คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 166705 ครั้ง)

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #90 เมื่อ29-05-2007 16:34:59 »

ผมเองก็ยังหาแฟนไม่ได้เหมือนกันครับ สมัยนี้ใครๆเค้าก็นิยม fast food กันทั้งนั้นอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2007 16:38:10 โดย moody »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #91 เมื่อ29-05-2007 18:35:39 »

อืม ขนาดคุณ moody เพรียบพร้อมทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ ยังหาแฟนไม่ได้  :o9:
 :laugh3:  :laugh3: มิน่า เราก็ยังหาไม่เจอเหมือนกัน  :laugh3:  :laugh3:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #92 เมื่อ30-05-2007 00:53:28 »

สงสารกั๊งจัง แต่ก็สุขุมดีนะ
 o8

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #93 เมื่อ30-05-2007 03:06:46 »


ศาสนา?       :undecided:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #94 เมื่อ30-05-2007 09:10:03 »

สงสารตรงไหน ยังไม่ถึงบทโศกซักหน่อย...

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #95 เมื่อ30-05-2007 12:23:34 »

                         คืนนี้ผมนอนไม่ค่อยจะหลับ....อาจเป็นเพราะอากาศข้างนอกมันร้อนหรือภายในใจของผมมันร้อนก็สุดคะเน.....ผมนอนพลิกตัวไปมาเงียบๆ....ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นหวนเข้ามาในห้วงความคิดเป็นระยะๆ....ผมพยายามสลัดมันออกไปโดยเอาใจหันมาจดจ่อกับการท่องพุทธโธแทน....หลักการกำหนดจิตง่ายๆเพื่อเข้าสู่สมาธิก่อนนอน......ผมเคยทำอยู่เสมอๆ.......แต่มันไม่ง่ายสำหรับผม ณ เวลานี้เลย....ในที่สุดผมก็ยอมแพ้.....ปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามจินตนาการ.......ผมคิดถึงเรื่องของนัท..........เค้าค่อนข้างจะระมัดระวังเรื่องภาพลักษณ์ความเป็นชายมาก......ดังนั้นนัทคงจะชอบคนที่ดูแมนๆ เพื่อความสะดวกใจเวลาควงคู่กันออกสู่สายตาของสังคม..........แต่ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น......แม้ว่าภาพลักษณ์ของผมจะไม่ถือว่าสาวแตกก็ตาม แต่เมื่อมองโดยรวมๆก็จัดว่าออกแนวอ่อนหวาน......ยิ่งเมื่อโดนจับไปเข้าคู่กับผู้ชายที่ดูเข้มแข็งแล้ว ใครมองก็ย่อมจะรู้สึกสงสัยในความสัมพันธ์เชิงลึกของเรา.....ระหว่างเราคงจบเพียงเท่านี้.......ใจผมนึกเสียดาย.....เสียดายเวลาที่เราคุยกันมา....แม้ตอนนี้ผมจะไม่ได้ตกหลุมรักนัท......แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเค้า.....ที่แน่ๆผมรู้สึกเหงา....อยากมีแฟน....ตั้งแต่เล็กจนโต...ผมมักอยู่กับความเพ้อฝันเรื่องความรักมาตลอด......ผมมีความรักแบบเด็กๆ....วูบวาบ ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ก็ทำเป็นฟูมฟายใหญ่โต....จะว่ากันจริงๆแล้ว....จนบัดนี้ผมเองยังไม่เคยข้องแวะกับการมีความสัมพันธ์ทางกายกับใครเลย.....ผมไม่ใช่คนหัวโบราณ...เพียงแต่คิดว่าผมอยากให้มันดูมีคุณค่าบ้างสำหรับตัวผมเองและคนที่ได้รับมันไป.....เรื่องของความรักควรมาก่อนเรื่องอื่น....แต่จะให้ใช้เวลาพิสูจน์ใจยาวนานเช่นชายหญิงทั่วไปก็คงเป็นไปได้ยาก.....แต่อย่างน้อยๆไม่ว่าจะเป็นเพศไหนๆ ก็ควรจะมีเวลาสำหรับการพิสูจน์ใจกันสักระยะ....ไม่ใช่ต้องการพิสูจน์ใจเนื่องจากหวงเนื้อหวงตัวแต่อย่างใด หากแต่พิสูจน์ใจเพื่อจะได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วอีกฝ่ายหนึ่งจริงใจกับเรามากน้อยแค่ไหนต่างหาก.....ถ้าเป็นไปได้ ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะมีรูปแบบของชีวิตรักอย่างที่คนโตแล้วเค้าทำกัน.....และนัทก็เป็นคนที่ผมหวังจะให้เป็นคนๆนั้นคนแรกในชีวิตของผม.....ผมจะไม่ผูกมัด.....ไม่คาดหวัง....แค่คิดว่าอยากลองใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองไม่เคยได้ทำก็เท่านั้น...........ค่อนดึก ผมจึงเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย....

                       เพราะผลจากการเล่นแบดและนอนดึกเมื่อคืนเป็นเหตุให้ผมตื่นนอนสาย.....กว่าจะมาถึงแลปก็จวนเที่ยงวัน......จริงๆแล้วสไตล์การทำงานของผมไม่ใช่ประเภททำหามรุ่งหามค่ำ.....แต่ผมนิยมทำไปเรื่อยๆแต่เน้นสม่ำเสมอมากกว่า....ชีวิตคนเราต้องรู้จักจัดสมดุลให้กับตัวเองบ้าง....ไม่ควรเน้นหนักไปในทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไป....ผมไม่ต้องการเป็นคนที่มีความสามารถเหนือคนอื่น.....เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าการที่จะต้องเป็นคนแบบนั้น คุณจะต้องเสียอะไรไปบ้าง....ลองมองคนที่เก่งมากๆระดับดอกเตอร์ดูสิ....แล้วจะรู้ว่าเค้าต้องเสียอะไรไปบ้างเพื่อแลกกับความเก่งเหนือใครๆ....การทำงานหนัก...ใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการศึกษาค้นคว้า....ไม่มีแม้กระทั้งเวลาในการดูแลตัวเอง....รวมไปถึงผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพที่ดูแปลกแยกไปจากบุคคลทั่วไป.......ผมจึงอยากจะเป็นแค่คนที่อยู่ในระดับมาตรฐาน...มาตรฐานของคำว่าดอกเตอร์ก็พอ
                      “พี่กั้งไปกินข้าวกันมั้ย” มอลลี่ น้องร่วมแลปโผล่เข้ามาถามหลังจากที่ผมมานั่งที่โต๊ะได้ไม่นาน....ผมไม่เคยไปกินข้าวคนเดียวอยู่แล้ว....ไม่ใครก็ใครที่อยู่รอบตัวจะต้องมีสักคนที่โดนจิกให้ไปเป็นเพื่อนในทุกๆมื้อของผม....
                      “เอาสิ เดี๋ยวแวะไปกินกาแฟกันต่อ” ผมแนะ.....สิ่งที่ผมโปรดปรานอีกอย่างก็คือการไปนั่งกินกาแฟหลังอาหารเที่ยง....ในร้านกาแฟสุดหรูย่านถนนนิมมานเหมินทร์.....กาแฟอร่อย....บรรยากาศดี...หนุ่มๆน่ารักตรึม....สุขใจจริงๆ
                      “ได้ แต่ขอเคลียร์งานแป๊บนะ” มอลลี่รับคำ ก่อนจะขอตัวไปนั่งเคลียร์งานต่อที่โต๊ะ
                   
                      ผมนั่งเล่นเนตใจลอยไปเรื่อยเปื่อย....ตั้งแต่กลับจากเมืองนอกมา ยังไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน.....มีแต่เรื่องยุ่งๆ....ยุ่งเรื่องผู้ชาย.....แต่ถือโอกาสพักผ่อนจากงานแลปที่เมืองนอกก็น่าจะดี ตอนนั้นเราทำงานหนักจะตาย เครียดก็เครียด...ผมมักหาเหตุผลดีๆเข้าข้างตัวเองได้เสมอ....

