(จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบในตอน)เรื่องเล่าจากความฝัน: ทาสหัวใจซาตาน  (อ่าน 227475 ครั้ง)

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เรื่องแรกสั้นมากจริงๆ 5555 ดีนะมีต่อตอนสอง ค่อยหายงงหน่อย หุๆ

เรื่องสองก็มาต่อเรื่องแรกเลย

อืมม เรื่องต่อไปต่อกันอีกมั้ยเนี่ย  :กอด1:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
มาตอบเมนต์พร้อมรายงานว่า ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้จะมีเรื่องสั้นจบในตอนตอนต่อไปมาเสิร์ฟนะคะ
ตอนนี้เรื่องราวอยู่ในหัวหมดแล้ว แต่มันเขียนออกมาให้เห็นภาพยาก อาจจะใช้เวลานิดนึง ^o^

แล้วมาดูกันว่าจะเป็นเรื่องแบบไหน.....โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ

...................

เรื่องแรกสั้นมากจริงๆ 5555 ดีนะมีต่อตอนสอง ค่อยหายงงหน่อย หุๆ

เรื่องสองก็มาต่อเรื่องแรกเลย

อืมม เรื่องต่อไปต่อกันอีกมั้ยเนี่ย  :กอด1:
แล้วจะมาเฉลยค่ะว่าต่อกันรึเปล่า ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ เขินเลย ตามอุดหนุนทุกเรื่อง (แอบไปเห็นว่าไปอุดหนุนเรื่องโน้นนนนนนน ที่ห้องเรื่องจบแล้วมาด้วย >///<)

สุดยอด
+1
ขอบคุณนะคะ ปลื้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

^
l
l
 :z13: ไว้ก่อน

เดี๋ยวแวบมาอ่านนะคะพี่นุ่น จุ๊บุๆ

สอบเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พอเห็นเกรดตัวเองแล้วไม่อยากให้มันเป็นธรรมชาติเลยค่ะ T-T
จิ้มคนแก่หื้อเจ็บตรูดแล้วทิ้งไว้ไม่ดูดำดูดี โฮวววววววววววววววว (โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สอบเสร็จยังนิกระต่ายน้อย?)

ปล.ถ้าเขียนได้อย่างใจ คืนนี้เจอกันค่ะ ^3^

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
สงสัยจังตอนต่อไปจะเป็นไงน้า
ตอนที่ผ่านมาน่ารักมาก
รอตอนต่อไปจ้า :z2:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
คืนนี้มีเรื่องสั้นจบในตอนมานำเสนอค่ะ
ขอเตือนไว้ก่อนว่าเนื้อหาเพิ่งมาแค่ครึ่งแรกนะคะ ครึ่งหลังยังพิมพ์ไม่เสร็จ แต่อยากลง หงิงๆ
ว่าแล้ว....เรามาหลงป่ากันเถิดค่ะ
เอ จะว่าหลงได้รึเปล่าหนอ ในเมื่อคนหนึ่งหลง แต่อีกคนไม่หลงนี่นา
.......................

Beija-Flor of the Amazon:
วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี


‘หนาว....หนาวจัง’
โอย....ปวดหัว ปวดหัวจนเหมือนจะระเบิด แล้วก็หนาว....หนาวเหลือเกิน

‘อื้อ...ขม ไม่เอา อืม.....’



ผม........อยากตื่น แต่กลับลืมตาไม่ขึ้น ในหูได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ
เสียงของการเคลื่อนไหวที่แผ่วเบา ฝีเท้าที่ก้าวย่าง.....แผ่วเบาราวกับการย่องเข้าตะครุบเหยื่อของเสือดาว

ผมกลัว........
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาสัตว์ผู้ยาก โปรดปลดปล่อยลูกจากห้วงเหวแห่งความมืดลึกสุดหยั่งนี้ด้วยเทอญ


เฮือกกกกก!!

“ปล่อย คุณเป็นใคร ....อื้อ อะ แค่กๆๆ”
พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังคำอ้อนวอนของผม ปลดปล่อยผมจากความมืดมนจริงๆ แต่นี่มันอะไรกัน ที่นี่มันที่ไหน แล้วคน.....ใช่ ถึงจะดูแปลกๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาเป็นคนแน่ๆที่เมื่อกี้พอเห็นว่าผมลืมตาก็พูดอะไรไม่รู้สองสามคำแล้วส่ายหัว ก่อนจะตรงเข้ามาประคองให้ผมนั่งแล้วยัดเยียดน้ำคั้นจากใบอะไรสักอย่างสีเขียวปี๋กรอกปากผม

รสชาติที่ผมจำได้ว่าได้ลิ้มรสมาแล้วหลายครั้งระหว่างที่ยังลืมตาไม่ขึ้น งั้น.....ถึงรสชาติจะขมจะเฝื่อนแค่ไหน แต่กินเข้าไปก็คงไม่ตายหรอก......มั้ง? ผมคิดว่านะ.....

ผมกล้ำกลืนฝืนความอยากอาเจียนเอาไว้ได้แล้วถึงได้เงยหน้าขึ้นมองหน้าผู้ช่วยชีวิต แล้วก็ได้เห็นดวงตาคมดุราวกับเหยี่ยวที่มองตรงมาก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เคยได้เห็นจากใบหน้าผู้ชายมาให้


เอ่อ.....ผมคงพลาดลืมเล่า งั้นเล่าตรงนี้เลยแล้วกัน ผมเป็นนักสำรวจ ถูกส่งมาจากกองทัพของโปรตุเกส แต่ผมไม่ใช่ทหารนะ ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์

เมื่อวานนี้ หรืออาจจะมากกว่านั้น ผมก็ไม่รู้ เพราะผมยังไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานแค่ไหน เรือที่เราล่องมาตามแม่น้ำฮาวารี สาขาหนึ่งของอะมาซอนถูกจู่โจมโดยสัตว์น้ำขนาดใหญ่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นตัวอะไร ที่แน่ๆคือลำตัวของมันส่วนที่ผมเห็นมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่าครึ่งเมตร แล้วก็ความยาวของมันคงมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะผมมีโอกาสเห็นมันเพียงแวบเดียว แล้วก็มองเห็นแค่ช่วงลำตัวหนานั่น ไม่ได้เห็นส่วนหัวหรือมีโอกาสทำความรู้จักกับหน้าตาของมันเลยด้วยซ้ำ

เสียงอื้ออึงและคำสั่งโหวกเหวกจับความไม่ได้ ทำให้ผมรู้ว่าพวกเรากำลังเจอกับวิกฤตการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต ผมทำได้แค่คว้าเอาเป้ประจำตัวที่ทุกคนต้องวางไว้ที่หัวนอนเสมอมาถือไว้ แล้วจากนั้น.......ผมก็ตกลงไปในกระแสน้ำดำมืดของฮาวารี

รู้สึกตัวอีกที ก็มานอนแอ้งแม้งขยับนิดนึงก็ปวดไปหมดทั้งตัวอยู่ตรงนี้แล้ว


.....เอ่อ ผมรู้สึกว่าผู้ช่วยชีวิตของผมคงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่พูดออกมา ก็เมื่อกี้พอผมเงยหน้าขึ้นสบตาเท่านั้นแหละ เขาก็ทำท่าเหมือนกับตะลึง หรือไม่ก็อึ้งกับความหล่อของผมจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
กระบอกไม้ไผ่ที่อยู่ในมือก็ยกค้างอยู่อย่างนั้นแหละไม่วางลงเสียที มองกันขนาดนี้ มันอึดอัดนะครับคุณผู้ช่วยชีวิต

“คุณ คุณชื่ออะไรเหรอ?” มนุษยสัมพันธ์ดีก็งี้แหละผมน่ะ ก็ถูกมองแบบนี้ถ้าหากสายตาของคุณผู้ช่วยชีวิตเป็นรังสีทะลุทะลวง ป่านนี้ผมคงพรุนไปแล้ว เพราะงั้นหาเรื่องคุยดีกว่า

“ดากา.......ดากา” เฮ้ยยยยยยยย!! จะไม่ให้ตกใจได้ไง ก็พอผมถามว่าชื่ออะไร แทนที่จะตอบมาแบบธรรมดา อิตานี่กลับโผเข้ามากอดผมไว้ทั้งตัว พูดซ้ำไปซ้ำมา ดากา ดากา ชื่อดากาหรือไงเนี่ย ปล่อยยยยยยยยยยย ปล่อยสิโว้ยยยยยยยยย

“ปล่อยๆๆ อื้อออออ” คำแรกผมยังพูดได้เป็นคำอยู่หรอก แต่ไอ้บ้านี่ปล่อยให้ผมพูดได้เดี๋ยวเดียว พอผละออกให้ผมโล่งใจว่าจะได้อิสระแค่สองวินาที มองหน้าผม ส่งยิ้มเหมือนกับดีใจเป็นบ้าเป็นหลังแล้วก็กดหัวผมให้ซบลงกับซอกคอหนาๆของตัวเองอีก

แต่....จะว่าไป ทำไมผมถึงรู้สึกดีที่ถูกกอดไว้แน่นๆแบบนี้ก็ไม่รู้แฮะ แถมยังเป็นอ้อมกอดของผู้ชายซะด้วยสิ
เอ หรือจะเป็นเพราะผมกำลังหนาว แล้วเนื้อตัวของหมอนี่มันก็อุ่น คงจะเป็นอย่างนั้นละมัง....แต่ เฮ้ย จะมาหลงปลื้มไปกับความอุ่นของหมอนี่ไม่ได้ ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“ชื่อน่ะ ชื่อ เข้าใจมั้ย?” ผมออกแรงจากสองแขนเต็มที่ยันตัวให้ห่างออกมาจากอกของคุณคนป่า แล้วมองไปรอบๆก่อนจะถามอีกครั้ง

ผมไม่โง่พอจะตอบโต้ด้วยการทำร้ายร่างกายอย่างชกสักหมัดหรอกน่า ก็ที่นี่มันส่วนไหนของฮาวารีก็ไม่รู้ หรือกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั่นพัดผมมาไกลจนมาถึงสาขาอื่นของอะมาซอนแล้วก็ไม่รู้ แถม....ผมหิวจนไส้จะขาดแล้วด้วย ขืนทำเป็นเก่งหาเรื่องกับคุณผู้ช่วยชีวิตจนต้องถูกทิ้งไว้กลางป่าคนเดียว ผมไม่รอดแน่ๆ

ก็พอได้กวาดสายตาไปโดยรอบ ผมถึงได้รู้ว่านอกจากลำธารเล็กๆที่อยู่ต่ำลง ห่างออกไปเกือบยี่สิบก้าวนั่น มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ ปกคลุมครึ้มไปหมดจนแม้แต่เงยหน้าขึ้นยังไม่เห็นท้องฟ้าเลยสักนิด
ที่ผมหนุนนอนอยู่เมื่อกี้ก็รากไม้ รากเล็กๆขนาดเท่าต้นขาล่ำๆของคุณผู้ช่วยชีวิตที่คุยกันไม่รู้เรื่องแต่กอดเอากอดเอาคนนี้แหละ คนบ้าอะไรต้นขาใหญ่ชะมัด

อันที่จริง จะบอกว่าต้นขาใหญ่อย่างเดียวคงไม่ถูกนัก เพราะผู้ชายคนนี้ใหญ่ไปทุกส่วนเลย ทั้งแขนกล้ามเป็นมัดๆ อกหนาๆ ขาใหญ่ๆ เอ่อ......แล้วก็สะโพกด้วย คือ ไม่ได้หมายถึงสะโพกผายแบบผู้หญิงนะ แต่ผมหมายถึงกล้ามเนื้อ เอ่อ...ที่แก้มก้นน่ะ ใหญ่จริงๆนะ ใหญ่รับกับต้นขานั่นแหละ คือตอนนี้เขาลุกขึ้นไปหยิบอะไรสักอย่างลักษณะเป็นแผ่นกลมๆสีเหลืองอ่อนออกมาจากสิ่งที่หน้าตาคล้ายๆย่าม เพียงแต่มันไม่ได้ทำมาจากผ้า แต่เป็นเชือกจากเถาวัลย์เหนียวๆเอามาลอกเป็นเส้นเล็กๆแล้วสานสลับไปมามีสายสะพายที่คงเอาไว้สะพายเฉียงไหล่ได้พอดี

ผู้ชายคนนี้ตัวสูงมาก มากกว่าผมเกือบสองคืบได้ เขามีผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีเข้มคมเหมือนตาเหยี่ยว ปากยกขอบหนา จมูกโด่งงุ้มงอที่ส่วนปลายน้อยๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ใบไม้สดหนึ่งใบปกปิดความเป็นชายโดยใช้เชือกเถาวัลย์เส้นเล็กๆร้อยไว้แล้วผูกเหนือสะโพกเท่านั้น แล้วพอเขาลุกขึ้นเดินอย่างนี้ ทุกจังหวะของการก้าว ผมก็เลย...เห็นหมด เฮ้อ.....ใบไม้ใบออกใหญ่ก็ยังปิดไม่ได้เอาจริงๆ

ไม่ได้การแล้ว ผมต้องไม่ไปสนใจกับอวัยวะส่วนนั้นของผู้ชายสิ ผมเงยหน้าขึ้นพิจารณาส่วนลำตัวช่วงบนต่อเพื่อให้หายฟุ้งซ่าน ก็เห็นว่าที่หน้าผากของคุณคนป่ามีสัญลักษณ์เป็นเส้นตรงสามเส้นลากขวางไว้ด้วยสีแดงสด บนศีรษะมีสายรัดเหนือหน้าผากที่ประดับไปด้วยหินและขนนกสีเหลือบฟ้าและเหลือง

แต่.....ถึงจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ช่วงบน ทำไมอาการใจสั่นฟุ้งซ่านของผมถึงไม่ลดลงเลย


ผู้ช่วยชีวิตของผมเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆอีกครั้งพร้อมกระบอกไม้ไผ่อีกกระบอก เขาเอาใบไม้ใบใหญ่วางลงกับพื้น แล้ววางแผ่นแป้งสีเหลืองอ่อนนั่นลง ก่อนจะหยดน้ำจากกระบอกลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็บิแผ่นแป้งออกเป็นชิ้นพอดีคำแล้วส่งให้ผม พอผมรับมาถือไว้เขาก็จัดการบิอีกชิ้นใส่ปากตัวเอง

ผมจัดการกินอาหารชาวป่าแท้ๆดูบ้าง ก็ไม่ได้แย่อะไร แป้งนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้อะไรสักอย่าง แล้วก็มีรสเค็มน้อยๆ กินไปได้สองคำ ผู้ช่วยชีวิตก็เอื้อมมือมาเช็ดเบาๆที่มุมปากของผม เขาส่งยิ้มมาให้ แล้วก็ชี้ไปที่ตัวเอง

“มาฮัวคา” เขาชี้ซ้ำๆที่อกตัวเอง อ้อ.....มาฮัวคา คงเป็นชื่อของเขาสินะ
“มาฮัวคา,  โย ดาก๊า?” เอาแล้วไง ทำไมต้องมองมาที่ผมเหมือนกับคาดหวังอะไรสักอย่างด้วยล่ะ

“แซร์จิโอ้” ผมทำตามเขาบ้าง ชี้ที่ตัวเองแล้วก็บอกชื่อ แล้วเลยลองเลียนแบบประโยคของเขาดู “แซร์จิโอ้, โย ดาก๊า”

“ดากา........แซโจ้” เออๆแซโจ้ก็แซโจ้ แล้วนี่มันอะไร.....แค่ผมพูดตามเท่านั้น หมอนี่...เอ่อ มาฮัวคาก็ดึงผมเข้าไปกอดอีกแล้ว แล้วทำไมต้องมองมาด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความดีใจขนาดนั้นด้วย

“มาฮัวคา อย่าร้องไห้.......” ผมไม่รู้จะทำยังไง จู่ๆเขาก็มีน้ำตาคลอ รู้ทั้งรู้ว่าพูดปลอบไปเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ทำไม....ผมถึงรู้สึกทนไม่ได้ถ้าผู้ชายคนนี้จะต้องมีน้ำตา ไม่ทันได้ห้ามตัวเองผมก็เป็นฝ่ายกอดเขาเอาไว้จนแน่นเสียแล้ว

มาฮัวคาก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากของผม ผมก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ แถมยัง......เริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ความอายมันเริ่มมาทักทายผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมเลยพยายามจะผละออกจากร่างกายอุ่นๆ แล้วก็แน่นไปทุกส่วนนั่น แต่อ้อมแขนแข็งแกร่งไม่ยอมปล่อยผมเสียแล้ว มาฮัวคาจับผมให้นั่งอิงกับอกเขาดีๆแล้วบิแผ่นแป้งนั่นป้อนให้ผมเรื่อยๆ

ทำไงได้ล่ะ จู่ๆผมก็รู้สึกว่าที่ตรงนี้ ในอ้อมแขนนี้แหละคือที่ของผม เป็นที่ที่ผมจะอยู่ได้อย่างสบายที่สุด ปลอดภัยที่สุด.....

พอผมแสดงท่าว่าอิ่มแล้ว เขาก็จัดการเอาแผ่นแป้งที่เหลือไปผิงไฟเพื่อไล่น้ำ แล้วสะพายย่ามหยิบหน้าไม้พร้อมกระบอกขึ้นสะพายไหล่อีกข้าง ส่งเป้ของผมที่ตอนแรกคิดว่าคงหายไปกับกระแสน้ำแล้วมาให้ รั้งให้ผมลุกขึ้นเดินตามไปที่ลำธาร ปล่อยให้ผมล้างหน้าทำความสะอาดตัวเองเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะทำท่าให้ผมเดินตามเขาไป

ผมก็ทำได้แค่ทำตามคำสั่งแบบไม่มีปากเสียง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหยิบเข็มทิศในเป้ขึ้นมาเทียบหาทิศด้วยซ้ำ หึๆก็ถึงพูดถามอะไรไปเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เอาเถอะ..อย่างน้อยก็เชื่อได้ว่ามาฮัวคาจะไม่ปล่อยให้ผมเดินเข้าไปในดงดอกไม้พิษ หรือว่าเดินตกบ่อทรายดูดแน่ๆ


เราสองคนเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน จนผมไม่รู้แล้วว่าเราเดินมานานแค่ไหน เพราะว่ามันทั้งเหนื่อย ทั้งเมื่อย จนผมต้องหาเรื่องอื่นมาคิดให้ลืมไปว่าตัวเองกำลังก้าวเดินอยู่ เดินไปได้สักพักผมก็รู้สึกว่าป่าที่เมื่อกี้ว่าทึบแล้วมันยิ่งอับทึบขึ้นไปใหญ่ บนพื้นเต็มไปด้วยเศษซากใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมากองทับถมกัน ความชื้นในอากาศทำให้เกิดกลิ่นบางอย่างที่ทำให้หายใจไม่สะดวก

ผมตัดสินใจนับเลข นับทุกก้าวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง พร้อมๆกับที่มาฮัวคาหันมาแล้วทำท่าว่าตั้งแต่นี้ผมต้องเดินตามรอยเท้าเขาไปแบบก้าวต่อก้าว ในที่สุดผมก็หมดแรงขาทั้งสองข้างมันไม่ยอมทำตามคำสั่งของผมที่สั่งให้ก้าวไปข้างหน้าอีก ผมล้มฮวบลงกองกับพื้นเมื่อนับไปได้สองพันแปดร้อยสี่สิบก้าวพอดิบพอดี

“แซโจ้!!”
มาฮัวคาที่อยู่ห่างไปข้างหน้าเกือบสิบเมตรคงได้ยินเสียงดังตุบเมื่อผมล้มลงไปนั่งพับอยู่บนกองใบไม้ที่ทับถมกันจนไม่ว่าจะก้าวไปทางไหนก็รู้สึกยวบยาบไปหมดนั่นแหละ เขาค่อยๆเดินย้อนกลับมาโดยเหยียบลงบนรอยเท้าเดิมของตัวเองจนมาถึงตัวผม เขาปลดกระบอกน้ำแล้วค่อยๆป้อนให้ผมจิบทีละน้อย แต่เมื่อผมขอจะดื่มอีกเขากลับส่ายหน้าไม่ยอมให้ดื่ม

ผมคงทำสีหน้าไม่พอใจออกไปเหมือนกับอารมณ์หงุดหงิดที่จู่ๆก็ปะทุขึ้นมาเพราะรู้สึกรำคาญความอ่อนแอของตัวเองแน่ๆ มือใหญ่ๆของมาฮัวคาจึงลูบหลังลูบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะฉวยโอกาสจูบหนักๆลงบนหน้าผากของผมอีกครั้ง แล้วก็นั่งยองๆหันหลังให้ดึงแขนของผมให้ไปโอบรอบคอ จัดการเอาเชือกเถาวัลย์ในย่ามมามัดเอวของผมติดกับเอวของเขา ให้สัญญาณเสียงที่ผมเข้าใจว่าหมายถึง ‘จะไปล่ะนะ’ แล้วก็เริ่มแบกผมติดหลังเป็นลูกลิงก้าวยาวๆเดินทางต่อทันที


ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มาฮัวคาวางผมลงให้นั่งเหยียดขาพิงกับลำต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียจนมองขึ้นไปไม่เห็นยอด ภูมิประเทศที่เห็นในลานสายตาตอนนี้โปร่งโล่งกว่าที่เดินผ่านมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนมาก

มาฮัวคาเอาหลังมือแตะลงกับหน้าผากของผมแล้วส่ายหน้าเหมือนหงุดหงิด ก่อนจะลงมือปลดเอารองเท้าบู๊ตพร้อมทั้งถุงเท้าที่ผมใส่อยู่ออก แล้วเลยยิ่งสบถออกมาเสียยาวเพราะเจอเข้ากับตุ่มน้ำที่เกิดขึ้นจากการถูกเสียดสีเป็นระยะเวลานาน

ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เมื่อสบตากัน....
ผมก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังขอโทษ เขากำลังรู้สึกผิดที่ดูแลผมไม่ดี ทำให้ผมต้องเจ็บแบบนี้

ผมคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรอกนะ
หากจะสรุปว่าสายตาและการกระทำของมาฮัวคา....ทั้งหมดนั้นมันแปลว่า....รัก







(มีต่อนะคะ)

ปล.ขอบคุณภาพประกอบจากการสรรหาของดาด้าค่ะ >//////< โป๊โชว์ก้นโด้ย กึ๋ยๆๆๆ

ออฟไลน์ PeeYaR

  • >///<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
เห็นภาพประกอบแล้วเขินอ่า
>///////<

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
โอ้.......ลูกค้าคนแรกและคนเดียว
ขอบคุณที่อุดหนุนนะคะ มาอ่านต่อได้เลยค่ะ >///////<

............................

Beija-Flor of the Amazon:
วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี

แซโจ้หลับไปแล้ว....น่าสงสารเหลือเกิน ที่รักของข้า

คงเป็นลิขิตแห่งอัมมุนที่ทำให้ข้าได้พบกับร่างน้อยแสนงามนี้ ผิวขาวราวกับกลีบยามินาร์กับเส้นผมอ่อนนุ่มสีเหลือบทองอันยามแสงแห่งอัมมุนส่องกระทบ ก็ราวกับมีมงกุฎทองคำแท้ประดับ

ข้าไม่อยากจะคิด หากเมื่อสองราตรีที่ผ่านมาข้าไม่ไปพบเข้าพอดี แซโจ้คงตกเป็นเหยื่อของกาห์..วิญญาณแห่งอะมาซอนไปแล้ว



ข้า...มาฮัวคาแห่งฮัวโอรานีนับอายุได้ครบสิบเจ็ดฝนเมื่อเพ็ญที่ผ่านมา ข้าออกเดินทางลงใต้เพื่อมุ่งสู่ปลายทางแห่งลำน้ำฮาวารีตามคำทำนายของพ่อปู่ผู้ประกาศตนเป็นโอษฐ์แห่งอัมมุน ชายที่พ้นวัยเด็กจะต้องพิสูจน์ตนด้วยการเดินทางผู้เดียวตามคำทำนายหลังอายุครบสิบเจ็ดปี หากใช้เวลาสามรอบเพ็ญอยู่ในป่าได้โดยไม่เกิดอันตรายถึงชีวิต เมื่อเดินทางกลับสู่เผ่าชายหนุ่มผู้นั้นจะได้รับการยอมรับให้เป็นนักรบแห่งฮัวโอรานีอย่างเต็มภาคภูมิ ข้ายังจำคำทำนายของพ่อปู่ผู้เฒ่าได้ขึ้นใจ

‘เมื่อแสงแรกแห่งอัมมุนจับขอบฟ้า มาฮัวคา...วิหคสวรรค์แห่งฮาวารี เจ้าจงเดินเท้าลงใต้ เลียบไปตามลำน้ำฮาวารีอันเป็นถิ่นกำเนิด คำตอบของโชคชะตาที่เจ้าตามหาจะมาอยู่ต่อหน้า แสงสว่างแห่งอัมมุนจะอยู่กับเจ้าเสมอ ไปเถิด....มาฮัวคา’

‘เดี๋ยวท่านผู้เฒ่า คำตอบของโชคชะตาที่ข้าตามหา....?’   

‘เจ้ารู้แก่ใจ สิ่งที่เจ้ารอนั่นแล้วคือคำตอบ หึๆๆ’


พวกเราเผ่าฮัวโอรานีนับถืออัมมุนซึ่งให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่น รวมถึงทำให้กาห์แห่งป่าคงอยู่ และเหล่าสรรพสัตว์เจริญเติบโต เป็นเทพเจ้าอันควรค่าแก่การเคารพสูงสุด

ทุกรุ่งเช้าเราจะหันหน้าไปทางทิศที่แสงสว่างสีทองจับขอบฟ้า แล้วระลึกถึงการเกิดขึ้นของชีวิต เมื่ออัมมุนลอยสูงขึ้นจนตรงกับศีรษะและทำให้เงาที่ทอดยาวเข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย เราจักหลับตาลงสงบใจเพื่อให้ร่างกายและกาห์..จิตวิญญาณแห่งเราได้ประสานรวมเป็นหนึ่ง และเมื่อลำแสงสุดท้ายแห่งอัมมุนกำลังจะลาลับ เราฮัวโอรานีจักระลึกถึงบุญคุณแห่งอัมมุนสำหรับสัตว์และพืชที่เติบโตใต้ความอบอุ่นนั้นแล้วได้ใช้ไปเพื่อเป็นอาหารในแต่ละวัน

แต่ตอนนี้ นอกจากระลึกถึงบุญคุณแห่งอัมมุน ข้า.....ยังลงคุกเข่า วิงวอนขอพร ขอให้ความอบอุ่นแห่งอัมมุนช่วยให้แสงสว่างกับกาห์ของร่างน้อยนี้ด้วย


แซโจ้กำลังไม่สบายมาก มีไข้หนัก ร่างกายรุมร้อนไปทั้งตัว ข้ารู้ดีว่าใบแก่ของต้นอัวลันบดละเอียดคั้นเอาน้ำผสมกับผงจากเปลือกไม้มาราคูจาที่ข้าป้อนเข้าไปจะยังไม่ออกฤทธิ์จนกว่าจะผ่านเวลาชั่วน้ำเดือด หากเป็นตัวข้าที่ต้องทรมานกับอาการไข้คงไม่เท่าไหร่ แต่เมื่ออาการทรมานนี้มาเกิดกับเจ้าของดวงตางามราวประกายดาวนี้ข้ากลับทนแทบไม่ได้

ดวงตางามคู่เดียวกันกับที่ข้าเคยเห็นในความฝันตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อยามที่พ่อของข้าเหลาหน้าไม้ของเด็กเล่นให้เป็นคันแรก และยังฝันถึงอยู่เสมอแม้เมื่อเติบโตสู่วัยฉกรรจ์

หลังแยกออกมาจากเผ่าข้าเดินทางตามคำทำนายล่องใต้มาตลอด บางครั้งเดินทางยามมีแสงแห่งอัมมุน หากแต่บางค่ำคืนเมื่อข้าไม่รู้สึกว่าต้องการหลับ ข้าก็เดินทางใต้แสงดวงดาว สองราตรีก่อนขณะข้าเดินเลี้ยวพ้นโค้งแห่งคุ้งน้ำเชี่ยวกรากในส่วนที่กว้างที่สุดของลำฮาวารีและกำลังตั้งใจจะพักนอน ข้าก็เหลือบไปเห็นแสงสะท้อนจากอะไรบางอย่างที่ข้างโขดหินต่ำลงไปกว่าระดับที่ข้ายืนอยู่เพียงสามช่วงก้าว

ข้าค่อยๆย่องเข้าไปจนใกล้ด้วยเกรงว่าจะมีอันตราย จนเมื่อจะพ้นแง่หินที่บังสายตาอยู่ข้าจึงได้รับรู้ว่าร่างที่เห็นนอนตะแคงแนบไปกับแท่นหินนั้นเป็นร่างกายของมนุษย์ ขณะข้ากำลังจะเข้าไปสำรวจว่าร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ลมที่เปลี่ยนทิศกะทันหันก็ทำให้ข้าสำเหนียกถึงอันตรายจากสาบสางของสัตว์ใหญ่ที่ลอยมาเข้าจมูก ความรุนแรงของกลิ่นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆทำให้รับรู้ได้ว่ามันกำลังมุ่งตรงมาทางทิศนี้

ข้าเลื่อนคันหน้าไม้ที่สะพายติดไหล่อยู่ลงมาไว้ที่มืออย่างแผ่วเบา อีกมือก็เอื้อมไปหยิบลูกดอก เลือกเอาดอกที่อาบกัมโป....พิษจากกบมีพิษสีแดงที่บาดแผลเลือดออกเพียงสะกิดก็ทำให้ถึงตายได้อย่างรวดเร็ว

ซุ่มรออยู่ชั่วอึดใจ เจ้าของกลิ่นสาบสางรุนแรงก็เยื้องกรายออกมาให้เห็นตัวท่ามกลางแสงสลัวรางของคืนเดือนมืด สัตว์สี่เท้าหนึ่งในเผ่าพันธุ์อันเป็นที่เคารพบูชา ร่างกายที่เคลื่อนไหวแผ่วเบาปกคลุมด้วยพื้นขนสีเหลืองทองมีจุดสีดำแทรกอยู่โดยทั่ว ข้ายกหน้าไม้ขึ้นเตรียมพร้อม ขึ้นลูกดอกรอ แล้วเล็งไปที่เป้าหมายตรงก้านคอ พร้อมเริ่มอธิษฐานส่งกระแสจิตเตือนว่าข้าและร่างน้อยที่เห็นนั่นมิใช่เหยื่อ หากไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกันมาก่อนก็จงผละไปเสีย

หากแต่กระแสจิตของข้าถูกตอบกลับในทางตรงกันข้าม ข้าตัดสินใจปล่อยลูกดอกให้ทะยานออกจากแล่ง จังหวะเดียวกับที่ร่างสีเหลืองลายดำนั่นโจนขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่ร่างน้อยที่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ข้ารู้ดีว่ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากลูกดอกอาบยาพลาดเป้า......ข้าย่อมตกเป็นเป้าหมายของผู้ล่าในทันที

ร่างใหญ่โตยาวเกือบสองเมตรนั่นชะงักกลางอากาศ ตกลงกับพื้นแล้วกลับตัววิ่งกลับเข้าไปในราวป่า ข้ารอฟังเสียงสักครู่จนแน่ใจว่ากาห์ของสัตว์ร้ายนั้นได้สละร่างไปแล้ว จึงออกจากที่อำพรางตัวเข้าไปที่ร่างของมนุษย์ผู้นั้น

ผิวขาวซีดราวกับแสงจันทร์ในคืนแรมกับเปลือกตาปิดสนิททำให้ข้าหวั่นใจ ต่อเมื่อเอานิ้วรอที่ปลายจมูกถึงได้พบว่ายังมีลมหายใจอยู่ แม้จะแผ่วเบานักก็ตาม ข้าก้มลงแนบหูกับตำแหน่งกลางหว่างอกอันเป็นที่อยู่ของหัวใจ เสียงตุบเบาๆช้าๆแต่สม่ำเสมอนั้นบ่งบอกถึงสัญญาณของชีวิต


ข้าค่อยๆโอบอุ้มเอาร่างของมนุษย์ผู้หมดสตินั้นขึ้นมาสู่พื้นที่แห้งและเหมาะจะพักแรม จัดการก่อกองไฟเล็กๆขึ้น ก่อนจะถอดเอาสิ่งที่มนุษย์ผู้นี้ใช้ห่อหุ้มร่างกายออกจนหมด เก็บเศษไม้ลำยาวๆมาปักใกล้กองไฟแล้วนำเครื่องหุ้มกายที่ขาดวิ่นเป็นริ้วขึ้นย่างไฟไว้เพื่อไล่ละไอน้ำออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงบดใบอัวลันคั้นเอาน้ำผสมกับผงจากเปลือกมาราคูจา กรอกใส่ปากให้คนที่ยังไร้สติและเริ่มเพ้อเพราะพิษไข้

ตลอดวันที่ผ่านมาอาการไข้ของร่างน้อยนี้ก็ค่อยๆลดลง แล้วเพียงแค่เขาลืมตาตื่นขึ้นและข้าได้สบตากับเขาครั้งแรกเท่านั้น ความฝันที่ตามรบกวนข้ามาตั้งแต่ยังเยาว์ก็ย้อนกลับมาหา ชัดเจนทุกบททุกตอน

“ดากา.......ดากา” จำได้แล้ว....ข้าจำได้แล้ว ไร้ซึ่งความเคลือบแคลงใดๆ ร่างน้อยเจ้าของดวงตาแห่งประกายดาวนี่แล้วคือคำตอบของคำถามตลอดชีวิตของข้า


ความรู้และระลึกได้ทำให้ข้าอยากกอดแซโจ้ เป็นชื่อที่ประหลาดนัก......ภาษาของคนนอกออกเสียงตามได้ลำบาก แต่กระนั้นเมื่อมันเป็นนามของผู้เป็นที่รัก ข้าย่อมฟังแล้วระรื่นหูอยู่ดี ข้าไม่เคยห้ามตัวเอง เมื่ออยากกอดข้าจึงกอด ตอนแรกร่างน้อยๆนั่นเกร็งขืนตัวไว้ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานนักก็กลับโอนอ่อนยอมอยู่ในอ้อมกอดของข้าแต่โดยดี ข้าพยายามอธิบายว่าถึงข้าจะรักเจ้าและสงสารเจ้าที่กำลังไม่สบายแถมยังมีบาดแผลฟกช้ำจากการกระทบกระแทกแง่หินขณะลอยมาตามลำน้ำแค่ไหน แต่เราก็ควรต้องออกเดินทางเสียที


แซโจ้.......ข้าเสียใจที่ทำให้เจ้าต้องฝืนเดินทางทั้งยังอ่อนแอแบบนี้
ข้าพลาด ที่นึกเอาเองว่าเจ้าคงจะไหว รู้ตัวอีกทีเจ้าก็หมดแรงล้มลงเสียแล้ว
ถ้าเจ้าร้องเรียกข้า บอกกับข้าสักนิดว่าเหนื่อย.....ว่าเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าต้องฝืนตัวเองจนไข้ขึ้นสูงอีกเช่นตอนนี้

ข้าเอนกายลงเคียงข้างแล้วโอบกอดร่างน้อยที่สั่นสะท้านเพราะพิษไข้ไว้แนบอก เจ้าของร่างนุ่มนิ่มนั่นก็ยิ่งเบียดกายเข้าหา ไม่นานนักอาการสะท้านสั่นนั้นก็หยุดลง เมื่อดูแลให้คนได้ไข้หลับสนิทดีแล้วข้าจึงลุกขึ้นมาเติมเศษไม้แห้งลงไปในกองไฟอีก พอข้าผละห่างมาได้ไม่นานแซโจ้ก็ส่งเสียงอืออาแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง พอมองมาสบสายตากับข้าก็เรียกชื่อข้าด้วยสุ้มเสียงดีใจ เหมือนกับเด็กน้อยที่กลัวว่าพ่อแม่จะทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียวกลางป่าเปลี่ยวกระนั้น

“มาฮัวคา” ข้ารีบตรงเข้าไปจับมือน้อยๆที่ยื่นมาหาเอาไว้ ก่อนจะทรุดกายลงเคียงข้างแล้วโอบประคองร่างกายที่ขับเหงื่อออกมาเนื่องจากยาที่ข้าให้ไปจนเครื่องหุ้มกายนั้นชุ่มโชก ข้าแตะหลังมือลงกับหน้าผากชื้นเหงื่อ ยามนี้ที่สัมผัสได้คือความเย็น เย็นชืดจนน่ากลัว

“ไม่เป็นไรนะ เจ้าจะไม่เป็นไร ไข้ก็ไม่มีแล้ว จะหายแล้วนะแซโจ้” ข้ารู้ดีว่านี่คือการปลอบใจตัวเอง ก็ในเมื่อข้าพูดไปแซโจ้ก็ฟังไม่ออก แล้วจะให้ข้าใช้คำพูดปลอบได้อย่างไร ที่ทำได้ก็คือการกระชับอ้อมกอดให้แน่นเข้า และก้มลงประทับจูบปลอบประโลมที่หน้าผากนวลเนียนนั่นเท่านั้น

“quente, to’ com quente…..”
“me ajud…….ahh ajuda  hah…..Mahuaca”


มีบางอย่างผิดแปลกไป จู่ๆร่างบางในอ้อมกอดก็เริ่มปลดเครื่องห่มกายของตนเองออก เสียงสั่นพร่าที่พูดคำในภาษาอื่นออกมาไม่ต้องมีคำแปลก็เข้าใจได้ในทันทีว่าคงจะรู้สึกร้อน ร้อนมากจนทนให้มีอันใดมาพันกายไว้ไม่ไหว และสำเนียงสั่นพร่าที่เอ่ยนามของข้านั่นก็ชักจะทำให้ร่างกายของข้ารุ่มร้อนตามไปด้วย

ผิวกายเย็นชืดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอุ่นจัดจนเกือบร้อนราวกับมีไฟกองใหญ่ลุกไหม้อยู่ภายใน มันเกิดอะไรกับแซโจ้ หรือสูตรยาที่ข้าใช้มีอะไรผิดไป
แซโจ้ถอดทุกสิ่งที่ปิดบังร่างกายจากสายตาของข้าออกไปจนหมดแล้วเริ่มขยับร่างกายเสียดสีกับเนื้อตัวของข้า ผิวกายนวลเนียนเต่งตึงไปทุกส่วนทำให้ข้ารู้สึกร้อนเร่าไปกับทุกสัมผัส เสียงทุ้มนุ่มแหบพร่าพร่ำเรียกชื่อข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความแข็งขึงอุ่นจัดที่สัมผัสได้บริเวณหน้าท้อง และดวงตาเว้าวอนของร่างน้อยที่โถมทับ ทำให้อารมณ์ปรารถนาในกายข้าลุกโชน ความรู้สึกปั่นป่วนและทะยานอยากโหมกระพือยิ่งกว่าเปลวไฟ เสียงแมลงกลางคืนที่ดังอยู่เมื่อครู่พลันเงียบสนิทราวกับจะเงี่ยหูสดับเสียงครวญครางจากเราทั้งสองแทน

พลันนั้นข้าก็พลิกกายกลับขึ้นไปซ้อนหลังของร่างน้อยที่ยังคงบิดกายส่ายเอวไปมายั่วยวนอยู่ตรงหน้า รั้งสะโพกขาวผ่องสะท้อนแสงจากกองไฟเป็นสีชมพูอมส้มให้ยกขึ้นสูงด้วยมือซ้าย แล้วใช้แขนขวาอ้อมไปกอบกุมเอาความแข็งขึงร้อนผ่าวที่ด้านหน้า เพียงแค่แตะต้องส่วนปลายเบาๆเสียงครวญครางแสนหวานก็ยิ่งดังขึ้น และเมื่อข้าเริ่มกำรอบแล้วรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ ร่างน้อยที่บรรจุด้วยไฟปรารถนาก็ขยับโยกตามการชักนำได้เป็นอย่างดี

ข้าพรมจูบไล่ไปตามแผ่นหลังขาวผ่องนั้น จูบด้วยปาก แตะชิมด้วยลิ้นอุ่นร้อนไปจนทั่วทั้งแผ่นหลัง ดูดดุนตามแนวกลางหลังเรื่อยมาจนถึงร่องที่แบ่งก้อนเนื้ออวบหยุ่นตึงมือออกเป็นสองข้าง ข้าละมือจากการประคองสะโพกเอาไว้ แล้วเปลี่ยนมาแหวกเนินเนื้ออวบหยุ่นทั้งสองข้างออก ลากนิ้วไปตามร่องนั้นอย่างแผ่วเบาจากบนลงล่าง

“อะ.......อาห์....”
การกระทำนั้นเรียกเสียงครางพร้อมกับอาการสะท้านสั่นไหวไปทั้งตัว จากเจ้าของร่างกายที่ทำให้ข้าหลงใหลได้ทันที แซโจ้เอี้ยวตัว หันหน้ามาหาข้า ส่งสายตาเหมือนจะร้องขอและเว้าวอน ก่อนจะเอื้อมมือมารั้งคอข้าให้รับจุมพิตดูดดื่มร้อนแรงที่ริมฝีปาก

ปลายลิ้นที่พัวพันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกายจะระเบิด ข้ารีบส่งปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางนุ่มนิ่มร้อนผ่าวที่เพิ่งจะลากนิ้วหยอกล้อนั้นทันที ร่างน้อยที่กำลังมอบจุมพิตให้ข้าสะดุ้งขึ้นทั้งตัว พยายามจะถอนจูบออก แต่มีหรือข้าจะยอม ข้าละมือจากการกระตุ้นความแข็งขึงที่ด้านหน้ามาประคองกดไว้ที่ท้ายทอยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมอ่อนนุ่มนั้น ในขณะเดียวกันก็พยายามดันนิ้วรุกล้ำเข้าไปเรื่อยๆ

ช่องทางร้อนผ่าวนั้นเกร็งเขม็ง บีบรัดข้าจนแน่น ข้ายอมปล่อยให้ริมฝีปากสีแดงจัดนั้นเป็นอิสระแล้วไล้เลียไปตามลำคอขาวผ่องแทน เมื่อข้าจูบเบาๆลงที่หลังใบหู เสียงครางที่เงียบไปเมื่อครู่เพราะถูกรุกล้ำด้านหลังก็หลุดออกมาให้ได้ยินอีกครั้ง คราวนี้ข้าขยับนิ้วเข้าออกช้าๆหมุนวนไปทั่วภายในช่องทางนุ่มนิ่มนั้น จนร่างน้อยเริ่มขยับส่ายสะโพกตามอีกครั้งข้าก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปอีก ปากทางคับแคบเริ่มเปิดออกให้มองเห็นด้านในที่เป็นสีชมพูอ่อนราวผลสุกของกัวราน่าที่มีรสชาติหวานหอม

เมื่อความอดทนถึงขีดสุด ข้าก็เข้าไปในตัวของแซโจ้ มือข้างหนึ่งข้าเอื้อมไปปิดปากที่รักเอาไว้แน่นเพื่อสกัดกั้นเสียงกรีดร้อง อีกมือก็กุมทับไปบนมือน้อยๆที่เกร็งจนกำขยำลงกับพื้นหญ้า ข้ากระซิบปลอบโยนที่ข้างหูของร่างน้อย แม้จะด้วยถ้อยคำภาษาที่แตกต่าง แต่ข้าแน่ใจว่าคนที่กำลังประสานกันเป็นหนึ่งอยู่ย่อมเข้าใจความหมายที่ข้าต้องการสื่อไปถึง

“ข้ารักเจ้า ที่รัก.......อาห์ รัก ข้ารักเจ้า” ข้าพร่ำพูดคำรักซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่เราทั้งสองต่างขยับกายสอดประสานอยู่ในจังหวะเดียวกัน ตอบสนองซึ่งกันและกัน มอบความสุขและบอกรักผ่านการกระทำทางกาย ในแบบที่ไม่ว่าภาษาใดก็ไม่อาจเทียบได้

ข้าสะดุ้งตื่นในตอนใกล้รุ่งเมื่อร่างบางข้างกายซุกซบเข้ามาหาไออุ่น เมื่อมองเห็นดวงหน้าอิ่มสุขที่เกยอยู่กับอกถึงมั่นใจว่าที่ผ่านไปเมื่อคืนไม่ใช่แค่ความฝันเหมือนที่เคย



นับเวลาผ่านไปหนึ่งฝนแล้วตั้งแต่ข้าได้พบกับแซร์จิโอ้
ที่รักของข้าบังคับให้ข้าหัดออกเสียงชื่อเขาจนถูกใจสำเร็จจนได้ ส่วนตัวเขาเองก็เข้าใจภาษาของฮัวโอรานีได้เป็นอย่างดี ฟังได้พูดได้ แต่การโต้ตอบอาจจะช้าไปบ้าง

นี่ถ้าไม่มีพ่อปู่ผู้เฒ่า ข้าคงถูกขับออกจากเผ่า และเราสองคนคงต้องไปใช้ชีวิตลำพัง แต่พ่อปู่ผู้ประกาศตนว่าเป็นโอษฐ์แห่งอัมมุนกลับบอกทุกคนว่าแซร์จิโอ้ของข้าจะนำความรุ่งเรืองมาสู่เผ่าเรา และหลังจากนั้นไม่นานที่รักของข้าก็พิสูจน์ให้ทุกคนในเผ่าเห็นว่าคำทำนายของท่านผู้เฒ่าไม่เคยผิดพลาด เมื่อเขาสอนให้เราต้มน้ำก่อนดื่มกิน และสอนให้ทำการเพาะปลูกข้าวโพด

แซร์จิโอ้บอกกับข้าว่าที่จริงมีมากกว่านี้ที่เขาสามารถสอนชาวฮัวโอรานีได้ พอข้าถามให้ยกตัวอย่าง ข้าก็เห็นด้วยกับที่รักว่าไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อฮัวโอรานีพอใจจะอยู่กับกาห์แห่งอะมาซอนต่อไปแบบนี้ ไม่ได้คิดที่จะเปิดตัวติดต่อค้าขายกับสังคมภายนอก

ที่รักของข้าอุทานออกมาเมื่อข้าพาเที่ยวเล่นไปจนถึงต้นน้ำแห่งลำฮาวารี แซร์จิโอ้เอาอุปกรณ์หน้าตาประหลาดที่แอบหย่อนใส่ย่ามของข้าไปด้วยไปขุดๆเจาะๆตรงผาหินที่มีน้ำตกหลายสายผุดพุ่งออกมาแล้วก็ตื่นเต้นอยู่สักพัก แต่หลังจากนั้นก็เก็บเครื่องมือนั่นลงย่าม บอกกับข้าว่า ถ้าฮัวโอรานีเปลี่ยนใจอยากจะค้าขายกับโลกภายนอกเมื่อไหร่ต้องระวังไม่ให้คนนอกเข้ามาที่ต้นน้ำนี่ได้ง่ายๆ มันจะเป็นอันตรายต่อกาห์แห่งอะมาซอนและทุกชีวิตแถบนี้ได้

และวันนี้หลังจากที่เมื่อวานข้าเกือบจะพลาดเจ็บหนักจากการออกล่าชาคาแหร่ห์เกเร สัตว์ใหญ่แห่งลำน้ำฮาวารีที่ล่มเรือของชาวเผ่าไปแล้วสองลำ แซร์จิโอ้ที่นอกจากกอดข้าไว้จนแน่นแต่ไม่ได้พูดห้ามปรามอะไรก็ขอผืนหนังที่ขัดฟอกจนเป็นสีอ่อน กับยางมาเรนโญ่ผสมไขสัตว์ที่ใช้สำหรับวาดสัญลักษณ์ตามร่างกายมา แล้วก็นั่งลงเขียนหนังสือบันทึกลงแผ่นหนังมาตั้งแต่สาย จนนี่จะเที่ยงอยู่แล้ว ยังไม่ยอมลุกมากินอะไรเลย

“แซร์จิโอ้ ไม่หิวหรือ? หยุดบันทึกก่อนเถิด” ที่รักเงยหน้าเหลือบตามองข้าแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากพอข้าเดินเข้าไปใกล้จะจูงให้ตามออกไปนอกกระท่อมที่พักนอน แซร์จิโอ้ก็กลับเปลี่ยนใจบุ้ยปากให้ข้านั่งลงแทนที่ แล้วตัวเองก็เข้ามาแทรกด้านหน้าหย่อนตัวนั่งซ้อนตักข้าไว้ ก่อนจะลงมือเขียนบันทึกนั่นต่อ

“หิวแล้ว....แต่ข้าขี้เกียจบิกินเอง มาฮัวคา......”

แค่นั้นแหละ แล้วข้าก็แพ้เสียงออดอ้อนนั่นเหมือนเคย แต่ใครจะไปสนเรื่องแพ้ชนะเล่า ตราบใดที่ข้ายังมีเจ้าของดวงตาประกายดาวคู่นี้อยู่ในอ้อมกอด
ถึงจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ไปจนกาห์ออกจากร่าง....ข้าก็ยอม

....................................


“ศรา....เก็บอะไรมาเล่นน่ะเรา?”

“พี่ภพ ข้างในนี้มีแผ่นหนังอะไรไม่รู้ ตอนแรกศรานึกว่าภาษาอังกฤษ แต่กลับอ่านไม่ออกเลยสักคำ พี่ภพดูสิ”


เด็กหนุ่มที่ก้มๆเงยๆอยู่ริมหาดยกแผ่นหนังเก่าคร่ำคร่า ที่เพิ่งคลี่ออกมาจากม้วนในขวดแก้วเนื้อหนาชูขึ้นสูงเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่มที่นั่งแผ่หลาอยู่บนเก้าอี้ชายหาดใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว ห่างออกไปเกือบสิบเมตร

“เอามาให้ดูตรงนี้สิ พี่ขี้เกียจเดิน”

“โห่....พี่ภพอะ ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้” หนุ่มน้อยที่ท่าทางจะแสบเอาเรื่องบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมลุกจากพื้นทรายหอบเอาทั้งขวดทั้งแผ่นหนังแปลกหน้านั่นเดินเข้ามาหาคนขี้เกียจเป็นตาแก่โดยดี

มาถึงก็ยื่นแผ่นหนังที่พอกางออกก็ปรากฏว่ามีตัวอักษรสีแดงเข้มเขียนไว้เต็มทั้งผืน แต่แทนที่ข้ามภพจะรับแผ่นหนังที่ยื่นส่งมา มือใหญ่ที่เอื้อมมาทำท่าจะรับกลับจับหมับลงที่ข้อมือเด็กซนแล้วดึงให้นั่งลงกลางหว่างขาบนเก้าอี้ชายหาดตัวเดียวกัน

“พี่ภพ!!”

“ไหน ศราจะให้พี่ดูอะไร?” ทำมาถามด้วยเสียงเอาการเอางานกลบเกลื่อนอีก นายข้ามภพนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากจะถามเอาการเอางานแล้วจากที่นั่งพิงพนักตามสบายก็กลับลุกขึ้นนั่งหลังตรงจนแผงอกกำยำแนบไปกับแผ่นหลังของเด็กซนตรงหน้าที่เที่ยวได้เก็บโน่นเก็บนี่มาเล่นเสียสนิทเชียว

“นี่ไง....ตัวอักษรเหมือนภาษาอังกฤษเลยนะ แต่บางตัวก็ไม่เหมือน พี่ภพดูสิ ตัว c มีหางด้วย”

“อืม....ศราอ่านไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก ก็นี่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เท่าที่ดูพี่ว่าน่าจะเป็นพวกภาษาสเปนไม่ก็โปรตุเกส.....ไหนๆมีลงวันที่ด้วยนี่  Agosto, 1842 ถ้าพี่เดาไม่ผิด คงจะเป็น  August  เดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 1842 โอ้โห....นี่ท่าทางเราจะซนจนได้เรื่องแล้วล่ะศรา ถ้าเป็นปี 1842 ก็เกินร้อยห้าสิบปีอีกนะเนี่ย”

“168 168ปีแล้วพี่ภพ หึๆๆ เราเอาไปขายดีกว่า น่าจะได้ราคาดีเนอะพี่ภพเนอะ” สุ้มเสียงตื่นเต้นดังมาจากหนุ่มน้อยที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้า พร้อมกับเอี้ยวตัวกลับมาส่งยิ้มจนแก้มบุ๋มพร้อมด้วยสายตาเป็นประกายพราวที่คนตัวโตนั่งซ้อนหลังเข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ ว่ามันหมายความว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเหลือเกินแล้ว ว่าข้อความบนแผ่นหนังที่ถืออยู่จะเกี่ยวกับอะไร

“เวอร์แล้วศรา อาจจะไม่ใช่อย่างที่พี่บอกก็ได้ นี่อาจจะเป็นของเก่าแบบทำเทียมก็ได้”

“หึ.....แล้วถ้ามันเป็นของจริงล่ะพี่ภพ ถ้าข้อความพวกนี้มันเป็นลายแทงล่ะ พี่ภพ....ถ้าเป็นลายแทงจริงๆ พี่ภพจะไปหาสมบัติกับศรามั้ย?” มือขาวๆของศราเด็กซนแถมจินตนาการสูงเขย่ามือใหญ่ๆที่โอบอยู่รอบเอวแรงๆระหว่างที่ตั้งคำถามนี้

“.......ไปสิ ศราอยู่ที่ไหน พี่ก็อยู่ที่นั่นด้วยเสมอแหละ เราจะไม่แยกจากกันอีก สัญญากันไว้แล้วนี่”

“อื้ม....แล้วถึงมีความจำเป็นจะต้องจากกันขึ้นมา เราสองคนก็จะกลับมาพบกันอีก.....เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย พี่ภพ?” ศราม้วนแผ่นหนังบางๆในมือจนเรียวเล็กแล้วเก็บใส่ในขวดแก้วเหมือนเดิม ก่อนจะวางลงกับพื้นทราย

“ใช่ เราจะกลับมาพบกันอีกแน่นอน......พี่สัญญา”

..................................
..................................

(จบค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2010 10:47:21 โดย anajulia »

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
 :z13: จิ้มก่อน


================
ก่อนอื่นใด..... :m25:

ขอบอกว่าอยากไเจอคนป่าอย่าง มาฮัวคา บ้าง :m1:

อ่านแล้วเหมือนย้อนเวลา กลับไปอยู่ในยุคนั้นด้วย

แอบเสียดา่ยเล็ก ๆ ที่เป็นเรื่องสั้นจบแล้ว

ขอบบอกว่าชอบม๊ากกกกกก :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2010 10:33:39 โดย pandaๅ123 »

ออฟไลน์ อนันตกาล

  • กาลเวลา ไม่อาจทำให้คนเปลี่ยน แต่ทำให้ความคิดเปลี่ยน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +931/-14
อ่านแล้ว แอบงงบ้างเล้กน้อย แต่ก็สนุกดี

จุ๊บเจเจ้

แต่เจ่เจ้นี่หวานสม่ำเสมอจริงๆ


ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
กด+1ให้คนแต่งจ้า :กอด1:
อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากๆเลย
รู้สึกอบอุ่นกับความรักของทั้งสองคนไม่ว่ากี่ชาติกี่ภพหรือวันเวลาผ่านไปนานเท่าไร
ทั้งสองคนก็ยังรักกันไม่เปลี่ยนแปลง :o8: :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






joe.nana

  • บุคคลทั่วไป
หนุกมากเลย เพิ่งเข้ามา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ :impress2:

อยากให้แต่งยาวกว่านี้จัง หนุก ๆๆๆๆ :m25:

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
:m10: พี่นุ่นปั๊ดตานาแว้วววว~
ยังมะได้เก็บรายละเอียด เด๋วค่อยกลับมาอ่านอีกรอบน้าา เค้าต้องไปแร้ววววว~

three

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมากๆครับพี่หวาน เรื่องสั้นแต่ได้ใจผมไปเลยครับรบกวนมาต่ออีกนะครับผม

ออฟไลน์ PeeYaR

  • >///<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
ภาษาสวยดีอ่ะ ชอบ ดูอลังการดี 55555

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
เปลี่ยนให้พระเอกนุ่งแผ่นหนังแทนใบไม้สดจะดีกว่ามะอ่ะ  อิอิ

เคยอ่านการ์ตูนเรื่องที่เป็นภาพประกอบด้วยล่ะ

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
กิ้ว ๆๆ ภพนี้...บุบุย บุบุย มาฮัวคา ล่ำกำยำ...หวีดกันได้อีกภพนะ
รอลุ้นภพต่อไป...
 :z13: +บวกนุ่น

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
ถึงจะพูดกันคนล่ะภาษา แต่ก็เข้าใจกันได้
ด้วยภาษากาย  :z1:
ภาพประกอบชวนจิ้นมากเลย
ภาษาเริศ ไร้ที่ติ ชอบมากกกกกกกก
ทั้งเนื้อเรื่อง และการบรรยายเลย  o13

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
แวะเข้ามาตอบเมนท์ค่ะ ดีใจจังเลยที่ยังมีคนอ่านที่น่ารักเข้ามาอุดหนุน
นึกว่าจะขายไม่ออกเสียแล้วสิ สินค้าชิ้นนี้ (แบบว่ามีน้องบอกชื่อไม่ดึงดูดตามเคย)

แต่ๆๆ คนเขียนภาคภูมิใจกับชื่อนี้มากเลยค่ะ
Beija-flor แปลว่า นกฮัมมิ่งเบิร์ดในภาษาโปรตุกีสค่ะ
ที่คนเขียนชอบคำนี้เพราะพอดูจากคำศัพท์สองคำที่มารวมกันแล้ว มันเป็นชื่อนกที่โรมานซ์มากกกกกกกกกกกกกก

beijar = to kiss
flor = flower
หวานเนอะ........ :o8:

พล็อตนี้มานานแล้วค่ะ ตั้งแต่เขียนเรื่องในทะเลทรายเสร็จนั่นแหละ เพียงแต่ยังสับสนว่าจะเลือกให้ออกมาแบบไหนดี
ระหว่างนายเอกของเราเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาสำรวจทรัพยากร(แบบที่เขียนออกมา)
กับอีกแบบคือต่างเผ่าแต่เป็นศัตรูกัน (อันนี้สองคนจะคุยกันรู้เรื่อง)

คิดนานมากก่อนเริ่มต้นเขียนออกมาว่าจะดำเนินเรื่องอย่างไรดี เพราะสองคนต้องคุยกันไม่รู้เรื่อง
ในที่สุดเลยให้ออกมาเล่ากันคนละส่วนเสียเลย

สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจหลังอ่านจบนะคะ ก็เหมือนเดิม สองคนนี้ก็คู่เดิมนั่นแหละ ศวัตรากับท่านเทพ อิอิ
เพียงแต่เลเวลการจำกันได้ในชาตินี้ของสองคนนี้เลเวลต่ำอย่างมากมายเมื่อเทียบกับชาติของน้องแก้มบุ๋มและพี่คนนั้นที่มาซื้อมาลัย
เพราะมาฮัวคา จำได้แต่ประกายแววตา แล้วก็ฝันถึงบ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายในฝันคือใคร
ส่วนSergioยิ่งแย่ใหญ่ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากความรู้สึกเป็นสุข อบอุ่นปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอด
........... >/////////<

ส่วนภาษาต่างด้าวที่ใช้ในเรื่อง ^o^
เป็นภาษาโปรตุกีสจริงๆกับภาษานุ่น(มั่วขึ้นมาเองค่ะ)

ส่วนที่Sergioพูดน่ะ โปรตุกีสจริงๆ นอกนั้นพวกสัตว์ พวกพืชในป่า มาจากทั้งสมมติมาและผสมปนเปกับโปรตุกีสจนยุ่งเลยค่ะ
คำถาม
อ่านมาจนจบตอนแล้วมีใครไม่รู้จักเทพสูงสุดของเผ่าฮัวโอรานีไหมคะ? ยังมีใครสงสัยมั้ยว่าอัมมุนคืออะไร?
แล้วยังสงสัยมั้ยคะว่า กาห์ คืออะไร?

สำหรับผิวขาวสวยของSergioที่มาฮัวคาชมว่าเหมือนกลีบยามินาร์ คือว่าขอบคุณจัสมินนะคะ
เพราะมะลิป่าที่มาฮัวคานึกถึง พี่นุ่นยืมคำว่าjasminมาแปลงเป็นภาษานุ่นว่า ยามินาร์ ง่ายๆอย่างนั้นเองค่ะ ^o^

สุดท้ายนี้ ขอแสดงความขอบคุณผู้สนับสนุนวัตถุดิบอย่างคุณกูเกิ้ลสำหรับแผนที่อะมาซอน และข้อมูลของชาวเผ่าอินเดียนในลุ่มอะมาซอนนะคะ


ถึงจะพูดกันคนล่ะภาษา แต่ก็เข้าใจกันได้
ด้วยภาษากาย  :z1:
ภาพประกอบชวนจิ้นมากเลย
ภาษาเริศ ไร้ที่ติ ชอบมากกกกกกกก
ทั้งเนื้อเรื่อง และการบรรยายเลย  o13

ส่วนตัวพี่นุ่นชอบตอนที่เสือจากัวร์จะเข้ามาแอทแทคแซร์จิโอ้ที่หมดสติมากเลยค่ะ มาฮัวคาเท่ห์โก้ดดดดดดดดดด

กิ้ว ๆๆ ภพนี้...บุบุย บุบุย มาฮัวคา ล่ำกำยำ...หวีดกันได้อีกภพนะ
รอลุ้นภพต่อไป...
 :z13: +บวกนุ่น
กิ๊ววววววว โนเนะจ๋า ขอบคุณสำหรับการมาอุดหนุนค่ะ กอดดดดดดดด หวีทเนอะ แซร์จิโอ้กินเด็กอ้ะ มาฮัวคาเพิ่งสิบเจ็ดเอง คริคริ

เปลี่ยนให้พระเอกนุ่งแผ่นหนังแทนใบไม้สดจะดีกว่ามะอ่ะ  อิอิ

เคยอ่านการ์ตูนเรื่องที่เป็นภาพประกอบด้วยล่ะ
เคยอ่านด้วยเหรอคะ สนุกมั้ยนิ? สำหรับใบไม้ อิอิ คือพอดีว่าเผ่าที่ไปรีเสิร์ชข้อมูลมาเป็นต้นแบบสมัยก่อนจะมีมิชชันนารีเข้าไปเค้าไม่ใส่อะไรเลยนอกจากเอาสีเปลือกไม้มาย้อมตัวอ้ะค่ะ
อีกอย่างเผ่านี้เค้าเคารพจิตวิญญาณของชีวิตทุกชีวิตค่ะ สังเกตว่ายิงจากัวร์ตายไปตัวมาฮัวคายังไม่ตามไปถลกหนังเลย
คือว่ามันต้องมีการตามชามัน(หมอผี)มาทำพิธีมากมายก่อนจะเอาชิ้นส่วนจากสัตว์ที่ถูกฆ่ามาใช้ได้อ้ะค่ะ

ภาษาสวยมาก

ภาษาสวยดีอ่ะ ชอบ ดูอลังการดี 55555
ขอบคุณมากค่ะ ชอบการใช้ภาษาแบบนี้เหรอคะ? แล้วไว้มีพล็อตดีๆจะเขียนมาอีกนะคะ

ขอบคุณมากๆครับพี่หวาน เรื่องสั้นแต่ได้ใจผมไปเลยครับรบกวนมาต่ออีกนะครับผม
ภาคภูมิใจที่ได้เป็นพี่หวาน 55555555 ขอบคุณค่ะ ดีใจที่ชอบนะคะ

หนุกมากเลย เพิ่งเข้ามา ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ :impress2:

อยากให้แต่งยาวกว่านี้จัง หนุก ๆๆๆๆ :m25:
รับฝากทั้งเนื้อทั้งตัวค่ะ ^o^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2010 21:31:02 โดย anajulia »

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
^
^
 :z13: จิ้มพี่นุ่น
อ๊ายยย เห็นพี่ตอบคอมเม้นแล้วปลื้มมมมมม
ชื่อเค้าได้รับการดัดแปลงให้เข้าไปอยู่ในนิยายด้วย  :m4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ Cha Ris Ma

  • สาระไม่ค่อยมี...หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +670/-0
 :-[
ชอบเรื่องนี้อ่ะครับน้องนุ่น
สนุกดี ได้ไปเที่ยวอเมซอน


ต้องแอบกระซิบถามสูตรยามาฮัวคาซะหน่อยแล้ว
 :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2010 00:28:17 โดย Cha Ris Ma »

butajang

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ เข้ามาอ่านเรื่องล่าสุด น่ารักมากกกกกกกก ภาพประกอบสวยดีชอบๆ เเต่ว่าข้อความในเเผ่นหนังคืออะไรยังมีต่อใช่เปล่าไรเตอร์ เเล้วก็ไรเตอร์ จะเขียนเป็นเเต่ละชาติเลยเปล่า เรื่องสั้นจบในตอนก็ดีนะ ไม่ต้องลุ้นนาน คุๆๆๆ เดี๋ยวไปตามอ่านตอนเเรกๆเเล้วจะเมนท์ใหม่นะ  อ้อ ชื่อเรื่องเป็นเอกลักษณ์ ของเราไง เเปลกเเต่ดูดี ขอบคุณคำเเปลด้วยนะคะเข้าใจขึ้นเยอะเลย “quente, to’ com quente…..”
“me ajud…….ahh ajuda  hah…..Mahuaca”  มันอ่านว่าอะไรเเล้วเเปลว่าอะไรอะไรเตอร์ อ่านไม่ออกอะ ขอบคุณล่วงหน้า รอตอนต่อไปเเละจะไปตามตอนก่อนหน้า บายๆๆ 

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
ฮึบๆๆ ว่าจะทิ้งให้เดากันเองแล้วเชียวค่ะ 555555

"ร้อน ร้อนจังเลย..."
"ช่วยชั้นด้วย.....อาห์ ช่วยด้วย..อื้มมมม มาฮัวคา"

คำอ่าน อิอิ
"แค้งชิ, โต คง แค้งท์...."
"มี อะจูดะ.....อาห์ อะจู๊ด้า ฮ่าห์.......มาฮัวคา"

(แว้กกกกกกกกกกกกกกก เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน)

OhJa

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากกกกกกกก
ชอบมากๆทั้งสามเรื่องเลย
ต่อยอดเป็นเรื่องยาวทั้งสามเลยเถอะ นะๆๆๆๆ   :o8:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
ไอเพิ่งเห็นว่าพี่นุ่นมาต่อยอดเรื่องสั้นออกไปอีก ^^

ชอบมากเลยค่ะ :m3: โรแมนติกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

แบบนี้เป็นออกแนวหลายภพหลายชาติของท่านเทพกับศวัตราสินะคะ :m18:

รูปที่ใช้แทนซาเยตกับมายัลลีก็เข้ากันดี

รูปที่ใช้แทนแซร์จิโอ้กับมาฮัวคาก็สมกันดี

อ่านเรื่องBeija-Flor of the Amazonนี้แล้ว...ไอนึกถึงหนังเรื่องAvatarอ่ะ ^^

 :L2: ~ขอบคุณค่ะ มาต่ออีกเนอะ ไอจะรออ่านๆๆๆๆๆๆ.....

ป๋อหล๋อ ยังรีเควสอยากให้เป็นเรื่องยาวอยู่นะคะ ทำแนวหลายๆภพหลายๆชาติมาmixรวมกันแต่เขียนยาวกว่านี้สัก200ตอนอะไรแบบนั้น อิอิ~

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาตอบเมนท์เรื่องสั้นเพราะเขียนไอ้ป่วนไม่ได้อย่างใจค่ะ แหะๆ

สำหรับท่านที่ยังไม่รู้จักไอ้หนูป่วนและผองเพื่อน เชิญตามลิงค์ไปทำความรู้จักได้นะคะ
คาดว่าตอนหน้าจะถึงบทจบแล้วค่ะ ^o^

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14565.0 (เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก)

.................................
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆครับ
ขอบคุณมากค่ะ เป็นลูกค้าที่อุดหนุนกันทุกเรื่องเลย ขอบคุณนะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ ^o^

:-[
ชอบเรื่องนี้อ่ะครับน้องนุ่น
สนุกดี ได้ไปเที่ยวอเมซอน


ต้องแอบกระซิบถามสูตรยามาฮัวคาซะหน่อยแล้ว
 :z1:
พี่มาร์ค แล้วอยากไปเที่ยวไหนอีกคะ? คือนุ่นเห็นว่ามายัลลี้พาเที่ยวทะเลทรายซะคอแห้ง นุ่นเลยให้แซร์จิโอ้พาไปตกน้ำป๋อมแป๋มที่ฮาวารีซะเลย หุหุ
(ส่วนสูตรยาที่ว่า ใบอัวลัน..เอ่อ นุ่นมั่วขึ้นมาค่ะ ส่วน มาราคูจานั่น มันคือเสาวรสค่ะ ^o^)

ขอบคุณนะคะไรเตอร์ เข้ามาอ่านเรื่องล่าสุด น่ารักมากกกกกกกก ภาพประกอบสวยดีชอบๆ เเต่ว่าข้อความในเเผ่นหนังคืออะไรยังมีต่อใช่เปล่าไรเตอร์ เเล้วก็ไรเตอร์ จะเขียนเป็นเเต่ละชาติเลยเปล่า เรื่องสั้นจบในตอนก็ดีนะ ไม่ต้องลุ้นนาน คุๆๆๆ เดี๋ยวไปตามอ่านตอนเเรกๆเเล้วจะเมนท์ใหม่นะ  อ้อ ชื่อเรื่องเป็นเอกลักษณ์ ของเราไง เเปลกเเต่ดูดี ขอบคุณคำเเปลด้วยนะคะเข้าใจขึ้นเยอะเลย “quente, to’ com quente…..”
“me ajud…….ahh ajuda  hah…..Mahuaca”  มันอ่านว่าอะไรเเล้วเเปลว่าอะไรอะไรเตอร์ อ่านไม่ออกอะ ขอบคุณล่วงหน้า รอตอนต่อไปเเละจะไปตามตอนก่อนหน้า บายๆๆ  

คุณบูตะจังงงงงงง เรื่องคำแปลและการออกเสียงของแซร์จิโอ้ตอนนั้นนุ่นตอบไปข้างบนแล้วนะคะ
ส่วนเรื่องที่ว่าตอนต่อๆไปจะมีพาดพิงถึงแผ่นหนังอีกมั้ย.....อืม ต้องลองรอดูค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชอบมากกกกกกกก
ชอบมากๆทั้งสามเรื่องเลย
ต่อยอดเป็นเรื่องยาวทั้งสามเลยเถอะ นะๆๆๆๆ   :o8:
กึ๋ยๆๆ ยาวทั้งสามเรื่องเลยถ้าจะไม่ไหวค่ะ แค่เขียนได้แบบนี้แต่ละตอนก็ใช้เวลาน้านนนนนนนาน แต่จะมาเรื่อยๆแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่มาอุดหนุน แล้วก็ดีใจมากๆเลยค่ะที่ชอบ ^o^


ไอเพิ่งเห็นว่าพี่นุ่นมาต่อยอดเรื่องสั้นออกไปอีก ^^

ชอบมากเลยค่ะ :m3: โรแมนติกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

แบบนี้เป็นออกแนวหลายภพหลายชาติของท่านเทพกับศวัตราสินะคะ :m18:

รูปที่ใช้แทนซาเยตกับมายัลลีก็เข้ากันดี

รูปที่ใช้แทนแซร์จิโอ้กับมาฮัวคาก็สมกันดี

อ่านเรื่องBeija-Flor of the Amazonนี้แล้ว...ไอนึกถึงหนังเรื่องAvatarอ่ะ ^^

 :L2: ~ขอบคุณค่ะ มาต่ออีกเนอะ ไอจะรออ่านๆๆๆๆๆๆ.....

ป๋อหล๋อ ยังรีเควสอยากให้เป็นเรื่องยาวอยู่นะคะ ทำแนวหลายๆภพหลายๆชาติมาmixรวมกันแต่เขียนยาวกว่านี้สัก200ตอนอะไรแบบนั้น อิอิ~
ไอจังงงงงงง กอดดดดดดดดดดดดดดด
เรื่องรูปนั่นยกความชอบให้ดาด้าไปโลดค่ะ อิอิ พยายามหามาก ยิ่งเรื่องของแซร์จิโอ้กับมาฮัวคานี่ดาด้าหานานมากกกกกกกก
เดี๋ยวพี่นุ่นมีพล๊อตดีๆเข้าท่าๆจะมาเขียนตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2010 21:53:26 โดย anajulia »

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

 :z13:   ได้อีกละ

ชอบมากกกค่ะ โรแมนติกดี
ภาษาสวยมาก  ชอบภาพประกอบค่ะ
คอนเซ็ปเดิมนะคะคุณนุ่นหวานมากๆ    :กอด1:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
กอดดดดดดดดดดดดค่ะ คุณ234
ตอนนี้ตอนต่อไป(ซึ่งคงจบแหงๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด)ของไอ้หนูป่วนมาได้สองหน้าแล้วค่ะ
พอจะจบเลยไปอ่านทวนตั้งแต่ตอนแรก เอาให้ชัวร์ว่าไม่ทิ้งปมรึอะไรที่ไม่ควรทิ้งเอาไว้
คาดว่าพรุ่งนี้ดึกๆน่าจะเรียบร้อยมาลงได้นะคะ

ขอบคุณที่มาอุดหนุนเรื่องนี้ค่ะ ดีใจมากๆที่ชอบ
ส่วนเรื่องที่ว่าหวาน......แหะๆ สงสัยจะเป็นนิสัยไปแล้วค่ะ เรื่องเพ้อฝันมาเขียน ขอให้เป็นฝันที่เป็นสุขแล้วกันนะคะ
ไว้ถ้าเมื่อไหร่ฝันไม่สุขจะหาทางเตือนคนอ่านก่อนอ่านค่ะ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5
^
^
 :กอด1:   คุณนุ่น

ฝันเป็นสุขทุกๆคืนนะคะ คนอ่านไม่อยาก    :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด