นับตั้งแต่วันที่จิ๊บหายตัวไป ก้องภพรู้สึกได้ถึงความเคว้งคว้างของหัวใจ เขาไม่มีหลักใดให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้วเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เป็นมาตั้งแต่ต้น และในท้ายที่สุดคนที่ต้องเจ็บปวดกับการกระทำของเขามากที่สุดกลับต้องมาเป็นจิ๊บ เด็กหนุ่มคงจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำ มันไม่จำเป็นจะต้องมีคำอธิบายอื่นใด นอกจากคำว่าเสียใจ
รู้มาจากเชฟของที่ร้านว่าอีกฝ่ายคงจะกลับไปที่เชียงใหม่ แม้จะอยากนั่งเครื่องบินไปหา ณ วินาทีนั้น เดี๋ยวนั้น แต่เขากลับทำไม่ได้ สิ่งที่ตัวเองทำคงจะยิ่งกว่าคำว่าเห็นแก่ตัว หากจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้คิดว่าจะ ทำใจ รับได้ไหมกับอดีตที่ไม่ต่างอะไรกับพวกวิปริตวิตรถารที่แม้แต่ตัวตนของเขาเองก็อยากที่จะลืมเลือนลบมันทิ้งออกไปให้พ้นจากความทรงจำ
และตัวเขาเองก็คงต้องการเวลาเช่นกัน กับการที่จะพยายามฝังกลบอดีตที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาจนจิตใจไม่เป็นชิ้นดีนี้ให้ลึกที่สุดลงไปในก้นบึ้งของจิตใจ เพราะหากเส้นทางเบื้องหน้ายังคงเป็นหลุมลึกแล้วก็คงไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้ และหากยังจะดึงดันไม่ยอมเลิกราก็คงไม่ต่างอะไรกับสัตว์โง่ๆที่ติดกับตกลงไปในวังวนที่ดีแต่จะทำให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ่ำเล่าอยู่เช่นนั้น
ประกอบกับตารางงานทางธุรกิจที่ได้กำหนดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนก็กระชั้นเข้ามา ทำให้ก้องภพไม่มีทางเลือกอื่น
++++++++++++++
ชายหนุ่มวิ่งวุ่นอยู่ระหว่างการทำเอกสารเรื่องการเดินทางของตนเองไปยังอเมริกา และเอกสารในการจัดส่งผลงานศิลปะของตนไปยังสถานที่จัดแสดง งานครั้งนี้ดูจะเป็นงานใหญ่อยู่ไม่น้อย และยุ่งยากในเรื่องของการขนส่ง เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นผลงานภาพวาด และมีบางส่วนที่เป็นเครื่องปั้นที่จะเอาไปเสนอขายให้กับเพื่อนของเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน การจัดส่งของดูท่าจะไม่เป็นปัญหา ชายหนุ่มจัดเรียง ของเอาไว้รอให้พนักงานบริษัทรับส่งของมารับของไป ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระสำคัญ ที่จะต้องทำเช่นกัน
ร่างสูงเดินออกจากบ้านไปยังร้านขายกาแฟที่อยู่หน้าปากซอยทันที ดูจากวันเวลาแล้ว น่าจะยังพอมีเวลาเหลือให้ คนๆนั้น จัดการธุระในส่วนของตัวเองได้เช่นกัน
++++++++++++++
"พี่แมน...ผมขอคุยด้วยซักนิดจะได้ไหมครับ" แม้จะแปลกใจที่วันนี้แขกในร้านดูบางตา กว่าทุกครั้ง แต่เหตุผลก็คงจะรู้กันดีอยู่ เพียงแค่อาหารอร่อยๆ นั้นคงไม่อาจเรียกลูกค้าที่บางคนก็มาเพียงเพราะแค่อยากเติมพลังให้สดชื่นกับกาแฟดีๆซักแก้วได้
"อ้อ..ได้สิครับ คุณก้อง " เชฟหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตา ใบหน้าคมบัดนี้ดูหม่นหมอง ขอบตาคล้ำจากการอดนอนเพราะความเครียด แมนหันไปบอกเจ้าน้อย เด็กในร้านที่เหลือเพียงคนเดียว ก่อนจะเดินออกจากครัว
" เชิญครับ "เขาเดินนำก้องภพไปยังด้านหลังของร้าน
" มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ? "เขาถามเมื่อก้องภพนั่งลงยังม้าหินอ่อนด้านหลังเก้าอี้ตัวนั้น ที่จิ๊บมักจะนั่งอ่านหนังสือเสมอ
ก้องภพมองใบหน้าของเชฟร่างสูงใหญ่ ก่อนจะนั่งลงที่ม้าหินอ่อน ภาพที่คุ้นชินในอดีตเปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้ และเขาทำได้เพียงแค่รอให้เวลาที่เหมาะสมมาถึงเท่านั้น
"ผมมาวันนี้ เพราะเรื่องของมินครับ" ก้องภพเอ่ยขึ้น ดวงตาคมมองใบหน้าของอีกฝ่าย
"ผมรู้ว่า พี่คงโกรธเกลียดผมมาก...กับเรื่องที่ผมเคยทำเอาไว้....แต่ ณ วันนี้มันไม่ใช่เรื่องของผมกับเขาแล้ว ผมเลยอยากจะมาบอกพี่ว่า เขากำลังจะไปอเมริกา"
...ไปอเมริกา... คำพูดของศิลปินหนุ่มทำให้กตัญญุต้องหันไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายทันที
" อะไรนะครับ? "
"มินเขาบอกกับผมว่าเขากำลังจะไปอเมริกา..."ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าแมนตกใจไม่น้อย
" มันคงดีสำหรับเขาแล้วล่ะครับ "
ไหล่ที่เคยตั้งตรงของแมน ห่อลงเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่ฝืนยืนอยู่มันกำลังลดลงไปเรื่อยๆ
" มันก็เหมือนเมื่อสามปีก่อน .. อีกไม่กี่ปี มินก็กลับมาแล้วล่ะครับ "
"แต่จะกี่ปี...คนที่รอก็ต้องเจ็บปวดเสมอไม่ใช่รึไงครับ...ไม่ใช่พี่เท่านั้นที่รอเขา มินเองเขาก็รอพี่อยู่เหมือนกัน" ก้องภพเห็นท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่ายแล้วใจหาย แมนในสายตาของเขาเคยเป็นคนมั่นคงในทุกอย่าง มั่นใจ และ คิดบวก อารมณ์ดีได้กับทุกเรื่อง เป็นที่พึ่งของรามินทร์ได้เสมอ
เพราะเป็นแบบนี้ หลังจากที่เรื่องของเขากับรามินทร์เกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดแค่ไหนกับรามินทร์เขาก็ไม่เคย ห่วงเลยว่า รามินทร์จะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไร ก็ยังจะมีผู้ชายคนนี้อยู่กับรามินทร์ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้รามินทร์ได้เสมอ
"ตั้งแต่ผมรู้จักมินมา...ผมรู้ว่าเขาขาดผมได้...แต่ผมรู้ว่าเขาขาดพี่ไม่ได้...พี่แมนครับ พี่จะปล่อยให้เขารอพี่เหรอครับ...ผมแค่อยากจะบอกพี่ว่าให้พี่ไปอเมริกากับผม...ถึงเราจะออกตัวช้ากันไปหน่อย แต่...ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอครับ"
" คุณก้องครับ ... มินเขาไม่ได้รักผมแบบนั้นหรอกครับ ถึงเราจะเกินเลยกันไปบ้าง แต่สถานภาพของผมกับเขาเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ ... "กตัญญุถอนหายใจเฮือกใหญ่
ก้องภพประสานมือเข้าหากันบนโต๊ะ ดวงตามองปลายนิ้วที่ขยับไปมาของตัวเอง
"พี่แมนครับ...ตัวผมน่ะ โดยพื้นฐาน ผมจะคิดว่าตัวเองผิด...อยู่ตลอดมันทำให้ผมไม่กล้าจะรักใครอีกเพราะกลัวจะทำผิดซ้ำๆ แต่พอเจอจิ๊บ...เขาไม่เหมือนใคร และผมรักเขาที่เป็นเด็กแบบนั้น..."ก้องภพเอ่ยออกมาตามตรง
"มันอาจจะดูไม่เกี่ยวกันนัก แต่ตัวรามินทร์เอง เขาไม่เคยอยากจะเป็นคนผิด เขาไม่ยอมหรอก พี่เองอยู่กับเขามานาน พี่ก็รู้ ว่ามินต้องหาเรื่องบ่ายเบี่ยงอยู่เรื่อย แต่คราวนี้ เขารับผิดนะครับ ผิดที่ตัดสินใจ ผิดที่ทำอะไรลงไป...เขายอมทำทุกอย่างแม้แต่สิ่งที่ตัวเองออกปากลั่นไปแล้วว่าเกลียดที่สุด เพื่อที่จะให้ได้มีพี่อยู่ข้างๆ เขาทำด้วยความ....สิ้นหนทาง...รามินทร์ที่จนตรอกกับการสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปแบบนั้นน่ะ ผมไม่เคยเห็นหรอกนะครับ...แต่สำหรับตัวผมแล้ว นั่นมันก็ใกล้เคียงกับคำว่า รัก มากเลยทีเดียว"
คำพูดของก้องภพทำให้แมนต้องนึกถึงคำพูดที่แสดงความไม่พอใจของรามินทร์คำนั้นได้ และมันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆตามมา ฝันร้ายที่พวกเขาทุกคนอยากจะลืม แต่ก็ไม่เคยลืมมันได้เลย
...ถือเสียว่าใช้หนี้ก็ได้...
"พี่แมนครับ.....พี่แมน....." เห็นท่าทางของอีกฝ่ายเงียบไปทำให้ ก้องภพ อดจะเป็นห่วงไม่ได้
" ผมเป็นคนทำร้ายเขาเอง.. "เสียงของชายหนุ่มแหบแห้ง
" เพราะศักดิ์ศรีบ้าๆของผม เพราะชื่อของผม...... "เขาเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าสีหม่นของเมืองหลวง ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเองเบาๆ
ก้องภพขยับถอยออกมาเล็กน้อย เขาปล่อยให้อีกฝ่าย และตัวเองอยู่ในความเงียบ
....ไม่ว่าใคร...ก็ต้องทำร้ายคนที่รักเข้าซักวัน....เราจะรู้ตัวช้าหรือเร็ว ก็เท่านั้นเอง....
"พี่มีพาสปอร์ตอยู่ใช่ไหม" อยู่ๆศิลปินหนุ่มก็โพล่งถามออกไปอย่างนั้น
" คุณก้อง? " แมนหันมามองหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ศิลปินหนุ่มคนนี้ คนที่เขาเคยคิดว่าไม่สามารถให้อภัยได้ในเรื่องรามินทร์เมื่อสามปีก่อน ต้องการจะทำอะไรกันแน่
"ผมอยากให้พี่ไปอเมริกา...ผมรู้ว่ามินอยู่ที่ไหน ผมอยากให้พี่ไปหาเขา...ถ้าเรารีบเดินเรื่องเอกสารตอนนี้ ต้นกุมภานี่พี่ก็จะได้ไปหามินแน่นอน..."
++++++++++++++
รถทัวร์สายเหนือคันสีฟ้า-ขาว ปรับอากาศพาจิ๊บกลับเชียงใหม่ทันทีหลังจากที่ลาออกจากร้าน และเก็บข้าวของที่จำเป็นเรียบร้อย กว่าสิบชั่วโมงที่ต้องเดินทางเพียงลำพัง เด็กหนุ่มหลับมาตลอดทาง แม้จะรู้สึกหนาว แต่ก็กลับอุ่นใจอย่างประกลาด เมื่อรู้ว่าปลายทางของเขาคือ "บ้าน"
จนเดินทางมาถึงสถานีขนส่งเชียงใหม่ ในเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ลมหนาวที่สัมผัสได้ เด็กหนุ่มสูดมันเข้าไปจนเต็มปอด..นี่สินะ ที่ๆเขาควรอยู่ ..
คิดแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปไหว้แม่ที่อุตส่าห์มารับทั้งๆที่โทรศัพท์นัดลุงคนงานของไร่มารับแล้วแท้ๆ
" จิ๊บกลับมาแล้วครับ แม่ " มือเรียวยกมือไหว้ผู้เป็นแม่อย่างนอบน้อม ก่อนจะชูถุงขนมโมจิใส้ถั่วกับไข่เค็มที่แวะซื้อตอนที่พักรถที่นครสวรรค์
" เอาโมจิมาฝากด้วยล่ะ "
"โธ่เอ้ย....." แม่สะอื้นออกมาเล็กน้อย เพราะไม่ได้เห็นหน้าลูกมานานเกือบปี
"ไป...งั้นเดี๋ยวกลับบ้านเอาโมจิไปฝากพ่อนะ" ว่าพลางก็เดินเข้าไปกอดลูกชายคนเดียวของตัวเอง
" แม่..หนาวอะ.. "เด็กหนุ่มกอดผู้เป็นแม่ แล้วซุกหน้าลงกับไหล่นั้น ซึมซับความอบอุ่นที่ไม่ได้รับมาเป็นปี ก่อนจะผละออก ..
" ปะ..งั้นกลับกัน เดี๋ยวจิ๊บขับรถเอง "ว่าแล้วก็จูงมือผู้เป็นแม่เดินกลับไปยังที่จอดรถ
++++++++++++++
กลางเดือนมกราคมแบบนี้ เป็นช่วงเวลาทองของกิจการทางบ้านเลยทีเดียว บ้านของเด็กหนุ่มอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร ต้องขับรถไปเกือบชั่วโมง จนกระทั่งเข้าเขตอำเภอสะเมิง .. แหล่งปลูกสตอเบอรี่แ่หล่งใหญ่ของไทย..
รถกะบะสี่ประตูสีดำที่มีสติกเกอร์ติดอยู่ที่กระจกหลังอยู่สองประโยค คือ " ไร่นันทิยา" และ " รถคันนี้สีส้ม " เลี้ยวเข้าไปยังสถานที่ตามสติกเกอร์ด้านหลัง
จากทางเข้า สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นเล็กๆเป็นเครือของสตอเบอรี่ที่ส่งกลิ่นหอมในยามค่ำคืนแบบนี้ รถกะบะคันนั้นขับไปตามถนนที่ลาดยางแอตฟัลติกเข้าไปยังตัวบ้านที่อยู่ด้านใน ถัดจากบ้านพักของคนงานสอง-สามหลัง
บ้านเจ้าของเป็นบ้านไม้แบบชั้นครึ่งที่ดีดตัวบ้านขึ้นเพื่อต่อเติมชั้นล่างด้วยปูนเพื่อทำห้องส่วนตัวให้ลูกชาย ตามแบบนิยมของบ้านแบบชาวเหนือในยุคปัจจุบัน
"กลับมาแล้วเรอะจิ๊บ ข้าวของมีแค่นี้หรือไง" เสียงทุ้มของผู้เป็นพ่อดังขึ้นที่หน้าประตูเมื่อเห็นลูกชายเดินถือกระเป๋าเข้ามา
" แค่นี้และพ่อ..อะ.. โมจิ ซื้อมาฝากครับ "
เขายื่นถุงใส่กล่องขนมโมจิถุงใหญ่ให้ผู้เป็นพ่อ " หอมกลิ่นสตอเบอรี่อะ .. ปีนี้ราคาดีไหมพ่อ? "
"ก็ดีๆ...กลับมาก็ดี ช่วงนี้ก็อยู่บ้านช่วยส่งของขนของดูคนไปก่อน แล้วเรื่องเรียนจะว่าไงก็ค่อยว่ากัน.....กรุงเทพทำแกดำไปเยอะนะเนี่ย" ว่าพลางก็เดินเข้ามาตบบ่าลูกชายเบาๆ
"ไปๆไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว เดี๋ยวจะได้นอน แม่เราตั้งตาคอยมาตั้งกะหัวค่ำบอกไม่ต้องไปรับเองก็ได้ก็ไม่เชื่อ "
" คร้าบบบ .. กลับมาบ้านเดี๋ยวก็ขาว หล่อเหมือนเดิมแหละ .. ไปนะพ่อ อาบน้ำนอนละ อย่างเหนื่อยเลย "
ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องนอนด้านล่างที่ ดูเหมือนแม่ของเขาจะทำความสะอาดรอไว้อยู่แล้ว
++++++++++++++
เพราะปีนี้ราคาสตอเบอรี่ดีกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นนอกจากจะต้องเอาสตอเบอรี่ไปส่งตามออเดอร์ใหญ่ๆในตัวเมือง ซึ่งจิ๊บทำหน้าที่ขับรถสีดำที่เป็นสีส้มคันนั้นไปทั่วเมืองแล้ว ในทุกเย็นเขาต้องคอยคุมคนงานของไร่ให้เก็บสตอเบอร์รี่ใส่ตะกร้าของไร่เอาไว้ เพื่อให้ช่วงค่ำจะมีเจ้าประจำมารับซื้อไปเพื่อขายปลีกอีกครั้งหนึ่ง
เป็นแบบนี้เกือบสามเดือน และตลอดเวลานั้น เขาก็ต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยดูอีกซักครั้ง
++++++++++++++
รีดเดอร์คะ ..
คาดว่าคงจะอิ่มอร่อยมาม่ากันไปแล้วนะคะ คงจะหมดมาม่าแต่เพียงแค่นี้(ล่ะมั๊ง) วันนี้ไรเตอร์มีความสุขกับการโพสต์มาก เพราะมีคนที่ไรเตอร์ชอบมากออกมาแล้วล่ะค่ะ เย้ๆ ... แบบว่า กรี๊ด โผล่มาแล้วๆๆๆ

(บ้าไปละ) .. ขอให้มีความสุขกับทางใครทางมัน เอ๊ย อนาคตของทั้งคู่นะคะ .. แต่ว่า .. ยังไม่จบหรอกนะึคะ ..
แต่สำหรับคืนนี้ ฝันดีทุกคนนะคะ