                      เสียงโทรศัพท์ดังทำลายความเงียบ ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์.....ผมหยิบขึ้นมาชำเลืองมองผ่านๆ.....เฮ้ย...เบอร์นัทนี่....หัวใจองผมสั่นระทึก....ก็ผมไม่คิดว่าเค้าจะโทรมาอีกนี่นา..
                      “พี่กั้ง กินข้าวเที่ยงยัง” นัททักผ่านโทรศัพท์น้ำเสียงห้วนๆ.....เค้าเป็นคนที่พูดมะนาวไม่มีน้ำ.....ไม่เห็นจะสุภาพเลยสักนิด....จะโทรมาจีบเค้าแล้วพูดแบบนี้เหรอ.....แต่เชื่อมั้ยว่าผมชอบนะ...ผมชอบคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมา ง่ายๆ ไม่ต้องใช้คำที่หวานหู เพราะถ้ามันไม่ใช่ธรรมชาติของตัวคุณเองแล้ว มันจะกลายเป็นการสร้างภาพดุไม่จริงใจ ซึ่งผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เป็นตัวของตัวเอง ง่ายๆ แต่จริงใจ ดีกว่าเยอะ....
                     “ยังเลย ทำไมเหรอ” ผมแกล้งยั่ว ในใจคอยลุ้นว่าเค้าจะชวนไปกินข้าวด้วยไหม
                     “ไปกินด้วยกันมั้ยล่ะ” ในที่สุด นัทก็เอ่ยปาก....เสร็จผมล่ะ
                      “อืมมมม.....แต่ว่าพี่นัดกะน้องที่แลปเอาไว้แล้วนะ”  ผมแกล้งเล่นตัวต่อเพื่อดูเชิงอีกฝ่าย...แต่ขอแนะนำว่าไม่พึงกระทำบ่อยๆเพราะเสี่ยงต่อการโดนทิ้งได้ง่ายๆ
                    “ผู้หญิงหรือผู้ชาย” นัทซัก แต่ผมรู้วัตถุประสงค์ในการถามของเขาดี
                    “ผู้หญิง น้องที่แลปชื่อมอลลี่” ผมบอก พลางคิดในใจว่า จะไปก็ไป ไม่ไปก็ไม่เป็นไร เพราะผมเบื่อที่จะวุ่นวายกับนัทเต็มทีแล้ว.....เรื่องมากกกก
                    “ชวนเค้ามาด้วยกันสิ ไปหลายๆคนก็ดี” นัททำท่าดีใจออกนอกหน้า แต่ผมเริ่มเซ็ง...อะไรของเค้าอ่ะ....ตั้งกติกาเองหมด...จะให้ทำนั่น จะให้ทำนี่...เค้าคิดว่าเค้าเป็นใครกันนี่..เอาแต่ใจตัวเองฉิบ....
                   “อืมก็ได้ ให้ไปรับที่ไหนล่ะ” ผมตอบตกลง เพราะยังไงก็ยังอยากจะไปอยู่ แต่ก็ทำเป็นเล่นตัวพอเป็นพิธีนั้นเท่านั้น
                   “ที่หน้าคณะแพทย์ เดี๋ยวออกมาเลยนะ นัทจะไปยืนรอ”
                    “โอเค แล้วเจอกัน” ผมวางสายก่อนจะหันไปตะโกนบอกมอลลี่ว่า เราพร้อมที่จะออกไปทานข้าวเที่ยงแล้ว....แต่ผมยังไม่ได้บอกมอลลี่เรื่องนัท เพราะคิดว่าเค้าคงไม่มีปัญหาอะไร....เด็กในคาถาอยู่แล้วนี่...อิอิ

                   
                    “เดี๋ยวพี่ขอแวะรับน้องก่อนนะ” ผมบอกมอลลี่ ก่อนจะแวะเข้าไปจอดรถบริเวณหน้าคณะแพทย์
                    “ใครเหรอพี่กั้ง” มอลลี่แสดงอาการแปลกใจ เนื่องจากตั้งแต่คบกันมา ไม่เคยปรากฎว่าผมจะมีเพื่อนที่คณะแพทย์มาก่อน
                    “อ๋อ เป็นน้องของเพื่อนน่ะ” ผมโกหก....โชคดีที่มอลลี่ไม่ใช่คนขี้สงสัย
                    “นั่นไง เค้ามายืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว” ผมชี้ให้มอลลี่ดู ขณะที่นัทกำลังเดินออกมาหยุดรอที่หน้าคณะ....เค้าหันมาเจอพวกเราแล้ว....ผมพยักหน้าเรียกให้นัทเดินมา....เป็นอันรู้กัน....นัทอยู่ในชุดเสื้อกาวน์สั้นสีขาว กางเกงสแล็กสีดำ....เค้าดูแปลกตาไปมากพอสมควร......ความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งของผมคือการมีแฟนเป็นหมอ...ถึงแม้ว่าจะซกมกอย่างอีตานี่ แต่ยังไงก็ยังถือว่าเป็นหมอล่ะนะ....
                   “น่ารักดีนี่” มอลลี่ชม
                   “ลองจีบดิ ผมยุส่ง ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้”
                   “เค้าจะชอบน้องเหรอ” มอลลี่พูดทีเล่นทีจริง....ผมแอบยิ้มด้วยว่าขำในความไม่รู้ประสาของน้อง


                  “หวัดดีครับ” นัททัก ก่อนจะขยับตัวเข้ามานั่ง
                 “นี่พี่มอลลี่ น้องที่แลปของพี่” ผมแนะนำคนทั้งสอง พลางลอบสังเกตุอาการว่า นัทจะมีปฏิกิริยาอย่างไรในการที่ผมพาคนอื่นมาร่วมด้วย.....คำตอบคือเค้าก็ยังดูปกติและมีความสุขดี
                  “จะกินอะไรกันดี” ผมหันมาถามความเห็นของทั้งสอง
   
                  นัทแนะนำร้านที่เค้าคุ้นเคยอยู่ร้านนึง ซึ่งผมยังไม่เคยไปมาก่อน.....เค้าจึงต้องเป็นคนคอยบอกทาง....จนมาถึงที่ร้าน.....ผมรู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศของร้าน.....มันแตกต่างจากร้านอาหารทั่วๆไป.....ใช่แล้ว มันเป็นร้านอาหารตามหลักศาสนา......ผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่านัทไม่ใช่คนพุทธอย่างผม.....การกินอาหารของเค้าจึงจะต้องพิถีพิถันและรอบคอบจนกว่าจะมั่นใจว่าถูกต้องตามหลักศาสนาแน่แล้ว....ผมกำลังจะเจอกับความรักต่างศาสนาเข้าให้แล้ว.......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2007 12:37:26 โดย moody »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #96 เมื่อ30-05-2007 13:15:13 »


..........สงสัยจะได้เลิกกะน้องนัทก็เพราะต่างศาสนานี่แหละ.......... o8 o8

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #97 เมื่อ30-05-2007 13:27:38 »


55555

ไอ้นัทมันเรื่องมากแถมยังเป็นคนจอมบงการหรอ   สม!  :laugh:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #98 เมื่อ30-05-2007 15:04:02 »

อันนี้ถ้าเป็นคนเคร่งศาสนา คงเครียดกว่าที่คิดไว้แน่
 o7

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #99 เมื่อ30-05-2007 15:27:18 »

นั่นสิ แค่รักกันปกติก็เครียดอยู่แล้วเนาะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #99 เมื่อ: 30-05-2007 15:27:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #100 เมื่อ31-05-2007 07:52:52 »

หุหุ เป็นคนเคร่งศาสนา ท่าทางคงจบไม่สวยแฮะ  :amen:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #101 เมื่อ01-06-2007 08:48:02 »

                         มอลลี่ดูท่าทางมีความสุขกับการได้ลิ้มลองรสชาติอาหารอันแปลกใหม่ของที่นี่......ทั้งยังสนทนากับนัทเรื่องการเสาะแสวงหาร้านอาหารขึ้นชื่อในย่านต่างๆของเมืองอย่างถูกคอ...ซึ่งก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นร้านอาหารตามหลักศาสนาของนัท......ถึงอย่างไรก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจได้อย่างหนึ่งว่า ในครั้งต่อๆไปของการออกเดทระหว่างผมกับนัท....มอลลี่จะเป็นตัวช่วยในการลดความกดดันอันเกิดจากการพยายามที่จะปกปิดความเป็นเกย์ของนัทเอง ได้เป็นอย่างดี.........

                         ผมไม่ทราบว่าจะต้องสั่งอาหารอย่างไร เนื่องจากวัฒนธรรมในการกินอาหารของพวกเขาเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต....นัทจึงเป็นคนแนะนำและจัดแจงให้เสร็จสรรพ....เค้าเลือกที่นั่งข้างๆมอลลี่ ในขณะที่ผมนั่งในฝั่งตรงกันข้าม....ผมรู้เหตุผลว่าทำไม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการยอมรับแต่อย่างใด....ถ้าเค้าสบายใจจะทำอย่างนั้นก็ปล่อยให้เค้าทำไปเถิด....

                        ผมค่อยๆละเลียดอาหารช้าๆ....ไม่ใช่เพราะว่ารสชาติอาหารอร่อยหรือไม่อร่อย....แต่มันเป็นนิสัยการกินที่แก้ไม่หายของผมเอง...คือกินเหมือนไม่อร่อย...
                       “ไม่อร่อยเหรอ”  นัทจ้องมาที่ผมอย่างจะเอาเรื่อง
                       “อร่อยสิ ทำไมเหรอ” ผมแกล้งย้อนถาม....ก่อนจะพยายามก้มหน้าก้มตาทำท่ากินให้ดูอร่อยมากขึ้นกว่าเดิม
                      “ก็นึกว่าไม่ชอบ” เขาทิ้งน้ำเสียงแดกดัน.....ผมไม่พูดอะไรนอกจากยิ้ม.....

                      ผมกินไม่หมดเหมือนเคย (เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายผมมักจะกินได้น้อยกว่าปกติ)....นัทเหลือบตามามอง.....แล้วทำท่าฮึดฮัด
                      “กินไม่หมดเหรอ เอามานี่ เสียดายของ” เค้าหยิบเอาจานข้าวหมกไก่ไปจากหน้าผม ก่อนจะกวาดลงไปที่จานของตัวเอง
                       ผมชอบคนกินเก่งๆ....ผู้ชายในแบบของผมต้องกินเก่งๆถึงจะน่ารัก....ผมมองดูนัทกินข้าวอย่างชื่นชม

                     
                      “โรตีที่นี่อร่อยนะ” นัทแนะนำอย่างภูมิอกภูมิใจหลังจากจัดการกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าจนเกลี้ยง
                      “เดี๋ยวพี่ลองซื้อไปกินบ้างดีกว่า” มอลลี่ทำท่าเห็นดีเห็นงาม....เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงจริ๊ง..........ผมนึกหมั่นไส้อยู่ในใจ
                       เราจ่ายค่าอาหารเสร็จแล้วจึงเดินกลับมาที่รถ....ผมรู้สึกว่านัทพยายามที่จะเดินคู่กับมอลลี่ตลอดเวลา โดยปล่อยให้ผมเดินตามหลังมาห่างๆ.....แปลก ที่ผมไม่โกรธกับท่าทีดังกล่าวของเค้า....อาจจะมีบ้างแค่รู้สึกฉงนฉงายและขัดใจเพียงเล็กน้อย......

 
                     ผมกับมอลลี่แวะส่งนัทที่หน้าคณะ..........เค้าเหลือบตามาที่ผม พึมพัมกล่าวลาสั้นๆ ก่อนจะเดินหายลับเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว......
                    “นัทก็น่ารักดีนะ” มอลลี่กล่าวชม หลังจากที่นัทเดินลับตาไปแล้ว เธอไม่มีท่าทีสงสัยในความเป็นชายของนัทแต่อย่างใด.....ในขณะที่ความเป็นเกย์ในตัวผมนั้นเธอรู้แจ้งแก่ใจดีอยู่แล้ว
                   “สนใจมั้ย เดี๋ยวพี่ทาบทามให้” ผมแกล้งกระเซ้า
                   “เค้าไม่ชอบน้องหรอก” มอลลี่กล่าวลอยๆ ดูท่าทางเธอเองก็ไม่ได้สนใจนัทอย่างที่ปากพูด...หากเพียงแต่กล่าวชื่นชมตามมารยาท...ก็เท่านั้น
                   “ทำไมเค้าชอบหาเรื่องพี่กั้งจัง เห็นคอยกัดตลอดเลย” มอลลี่ตั้งข้อสังเกต....ซึ่งผมเองก็ยังไม่ทันได้คิดถึงข้อนี้ด้วยซ้ำ....
                   “เหรอ...เด็กก็งี้แหล่ะ” ผมตัดบท.....ในใจนึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา....อืมมม เค้าชอบคอยหาเรื่องทะเลาะกับผมจริงๆด้วย.....แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็จะทำเป็นหน้าหงิกงอไม่พอใจ.....ในขณะที่ผมกลับเป็นฝ่ายคอยหัวเราะด้วยความเอ็นดู.....คงเป็นเพราะว่าผมชื่นชอบการต่อปากต่อคำและก็แกล้งยั่วให้เค้าโมโหเล่น....สนุกดี

                   ผมกลับมานั่งทำงานต่อที่แลปจนพลบค่ำ....เย็นนี้ผมยังไม่มีนัดกับใคร....อยากจะชวนนัทไปกินข้าว....แต่ผมไม่อยากเป็นฝ่ายโทรไปก่อนเพราะว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อจริตนิสัยประจำตัว......แม้ว่าในตอนนี้ผมมีสิทธ์ที่จะโทรหาเค้าได้แล้ว แต่ใจผมนั้นกลับอยากให้เค้าเป็นฝ่ายโทรมาเอง....เพราะมันแสดงถึงความปรารถนาที่มาจากตัวเค้าจริงๆ.....ในขณะที่ผมถนัดเป็นฝ่ายคอยตอบสนองมากกว่า....

                  “พี่กั้ง ทำงานเสร็จยัง  ไปกินข้าวกันเถอะ” และแล้วเค้าก็เป็นฝ่ายโทรมาเองจนได้
                 “ได้สิ พี่ขอเก็บของก่อนนะ ว่าแต่จะให้ไปรับที่ไหนอ่ะ” ผมถามถึงสถานที่นัดพบที่สะดวกสำหรับนัท
                 “ที่หอ” เสียงนัทตอบมาห้วนๆ
                “โอเค ห้าโมงครึ่งเจอกัน” ผมวางสาย แล้วรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว.....ก็จะไม่ให้เร็วได้ยังไง เพราะว่าผมเองก็รอโทรศัพท์จากเค้าอยู่แล้วนี่นา.....การที่เค้ายังโทรมานัดผมไปนั่นมานี่อยู่บ่อยๆแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเค้าคงคิดจะจีบผมแน่ๆ.....แต่ทำไมเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ผมกลับไม่เห็นจะรู้สึกว่าเค้าชอบผมเลยล่ะ....
   
                 นัทพาผมไปกินผัดไทยย่านหนองหอย....ซึ่งก็เป็นร้านในย่านที่ผู้คนนับถือศาสนาเดียวกันกับเค้านั่นแหล่ะ......ยากพอดูนะกับการต้องเสาะแสวงหาของกินที่ถูกต้องตามหลักศาสนาแบบนี้.....ไม่น่าแปลกเลยที่เค้าจะรู้จักซอกซอยต่างๆในเมืองเชียงใหม่เป็นอย่างดี......
                 ย่านหนองหอยนับว่าไกลพอดูจากมหาวิทยาลัย แต่ก็ดี.....มันทำให้เรามีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น.....ผมจอดรถที่ฝั่งตรงกันข้ามกับร้านผัดไทย.....นัทเปิดประตู แล้วรีบลงจากรถเดินนำหน้าลิ่วๆไปที่ร้านโดยไม่หันกลับมามองผมเลย........ยิ่งเค้าเดินเร็วมากเท่าไหร่....ผมยิ่งแกล้งทำอะไรให้ช้าลงมากเท่านั้น....อยากเดินก็เดินไปสิ.....
                ผมเห็นเค้าเดินไปสั่งอาหารและเดินมาหาที่นั่ง....หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากาง ทำท่าอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ.....อีกแล้ว ผมคิด....ผมแกล้งทำเป็นเดินไปนั่งในฝั่งตรงกันข้ามช้าๆ โดยที่ไม่พูดอะไร.....ดูซิว่าเค้าจะปล่อยให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่สั่งผัดไทยให้หรือไม่......ความดื้อของผมได้ผลในที่สุด.....นัทลดหนังสือพิมพ์ลง เงยหน้าขึ้นมาถาม......
               “จะกินอะไร มีผัดไท กับหอยทอด” ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ.....นึกว่าจะแกล้งนิ่งได้นานซักแค่ไหน....
              “ผัดไทย” ผมเริ่มติดการพูดห้วนๆจากเค้ามั่งแล้ว.....นัทเดินไปสั่งผัดไทยให้ผม แล้วเดินเลยไปตักน้ำมาให้....จากนั้นก็หันกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่ออย่างตั้งใจ.....ดูจะตั้งใจไปหน่อยแล้วมั้ง....ผมนึกหมั่นไส้กับท่าทางของนัท ที่ดูเหมือนกับจะกลัวเสียเต็มประดาว่าคนอื่นๆจะสังเกตุเห็นว่าเราสองคนกำลังคบกันอยู่...เค้าปล่อยให้ผมนั่งเป็นใบ้อยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ตัวผมเองก็คร้านจะเรียกร้องความสนใจจากเค้า จึงนั่งอยู่เงียบๆ.......
                “เป็นไร ทำไมไม่พูดอะไรมั่งอ่ะ” นัทเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากที่เห็นผมนิ่งเงียบไปพักใหญ่
                “ก็เห็นตั้งใจอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เลยไม่อยากจะกวน” ผมแกล้งพูดประชด พยายามตีสีหน้าให้เรียบที่สุด
                เค้าส่ายหัวแสดงท่าเอือมระอากับความยอกย้อนของผม.....แต่ยังไม่ทันที่เราจะได้โต้เถียงกันต่อ ผัดไทยก็ถูกนำมาเสิร์ฟพอดี.....
                นัทลงมือปรุงแล้วก็กินอย่างรวดเร็ว....เจริญอาหารจังนะ ผมแอบค้อนอยู่ในใจ.....ผมกินไปได้ไม่กี่คำ นัทก็จัดการกับผัดไทยจานนั้นจนเกลี้ยง ก่อนจะหันไปสั่งหอยทอดเพิ่มอีกจาน.....ผมชอบนะ.......ชอบให้เค้ากินเยอะๆ......

                ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสังเกตุการกินของนัท......เค้าเป็นคนที่ชอบกินมาก.....กินอะไรก็ดูอร่อยไปหมด....ในขณะที่ผมกินได้แค่ครึ่งจาน (กระแดะจริงๆเรา)
               “กินไม่หมดอีกแล้ว” นัททำสีหน้าตำหนิ แล้วคว้าเอาจานของผมไปกินต่อ....อีตานี่ไม่รู้จักมารยาทเอาซะเลย....กินร่วมจานกันบางคนเค้าถือนะ ไม่รู้หรือยังไง....จะมีก็แต่คนเป็นแฟนกันนั่นแหล่ะที่เค้าจะกินร่วมจานร่วมแก้ว....ใจผมเต้นระทึกอีกครั้ง.....หรือว่าอีตานี่จะคิดว่าเราเป็นแฟน.....
   
                  “เพื่อนมันบอกว่าให้ซื้อขนมไปฝาก ตอนนี้พวกมันกำลังทำรายงานกันอยู่ที่ห้องนัท แต่ว่านัทแอบหนีมากินข้าวกับพี่กั้ง” เค้าบอกหลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ......ทำรายงานอยู่ก็ไม่บอก....ถ้ารู้ว่ารีบไม่มาด้วยหรอก.....ผมแอบต่อว่าเค้าในใจ
                  “ก็ซื้อไปฝากเค้าสิ เดี๋ยวเพื่อนจะหาว่าไม่มีน้ำใจนะ” ผมแนะ.....การที่เราชอบเค้าทำให้เราพลอยมีแก่ใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนเค้าไปด้วย....ความจริงก็ไม่ได้หวังคะแนนนิยมอะไรหรอก เพราะผมคงไม่ได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนของนัทอยู่แล้ว.....แต่มันเป็นไปตามสัญชาตญาณของแฟนที่ดีที่ควรกระทำ......ผมจัดอยู่ในประเภทแฟนที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย......
                   “ไม่ต้องหรอก ขี้เกียจ ให้มันไปหากินกันเอาเอง” นัทตอบเสียงสะบัด.....ผมรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ ต่อเพื่อนของนัท ที่ไม่สามารถโน้มน้าวให้เค้าซื้อขนมไปฝากเพื่อนได้.......ทั้งยังนึกตำหนินัทในใจ....เค้าน่าจะมีน้ำใจกับเพื่อนบ้าง.....คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้า....
                   นัทเดินล่วงหน้าไปที่รถโดยที่ไม่รอผมเหมือนเคย.....ผมจึงเดินเลาะไปตามแผงขายขนม....มีอะไรน่ากินบ้างนะ.......สุดท้ายจึงตัดสินใจซื้อขนมสองสามอย่างใส่ถุง.....ก็เรื่องอะไรจะปล่อยให้เค้ากลับไปมือเปล่า.....เดี๋ยวคนอื่นจะได้ตำหนิแฟนเรากันพอดีว่า เป็นคนไม่มีน้ำใจ.....ผมเริ่มใช้คำว่าแฟนกับนัทแล้ว......แต่นิยามของตัวผมสำหรับนัทยังคงว่างเปล่าไม่มีคำอธิบายใดๆมารองรับ........
                    “เอ้านี่ เอากลับไปฝากเพื่อน เดี๋ยวเค้าก็โกรธเอาหรอก” ผมยื่นขนมให้นัท....เค้ารับมันไปอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่วายจะค่อนขอดให้เจ็บใจ..........
                    “ซื้อมาทำไม ขี้เกียจหิ้ว” ........ตาบ้าเอ๊ยยยยยยยย.......เราซื้อมาให้เพราะกลัวเพื่อนตัวเองประณามหรอก......ยังไม่รู้สำนึกอีก.....ขี้เกียจจะเถียงแล้ว......ผมสะบัดหน้าใส่นัทก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งรอในรถ.....ถึงจะแม้จะโมโหที่เค้าชอบพูดไม่ดี แต่ผมรู้ว่าเค้าประทับใจ....เค้าคงจะกระด้างเกินกว่าที่จะแสดงความรู้สึกขอบคุณออกมา.....นายโตมาจากครอบครัวแบบไหนกันแน่นะ.....ผมนึกอัศจรรย์ใจ.....
                    เรานั่งรถกลับมหาวิทยาลัยด้วยกันเงียบๆ.....บางทีแค่การได้นั่งอยู่ด้วยกันเฉยๆไม่ต้องพูดอะไรก็ทำให้มีความสุขได้....
                    “ช่วงนี้มีเรียนเยอะมั้ย” ผมถามเนื่องจากเห็นว่านี่เป็นเทอมปลาย ซึ่งเป็นเทอมสุดท้ายของนัทก่อนที่จะจบการศึกษา.....ผมจะมีเวลาอยู่กับนัทแค่เพียงหกเดือนเท่านั้น....ทำไมเราถึงไม่เจอกันให้เร็วกว่านี้นะ....ผมนึกโทษโชคชะตาไปต่างๆนานา.....ทั้งๆที่ ณ ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเราจะคบกันไปรอดหรือไม่.......
                    “ไม่มีแล้ว มีแต่วิชาสัมมนา เดี๋ยวเดือนมกราก็ต้องไปฝึกงานแล้ว” น้ำเสียงนัทเรียบเฉย....แต่ผมกลับรู้สึกสั่นสะท้าน.......อะไรนะ.....ไปฝึกงานเหรอ เรายังไปไม่ถึงไหนกันเลยนะ ตอนนี้ก็เดือนพฤศจิกายน....มกราคมก็ต้องโดนพรากแล้วเหรอเนี่ยยยยยยย.....
                   “ไปนานแค่ไหน” ผมพยายามคุมน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติ
                   “หนึ่งเดือน แต่ก็คงได้มาเชียงใหม่เรื่อยๆนั่นแหล่ะ” นัทพูดต่อเหมือนจะล่วงรู้ในสิ่งที่ผมกำลังวิตก......บอกตรงๆว่าผมชักจะถอดใจแล้ว...ไหนจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่เทอมเดียว....ไหนนัทจะต้องไปฝึกงานอีก....แล้วไหนเค้าจะมีความขัดแย้งกับตัวเองเรื่องการมีความรักแบบเกย์อีกล่ะ.....โอยยยยย....ปวดหัว.....ผมเซซังกลับถึงห้องพร้อมกับคำถามมากมายในหัว......ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็แล้วกัน.....อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด........

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #102 เมื่อ01-06-2007 10:53:04 »


.........รู้สึกว่านิสัยคุณนัทจะไม่น่าพิศวาสเท่าไหร่นะ......

.........แต่ก็อย่างว่า.....คงชอบเขาไปแล้วมั้ง.....ไม่งั้นคงไม่แคร์เขาขนาดนี้........ :impress: :impress:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #103 เมื่อ01-06-2007 12:42:16 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

คุณพี่คนเขียนเคอะ  ตอนนี้เขียนได้ใจน้องมากๆ เลยเค่อะ  เอาไปหนึ่งบวกเลยนะเคอะ อิอิ

ปล. ที่คุณพี่เล่าว่า
              .....ในขณะที่ผมกลับเป็นฝ่ายคอยหัวเราะด้วยความเอ็นดู.....
ตกลงเมื่อไหร่จะได้ดูเอ็นละเคอะ อิอิ  :laugh:

ปลล. น้องคิดๆ ดูแล้ว ท่าทางคุณพี่จะชอบขี่ม้าพยศนะเคอะ  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยส์ มันส์เร้าใจดีแท้  :-[

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #104 เมื่อ01-06-2007 12:52:04 »

หุหุ บรรยายได้เห็นภาพมั่ก ๆ  :haun5: รู้สึกหมั่นไส้นัทเล็ก ๆ แฮะ  o18

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #105 เมื่อ01-06-2007 22:59:08 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

คุณพี่คนเขียนเคอะ  ตอนนี้เขียนได้ใจน้องมากๆ เลยเค่อะ  เอาไปหนึ่งบวกเลยนะเคอะ อิอิ

ปล. ที่คุณพี่เล่าว่า
              .....ในขณะที่ผมกลับเป็นฝ่ายคอยหัวเราะด้วยความเอ็นดู.....
ตกลงเมื่อไหร่จะได้ดูเอ็นละเคอะ อิอิ  :laugh:

ปลล. น้องคิดๆ ดูแล้ว ท่าทางคุณพี่จะชอบขี่ม้าพยศนะเคอะ  อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยส์ มันส์เร้าใจดีแท้  :-[

ชอบคอมเมนต์เจ้สองจิงๆ อิอิ   ว่าแต่ตานัทนี่ดูแข็งๆนะ ...เจ้อย่าคิดไปไกลอีกหล่ะ หมายถึงนิสัยหน่ะ  o3

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #106 เมื่อ02-06-2007 11:02:18 »

เค้าก็แค่ดื้อนิดหน่อยเอง ไม่มีไรมากหรอก.......เด็กๆก็งี้แหล่ะ....อิอิ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #107 เมื่อ02-06-2007 12:47:00 »

หนุกดีๆ   :impress2:

ของที่ได้มาง่ายๆ มันไม่สนุก  ไม่ท้าทายไง  ถ้าน้องนัทตรงใจ ก็ลุยเล้ยย  ศาสนารึจะมากั้นรักแท้ได้  o22
มีมาแก้ตัวให้น้องนัทซะด้วยจิ

แต่ท่าทางจะเหนื่อยหน่อยนะ  รักนี้ (จะเป็นรักรึเปล่าก็มะยู้ )  :o7:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #108 เมื่อ02-06-2007 18:34:08 »

ถ้าเป็นแฟนกะอีตานัทนี่จริงๆ ท่าทางจะเหนื่อยน่าดู
ไหนจะต้องคอยวางตัวไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์สร้างมาว่าแมนเหลือเกินอีกล่ะ
 :try2: :try2: :try2: :try2: :try2: :try2:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #109 เมื่อ04-06-2007 09:17:03 »

                         จวนจะเที่ยงแล้ว....นัทหายไปไหนนะ......ผมรอเค้าโทรมาชวนไปกินข้าวเที่ยงเหมือนเคย แต่ทว่าทุกอย่างก็ยังคงเงียบสนิท.......สุดท้ายผมจึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อที่จะโทรไปถามข่าวคราว.......ลำบากใจจัง ผมไม่ชอบตามจิกใครแบบนี้เลย....เค้าน่าจะรู้หน้าที่ของตัวเองนี่นา...
                        “อยู่ไหน” ผมยิงคำถามทันทีที่นัทรับสาย.....พักหลังนี้ผมชักจะพูดดีๆกับนัทไม่เป็นบ้างแล้ว..........อยากจะพูดหวานๆกับเค้าเหมือนกัน แต่ก็ทำไม่ได้........เพราะเค้าไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยเลยสักครั้ง...... เวลาโดนเค้าเบรกทีไร ทำเอาผมเสียอารมณ์ทุกที จนในที่สุดจึงต้องยอมแพ้....อยากกระด้างก็กระด้างวะ....แต่ผมว่าแบบนี้ก็จริงใจดีนะ....ดีกว่าพูดหวานๆแต่หาความจริงใจไม่ได้ มันรู้สึกเลี่ยนยังไงก็ไม่รู้.......ผมชอบแบบเถื่อนๆ
                        “ตอนนี้ออกมาข้างนอก มาเก็บข้อมูลทำรายงานอยู่” นัททำสุ้มเสียงเสียงกระซิบกระซาบ....สงสัยจะกลัวเพื่อนรู้.....
                       “เดี๋ยวเย็นนี้จะโทรไปหานะ แค่นี้นะ” เค้าพูดแล้วรีบวางสายไปทันที......ฮึ่ม.....ยังคุยกันไม่ทันจะรู้เรื่องเลย....ผมนึกหงุดหงิดอยู่คนเดียว....... ทำไมกับคนคนนี้ ผมถึงไม่สามารถจะงัดเอามารยาที่มีอยู่เพียบออกมาใช้ได้เลยนะ.....ปกติผมจะเป็นคนที่มีวาจาเป็นอาวุธชั้นเลิศประจำกายอยู่แล้ว......เรื่องต่อปากต่อคำ กลยุทธ์ในการเจรจาพาทีเพื่อกระชากใจชายนั้น เป็นสิ่งที่ผมถนัดมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้...........อาจเป็นเพราะว่า นัทจะคอยสกัดไม่ให้ผมได้มีโอกาสอ้าปากพูดอะไรได้เลย..........ถ้าผมเริ่มจะพูดอะไรมากเข้า นัทก็จะคอยเบรคว่า.........พล่ามอีกแล้ว.....และก็ทำท่าไม่อย่างจะฟัง.............ผมจึงได้แต่นิ่งเงียบเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ปล่อยให้เค้าคุยอยู่คนเดียว........รู้สึกว่าเค้าจะรู้ทางผมเป็นอย่างดี.........แต่อย่านึกว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆนะ....รอให้ผมกุมอำนาจได้หมดซะก่อน........ถึงตอนนั้นผมจะพูดอะไร จะสั่งอะไรเค้า ก็ย่อมได้ทั้งนั้น........เพียงแต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงเวลา..............รอไปก่อน........อะไรบางบอกผมอย่างนั้น...........

                      ตั้งแต่รู้จักกับนัท เวลาในแต่ละวันส่วนใหญ่ของผมหมดเปลืองไปกับการนั่งคิดฟุ้งซ่านถึงแต่เรื่องเค้า......ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน.........ใจคอยจดจ่อเฝ้ารอคอยอยากให้ถึงตอนเที่ยงและตอนเย็นเร็วๆ เพื่อที่เราจะได้เจอกันซักที.....ดูเหมือนกับว่า ในแต่ละวันชีวิตของผมมีภาระกิจอยู่เพียงอย่างเดียวคือการรอคอยที่จะได้เจอนัท....ไม่ใช่เพราะว่าผมรักเค้ามากหรืออะไรทำนองนั้นหรอก..........แต่มันเป็นธรรมชาติของผมเอง ที่มักจะทุ่มเทลงไปจนสุดตัวเสมอในเวลาที่มีความรัก
                    “พี่กั้งเอาชีวิตไปผูกติดกับคนรักมากจนเกินไป เราจะควรปล่อยให้เค้ามีชีวิตเป็นตัวของตัวเองบ้าง” รุ่นน้องคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นต่อทัศนคติในความรักที่แสนจะคับแคบของผม ระหว่างพวกเรานั่งรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน.......
                   “จริงเหรอ พี่แค่คิดว่าถ้าคนเรารักกัน ก็ต้องน่าจะอยากอยู่ด้วยกันบ่อยๆไม่ใช่เหรอ” ผมแย้ง....เพราะในใจนั้นเชื่อว่าคนที่รักกันจะต้องอยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
                  “ไม่เสมอไปหรอกพี่ แต่ละคนเค้าก็ต้องการอยากจะมีโลกส่วนตัวของเค้าบ้าง” รุ่นน้องแสดงความเชี่ยวชาญในการเข้าใจความรู้สึกของผู้ชายต่อ จนผมถึงกับอึ้งต่อมุมมองที่แปลกใหม่ดังกล่าว........ใครจะใจกว้างได้ขนาดนั้น
                 “ไม่มีทาง ถ้าเค้ารักพี่ เค้าต้องอยากอยู่กับพี่ตลอดเวลาสิ ก็ทีพี่เอง ยังอยากอยู่กับเค้าตลอดเวลาเลย” ผมนึกแย้งอยู่ในใจ..........แต่คร้านจะเถียง จึงนิ่งเงียบเสีย.........

                “ฮะโหล กินข้าวยัง” นัทโทรกลับมาหาผมตามที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ในตอนค่ำของวันนั้น.....การรอคอยของผมจึงถือว่าสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์แล้ว...
                “ยัง.....อยู่ไหน” ผมทำทีเป็นตอบเสียงเนือยๆ แต่ในใจนั้นรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
   “เพิ่งกลับมาถึงหอ” ผมรู้ว่าเค้าอยากให้ผมไปรับ.........และผมก็เป็นคนไม่ชอบอ้อมค้อมให้เสียเวลา จึงรีบรวบรัดตัดบท...
                “งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปรับ ลงมารอที่หน้าหอเลยนะ” พักนี้เราสองคนเริ่มจะเข้าขากันมากขึ้น.......ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันมากมาย.....ก็เป็นอันเข้าใจ

                 ผมมาถึงที่หอนัทในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา.....สถานะของผมกับนัทตอนนี้ยังอยู่ในความไม่แน่นอน..........ผมไม่รู้ว่าเค้าคิดจะเอายังไงกับเรื่องของเรา.........สุดท้ายผมก็คงแล้วแต่เค้าจะตัดสินใจ....เพราะผมเองก็คิดแค่ว่า จะลองหาประสบการณ์ความรักแบบคนที่โตแล้วทำกัน หลังจากที่ทำตัวดัดจริตเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนมานาน.....เอาแค่ประคองให้รอดจนกว่าเค้าจะเรียนจบก็โอเคแล้ว..........นี่คือแผนที่ผมวางเอาไว้แล้วสำหรับเราสองคน............
                นัทลงมายืนรอผมในที่ที่เคยรอ..........ผมขับรถโฉบเข้าไปจอดในตำแหน่งประจำที่เคยจอด...........เวลาเราเจอกันผมรู้สึกว่าเรามีพฤติกรรมเหมือนว่ากำลังคบชู้......เพราะนัทไม่อยากให้ใครล่วงรู้ถึงเรื่องการเป็นเกย์ของเค้า.......ทุกอย่างจึงต้องเงียบและดูลับๆล่อๆ.....น่าอึดอัดใจเหลือเกิน
                  “จะกินอะไร” นัทถามหลังจากที่รถเคลื่อนตัวห่างออกมาจากบริเวณหอพักได้ไม่ไกล
                  “นัทอยากกินอะไรล่ะ พี่กินอะไรก็ได้” ที่ผมบอกแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าอยากเอาใจเค้า....แต่ผมรู้ดีว่านัทมีข้อจำกัดในการเลือกกินอาหารบางประเภท ซึ่งถึงผมอยากจะกินบางอย่าง แต่ถ้าหากเค้ากินไม่ได้ผมก็อดอยู่ดี.....
                  “กินสุกี้กันดีมั้ย” นัทออกความเห็น
                  “อืม งั้นไปแถวไหนดีล่ะ” นัททำท่าคิดอยู่สักพัก.......ที่เค้าคิดนานคงเพราะว่า กำลังคิดที่จะพาผมไปในที่ลับตา....ห่างไกลจากผู้คนที่เค้ารู้จักแน่ๆ....ผมรู้หรอก
                  “ไปกินที่สิบสองห้วยแก้วแล้วกัน” เค้าออกคำสั่ง....ซึ่งก็แน่นอนผมหักพวงมาลัยไปตามทิศที่เค้าสั่งในทันที.......

                 ผู้คนที่ร้านสุกี้ยังดูบางตา อาจจะเนื่องมาจากตอนนี้ยังเป็นช่วงหัววันอยู่..........รายการอาหารต่างๆถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าตามที่เรา (ความจริงต้องบอกว่านัท) สั่ง.....ดีล่ะผมจะแสดงให้เค้าเห็นว่าผมสามารถดูแลเค้าได้ดีแค่ไหน ในเรื่องกับข้าวกับปลา.....ง่ายนิดเดียว ก็เรื่องความเป็นแม่บ้านแม่เรือนผมนั้นมีเต็มเปี่ยมในกายอยู่แล้ว จึงไม่ต้องสร้างภาพให้เหนื่อยแต่อย่างใด.....
                 “น้ำซุปนี่กินได้เหรอ” ผมถามเนื่องจากนึกกังวลว่าน้ำซุปของทางร้านอาจทำจากบางอย่างที่จะผิดต่อหลักการกินในศาสนาของนัท
                “กินได้ เค้าทำจากถั่วเหลือง” นัทตอบอย่างคล่องแคล่ว.........เค้าคงศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว........น้ำเริ่มเดือด.......ผมลงมือใส่เครื่องประเภทที่ให้กลิ่นหอมและชูรสลงไปก่อน........นัทช่วยลำเลียงเนื้อและลูกชิ้นต่างๆลงไปในหม้อ.......เค้าก็รู้จักช่วยคนอื่นเหมือนกันนี่....ผมนึกขำ
               “ฉีกให้เล็กกว่านี้ไม่ได้หรือไง ชิ้นตั้งเบ้อเร้อ” นัทบ่นอุบอิบ เมื่อเหลือบมาเห็นผมกำลังฉีกผักกาดขาว........
               “เดี๋ยวมันโดนน้ำร้อนก็ยุบแล้ว” ผมให้เหตุผล
               “เออ อยากทำไรก็ทำ” เค้าทำหน้างอขัดใจ
               “อ่ะๆ ฉีกให้เล็กๆก็ได้” ผมนำผักที่ฉีกไปแล้ว กลับมาฉีกใหม่อีกรอบ....เรื่องมากจริงๆ
....ระหว่างที่รอน้ำเดือดอีกรอบ ผมจึงลงมือตอกไข่ และตีให้ฟู
              “อย่าเพิ่งใส่นะ รอให้น้ำเดือดก่อน” เค้าออกคำสั่ง
              “เออ รู้แล้ว” ผมบอกปัดด้วยว่าเบื่อจะทะเลาะ

               เราสองคนลงมือกินเงียบๆ.........นัทดูตั้งอกตั้งใจกินมาก.........เค้าเหลือบขึ้นมามองผมเป็นบ้างระยะ
              “ทำไมกินน้อยจัง ไม่อร่อยเหรอ” โดนคำถามเดิมอีกแล้ว
              “อร่อยสิ นัทกินเยอะๆเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก” ผมบอก เพราะไม่อยากจะฟังเค้าบ่นเรื่องผมกินน้อยอีก
              ผมนั่งสังเกตดูนัทกินไปเรื่อยๆ.....ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว.........ลองแหย่เค้าเล่นดีกว่า ดูซิว่าจะทำยังไง.....ผมค่อยๆยื่นเท้าไปเขี่ยที่เท้านัท ซึ่งอยู่ใต้โต๊ะฝั่งตรงข้าม....ใช้เท้าหนีบที่ขากางเกงเอาไว้.....ได้ผล
              “เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอก อยู่ดีๆสิ” นัทเอ็ด...ทำตาเขียว......คิคิ ขำดี.....ผมรีบชักเท้ากลับ แกล้งทำหน้าเฉยๆ
               “อยากให้คนอื่นเห็นนักหรือไง” นัทบ่นต่ออีกยาวยืด....แต่ผมทำเป็นเอาหูทวนลมเสีย

               เดี๋ยวเราไปดูหนังกันต่อดีมั้ย.....นัทเสนอ......เค้าอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็บ้า.....ผมไม่ชอบดูหนัง เพราะคิดว่าเสียเวลาที่จะต้องเข้าไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในโรงหนังตั้งสองสามชั่วโมง.......โดยเฉพาะเรื่องที่เราไม่ได้อยากจะดู
              “เอาสิ จะไปดูที่ไหนล่ะ” ผมตามใจเค้า เพราะผมมีนิสัยชอบตามใจหรือเพราะว่าชอบเค้าก็ไม่ทราบ.....แต่โดยปกติน้อยครั้งมากที่ผมจะขัดใจใครต่อใคร....ส่วนใหญ่มักจะเออออซะมากกว่า
               “เซ็นทรัลแอร์พอร์ทแล้วกัน” นัทตัดสินใจ.....เราขับรถมุ่งหน้าออกไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อจะหาหนังดูสักเรื่องตามที่นัทต้องการ

                   ผมนำรถมาจอดที่ชั้นบนสุดของห้าง ก่อนจะเดินไปยังประตูทางเข้าที่อยู่อีกฟากของลานจอดรถ........นัทเดินนำหน้าลิ่วๆตามเคย........ทำไมเค้าถึงต้องชอบทำท่าเหินห่างแบบนี้นะ ผมเบื่อเหลือเกินกับพฤติกรรมดังกล่าวของเค้า......มีกลุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีสามสี่คนนั่งชุมนุมกันบริเวณฟุตบาทใกล้ๆกันนั้น.......ผมแกล้งเดินให้ช้าลง ค่อยๆเลียบไปตามฟุตบาทบริเวณที่หนุ่มๆกลุ่มนั้นนั่งอยู่.....อยากจะรู้นักว่านัทจะทำยังไง..........หนุ่มๆกลุ่มนั้นหันมามอง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นลอยหน้าเดินต่อ.........นัทหยุดกึกหันมามองตาเขียว.....เค้าแสดงท่าว่ากำลังยืนรอผมอยู่.....หึ....ทีนี้รู้จักรอแล้วเหรอ....ผมคิดในใจ....
                    “เดินเร็วๆสิ” เค้าออกคำสั่งหน้าบึ้ง.......ผมเร่งฝีเท้าเดินผ่านหน้าหนุ่มๆกลุ่มนั้นไป...เสียดายจังหล่อๆทั้งนั้น....อิอิ...
                    “แล้วก็ชอบมาว่านัทไม่รอ ก็ตัวเองเดินช้ายังกะเต่า” นัทบ่น........ผมไม่ได้โต้เถียงอะไร....นอกจากหัวเราะในใจเบาๆ.....
   
                      มีเวลาเหลือก่อนจะดูหนังตั้งครึ่งชั่งโมง.....ห้างสรรพสินค้าปิดแล้ว เหลือเฉพาะในส่วนของโรงหนัง..........ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้คนเดินอยู่ขวักไขว่.......เราเดินออกมาหาที่นั่งหลังจากซื้อตั๋วได้แล้ว นัทไม่ยอมมานั่งใกล้ผมเลย.......เค้าเลือกที่จะนั่งอยู่อีกโต๊ะ......ทำท่าโทรศัพท์ถึงใครบางคน........ผมเดาเอาว่าคงเป็นใครที่พิเศษพอสมควรเพราะเค้าแสดงท่าให้ผมคิดแบบนั้น........ไม่ว่าเค้าจะทำเพื่อจุดประสงค์อะไรก็ตาม........ผมได้แต่นั่งมองด้วยความระอา.......เค้าจะทำแบบนี้ทำไม.......แล้วผมมาทำอะไรที่นี่.........
                   เค้าเดินกลับมาหาผมที่โต๊ะ หลังจากที่โทรศัพท์ได้พักใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร........ไม่ได้โกรธ......เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่ามีสิทธิ์ที่จะต้องโกรธ (ปกติผมเป็นคนขี้หึงมาก)..... ผมนั่งมองเค้าเงียบๆ ดูซิว่าเค้ากำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่
                   “เค้าไล่ให้นัทมานั่งเป็นเพื่อนพี่กั้ง....หึ..ทำตัวเป็นคนดีศรีเชียงใหม่เหมือนพี่กั้งเลย” นัทกล่าวถึงคนที่คุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อครู่ พร้อมทั้งทำหน้าล้อเลียนใส่ผม......แต่ผมไม่เห็นจะรู้สึกว่า มีอะไรให้ต้องน่าขำตรงไหนเลย......
   
                   หลังจากดูหนังเสร็จ ผมขับรถกลับมาส่งนัทที่หอ......เรากล่าวคำอำลากันสั้นๆ....หลังจากที่กลับมาอยู่กับความเงียบได้สักพัก ผมก็คิดอะไรบางอย่างออกมาได้........ผมจะทนคบกับนัทต่อไปทำไม.......ในเมื่อเค้าทั้งเอาแต่ใจตัวเอง.......หยาบคาย.........และก็ใจร้ายที่สุด....หล่อก็ไม่หล่อ.......รวยรึก็ไม่.......ไม่มีดีอะไรสักอย่าง........พอกันทีผมจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว.........

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #109 เมื่อ: 04-06-2007 09:17:03 »





MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #110 เมื่อ04-06-2007 13:03:01 »

เอ  จะทนต่อไปป่าวเหรอ   ว่าแต่ที่ผ่านมาก็ดูเต็มใจทนและยอมรับเยอะแล้วนะค้าบบ  :o11:


นัทก็มีแอบหวงเล็กๆ  แต่หนักใจตรงที่ไม่แสดงออก และกลัวกับการที่คนอื่นรู้มากเกินเหตุอ่า   จะได้หวานกัยมั้งมั้ยนี่  :confuse:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #111 เมื่อ04-06-2007 13:55:25 »



ผมทายว่า  คนอย่างพี่คนเขียนคงไม่มีทางยอมแพ้กะคนอย่างนัทด้วยการตัดใจหนีไปเสียง่ายๆ หรอกว่ามะ?

เท่าที่ผมอ่านดูแล้วนะ  พี่นะเป้นคนชอบวางแผน  ชอบคิดนั้นคิดนี้ไปตามใจตัว

แล้วพอมาเจอคนอย่างนัทเข้า  มันก็เหมือนภาระกิจอันใหญ่หลวง  ที่พี่จะต้องกำราบให้อยู่มัด

ระวังเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน  อย่าไปหลงรักนายนัทเข้าละครับคุณพี่คนเขียน  อิอิ

แต่ผมว่าไอ้นัทมันก็พอตัวเหมือนกันนะเพ่   :o9:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #112 เมื่อ04-06-2007 16:23:58 »

บางทีความแตกต่าง ยิ่งนานวันยิ่งเห็นชัด
ยากจะบอกว่าให้ปรับตัวเข้าหากัน
ถ้าสองคนนั้นไม่ได้รัก แค่ชอบกัน
 o7

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #113 เมื่อ04-06-2007 17:03:51 »


...........ยิ่งเอาตัวไปผูกพัน..........ก็ยิ่งยากจะถอนตัว..... :impress: :impress:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #114 เมื่อ04-06-2007 18:11:20 »

ที่คุณ oaw_eang บอกมาทั้งหมด ยังกะมานั่งอยู่กลางใจคนเขียนแน่ะ.....อิอิ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #115 เมื่อ04-06-2007 18:40:03 »

กั้งกับนัท แตกต่างและแตกแยก  :impress:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #116 เมื่อ04-06-2007 19:12:48 »

สนุกดี  เป็นคนเขียนที่จริงใจดีอะ  :impress2:
แบบว่า  จริตมารยาอะไรที่มี เขียนใส่มาหมด  จะว่าไป นี่เป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้นะเนี่ย
เราชอบอ่านความคิดคน อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนกันวิเคราะห์ตามไปด้วย  ชอบๆ

รออ่านต่อจ้า   :impress:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #117 เมื่อ06-06-2007 09:35:55 »

พอดีช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย เลยไม่ได้มาเขียนต่อ ยังไงต้องขอโทษคนที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ
...

                    ดูเหมือนนัทจะไม่รู้สึกตัว ในความร้ายกาจที่เค้าได้กระทำกับผมมาโดยตลอด ทั้งๆที่เราเพิ่งจะเริ่มคบกันแท้ๆ.........เค้ายังคงโทรมาชวนผมไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม.........และผมก็ใจอ่อนเหมือนเดิม...และทุกอย่างก็กลับเข้าสู่วัฎจักรเดิมๆ
                 “ตั้งแต่คบกับนัท พี่กั้งเปลี่ยนไปรู้ตัวหรือเปล่า” น้องพรตั้งข้อสังเกต......หลังจากที่ฟังผมพล่ามเรื่องความร้ายกาจของนัท......เวลาผมมีความรัก คนรอบตัวผมจะต้องรับภาระหนักในการคอยรับฟัง........ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์........ดีใจก็ป่าวประกาศ........เสียใจก็ซึมเศร้าคร่ำครวญ....นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมกระทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มที่จะรู้จักเรียนรู้เรื่องความรัก..............
                “เปลี่ยนยังไง” ผมถามทั้งๆที่สีหน้ายังซังกะตายอยู่
                “ก็ปกติพี่กั้งเคยทนใครกับเค้าเป็นที่ไหน พอไม่ได้ดั่งใจก็วิ่งหนี แต่กับนัทนี่พี่กั้งทนได้ทุกอย่าง” น้องพรอธิบายยาวยืด
                 “จริงเหรอ” ผมนึกแปลกใจ
                “นี่ล่ะน๊าความรัก” น้องพรทำท่าระอากึ่งปลงสังเวชในชะตากรรมของผม
   
                เมื่อมาคิดใคร่ครวญดูอีกที......ก็คงจะจริงอย่างที่น้องพรพูด ผมจัดเป็นมือวางอันดับต้นๆของตำแหน่งเจ้าสาวที่กลัวฝน.......หากผมพบว่าผู้ชายที่กำลังคบอยู่นั้น มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล.........ผมจะใส่เกียร์ถอยหลังทันที.........แล้วก็มานั่งคร่ำครวญ ทำท่าว่าอกหักจะเป็นจะตายให้เพื่อนๆคอยปลอบใจ...น้องพรอยู่กับผมมานาน คงจะเห็นเรื่องพวกนี้จนเคยชินแล้ว..........ผมคงจะรักเค้าเข้าแล้วจริงๆ......
               ในเมื่อผมยังอาลัยอาวรณ์ในตัวนัทอยู่ และยังไม่อยากจะตัดสัมพันธ์ในตอนนี้ แต่ขณะเดียวกัน ผมเองก็มักจะต้องเสียความรู้สึกทุกครั้ง เวลาที่เราควงกันไปไหนมาไหน........ ผมจึงควรจะต้องหาทางออกอื่น เพื่อกำจัดปัญหาในข้อนี้ออกไปให้ได้.... ผมจะเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่โดยการหันมาออกเดทกับนัทในที่ลับตาคนแทนดีกว่า....หุหุ.....หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างนะ

               ผมจึงออกไปจ่ายตลาดในบ่ายวันหนึ่ง หลังจากที่ได้วางแผนการไว้เรียบร้อยแล้วว่า จะแก้ปัญหาเรื่องความกดดันในการออกเดทระหว่างเราได้อย่างไร.........ผมจะทำกับข้าวให้เค้าทานที่ห้อง......เป็นการได้แสดงฝีมือในการทำกับข้าว........ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการออกไปเที่ยวข้างนอก......ลดปัญหาเรื่องการระแวงต่อสายตาคนรอบข้าง และทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น......และก็อะไรต่ออะไรที่อาจจะตามมาอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น......
               เย็นนี้ผมจะทำกับข้าวสี่อย่าง.....นัทเป็นคนกินเก่งเค้าต้องชอบแน่ๆ.........เมนูถนัดของผมได้แก่ผัดซีอิ้ว.....แกงเผ็ด.......แกงจืด และก็ ผัดหน่อไม้ฝรั่งใส่กุ้ง..........ที่สำคัญห้ามใส่เนื้อสัตว์บางชนิด และต้องใช้น้ำมันพืชเท่านั้น......หลังจากจ่ายตลาดเสร็จ ผมจึงเริ่มลงมือทำกับข้าวตอนประมาณบ่ายสี่โมงเย็น.......นับได้ว่าค่อนข้างจะลำบากเอาการสำหรับการทำกับข้าวสี่อย่างโดยที่มีกระทะไฟฟ้าเพียงอันเดียว.....เพราะผมจะต้องคอยล้างกระทะและนำเอามาใช้ใหม่ซ้ำๆกันตั้งสี่ครั้ง....เรื่องล้างจานและอุปกรณ์อื่นๆไม่ต้องพูดถึง.......ผมยอมรับว่าค่อนข้างจะเหนื่อยกับการทำกับข้าวหลายอย่างในเวลาจำกัดและปราศจากผู้ช่วยแบบนี้.........แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามีความสุขกับการได้ทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก.....การได้คอยนั่งมองเค้ากินอย่างเอร็ดอร่อย เป็นความสุขใจอย่างหนึ่ง ที่อธิบายให้ใครฟังก็คงไม่สามารถเข้าใจได้ลึกซึ้งถึงความรู้สึกดังกล่าว .........หากแต่คุณต้องลองสัมผัสด้วยตัวเอง.............มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ........

                     หลังจากทำกับข้าวเสร็จ ผมจึงลงมือจัดแจงตั้งสำรับอาหารเอาไว้ให้เรียบร้อยสวยงาม......แล้วกวาดถูจัดห้องหับให้เรียบร้อย.........ที่เหลือก็คือนั่งรอเวลา..........จนกระทั่งถึงห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่เราเคยออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน... ผมจึงหยิบโทรศัพท์โทรไปถึงนัท....เค้าต้องแปลกใจแน่ๆ....
                     “ฮะโหล อยู่ไหน” รู้สึกแปลกหน่อยๆที่ต้องเป็นฝ่ายโทรหาเค้าก่อน
                     “อยู่ห้อง” นัทตอบเสียงห้วนตามเคย เดี๋ยวนี้ผมคร้านจะใส่ใจกับเรื่องพวกนี้แล้ว
                     “พี่ทำกับข้าวไว้ที่ห้องแล้ว จะมากินมั้ย” ผมทำทีถาม แต่คำตอบที่อยากได้ยินนั้นมีอยู่ในใจอยู่แล้ว........
                    “จริงอ่ะ ดีจัง ทำไรมั่ง” นัทดูท่าทางประหลาดใจดังที่ผมคาดเอาไว้........ผมไล่ชื่อเมนูอาหารให้เค้าฟัง ดูท่าเค้าจะพอใจอยู่ไม่น้อย
                    “เดี๋ยวพี่ออกไปรับ ลงมารอข้างล่างเลยนะ” ผมสั่ง ก่อนจะวางสายแล้วหันไปคว้ากุญแจเดินออกนอกห้องไป

                   “เราไปเช่าหนังไปดูที่ห้องกันดีมั้ย” นัทเสนอความคิด หลังจากที่ผมขับรถออกมาจากหอของเค้าได้ไม่ไกล
                   “เอาสิ พี่มีบัตรสมาชิกของร้านแถวๆหลังมอ”......ปกติผมใคร่ได้เช่าหนังมาดูสักเท่าไหร่....เพราะไม่เป็นคนชอบดูหนัง.........หากแต่จะนำมาใช้ประโยชน์จริงๆในยามที่ไม่มีใครๆให้ชวนออกไปเที่ยวตะลอนๆข้างนอก...........ก็ออกไปเที่ยวเล่น สนุกกว่านั่งจมจ่อมอยู่หน้าจอทีวีเป็นไหนๆ..............

