คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 166688 ครั้ง)

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #120 เมื่อ06-06-2007 14:00:27 »

แผนไรอ่ะ บอกหน่อยจิ....อิอิ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #121 เมื่อ06-06-2007 14:25:01 »

ดูมันช่างกดดันเจงๆ
 o12

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #122 เมื่อ06-06-2007 14:48:57 »

กดดันตรงไหน....เรื่องธรรมชาติ....หุหุ

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #123 เมื่อ06-06-2007 14:56:37 »

 :impress: ยังพูดอะไรมากไม่ได้..พึ่งเริ่มอ่านได้ไม่กี่ตอน  น่าสนใจดีครับ o8

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #124 เมื่อ06-06-2007 18:53:18 »

ผมไม่ใช่คนที่จะอยู่ในคำสั่งของใครอย่างแท้จริง.........มันเป็นวิธีการทำให้เหมือนเราอยู่ในคำสั่ง.........แต่จริงๆแล้วเราต่างหากที่เป็นคนสั่ง.....หากแต่เราจะต้องรู้จักที่จะใจเย็นและรอเวลา....

หุหุ นิสัยแบบนี้เขาเรียกว่า อ่อนนอกแข็งในใช่ปะ  :laugh3:  :laugh3:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #125 เมื่อ07-06-2007 08:41:08 »

                        เมื่อมีครั้งแรกก็ย่อมต้องมีครั้งที่สองเป็นสัจจะธรรม...........ผมเดาเอาว่านัทเองก็คงรู้สึกสบายใจที่พบกับทางออกสำหรับความสัมพันธ์อันน่าอึดอัดของเรา.......หลังจากเปลี่ยนกิจกรรมการออกเดทกลางแจ้งมาเป็นในร่มแทน.......อะไรต่ออะไรก็ดูจะก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ..........

                         “เราซื้อลูกชิ้นไปทอดกินที่ห้องกันดีกว่า” นัทเสนอความเห็นหลังจากที่เราสองคนขับรถตะลอนๆเพื่อหาร้านทานข้าวไปจนทั่วเมือง.........แต่ยังไม่พบที่ถูกใจ.......แสดงว่าเค้าอาจจะติดใจรสมือผมก็ได้นะ.......
                         “เอาสิ ว่าแต่จะไปซื้อที่ไหนล่ะ” ผมไม่ทราบแหล่งที่จะหาซื้อลูกชิ้นในแบบที่นัทต้องการ
                         “แถวกาดเจดีย์ขาว เดี๋ยวนัทจะบอกทางเอง พี่กั้งขับรถไปเถอะ” เค้าพาผมขับรถลัดเลาะไปตามซอกซอย.........ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องเดินตลาดสดมากนัก........ส่วนมากจะเดินจับจ่ายตามห้างหรือไม่ก็คอนวีเนียนสโตร์มากกว่า........นัทรู้เรื่องเสาะหาของกินพวกนี้มากจริงๆ.......ผมจึงไม่ต้องทำอะไร นอกจากเดินตามหลังเค้ามาห่างๆ...........รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อยที่นัทยังไม่ยอมเดินคู่กับผมในที่สาธารณะแบบนี้.........เมื่อไหร่เค้าจะยอมรับตัวเองได้ซักทีนะ.........แต่มองๆดูแล้วคงจะอีกนาน........จนกว่าเค้าจะรักผมมากพอ..........หรือไม่ผมก็อาจจะยอมแพ้ไปเอง......
   
                         “นัทอยากกินลูกชิ้นแบบไหน” ผมถามเนื่องด้วยว่าที่ร้านมีลูกชิ้นให้เลือกหลายแบบละลานตาไปหมด.........ซึ่งก็แน่นอนว่าถูกต้องตามหลักศาสนา.............
                        “พี่กั้งอยู่เฉยๆ เดี๋ยวนัทเลือกเอง” เวลาอยู่ข้างนอกนัทมักทำท่าเย็นชา ห่างเหินกับผมเสมอ เค้าดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลย..........ผมทั้งรู้สึกทั้งน้อยใจผสมกับรู้สึกสงสารที่เค้าต้องกดดันตัวเองมากขนาดนี้........เค้าจะทำแบบนี้ไปทำไมกันนะ.....   
                        “เอานี่.....นี่ และก็นี่ด้วย” นัทยื่นถุงลูกชิ้นใส่ตระกร้าที่ผมเป็นผู้ถือเดินตามมาอย่างเสงี่ยมเจียมตัว....บางครั้งก็นึกโกรธตัวเองว่าทำไมจะต้องทำท่าเสงี่ยมขนาดนี้นะ.........หรือผมอาจจะกำลังสนุกกับการที่ต้องทำท่าเหมือนกับโดนใครบางคนคอยกดขี่อยู่ก็ได้.........แต่มันก็รู้สึกดีนะ ผมบอกไม่ถูกหรอก เพราะผมรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างตัวเองดูน่าสงสารหรือจริงๆแล้วเราแกล้งทำให้ดูน่าสงสารเกินความจริงมากไป........เฮ้อ.....สับสนตัวเองจริงๆ

                        “อยากกินผลไม้มั้ย” ผมออกความคิดเพราะอย่างให้การเดทของเราออกมาสมบูรณ์แบบ....เราจึงเดินลัดเลาะหาซื้อผลไม้อีกอย่างสองอย่าง.........และลงเอยด้วยการแวะเช่าหนังตามระเบียบ........

