างไว้แค่นั้น แล้วสบถเบา ๆ กับตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ทำไม กวนใจหนักเมื่อคืนหรือไง?”
กานต์กระซิบถาม เพราะสังเกตเห็นขอบตาคล้ำของอีกฝ่าย
“เปล่า!”
อาชวินตอบกระแทกเสียง สร้างความสงสัยให้กับคนถามยิ่งนัก
“เอ๋? แล้วยังไง?”
“ก็เด็กนั่นมากินข้าว แล้วก็กลับ...แค่นั้น”
กานต์ขมวดคิ้วยุ่ง ถ้าแค่นั้นแล้วมันจะน่าโกรธตรงไหน
“พูดจาไม่ดีใส่นาย กวนโมโห เลยทำให้ทะเลาะกัน?”
ผู้หมวดหนุ่มลองเดา แต่คนฟังสั่นหน้า พลางตอบออกไปอย่างหงุดหงิด
“ไม่ใช่ ...เด็กนั่น พูดดี เอาใจ ว่าง่าย บอกอะไรก็เชื่อ กินเสร็จก็ขอตัวกลับ เพราะอยากให้ฉันพักผ่อนให้เต็มที่”
“อ้าว? แล้วไม่ดีหรือไง?”
กานต์บอกอย่างงุนงง ซึ่งอีกฝ่ายก็เม้มปากแน่น พลางบ่นอุบตามมา
“มันก็ดี ...แต่มันทำให้หงุดหงิดยังไงไม่รู้ ...คิดดูสิ ก่อนหน้านั้นทั้งปากว่ามือถึง ทั้งเอาแต่ใจ แถมคอยหาโอกาสเอาเปรียบตลอด แล้วจู่ ๆ มาทำดี แถมว่าง่ายแบบนี้ มันน่าแปลกไหมล่ะ!”
กานต์รับฟังแล้วพยักหน้ารับพร้อมกับคิดตาม ว่าถ้าเกิดจู่ ๆ เควินเป็นแบบนี้เข้า เขาเองก็คงประหลาดใจ และสงสัยอยู่เหมือนกัน เผลอ ๆ จะคิดไปถึงว่า อีกฝ่ายกำลังนอกใจตนด้วยซ้ำ
“หรือว่าเด็กนั่นเบื่อฉันแล้ว...”
อาชวินพึมพำ ทำเอาคนกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ทำนองนั้นชะงัก แล้วรีบให้กำลังใจเพื่อน
“เฮ้! ไม่เอาน่า! อย่าคิดเองเออเองแบบนั้นสิ เด็กนั่นออกจะรักนายจะตาย”
อาชวินนิ่งเงียบ พอคิดอะไรไปในทางแย่ ๆ แล้วมันก็ยากที่จะปรับอารมณ์กลับมาคิดในแง่บวกได้ใหม่อีก
“ใครจะรู้ เรื่องของพวกเรามันก็เกิดขึ้นปุบปับ ...แล้วถ้าเด็กนั่นจะเบื่อ หรือเจอคนใหม่ที่ใช่กว่า...ฉันจะไปว่าอะไรได้”
ผู้หมวดหนุ่มบอกพึมพำ แล้วจึงเดินไปประจำโต๊ะทำงานของตน ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดจากทุกที จนเพื่อนร่วมงานคนอื่นแปลกใจ ส่วนกานต์นั้นเฝ้ามองเพื่อนด้วยความเป็นกังวล แต่ก็ไม่รู้จะปลอบยังไง และเฝ้าภาวนาว่าอาชวินคงจะแค่คิดไปเองฝ่ายเดียว
วันนั้นทั้งวันก็ยังคงไม่มีโทรศัพท์มาจากคริสโตเฟอร์ อาชวินมองมือถือของตน แล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายตัดสินใจโทรไปหาอีกฝ่ายเองในเวลาเลิกงาน
“...คะ? ใครคะ?”
เสียงหวาน ๆ ของผู้หญิงที่ดังขึ้น ทำให้อาชวินเงียบกริบ พูดอะไรไม่ออก เขาพยายามคิดว่าตัวเองโทรผิด แต่เบอร์ที่กดไปนั่นก็เป็นเบอร์ของคนรักที่บันทึกชื่อเอาไว้แน่ ๆ
“พูดกับคริสหรือเปล่าคะ? เขาอาบน้ำอยู่ค่ะ จะรอสายไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ...สงสัยผมคงโทรผิด ขอโทษนะครับ”
ผู้หมวดหนุ่มกดวางสาย แล้วฝืนยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะชะงักเมื่อหันไปเห็นเพื่อนที่ยืนอยู่แถวนั้น
“ขอโทษนะวินไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง ...แต่...คือ...”
อาชวินฝืนยิ้มแล้วยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะตบบ่ากานต์เบา ๆ
“ไม่ต้องคิดมากน่ะเพื่อน มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เด็กนั่นก็แค่ 16 เขาก็แค่หลงผิดกับฉันไปชั่ววูบ ...ได้กลับไปเดินถูกที่ถูกทางของตัวเองก็ดีแล้วนี่”
“วิน...บางทีนั่นอาจจะ ผิดคนก็ได้นะ...ไม่สิ เด็กนั่นอาจจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ก็ได้ไง ...ก็เลย...”
กานต์พยายามยกข้ออ้างมาปลอบอย่างเต็มที่ ทำให้คนฟังรู้สึกตื้นตันที่เพื่อนเป็นห่วงเป็นใยตัวเองขนาดนี้
“ไม่เอาน่ากานต์ ก็แค่อกหัก ใช่ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกสำหรับฉันเมื่อไหร่!”
อาชวินตบบ่าเพื่อนแล้วฝืนยิ้มให้ พลางก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือของตน
“กลับกันเหอะว่ะกานต์ ...อ้อ ของนายเดี๋ยวคุณเควินมารับสินะ”
“วิน...คืนนี้ไปค้างห้องฉันกันไหม ไปกินเหล้ากันก็ได้”
กานต์เอ่ยชวนเพื่อน เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าหากปล่อยไปอาชวินอาจจะไปนั่งเมาที่ร้านใดร้านหนึ่งก็ได้ แล้วถ้าเกิดเจอแบบเขาเข้าเหมือนตอนเควิน บางทีสภาพจิตใจของชายหนุ่มอาจจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมก็เป็นได้
“จะให้ฉันไปเป็นหมอนข้างกันพวกนายหรือไง!”
เมื่อเห็นเพื่อนยืนกรานปฏิเสธ กานต์จึงถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยต่อ
“ไม่ไปแน่นะ...เอ่อ...แล้วเหล้าน่ะ ถ้าจะดื่มจริง ๆ ซื้อไปกินบนห้องนะ อย่าไปดื่มตามร้าน เมาหนักแล้วมันจะยุ่ง ...”
คนพูดชะงักแล้วเงียบไป เพราะไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดยังไงดี แต่อาชวินมองหน้าเพื่อนก็พอจะเดาออก เขายิ้มน้อย ๆ แล้วบอกกับอีกฝ่าย
“เป็นห่วงกลัวฉันได้สามีใหม่เหรอ? โธ่! กานต์ คนตาต่ำมามองฉันน่ะ มีไอ้เด็กนั่นคนเดียวก็พอแล้ว!”
อาชวินบอกอย่างขำ ๆ แต่พอคิดถึงใบหน้าของคนรักก็ทำให้เขามีสีหน้าสลดลงไป ก่อนจะทำเป็นฝืนร่าเริงตามมา
“กลับล่ะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันโอเคอยู่แล้ว!”
บอกจบอาชวินก็ตบบ่ากานต์เบา ๆ แล้วเดินตรงไปที่รถ ก่อนจะขับออกไป ท่ามกลางสายตาเป็นห่วงของคนที่มองอยู่
อาชวินขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่ได้กลับบ้าน แต่ตรงออกนอกตัวเมืองที่ไม่พลุกพล่าน เขาจอดรถอยู่ริมทาง แล้วนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ในนั้น
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำให้อาชวินชะงักกึก เขาหยิบมันขึ้นมาดูเบอร์ แล้วก็ต้องเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจกดรับตามปกติ
“สวัสดีครับ อาชวินพูด”
คำทักทายอย่างเป็นทางการ ทำให้ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“คุณวิน เป็นอะไรไปครับ อารมณ์เสียหรือครับ?”
แม้จะฟังแค่เสียง คนฟังก็พอจะคาดเดาอารมณ์ได้ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้อาชวินรู้สึกเจ็บมากขึ้นไปอีก
“ไม่มีอะไร แค่เครียดเรื่องงาน คดียาก ๆ เข้าก็แค่นั้น”
ชายหนุ่มตัดสินใจโกหกออกไป เพื่อรอดูท่าทีว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกับเขาอีก
“อย่าเครียดมากสิครับ หรือถ้าเครียดมากก็มาปรึกษาผมก็ได้นะ ผมยินดีรับฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว”
น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น ทำให้คนฟังน้ำตาซึม แต่ก็ไม่กล้าจะถามออกไปตามตรง
“คริส...คืนนี้ว่างไหม มาหาฉันที่ห้องได้หรือเปล่า?”
ปลายสายเงียบไป ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจดังขึ้นให้ได้ยินเล็ดรอดเข้ามา
“เสียดายจังครับ นาน ๆ คุณวินจะเป็นฝ่ายชวน ...แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับ คืนนี้ไม่ว่างจริง ๆ อ๊ะ! แต่ตอนเช้าไปดักรอได้นะครับ แล้วพรุ่งนี้ก็ว่างทั้งวันด้วยครับ!”
อีกฝ่ายรีบย้ำตามมา แต่คนฟังนั้นหลับตานิ่ง แล้วบอกกลับเสียงแผ่ว
“ไม่เป็นไร ...ก็แค่ลองชวนดู ...แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาดักรอแต่เช้าอะไรนั่นหรอก คืนนี้มีธุระยุ่งไม่ใช่หรือไง”
“เอ่อ...ก็ยุ่งอยู่หรอกครับ...”
“นั่นล่ะ จัดการธุระเสร็จก็พักซะ ไม่ต้องมารับฉันหรอก ฉันขับรถไปเองได้อยู่แล้ว ก็ขับอยู่ออกบ่อย ๆ”
น้ำเสียงที่พูดออกไป เจ้าตัวพยายามปรับให้เป็นปกติเต็มที่ แม้ว่าหยาดน้ำใส ๆ จะค่อย ๆ ไหลรินลงมาจากดวงตาทั้งสองก็ตาม
“งั้นแค่นี้นะคริส ...ลาก่อน...ขอให้นายโชคดีนะ”
อาชวินบอกลาแล้วตัดสาย โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะสงสัยหรือแปลกใจกับประโยคคำพูดนั้น ก่อนจะปิดมือถือของตน เพื่อไม่ให้ใครโทรตามอีก
ผู้หมวดหนุ่มนั่งหลับตาอยู่เช่นนั้นพักใหญ่ จนรู้สึกถึงความหนาวเย็นของอากาศรอบด้านที่ค่อย ๆ ลดอุณหภูมิลง พอมองเวลาก็ปาไปเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
“กลับบ้านดีกว่าแฮะ”
เสียงพึมพำจากเจ้าของรถที่นั่งปลดปล่อยอารมณ์ได้พักใหญ่ ก่อนจะเริ่มต้นขับรถกลับเข้าสู่ตัวเมือง เพื่อตรงไปยังที่พักของตัวเอง