                  นัทเลือกหนังได้สองเรื่อง........ส่วนใหญ่เค้าจะเลือกเช่าหนังไทย.........ซึ่งตรงกันข้ามกับรสนิยมของผมโดยสิ้นเชิง...........ผมชอบดูหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นมากกว่า.........
                 “ทำไมเช่าแต่หนังไทย น่าจะเช่าหนังฝรั่งบ้าง” ผมออกความเห็น เมื่อนัทยื่นแผ่นหนังที่จะเช่ามาให้ดู........
                 “เป็นคนไทยก็ต้องสนับสนุนหนังไทยบ้างสิ อีกอย่างมันก็สนุกดีออก” เค้ายักไหล่........ไม่ได้มีทีท่าจะสนใจว่าผมจะอยากดูหนังแนวไหนเลย.........ทำไมเค้าไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะใส่ใจความรู้สึกคนอื่นบ้างนะ......ผมไม่ได้พูดอะไรอีก...........อยากดูอะไรก็ดูไปเถอะ..........ในเมื่อผมแค่ได้นั่งมองดูเค้า..........แค่นี้ก็มีความสุขพอแล้ว......

                  “อยากกินรูทเบียร์” นัทเปรย หลังจากที่เราเช่าหนังเสร็จเรียบร้อยแล้ว
                  “มันมีขายที่ไหนล่ะ”......น่าแปลกใจจริงๆที่มีคนชอบกินเครื่องดื่มที่มีรสชาติคล้ายยาหม่อง.....แปลกทั้งนิสัย.....แปลกทั้งการกิน....แปลก
                 “ที่โลตัสน่าจะมีนะ” นัทบอก.......ผมจึงรีบบึ่งพาเค้าออกไปจากร้านเช่าวีดีโอ เพื่อไปซื้อรูทเบียร์.........อยากได้ ก็จัดให้.....เฮ้อ

                 เมื่อได้ของทุกอย่างครบดังประสงค์.....เราจึงมากลับมาที่ห้องพัก..........คอนโดที่ผมอยู่ค่อนข้างจะสันโดษและห่างไกลผู้คน.........แต่ใกล้ชิดธรรมชาติและขุนเขา...........ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานและก็ชาวต่างชาติ...........นักศึกษาปริญญาตรีถ้าไม่มีรถยนตร์ก็ยากที่จะซอกซอนเข้ามาถึงได้......คงพอจะทำให้นัทหายกังวลในเรื่องกลัวจะมีคนรู้จักบังเอิญมาพบเข้า...........
                     “ไหนดูซิว่ามีอะไรกินบ้าง” นัทแสดงท่าตื่นเต้น วิ่งไปดูที่โต๊ะกับข้าว....ทำท่าเหมือนเด็กๆเลย.....เมื่อไหร่จะรู้จักโตซักทีนะ..........เค้าลงมือชิมนั่นนิด....ชิมนี่หน่อย............
                    “อร่อยมั้ย” ผมถามเพื่อเช็คความพอใจของผู้บริโภค
                    “พอกินได้” เค้าตอบแบบไร้อารมณ์.......เชอะ.....พอกินได้........ทำเกือบตาย..........และผมก็รู้ว่ามันอร่อยด้วย........อยากจะวิจารณ์ว่ายังไงก็ตามใจ.....แต่กินให้หมดก็แล้วกัน

                    ผมจัดแจงนำถ้วยจานช้อนส้อมมาวางให้นัท...........ก็จะปล่อยให้ตักโน่นตักนี่กินไปเรื่อยเปื่อยได้ยังไง.....จะกินก็ทำเป็นกิจจะลักษณะดีๆ......อ้อ...เกือบลืมไป....ประเดี๋ยวเอาแก้วใส่น้ำแข็งมาวาง.....เทรูทเบียร์เอาไว้ให้เต็มปรี่ เป็นอันเสร็จภารกิจแล้วจึงมานั่งคอยสังเกตดูเค้ากินอยู่เงียบๆ.....ทำท่าว่ากินนั่นกินนี่บ้างพอเป็นพิธี..........ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน เวลาอยู่ต่อหน้าคนที่เราชอบ มันจะไม่ค่อยนึกอยากอะไร...........สงสัยจะเป็นเพราะว่ากลัวจะเสียฟร์อมมั้ง......ก็การกินข้าวต่อหน้าคนอื่น เราต้องคอยระมัดระวังกิริยาท่าที......จะมุมมาม รุ่มร่ามก็ไม่ได้........จะหยิบจะจับอะไรต้องให้ดูงามตาเอาไว้........ไหนจะสรรหาคำพูดมาสนทนาเพื่อสร้างบรรยากาศ...........เหนื่อยจะตาย...........สู้นั่งอยู่เฉยๆแล้วเก๊กท่าสวยเอาไว้น่าจะดีกว่า...........

                    “เอาแก้วมาทำไมตั้งสองใบ กินใบเดียวกันก็ได้” นัทบอก.....จะบ้าเรอะ....ผมคิด....
                    “ไม่ดีกว่า แก้วใครแก้วมันดีแล้ว” ผมรินน้ำเปล่าใส่แก้วตัวเอง..........ก็ผมไม่ชอบไอ้เครื่องดื่มรสยาหม่องนั่นจริงๆนี่นา.....

                   หลังจากนัททานอาหารเสร็จ.....ผมจึงจัดแจงเก็บถ้วยจานไปล้าง.........ส่วนนัท....ก็หันไปสนใจกับการเปิดหนังที่เช่ามาจากร้าน..........เค้านอนดูหนัง........ผมล้างจาน........เพอร์เฟค....
                  “หนังเรื่องอะไร” ผมถาม พลางขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ...........นัทหันมามองแวบเดียว.......ก่อนจะหันกลับไปดูหนังต่อ
                 “ดูเองสิ”............เออ.....ดูเองก็ได้..........นี่เค้าจะไม่ยอมให้ผมมีส่วนร่วมเลยรึไง............ผมไม่อยากจะโต้เถียงด้วย จึงคว้าหมอนมานอนเกยคางดูหนังอยู่บนเตียงกับนัท.........แต่คอยเว้นระยะห่างเอาไว้ตามความเหมาะสม...........คงจะไม่ดีหรอกถ้าเค้าจะมองว่าเราชำนาญเรื่องการเข้าจู่โจมระยะประชิดจริงมั้ย.....อิอิ

                 เราคุยกันบ้าง แต่ค่อนข้างจะน้อย..........ส่วนใหญ่จะต่างฝ่ายต่างเงียบมากกว่า...........ผมไม่รู้หรอกว่าในใจเค้าสนใจกับการดูหนังมากแค่ไหน..........แต่ผมจะคอยดูซิว่า.........ระหว่างผมกับหนังบ้าๆนั่น.....อะไรมันจะน่าสนใจมากกว่ากัน....ถึงอย่างไร ผมก็ไม่ได้พยายามที่จะอ่อยเค้าเลย........เพราะคิดว่าขืนทำไปก็คงจะโดนเบรกอีกตามเคย.........อีกอย่างเค้าคิดว่าตัวเองเป็นคนคอยคุมเกมส์อยู่แล้วนี่........ผมจึงเป็นฝ่ายอยู่เฉยๆไม่มีปากมีเสียง............ก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งอย่างเดียวก็พอ..............แต่ถ้าเค้าจะคิดว่าผมจะอยู่ในโอวาทของเค้าแบบนี้ไปตลอด..........เค้าคงจะคิดผิดไปเสียแล้ว............เพราะผมไม่ใช่คนที่จะอยู่ในคำสั่งของใครอย่างแท้จริง.........มันเป็นวิธีการทำให้เหมือนเราอยู่ในคำสั่ง.........แต่จริงๆแล้วเราต่างหากที่เป็นคนสั่ง.....หากแต่เราจะต้องรู้จักที่จะใจเย็นและรอเวลา......
 
                เราดูหนังจนค่อนดึก...........จนเรื่องสุดท้ายจบลง นัทจึงหันมาบอกให้ผมพาไปส่งที่หอ.........ผมนึกเซ็งอยู่เงียบๆในใจ........ไม่มีอะไรให้ระทึกใจเลย.....น่าเบื่อจริงๆ............นี่เค้าไม่รู้หรอกเหรอว่าภายใต้ท่วงท่าที่เรียบเฉย และเงียบสงบของผมนั้น มันแฝงเอาไว้ด้วยความร้อนแรงมากแค่ไหน........แต่ถ้าเค้ารู้เค้าอาจจะตกใจก็ได้....อิอิ.....แต่อย่างว่า......ใครจะมาล่วงรู้จิตใจคน.........มองดูจากภายนอกผมดูค่อนข้างจะระวังตัวด้วยซ้ำไป.........กรรมของผมจริงๆ.........แต่เค้าไม่เป็นคนมือไวใจเร็วก็ดีแล้ว...........อะไรที่มันเร็ว.......มันก็เร็วทั้งการเริ่มต้นและการจบลง..........เพราะฉะนั้นปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2007 09:50:20 โดย moody »

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #118 เมื่อ06-06-2007 11:34:08 »


..........เหนื่อยใจ.....แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้........ :o9: :o9:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #119 เมื่อ06-06-2007 11:55:08 »

 :o

เค้านอนดูหนัง........ผมล้างจาน........เพอร์เฟค....

 :sad5:

คุณพี่คนเขียนเคอะ  อิชั้นเองก็เหมือนกันเคอะ  เรื่องทำครัวน่ะบ่ยั่น  แต่เรื่องล้างจานนั้นอิชั้นไม่สู้

ไอ้นัทนี้มันร้ายกาจมากเลยนะเคอะ

อิชั้นว่ามันมีแผนเคอะที่ไม่จัดการคุณพี่เสียแต่วันแรกที่มาที่หอคุณพี่  มันมาเหนือเมฆจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด