รีดเดอร์คะ ต้องขอโทษจริงๆที่หายไปหลายวันเลยค่ะ
ภาระเยอะแยะมากมาย สาธยายไม่หมด 55+
มาต่อกันดีกว่าค่ะ+++++++++++++
หลังจากวันนั้น ก้องภพวิ่งวุ่นอยู่ระหว่างการทำเอกสารเรื่องการเดินทาง ของตนเองไปยังอเมริกา และเอกสารในการจัดส่งผลงานศิลปะของตนไปยังสถานที่จัดแสดง งานครั้งนี้ดูจะเป็นงานใหญ่อยู่ไม่น้อย และยุ่งยากในเรื่องของการขนส่ง เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นผลงานภาพวาด และมีบางส่วนที่เป็นเครื่องปั้นที่จะเอาไปเสนอขายให้กับเพื่อนของเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน การจัดส่งของดูท่าจะไม่เป็นปัญหา ชายหนุ่มจัดเรียง ของเอาไว้รอให้พนักงานบริษัทรับส่งของมารับของไป ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระสำคัญ ที่จะต้องทำเช่นกัน ร่างสูงเดินออกจากบ้านไปยังร้านขายกาแฟที่อยู่หน้าปากซอยทันที ดูจากวันเวลาแล้ว น่าจะยังพอมีเวลาเหลือให้ คนๆนั้น จัดการธุระในส่วนของตัวเองได้เช่นกัน
"พี่แมน...ผมขอคุยด้วยซักนิดจะได้ไหมครับ" แม้จะแปลกใจที่วันนี้แขกในร้านดูบางตา กว่าทุกครั้ง แต่เหตุผลก็คงจะรู้กันดีอยู่ เพียงแค่อาหารอร่อยๆ นั้นคงไม่อาจเรียกลูกค้าที่บางคนก็มาเพียงเพราะแค่อยากเติมพลังให้สดชื่นกับกาแฟดีๆซักแก้วได้
"อ้อ..ได้สิครับ คุณก้อง " เชฟหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตา ใบหน้าคมบัดนี้ดูหม่นหมอง ขอบตาคล้ำจากการอดนอนเพราะความเครียด กตัญญูหันไปบอกสมปอง เด็กในร้านที่เหลือเพียงคนเดียว ก่อนจะเดินออกจากครัว
" เชิญครับ "เขาเดินนำก้องภพไปยังด้านหลังของร้าน
" มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ? "เขาถามเมื่อก้องภพนั่งลงยังม้าหินอ่อนด้านหลังเก้าอี้ตัวนั้น ที่จิ้บมักจะนั่งอ่านหนังสือเสมอ
ก้องภพมองใบหน้าของเชฟร่างสูงใหญ่ ก่อนจะนั่งลงที่ม้าหินอ่อน ภาพที่คุ้นชินในอดีตเปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้ และเขาทำได้เพียงแค่รอให้เวลาที่เหมาะสมมาถึงเท่านั้น
"ผมมาวันนี้ เพราะเรื่องของมินครับ" ก้องภพเอ่ยขึ้น ดวงตาคมมองใบหน้าของอีกฝ่าย
"ผมรู้ว่า พี่คงโกรธเกลียดผมมาก...กับเรื่องที่ผมเคยทำเอาไว้....แต่ ณ วันนี้มันไม่ใช่เรื่องของผมกับเขาแล้ว ผมเลยอยากจะมาบอกพี่ว่า เขากำลังจะไปอเมริกา"
...ไปอเมริกา... คำพูดของศิลปินหนุ่มทำให้กตัญญุต้องหันไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายทันที
" อะไรนะครับ? "
"มินเขาบอกกับผมว่าเขากำลังจะไปอเมริกา..."ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง เห็นได้ชักว่ากตัญญูตกใจไม่น้อย
" มันคงดีสำหรับเขาแล้วล่ะครับ "
ไหล่ที่เคยตั้งตรงของกตัญญู ห่อลงเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่ฝืนยืนอยู่มันกำลังลดลงไปเรื่อยๆ
" มันก็เหมือนเมื่อสามปีก่อน .. อีกไม่กี่ปี มินก็กลับมาแล้วล่ะครับ "
"แต่จะกี่ปี...คนที่รอก็ต้องเจ็บปวดเสมอไม่ใช่รึไงครับ...ไม่ใช่พี่เท่านั้นที่รอเขา มินเองเขาก็รอพี่อยู่เหมือนกัน" ก้องภพเห็นท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่ายแล้วใจหาย กตัญญูในสายตาของเขาเคยเป็นคนมั่นคงในทุกอย่าง มั่นใจ และ คิดบวก อารมณ์ดีได้กับทุกเรื่อง เป็นที่พึ่งของรามินทร์ได้เสมอ
เพราะเป็นแบบนี้ หลังจากที่เรื่องของเขากับรามินทร์เกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดแค่ไหนกับรามินทร์เขาก็ไม่เคย ห่วงเลยว่า รามินทร์จะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไร ก็ยังจะมีผู้ชายคนนี้อยู่กับรามินทร์ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้รามินทร์ได้เสมอ
"ตั้งแต่ผมรู้จักมินมา...ผมรู้ว่าเขาขาดผมได้...แต่ผมรู้ว่าเขาขาดพี่ไม่ได้...พี่แมนครับ พี่จะปล่อยให้เขารอพี่เหรอครับ...ผมแค่อยากจะบอกพี่ว่าให้พี่ไปอเมริกากับผม...ถึงเราจะออกตัวช้ากันไปหน่อย แต่...ก็ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่เหรอครับ"
" คุณก้องครับ ...สถานภาพของผมกับเขามันเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ ... "กตัญญุถอนหายใจเฮือกใหญ่
รามินทร์ติดเขามาตั้งแต่เด็ก ความคิกที่อยากจะปกห้องดูแลอย่างดีที่สุด เปลี่ยนไป กลายเป็นความรักและหวังดี ชายหนุ่มรู้ตัวดี ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักความรัก เขามีรามินทร์อยู่เต็มหัวใจมาตลอด และพยายามที่จะเปลี่ยนมันให้เป็นรักเท่าที่พี่ชายจะมีให้ได้มาตลอด จึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่ารามินทร์จะคิดอะไรเกินเลยด้วยแม้จะมีอะไรกัน เหตุผลของการเป็นหนี้ และ คำร้องขอสัมผัสที่ผู้อื่นไม่อาจมีให้กับรามินทร์ได้ เว้นแต่ตัวเขาเอง ทำให้เชฟหนุ่มไม่กล้าคิดไปไกล
ก้องภพประสานมือเข้าหากันบนโต้ะ ดวงตามองปลายนิ้วที่ขยับไปมาของตัวเอง
"พี่แมนครับ...ตัวผมน่ะ โดยพื้นฐาน ผมจะคิดว่าตัวเองผิด...อยู่ตลอดมันทำให้ผมไม่กล้าจะรักใครอีกเพราะกลัวจะทำผิดซ้ำๆ แต่พอเจอจิ๊บ...เขาไม่เหมือนใคร และผมรักเขาที่เป็นเด็กแบบนั้น..."ก้องภพเอ่ยออกมาตามตรง
"มันอาจจะดูไม่เกี่ยวกันนัก แต่ตัวรามินทร์เอง เขาไม่เคยอยากจะเป็นคนผิด เขาไม่ยอมหรอก พี่เองอยู่กับเขามานาน พี่ก็รู้ ว่ามินต้องหาเรื่องบ่ายเบี่ยงอยู่เรื่อย แต่คราวนี้ เขารับผิดนะครับ ผิดที่ตัดสินใจ ผิดที่ทำอะไรลงไป...เขายอมทำทุกอย่างแม้แต่สิ่งที่ตัวเองออกปากลั่นไปแล้วว่าเกลียดที่สุด เพื่อที่จะให้ได้มีพี่อยู่ข้างๆ เขาทำด้วยความ....สิ้นหนทาง...รามินทร์ที่จนตรอกกับการสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปแบบนั้นน่ะ ผมไม่เคยเห็นหรอกนะครับ...แต่สำหรับตัวผมแล้ว นั่นมันก็ใกล้เคียงกับคำว่า รัก มากเลยทีเดียว"
...หารค่าตึกกันครึ่งๆ?....มันก็แค่เอาเงินมาฟาดหัวให้อยู่ด้วยกันเท่านั้นล่ะใช่ไหม....
....คนที่คิดว่าจะครอบครองได้ด้วยเงินน่ะ น่าขยะแขยง....ผมเกลียดที่สุด.....คำพูดของก้องภพทำให้กตัญญูต้องนึกถึงคำพูดที่แสดงความไม่พอใจของรามินทร์คำนั้นได้ และมันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆตามมา ฝันร้ายที่พวกเขาทุกคนอยากจะลืม แต่ก็ไม่เคยลืมมันได้เลย
...ถือเสียว่าใช้หนี้ก็ได้...ประโยคนี้รามินทร์เคยพูดกับเขาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย ทำไมเขาถึงไม่เคยนึกมาก่อน ในตอนนั้น ศักดิ์ศรีที่คำคออยู่ทำให้โทสะบังสติไปเสียจนหมดสิ้น เขากอดรามินทร์ไม่ต่างจากเครื่องระบายอารมณ์ ไม่ต่างจากการไปออฟเด็กมา และขอให้เด็กคนนั้นเรียกตัวเองว่า "มิน" มือแกร่งกำแน่น ริมฝีปากหนาเม้มจนห้อเลือด
"พี่แมนครับ.....พี่แมน....." เห็นท่าทางของอีกฝ่ายเงียบไปทำให้ ก้องภพ อดจะเป็นห่วงไม่ได้
" ผมเป็นคนทำร้ายเขาเอง.. "เสียงของชายหนุ่มแหบแห้ง
" เพราะศักดิ์ศรีบ้าๆของผม เพราะชื่อของผม...... "เขาเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าสีหม่นของเมืองหลวง ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเองเบาๆ
ก้องภพขยับถอยออกมาเล็กน้อย เขาปล่อยให้อีกฝ่าย และตัวเองอยู่ในความเงียบ ....ไม่ว่าใคร...ก็ต้องทำร้ายคนที่รักเข้าซักวัน....เราจะรู้ตัวช้าหรือเร็ว ก็เท่านั้นเอง....
"พี่มีพาสปอร์ตอยู่ใช่ไหม" อยู่ๆศิลปินหนุ่มก็โพล่งถามออกไปอย่างนั้น
" คุณก้อง? " กตัญญูหันมามองหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ศิลปินหนุ่มคนนี้ คนที่เขาเคยคิดว่าไม่สามารถให้อภัยได้ในเรื่องรามินทร์เมื่อสามปีก่อน ต้องการจะทำอะไรกันแน่
"
ผมอยากให้พี่ไปอเมริกา...ผมรู้ว่ามินอยู่ที่ไหน ผมอยากให้พี่ไปหาเขา...ถ้าเรารีบเดินเรื่องเอกสารตอนนี้ ต้นกุมภานี่พี่ก็จะได้ไปหามินแน่นอน..."ท่าทีของก้องภพดูหนักแน่น
+++++++++++++
หลังจากบินจากกรุงเทพไปเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน แล้วบินตรงมายังดินแดนแห่งเสรีภาพแห่งนี้ กตัญญูต้องเดินทางโดยเครื่องบิน โดยใช้เวลาเกือบสามวันเลยทีเดียว นับว่าเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเพียงลำพังครั้งแรกในชีวิตที่เขามาไกลได้ขนาดนี้
ในที่สุดเครื่องบินสายการบินจีนก็ลงจอดที่สนามบินเคเนดี้ กลางเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กในช่วงเช้า อากาศขมุกขมัว เต็มไปด้วยเมฆหมอก กลางฤดูที่หนาวเหน็บอย่างโหดร้ายทำให้เชฟหนุ่มหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
ชายหนุ่มกระชับโค้ทและผ้าพันคอเข้าหาตัวขณะที่เดินออกจากสนามบิน เพื่อเผชิญกับอากาศติดลบอันเลวร้าย มันหนาวได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าผู้คนจะอาศัยอยู่ในที่อากาศแบบนี้ได้ ลมเอื่อยๆที่พัดมาหนาวจนแทบจะบาดใบหน้าที่ซีดให้ปริออกจากกันได้ทันที มือแกร่งที่สวมถุงมือผ้าผืนหนาที่ดูจะช่วยอะไรไม่ได้โบกแทกซี่สีเหลืองที่กำลังมาถึง
เสียงคนขับรถแทกซี่เอ่ยถามว่าจะไปที่ไหนด้วยภาษาอังกฤษ ฝรั่งรูปร่างสูงผมยาวกระเซิงดูไม่น่าไว้วางใจเท่าไร แต่ด้วยภาพที่ว่าเป็นคนขาวทำให้อิมเมจในใจกตัญญูไม่ได้ติดลบไปตามสภาพอากาศ
ชายหนุ่มจากเมืองไทยไม่สามารถตอบคำถามนั้นด้วยคำพูดได้ มีเพียงกระดาษที่ก้องภพเขียนเอาไว้ให้เขา โดยที่ศิลปินหนุ่มคนนั้นเขียนให้เขาเอาไว้หลายแผ่นเพื่อใช้ตลอดการเดินทางตั้งแต่ที่สนามบินจนกระทั่งเปลี่ยนเครื่องและออกนอกประเทศ และกระดาษใบนี้คือที่อยู่ของรามินทร์ คนขับรถแทกซี่รับกระดาษแผ่นนั้นมาก่อนจะช่วยยกกระเป๋าของอีกฝ่ายขึ้นรถ แล้วพยักหน้าให้นั่งด้านหลัง แท๊กซี่สีเหลืองแล่นฉิวฝ่าอากาศหนาวเข้าตัวเมืองไปทันที
กตัญญูมองวิวตามสองข้างทางของถนน จากสนามบินที่อยู่ห่างออกไป ตอนนี้แทกซี่คันนี้กำลังขับพาเขาเข้าไปยังตัวเมือง วิวทิวทัศน์ที่เคยเห็นแต่เพียงในหนังสือ หรือในโทรทัศน์ปรากฏตรงหน้าสายตา ซึ่งหากเป็นเวลาปกติ เขาคงจะอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ... ซึ่งมันไม่ใช่เวลานี้ ที่พักของรามินทร์อยู่ในย่านแมนฮัตตันตึกสูง แสงแดดยามเช้าสาดส่องกับกระจกเงาพวกนั้นแสบตา แต่เมื่อรถแล่นผ่านมาเรื่อยก็เห็นได้ในความร่มรืนของพื้นที่สีเขียวกลางเมืองใหญ่ ทาวน์เฮาส์และตึกที่อยู่อาศัยเรียงติดกันแบบที่เคยเห็นในทีวี รถแทกซี่สีเหลืองจอดเทียบข้างทาง ก่อนจะหันหน้ามาถาม ด้วยภาษาอังกฤษอกครั้ง
"Nice place around here...Are you here for someone?"
" อ่า...ye..yes " กตัญญูพยักหน้าแรงๆสองครั้ง แล้วชี้ไปที่อาคารข้างหน้า
" Here? "
อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะบอกราคาค่าโดยสารโดยการชี้นิ้วที่มิเตอร์ พร้อมทั้งยื่นกระดาษให้กับอีกฝ่ายให้ชี้ออกไปที่ป้ายหน้าตึก ชื่ออพาร์ตเม้นท์ที่เขียนบอกเอาไว้เหมือนกันคงจะทำให้ผู้โดยสารที่ดูจะอ่อนกับภาษาอังกฤษคนนี้คลายความกังวลลงมาได้บ้าง
"I'll help you with the bag" ว่าแล้วก็เปิดกระโปรงท้ายรถ ก่อนจะเดินลงไปช่วยเอากระเป๋าลง หนุ่มชาวไทยจ่ายค่าแทกซี่โดยไม่ลืมจ่ายค่าทิปตามที่ก้องภพได้กำชับเอาไว้ ตามธรรมเนียมของฝรั่ง เมื่อคนขับแทกซี่คันนั้นช่วยเขาเอากระเป๋าลงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินถือสัมภาระขึ้นไปยังหน้าห้องหมายเลขที่ก้องภพระบุเอาไว้ให้ เขานึกขอบใจที่อีกฝ่ายมาถึงที่นี่ก่อน และโชคดีที่ได้เจอรามินทร์ที่นี่จึงรู้ที่อยู่ที่แน่นอน และก็เป็นก้องภพอีกเช่นกันที่ให้ที่อยู่รวมถึงหมายเลขห้องของรามินทร์มา
+++++++++++++
ชายหนุ่มอ่านหมายเลขหน้าห้องสลับกับหมายเลขบนกระดาษ ให้แน่ใจแล้วจึงนั่งลงที่หน้าห้องนั้น มือแกร่งใต้ถุงมือผ้าผืนหนากระชับผ้าพันคอและโค้ทเข้าหาตัว ด้วยความหนาว แผ่นหลังอิงชิดกับผนังห้อง
เพราะเป็นเวลาเช้ามากของวันอาทิตย์ ไม่มีผู้คนเดินผ่านเข้าออกโถงทางเดินหน้าห้องแต่อย่างใด
กตัญญูลองเคาะประตูดูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ความหนาวเย็นยังคงดำเนินต่อไป จากนาทีเป็นชั่วโมง จนได้ยินเสียงประตูเปิดออก แต่เป็นชายร่างท้วมเดินออกมาจากห้องที่อยู่ข้างเคียง เขามองมาเหมือนสงสัย ท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาสะกิดคนที่นั่งรอ อยู่ หน้าห้อง
"He's not in the room. That boy is out for work...at the coffee shop"
" .....................อ่อ...thank you.. " คนที่นั่งรอไม่เข้าใจว่าชายร่างท้วมพูดอะไร แต่ก็ตอบกลับไปแบบนั้น เขาทำท่าราวกับบอกว่า จะรออยู่ตรงนั้น ทำให้ชายผ้านั้นยักไหล่ก่อนจะเดินจากไป
+++++++++++++
เวลาผ่านไปเป็นนานนับจากชายข้างห้องคนนั้นเดินจากไป ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าเดินกลับเข้ามา เสียงหยุดอยู่ที่หัวบันได ก่อนจะเดินเรื่อยมาหยุดที่หน้าประตูห้อง เสียงลูกกุญแจกระทบกันเล็กน้อย
"Almshouse is on the conrner of the street...they'll give you some food and a place to stay." น้ำเสียงนั้นคุ้นเคยหากแต่เอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำที่กตัญญูไม่อาจจะเข้าใจ นั่นทำให้กตัญญูต้องเงยหน้าขึ้นมองทันที หากแต่ทำได้ยากนัก อากาศมันหนาวเกินกว่าที่เขาจะขยับตัวได้ง่ายๆ
แต่นั่นไม่ผิดแน่ ... รามินทร์ไม่ผิดแน่...
" .................มิน.. " เสียงแหบแห้งเพราะพยายามเก็บอุณหภูมิมาหลายชั่วโมงดังขึ้นแผ่วเบามือแกร่งค่อยๆเอื้อมไปจับขากางเกงของอีกฝ่ายเอาไว้
"ถ้าฟังไม่เข้าใจล่ะก็ โรงทานอยู่ที่หัวมุมถนน..." รามินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไมม่ต่างจากอากาศที่รายล้อมรอบตัว
รามินทร์ขยับดึงขากางเกงออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายออกแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูเอาไว้เบื้องหลังร่างเล็กพิงหลังลงกับบานประตู ชายหนุ่มหลับตาลงแน่น เสียงที่เรียกชื่อของเขา....
.......ทำไมต้องตามมาทำร้ายกันอีก......