ลองมารวบรวมประสบการณ์ "ผู้ชายหยอดหวานให้กันและมิตรภาพกับความทรงจำ"ดีมั้ย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลองมารวบรวมประสบการณ์ "ผู้ชายหยอดหวานให้กันและมิตรภาพกับความทรงจำ"ดีมั้ย  (อ่าน 93281 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
แบ่งน้ำตาล กะ หอม ให้มะระครับ

กลัวมะระจะไม่หวานหอมครับ

คริคริ :-[

abcd

  • บุคคลทั่วไป
น้องโน๊ตนี่น่ารักจัง  ฝากบาปนะไป(สู่)ขอให้น้องเค้ามาเป็นน้องชายผมก็ได้นะครับ  เพราะที่ๆมีอยู่เนี่ยมันจะขี่หัวผมอยู่ละ จนเพื่อนมันสงสัยว่า ใครพี่ใครน้องกันแน่ว่ะ

บาปนะเล่าเรื่องเด็ก  ก็เลยนึกถึงเด็กคนนึง

สมัยวัยสะรุ่นม.ปลาย  ผมได้เป็นคนทำค่ายค่ายหนึ่ง ให้รุ่นน้องที่โรงเรียน

เวลามีกิจกรรมผมก็ดูแลทั่วไป (เป็นประธานค่ายหรือเบ๊ว่ะ) พอมีเวลาว่างก็จะลงไปร่วมกิจกรรม   
ที่ลานกิจกรรมจะมีที่ว่างอยู่ที่เดียวเสมอ ข้างๆเป็นไอ่น้องอั้ม ตัวผอมๆ หน้าตากวนตีนๆ มันเป็นไฟลท์บังคับง่ะ ผมก็ต้องนั่งที่นี่ตลอดจนสนิทกับมัน

มีตอนนึงมันเอามือมาสะกิดสีข้าง  ผมก็สะดุ้งสุดตัว (บ้าจี้มาก จนเพื่อนๆ เจอหน้าจะไม่ HI 5 นะ จี้อย่างเดียว ไอ้โรคจิตทั้งหลายเอ้ย คิดแล้วแค้น) ทำให้ไอ่น้องอั้มมันค้นพบของเล่นชิ้นใหม่  เจอหน้าจี้อย่างเดียว ผมห้ามก็ไม่ฟัง จะย้ายที่ก็ไม่ได้แล้วว่างที่เดียว (ใจจริงก็ไม่ค่อยอยากย้ายหรอก เอิ๊กๆ)
หลังจากนั้นมันก็ตาม(แกล้ง)ผมตลอดเลย "พี่หมึกกินข้าว"   "พี่หมึกไปกับกลุ่มผมนะ"   แล้วก็จี้ๆๆๆ สนุกมันล่ะ

ตอนนึงมันลามปามมาก เหมือนเดิม เด็กๆทำกิจกรรมกันอยู่ ผมก็เข้าไปนั่งที่ว่างที่เดิมที่เดียวที่มีอยู่

มือมันคว้าหมับเข้าที่เป้ากางเกงผม   จ๊ากกกก


อึ้ง..... 
เงียบ                           หน้าแดง   แปร๊ดดด :-[
ทั้งคู่ 

สติกลับมา   "เฮ้ย ทำไรง่ะ"   ผมก็โวยแบบเงียบๆ เพราะคนอื่นก็ทำกิจกรรมกันอยุ่

"ก็เห็นเหมือนไม่ได้ติดกระดุมง่ะ" ยังลอยหน้าลอยตาพูดอีก

แต่มันก็น่าเชื่ออยู่นะ  เพราะมันไม่ได้จับโดนน้องชาย(ที่แสนจะน่ารัก)ของผมเลย    มันจับเฉพาะตรงเป้าที่เป็นกระดุมง่ะ ผมใส่ยีนส์กระดุมครับ

แต่เอ มันควรจะบอกว่าพี่ๆ ลืมติดกระดุม มากกว่า ที่จะพิสูจน์เองนะ  ผมว่า

ตลอดค่ายก็เป็นซะอย่างนี้แหละครับ  พอออกจากค่ายก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย แต่ผมเจอเพื่อนมันบ่อยๆ บางทีผมก็ถามถึงมันบ้าง

"ไอ่อั้มเป็นไงบ้าง"

"แฟนพี่อะนะ สบายดี  มันถามถึงพี่หมึกเหมือนกันนะ"  เพื่อนมันตอบ
กรำ ตูเป็นแฟนมันตั้งแต่เมื่อไหร่ฟร่ะ


จนหนึ่งปีผ่านไป  เราได้เจอกันอีกครั้ง  ที่เดิมเลย ที่ค่ายนี่แหละ  แต่คราวนี้มันมาในฐานะสต๊าฟคนนึง เรื่องวุ่นๆของผมกับมันจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

555 ป่าวเล่าให้อยากแล้วจากไปนะครับ แต่ว่าเดี๋ยวสิบโมงประชุมครับ  บ่ายๆมาต่อนะครับ

จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 19 ต.ค. 49 09:55:47 ]

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ต่อๆครับ

อีกปีต่อมา มันมาพร้อมกับส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นมาก อิจฉาง่ะ ทำไมพ่อแม่ให้เรามาน้อยจัง  แต่ยังผอมเหมือนเดิม  ความกวนตีนบนใบหน้ายังเหมือนเดิมเด๊ะๆ

วันที่เรานัดประชุมครั้งแรกก็ ต๊กใจ  "มาด้วยเหรอ" ผมถาม

"ครับพี่" ตอบแบบยิ้มๆ

ร่วมงานกันก็ผมนี่แหละเป็นคนดูแล เพราะมันเป็นเด็กใหม่ เจอคอมเมนต์แรงๆไปหลายดอกอยู่  ผมก็ออกรับแทน ฐานะเด็กในสังกัด  555  ม่ายช่าย  ฐานะเด็กในความดูแลตะหาก

คราวนี้มันยิ่งติดผมมากกว่าเดิม

ตอนกินข้าวมันก็จะตักข้าวมา 1 จาน  พร้อมช้อน 2 คัน  "ป่ะ กินข้าวกัน"    เข้าทางผมเลยไม่ต้องตัก มีคนบริการพร้อม  กินเสร็จมันก็ต้องเอาไปล้าง 

กินไปก็แย่งหมู แย่งไก่มันกิน    ก็งี้แหละครับ เราก็กินข้าวจานเดียวกันทุกมื้อเลย  แต่หลังๆ มีการให้ผมไปล้างจานด้วย อืมๆ กำเริบๆ

เย็นวันนึง เราได้พักคืนนึง รอเด็กค่ายต่อไปจะมาเข้าค่ายต่อ   บรรยากาศมันน่ากลัวมากๆ มีตัวอะไรร้องไม่รู้ จิตตกสุดๆ   เข้าทางมันเลยใส่อารมณ์ ขู่ ผมหนักเข้าไปใหญ่

"พี่เสียงอะไรง่ะ"    "พี่ ตัวอะไรง่ะ"   ผมก็เกาะแขนมัน "ไหน  ไหน  ไหน"    จิตตกเลยครับ   ยิ่งกลัวๆอยู่  มันก็เอาแต่ยิ้มๆ  หัวเราะ

พอค่ำ  "ป่ะ พี่หมึกอาบน้ำด้วยกัน"   "รู้น่าว่ากลัว ฮ่าฮ่า" ยังใช้มุกเดิม

ผมมองหน้ามันงงๆ แปลว่าอะไรว่ะ  อาบพร้อมกัน หรืออาบห้องเดียวกัน
"ก็ได้ ป่ะ"   55 ก็ยังคงใช้ได้ผลเหมือนเดิม  (ใจง่ายจริง เผื่อมันทำไรในห้องน้ำจะทำไงว่ะเนี่ย)

พอดีมีห้องน้ำสองห้อง ก็เลยถือโอกาสนี้แยกห้องอาบละกัน  รอดตัวไปวุ้ย

ระหว่างการอาบน้ำ

"ถูสบู่ละนะ"  "สระผมอยู่"   "ราดน้ำแล้ว หนาวคร๊าบ"  มีบทพากษ์ออกมาเป็นระยะๆ 

"พี่หมึกอย่าเพิ่งออกนะ  ผมใกล้เสร็จล่ะ"  อ่า หมายถึงไรฟร่ะ  อิอิ
ตกเย็นกินข้าว ก็จานเดียวกันเหมือนเดิม แต่คราวนี้เหล่าสต๊าฟทั้งหลายก็ล้อมวง สรุปงาน คุยกันไป กินกันไป

กินเสร็จไอ้ตัวดีก็บอกว่าง่วง   "ง่วงก็ไปนอนดิ"

"ครับ" รับคำอย่างว่าง่าย   แทนที่จะลุกไปนอน  มันกลับเขยิบๆ เอามือปัดๆตักผม   แล้วมันก็ลงไปหนุนตักผมอย่างสบายใจ

กรำ - -"  คนทั้งวงหันมามองเป็นตาเดียว (ที่จริงมีสองตานะครับ อย่าเข้าใจผิด  55)

เอาเหอะ ปล่อยมันเด็กมันวัยกะลังกินกะลังนอน

คืนนั้น ต้องนอนเตนท์ ปกติจะนอนบนบ้านพัก  ผมกับมันนอนเตนท์เดียวกัน  ท่าทางดี๊ด๊าเหลือเกิน
ผมคิดในใจ "อืม แล้วจะรู้สึก" คิดในใจอย่างมาดมั่น

คืนนั้นเข้าเตนท์ปุ๊บ   หนาวมากๆ  หนาวๆอย่างนี้ต้องหาคนกอด   อิอิ

แต่เนื่องจากเรานอนในถุงนอนอะนะ  ก็เลยอดเลย  เสียดายจริง

หัวถึงหมอน  หลับเป็นตาย   นี่แหละสิ่งที่มันได้รู้

ตื่นเช้ามา  "โหพี่ เมื่อคืนยังไม่ได้ทำไรเลยง่ะ  หลับไปแล้ว"

'อ้าวจะทำไรล่ะ"  ผมถามกลับ

"แหมก็ยังไม่ได้คุยไรสักคำเลย  หลับไปแล้ว"

ตลอดค่ายก็เหมือนเดิมครับ กินข้าวจานเดียวกัน นอนติดกัน อาบน้ำพร้อมกัน(หมายถึงคนละห้องนะ)

พอเลิกค่ายก็เหมือนเดิมครับ  นานๆก็เจอกันในโรงเรียน ก็ทักทายกันตามประสาพี่น้อง   ได้ข่าวว่าไปมีแฟนบ้าง  เลิกไปแล้วบ้าง

คำเตือนถึง blueboyhub  : อย่าทำเป็นรู้ทัน     (^ X)ก๊ากกก  เอิ๊กๆ

จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 19 ต.ค. 49 14:02:15 ]

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมมาขอลานะครับ

วันนี้เลยจะมาเล่าเรื่องขำๆ ระหว่างผมกับไอ้บอลให้ฟังกันส่งท้าย

ผมกับไอ้บอล  ได้ฉายาว่า  อ้วนผอมจอมซ่า  หรือไม่ก็คู่ฮาปาท่องโก๋(พิการ)

เพราะมันสูง ร้อยแปดสิบกว่าๆ  ตัวใหญ่อย่างกะยักษ์ ดำๆ เรียกว่า very dark tall but not handsome  ส่วนผมตัวเล็กๆ ขาว หน้าตาดี นิสัยดี เรียนเก่ง กีฬาเด่น มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา (555 ไม่ใช่คำขวัญวันเด็กนะเฟ้ย)

ผมกับมันนี่เรียกว่าไม่น่าจะคบกันได้เลย ชอบอะไรก็ชอบต่างกัน ดูหนังคนละแนว ฟังเพลงคนละแบบ แต่เราก็แทบจะไปด้วยกันทุกที่ละครับ งงเจงๆ

ครั้งหนึ่ง ผมกับมันไปกินนมหน้ามหาลัย ผมกับมันแน่นอนต้องสั่งคนละอย่าง มันสั่ง นมปั่นลอยไอติม   ผมสั่งโกโก้ปั่น ไอติมลอย  (ต่างกันมาก)

ก็กินไป คุยกันไป นินทาสาวๆโต๊ะข้างๆไป  หนุกหนาน

"อ๊ะ ชิมนี่ดิ อร่อยนะโว้ย" ที่ผมเห็นก็คือ มันยื่นแก้วมาตรงหน้า ทำท่าให้ผมดูด ชิมที่มันสั่ง  แต่สิ่งที่ผมไม่เห็นคือ รอยยิ้มแบบ กรูได้ของเล่นละ ในแววตามัน นี่คือสิ่งที่ผมพลาดไป

ด้วยความเห็นแก่กิน เฮ้ย ด้วยความอยากลอง ผมก็ก้มลงไปดูด 

ปรื๊ดดด.......   ไม่ขึ้นแฮะ   ได้ยินเสียงคนกลั้นหัวเราะ  ไม่สนใจเอาใหม่

ปรื๊ดดด........  เอ๊ะ ทำไมไม่ขึ้นว่ะ  คิดแล้วก็ถามเลย

"ไม ดูดไม่ขึ้นง่ะ"  ทีนี้มันไม่อดกลั้นอะไรแล้ว ขำแบบเอาเป็นเอาตาย  หัวเราะก๊ากกก  ดังลั่นร้าน (คนตรึมเลย)

"ไอ้โง่ นั่นมันช้อน"  ครับ มันหลอกให้ผมดูดด้ามช้อนครับ  ที่จริงมันมีหลอดดูดอันหนึ่ง ช้อนด้ามยาวๆ (เหมือนหลอดดูดมั๊กมัก)อีกอัหนึ่ง แต่มันเอาหลอดดูดจริงๆซ่อน แล้วพยายามหลอกล่อให้ดูดด้ามช้อนแทน  ดู๊ ดู ดูความพยายามของมัน
ก๊าก  ฮา ฮา ฮา    มันยังหัวเราะแบบนอนสต๊อบ
ผมก็สงสารมันอะนะ เพราะมันหัวเราะจนจะตกโต๊ะอยู่แล้ว ก้เลยคิดว่าจะประเคนตีนให้มันไปหัวเราะที่พื้นอย่างสบายใจ  แค้น

"กรูไว้ใจเพื่อนง่ะ เพื่อนบอกให้ดูด กรูก็ดูดดิ กรูผิดเหรอ" ผมเถียงมัน

"ไอ้โง่ 55555"  แค้น  แค้น  อืมคอยดู มีคืนแน่มรึง คิดในใจนะครับ  อายก็อาย คนดูทั้งร้านเลย

หลังจากมันหายขำ ผมก็เบี่ยงความสนใจคุยไปเรื่อย  จนมันตายใจ  ได้เวลาลงมือ 

เอาหลอดดูดออกแบบไม่ให้มันเห็น   “อ๊ะ อันนี้ก็อร่อยนะโว้ย”  ผมหลอกล่อให้มันชิมของผมบ้าง
มรึงตกหลุมพรางกรูแน่  ฮาฮา 

มันคว้าแก้วไป แล้วหยิบช้อนตักไอติมใส่ปากเฉยเลย  ทำหน้ายิ้มเยาะน้อยๆ

“เฮ้ย ไมไม่ดูดว่ะ”  ผมร้องขึ้นมาทันที

“555 ไม่มีใครโง่เหมือนมรึงหรอก”    แล้วก็ฮาเยี่ยวราดอีกรอบ

ผมละโครตแค้นเลย  ไม่เคยมีใครหยามผมขนาดนี้มาก่อน  ฝากไว้ก่อนเหอะมรึง


หลังจากนั้นผมก็เก็บมุขนี้ไปใช้กับเพื่อนคนอื่น

ไม่น่าเชื่อเลย   ไม่มีใครตกหลุมพรางสักคน  ทุกคนรู้หมดว่ามันคือช้อน
แถมโดนด่ากลับมาอีก   “ไอ้โง่ ใครก็รู้” แล้วก้ขำอย่างมีควาสุขในความโง่ของเพื่อน

กรำ นี่ผมโง่จริงๆเหรอ   ไม่น่าใช่นะ ผมว่าเป็นเพราะผมไว้ใจตะหาก

ฮา......

จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 20 ต.ค. 49 09:52:39 ]

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เอิ๊กๆ  ผมไม่ด้ลาออกครับ ลาหยุดเฉยๆ มาบอกให้ต๊กใจเล่นๆ (สงสัยไม่มีใครตกใจแน่เลย T T )

คือหนึ่งในคู่อ้วนผอมจอมซ่า จะแต่งงานอะครับ ผมเลยต้องไปแสดงความเสียใจต่อเจ้าสาวซะหน่อย  555

ผมก็เลยมาอุทิศความอุบาทว์ระหว่างผมกับมันเป็นที่ระลึกแก่งานแต่งงานในครั้งนี้ด้วย

ตอนนั้น ผมกับมันไปตีเทนนิส แต่ตอนนั้นผมเจ็บไหล่ง่ะ ก็เลยต้องนวดยา

"ไอ้บอล ทายาให้หน่อย" แล้วก็ถอดเสื้อให้มันทายา กลางคอร์ทเทนนิสเลย 

มันก็ทำหน้าที่อย่างดี มันนึกไงไม่รู้ พูดว่า

"มรึงนี่ขาวเอกซ์ดีเนอะ"  กรำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นผมถอดสื้อซะหน่อย  น่าจะชิน

ยังยังไม่จบ  "หัวนมมรึงก็ชมพู สวยกว่านางเอกหนังเอกซ์อีกนะ "

ด้วยความเขิล ผมก็เลย บี้หัวนมตัวเองเล่น แล้วพูดเสียงสั่นๆว่า "อืมน่าดูดใช่มั้ยล่ะ"

ไอ้เหรี๊ย ไอ้ทุเรศ มันด่า แล้วก็ขำก๊ากกันสองคน


ยินดีกับมรึงเจงๆ ได้เป็นฝั่งเป็นฝาก่อนใครๆเลยนะ  ไอ้บอล

555 ไปนะครับ กลางๆอาทิตย์หน้าจะกลับมาอัพเดตต่อ


จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 20 ต.ค. 49 10:04:20 ]

abcd

  • บุคคลทั่วไป
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4813966/L4813966.html

และแล้วผมก็ตัดสินใจ แตกเลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวอาจไม่ได้เข้ามาสักพัก แตกเสร็จแล้วคงต้องฝากให้เพื่อน พี่แลน้องช่วยดูและต่อด้วยนะครับ


และเป็นการเจิมกระทู้ใหม่ ขอเล่าต่อเลยละกัน

หลังจากที่ผมได้รับรู้ความคิดของโน๊ต ก็มีเหตุการณ์ที่เคยเล่าแล้วนะครับ คือถ้ามันเจอผม ผมก็จะโดนลาก จูงไปที่ต่างๆ
และเมื่อปีที่ผ่านมา(หลังงานลอยกระทง) ผมได้กลับไปดูงานคณะ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน โชคดีจริงๆ เดินไปเดินมา อ้าว ไอ้โน๊ตนี่หว่า
มันเจอผม มันเองก็ดีใจ เพราะเราไม่เจอกันนานแล้ว และที่สำคัญ มันก็มาคนเดียว เราสองคนเลยต้องตัวติดกันไปโดยปริยาย
"ดีนะที่เจอคุณเนี่ย ไม่งั้นผมก็ไม่รู้จะอยู่ตรงไหน" โน๊ตมันบอก อย่างว่าครับ พออยู่ปีท้ายๆ คนที่มาดูงานด้วยก็ไม่มีหรอก เค้าเตรียมจบกันทั้งนั้น

"วันพรุ่งนี้จะมารึเปล่า" โน๊ตถามผม
"มาสิ" ผมตอบครับ
"จะมาตอนไหน จะได้เดินด้วยกัน" ผมก็เข้าใจครับ ไม่มีใครอยากเดินคนเดียวหรอก จริงมั้ย

และพอวันงาน แน่นอน ตัวติดกันสุดๆ เดินไปเดินมา นั่งข้างกัน คุยกันตลอด หยอกล้อต่อกระซิกอีกตามเคย
และด้วยความที่คนมาก พอเราเดินไปท่ามกลางฝูงชน ก็กลัวว่าจะพลัดหลงกัน อ๊ะๆ ไม่มีทางหรอกครับ ที่เราจะจับมือกัน
บอกแล้วผมก็รักนวลสงวนตัวนะครับ ผมก็เลยให้โน๊ตเดินนำหน้า และผมก็จับไหล่มันไว้ อืม...ก็โอเคดีนะ แต่สงสัยยังไม่พอใจมัน
มันก็เลยเอามือมันมาวางบนมือผมซึ่งจับไหล่มันอีกที นึกภาพออกมั้ยครับ สมมติเอามือซ้ายจับไหล่ซ้ายมัน
มันก็เอามือขวามัน มาจับมือผมซึ่งอยู่บนไหล่ซ้ายมัน
อืม...รู้สึกดีจังความรู้สึกเหมือนคนในครอบครัว(จริงๆนะ)
ผมว่าผมเจอน้องชายต่างสายเลือดที่แท้จริงแล้วแน่ๆ

ปล.บอกอีกนิด มีหลายคนทักด้วย ว่าผมหน้าคล้ายไอ้โน๊ต ตรงไหนกัน ผมว่าผมหน้าอ่อนกว่านา แต่มันผอมหุ่นดีกว่า เท่านั้นเอง

จากคุณ : บาปนะ - [ 22 ต.ค. 49

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ผมก็เลยให้โน๊ตเดินนำหน้า และผมก็จับไหล่มันไว้ อืม...ก็โอเคดีนะ แต่สงสัยยังไม่พอใจมัน
มันก็เลยเอามือมันมาวางบนมือผมซึ่งจับไหล่มันอีกที นึกภาพออกมั้ยครับ สมมติเอามือซ้ายจับไหล่ซ้ายมัน
มันก็เอามือขวามัน มาจับมือผมซึ่งอยู่บนไหล่ซ้ายมัน

 :pigscare2:

อย่างนี้มันม่ายช่ายพี่น้องแล้วน้า
 :piglove2:

ManInBlue

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ไหนๆๆ ขอลูบพุงman in blueหน่อย ไม่เห็นมาเล่าต่อบ้างเลย
 :pigha2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2006 04:46:33 โดย b|ue B[o]Y hUb ^__^ »

radioactive

  • บุคคลทั่วไป
คุยเอ็มกะเพื่อนตะกี้คับ
มาน - พุ่งนี้ไปไหนป่าววะ
โผม - มะอะ ทะมะวะ (กวนมัน)
มาน - ป่าว
โผม - เอ้า รายวะ
มาน - กะหาอะไรมันๆทำอะ
โผม - รายวะ
มาน - จะมาปะละ
โผม - ไม่รู้ ดูอารมณ์ความอยากก่อน (อยากไปนะครับ ไม่ใช่อยาก..)

โผม - ก็ไม่อยากไปหรอกนะ เกรงใจ ว่าแต่แม่ทำกับข้าวรายละ
มาน - ไม่รู้
โผม - จะได้ไม่กินข้าวเช้าไป
มาน - จะกินรายละ
โผม - ไม่รู้ดิ
มาน - กินน้ำกรูก่อนได้ไหม
โผม - เจี่ย ทาลึ่งงงงงง
มาน - อาบน้ามยังมึง
โผม - ยัง
โผม - รอให้คนอาบให้อยู่
มาน - ต้องการแบบไหนละ
โผม - อะไรของมึงวะ แบบไหน
มาน - ก็แบบที่  * * * ** * *
โผม - ก็ไม่รู้ดิ ไม่ได้ออกแบบไว้ (เลียนแบบเฉยเลย)
มาน - ง้านกูไปอาบน้ามก่อนนะ จะสงบสติอารม
โผม - เออ
มาน - ไปชัก(รูปเด็กเล่นเว่า)
โผม - เชี่ย
เรื่องนี้เกิดเมื่อตอนผมอ่านกระทุ้นี้ เมื่อ 10 นาทีที่แล้วครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ่า....เพิ่งหาทู้เจอ เด๋วต่อให้เรยละกานนะ คิกคิก คุณradioactiveกะเพื่อนเนี่ยsweetกันดีจาง  :impress2:


เหวย ไปเข้าค่ายนะหรอ
ไม่มีอะไรครับ จริงๆๆๆ
คงเป็นเพราะตอนเปิดค่าย วิทยากรเตือนลูกเสือทั้งหลายว่า
"เวลาอาบน้ำอย่าเล่นยิมนาสติก อ๊ะ อ๊ะ สบู่หล่น"
น่าเสียดาย อดกินอาหารมือดึกเป็นข้าวเหนียวถั่วดำเลย
เอย ไม่ใช่และๆ - -"
เวลาอาบน้ำ มันเลยรักนวลสงวนตัวเป็นอย่างมาก 555
ผมก็เลยแซวมันว่า "อืม.. มรึงก็ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะเหมือนกันนะเนี่ย" เท่านั้น วิ่งกระจุยครับ กรั๊กๆ

ตอนนอนสนุกกว่า ไอคนที่มันนอนข้างๆผมมันบอก "แดน(นามสมมติ) อย่าทำอะไรกรูเลยนะ กรูไหว้ละ ขอร้อง" ตอนดึกๆผมเลยยกขาไปก่ายมัน "เป็นของกรูเถอะนะที่รักก" 555 มันย้ายเตียงเลยครับ สรุป คืนนั้นผมนอนสบายยย อิอิ

ปล พี่หมึกตะนอยแอบไปอ่านบล็อกผมอะดิ้ แต่ละคอมเมนต์น่ากลัวทั้งน้าน - -"
แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 49 16:22:56

จากคุณ : K Potter

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เอ๊า ยอมเล่าก็ได้ฮับ  สดๆร้อนๆละกัน  เสียวดีชะมัด ( เอิ๊กๆ หูผึ่งเชียวนะคร๊าบ)

หลังจากงานแต่ง ผมกะเพื่อนๆก็ไปนอนบ้านเพื่อนอีกที่หนึ่ง

หนึ่งในนั้นยังจำได้มั้ยครับ ไอ่ต๋อม คนที่ชอบถึงเนื้อถึงตัวกันนะครับ

ที่จริงตอนเราเจอกันที่งานแต่งเราก็กอดกัน(พอ)หอมปากหอมคอไปแล้ว  ทำเอาชาวบ้านแถวนั้นงงเชียว

ต่อๆ นอกเรื่อง พอไปถึงบ้านเพื่อนก็แยกย้ายกันอาบน้ำ (หวังให้อาบด้วยกันละซิ ไม่มีหรอกคร๊าบ)

ผมอาบเสร็จก่อนก็มานอนดูทีวี สักพักมันก็ตามมา

มานั่งเบียดที่ผมนอนอยู่

ผมก็เลยยกขาขึ้นให้มันนั่งที่เตียง แล้วผมก็เอาขาขวาเหยียดก่ายตักมันไป

มันก็เลยกลายเป็นว่าผมนอนหนีบมันอยู่  จิ้นตามถูกรึยังครับ ต่อได้ละนะ

ผมก็นอนดูทีวีไป สักพักเหมือนมีคนจ้อง 

ไอ่ต๋อมนั่นเอง  ผมก็มองหน้ามัน    ยิ้ม.....แล้วถลกเสื้อผมขึ้นอย่างรวดเร็ว

เอามือมาลูบๆตรงท้อง ขึ้นๆลงๆ  "ขาว เรียบเชียวนะมรึง" มันบอก

ผมก็เลยนอนตัวเกร็ง  ไม่ใช่สิ นอนเกร็งตัวให้มันลูบไป

"เป็นไง กล้ามท้องกูแน่นใช่มั้ยล่ะ"       

"......" ยิ้มอย่างเดียว

ในที่สุดก็เป็นผมเองที่ทนไม่ไหว "พอ พอ กรูหายใจไม่ออก" เกร็งนานเกิน

"ฮะฮ่า กูนึกว่ามรึงจะทนได้แค่ไหน"

แล้วมันก็หยุด แต่ตายังจ้องอยู่ที่ท้องอยู่  ผมก็เลยเอาเสื้อลง กันอุจาด

มันถึงได้เลิกมอง  หันไปดูทีวีแทน แต่มือมันเนี่ย

ยังลูบๆ ขาผมอยู่ตลอด  ลูบจนเคลิ้ม ตาปรือๆเชียวหล่ะ

สักพักก็เลยพากันเข้านอน 

แค่เนี๊ย เสียวพอมั้ยครับ

จากคุณ : หมึกตะนอย

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เพลงรักอลวน(Canon in my Heart) ~เรื่องราวที่ไม่คาดฝันในรั้วมหาวิทยาลัย - Serenade for string in C by Tchaikovsky(ช่วงแรก)

หลังจากจบมัธยมแล้ว ผมก็เศร้าเล็กน้อย ที่จริงก็มากอยู่เหมือนกัน ก็จากคนที่รักนี่ครับ
แต่สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจก็มีคงไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากการได้เข้ามาเป็นเฟรชชี่ในมหาวิทยาลัย
จะมีอะไรบ้างนะที่รอคอยเราอยู่ สำหรับตอนนี้ คงไม่ได้เน้นเรื่องความรักของผมกับใครคนใดคนหนึ่ง
เป็นอันว่าผมแอบปลื้มคนอื่นไปทั่วละกัน ก็ผมไม่มีทางเข้าหาใครก่อนหรอก สาบานได้

วันแรกที่ขนของเข้าหอพักนะ สิ่งแรกที่คุณต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงคือการอยู่อาศัย
ผมเลือกที่จะอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก เพื่อที่จะมีโอกาสได้รู้จักกับคนอื่นๆ นอกเหนือจากคนในโรงเรียนเดิมบ้าง
ซึ่งก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ เรื่องมันๆ ระหว่างผมกับรูมเมทมีไม่สิ้นสุด

รูมเมทของผมนะ มีคนหนึ่งเราไปถูกชะตากันอีท่าไหนไม่ทราบ เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกตอนที่ติดเข้ามาเรียนที่นี่ได้แล้ว
ตอนนั้นผมมารายงานตัวและจองหอ ระหว่างจัดการหลักฐานต่างๆอยู่ ก็มีชายคนหนึ่ง คงกำลังงงกับหลักฐานต่างๆของตัวเอง
และก็การติดต่อประสานงานส่งหลักฐาน เค้าเลยถามรายละเอียดจากผม
ซึ่งตัวผมเองก็ชอบช่วยคนอื่นอยู่บ้างน่ะนะ เลยตอบสิ่งที่คนๆนั้นถาม ชายคนนี้เป็นคนตัวค่อนข้างใหญ่
ผิวคล้ำหน่อย ท่าทางดูซื่อๆเซ่อๆดีจัง แล้วเค้าก็เดินตามผมติดเลยนะ คงกะว่ามีปัญหาอะไรจะถามผมกระมัง
จนถึงตอนหนึ่งต้องจองหอพักครับ ผมซึ่งอยากเปิดโอกาสในการคบคนใหม่ๆ
จึงจองหอพักอื่นในขณะที่เพื่อนๆซึ่งมาจากโรงเรียนเดียวกันจองอีกหอ จำไม่ได้ว่าใครพูดก่อน รู้สึกเค้าจะถามผมมั้ง

"นายลงหอไหน" นายคนนั้นถาม ผมก็บอกไป เป็นว่าชวนมาอยู่หอด้วยกัน ผมก็รู้สึกเหมือนพูดกันเล่นๆนะ
แต่ตอนจองอ่ะ มันเอาจริง ลงอยู่ห้องเดียวกับผม แต่ก็บ่นเรื่องราคา
เพราะรู้สึกว่าครอบครัวมันไม่ได้ร่ำรวยเงินทองอะไร แล้วผมก็โบกมือลารูมเมทในอนาคตของผม

หลังจากวันนั้นเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันที่ต้องมาเตรียมตัวจะเรียน เราก็มาเจอกันอีกตอนที่เข้าหอนี่เอง
แต่เราไม่ได้อยู่กันสองคนหรอก ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง ก็มีคนมาก่อนแล้วสองคน
ผมดูแล้วอือ…ก็ท่าทางนิสัยดีนะ ผมจะเรียกมันคนหนึ่งว่าไอ้รูปหล่อ(ประชด)มันชื่อไอ้พล
กับไอ้หน้าบูดก็แล้วกันชื่อนายสิทธิ์ (แต่ที่จริงไม่เคยเรียกไอ้หล่อกะไอ้บูดแบบนี้นะ)
ส่วนอีกคน ก็คนที่ชวนมาอยู่ด้วยกันนี่ล่ะ ผมขอเทิดทูนไว้หน่อย ขอเรียกว่านายพลาสเตอร์ก็แล้วกัน
เหตุผลที่เอานายคนนี้ไว้สูงกว่าคนอื่นมันก็จะอยู่หลังจากนี้ล่ะ ในคืนแรกที่อยู่ด้วยกัน
หลังจากที่ผมไปกินข้าวกับเพื่อนโรงเรียนเดิมแล้ว ผมก็รู้สึกได้ตั้งแต่คืนแรกเลยว่า
เราได้รูมเมทที่ดีจริงๆ ไม่รู้สิ มันเป็นความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจยังไงไม่รู้ เหมือนลางสังหรณ์
ขอบอกพวกนายทุกคนเลยว่า อาจเคยโกรธ งอนอะไรไปบ้าง แต่ที่จริงแล้วเรารักพวกนายทุกคนนะ
(เอ…หรือจะยกเว้นไอ้พลดีวะ)

ช่วงวันแรกๆที่มาอยู่ พี่ๆ ไม่ปล่อยให้เวลาว่างเปล่า มีกิจกรรมต่างๆมากมาย
ผมปลื้มพี่เลี้ยงกลุ่มผมจริงๆ มีคนหนึ่งนะ หล่อดี หน้าตาดีขาวตี๋ พี่อีกคนเป็นผู้หญิง น่ารักดี
ไม่ใช่คนสวยอะไรมากนะ แต่ผมว่าพี่เค้าเป็นคนที่มีนิสัย และอัธยาศัยแบบที่ผมชอบเลย
น่ารัก ทะลึ่ง ช่างพูด ช่างคุย ปกติผมไม่ค่อยกล้าคุยกับรุ่นพี่ แต่กับพี่สาวคนนี้ ขอคนหนึ่งล่ะ น่ารักมาก

ผมรู้จักเพื่อนใหม่หลายคนจากการเข้ากลุ่ม ก็ดีนะ รู้สึกสนุกดี ต้องแสดงออกอะไรตั้งหลายอย่าง
เต้นต่อหน้าธารกำนัลก็เพิ่งเคยทำนี่ล่ะ แต่ไม่อายครับ ด้านเล็กน้อยแล้ว ก็เทรนมาดีแล้วครับจากโรงเรียน
จนวันสุดท้าย เราก็ผ่านกิจกรรมสุดโหดกันแบบเลือดตาแทบกระเด็น

ส่วนสำหรับการเรียน พวกเราย่อมตื่นตาเป็นธรรมดา ไม่เคยเรียนกันแบบนี้มาก่อนนี่
คนเรียนเป็นร้อย อาจารย์คนเดียว ก็แปลกดี กับเพื่อนใหม่ในคณะ ในสาขา หึๆ ขอบอกมันส์พะย่ะค่ะ
ผู้หญิง 80 % ที่เหลือผู้ชาย ฉะนั้นเพื่อปกป้องความเป็นชาย เราต้องรวมกลุ่มกันแต่แล้วก็แห้ว
หนุ่มแต่ละคน คนละไสตล์ เข้ากันก็ยากหน่อย แต่ไม่ได้เกลียดกันนะ ก็เป็นเพื่อนกัน อาจสนิทใจลำบาก
ก็ช่วงแรกเท่านั้นล่ะ


เพื่อนสนิทผมที่ได้มาใหม่จริงๆเป็นผู้หญิง แรกๆผมเห็นก็ว่า น่ารักดี ตัวเล็ก เซ็กซี่
คือเราต้องทำงานด้วยกันตลอด จนผมคิดว่าเราอาจจะกลายเป็นแฟนกันได้(อะไรเนี่ย ไม่ตรงคอนเซปท์เลย)
แต่ผมเห็นมันบ่นถึงแฟนบ่อยๆ ก็ต้องร้อง อ้าวมีแฟนแล้วเหรอ แต่เรียนคนละที่
ที่จริงในสาขาที่ผมเรียนมีผู้หญิงสวยๆ เยอะนะ น่ารักก็แยะ แต่ละคนเลอค่าจนไม่ค่อยมีคนกล้าเอื้อม
….เว่อร์จริ๊ง ผมยังแอบเผลอใจตื่นเต้นกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง เธอน่ารักมาก
แต่ก็ไม่ได้คิดเกินเลยอะไรมากมายหรอก จริงๆ สาบานได้(โกหก)

สำหรับเพื่อนสนิทผมเนี่ย ใครเห็นผมพูดดีกับมันล่ะก็ ไม่เกิน 5 นาทีหรอก ทะเลาะกัน
เถียงกันตลอด บางทีผมเป็นฝ่ายโกรธและก็งอนไป แต่สุดท้ายเราก็จะกลับมาดีกัน
แม้เธอจะน่าหมั่นไส้บ้างก็ตาม

มาเรียนมหาวิทยาลัยก็เจอสิ่งที่ไม่เคยเจอ เพื่อนก็เข้าถึงกันมากขึ้น
และเพื่อนผมคนนี้มีปัญหาอะไรก็มักปรึกษาผม บางทีร้องห่มร้องไห้ ทุบตีผม (เบาๆนะ)
ระบายอารมณ์เศร้าก็มี เฮ้อ เป็นที่รองรับอารมณ์แฟนคนอื่นนี่มันน่าเบื่อจัง เมื่อไรจะมีเป็นของตัวเองบ้างนะ

ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็สนิทกันดี ช่วงแรกๆก็ไปไหนมาไหนกันตลอด กินข้าวด้วยกัน
ก็ดีครับผู้หญิงมากๆ เหมือนดาวล้อมเดือน อย่าอิจฉานะครับ

ช่วงว่างจากการทำกิจกรรมและเรียน วันหนึ่งผมตัดสินใจเขียนไปรษณียบัตรฉบับหนึ่ง
เขียนถึงใครน่ะเหรอ ก็เขียนถึงน้องชายสุดที่รักไง(เรื่องราวสมัยมัธยม
เรื่องของผมกะเด็กซนคนหนึ่งชื่อไอ้แก๊ก ไม่มีอะไรมาก เลยไม่เล่านะครับ)
เขียนประมาณว่าชีวิตที่นี่เป็นยังไง และก็บอกว่าทำตามสัญญาที่ว่าจะส่งไปหา
แล้วว่างๆจะเขียนไปใหม่ อุตส่าห์พยายามเขียนที่อยู่ให้ชัดเจน เผื่อว่ามันเขียนกลับจะได้ส่งมาถูกที่
ผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นหลายเดือน เงียบ ไม่มีวี่แววการตอบกลับมา
ผมก็เศร้าสิ ทำไมไม่สนใจกันบ้างเลยนะ

สำหรับคนที่มหาวิทยาลัยยอมรับว่าเป็นหนุ่มเป็นสาวกันดีจริงๆ เห็นมีแต่คนหล่อๆ สวยๆ เต็มไปหมด
ทำไมแถวบ้านเรามันไม่ได้อย่างนี้นะ นั่นล่ะทำให้ผมปิ๊งคนไปทั่ว คนนั้นก็ชอบคนนี้ก็ชอบ
แต่ไม่ค่อยมีคนจริงจังครับ

ช่วงเวลาแบบนี้ทำให้ผมห่างจากเพื่อนโรงเรียนเดิมไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขาดกันไปเลย
ยังมีติดต่อหากันอยู่เป็นประจำ ไปกินนม กินเลี้ยงกันบ่อยๆอยู่เหมือนกัน
นอกจากนี้ผมยังไม่นึกเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นนักกิจกรรมไปได้
ก็มีอะไรผมก็โดนเรียกใช้ซะเรื่อย แต่ก็ดีครับ รู้สึกว่าเป็นกำไรชีวิต ผมทั้งเรียนและทำกิจกรรมไปด้วย
ดีกว่าเรียนอย่างเดียวหรือทำกิจกรรมอย่างไม่ลืมหูลืมตาใช่มั้ยล่ะ

นอกจากผมจะประทับใจในมิตรภาพแบบใหม่ๆ ระหว่างเพื่อน รูมเมทแล้ว
ผมยังประทับใจอาจารย์สอนด้วย อาจารย์ที่สอนอังกฤษผมนะ ยังสาว สวยและก็น่ารักมาก
ผมประทับใจอาจารย์สุดๆ ส่งผลให้ผมได้ A ในวิชานี้ ก็ตั้งใจเรียนทุกคาบนี่ ไม่ขาดเลย

สำหรับโรงเรียน ผมก็ไม่ได้ตัดขาดไปเลย อย่างที่กล่าวในตอนแรกนั่นล่ะ ผมยังกลับโรงเรียนไปบ้าง
โดยเฉพาะการกลับไปแนะแนวน้องที่โรงเรียน เป็นความรู้สึกที่ผมอยากทำมานานแล้ว
เพราะผมรู้สึกแบบว่า พี่ที่กลับไปแต่ละคนดูดี เท่ และเป็นผู้ใหญ่ มีความรู้
อยากเป็นมั่งหึๆ แต่ก็รู้สึกดี ที่ได้ทำให้น้องๆเข้าใจในคณะต่างๆมากขึ้น เพราะน้องจะได้ไม่เลือกผิดพลาด

แน่นอนอยู่แล้วว่าการกลับมาที่โรงเรียนผมหวังอะไร? ผมหาแก๊กตั้งนาน กว่าจะเจอกันก็นานโข
พอเจอกันแก๊กก็ชมเลย “หล่อขึ้นนะ” อ๊ะ นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว เหมือนเราจะคุยกันไม่นาน
ก็แก๊กต้องไปเรียนนี่ ส่วนผมว่างเดินสายแนะแนว แต่ตอนท้ายของการสนทนา แก๊กก็บอกกับผม
“ไปรษณียบัตร ได้อยู่นะ แต่ไม่มีเวลาตอบ” แล้วแก๊กก็เดินไป
อย่างน้อยคำตอบนี้ก็ทำให้ผมดีใจว่าแก๊กยังได้รับไปรษณียบัตร และก็สนใจอยู่บ้าง

ส่วนในตอนเย็น เรามานั่งอยู่ที่เดิมของเรา เพื่อนผมก็มานั่งเล่นด้วย แต่ดูแก๊กไม่ค่อยคุยกับผมนะ
คุยแต่กับเพื่อนสนิทผม ผมก็น้อยใจแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมนั่งคุยกับน้องรักอีกคน
ไม่รู้ล่ะ ไม่คุยก็ไม่คุย แต่แก๊กก็คุยเรื่องการเรียนต่อนั่นล่ะ เพราะทางบ้านกับความต้องการของตัวแก๊กเองไม่ตรงกัน
ผมก็สงสารนะ บางทีผู้ปกครองอาจไม่เข้าใจเด็ก ว่าเด็กต้องการอะไร

กลับมาดูรูมเมทสุดที่ร้าก…..ของผมบ้าง นายบูดสิทธิ์ไม่ค่อยอยู่ห้องหรอกครับ ผมก็ไม่รู้มันไปไหน
ก็ไม่ค่อยได้คุย แต่ก็สนิทใจอยู่นะครับ ผมว่ามันไม่ค่อยพูด แต่ก็ดีแล้วล่ะ
ต่างจากไอ้สุดหล่อ(ตรงไหน)พล มันช่างคุยนะ แต่ก็มักจะทำให้ผมรำคาญอยู่เรื่อย
บางทีผมนอนไม่หลับเพราะเสียงเพลงที่มันชื่นชอบตอนตีสอง เวลาอื่นมีตั้งเยอะ ไม่ยักกะเปิด
มันยังเคยทำลายความพยายามในการเล่นตัวต่อคิวบิกที่ผมนั่งทำเกือบตาย มันทำซะเสียเลย
และเท่านั้นล่ะ ผมเหลืออดแล้ว

ขอเล่าแบบละเอียดนะ คือใครไม่รู้เอาไอ้รูปทรงสี่เหลี่ยมที่มันมีหลายๆสีน่ะ
แล้วต้องบิดให้แต่ละหน้าเป็นสีเดียวกัน(มันเรียกว่าอะไรกันแน่วะ ไม่รู้จัก ไม่เคยถาม กลัวคนว่าโง่)มาไว้ในห้อง
แล้วในคืนนั้นผมก็นั่งบิดๆๆๆๆ อย่างเมามัน แฮ่ๆในที่สุด ก็สำเร็จ…ได้ตั้งหน้าหนึ่งแน่ะ
ส่วนอีกห้าด้านช่างมัน คิกๆ เดี๋ยวรอเอาไปอวดเตอร์ดีกว่า

และแล้วความหวังผมก็พังทลายครืน เมื่อไอ้พลมาจากไหนไม่รู้ มันก็บิดๆๆ
โอ้…มันบิดความพยายามที่ยาวนานของผมจนมลายหายไปเกลี้ยง ผมก็ตะโกนดิ "เฮ้ย ทำตั้งนาน"
มันได้ยินก็ทำหน้าแบบว่า แล้วไงอ่ะ คือมันเห็นว่าง่ายๆแค่เนี้ย ทำใหม่แป๊บเดียวก็ได้แล้ว
ผมซึ่งอาบน้ำมาเสร็จใหม่ๆ เริ่มร้อนรุ่มขึ้นทันที

ผมเริ่มนั่งทำใหม่ ผมเห็นมันนอนเฉยๆ ตอนแรกมันก็บอกประมาณว่า มันไม่ยาก บิดแป๊บเดียวก็ได้แล้ว
แต่ผมมันไม่ฉลาดอ่ะ มันก็เทียวดูผมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่สนใจอะไรมาก สุดท้ายมันก็หลับ
นายสิทธิ์ก็หลับ เหลือนายเตอร์คนดีนั่งทำงานอยู่ จนผมทำเสร็จ
เออ ใช่แฮะที่จริงถ้ารู้ทริคนิดหน่อยก็ง่ายอยู่เหมือนกันนะ…เหวย ตีสองแล้วว่ะ
ว่าแล้วก็เอามาวางที่โต๊ะ นายเตอร์ช่างน่ารักจริง มันพูดว่า

“เสร็จแล้วเหรอนักเรียน ดีมาก” อนาคตพ่อพิมพ์ของชาติครับ ให้กำลังใจดี แต่ผมหัวเสีย
ง่วงก็ง่วง หงุดหงิดก็หงุดหงิด จนไม่ค่อยสนใจ ผมนอนด้วยใจที่ขุ่นมัว
จนลืมสังเกตไปว่าเมื่อผมนอนเตอร์ก็นอนเหมือนกัน บางทีเตอร์อาจจะรอชมผลงานผมอยู่ก็เป็นได้
เพราะผมอยากให้เตอร์ดู จากนั้นเราก็นอนหลับไป….

ตอนเช้า ผมไม่อยากคุยกับไอ้สุดหล่อ แม้มันจะถามว่าเสร็จตอนไหน ผมก็ตอบสั้นๆ "ตีสอง"

มันก็ทำหน้าไม่เชื่อว่าผมจะทำนานขนาดนั้นกึ่งเยอะเย้ย เหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟ
จากไฟขนาด Fire ball ถูกเพิ่มค่า mana จนอัพเกรดไปเป็น inferno
ผมรีบไปอาบน้ำหน้างอไม่พูดจากับใครและชิ่งหนีไปเรียน มันคงเดาได้มั้งว่าผมงอน
(หน้าบูดซะขนาดนั้นใครจะเดาไม่ได้วะ) พอตกบ่ายผมกลับมาที่ห้อง
ผมเห็นตัวต่อที่ต่อเรียบร้อยสวยงามวางอยู่โต๊ะผม และมีโน๊ตเขียนไว้

“ทำคืนให้แล้วนะ” หึๆ คิดเหรอว่าจะหายโกรธ ไอ้เราก็เริ่มจะต่อเป็นแล้วโว้ย
ผมเลยทำใหม่จัดสีใหม่โดยใช้เวลาไม่นานแล้ววางไว้ที่โต๊ะมันพร้อมกับโน๊ต

“ทำให้ทำไม” หรือยังไงนี่ล่ะจำที่ตัวเองเขียนไม่ได้ แล้วก็ออกจากห้องไป มาคิดดูอีกทีก็ขำ
เรื่องแค่นี้ทำให้ผมโกรธมันเหรอเนี่ย

รู้สึกเราจะไม่พูดกันอยู่นานนะ มันคงไม่กล้าพูดกับผม บรรยากาศในห้องโคตรอึดอัด
มาคุสุดๆ ผมก็รู้สึกว่ามันหงอยไปหน่อยนึงนะ พอผมเข้าห้อง มันก็รีบออกจากห้องไปกับเพื่อนมัน
ที่จริงผมเองก็เริ่มหายโกรธแล้วล่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง อายเหมือนกันนะ
จนวันหนึ่งผมอารมณ์ดีมากแล้ว คิดว่าไม่อยากงอนนานผมเลยทักมันเรื่องสอบ

“เป็นไง ทำได้มั้ย” หน้าผมยิ้มเต็มที่ แบบให้รู้ว่าไม่โกรธแล้วนะ มันก็ตอบ แต่อย่างว่า คนโกรธกัน
มันจะคืนดีเร็วก็ยากอยู่นะ นานทีเดียวกว่าจะกลับมาเล่นหัวกันเหมือนเก่า

ที่จริงการอยู่ในห้องบางทีผมก็อึดอัด เพราะว่าทั้งสามคนรู้จักกันมาก่อนเพราะเคยเรียนที่เดียวกัน
ไม่แน่ใจว่าระดับชั้นไหน ม.ต้นหรือไงนี่ล่ะ ผมมันก็เหมือนคนนอกล่ะครับ
ก็บางทีมันเคยเอาเพื่อนมาเต็มห้อง แต่เพื่อนมันทุกคนก็น่ารักนะ ชวนผมคุย ก็นิสัยดีอยู่นี่
ต่างจากเอ้อ…ไม่หรอกไม่พูดดีกว่า(บอกไปดิว่าไอ้พล) มีคนหนึ่งผมสนิทมากนะ
ก็เคยหยอกกันเล่น นอนคุยกันสองต่อสองก็มี อือ…ก็ดีแฮะ เพื่อนเมทน่ารักกว่าเมทอีกวุ้ย

นายสิทธิ์นี่ขอบอกเห็นอย่างนี้ มันได้แชมป์เทควันโด้ด้วย โห หยอกด้วยไม่ได้แล้ว
ส่วนเตอร์เล่นวอลเลย์ ก็ดูสันและถึกดี สำหรับเรื่องการเรียน ผมมักนั่งอ่านหนังสือเล่นกับเตอร์
เพราะเราเรียนด้วยกันหลายวิชา ก็มีติวกันบ้าง ส่วนใหญ่เป็นผมสอนเตอร์
เพราะผมอาจจะเข้าใจอะไรง่ายกว่า โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ(อาจารย์น่ารักจัง)
ผมยังเคยแซวในใจ นี่หรืออนาคตพ่อพิมพ์ จะไปสอนเด็กยังไงเนี่ย

จากคุณ : บาปนะ -

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ผมกับเตอร์เราสนิทกันมาก เตอร์เป็นรูมเมทที่ผมรักมากที่สุด ตั้งแต่เราชวนมาอยู่ด้วยกัน
มีหลายเหตุการณ์ที่ผมยังประทับและตราตรึงในหัวใจไม่เสื่อมคลาย กับชายหนุ่ม หน้าตาแบบชาวบ้าน(หึๆ)
ตัวล่ำหรือที่ไอ้หล่อบอกว่าสันใหญ่นั่นล่ะ ผิวคล้ำ แล้วเตอร์ก็ชอบที่จะถอดเสื้อโชว์ความสัน
ใส่แต่กางเกงเล็กๆตัวเดียว แต่ที่จริงผมว่ากางเกงไม่เล็กหรอก ตัวมันใหญ่มากกว่า
เราอยู่กันสองต่อสองบ่อยเพราะคนอื่นชอบออกไปกับเพื่อน แต่เตอร์ไม่ค่อยมีเงินเที่ยวเฮฮา
และเตอร์เป็นความหวังของครอบครัวคนหนึ่ง

ระหว่างอาบน้ำนะ เป็นเวลาที่ต้องระวังตัวหน่อย ไอ้รูมเมท และเพื่อนเมทตัวดีมันชอบแกล้งผมอ่ะ
บางทีก็ดึงผ้าเช็ดตัวไประหว่างอาบน้ำอยู่ จะออกจากห้องได้ไงล่ะทีนี้ บางทีก็มีกระตุกผ้าเช็ดตัว
แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหาหยอกกันเล่นๆ แต่มีครั้งหนึ่ง ไอ้พลแมร่ง โรคจิต
มันพูดอยู่นอกห้องระหว่างผมกำลังอาบน้ำ ประมาณว่า แอบดูผมดีกว่า ผมก็เฉยๆ ตอนแรก มันคงพูดเล่น
แต่คิดดีๆ ป้องกันตัวเองไว้ก่อน เลยรีบเอาผ้าเช็ดตัวมาพันตัว รวดเร็วเท่าความคิด มันโผล่หัว จ้องลงมาพอดี
คือห้องน้ำด้านบนมันโล่ง ปีนนิดหน่อยก็มองเห็นกันได้

“ไอ้โรคจิต มองอะไรวะ” ผมด่ามันไป มันยิ้มๆ หัวเราะ ไอ้เลวเอ๊ย แป๊บเดียวมันก็ไป
เกือบแล้วมั้ยล่ะ ไม่งั้นคงโดนล้อแย่เลย(ไอ้พลนี่ล่ะที่มันบอกว่าแกล้งผมนี่สนุกดี ไอ้บ้า)
ระวังไว้เถอะมรึง เดี๋ยวกรูจะต้องเอาคืน บางทีผมก็เอาผ้าเช็ดตัวมันไปตอนมันอาบน้ำ ก็พาดเอาไว้นี่
แค่นี้มันก็ออกจากห้องน้ำไม่ได้แล้ว สะใจครับ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีงานเลี้ยงของคณะต่างๆ ผมซึ่งได้รับชุดสูทจากท่านพ่อก็เลยดูดี เท่แบบแก่ๆครับ
และสูทก็ถูกแขวนไว้ในห้องผมระยะหนึ่ง พอถึงงานคณะเตอร์ เตอร์บอกว่าจะไม่ไป ไม่มีชุดสวยๆ เท่ๆใส่
ผมก็บอกเตอร์ "เอาของเราไปใส่สิ" มันก็บอกปัดผม บอกว่าเกรงใจ แต่ท้ายที่สุดมันก็เอาไปใส่จนได้

พอดีผมกลับมาถึงหอ เห็นคนใคร่คุ้นและชุดที่คุ้นตา อ้าว นั่นเตอร์และอ้าวนั่นชุดกรู ไหนว่าจะไม่ใส่เกรงใจวะ
แอบอารมณ์ขุ่นเล็กน้อย พอเตอร์เห็นผม เตอร์ก็ขอร้องให้ผมไปส่งที่งานเลี้ยง
เออ ดีนะ ชุดของกรูยังให้กรูเป็นสารถีอีกต่างหาก แต่ผมก็ไปส่งนะ
แล้วพอเตอร์กลับมา คุยใหญ่เลยว่ามีแต่คนชมว่าหล่อ แน่ล่ะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าเป็นเพราะใคร ฮ่าๆๆ
(รู้สึกว่ามันใส่แล้วจะดูดีกว่าผมอ่ะ ใช่ซี่ คนมันหุ่นดีนี่ ไม่อวบบ้างให้มันรู้ไป)

มีครั้งหนึ่งผมเดินกลับมาที่ห้อง เห็นเตอร์กับเพื่อนข้างห้องง่วนอยู่ที่หน้าประตู ผมก็งงสิ ทำอะไรทำไมไม่เข้าห้องอ่ะ

พอเตอร์เจอผมก็ทำท่าดีใจมาก บอกว่าลืมกุญแจ เข้าห้องไม่ได้ ผมเลยไขกุญแจแบบยิ้มๆแล้วเปิดประตูห้อง
ผมไม่รู้ว่าทำไมมันดีใจขนาดนั้น มันเข้ามากอดผมทางด้านหน้าและยกผมขึ้น(น้ำหนักผมก็ใช่ย่อยนะ)ที่หน้าห้องนั่นเลยล่ะ

“รูมเมทแบบนี้ถูกใจจริงๆ” มันพูดพลางยกตัวผมขึ้น และกอดผมไว้ไม่อายเพื่อนข้างห้องเลยรึไงนะ
เพื่อนก็มองอยู่แบบยิ้มๆ ไอ้เราก็อายนิดๆ เอ…เตอร์ทำตัวได้น่าสงสัยถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างแฮะ
ท่าทางการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยคงไม่น่าเบื่อแล้ว มันมีเรื่องน่าตื่นเต้น สนุกสนานจริงๆนะ
แม้ตอนแรกผมจะรู้สึกแย่ที่ต้องจากบ้านมาเรียน ห่างจากไอ้แก๊ก แต่ตอนนี้มันสนุกจนลืมความรู้สึกไม่ดี
ชีวิตมีความสุขท่ามกลางเสียงหัวเราะ ความเข้าใจจากคนใกล้ชิดอย่างเพื่อนสาวสุดสนิทและ…รูมเมทสุดที่รัก

จบครึ่งแรกครับ พักดูโฆษณากันก่อน ลุกไปทำธุระส่วนตัวกันตามอัธยาศัยครับ

ใครที่เคยฟังเพลง serenade for string in C แล้วก็อาจจะเดาได้ว่าตอนนี้จะจบยังไง(หรือเราตีความเพลงผิดฟะช่าง ไม่สน)

ตอนเย็นหรือไม่ก็พรุ่งนี้ครับ จะเอาครึ่งหลังของบทเพลงนี้มาบรรเลงต่อ แอบเช็คเรตติ้งไปในตัวแล้วเจอกันครับ

จากคุณ : บาปนะ - [ 26 ต.ค. 49 14:25:21

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มาร้องไห้รอล่วงหน้า

ฟ้าส่งสองคนมาเจอกัน ทำไมจึงกลั่นแกล้งให้พวกเขารักกันไม่ได้ เหมือนผมกับภูมิ
 :3028: :3024: :pigcry3: :monkeycry4: :monkeycry2: :3064: :monkeysad: :impress3:

ตะแน่วไปไหนหวา ไม่ยอมอัพ


abcd

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^ ชิส์หวานกานเจรงๆๆๆคู่นี้   เอ้ามาอัพให้แร้วนะคุณบลูเรย์บลูเร่ย์  ช้านิดช้าหน่อยทำบ่น...ฮึ่ม.. :sleep3: ก้เค้าหลับอยู่นิ คิกคิก



เอ้า...ต่อๆๆๆ

เพลงรักอลวน(Canon in my Heart) ~เรื่องราวที่ไม่คาดฝันในรั้วมหาวิทยาลัย - Serenade for strings in C by Tchaikovsky(ช่วงหลัง)

เรื่องราวของผมกับเตอร์มีมากมายจนผมจำได้ไม่หมด มีเพียงความรู้สึกต่อเตอร์ที่ยังชัดเจนจนวันนี้
ยังมีอีกหลายครั้งที่มันเข้ามากอดผมขณะเราอยู่ในห้องสองคนแล้วบอกว่า ชอบจริงๆรูมเมทอย่างผม ผมดีใจนะที่เตอร์พูดแบบนี้
ทำให้ผมรู้สึกไม่ผิด ที่ว่าเราเจอคนดีๆเข้าแล้ว และบางครั้งที่เราอ่านหนังสือด้วยกัน มันก็จะสอนผม
“นักเรียนฟังครูนะ ต้องทำแบบนี้” มันคงอยากเป็นครูที่ดีนั่นล่ะ ผมก็ขำท่าทางที่มันทำนะ น่ารักดี

มีอีกครั้งที่ผมทำอะไรสักอย่างไม่ดีมั้ง มันตีก้นผมล่ะ
“เด็กไม่ดี ต้องสั่งสอน” มันพูดแล้วก็เอามือมันตีก้นผมอ่ะ ผมก็สะดุ้งเลยสิ นายสิทธิ์อยู่ใกล้ๆก็พูด
“เฮ้ย ตีก้นด้วย เป็นอะไรของมรึง น่าสงสัยแล้วนะนี่” นั่นน่ะสิ ผมก็ว่างั้นล่ะน่าสงสัย เตอร์ก็แค่ยิ้มๆ

จากคุณ : บาปนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2006 00:36:06 โดย (ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
โรแมนติกสุดๆ ต้องตอนบรรยากาศดีๆ เราอยู่กันสองคนในห้อง สักพักเตอร์ออกไปยืนที่ระเบียง มองดูฟ้ายามค่ำคืนได้สักหน่อยเตอร์ก็เรียกผม
“มานี่ มาดูอะไรนี่”
ผมก็เดินไป มันชี้ให้ผมดูพระจันทร์ “พระจันทร์แบบนี้ สวยเหมือนที่บ้านเลย” มันบอก วันนั้นท้องฟ้าสดใส ไม่มีเมฆหมอกมาบัง สดชื่นมากๆ

“ดูแล้วนึกถึงที่บ้าน” เตอร์บอก
“ที่บ้านเรา ถ้าพระจันทร์สวยแบบนี้ เราจะออกไปนั่งดูที่ทุ่ง” ผมนึกตาม “อยากให้นายไปดูที่บ้านเราจัง พระจันทร์สวยมากนะ”
บอกตามตรง ตอนนั้นผมก็อยากลองไปบ้านเตอร์ดูสักครั้ง พระจันทร์คงจะสวยอย่างที่ว่า และการอยู่เล่นกับเตอร์ ก็คงเป็นอะไรที่ไม่น่าเบื่อ

ผมเคยแอบอ่านแฟ้มสะสมผลงานของเตอร์ดู เจอรูปสมัยมัธยม แบบถ่ายตอนจบ มีคนทั้งชั้นเลย เตอร์บรรยายว่า ในภาพนี้มีคนที่เตอร์แอบชอบอยู่ น่ารักจัง
ยังอุตส่าห์เขียนเอาไว้ ผมเลยเอามาแซว ว่ามีคนที่ชอบอยู่ในรูป เตอร์ทำหน้างง
“รู้ได้ไง” ผมยิ้ม “ก็เขียนบอกไว้เองในนั้นนี่” ผมชี้ไปที่แฟ้ม มันทำท่าอาย หึๆ เด็กน้อยเอ๊ย

เวลาติวภาษาอังกฤษ มันต้องขึ้นมาบนเตียงผม เรานอนติวกันนาน ผมว่าเตอร์ก็คงได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ดีกว่าไม่ติวเลย
ดูท่าทางเตอร์จะชื่นชมว่าผมเรียนเก่ง ไม่หรอก ผมแค่เข้าใจอะไรง่ายๆเท่านั้นเอง ในบางวัน เราไปกินข้าวด้วยกัน ทำให้ผมรู้ว่าเตอร์ชอบขนมอยู่อย่างหนึ่ง
ผมจะจำมันไปจนตายเลยล่ะ ส่วนเรื่องอาหารบางอย่างเตอร์ก็ไม่รู้จักว่ามันเคยมีอาหารชนิดนี้อยู่ในโลกนี้ อาหารธรรมดานี่นะ อือ… มาจากเขาลูกไหนเนี่ย

ในช่วงถัดมาไอ้พลเอาเครื่องเล่นเทป ซีดีมา ห้องกลายเป็นสถานที่ฟังเพลง รักเสียงเพลงกันมาก….
ฟังกันตลอด แม้กระทั่งตอนสอบ “ได้ฟังเพลงแล้วอ่านรู้เรื่อง” ไอ้พลบอก แต่ผมอ่ะ ถ้าเสียงดังอย่างนี้อ่านไม่รู้เรื่องล่ะครับ
ผมเลยชอบออกไปอ่านหนังสือที่อื่น เตอร์เองก็ออกไปติวกับเพื่อนข้างนอก กลับมาดึกดื่นทุกที บางครั้งกลับมาตอนเช้าเลย
และไอ้ตอนเช้าที่ว่านี่ เผอิญผมเรียนสาย นอนได้ยาว แต่คุณทั้งหลายชอบมาเปิดเพลงเอาไว้นี่สิ ผมจะนอนได้ยังไง คิดแล้วหงุดหงิด โดยเฉพาะเตอร์
เตอร์จะเข้ามาสายหน่อย(ผมก็ยังนอนอยู่อ่ะ) แล้วมันก็เปิดเพลงเพื่อชีวิต โอ้ พระเจ้า ผมจะหลับตาลงไปได้อย่างไร…

วันหนึ่งผมเหลืออดอีกแล้ว ก็มันเปิดดังนี่ผมเลยลุกขึ้นแล้วบอกเตอร์
“เปิดเบาๆ ได้ป่าว”
เตอร์กำลังแต่งตัวเงยหน้ามามองผม ยิ้มอายๆแล้วก็รีบไปหรี่เสียงเพลง
“ขอโทษ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่”
อะไรกันนี่ มันมองไม่เห็นผมนอนอยู่เลยรึไง ตอนนั้นโกรธนิดหน่อย แต่ตอนนี้นึกแล้วขำดี

ต่างจากนายพล มันตั้งใจเปิดเพลงครับ อารมณ์เพลงไม่มีจำกัด แถมมันยังชอบแนวร็อค
เวรกรรม ผมจะหลับไปได้ยังงาย ไอ้เวรเอ๊ย บางทีมันเปิดวิทยุทิ้งเอาไว้จนปิดสถานี พอตอนเช้า หกโมง ผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เสียงนั้นทำให้ผมตื่น เฮ้ย!ใครพูดอะไรวะ ห้องเราไม่มีผู้หญิงนี่หว่า แล้ว…เสียงมาจากไหนวะ จ๊าก….
อ้าว ที่แท้มันก็เป็นเสียงวิทยุนั่นล่ะ ซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน และแล้วผมก็นอนไม่หลับ ทั้งที่ผมเรียนสาย
อยากนอนนานๆอ่ะ โอ้ย อยากเอาค้อนไปทุบวิทยุเฮงซวยนี่จริงๆ แต่ที่อยากทุบมากกว่าเป็นไอ้พล เอาให้รู้ซะบ้างว่ากรูจานอนโว้ย

เตอร์เป็นคนอ่อนภาษาอังกฤษ มีครั้งหนึ่งเตอร์ให้ผมพยายามเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ
เป็นเรื่องที่เหมาะกับเตอร์มากขอบอก เป็นความผูกพันระหว่างเตอร์กับสัตว์ เตอร์บอกเตอร์รักมันมาก แต่ท้ายที่สุดมันก็ตาย
เรื่องของคนกับสัตว์แบบนี้มันมีความผูกพันธ์กันมานานแสนนานแล้ว ผมก็ใช้เวลาอยู่พอควร แต่ก็แต่งเรียงความช่วยจนเสร็จ
และมีอีกครั้งที่เตอร์ต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา มันบอกว่าอ่านไม่รู้เรื่อง อยากให้ช่วยอ่านแล้วเล่าให้ฟัง
ผมก็คิดในใจ งานกรูก็มีท่วมหัวนะ ตอนแรกทำท่าปฏิเสธ แต่ก็ทนอ่านให้แบบหน้าตาบอกบุญไม่รับเล็กน้อย
แล้วท้ายที่สุดก็มาสรุปให้มันฟัง มันขอบคุณผมใหญ่เลย ก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยเพื่อนครับ

มีช่วงหนึ่งจะเป็นงานหอ แน่นอนล่ะเรื่องสนุกแบบระทึกของชาวหอที่ผมรู้สึกว่าเป็นที่ใคร่รู้กันจริงจริ้ง
ก็มีเรื่องเล่าเขย่าขวัญนี่ล่ะ น่ากลัวทีเดียว อะไรกันหอเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปี มีคนในหอตายตั้งหลายคนแล้ว แถมตายทุกปี
บางปียังมาหลอกมาหลอนเพื่อนร่วมหออีก หรือบางทีก็เป็นใครที่ไหนไม่รู้ มาหลอกกันแบบเห็นยกห้องเลย ต้องทำบุญกรวดน้ำกันยกใหญ่
ฟังเสร็จทำเอาแทบไม่กล้านอนคนเดียว ก็ต้นปีมีคนตายแล้วนี่ครับ

ที่จริงคนในหอผมหน้าตาดีหลายคนนะ ก็เป็นหอที่ผู้ชายหล่อ คุณหนูมาอยู่ทั้งนั้นล่ะ เราก็เลยพลอยได้โอกาสอันดีด้วย แบบคุยฮะ
หอคนหล่ออยู่ เพื่อนๆก็จะบอก “ยกเว้นแก”
ต่อมาผมลองไว้ผมยาวดู ก็ไม่ได้ยาวมากหรอก แค่พอน่าเกลียด ยาวแค่ไหนก็ลองฟังที่เตอร์บอกละกัน “ท่านศาสตราจารย์ เป็นยังไงบ้างครับวันนี้” มันหัวเราะใหญ่ ช่างแซวดีนัก
เพื่อนผมก็บอกว่าทรงผมเหมือนกับอัลเบิร์ต ไอสไตน์ แต่โง่กว่า ก็แน่ล่ะสิ ยังไงก็ตามผมแค่อยากลองไว้ผมยาวดูเท่านั้นล่ะ อีกไม่นานก็ตัดแล้ว
แต่แอบเข้าข้างตัวเองฮะ ว่าไว้ยาวนิดนึงแล้วดูหน้าหวานดี(เชิญไปเอาของเสียออกได้ครับถ้าทนไม่ได้ แหวะ) วันหนึ่งผมนั่งดูตัวเองในกระจกโดยมีไอ้พลอยู่ในห้องด้วย


"ผมยาวแบบนี้ เห็นแล้วนึกถึงแม่" ผมพูดขึ้น มันเลยถาม "หน้าคล้ายแม่เหรอ"
"เปล่า แม่ไว้ทรงผมประมาณนี้" แต่อย่างว่านะ เคยใส่วิกแล้วถ่ายรูป เพื่อนสาวคนสนิทก็ชมแฮะ ว่าหน้าสวย หวาน
และช่วงที่มีการแสดงผมดันถูกจับเป็นนางเอก พอแต่งเสร็จเพื่อนๆก็ชมครับ "น่ารักดี" โฮ่ๆ มันแน่อยู่แล้วในตอนนั้น(เอ๊ะ หรือมันชมชุดวะ)
แต่ตอนนี้ผมโตขึ้นและเข้ม เป็นหนุ่มแล้วครับ

ผมไว้ผมยาวอยู่นานนะ ผมรู้สึกสนุกดีที่ได้สะบัดผม ก็ไม่เคยผมยาวนี่ ยิ่งเวลาเต้นนะ มันทำให้ผมรู้สึกมันและได้อารมณ์กว่าปกติ
สะบัดสุดๆ แต่อย่างว่าล่ะ ที่จริงมันก็ดูน่าเกลียดนิดหน่อย หวีก็ยาก หวีแล้วหวีก็หัก พิจารณาดูก็แล้วกันว่ามันน่าเกลียดแค่ไหน
แต่ก็ยังอุตส่าห์ถ่ายรูปเก็บไว้ มานั่งดูอีกที มันก็ดูได้อยู่นะ
ยิ่งช่วงงานลอยกระทง เป็นงานที่สนุกดี
ผมได้เดินขบวนแห่ด้วย แล้วก็ไปหาที่ลอยกระทงกัน ผมมันคนไม่มีแฟนก็เลยไปลอยกระทงกับเพื่อนในสาขา
แถมสัญญากันอีกว่าปีหน้ามาลอยด้วยกันใหม่นะ ก็ไม่มีแฟนทั้งคู่นี่

ช่วงชีวิตในตอนนี้ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ผมมีกิจกรรมใหญ่อยู่ก็อาจเครียดเล็กน้อย
ภายในห้องเมทแต่ละคนก็ดูห่างๆกัน แต่ผมกับไอ้พลจะอยู่ใกล้กันมากหน่อย ชอบนอนคุยเล่นบนเตียงมัน ก็เตียงมันนอนสบายดี
ไม่รู้สิ บางทีนั่ง นอนเล่นกันอยู่สามคน อัดกันบนเตียงแคบๆ แต่ก็คุยกันเรื่อยสนุกดี ส่วนเตอร์ก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง
อย่างที่บอกว่าออกไปติวกับเพื่อน คงเพราะเกรดที่ออกเมื่อเทอมก่อนล่ะทั้ง ก็ทั้งห้องเตอร์ได้เกรดน้อยที่สุดมั้ง ส่วนผมได้มากที่สุดอ่ะ
ก็สงสารอยู่นะ เห็นเตอร์ออกจะขยัน ตั้งใจอ่านหนังสือ บางทีเตอร์ก็มาคุยกับผม บอกว่า ทำไมพวกนายเก่งกันจัง
ไอ้พลไม่ค่อยอ่านหนังสือ แต่ก็ได้เกรดกำลังดี นายสิทธิ์ก็ใช้ได้ ส่วนผมไม่ต้องพูดถึง เตอร์คงน้อยใจนิดหน่อยมั้ง
ผมก็เลยอยากให้เตอร์เทอมนี้ได้เกรดดีๆ กับเขาบ้าง
ในที่สุดมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ช่วงหนึ่งผมตัดสินใจกลับบ้าน ก่อนกลับเช้าวันศุกร์ผมไปเรียนตามปกติโดยไม่ลืมไปส่งเตอร์
เพราะเตอร์ขอให้ไปส่งที่โรงอาหาร ผมก็ไปส่งฮะ เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยอยู่แล้ว โดยผมเป็นคนขับ เตอร์ซ้อน
ตกเย็นผมกลับบ้านอย่างมีความสุข ช่วงเสาร์อาทิตย์นี้ผมสนุกมาก ได้อยู่กับครอบครัว และได้ตัดผมซะที เออ ค่อยสบายหัวหน่อย
คนอย่างผมนี่มันเหมาะกับผมสั้นจริงๆนั่นล่ะ ลูกพี่ลูกน้องผมก็เคยชม ว่าผมหล่อ เวลาผมสั้น แต่ไม่ใช่แบบทรงนักเรียนนะ
ผมล่ะอยากให้ทุกๆคนเห็นว่าผมตัดผมแล้วจะดูดีแค่ไหน โดยเฉพาะเหล่ารูมเมทที่รักของผม มันคงจะเป็นการเซอร์ไพรซ์ดีนะ

พอเย็นวันอาทิตย์ผมกลับมาถึงหอ ผมก็เอาข้าวของเข้ามาเก็บในห้องด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
ร่าเริงสุดชีวิต…ทำไมตอนนั้นผมไม่มีลางสังหรณ์อะไรบ้างเลย ผมเจอไอ้พลนอนอยู่คนเดียว "กลับมาแล้ว" ผมพูดไปยิ้มไป
อุตส่าห์คิดว่ามันจะทักเรื่องทรงผมปรากฏว่าไม่ครับ มันไม่พูดกับผมอ่ะ แต่เอ…ทำไมห้องมันดูอึมครึมพิกล
ผมวางของและก็รอพ่อเอาของอีกส่วนขึ้นมาส่ง


“ไอ้เตอร์มันตายแล้วนะ” ไอ้พลพูดขึ้น ผมหันไปมองหน้ามัน ซึ่งยังคงนอนอยู่บนเตียง
“ไม่เชื่อก็ดูโต๊ะมันสิ ญาติเพิ่งมาขนไปเมื่อเช้า เสื้อผ้าก็เอาไปหมดแล้ว” ผมมองไปที่โต๊ะของเตอร์
จากที่เคยเป็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยหนังสือและเอกสารมากมาย บัดนี้มันว่างเปล่า ทั้งๆที่โต๊ะอยู่ข้างๆโต๊ะผม ผมไม่สังเกตอะไรเลย

ผมยังงงอยู่ ระหว่างนั้นพ่อผมเอาของมาส่ง พลไหว้พ่อผม พ่อผมทักทายเล็กน้อย ผมทำอะไรไม่ค่อยถูกตอนนั้น มันสับสน มันตื้อ
ไม่จริงหรอก ไอ้พลมันชอบโกหก มันต้องแกล้งผมอีกแน่ๆ แต่โต๊ะที่ว่างเปล่านั่นล่ะ ผมไม่รู้อะไรแล้ว แต่ก็ลงมาลาพ่อกับแม่ก่อน
พยายามทำปกติ ยังคงคิดว่ามันไม่จริงอยู่

ผมกลับขึ้นไปที่ห้อง จัดข้าวของไป โดยไม่กล้าพูดอะไร ไม่แม้แต่จะถาม ผมไม่กล้าคิดว่ามันเป็นความจริง จากนั้นผมก็ขึ้นไปนอนบนเตียง
ทุกสิ่งในห้องแทบไม่ไหวติง ไอ้พลก็ไม่พูดอะไร ผมนอนคิดไปเรื่อยสลับกับมองที่โต๊ะของเตอร์ที่ว่างเปล่า โกหก
ไม่เป็นความจริง ทุกอย่างเป็นเรื่องล้อเล่น ผมอยากให้เป็นอย่างนั้น
อะไรกันวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมยังไปส่งเตอร์ที่โรงอาหาร นั่นหรือเป็นภาพสุดท้าย ที่ผมได้เห็นเตอร์…มีชีวิต

สักพักเพื่อนไอ้พลก็เข้ามาที่ห้อง ที่ผมสนิทด้วยนั่นล่ะ มันนั่งลงที่เตียงไอ้พล แล้วก็พูด “ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้ล่ะว้า”
แทบไม่ต้องการคำยืนยันใดๆอีก ทุกอย่างมันชัดเจนมากที่สุดแล้ว ผมเลยเริ่มถามรายละเอียด
รายละเอียดที่ได้มาทำให้ผมทราบว่าเตอร์เพิ่งเสียเมื่อเช้า เหตุเกิดตอนคืนวันเสาร์ เตอร์ขับมอเตอร์ไซต์กลับบ้านแล้วชนกับรถกระบะ
ไม่ได้เสียชีวิตทันทีหรอก เมทผมเล่าว่าตอนที่ทุกคนไปเยี่ยมเตอร์ยังพูดคุยได้ อาการภายนอกไม่มีอะไร แต่ทว่าภายในมันช้ำไปหมด
และแล้วเตอร์ก็เสียชีวิตจากอาการช็อคขาดเลือดเนื่องจากมีบาดแผลภายในทำให้เสียเลือดมากในตอนเช้าวันอาทิตย์

เราคุยกันอยู่ไม่นาน ก็มีเพื่อนในคณะเตอร์เข้ามา เพราะห้องผมเปิดไว้ ไม่ได้ปิดประตู มากันสองคน ถามพวกเราด้วยความรู้สึกร้อนรน

“เตอร์เป็นยังไงบ้างครับ” เพื่อนเตอร์ถาม พวกเรานิ่งชะงักอยู่อึดใจ
“เสียแล้วครับ” ไอ้พลเป็นคนตอบ เพื่อนเตอร์ส่ายหน้าแล้วเดินออกไป
“กรูไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย” ผมได้ยินเสียงเพื่อนเตอร์ตะโกนดัง ช่างตรงกับความรู้สึกผมจริงๆ กรูไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเกิดกับคนดีๆอย่างเตอร์ด้วยวะ ผมคิดในใจ แล้วพวกเราก็เดินไปบอกพี่ที่คุมหอด้วยกัน เพราะพี่เค้าสนิทกับเตอร์

เสร็จจากตรงนั้นเมทผมก็ออกไปข้างนอก ผมเองก็ออกไปข้างนอก ผมเจอเพื่อนสาขาที่รู้จักอยู่ในหอ เพื่อนมันทักผมเรื่องทรงผม
"โอ้โห ตัดผมใหม่" เป็นคนแรกนะที่ทัก แต่ผมไม่มีอารมณ์มาดีใจหรอก ผมยิ้มเล็กน้อยกับคำทักทาย ก่อนที่หน้าผมจะหุบยิ้มลง
กลายเป็นใบหน้าที่นิ่งและเย็นชา แล้วผมก็บอกมันไป “เมทเราตาย” มันก็อึ้งสักพัก ถามรายละเอียดผมไม่ค่อยอยากตอบ
หลังจากนั้นผมไปโทรศัพท์ โทรบอกเพื่อนสนิทผมที่รู้จักเตอร์ เค้าก็ช็อกไปเหมือนกัน เพราะไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
ผมโทรไปบอกทางบ้าน เพราะผมชอบระบายความรู้สึกกับคนทางบ้าน ผมจะสบายใจมาก ผมพูดเรื่องนี้ได้อย่างไม่ค่อยเศร้านี่ล่ะผม
ไม่ว่าเรื่องจะร้ายแรง แต่ผมจะพยายาม ผมจะพูดเรื่องเหล่านั้นให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่น่ามีอะไร
แม้ว่าในใจผมมันแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ผมเก็บมันได้เสมอ จะมีใครรู้บ้างว่าบางครั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
ท่าทางตลกๆที่ผมแสดงออกไปในหลายๆครั้ง ก็เป็นแค่หน้ากากที่ผมใส่ไว้ และผมจะถอดมันออก เมื่อผมอยู่คนเดียว
เคยได้ยิน มีคนบอกว่าคนที่ไม่ยอมร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น แสดงว่าคนนั้นขี้ขลาดที่จะแสดงความอ่อนแอ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ส่วนหนึ่งคือผมไม่อยากได้รับความเห็นใจมากนัก มันจะทำให้ผมแย่ลงไปอีก มันอาจจะผิดก็ได้แต่ผมก็เลือก
ผมเลือกที่จะกดมันเอาไว้ ผมทำได้อยู่แล้ว

ผมกลับมาที่ห้อง เพื่อนผมชวนไปวิ่งคงไม่อยากทิ้งผมให้ซึมอยู่คนเดียว ผมตกลง ไปก็ดี ดีกว่าอยู่ที่ห้องแล้วฟุ้งซ่าน แต่ก็ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่
ผมวิ่ง วิ่ง วิ่งแต่วิ่งยังไง…ก็หนีความจริงไม่พ้น เตอร์จากผมไปแล้วผมหนีจากเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ วิ่งจนมืด
เหนื่อยหรือเปล่าผมไม่รู้สึก ผมยังคงเหมือนขาดสิ่งสำคัญในชีวิตไป เวลาไม่กี่เดือน แต่ผมก็รักเมทคนนี้มากกว่าใครได้

ในคืนนั้นเป็นคืนที่หลายคนคงประทับใจในความโรแมนติก และความสวยงาม เพราะคืนนั้นมีปรากฏการณ์ธรรมชาติคือฝนดาวตก
หนุ่มสาวหลายคู่คงไปนอนดูดาวด้วยกัน แต่คืนนี้ผมต้องอยู่คนเดียว เมทอีกสองคนไปดูข้างนอกกัน เหมือนจะนัดเพื่อนไว้
ใช่แล้วคืนนี้ผมอยู่คนเดียว ไม่มีเงาของเตอร์อยู่ในห้อง โต๊ะเตอร์ว่างเปล่า เตียงที่เตอร์เคยนอนแต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ผ้าห่ม ตู้เสื้อผ้าก็โล่ง ไม่มีอะไร
เหลือแต่ถุงใส่ของบางอย่าง นายสิทธิ์บอกจะเอาไปบริจาค ผมดับไฟในห้องให้สนิท ข่มตานอนก็ไม่หลับ นอนคิดไปเรื่อย
ผมไม่อยากคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดเป็นความจริง ผมไม่ได้เห็นเตอร์ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ผมไม่เห็นศพ
เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก ไม่มีหลักฐานที่ทำให้ผมเห็นว่าเตอร์ตายแล้ว เหมือนแค่คนๆหนึ่งหายไปจากห้องแบบที่ไม่เคยมีเขามาก่อน

“เตอร์ เราตัดผมแล้วนะ ทำไมเตอร์ไม่อยู่ดูเราล่ะ เราอุตส่าห์จะเซอร์ไพรซ์เตอร์นะ” ผมคิดในใจ
น้ำตาไหลร้องไห้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตลอดทั้งเย็นหลังรู้เรื่อง ผมไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว ผมนอนไม่หลับแน่ ผมออกไปที่ระเบียง
ที่ที่เราเคยยืนดูพระจันทร์ด้วยกัน แต่คืนนี้ไม่มีเตอร์ ไม่มีพระจันทร์ มีเพียงฟ้าที่มืดมิด และฝนดาวตก

จากคุณ : บาปนะ -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2006 00:34:39 โดย (ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว) »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เขาว่ากันว่าถ้าเห็นดาวตกและอธิษฐาน คำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง ผมขออะไรงั้นเหรอ แน่นอน ผมขอให้นี่คือฝัน เป็นเรื่องล้อเล่น
ขอให้พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเจอเตอร์ เตอร์จะยังมาคุยกับผม เราจะไปเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม ผมขอ ผมขออย่างนั้นจริงๆ
แม้จะรู้ว่าสุดท้ายมันคงเป็นไปไม่ได้….

ทำไมคนที่ผมรักที่สุดต้องมาจากผมไป ผมไม่มีโอกาสได้ดูใจเตอร์เลย ทำไมต้องเกิดขึ้นในวันที่ผมไม่อยู่ ถ้าผมอยู่มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้
ผมจะไม่ยอมให้เค้าไปแน่ในคืนนั้น และผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นห้องของผมเองเหรอ
ที่กลายเป็นตำนานอีกหน้าหนึ่งของหอพักแห่งนี้ ตำนานที่น่าเศร้าเหลือเกิน…
.
.
.

“ตายอีกแล้วเหรอ ห้องไหนวะ” ผมเห็นคนเดินผ่านป้ายประกาศแสดงความเสียใจ เขาอ่านแล้วพูดขึ้นเสียงดัง

ใจผมอยากเดินเข้าไปบอกว่าห้องผมนี่ล่ะ ห้องผมมีคนตาย คนที่ผมรักมากคนหนึ่งตายแล้ว มันเร็วเกินไปสำหรับผม ผมเพิ่งจะปีหนึ่งเอง
ผมต้องเห็นเพื่อนจากไปซะแล้ว มันยังไม่ใช่เวลาที่สมควรไม่ใช่หรือ สวรรค์ทำไมจึงพาเขาไปเร็วเช่นนี้

สำหรับเตอร์เพื่อนรัก รูมเมทที่ดีที่สุดของเรา เรารักนายมาก อาจเคยไม่พอใจนายในบางส่วน แต่เราก็เข้ากันได้ดี นายใจดี
ไม่เคยเห็นนายโกรธ เชื่อมั้ยบางครั้งเราเสียใจอะไรมา เรายังอยากจะมีเตอร์อยู่ข้างๆ เผื่อว่าเตอร์อาจจะปลอบเราได้
แม้ว่าเตอร์จะไม่เคยทำอย่างนั้น แต่เราเชื่อว่าหากวันนี้เตอร์ยังอยู่ เราคงจะสนิทกันมากถึงขั้นนั้นล่ะ
เตอร์จะเป็นเพื่อนที่เราอยากให้รับฟังเรื่องราว ให้เราระบาย และขอไหล่สำหรับพิงเพื่อซับน้ำตาบ้าง เตอร์เป็นคนอบอุ่น
เราเชื่อว่าเตอร์ช่วยเราได้ หลับให้สบายเถอะเพื่อนรัก เราจะไม่มีวันลืมเตอร์ เรื่องของเราจะไม่มีวันจางหายไปจากความทรงจำ
พระจันทร์ในคืนนั้นจะส่องแสงในใจเราเสมอ ชาติหน้ามีจริง เราอยากได้เตอร์เป็นเพื่อนอีก….
……….ลาก่อนเพื่อนรัก…………..จากเพื่อนที่รักนายมาก


Serenade for strings in C บรรเลงจบแล้วครับ หวังว่าบทเพลงนี้จะประทับใจใครบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผม
มันจะถูกบรรเลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดไป จนกว่าจะถึงวันนั้น…ขอบคุณทุกท่านที่ทนฟัง ทนชม ขอบคุณจริงๆครับ…

จากคุณ : บาปนะ - [ 27 ต.ค. 49 14:45:28



nu

  • บุคคลทั่วไป

nu

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: เรยืเขามาเป็นควานช้างให้กรูแล้วอ้ายภูมิ  มีคนสนับสนุนด้วย  55555555555555 :3063:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






cha-lor-rea

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ได้อ่านหน้าแรกๆเลย อยู่ๆก้ออ่านหน้า 8 เลย อยู่ๆก็ :e13:   :e9: เลย

nu

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: เรย์ครับภูมิทำร้ายจิตใจนุอีกแล้ว  มาเป็นควานให้นุนะครับ ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

radioactive

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ no-reply

  • เซียนเป็ด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-2
    • blog พันทิป
น้ำตาร่วงเลยครับ
เหงาและเศร้าจับใจ  :monkeysad2:
ผิดคอนเซ็ปอย่างแรงเลยครับที่เล่าได้เจ็บปวดแบบนี้
มาทำร้ายหัวใจอันบอบบางของป๋ม
ผมยิ่งอ่อนไหวอยู่ แงๆๆๆ  :monkeycry2:

ตอนแรกตลกขำๆ หวานน่าชัง แต่แล้ว.................

ต้องพูดคำนี้เป็นเรื่องที่ห้า
หลังจากเซ็งเป็ด,ลูกเป็ดขี้เหร่,ถ้าผมเป็นคนดีเหมือนเป็ด(naeo),ผมงงตัวเอง ผมรักผู้ชายได้ไง(เมืองทองซี7)


คงเป็นอย่างที่ลุงเลวเวินว่าไว้ ชีวิตที่เกิดมาของพวกเราจะมีสมหวังบ้างไหม  :impress3:

รอลุ้นคู่เฮ้อ(spider vergin) ต่อไป แต่คู่นี้น่าจะสมหวังเนอะ

เข้มแข็งไว้นะครับ คนน่ารักอย่างบาปนะ  :ped149:
สักวันต้องเจอคนที่เกิดมาคู่กันนะครับ

...
....
...
.
ผมคงไม่สามารถไปเป็นควานช้างได้หรอกครับ ขอแค่เป็นช้างเท้าหลังผมก็ดีจายแล้วครับ   :monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2006 23:12:44 โดย ปลายยอดไผ่ »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
อ่านะ.....คุณบลูนี่เสน่ห์แรงจิงๆ  :try2: เจอคนบอกรักทุกทู้เรย (ชักเริ่มอิจฉาแระนะ)
เอ้ามาอัพเรื่องกันต่อ....


อรุณสวัสดิ์ครับ นอนไม่ค่อยหลับไม่สบายอ่ะ ไอคอกไอแคกตอนใกล้รุ่ง
มาอบรมแบบเบลอๆ (แต่แอบเข้ากระทู้ได้หน้าตาเฉย) คุณหมึกขาเพลง
เพลงอะไรครับจะได้ร้องด้วย(แซวคนพิมพ์ผิด ฮ่าๆ)

มาเปลี่ยนโหมดมั่ง จะมาเล่าว่าในคืนนั้น คืนที่ผมอยู่คนเดียวโดยไร้เงาเตอร์น่ะ
มันมีเรื่องกุ๊กๆกู๋เกิดกับผมด้วย เหอๆ

ตอนนั้นกระสับกระส่าย คิดมากมายหลายเรื่อง เศร้าก็เศร้า แต่...ใจนึงก็คิด ถ้ามันมาหาจะเอาไงดี
คิดถึงมันนะ แต่คนกลัวผีมาตั้งแต่เด็กอย่างผม ถ้ามันมาจริงคงได้ตามมันไปด้วยแหงม คงช็อคคาห้องไปเลย
ความคิดตีกันพัลวัน จะกลัวหรือจะกล้า (เพราะงี้อ่ะดิ มรึงถึงนอนไม่หลับ)
สุดท้ายหลังจากต่อสู้ทางความคิดอยู่นานผมก็หลับไป...

...อืม...เสียงอะไรน่ะ...เสียงดัง วี้....เหมือนกับทีวีที่สัญญาณหลุด หน้าจอเป็นสีๆในแนวตั้ง
อืม...ดังนานจัง...โอ๊ะ ทำไมขยับตัวลำบาก แปลกๆแฮะ เกิดอะไรขึ้นฟะ สักพักรู้สึกเหมือนตัวเบาเป็นปุยนุ่น
ลอยขึ้น ลอยขึ้น แล้วก็หนักอึ้ง ตกลงมา สลับอยู่อย่างนี้ไป โอ้ว...หรือว่า...มันจะมา...

และแล้วก็รุ่งเช้า ผมลืมตาขึ้น ลุกมานั่ง มองไปรอบๆ นายสิทธิ์และไอ้พลกลับมาแล้ว กลับมาซักที ทิ้งกรูไว้คนเดียว
ผมมองไปที่เตียงเตอร์...อืม มันเป็นเรื่องจริงนะ อธิษฐานกับดาวตกแล้วสมหวังอะไรกัน โกหกทั้งเพ
(อย่าไปเชื่อการ์ตูนญี่ปุ่นนะครับ ลองแล้วโดยบาปนะ)ขนาดตกเป็นอหิวาฯฝนแบบนี้ยังไม่จริงเลยครับทุกท่าน

เฮ้อ...คิดถึงมันเหมือนกัน ใกล้ถึงวันครบรอบที่มันไปแล้ว คงต้องเตรียมทำบุญถึงซักหน่อย
แล้วก็จะเข้าสู่โหมดหวานๆของกระทู้ตามเดิมแล้วนะจ้ะ ใครมีห้ามซุกไว้ ไม่งั้นจะขาเพลง โอ๊ะ แพลงเหมือนคุณหมึก ฮ่าๆๆ

จากคุณ : บาปนะ - [ 28 ต.ค. 49 09:58:12

abcd

  • บุคคลทั่วไป
หวัดดีฮับคุณซันนี่ (ยูโฟว์ ด้วยป่ะเนี่ย)  อิจฉาคนตื่นสายจิงวุ้ย  เอิ๊กๆ

ยอมรับว่าเริ่มหมดมุกครับ พยามยามจะขุดมาต่อ แต่บางเรื่องมันก็ไม่มีไร  บางเรื่องก็ยาวเกิน

มาเล่าตอนวันเกิดละกัน

"หมึก พ่อบอกว่าหมึกลืมหมวกไว้บนรถง่ะ  ของหมึกใช่ปะ"  มิวถามผมวันนึง
"เออ ใช่ เอามาคืนดิ"

"วันนี้ไม่ได้เอามา เอาไปซักอยู่" 
"งั้นไม่เอาล่ะ ซื้อให้ใหม่ละกัน   เป็นของขวัญวันเกิดง่ะ นะ นะ "  ผมพยายามปูทางเอาของขวัญ

"งั้นก็ได้" ผมงงแต๊กเลย ผมคิดว่ามันต้องถามว่าวันไหนเหรอแน่ๆ  แต่นี่ไม่มีการถามว่าวันไหน  มันรู้วันเกิดผมได้ไง  หรือว่ามันแอบทำเนียนว่ะ  เอ๊าเนียนก็เนียน คอยดูว่ามันจะไปสืบยังงัย

พอเข้าเที่ยงคืนเข้าวันเกิดปุ๊บ  มันส่ง sms มาทันที

ผมก็ส่งกลับทันที  "เมาแล้วเนี่ย มารับหน่อย" 555 ผมป่าวไปฉลองวันเกิดนะครับ อันนั้นไม่ใช่นิสัยผม

เผอิญเพื่อนมันชวนพอดี  ซึ่งไอ้พวกนนี้ก็ไม่รู้ด้วยว่าเป้นวันเกิด

แป๊บเดียวโทรกลับมาล่ะ  กว่าผมจะแหวกฝูงชนหาที่เงียบๆ(กว่าเดิม)มาคุยกะมันได้เล่นเอาเหงื่อตก

"ไง เมาแล้วเหรอ" มันทัก
"อืม ขอบใจนะ แล้วนี่ทำไมยังไม่นอนเนี่ย" ที่จริงก็กรึ่มแค่นั้นเอง กินไปไม่เยอะเท่าไหร่

"ก็รอเที่ยงคืนอยู่ นี่เด๋ยวก็กะว่าจะนอนล่ะ"   ซึ้งจริงๆ ปกติมันนอนเร็วครับไอ่นี่  ตกลงมันรู้วันเกิดเราเจงแฮะ

"แล้วรู้วันเกิดหมึกได้ไง" ทนไม่ไหวต้องถาม  เพราะตอนที่ผมยังไม่รู้จักกับมันเนี่ย มันก็รู้จักชื่อผมก่อนด้วย  ทั้งๆที่ผมยังงงอยู่ว่าไอ่นี่คือใครว่ะ  ทำไมรู้จักชื่อตูด้วย

"ก็เคยบอกมาในเมลง่ะ ก็เห็นว่าเกิดวันเดียวกัน ก็เลยจำได้"
"วันเดียวกั๊น" ผมงงครับ   "วันเดียวกันแต่คนละเดือน" มันอธิบาย

โล่งอกไป นึกว่าผมจะกลายเป็นคนเลวให้มันอวยพรฝ่ายเดียวซะอีก  ก็เลยทำเนียนเหมือนว่ากรูก็รู้นะว่าเมิงเกิดวันไหน   แล้วค่อยไปตามสืบอีกที

จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 28 ต.ค. 49 12:40:18 ] 
   
 
 
 


abcd

  • บุคคลทั่วไป
อีกวันมันก็ไปซื้อหาซื้อหมวกดตามสัญญา

แต่มันก็พาผมไปด้วย จะได้เลือกให้มันถูกใจไปเลย

ระหว่างเลือกอยู่  "งั้นหมวกอันเก่า มิวขอนะ"
"จะเอาไปทำไม เก่าจะตายอยู่แล้ว" ผมก็สงสัย มันโทรมมากเลยนะครับ

"นะ นะ นะ"  มันพูดสามคำนี้ทีไรผมไม่เคยปฏิเสธมันได้สักครั้ง   "เอาไปดิ  ไม่คุ้มกับอันใหม่นี่หรอกนะ ฮะฮ่า"

"อืม" แล้วก็ยิ้มแบบดีใจ  ผมล่ะโครตงง จะดีใจไรหนักนาเนี่ย

ก็เดินหาหมวกกันอยู่นาน   อันนี้ไม่สวย  อันนี้ก็แพงไป(มันบ่น)  อันนี้ถูกไป(ผมบ่น)  เอิ๊กๆ

ตกลงได้หมวกแก๊ปสีน้ำเงินเข้ม ของ le coq มาอันนึง

ผมก็ถือไปจ่ายตังค์ พอพนักงานมองหาเงิน  ผมก็ได้แต่มองหน้ามันบ้องแบ๊ว ยิ้มๆ (ไม่ได้เหมาะกะตัวเองเล๊ย)

"มีบริการห่อของขวัญมั้ยครับ"  มันถาม
"เพื่อ??"   ผมย้อนมัน  มันก็ยิ้มๆ ก็เลยรู้ว่ามันถามแซวๆไปงั้นแหละ

พอพนักงานใส่ถุงยื่นมาให้  ผมก็กำลังจะรับ  "เอามานี่ก่อน" มันตัดหน้าไปรับอย่างรวดเร็ว จนผมกับพนักงานงง

หันไปมองหน้ามันด้วยความงง อะไรของมันเนี่ย ก็ซื้อให้ตูไม่ใช่เหรอว่ะ

"สุขสันต์วันเกิดครับ"  แล้วมันก็ยื่นถุงมาให้"ของขวัญจากเรา ต้องรับจากมือเราดิ" มันอธิบายครับ 

อืม....เข้าใจล่ะ   ผมยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว ดีใจจังของขวัญชิ้นแรกของปีนี้เลยนะนั่น

ได้ปุ๊บแกะห่อถุงทันที  "ใส่เลยนะ" ผมบอกมัน

"ไอ่เบอร์ห้า"  (บ้าเห่อ)  มันแซวแล้วพูดต่อ "เอามานี่"

ง่ะ มันแย่งของขวัญไปอีกแล้วง่ะ  ผมก็ได้แต่งมองมันดึงป้ายราคาออก

เราหันหน้าเข้าหากัน มันใส่หมวกให้ผม  ปรับให้พอดีหัว

"อืม หล่อล่ะ"  มันพูด

ผมพูดไรไม่ออกเลยล่ะครับ

จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 28 ต.ค. 49 12:57:35 ]

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ฮิ้ว....ด้วย น่ารักจริงๆน้า...คุณหมึก

ทีเราไม่เห็นมีใครทำแบบนี้เลย ลืมกันซะงั้น จะทวงของขวัญก็ไม่ได้ ทีวันเกิดไอ้พวกลิงนั่นผมจำได้หมดล่ะ


เมื่อวันก่อนนู้น ผมไปกินข้าวกะเพื่อนๆ คือผมมักจะอยู่ใกล้ๆกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง
เพราะในกลุ่มก็มีผู้ชายอยู่แค่นี้ นั่งก็ติดกัน ไปไหนก็มักอยู่ข้างกัน(โดนแซวด้วยว่าทำบุญร่วมกัน)

วันนั้นเหล่าเพื่อนและพี่ที่ปากไม่สุขก็แซวเราสองคน "อุ๊ย นั่งข้างกัน" น้ำเสียงจะมีจริตนิดๆ
พอกินกันไปเรื่อยๆ "เดี๋ยวก็ตักข้าวให้กันสิ" แน่ะยังแซวไม่เลิก
พอกินๆๆๆไปบังเอิญปากผมเลอะ ก็เลยบอกมันให้หยิบทิชชู่
"ตอง หยิบทิชชู่ให้ดิ๊" ผมสั่งมัน
มันก็ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบ แล้วก็หันมาหาผม
"เช็ดให้ด้วยมั้ย" มันถามแบบนิ่งๆ reflect แบบอัตโนมัติของผมครับ ตอบเสียงหลงเลย
"ไม่ต้อง" เกือบเป็นตวาดด้วยซ้ำ บ้าดิ ใครจะให้เช็ดปากให้ มันก็ตอบแบบเรียบๆอีก
"อ๋อ กลัวคนเข้าใจผิด" แล้วถ้ามรึงเช็ดปากกรู คนเขาจะคิดยังไงล่ะวะ

สุดท้ายตอนกินเสร็จ มันแซวเรื่องซากอาหารที่อยู่ในจานผม "ดูสิ ใครกินมากที่สุด"
ผมยังไม่ทันตอบ แต่เหล่าผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการกลับสวนขึ้นมาก่อน
"หืม ดูจานให้กันด้วยเลยนะ สนใจกันดีเชียวนะ" โอ๊ย อะไรกันนักกันหนา อย่าแซวขอร้อง...

จากคุณ : บาปนะ - [ 28 ต.ค. 49 13:19:45

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ซันครับ  ยังจำไอ่มิวได้มั้ย ขนาดสปายมันยังเมาอะครับ มันคงจะมาหรอกนะ ไอ้เด็กดี
K Potter ปีนี้เรามาแลกของขวัญกันดีกว่า  เอามั้ยๆ


ตอนแรกกะซื้อของแพงๆให้ซะหน่อย พอถามว่าหกสิบรึยัง  อดไปเลยนะ

มีอุทาหรณ์(แบบขำๆ)เกี่ยวกับอายุมาเล่าให้ฟัง

เพื่อนมันไปซื้อลูกชิ้นทอดหน้ามหาลัย

"ลุงๆ เอาลุกชิ้นยี่สิบ"

"เรียกลุง เรียกหมา ดีกว่ามั้ยน้อง..."

เพื่อนผมเอ๋อแดกไปเลย

ฮ่า ฮ่า  ลุงเค้าล้อเล่นนะครับ  แต่หน้าเค้าจริงจังไปหน่อย
แต่ทึ่งในความสามารถของลุง เฮ้ย พี่ เค้านะครับ ขายของยังอุตสาห์อำลูกค้าอีก
แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 49 13:23:41

จากคุณ : หมึกตะนอย  - [ 28 ต.ค. 49 13:21:23 ]

abcd

  • บุคคลทั่วไป
เหอ เริ่มโหมดหวานแระ

อะดัมเคยเล่นแต่มุขปามานว่า

--เอามือไปลูบพุงเพื่อน แบบว่า พุงมันใหญ่หน่อยอ่ะ
"อืมม  ลูกเราจะตั้งชื่อว่าไงดีนะ"

อิ อิ พุงมันน่ารักจริง ๆ

จากคุณ : DekChaiDam

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด