รีดเดอร์คะ..
เนื่องจากไรเตอร์ป่วยค่ะ .. เลยมาเร็ว ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยได้ทักทายรีดเดอร์แต่ละคนเลย แต่ก็รักทุกคนเหมือนเดิมนะคะ!
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ!

++++++++++++++++++
“ขอบใจนะ...กร...ที่อุตส่าห์เป็นธุระจัดการเรื่องที่อยู่อะไรที่นี่ให้...”
ก้องภพรีบโทรศัพท์หาเพื่อนทันทีที่เดินทางมาถึงห้องพักที่ได้เพื่อนสนิทสมัยเรียนปริญญาตรีช่วยจัดการเป็นธุระจัดหาเอาไว้ให้ ดวงตาคมมองไปรอบๆก้องกว้างแบบสตูดิโอ อากาศรอบตัวเย็นเฉียบเพราะยังไม่ได้เปิดฮีทเตอร์ ชายหนุ่มดูจะพอใจกับขนาดของห้องไม่น้อย มันมีพื้นที่พอให้เขาทำงานศิลปะขนาดใหญ่ได้ ในขณะที่อีกด้านก็มีส่วนที่พอจะจัดเป็นออฟฟิศ ห้องนอน ห้องรับแขกและห้องครัวขนาดย่อมเอาไว้ให้พอหุงหาอาหารทำเองได้อย่างทุกที แม้จะไม่มีเพื่อนอย่างเจ้าเคนตามมาไกลถึงอเมริกาด้วย เพราะเขาเอาเจ้าเคนไปฝากคุณยายที่ต่างจังหวัดช่วยเลี้ยงเอาไว้ซักพัก คุณยายที่ยังแข็งแรงก็ดีใจใหญ่ว่าจะได้เลี้ยงหมาฝรั่งตัวโตเสียที แต่ถึงไม่มีเจ้าเคนมาด้วยเขาก็คงไม่ได้รู้สึกเหงาซักเท่าไรนัก
“ทริปนี้... พี่คิดว่าคงจะได้วาดรูปให้เราจริงๆจังๆเสียทีนะ จิ๊บ....”
ก้องภพยิ้มเศร้าๆให้กับสตูดิโอที่ยังว่างเปล่าของตัวเอง เขารู้ตัวดีว่าผลัดผ่อนคนในห้วงคิดคำนึงมาหลายครั้งหลายครา มาอเมริกาคราวนี้แม้จะมีเวลาไม่มากเพราะเพื่อน กร ตัวดีจัดแจงจองแกลลอรี่ไว้ให้เขาโชว์ผลงานที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทยหนึ่งชุด แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจำนวนภาพที่นำมานั้นมีจำนวนไม่มากพอจะเติมเต็มแกลลอรี่ขนาดใหญ่ใจกลางย่านศิลปะของนิวยอร์คได้เป็นแน่ ก้องภพจึงตั้งใจที่จะเติมเต็มส่วนที่ว่างทั้งหมดนั่น ด้วยทุกความคิด ทุกความรู้สึก และทุกส่วนในหัวใจ ด้วยความรักของเขาที่มีต่อเด็กหนุ่มคนนั้นที่คงจะไม่มีอีกแล้วที่จะทำให้อีกฝ่ายได้รู้สึกระแวงสงสัย และทำให้อีกฝ่ายต้องมาเสียใจอีก
++++++++++++++++++
เวลาผ่านไปกับความพยายามของก้องภพในที่สุดคือที่เขาจะต้องจัดงานแสดงภาพก็มาถึง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทบนอกมีลีลาวดีที่แทบจะกราบกรานของร้องให้กรทำยังก็ได้ให้หามาให้ได้ประดับตกแต่งไม่ใช่แค่บนอกเสื้อแต่ทั่วทั้งงาน
ภาพที่นำมาจัดแสดงนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองหัวข้อหลัก หนึ่ง คือ
“Flowers”
ซึ่งเป็นการแสดงภาพวาดสีน้ำมัน รูปดอกไม้ พรรณไม้ต่างๆจากประเทศไทย ในขณะที่อีกด้านเป็นการแสดงภาพวาดของ เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ในหลากหลายอิริยาบถ แม้เป็นเพียงภาพวาดขาวดำที่มีภาพสีซ้อนทับเป็นรูปของดอกลีลาวดีหลากสี แต่กลับมองดูสมจริงมากเสียยิ่งกว่าภาพถ่าย ทุกฝีแปรงถูกแต่งแต้มลงไปล้วนแสดงออกถึงความรู้สึกที่ทั้งรักและอยากจะทะนุถนอมคนในภาพอย่างสุดซึ้งจะบรรยาย แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงความเศร้าและความโหยหานกถึงคนในภาพเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย ภายใต้หัวข้อที่ก้องภพคิดว่าแม้จะดูธรรมดา แต่มันก็คือ ความรู้สึกของเขา
“My Flower”
++++++++++++++++++
ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถูกประกาศ ด้วยความมานะพยายามและเกรดเฉลี่ยในระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนประจำจังหวัดที่จัดว่าค่อนข้างดี ทำให้จิ๊บมีชื่อติดคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ท่ามกลางความดีใจของคนรอบข้าง
ส่วนตัวของจิ๊บเองแม้จะรู้สึกแปลกๆกับการเป็น "เด็กซิ่ว"อยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าจะใช้โอกาศในการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 1 ให้คุ้มค่า .. แม้จะอายุเท่ารุ่นพี่ตนเองก็เถอะ..
เด็กหนุ่มเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่างของคณะ ชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไป ทั้งกิจกรรมรับน้อง และ ที่รู้สึกแปลกที่สุดก็คือ ....
การได้รับเสนอให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ ด้วยความโดดเด่นของหน้าตา และลักษณะนิสัยที่ร่าเริง ยิ้ม และเข้ากับคนง่าย จึงทำให้เขาโดดเด่นตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนด้วยซ้ำ
ในปีแรกทุกๆคณะจะต้องไปเรียนวิชาพื้นฐานตามคณะต่างๆ จึงทำให้ได้เจอเพื่อนต่างคณะมากมาย หลายๆคนก็ได้มีแฟนกันตอนนี้ ซึ่งจิ๊บเองก็ไม่มีข้อยกเว้น มีคนจากคณะอื่นพยายามทำความรู้จักเขาหลายคน ทั้งที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และรุ่นพี่ จากหลายๆคณะ ซึ่งเด็กหนุ่มก้ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องเสียหายอะไรที่จะทำความรู้จักกับคนๆหลายๆคน จะแปลกใจไปบ้างก็คงจะเป็นเพราะ หลายๆคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า
"จีบ" เขานั่นเป็น ผู้ชาย นั่นเอง
++++++++++++++++++
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้คนที่อยู่ข้างในเปิดประตูออกมาอย่างแปลกใจ เพราะปกติ ถ้าเป็นรูมเมทของเขาอีกสองคนก็จะเปิดเข้ามาเลย
"จิ๊บ พี่มาชวนไปอ่านหนังสือ"
ชายหนุ่มรูปร่างไม่ได้สูงอะไรมากนักยืนยิ้มอยู่หน้าห้องของเด็กหนุ่ม เสื้อชอปยังไม่ได้ถอด ท่าทางสบายๆ ถือหนังสืออีกสองสามเล่มโชว์อีกต่างหาก
" มาพอดีเลยอะ .. พี่เก่ง ติวMath100 ให้หน่อยสิ อาจารย์สอนไม่รู้เรื่องเลย "
เด็กหนุ่มคนดังประจำคณะบ่น แล้วเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนา สมุด เครื่องเขียน ก่อนจะเดินตามคนอายุมากกว่า ออกจากห้องไปนั่งติวกันที่ใต้ถุนหอพัก
เก่ง นั้นดูท่าจะเป็นคนที่เก่งสมชื่อ หรือเป็นเพราะวิชา แมท ที่อีกฝ่ายเรียนนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากเกินกว่าที่เขาจะอธิบายให้อีกฝ่ายฟังได้
"เข้าใจหรือเปล่า...แบบนี้ แล้วก็ใช้สูตรนี้..." เก่งอธิบายอย่างใจเย็น
ใบหน้าสวยพยักหน้าแต่คิ้วเรียวกลับขมวด ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจกันแน่ เพราะเด็กสายศิลป์ไม่ค่อยถูกกับคณิตศาสตร์เท่าไหร่เลย จะสู้หนุ่มวิศวะอย่างอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน
"ไม่เข้าใจก็บอกซิ่...คิ้วขมวดแบบนี้ ...จะให้พี่ทำยังไงกับเราดีล่ะ" เก่งแหย่พลางเอาปลายดินสอด้านที่เป็นยางลบชี้หน้าอีกฝ่าย
" อ่า .. ก็ไม่รู้จะถามยังไงนี่.. " เขาเถียงเสียงเบา ที่โต๊ะหินอ่อนด้านล่างของหอพักมีคนมานั่งติว นั่งออ่านหนังสือกันพอสมควร
++++++++++++++++++
ที่จริงปี 1 เป็นปีที่เด็กๆต้องปรับตัวกับระบบมหาวิทยาลัย แต่ก็มีกิจกรรมที่ยั่วยุให้เสียคนได้มากมาย ทั้งผับ-บาร์ ร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัย ร้านอินเตอร์เนทตลอด 24 ชั่วโมง แต่คนอย่างจิ๊บ(ที่แก่กว่าคนอื่น) ย่อมไม่อาจะเสียเวลาไปทำอะไรแบบนั้นได้อีก เพระาหลังจากทำกิจกรรมขึ้นดอย แสดงสปีริต ฝึกเต้นเชียร์ลีดเดอร์เพื่อโชว์อะไรแบบนั้นที่บนดอยสุเทพ ก็ต้องเข้าสู่ช่วงเวลาสอบกลางภาคแล้ว
เพราะเก่งช่วยติววิชาที่ไม่ถนัดจึงทำให้คะแนนสอบวิชาคำนวนของจิ๊บไม่ได้แย่อย่างที่คิด แถมวิชาอื่นก็ทำได้ดี เด็กหนุ่มจึงพาเขาไปเลี้ยงนมที่ร้านดังหลังมหาวิทยาลัย ร่วมกับเพื่อนหลายๆคน แต่เพราะร้านนั้นอยู่ใกล้กับผับดัง ในตอนดึกๆ เพื่อนๆพวกนั้นจึงขอไปเที่ยวต่อกันหมด สุดท้ายก็เหลือเขากับเก่งแค่สองคนอยู่ที่ร้านนม
"กินซิ่...อร่อยนะ" เก่งเลื่อนจานขนมปังให้กับอีกฝ่าย
"เจ้าพวกนั้นเห็นพี่มาทีไรสั่งไม่ไว้หน้าแล้วก็หนีตลอด...ของเหลือนะเนี่ย"
เก่งหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเหลียวมองรอบข้างไม่ค่อยมีใครนั่งอยู่ซักเท่าไรในคืนนี้ ชายหนุ่มหันกลับมาสบตารุ่นน้อง ริมฝีปากหยักยิ้มน้อยๆ
" สงสัย..เห็นเหล้าดีกว่าหนมปังแน่เลย พี่ "
สายตาแบบนั้นทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเก่งคิดอะไร ตลอดเวลาสองสามเดือนมานี่ มันชัดเจนอยู่แล้ว .. ส่วนตัวเขาเอง แม้จะมีคนมาสนใจชอบพอไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยมีใครชวนไปอ่านหนังสือ ไปติวด้วยกันเลย มีแต่ชวนไปเที่ยวเสียมากกว่า
"นี่ จิ๊บ...คิดยังไงกับพี่เหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามสองมือประสานกันตรงหน้า
" หา..คิดยังไงเหรอ? "คำถามที่จู่ๆก็ถามขึ้นมาแบบนั้นทำเอาจิ๊บทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
" พี่เก่งน่ะเหรอ..พี่ก็เป็นประธานหอไง แล้วก็ดูแลน้องๆแบบจิ๊บดีมากๆอะ .. ช่วยติวแมชช์ให้ด้วย "
เด็กหนุ่มตอบแบบกว้างๆ คำว่าคิดยังไงเนี่ย จะให้ตอบยังไงกันล่ะ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดอะไรไปไกลกับใครเป็นพิเศษ
"แค่นั้นจริงๆเหรอ...
พี่น่ะให้พูดตามตรง คิดมากกว่ารุ่นพี่ที่ดูแลรุ่นน้องมานานแล้วนะ...แต่พี่...ไม่รู้จะขอมากไปหรือเปล่า" มือใหญ่ของเก่งยื่นไปจับแขนของอีกฝ่ายเอาไว้
" พี่เก่ง? "ดวงตากลมสบตาอีกฝ่ายนิ่ง ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนก้องภพเลย
.. ผู้ชายธรรมดา เรียนวิศวะฯ ไม่ได้ตัวสูงใหญ่มากมาย ไม่ได้ขาวแบบผู้ดีอะไร ไม่เคยใช้ครีมทาหน้าอะไรดีๆ..แต่เขาเป็นคนดี..
"
ถ้าจิ๊บ...ไม่รังเกียจอะไร พี่ก็อยากจะลองคบกับจิ๊บดูนะ อยากเป็นมากกว่าแค่รุ่นพี่ที่หอ..."เก่งเอ่ยพลางหัวเราะออกมาน้อยๆกับคำพูดของตัวเอง
" พี่แน่ใจเหรอ..จิ๊บอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่พี่คิดก็ได้นะ "
"เรื่องนั้นให้พี่เป็นคนตัดสินเองจะดีกว่าไหม" เก่งตอบกลับแทบจะในทันที
ท่าทางเด็ดขาดในคำพูดของอีกฝ่ายทำให้จิ๊บต้องเงยหน้ามองอย่างทึ่งๆ เขาให้เวลาคิดอยู่ไม่นานเลยจริงๆ ก่อนจะตอบตกลงไป
เขาควรจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้วใช่ไหม?..เขาควรจะมีชีวิตใหม่ได้แล้วใช่ไหม?..
" ถ้าอย่างนั้น.........
ก็ได้ครับ "
คำตอบนั้นทำให้หนุ่มคณะวิศวะยิ้มออกมาอย่างเขินๆ มือที่ดูหยาบเพราะต้องเข้าชอพทำงานหนักหน่วงอยู่เรื่อยๆนั้นจับแก้วนมขึ้นมาดูดเข้าไปอึกใหญ่
และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้จิ๊บต้องหัวเราะออกมาจนได้
++++++++++++++++++
การเดินทางกลับมาจากอเมริกานั่นนับได้ว่ายาวนาน และเมื่อลงจากเครื่องก็แทบจะช็อคกับอากาศร้อนเหนอะหนะครึ้มฟ้าครึ้มฝนของปลายฤดูฝน ก้องภพอยากจะแบ่งเอาอากาศดีๆที่อเมริกาที่เขาได้ไปสัมผัสมาระหว่างออกทัวร์แสดงผลงานศิลปะของตัวเองร่วมกับเพื่อนๆไปในนหลายๆรัฐกลับมายังเมืองไทยบ้างแต่ก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มยังมีเรื่องราวให้ต้องทำอีกมากมายนัก คิดได้แบบนั้นร่างกายที่ควรจะอ่อนล้า ก็ไมได้เหน็ดเหนื่อยอ่อนมากจนเกินกว่าที่ก้องภพจะกลับมาถึงที่บ้านและเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ คลิกเปิดไปยังเว็บบอร์ดที่เขาไม่ได้เข้ามาดูอีกเลยนับตั้งแต่เจ้าของล็อกอินคนนั้นหายตัวไป เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไม คนเราถึงอยากจะเล่าเรื่องราวอะไรนักหนา คนพวกนั้นไม่ได้รู้สึกอายเลยหรือกับการเล่าความลับของตนเองให้ใครต่อใครได่รับรู้ถึงแม้จะมีข้ออ้างที่ว่าไม่เคยพบสบหน้ากันมาก่อนก็ตามดี เขาก็ยังคิดว่ามันน่าอายอยู่ดี
แต่เมื่อมาถึงความรู้สึกของเขาในตอนนี้แล้วมันกลับไม่ใช่ เขาอยากหาช่องทางติดต่อ กับใครซักคนที่อยู่ในใจเขามาตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา และอยากจะบอกเหลือเกินถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวเองที่อยู่ภายใน สองมือของศิลปินหนุ่มขยับเบาๆ เหมือนไม่รู้จะเริ่มที่ไหน
เขาเริ่มต้นพิมพ์หัวข้อ
“เขาเรียกผมว่า พี่ปิ่นโต...”
“สวัสดีครับ...นี่เป็นการเขียนครั้งแรกของผม แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนที่นี่รู้จักผม ก่อนหน้านี่ทุกคนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวของผมจากเด็กหนุ่มคนนึง และทุกคนก็เอาใจใส่กับเรื่องราวของพวกผมมากพอจะเรียกผมว่า “พี่ปิ่นโต” ตามเรื่องที่ผมเคยเอาปิ่นโตไปตามง้อ ตามจีบเขานั่นล่ะครับ...ตอนนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องเขาจะยังมาอ่าน มาเขียน มาขอคำปรึกษาอะไรกับทุกๆคนที่นี่หรือเปล่า แต่ผมตามหาเขาอยู่ เพราะในตอนนี้...เขาทิ้งผมไปแล้วล่ะครับ...” ก้องภพค่อยๆพิมพ์เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่ทำให้จิ๊บต้องจากไปให้คนในบอร์ดได้รับรู้
“ผมยอมรับว่าผมผิด...และผมต้องขอโทษหากว่าผมจะได้เจอน้องเขาอีก แต่ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าจะต้องไปตามหาน้องเขาได้ที่ไหน และตลอดเวลาที่ผมเงียบมาตลอดนั่นเป็นเพราะผมต้องการให้เวลา ให้น้องเขาได้คิด และต้องการเวลาให้กับตัวผมเอง ได้ไตร่ตรองให้ดีถึงโทษของตัวเอง และไตร่ตรองให้ดีถึงสัญญาที่ผมเคยให้ไว้ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำให้เขาเห็นเสียที ให้เขาเห็นว่าผมรักเขามากขนาดไหน...ผมได้แสดงให้โลกเห็นไปแล้ว ในทุกลายเส้น ทุกฝีแปรงที่วาดลงไป....คือความรู้สึกที่ผมคงเรียกได้ว่าเป็นความรักที่อยากจะบอกเขาให้รับรู้เอาไว้......นี่เป็นงานทั้งหมดที่ผมพอจะทำให้เขาได้ครับ” ก้องภพค่อยโพสต์ภาพถ่ายจากภาพวาดของตัวเองที่จัดแสดงโชว์ให้ชาวต่างขาติต่างภาษาให้ได้เห็นในอาร์ตแกลลอรี่กลางมหานครนิวยอร์คและในอีกหลายๆแกลลอรี่ทั่วอเมริกา
และปิดท้ายด้วยรูปภาพสีน้ำมันขนาดสูงกว่าเมตรหลายใบที่วางเรียงต่อกันยาวหน้าแกลลอรี่ท่ามกลางวิวทิวทิศน์ของมหานคร
“จิ๊บ .....รูปทั้งหมดนี่...พี่วาดให้จิ๊บนะครับ”
ชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้ด้วยข้อความเช่นนั้น ก่อนจะถอนหายใจ ดวงตาคมฉายแววเศร้า ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มามองกระดาษแผ่นเล็กๆที่อยู่ในมือ มันเป็นสำเนาบัตรประชาชนของใครคนหนึ่งที่ได้รับมาจากอดีตนายจ้าง...ชื่อและที่อยู่ปรากฏเด่นชัด แต่คำถามมันอยู่ที่ว่า .....เขาจะได้พบเจ้าของชื่อ เจ้าของใบหน้างดงามในรูปเหล่านี้อีกครั้งหรือเปล่า.....หรือต่อให้พบแล้ว เรื่องราวของพวกเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไรเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เวลากว่าหกเดือนที่แทบจะไม่ได้ติดต่อเพื่อนหรือใครอื่นที่อยู่ในความคิด
การเดินทางยาวไกลและยาวนานในต่างแดนเพื่อนำเสนองานให้กับลูกค้าและตระเวณไปตามแกลลอรี่ต่างๆ นั้นทำให้เขาหยุดพักเรื่องหัวใจไปได้บ้าง แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว การนั่งอยู่ที่บ้านพยายามจะทำงานโดยที่ไม่คิดถึงใครบางคนกลับเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ณ ตอนนี้เวลานี้เขาแทบจะทนนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าๆนี่ต่อไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ มือแกร่งขยำกระดาษแผ่นน้อยแน่น... คิดได้แบบนั้นก็แทบจะวิ่งไปจัดกระเป๋าอีกครั้ง... พาเจ้าเคนที่คนจากบ้านยายเพิ่งจะพามาส่งให้ไปฝากที่โรงพยาบาลสัตว์ ....ชายหนุ่มล่ำลา ใช้เวลาไม่นานนักกับการขอโทษขอโพยเพื่อนแสนดีที่ทั้งร้องทั้งส่งเสียงงื้อง้าดประท้วงด้วยความคิดถึงก่อนจะรีบนั่งแทกซี่ไปที่สนามบินแทบไม่ทัน
นั่งเครื่องบินไม่นานก็มาถึงเชียงใหม่ ก้องภพจัดการเช่ารถ ขับไปยังโรงแรมที่เคยมาพักเมื่อหลายปีก่อน นอนพักเอาแรงเสียหนึ่งคืนก่อนจะตื่นมาถามทางไปยังสถานที่ที่เขียนบอกไว้ในสำเนาบัตรประชาชนของจิ๊บที่เขาได้มาจากแมน
++++++++++++++++++
จำนวน PM มากมายที่อัดแน่นเข้ามาในกล่องข้อความของจิ๊บในเวปบอร์ดที่เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดระหว่างเขากับก้องภพ ทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างแปลกใจขณะที่เข้าไปเช็คข้อความ
เห็นข้อความราวกับจะกรีดร้องต่อหน้าเขาได้ ตามมาด้วยลิ้งของกระทู้ในเวปบอร์ด
อีกมากมายก็ป็นข้อความที่แสดงความสงสาร และให้กำลังใจ แต่ก็ล้วนแล้วแต่ให้ลิ้งกระทู้เดียวกันมาทั้งหมด
จิ๊บขมวดคิ้วก่อนจะกดลิ้งนั้นเข้าไปดู ...
“เขาเรียกผมว่า พี่ปิ่นโต...” ประโยคเริ่มต้นนั้น และลอคอินที่สมัครในชื่อเดียวกัน เรื่องราวที่พิมพ์แล้วโพสต์ไปแบบเรียบง่าย สำนวน ภาษา ที่คุ้นเคยดี
นี่ไม่ใช่การจับกระแสในเวปบอร์ดแล้วเป็นการแต่งเรื่อง .... เจ้าของลอคอินนี้คือ ก้องภพ ตัวจริง..
เรื่องราวทั้งหมดในมุมมองของก้องภพที่เขาไม่เคยรู้ หลังจากที่แยกทางกันไป พรั่งพรูออกมาในกระทู้นั้น จิ๊บเลื่อนเมาส์ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดข้อความ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างกับรูปถ่ายมากมายที่โชว์ขึ้นมาให้ดูบนหน้าจอ
รูปถ่ายทั้งหมดเป็นภาพวาดขาวดำของคนๆหนึ่งที่สลับทับซ้อนด้วยดอกไม้หลากหลายสีสัน ภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่หลายรุป วาดภาพเด็กหนุ่มในหลากหลายอากัปกริยาที่เพียงมองก็รู้ว่าบรรจงใจวาดลงไปด้วยความรักและเสน่หาที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด... ทั้งฝีแปรง สไตล์การวาด การลงสี ...ใช่ก้องภพจริงๆ .. และรูปสีน้ำมันขาวดำทับซ้อนด้วยรูปดอกลีลาวดีหลากหลายสีสันทั้งหมดนั่น.... มันเป็นรูปโครงหน้าของเขาเอง!
ปลายนิ้วยกขึ้นแตะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า ...
“ พี่..ก้อง? ” เสียงอุทานแผ่วเบา เด็กหนุ่มยิ้มกับรูปพวกนั้น หยาดน้ำตาไหลลงมาเปรอะแก้มเนียนอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับทำนบน้ำตาที่กลั้นเอาไว้แสนนานตั้งแต่วันนั้นพังทลาย จิ๊บปล่อยให้ตนเองร้องไห้ออกมาอย่างมากมายเหลือเกิน ต่อหน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคในห้องนอนของตนเอง
++++++++++++++++++