                        เมื่อกลับมาถึงที่ห้อง...........ผมรีบกุลีกุจอ (ต้องใช้คำนี้แหล่ะถึงจะเหมาะสม) ปูเสื่อที่ระเบียงห้อง และลงมือทอดลูกชิ้น........ส่วนนัทก็นอนดูหนังตามเคย.........เค้าลุกขึ้นมาหยิบนั่นกินนี่บ้างเป็นบางครั้ง..........ผมเอารูทเบียร์ที่เค้าชอบไปเสิร์ฟให้.......แล้วค่อยมาทอดลูกชิ้นต่อ............หลังจากทอดลูกชิ้นจนเต็มจานขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะพอเลี้ยงคนได้สักห้าหกคน........ผมจึงหันมาทำน้ำจิ้มลูกชิ้น..........ก็เรื่องอะไรจะปล่อยให้เค้ากินน้ำจิ้มสำเร็จรูปล่ะ........ทำอะไรง่ายๆอย่างนั้นก็ไม่ใช่ผมน่ะสิ..........ผมจึงลงมือปรุงน้ำจิ้มลูกชิ้นสูตรเด็ดเพื่อมัดใจนัทด้วยตัวเอง...........วิธีทำง่ายๆก็คือตั้งกระเทให้ร้อน แล้วเทน้ำจิ้มสำเร็จรูปลงไปก่อน จากนั้นก็ใส่น้ำมะขามเปียก และก็มะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้นขนาดเล็กๆประมาณถ้วยตวง ใส่พริกป่นลงไปตามแต่ว่าชอบเผ็ดมากหรือน้อย.........เคี่ยวจนกว่ามะเขือเทศจะเละเป็นเนื้อเดียวกับน้ำจิ้ม........แล้วจึงปรุงรสตามใจชอบ..........แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย........ผมรีบยกไปวางที่โต๊ะพร้อมกับจานลูกชิ้น........
                          “มากินได้แล้ว เสร็จแล้ว” ผมร้องเรียก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกไปทำไม ก็ในเมื่อเค้าเห็นอยู่แล้วว่ายกมาตั้งที่โต๊ะ......แต่ถ้าไม่เรียกเค้าอาจจะไม่ลุกมากินก็ได้นะ......
                         นัทลุกไปขยับทีวีหันมาในทิศที่โต๊ะกินข้าวตั้งอยู่.......แล้วจึงเดินมานั่งประจำที่ ลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย.....
                          “น้ำจิ้มอร่อยมั้ย” ผมหวังว่าจะได้รับคำชมสักนิดก็ยังดี.....แต่คงยาก
                          “ไม่เห็นจะอร่อยเลย” นัททำปากเบะ.....เดินไปหยิบน้ำจิ้มสำเร็จรูปที่เหลือมาเทใส่ถ้วย ก่อนจะลงมือกินต่อ...........ตาบ้านี่.....คนอุตส่าห์ทำแทบตาย......

                           ผมไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมดังกล่าวเพราะชาชินแล้ว............หน้าที่ผมยังไม่หมดเท่านั้นหรอก..........ผมหันไปหยิบเอาถุงมังคุดออกมาจากตู้เย็น........ลงมือเจียนใส่จานเอาไว้........ในขณะที่นัทนั่งกินไปดูทีวีไป ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีซาบซึ้งกับการกระทำของผมตรงไหน.........หรือเค้าจะคิดว่าเค้าสมควรไปรับการปรนนิบัติแบบนี้อยู่แล้วนะ.....ช่างเค้าเถอะ ถึงไงผมก็เต็มใจทำให้อยู่แล้ว....มันอยู่ในสายเลือดน่ะ.....
                         จนกระทั่งจนนัทกินเสร็จเรียบร้อย ผมจึงจัดเก็บถ้วยจาน........เป็นอันว่าหมดหน้าที่..........แล้วผมจะทำอะไรล่ะทีนี้.....ก็เค้าไม่ได้สนใจผมเลยเอาแต่ดูทีวีอยู่ได้............ไปอาบน้ำดีกว่า

                          อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย..........ผมนำเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย เพราะไม่อยากทำไรประเจิดประเจ้อนัก เนื่องจากเรายังไม่ได้ไปถึงขั้นไหนกันเลย...........เดินออกมาจากห้องน้ำทาครีมและแป้งลวกๆ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าผมเป็นคนเจ้าสำอางจนเกินไป..........นัทเหลือบมามองผมทำกิจกรรมต่างๆบ้างเป็นบางครั้ง.........แต่โดยมากก็ยังเห็นว่าสนใจดูทีวีมากกว่าอยู่ดี........
   
                          อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อดีล่ะ............
                         “หนังสนุกไหม” ผมขยับตัวไปนั่งใกล้ๆ พยายามดึงดูดความสนใจจากนัท
            “อยู่เฉยๆ คนกำลังดูหนังอยู่........ วู้ววว” นัทหันมาทำเสียงโวยวายใส่...........อะไรกันเนี่ย..........ใจคอจะสนใจดูแต่หนังหรือยังไง..........นี่เค้าไม่เคยแชร์ชีวิตร่วมกับใครเลยเหรอ..........เค้าน่าจะรู้วิธีปฏิบัติตัวในการอยู่ร่วมกับคนอื่นในเบื้องต้นบ้างนะ
                         ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียง จึงหันไปหยิบหนังสือมานอนอ่าน............ก็หนังพวกนั้นมันน่าเบื่อจะตาย.......ผมไม่มีความอดทนนั่งดูกับเค้าหรอก..........อีกอย่างหนึ่งผมก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอะไรระหว่างที่ดูหนังเลย เพราะจะโดนโวยวายตลอดเวลา.........แล้วมันจะมีอรรถรสอะไรล่ะ
....สู้นอนอ่านหนังสือเงียบๆดีกว่า

                        จนเวลาจวนจะห้าทุ่มแล้ว..........นัทยังไม่มีท่าทีว่าจะหันมาสนใจหนังสดที่นอนอยู่ข้างๆ มากไปกว่าหนังแห้งๆในจอทีวีเลย..........ผมจึงคลี่ผ้าห่มออกมาคลุมแล้วเอนตัวลงนอนก่อนจะม่อยหลับไป...........
                        สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นนัทหลับไปแล้ว............เหลือบตาดูเวลาก็ค่อนข้างจะดึก จึงไม่อยากจะปลุก..............ผมลุกขึ้นไปปิดไฟ ก่อนจะหยิบผ้าห่มมาคลุมให้นัท...........ช่วงนี้กำลังจะเข้าหน้าหนาว.......เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี...........ผมกลับไปนอนที่อีกฝากของเตียง............ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองจึงต้องลอบถอนหายใจเงียบๆ..........ผมผิดหวังเรื่องอะไรนั้นก็ไม่แจ้งแก่ใจนัก................หรือผมอาจจะอยากมีอะไรกับเค้านะ...........แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่ารู้สึกแบบนั้น.............ถึงอย่างไรผมก็หวังว่าอย่างน้อยๆเราน่าจะได้แสดงความรักต่อกันโดยการใช้ภาษาทางกายบ้าง.....เคยมีบางคนบอกว่า การมีความรักที่สมบูรณ์นั้น เราจะสื่อสารกันด้วยวาจาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ.............เนื่องการพูดเพียงอย่างเดียวไม่อาจจะทำลายช่องว่างระหว่างเราลงได้..........บางอย่างจะต้องสื่อสารกันด้วยภาษากาย..........เช่น การกอด หรือหอมแก้มอะไรเทือกนั้น.......ไม่ง่ายเลยกับการจะมีความรัก..........
                        สำหรับตัวผมเองมีแนวคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตด้านความรักว่า.....เซ็กส์สามารถเกิดขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแฟนก็ได้..........แต่การมีความรักจะทำให้เรามีทั้งแฟนและมีเซ็กส์.....ซึ่งผมปรารถนาจะใช้ชีวิตด้วยการมีความรักดีกว่า................แล้วกับนัทล่ะ เค้าจะเป็นแค่เซ็กส์ หรือว่าความรัก..............
ป่วยการคิดให้เวียนหัว............นอนดีกว่า.............

                       คืนนั้นผ่านไปอย่างว่างเปล่า...........ยอมรับตรงๆว่าผมค่อนข้างจะผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเลย.........อีกใจหนึ่งก็แสนจะกระดากที่ตัวเองช่างหมกมุ่นคิดแต่เรื่องพวกนี้อยู่ได้........แต่มันก็น่าแปลกใจไม่ใช่หรือไง.............เราคบกันมาก็ได้ระยะหนึ่งแล้ว..........น่าจะถึงเวลาแสดงความรักทางกายกันได้แล้วแหล่ะ.............หรือว่าเค้าไม่ได้รู้สึกพิสวาสผมเลย...........บางทีผมอาจจะแก่แดดเกินไปก็ได้นะ.........แล้วคู่อื่นๆเค้าเป็นยังไงกันมั่งล่ะ.........ผมเองก็ใช่ว่าจะเคยคบกับใครจนข้ามขั้นไปถึงการมีความสัมพันธ์ทางกายมาก่อน........ไอ้เรื่องแบบนี้จะให้เราเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเหรอ..........น่าอายจะตาย............แต่ถึงอย่างไรผมคงต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว..............ไม่เช่นนั้นพัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างเราจะต้องหยุดชะงัก ไม่ก้าวหน้าเป็นแน่.......ผมมีความจำเป็นต้องทำจริงๆ......หุหุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2007 14:37:18 โดย moody »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #126 เมื่อ07-06-2007 13:33:49 »


...........เฮ้อ... :เฮ้อ: :เฮ้อ: .....เหนื่อยใจแทน....

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #127 เมื่อ07-06-2007 15:03:37 »

อย่างน้อยก็ถือว่าก้าวหน้าหละนา

ก็คุณพี่ลองคิดดูดดิ  ไอ้นัทหน้ามึนมันกล้ามานอนค้างที่ห้องคุณพี่ ความจริงมันอาจจะอยากพูดอะไรบางอย่างเพื่อที่จะขอค้างคืนกับพี่

แต่ด้วยสิ่งที่ขัดแย้งอยุ่ภายในใจของมันทำให้มันไม่สามารถที่จะยอมให้ตัวของมันเองพูดในสิ่งที่มันอยากพูดออกมาก็เป็นได้  ดังนั้น  มันจึงเลือกวิธีที่จะทำเฉยและเลยตามเลยไปแทน  พี่คิดดูดิ....ว่าเหตุใด  ใยไอ้นัทมันถึงได้ค้างห้องพี่คืนนั้น  :laugh:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #128 เมื่อ07-06-2007 15:12:42 »

คงง่วงมั้ง....

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #129 เมื่อ07-06-2007 19:16:25 »

เหอ เหอ เหนื่อยมั๊ยคนดีมีน้องเป็นแฟน  :try2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #129 เมื่อ: 07-06-2007 19:16:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #130 เมื่อ07-06-2007 20:51:57 »

ไหนๆ ก็ต้องทำอะไรบางอย่างละ  ทำๆ ไปเลยคุณพี่  ลุยโลดดดดด (ยุส่งซะเลย) :laugh3:  :laugh3:

รออ่านต่อจ้า   o15

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #131 เมื่อ08-06-2007 13:34:34 »

ฉลาดเนอะคุณพี่คนเขียน

คิดได้แค่เนี้ย  ง่วง?

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #132 เมื่อ08-06-2007 13:57:07 »

เอ๋า ก็คิดแบบคนใสซื่ออ่ะ........อิอิ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #133 เมื่อ08-06-2007 17:52:25 »

ตามทันเระ รออ่านต่อจ๊ะ

อึดอัดแทนกั๊งจัง อะไรที่อยากทำก็ทำมะได้  :try2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #134 เมื่อ11-06-2007 14:01:53 »


หายไปนานแล้วนะ  :angry2:

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #135 เมื่อ11-06-2007 19:31:20 »

 o14เห็นด้วย o14สาธุมาไวไวได้โปรด o1

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #136 เมื่อ12-06-2007 07:34:49 »

ช่วงนี้งานยุ่งมากเลยยยย แล้วจะรีบมาเขียนต่อนะครับ อีกไม่นานหรอกจ้ะ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #137 เมื่อ12-06-2007 08:22:45 »

ติดตามมาพอสมควรอะครับ

เป็นแรงใจสู้ๆ ต่อไปนะก้าบบบบ  :yeb:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #138 เมื่อ12-06-2007 09:18:27 »

                         วันนี้เป็นวันเกิดผม แต่ผมจะยังไม่บอกนัทหรอก.....เอาไว้ตอนไปกินข้าวเย็นด้วยกันแล้วค่อยบอกดีกว่า........เดี๋ยวเค้าจะว่าผมเห่อไม่เข้าเรื่อง.........ในสายตาของนัท ผมทำอะไรก็ดูไม่ได้เรื่องไปซะหมด.......ทำอะไรไม่เคยถูกใจเลย.......ไม่รู้จะคบกันไปได้อีกนานแค่ไหน.........ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้เบื่อเค้าหรอก........กลัวแต่เค้าจะเบื่อผมซะก่อนมากกว่า...
                         ค่ำนี้ต้องเป็นคืนที่พิเศษสำหรับ ผม และเค้า.............เราสองคนยังไม่ได้ออกไปทานข้าวในบรรยากาศดีๆด้วยกันเลยสักที.......
                         “นัทเหรอ เย็นนี้ไปกินข้าวกันนะ พอดีวันนี้เป็นวันเกิดพี่ด้วย” ถึงเราจะคบกันมาได้สักระยะแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกเหมือนกับต้องคอยหาข้ออ้างให้กับตัวเองเสมอ เวลาที่จะชวนนัทออกไปไหนมาไหน...........นี่มันคงยังไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่เป็นแฟนกันจริงๆสินะ.....เพราะคนที่เป็นแฟนกันจริงๆจะต้องไม่มีคำถามว่า....ทำไมฉันต้องไปนั่นมานี่กับเธอ..........เค้าจะต้องพร้อมเสมอที่จะเคียงคู่ไปกับเราในทุกสถานการณ์....และทุกที่.....
                         “อ้าววันเกิดเหรอ ทำไมไม่บอกซะก่อนจะได้ซื้อของขวัญให้ นัทไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย”......โธ่เอ๋ย.......นี่เธอไม่รู้หรอกเหรอว่า..........เธอคือของขวัญที่วิเศษที่สุดแล้วสำหรับพี่.....บางครั้งเวลาโดนเค้าบ่น.......ผมกลับรู้สึกมีความสุข.....เพราะอย่างน้อยๆเค้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าใส่ใจในตัวผม..........ดีกว่าเค้าเงียบหายและห่างเหินไป......
                          “ไม่ต้องให้อะไรหรอก แค่เราไปกินข้าวกันก็พอแล้ว เดี๋ยวทุ่มนึงพี่จะออกไปรับนะ” ผมบอกเวลานัดหมายให้เป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว จึงหันมาเลือกเสื้อผ้าสำหรับจะไปกินข้าวในวันเกิดคืนนี้....ผมอยากจะดูดีที่สุดสำหรับเค้า.........
   
                          ปกติในวันเกิดของผม ผมมักจะจัดงานเลี้ยงเพื่อนๆที่รักใคร่ชอบพอกันทุกๆปี............เรามักจะทำกับข้าวกินกันเอง.............ดื่มเหล้า....คุยกัน....เล่าเรื่องสัปดน....โปกฮา ไปตามเรื่องตามราว......ผมเป็นคนมีเพื่อนไม่มาก.....แต่ทุกคนเป็นคนดี และรักผมมาก.....ผมมีหลักในการคบเพื่อนอย่างหนึ่งว่า เราจะต้องเต็มที่เสมอกับเพื่อน.....และเพื่อนก็ต้องเต็มที่เสมอกับเรา..........หากอันใดอันหนึ่งไม่สมดุลกันแล้ว............คิดว่าให้เป็นแค่คนรู้จักกันน่าจะดีกว่า.......แต่ปีนี้งานวันเกิดที่เพื่อนๆทุกคนรอคอยกลับเงียบสนิท...........ผมเลือกที่จะไปกินข้าวกับนัทสองคน............แทนที่กับการไปกินข้าวกับเพื่อนๆ.................เอ......หรือว่าตอนนี้ผมเองที่เป็นฝ่ายไม่เต็มที่กับเพื่อนๆซะเอง.....รู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ.....แต่หวังว่าเพื่อนๆคงจะเข้าใจ.....เดี๋ยวเอาไว้ค่อยไปอธิบายทีหลังก็ได้.....คงไม่มีใครใจจืดกับผมได้ลงคอหรอก.........
                          “ถ้าแกลงมาอยู่ที่กรุงเทพแล้ว ห้ามแกมีแฟน” เดียว...เพื่อนสนิทชาวเกย์ของผมออกกฎข้อห้ามเอาไว้ล่วงหน้า.........เนื่องจากว่าภายหลังจากเรียนจบผมมีแผนจะลงมาอยู่ที่กรุงเทพ และเดียวก็คาดหวังว่าผมจะต้องอยู่เป็นเพื่อนกับหล่อนไปแบบนี้ตลอด
                         “ทำไมล่ะ” ผมนึกสงสัย....หล่อนมีสิทธิ์อะไรที่จะมาห้ามปรามการใช้ชีวิตของคนอื่น...มันจะก้าวก่ายมากไปหน่อยแล้วมั้ง
                        “เพราะว่าถ้าแกมีแฟน แกจะไม่มีเวลาให้ฉัน แกจะขลุกอยู่แต่กับแฟนของแกน่ะสิ” เดียวทำหน้าตาอวดรู้เรื่องนิสัยของผม..........เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันมานาน.........นานจนผมลืมไปแล้วว่าเราเริ่มรู้จักกันเมื่อไหร่...........จำได้แต่ว่าตอนนั้นผมเรียนปริญญาตรีรุ่นเดียวกันกับเดียว........และไม่น่าเชื่อเลยว่าเค้าจะมีแฟนเป็นผู้หญิง.............ผมมองเค้าออกว่า เป็นเกย์ แต่ก็ไม่ได้คิดจะไปสนใจอะไรมากมายเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว.......ซึ่งในตอนนั้นเองผมก็ยังไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยตัวเองเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่าปิดบังอะไร เลยกลายเป็นประเภทครึ่งๆกลางๆ.....จะใช่หรือไม่ใช่ให้คนตั้งคำถามกันให้ปวดหัวเล่นๆ.......การจะใช้ชีวิตแบบเกย์ในต่างจังหวัด จะต้องมีความแน่วแน่ และก็กล้าหาญในการเปิดเผยตัวเองมากพอสมควร เนื่องจากสังคมต่างจังหวัดค่อนข้างจะคับแคบ และบีบรัดด้วยความเชื่อ ค่านิยมแต่เก่าก่อน.......ไม่แปลกหรอกที่เด็กแค่ระดับปริญญาตรีจะไม่มีความหาญกล้าพอที่จะแสดงจุดยืนที่แปลกแยกจากสังคมของตนเองออกมา......บ่อยครั้งที่เราพบว่าเกย์ในต่างจังหวัดลงเอยด้วยการแต่งงานเฉกเช่นเดียวกับชายไทยปกติทั่วไป.......ทั้งๆที่มองยังไงก็หนีไม่พ้นคำว่าเกย์ไปได้........ดังนั้นเกย์ในต่างจังหวัดที่พอจะปกปิดตัวเองได้จึงมักจะปกปิด....ในขณะที่จำพวกสว่างจิตทั้งหลายเลือกหนทางที่จะเปิดเผยตัวเอง เพราะฝืนทำท่าเก๊กแมนไป ก็จะดูคล้ายทอมบอยซะมากกว่า.......จนภายหลังผมได้มาเรียนต่อที่กรุงเทพ เดียวก็ได้งานทำที่กรุงเทพเช่นเดียวกัน.........เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่แฟนของเดียวเสียชีวิตลงด้วยโรคร้ายอย่างกระทันหัน............นับแต่นั้นมาเดียวจึงเปิดเผยตัวเองออกสู่สังคมชาวเกย์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีผมคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และรุดหน้าไปไกลจนผมตามไม่ทัน....ตอนนี้ถ้าอยากจะรู้เรื่องอะไรดีๆต้องคอยมาถามเดียว....เพราะหล่อนกลายเป็นผู้มากประสบการณ์ไปซะแล้ว.....

                         “ก็แน่ล่ะสิ แกไม่มีแฟนแกก็ยังมีเซ็กส์ได้ แต่ฉันไม่มีแฟนฉันก็ไม่ได้มีเซ็กส์กับเค้าซักทีสิ” ผมแย้งเพราะรู้ว่า ถึงเดียวจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่หล่อนก็ยังมีผู้ชายให้ควงไม่ซ้ำหน้า.....แต่ผมน่ะสิ...ผมไม่ต้องแห้งเหี่ยวตายอยู่กับนังเดียวไปตลอดชีวิตหรือยังไง ถ้าหล่อนจะห้ามไม่ให้ผมมีแฟน.....เข้าใจคิดนะนังนี่.....

                          ผมมารับนัทตามเวลาที่เราได้นัดหมายกันเอาไว้............เค้าแต่งตัวธรรมดาๆ ไม่ได้แสดงความพิเศษอะไรออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย...........ไม่ว่าจะชุดไปเล่นกีฬา.....ชุดไปกินข้าว หรือแม้แต่ชุดไปออกเดท ล้วนไม่แตกต่างกันทั้งสิ้น..........ชุดอย่างโก้ของนัทอย่างมากที่สุดก็คงแค่กางเกงยีนส์ตัวเก่งกับเสื้อคอโปโล........นอกนั้นมักจะเป็นกางเกงทหารขาสาวส่วนสีมอๆ กับเสื้อตามแต่จะหยิบฉวยมาได้...........
                        “ไม่เห็นต้องแต่งเวอร์ขนาดนี้เลย แค่ไปกินข้าวแค่นี้เอง” นัทค่อนขอดผมทันที่ที่ก้าวเข้ามานั่งในรถ.......เราสองคนต่างกันมากเรื่องการแต่งตัว.....บางครั้งนัทจะพูดเปรยๆกับผมว่า
                       “พี่กั้งก็หน้าตาดี แต่งตัวก็ดี อะไรก็ดี แล้วทำไมถึงต้องมาชอบคนอย่างนัท ทำไม่หาคนที่ดีกว่า” เค้าไม่รู้หรอกว่าเค้ามีความพิเศษสำหรับผมมากแค่ไหน......ผมไม่ได้ชอบคนที่ดูดีแต่ภายนอก.....ถึงนัทจะเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง....และชอบพูดจากระด้าง....แต่ผมคิดว่าเค้าเป็นคนที่จริงใจ.....ถึงจะเป็นความจริงใจภายใต้ความขัดแย้งทางด้านความเชื่ออย่างมหาศาลก็ตาม......

                        ช่วงนี้ยังหัวค่ำอยู่ คนที่ร้านจึงไม่มากนัก.....ผมเลือกร้านที่มีบรรยากาศสบายๆ และที่สำคัญค่อนข้างจะโรแมนติกเนื่องจากอยู่ติดเชิงดอยสุเทพแสนสวย.....อากาศเริ่มเย็นหน่อยๆแล้ว
                        เราสั่งอาหารมารับประทานกันสามสี่อย่าง.........ผมสั่งเบียร์ให้ตัวเอง....ส่วนนัทดื่มน้ำอัดลม....ผมนั่งดื่มเบียร์และมองดูนัทกินข้าวมากกว่าจะกินซะเอง..........นี่ถ้าเป็นผมต้องโดนใครมานั่งจ้องแบบนี้คงเขินจนไม่เป็นอันตักอะไรเข้าปากเป็นแน่...........แต่ตาบ๊องนี่กลับทำเฉยซะงั้น.....
                         ระหว่างที่เรากำลังทานอาหาร มีเด็กหูหนวกเดินเร่เข้ามาขายพวงกุญแจและของกระจุกกระจิกเล็กๆน้อยๆ......ผมส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ.......แต่นัทกลับสนอกสนใจดูของพวกนั้นอย่างจริงจัง
                          “นี่เค้าจะดูไปทำไม มันก็แค่ของพื้นๆ” ผมคิดในใจ....แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร....เพียงแต่นั่งสังเกตดูอยู่เงียบๆ
                          “พี่กั้งเลือกเอาอันหนึ่งสิ นัทจะซื้อให้เป็นของขวัญ” ห๊า! เค้าจะซื้อให้ผมเหรอ ฟังผิดไปรึเปล่าเนี่ย
                         “ก็พี่กั้งบอกกะทันหัน นัทเลยไม่ได้มีเวลาซื้อของขวัญให้เลย” เค้าให้เหตุผล....ให้แค่พวกกุญแจถูกๆพวกนี้ จะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ.....
                 
                          ผมเลือกพวกกุญแจด้วยความรู้สึกทั้งประหลาดใจและประทับใจระคนกัน.....จนในที่สุดผมเลือกได้ปลาดาวสีชมพู.......คนขายหยิบมาและสาธิตให้ดูว่าสามารถกดตรงกลางลำตัวปลาดาว...แล้วจะเกิดไฟกระพริบขึ้นมา และถ้ากดอีกครั้งไฟจึงจะดับลง......แปลกดี ของเด็กเล่นแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน.....เป็นของขวัญที่ประทับใจผมมาก..........นัทถามราคาคนขาย และจ่ายตังค์.....สี่สิบเก้าบาทคือราคาของมัน.....แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีมากที่สุด......สี่สิบเก้าบาทไม่แพงเลยสำหรับการจ่ายเพื่อซื้อความรู้สึกที่ดีๆแบบนี้.......หากแต่เราคงไม่สามารถควักเงินสี่สิบเก้าบาทเพื่อซื้อความรู้สึกแบบนี้ได้ด้วยตัวเอง.....ถ้าหากเค้าไม่เป็นคนซื้อมันเพื่อเรา..........
                       “เอาห้อยที่กุญแจรถแบบนี้ดีมั้ย” ผมถามนัทเมื่อคนขายเดินคล้อยหลังไปแล้ว
                       “พี่กั้งนี่ปัญญาอ่อนจัง อยากทำไรก็ทำสิ” นัทบ่นผมอีกแล้ว.....แต่คราวนี้ทำไมเค้าต้องเขินด้วยนะ.....คงไม่เคยทำอะไรดีๆให้ใครเลยล่ะสิ........

                         เราสองคนหันมาสนใจกับการทานข้าวต่อ......ผมกำลังเริ่มมึนหน่อยๆเพราะฤทธิ์เบียร์.....รู้สึกตัวว่าตอนนี้กำลังเริ่มใส่จริต.....ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าตัวเองในตอนนี้......แต่ผมรู้ว่าแววตาของผมจะต้องหวานเชื่อมมากพอสมควร...........มีคนเคยบอกว่า ตาของผมเหมือนพูดได้ จะโกรธ จะงอน จะเขิน หรือรัก มันแสดงโจ่งแจ้งออกมาทางแววตา.....ผมเองก็ไม่รู้ว่าความจริงที่แท้แล้วเป็นอย่างนั้นหรือไม่.....คงมีแต่นัทเท่านั้นที่จะบอกได้ในคืนนี้.....
นัทไม่ค่อยสบตาผมเท่าไหร่......เค้ายังคงใส่ใจกับการกินอย่างจริงจัง.......นั่นเค้าน้ำตาไหลหรือว่าผมตาฝาดไปเอง.....ผมพยายามเขม้นมอง
                         “เป็นอะไร ทำไมน้ำตาไหลล่ะ” เค้าอาจจะเผ็ดต้มยำก็ได้นะ
                         “ต้มยำมันเผ็ด นัทกินเผ็ดไม่เก่ง” เค้าให้เหตุผล แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าหยุดกินน้ำต้มยำแต่อย่างใด
                         “ถ้ามันเผ็ดก็หยุดกินซะสิ จะกินต่อทำไม” ผมบอกให้นัทหยุดเนื่องจากดูท่าว่าเค้าจะไม่หยุดน้ำตาไหล......ประหลาดคน เผ็ดจนร้องไห้ แต่ก็ยังกิน เกิดมาผมไม่เคยเห็น

                        หลังจากทานข้าวเสร็จเราสองคนขับรถกินลมเล่นไปเรื่อยๆ.......อากาศเริ่มเย็น...แต่ภายในใจรู้สึกอบอุ่น.....มีความสุขจัง
                        “ไปดูหนังที่ห้องกันเถอะ” นัทเอ่ยปากชวนผมไปเช่าหนังเพื่อกลับไปดูดีห้อง
                       “เอาสิ” ผมรับคำ ก่อนจะหักพวงมาลัยมุ่งหน้าไปยังร้านเช้าวีดีโอร้านประจำ.....นัทเลือกหนังอย่างที่เค้าอยากจะดู (พักหลังนี้ผมเลิกเสนอความเห็นเรื่องการเช่าหนังกับเค้าแล้ว”......เราแวะซื้อของกินเล่นสองสามอย่าง......เมื่อกลับมาขึ้นรถ......พอได้ถุงของกินนัทก็ลงมือจัดการทันที....
                       “อ่ะ กินไหม” นัทใช้ไม้จิ้มขนมยื่นมาจะป้อน.....ผมรู้สึกแปลกๆ....เกิดมายังไม่เคยมีใครมาป้อนข้าวป้อนน้ำ......แต่ก็ไม่ได้ขัดศรัทธา.....แบบนี้ค่อยเหมือนแฟนกันหน่อย............ผมขับรถมุ่งหน้ากลับหอด้วยใจเป็นสุข...........วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ....อย่างน้อยๆนัทก็ทำตัวป็นเด็กดี ให้ผมพอได้ชื่นใจบ้าง......คืนนี้ผมจะใช้เวลาอยู่กับเค้าให้มีความสุขมากที่สุด..........ซึ่งก็หวังเหลือเกินว่าคืนนี้มันจะเป็นอย่างที่ผมปรารถนาจริงๆ..........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2007 09:55:33 โดย moody »

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #139 เมื่อ12-06-2007 10:44:48 »

มาแย้ว แต่รู้สึกมันจะยึดๆยานๆไปหน่อยน่ะไม่รู้ดิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #139 เมื่อ: 12-06-2007 10:44:48 »





gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #140 เมื่อ12-06-2007 10:56:07 »


...........ทำตวเป็นเด็กดี 1 วันเนื่องในวันเกิด.... :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #141 เมื่อ12-06-2007 11:23:08 »


ถ้าอยากให้มีใครคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ  ก็ลองป่วยเป็นอัมพฤกษ์ดูดิ  :laugh:

ปล. ไอ้นัทมันร้องไห้เป็นด้วยหรอ?  ถึกขนาดนั้นอะนะ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #142 เมื่อ12-06-2007 11:50:13 »

จะบ้าเรอะ ให้เป็นอัมพฤกษ์......เค้าหมายถึงป้อนแบบสวีทๆอ่ะ....เข้าใจป่ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #143 เมื่อ12-06-2007 19:42:07 »

นึกภาพสวีทหวาน ๆ ไม่ออกเลยแฮะ  :laugh3: เขาสวีทเป็นด้วยเหรอ  :laugh:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #144 เมื่อ12-06-2007 21:21:57 »

 :laugh:  ขำเม้นต์  ก็นะ เป็นวิธีการที่ดี  ลองเป็นอัมพฤกษ์ดู  เผื่อเนทจาใจอ่อนยอมเปิดบ้างเนอะ  o3

ไม่เป็นรายย  เอาใจช่วย  เกือบละ  ค่อยเป็นค่อยไป  เรียนรู้และยอมรับกันและกันไปเรื่อยๆ
ว่าแต่มันจาปิดกันไปอีกนานม้ายยยย

ขอคืนนี้เหอะนะ  :interest:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #145 เมื่อ13-06-2007 10:55:01 »

                         นัทดูหนังไทยอีกแล้ว.............ผมไม่ใช่พวกต่อต้านหนังไทยที่มีคุณภาพ.......แต่ถ้าเป็นหนังที่ทำแบบสุกเอาเผากิน ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะมานั่งดูให้เสียเวลาไปโดยเปล่าดาย...........เนื้อหาของหนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งบังเอิญประสบอุบัติเหตุรถยนต์ร่วมกัน.......นักแสดงในเรื่องเป็นดาราที่ไม่มีชื่อเสียง.........คงเป็นหนังต้นทุนต่ำกระมัง.....

                        “ศาสนาของนัทก็เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายเหมือนกัน....ใครทำชั่วก็ต้องตกนรกแบบนี้” นัทเปรยขึ้นมาลอยๆ หลังจากที่ดูหนังมาได้ระยะหนึ่ง
                       “จริงเหรอ พี่นึกว่ามีแต่ศาสนาพุทธซะอีกที่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์” ......นัทนิ่งเงียบไปชั่วขณะ....ผมไม่อยากจะพูดอะไรที่สะกิดใจเรื่องศาสนาของเค้ามากนัก......จึงไม่ได้ซักถามอะไรต่อ...

                      “พระเอกคนนี้เคยแสดงหนังอาร์นี่” ผมทัก หลังจากที่พิจารณาอย่างถี่ถ้วนดีแล้วว่าเป็นคนๆเดียวกัน
                     “จริงเหรอ พี่กั้งมีแผ่นหรือป่าว” นัทเริ่มหันมาสนใจ.............ผมควรจะเอาออกมาให้เค้าดู หรือควรจะบอกว่าไม่มีดีนะ.........แทบจะไม่ต้องคิดให้เสียเวลา.....ผมเดินไปรื้อแผ่นหนังเรื่องที่ว่าจากลิ้นชักออกมาให้นัทดู

                    “อยากดูหรือเปล่าล่ะ” ผมชูแผ่นหนังที่ว่า แล้วแกล้งถามลองใจ........ซึ่งแน่นอนว่าเค้าจะต้องอยากดู..........แล้วผมจะคอยดูซิว่า ถ้าดูหนังเรื่องนี้แล้ว นัทจะมีอาการยังไง
                    “เปิดสิ” เค้าสั่ง......ผมจึงเดินไปปิดหนังนรกสววรค์ แล้วเปลี่ยนเป็นหนังที่เกี่ยวกับสวรรค์อย่างเดียวแทน.....

                   “ใช่จริงๆด้วย” นัทเห็นพ้องว่านักแสดงหนังทั้งสองเรื่องเป็นคนๆเดียวกัน.....แต่แสดงบทบาทแตกต่างกันอย่างชนิดที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

                   เค้าตั้งใจดูจนตาแทบไม่กระพริบ............จากท่านั่ง..... ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเอนตัวลงนอน..........แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสนใจผมแม้แต่น้อย.........แล้วผมจะมัวนั่งทำบื้ออะไรอยู่ล่ะ ก็ในเมื่อหนังเรื่องนี้ ผมดูจนแทบจะจำได้ทุกฉากอยู่แล้ว......ผมเริ่มหันมาสังเกตอาการของนัทอย่างจริงจัง พลางนึกใคร่ครวญอยู่ในใจ........

                    ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนหยุดชะงักเพียงแค่เท่านี้......ผมอยากจะก้าวข้ามขั้นไปสู่อีกขั้นหนึ่ง นั่นก็คือการสื่อสารกันด้วยภาษาทางกาย..........ผมกับนัทยังมีช่องว่างระหว่างกันและกันค่อนข้างมาก......ถ้าเราสองคนสามารถเข้าถึงกันและกันได้มากกว่านี้.....ความสัมพันธ์ของเราน่าจะพัฒนาต่อไปในทางที่ดีขึ้น

                    แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อผมเองยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับใครมาก่อน......การจะเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ และผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวนัทเองมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างว่ามามากน้อยแค่ไหน......เค้าน่าจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนสิ.......แต่ที่ผ่านมา เค้าก็ปล่อยให้ผมรอมานานพอสมควรแล้ว.....ยังไม่เห็นจะพยายามทำอะไรที่สื่อไปในทางเสน่หาเลยสักครั้งเดียว.......ถ้าหากผมปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ก็คงจะน่าเสียดายอยู่ไม่ใช่น้อย.......ก็ในเมื่อเค้าออกเดทกับผมมานานแล้ว ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเค้าพอใจและรู้สึกเสน่หาในตัวผม.....เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะถึงเวลาแล้วสิ…….

                   ผมขยับตัวเข้าไปนั่งๆใกล้นัท.....เอนศรีษะลงนอนบนหมอนใบเดียวกัน.........ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ....นอกจากเสียงหายใจที่แผ่วเบาที่ดูเหมือนจะขาดเป็นห้วงๆ........ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองนัทตรงๆ จึงทำเป็นซบนิ่งอ้อยอิ่งอยู่ที่เนินไหล่เนิ่นนาน.........ไม่มีสัญญาณตอบรับ........ดีล่ะ......ผมจะรุกหนักขึ้น.......ค่อยๆใช้มือไล้ไปตามหน้าอกเบาๆ.....ผมสังเกตเห็นถึงอาการการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณที่โดนสัมผัส......มันเป็นอาการต่อต้านหรืออาการตื่นเต้นกันล่ะ..........ทุกอย่างก็ยังคงเงียบอีกเช่นเคย.........ผมเงยหน้าขึ้นมอง.........นัทกำลังหลับตาอยู่............จะหลับตาทำไมกัน....อย่าบอกนะว่าง่วง.............หึ.......ผมเลื่อนหน้าเข้าไปประชิดใกล้ๆ ใกล้จนเราสองคนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน.............ดวงหน้าของเค้าดูอ่อนละมุนในยามที่หลับตา......และในที่สุด ผมก็เป็นฝ่ายชนะ.....ความอดทนของนัทขาดสะบั้นลง........แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลองของธรรมชาติ.............เนิบนาบ.........นุ่มนวล และเร่าร้อน........ท่ามกลางสายลมหนาวของค่ำคืนในอ้อมกอดของดอยสุเทพ.......

                       “สมใจแล้วสิ” นัทพูดประชด ขณะที่กำลังใส่เสื้อผ้าและจัดให้เข้าที่เข้าทาง
                       “พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย” ทำไมผมต้องมานั่งอธิบายในเรื่องแบบนี้ด้วยนะ......ผมไม่ใช่หรือที่ควรต้องเป็นฝ่ายคร่ำครวญถึงความบริสุทธิ์ที่เพิ่งจะสูญเสียไป
                        “กลับกันเถอะ พรุ่งนี้นัทมีเรียนแต่เช้า” เค้าชวนให้ผมไปส่ง.....ผมจึงลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าซึ่งก็ไม่รู้ว่าเอาไปกองไว้ไหน..........เป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่ในสภาพไร้อาภรณ์ปิดกายต่อหน้าคนอื่น........แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่กระดากมากมายอย่างที่เคยนึกเอาไว้นะ.....คงเป็นเพราะว่าเราทำลายช่องว่างนั่นลงแล้วหรือไร......

                       ถนนว่างเปล่าผู้คนด้วยว่าเป็นเวลาค่อนดึก....มีรถจอดติดไฟแดงอยู่เพียงสองสามคัน....นัททำท่าเมินใส่ผม คงเพราะยังกระดากกับเรื่องที่ผ่านมา.........เค้าคงพยายามจะห้ามใจตัวเองมาตลอดว่าจะไม่ยอมให้เกิดอะไรเกินเลยระหว่างเรา....ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุ
                       ผมเอื้อมมือไปเชยคางให้เค้าหันมาสบตา
                      “พี่กั้งจะบ้าเหรอ เดี๋ยวคนก็เห็นหรอก” นัทปัดมือผมออกพลางเอ็ด.....ตลกดี....นี่มันดึกแล้วนะ.....ฟิล์มกรองแสงก็แสนจะมืด.....ใครมันจะมีตาส่องมาเห็นได้

                      ผมไม่ว่าอะไร นอกจากขับรถมุ่งหน้าไปส่งเค้าที่หอตามคำบัญชา.......ช่องว่างระหว่างเรายังไม่หมดลงง่ายๆอย่างที่คิดเอาไว้....นี่ผมต้องทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ......

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #146 เมื่อ13-06-2007 11:05:31 »


..........เสียจิ้นกันแล้ว........ :laugh: :laugh:

..........คราวหลังส่งเจ๊ไปสอนดีก่า......ประสบการณ์เจ๊สูง..... o3 o3

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #147 เมื่อ13-06-2007 11:15:29 »

ทำบ่อยๆ ไง

จ้ากกกกก  คิดไรไปเนี่ย 

ถูกแล้วๆ  ทำบ่อยๆ คือ  รักษาความสัมพันธ์  แล้วค่อยๆ เริ่มทำอย่างอื่นต่อ

ไปเที่ยวอารายเงี้ย  ดีป่าวเนี่ย   :confuse:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #148 เมื่อ13-06-2007 11:52:23 »

ถึงจะเป็นของกันและกันแล้ว ... แต่กลับไม่รู้สึกว่า นัทจะยอมรับมากขึ้นเลยนะ  o18

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #149 เมื่อ13-06-2007 12:01:50 »

ท่าทางเรื่องนี้จะอีกยาว

ปล.  ถั่ว(นัท)กินอร่อยมะ อิอิ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด