ก่อนอื่น .. :กอด1:ขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่านที่เป็นห่วง ไรเตอร์+โคไรเตอร์ ตอนนี้สุขภาพกายใจ หายดีแล้วค่ะ!!
แม้จะดราม่าไปบ้าง แต่ก็อย่าได้เสียเวลาเลย เรามาต่อกันเถอะ!!

++++++++++++++++++
หลังจากที่ คืนดีกับจิ๊บในคราวนั้นแล้ว ก้องภพดูจะมีความสุขมากขึ้นกับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับจิ๊บ แต่กระนั้นแล้วก็ยังดูเหมือนว่าจะยังมีอะไรค้างคาใจชายหนุ่มร่างสูงอยู่ ทุกครั้งที่นั่งทานกาแฟอยู่หน้าทีวี หรือบางครั้งแม้ต่อหน้าจิ๊บ ก้องภพจะทอดถอนหายใจด้วยสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวด
บ่อยครั้งเข้าร่างสูงเองก็นึกเกรงใจจิ๊บอยู่ไม่น้อยและเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี
...บางที เขาควรจะหยุดมันลงให้ได้เสียที...
...มินจะว่าอะไรไหม ถ้าพี่จะก้าวต่อไปเสียที...
บ่ายของวันรุ่งขึ้นเขาไปที่ร้านกาแฟ ด้วยรู้ดีว่าวันนั้นจิ๊บจะไม่ไปทำงานเพราะคิดสอบกลางภาค
และคนที่เขาต้องการพบก็กำลังง่วนอยู่กับการชงหาแฟที่เคาเตอร์ ร่างบางของรามินทร์กำลังยืนมองเข้าไปในครัว ตรงนั้นแมนกำลังเอาพายแอปเปิ้ลออกจากเตาอบ
"มิน...." ก้องภพเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของร้าน ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย อยากให้หันมาสบตาตัวเองอีกซักครั้ง
เสียงที่เรียกทำให้ไหล่บางสะดุ้ง เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันกลับมาตามเสียงเรียก
" พี่มาทำไม? "
"มาหามิน...พอจะว่างไปคุยกับพี่ได้ไหม" ก้องภพมองหน้าของอีกฝ่าย
"ถ้าพี่แมนเขาไม่ว่าอะไร "
รามินทร์สบตากับเชฟหนุ่มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาที่ก้องภพทันที
" พี่มาหาผมแล้วต้องขออนุญาตพี่แมนรึไง? "ว่าแล้วก็เดินนำหน้าชายหนุ่มร่างสูงไปยังหลังร้าน
" มีอะไร ? "คำถาม ห้วน สั้น ในขณะเดียวกันก็พยายามขยับตัวออกห่างก้องภพให้มากที่สุด
ก้องภพเดินตามอีกฝ่ายไป เขาหันมองซ้ายขวา มองดูให้ดีว่า น้อยไม่ได้อยู่แถวนั้นจึงเริ่มพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป
"มิน พี่รู้ว่ามันนานมากแล้ว แต่..... พี่อยากจะขอโทษมินนะ กับเรื่องที่พี่ทำลงไป "
มือแกร่งยื่นไปหามือเรียวของคนที่อยูตรงหน้า
แต่รามินทร์กลับถอยออกห่าง ดวงตาเรียวมองชายหนุ่มตรงหน้างราวกับเป็นสิ่งที่ไม่น่าเข้าใกล้
" สามปี................พี่เพิ่งจะมาพูดอะไรตอนนี้? "
ดวงตาเรียวมองเข้าไปในครัว ก่อนจะหันมามองใบหน้าคมอีกครั้ง
"...คนอย่างพี่น่ะ
ก็แค่อยากจะทำให้ตัวเองสบายใจสินะ "
เมื่อเห็นว่าก้องภพพูดอะไรไม่ออก ความเจ็บปวดในใจตอนนี้ของเขาก็ควรจะระบายออกเสียบ้าง และก็ควรจะเป็นก้องภพ ..
คนๆนี้ต้องเจ็บปวดไปตลอดนั่นแหละ ถึงจะสาสมกับที่ทำกับเขา เพราะฉะนั้น ...
" อยากจะมีความสุขกับเด็กนั่นใช่มั๊ยล่ะ?! ไม่มีทาง คนอย่างพี่รักใครดีๆไม่เป็นหรอก!!! ""มิน...." ก้องภพเอ่ยชื่อของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่น ทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดออกมา มันเป็นสิ่งที่เขายัดเยียดให้อีกฝ่ายรู้สึกเช่นนั้นเอง ทั้งๆที่ในคราวแรกที่เจอกัน รามินทร์เป็นคนที่ให้ความเชื่อใจเขามากขนาดนั้นแท้ๆ
"ตอนนั้น..ที่พี่ทำทุกอย่างไป เพราะพี่รักมิน..."
" รัก?... นั่นรักของพี่เหรอ? " รามินทร์ถามเสียงสูง
" ขังผม...มัดผม..ข่มขืนผม...แล้วยังรูปนั่น...หึ..อีกหน่อยเด็กนั่นก็ไม่ต่างจากผมหรอก "ดวงตารีแดงก่ำ มันยิ่งกว่าฝันร้ายเสียอีก
ภาพในวันนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ทุกวัน แต่สำหรับรามินทร์แล้วมันคงยิ่งหนักกว่าเป็นร้อยเท่า
"พี่......." ก้องภพพูดไม่ออก
"พี่ขอโทษ" แต่ก็ไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่าย เขาเคยนึกว่ามันจะง่ายกว่านี้แต่ก็ไม่ใช่
เขาเคยนึกว่าเขาจะพร้อมที่จะสบดวงตาที่มีแต่ความเกลียดชังนั้นได้ แต่เขาก็ทำไม่ได้
" กลับไปเลยนะ! มีความสุขนัก ก็กกกอดเด็กนั่นให้ดีๆล่ะ "ร่างบางเอ่ยเตือนน้ำเสียงกร้าว แล้วเดินผ่าหน้าอีกฝ่ายไป แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงตรงหน้าร้าน
" แต่ผมแนะนำว่า .. พี่น่าจะมัดเด็กนั่นเอาไว้กับเตียงด้วยนะ เขาจะได้ไม่หนีพี่ไปไหนอีกไง "ก้องภพรู้สึกได้ว่าในความฉุนเฉียวนั้นของรามินทร์...มีบางอย่างแอบแฝงอยู่ ตลอดเวลาที่ได้แต่จินตนาการว่าอีกฝ่ายจะพูดกับเขาอย่างไร เมื่อเขามาเพื่อเอ่ยคำพูดแบบนี้ แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาจะคิดว่ารามินทร์จะเอ่ยคำแบบนี้ออกมา มันดูไม่ใช่วิสัยของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ..ถึงแม้จะพูดว่ามันเป็นการพูดด้วยความเคียดแค้นชิงชังก็ตามที ชั่วระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันทำให้เขาเรียนรู้อีกฝ่ายได้มากขนาดนั้น
"พี่รู้ว่ามินโกรธพี่...แต่มิน...พี่รู้เหมือนกันนะว่า มันไม่ใช่แค่พี่คนเดียวหรอกที่ทำให้มินทร์ไม่พอใจอยู่ในตอนนี้...ไม่ว่ามินจะรับคำขอโทษของพี่ในวันนี้หรือเปล่า พี่ยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ พี่คงจะได้มาคุยกับมินอีกเรื่องนี้ จนกว่ามินทร์จะยอมฟังพี่ดีๆ ถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น ....มันอาจจะเป็นรักที่เห็นแก่ตัว เลวทรามสิ้นดี
แต่เมื่อถึงเวลาที่คนเรามันรักใครซักคนมากถึงขนาดที่อยากจะให้เขาอยู่ข้างๆเราตลอดไปแล้ว บางครั้งเมื่อมันหมดจนหนทางแล้ว คนเรามันก็ไม่เลือกนักหรอกนะ ว่าจะมีวิธีการไหนที่จะทำให้เขาอยู่กับเราได้บ้าง ...พี่รู้ว่าบางครั้งมันก็เป็นวิธีที่ผิด...ที่ทำให้เราเสียใจไปตลอด แต่ทั้งหมดแล้วมันก็เพราะว่ารัก....รักมากจนไม่อยากจะปล่อยไปนั่นล่ะ"
ก้องภพเอ่ย เขาเอื้อมมือไปใช้ปลายนิ้วเกี่ยวปลายนิ้วของชายหนุ่มร่างบาง เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะสะบัดมือหนี
"ขอโทษนะ...พี่คงพูดอะไรที่มินคงไม่อยากจะรับฟัง ไม่อยากจะเข้าใจ...คงไม่เข้าใจ ....เอาไว้ พี่จะมาคุยกับมินใหม่นะครับ"
ก้องภพดูยังคงใจเย็นแม้จะเห็นแล้วในใบหน้าและดวงตาของรามินทร์ว่า คงไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอีกต่อไป
" ปล่อยมินนะ "ร่างเล็กกว่าดึงมือตัวเองออก คำพูดของก้องภพแทงใจเขาจนตั้งรับไม่ถูก
"มิน..."ก้องภพเรียกชื่อของอีกฝ่าย ท่าทีนั้นยิ่งทำให้ปวดใจ
"พี่...จะปล่อยมินไปนะ" ว่าพลางดึงมือกลับ
"แต่พี่อยากจะขอฟังคำตอบจากมิน ว่ามินพร้อมจะยกโทษให้พี่หรือยัง อาจไม่ใช่วันนี้ .... จนกว่ามินจะพร้อมให้อะไรๆรอบตัวมินมัน...สงบกว่านี้ก่อนก็ได้ พี่จะรอนะครับ .."
หนุ่มร่างบางเดินหนีเข้าไปในครัวทันที แม้จะได้ยินในสิ่งที่ก้องภพพูด
.. เขาไม่อยากจะสนใจเรื่องของอีกฝ่ายกับเด็กคนนั้น และไม่ได้อิจฉา ไม่แม้แต่จะหึงหวง
แต่เขาไม่ยอมให้คนอย่างก้องภพไปมีความสุขง่ายๆหรอก ในเมื่อเขาเองก็ยังก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เหมือนกัน++++++++++++++++++
" มิน..คุณก้องเขาทำอะไรมินรึเปล่า? "
เชฟหนุ่มผิวเข้มถามอย่างเป็นห่วงเมื่อร่างบางเดินหนีเข้ามาในครัว
"เปล่านี่....ไม่ได้ทำอะไร " รามินทร์เอ่ยพลางมองไปที่หน้าร้าน เห็นร่างสูงเดินออกไปจากร้านแล้ว ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ เขารู้สึกแปลกๆข้างในใจ ...โกรธ...แค้น ...เจ็บ...เสียใจ
"ผมอยากจะสบายใจ..." รามินทร์กัดฟันแน่นก่อนจะหันไปหาร่างสูง
รามินทร์เหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะดันร่างสูงใหญ่ของแมนเข้าไปในห้องออฟฟิศที่อยู่ด้านหลังหวังว่าน้อยจะยังวุ่นอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถูที่หน้าร้าน
สองแขนโอบร่างของแมนเข้าหาตัว
" น้อยมันอยู่แถวนี้นะ.. "แมนเตือนทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ฟัง
"ขอผมอยู่แบบนี้....ซักแป๊บนึงนะ จะได้ไหม"
รามินทร์ไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่าย ใบหน้าสวยซุกหน้าเข้าหาไออุ่นจากแผ่นอกกว้าง...คำพูดของก้องภพจี้ใจดำของเขาเหลือเกิน แล้วตอนนี้ล่ะ เขา...กำลังทำอะไรอยู่ กับพี่ชายของเขาคนนี้
....ผมมันก็ไม่ได้ดีอะไรนักหรอก.... มือแกร่งกำแน่นอยู่ข้างตัวยกขึ้นหลายจะกอดเพื่อปลอบประโลม แต่ก็เป็นอีกครั้งที่แมนต้องกำมือคู่นั้นแน่น เพื่อหักห้ามใจเอาไว้ให้ได้ ... เขากลับไปเป็นพี่ชายที่คอยกอดปลอบโยนรามินทร์ไม่ได้อีกแล้ว..
++++++++++++++++++
ก้องภพเดินกลับมายังบ้านของตัวเองที่อยู่ท้ายซอย แม้ตะวันจะยังไม่ลับขอบฟ้าไปไหน แต่ใจก็นึกอยากจะดื่มของมึนเมาให้พอย้อมใจอยู่บ้าง มือแกร่งคว้าแก้วมารินวิสกี้ที่เก็บไว้ในชั้นในห้องครัว น้ำแข็งก้อนโตถูกคว้ามาจากในช่องฟรีซในตู้เย็น หย่อนลงไปในแก้วใสที่มีเครื่องดื่มสีอำพันนอนรอท่าอยู่ ไม่นานก็คงจะผสมเข้ากันจนได้ที่ ร่างสูงกระดกเหล้าเข้าปากไปอึกใหญ่ พลางถอนหายใจเมื่อทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเย็นเชียบของห้องครัว ดวงตาคมเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างที่เปิดออก...ได้ยินเสียงเจ้าเคนเพื่อนยากร้องครางดังแว่วอยู่ไกลๆ....บรรยากาศภายในบ้านเงียบ...จนอาจจะเรียกได้ว่าเงียบเกินไป ร่างสูงยิ้มเยาะให้กับการกระทำของตัวเอง สมองล่องลอยพลางนึกย้อนไปยังวันแรกที่เขาได้เจอกับรามินทร์ มันเป็นยามบ่ายที่อากาศร้อนจัดแบบนี้เหมือนกัน
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
เขากำลังขนเอกสารที่ทั้งถ่ายเอกสารมาและเพิ่งไปยืมมาจากห้องสมุดมาลงใส่หลังรถ เขาเพิ่งเข้ามาพบอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องวิทยานิพนธ์ที่กำลังเขียนและเจอคอมเม้นต์เข้าไปยกใหญ่ ชายหนุ่มเห็นเงาวูบไหวอยู่ที่หางตา เมื่อหันไปมองก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษายืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ตอนแรกไม่ได้นึกจะใส่ใจอะไรมากด้วยนึกว่าเป็นเด็กนักศึกษาที่บังเอิญเดินผ่านมาก็เท่านั้น แต่ทันใดนั้นเองก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เมื่อครู่กลับทรุดตัวลงมาคว้าเอากระโปรงท้ายรถคันข้างๆที่จอดอยู่เอาไว้พอดี
“เฮ้ย...น้อง! เป็นอะไรน่ะ!”
ร่างสูงปราดเข้าไปพยุงตัวเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้ เส้นผมสีดำสนิทชื้นเหงื่อลู่ลงกับแก้มที่มองดูไม่ค่อยมีสีเลือดต่างจากจำนวนเหงื่อที่ไหลออกมา เด็กหนุ่มหอบหายใจแรงจนน่ากลัว มือเรียวเล็กดูไร้เรี่ยวแรงนั่นค่อยๆปลดเนคไทลงพลางแกะกระดุมออกสองสามเม็ด ท่าทางเหมือนจะหายใจไม่ทัน
“ไหวป่ะน้อง ไปโรงพยาบาลไหม”
แทนที่เสียงตอบรับกลับได้ยินเสียงพ่นยาเข้าคอดังฟืด พร้อมกับใบหน้าซีดเซียวที่พยักหน้ารัวๆเหมือนจะไม่ไหวแล้วท่าทางแบบนั้นทำเอาสารถีจำเป็นถึงกับหน้าซีดก่อนรีบหันไปโยนเอกสารทั้งหมดใส่ท้ายรถ แล้วหันมาอุ้มเอาร่างผอมบางของคนที่หายใจแรงเข้าไปนั่งด้านใน ร่างสูงไม่รอช้าติดเครื่องรถยนต์เหยรยบคันเร่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเด็กหนุ่มคนนั้นก็แทบจะหมดสติไปแล้ว แต่ก้องภพก็ยังครองสติเอาไว้ได้ เขาดึงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาจากเด็กหนุ่มปริศนาคนนั้นเพื่อหาชื่อที่อยู่ที่น่าจะเอามาใช้ในการติดต่อญาติหรือใครให้มารับตัวกลับไปได้
“รามินทร์?...ชื่ออย่างกับเจ้าชายเชียว...”
ก้องภพอ่านชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นจากบัตรประชาชนที่ได้มาจากในกระเป๋าสตางค์ของเด็กหนุ่มแปลกหน้า แต่ยิ่งค้นไปในกระเป๋านั้นมีแต่บัตรโรงพยาบาลและบัตรที่บอกถึงอาการแพ้ต่างๆที่เจ้าตัวมีรวมไปจนถึงสถานที่ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
“เจ้าชายขี้โรคซิ่นะ...”
ก้องภพส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องพักฟื้นตามที่ได้ยินเสียงพยาบาลเอ่ยเรียกให้เข้าไปดูเนื่องจากคนไข้ฟื้นแล้ว เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นเด็กหนุ่มที่ชื่อตามบัตรประชาชนเหมือนเจ้าชายอย่างที่เขาว่านั้น นอนหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้วรูปร่างหน้าตานั้นก็เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาผิวพรรณดีอยู่ไม่น้อย ผิวขาวจัดกับริมฝีปากสีระเรื่อ ดวงตาดูมีแววดื้อรั้นเย่อหยิ่งอยู่ในที
“เอ้าน้อง...กระเป๋าสตางค์” ว่าพลางทำท่าจะยื่นคืนให้ แต่ก็ชักมือกลับก่อนที่รามินทร์จะฉวยไปได้
“เอ๊ะ เอามานะ นั่นกระเป๋าตังค์ผม” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงท่าทางไม่พอใจเท่าไรนัก
“นี่พี่ช่วยเรามานะ...จะขอบคุณซักคำนี่ไม่มีเลยเหรอ” ชายหนุ่มว่า ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง เจ้าของกระเป๋าสตางค์ทำปากเบ้เล็กน้อยก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้
“ขอบคุณครับ...ขอกระเป๋าสตางค์ผมคืนด้วยครับ”
“เท่านั่นล่ะ...ชื่อรามินทร์ใช่ไหมเรา...เป็นแบบนี้บ่อยเหรอ อยู่ๆก็เป็นลมล้มตึงเนี่ย” ก้องภพถามพลางส่งกระเป๋าสตางค์คืนให้อีกฝ่าย
“เห็นบัตรโรงพยาบาล บัตรโน่นนี่เยอะไปหมด”
“กระเป๋าผมก็ค้นไปแล้ว ยังต้องถามอีกเหรอครับ..ผมโดนจับสอบสวนหรือไง” คนป่วยเบือนใบหน้าที่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างไปอีกทาง ท่าทางเหมือนจะไม่อยากพูดคุยกับเขาเท่าไรทำให้ก้องภพขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใครไปจับเรากัน...นี่ถามดีๆหรอกนะ...แล้วนี่โทรบอกที่บ้านหรือยังล่ะว่ามาโรงพยาบาล” ชายหนุ่มถามทั้งๆที่เห็นอยู่ชัดๆว่าในมือของอีกฝ่ายนั้นมีโทรศัพท์อยู่คงเพิ่งจะโทรไปหาที่บ้านเป็นแน่
“โทรแล้ว...ขอบคุณมาก” รามินทร์ตอบกลับห้วนๆไม่ได้หันไปมองหน้าของอีกฝ่ายแต่อย่างใด เหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรด้วยซ้ำ ท่าทางแบบนั้นทำให้ก้องภพอดรู้สึกขำไม่ได้
....ทำตัวเป็นเจ้าชายเสียจริงนะ...
ร่างสูงนั่งลงตรงขอบเตียงคนไข้เข้าประชิดตัวเด็กหนุ่มทันที แขนข้างหนึ่งวางล้อมกรอบเด็กหนุ่มเอาไว้ในขณะที่อีกข้างก็จับปลายคางมนนั่นให้หันมาหาตัวเอง ระยะห่างนั้นมีไม่มากเท่าไรนัก
“จะทำอะไร....” รามินทร์ยังไม่ทันจะได้โวยอะไรก็ต้องเงียบเมื่อหันกลับมาเจอดวงตาคมของนักศึกษาปริญญาโทที่อุตส่าห์พาเขามาที่โรงพยาบาล
“คนเขาพูดด้วย ก็ต้องหันมาสบตาซิ่ ไม่ใช่เบือนหน้าหนี ไม่มีมารยาทเลยคุณหนู...”
“ใครเป็นคุณหนูกัน ปล่อย...” รามินทร์สะบัดหน้าออก บางอย่างในแววตาของคนตรงหน้ากับระยะที่อยู่ๆก็ประชิดเข้ามาทำให้ใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ก็ทำตัวเหมือนคนอื่นเขาต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองนี่นา...ไม่ให้เรียกคุณหนูจะให้เรียกว่าอย่างอื่นได้เหรอ...”ก้องภพยิ้มเมื่อเจอแววตาของอีกฝ่ายที่มองมาอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก
“นั่นล่ะ มองหน้าแล้วก็พูดมา... แบบนี้น่ารักกว่าตั้งเยอะ” มือแกร่งของร่างสูงแตะเบาๆที่ข้างแก้มของเด็กหนุ่ม ไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำของตนเองนั้นทำให้คนป่วยรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน
“เฮ้ย จะทำอะไรน้องกูวะ “ เสียงห้าวดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชาก เสียจนก้องภพเซไปอีกทาง
“อะไรวะ!” เมื่อตั้งสติได้ก้องภพก็แทบจะพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายเหมือนกัน แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ด้วยอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ไม่ใช่เล่น แถมยังมีมากันสองคนอีกต่างหาก
“โอเค....พวกคุณเป็นใครครับ” ถึงจะถามไปแบบนั้นกลับรู้สึกคุ้นหน้าชายหนุ่มที่สวมเสื้อโปโลสีแดงที่กำลังดกรธหน้าดำหน้าแดงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
.....เหมือนเคยเจอที่ไหนวะ.....
แต่ถึงแม้จะสงสัยแต่ก้องภพก็เลือกที่จะรอคำตอบจากอีกฝ่ายมากกว่า
“กูสิต้องถามว่ามึงเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในห้องน้องกูเนี่ย” ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตามีเชื้อสายจีนแต่ดวงตาคมเข้มขู่คำรามด้วยเสียงดัง
“น้อง?...” ก้องภพหันไปมองคนป่วยที่ดูจะได้รับการเอาใจใส่จากชายร่างใหญ่ผิวคล้ำแดดที่มาด้วยกันอีกคน
“เขาเป็นน้องชายของพวกคุณเหรอ” ก้องภพถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตาเพราะมีเพียงแค่สีผิวเท่านั้นที่เหมือนกัน บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามนั้นแตกต่างอย่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เออ น้องกูเอง มันเพิ่งโทรไปบอกให้กูมารับ แล้วมึงอ่ะ เป็นใคร...อย่าให้กูถามรอบที่สามนะเว้ย”
“พี่แมกซ์...เสียงเบาๆหน่อยซิ่” เสียงคนป่วยเอ่ย ท่าทางลำบากใจไม่น้อยกับท่าทีของพี่ชาย
“ผมชื่อก้องภพ เรียน ป.โท ที่มหาลัยเดียวกันกับน้องคุณนั่นล่ะ...อยู่ๆเขาก็มาล้มตรงหน้า ผมก็เลยพามาส่งโรงพยาบาล” ก้องภพอธิบายสั้นๆพอจะได้ใจความ
“ไม่ใช่มึงคิดจะอุ้มน้องกูนะเว้ย”
“เฮ้ย คุณแบบนี้ผมฟ้องหมิ่นประมาทได้นะ...โธ่เอ้ย รู้แบบนี้ไม่ช่วยอุ้มมาจนถึงนี่หรอก” ก้องภพว่ารู้สึกไม่ค่อยจะถูกชะตากับคนที่ถูกเรียกว่า “พี่แมกซ์” นี่ซักเท่าไรนัก
“อยากฟ้องก็ไปฟ้องเลยไป...มินมันไม่ได้ทำอะไรแกใช่ไหม...แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนั้นเป็นไข้รึไง...”
“หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก พักให้น้ำเกลือเช็คปอดดูเรื่องหอบหืดอีกหน่อยก็คงกลับบ้านได้แล้วล่ะ ถ้ายังไงผมขอตัว...หมดธุระของผมแล้ว”
ก้องภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาคมหันไปมองคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเล็กน้อย ด้านหนึ่งมีพี่ชายหน้ายักษ์อีกด้านหนึ่งของเตียงก็มีพี่ชายตัวเท่ายักษ์ยืนขนาบเป็นยักษ์วันโพธิ์วัดแจ้งขนาดนี้คงไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยจึงเดินออกมาจากห้องคนป่วยโดยที่สองขาก็พาเดินไปที่แผนกการเงินด้วยไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจเขาแค่รู้สึกอยากจะจัดการเป็นธุระให้จนเสร็จสิ้นกระบวนความก็เท่านั้น
ใครจะไปคิดกันเล่าว่าเรื่องราววุ่นๆในบ่ายวันหนึ่งของก้องภพนั่นเองที่จะเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด...
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+