ร้านกาแฟหน้าปากซอยในช่วงบ่ายไม่มีแขกเข้ามาใช้บริการมากนัก เสียงเชฟในห้องครัว กับ เด็กเสริฟดังขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงบ่นโอดโอยของสมปองมากกว่า
"พี่จิ๊บนะพี่จิ๊บ ลาพักร้อน ลาหยุด ลากิจ ลาป่วย บ่อยจริงๆ....ผมจะตายแล้วนะ"
"ไม่เห็นเป็นไร พี่ก็มาช่วยนี่ไง..." เสียงรามินทร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกมาข้างนอกเห็นพี่ชายของตัวเองเพิ่งจะเดินเข้าร้านมาพอดี
"พี่แมกซ์ มาเสียบ่ายเลยนะวันนี้" รามินทร์เอ่ยแซว ก่อนจะมองไปข้างหลังเห็นร่างสูงดูโดดเด่นไม่ได้ต่างจากพี่ชายของเขาเดินตามหลังมา
"อ้าวพี่เทียน ไม่เจอกันนานเลยนะ...มาแวะกินอะไรก่อนออกเที่ยวเหรอ"
"โธ่ มิน...นี่เพิ่งบ่าย จะให้พี่เมาแต่วันเลยรึไง...แค่อยากมานั่งเล่นนิดหน่อยนะ ขอมอคค่าพี่แก้วนึงนะ เข้มๆเลย"
" อ้าว น้องจิ๊บไปไหนล่ะมิน? " ส่วนพศวัตกลับไม่สนใจ เขามองหาแต่เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ที่หมายตามานาน และรายนี้เองที่เขายอมลงทุนเป็นสิบๆล้านเพื่อนรถสีแดงคันใหม่
"โทรมาลากิจ...ไปเที่ยวกับแฟนเขานั่นล่ะ" เสียงรามินทร์ตอบกลับมาท่าทางไม่พอใจเท่าไรนัก
"พี่แมกซ์เอาอะไรรึเปล่า..." รามินทร์เอ่ยถามก่อนจะเรียกให้เจ้าสมปองเดินมาเอามอคค่าไปส่งให้กับเพื่อนของพี่ชาย
" เอา.. " ชายหนุ่มมองไปทางพนักงานเด็กหนุ่มอีกคนของร้าน คิ้วหนาขมวดพลางถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าทินกฤต
" เอสเปรสโซ่ก็แล้วกัน "ว่าพลางชะโงกเข้าไปยังด้านในของร้าน
" ไอ้แมนล่ะ? "
ผู้เป็นน้องชายพยักหน้ารับ ก่อนจะคว้าแขนเด็กหนุ่มเอาไว้ ให้ รอกาแฟอีกแก้ว
"พี่แมนอยู่หลังร้าน...พยายามจะทำขนมอะไรอยู่นั่นล่ะ..." ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ก่อนจะทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องทำงานด้านในเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ถูกเพื่อนรักดึงแขนเอาไว้
"เฮ้ย นี่มึงกะจะให้กูกินกาแฟอร่อยๆของมินในห้องทำงานอุดอู้หลังร้านมึงเหรอ...ไอ้แมกซ์...กูก็ลูกค้านะเว้ย...นั่งโน่นดีกว่า..."ว่าพลางก็ชี้ไปที่โต้ะตัวในสุดที่มีแสงส่องสว่าง ชายหนุ่มขยับไปกระซิบข้างหูของอีกฝ่าย
"จะได้ดูหน้า
ว่าที่เมียมึงชัดๆหน่อยไง" ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินนำไปนั่งที่โต้ะตัวนั้น
ไม่นาน กาแฟสองแก้วก็ถูกนำมาเสิรฟ พร้อมร่างผอมในชุดของพนักงานของร้านก็เดินมาหยุดอยู่ที่ข้างๆโต้ะ
"กาแฟครับคุณแมกซ์...." เด็กหนุ่มว่าพลางวางแก้วเอสเพรสโซ่ลงที่ตรงหน้าของเจ้านาย ก่อนจจะวางแก้วมอคค่าลงตรงข้ามกัน
" อืมม์ " พศวัตขมวดคิ้วพลางมองเจ้าเด็กผอมๆตรงหน้าอย่างเครียดๆ ก่อนจะยกแก้วกาแฟร้อนนั้นขึ้นมาจิบ
"คุณแมกซ์มีอะไรเหรอครับ..."สมปองรู้สึกได้ถึงสายตานั้น ก่อนจะถาม
" เราน่ะ..อายุเท่าไหร่แล้ว? " คำถามของเจ้าของร้านค่อนข้างเครียดเลยทีเดียว เด็กหนุ่มตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆอีกฝ่ายที่ไม่เคยคิดจะสนใจอะไรกับการมีอยู่ของเขาถามขึ้นมาแบบนั้น
"เอ่อ
สิบเจ็ดครับ"
"เหรอ แล้วเรียนที่ไหนล่ะเราน่ะ..." ทินกฤตเอ่ยถาม ใบหน้าตี๋นั่นเปื้อนรอยยิ้มหยันให้กับแมกซ์เล็กน้อย
"เอ่อ...ผมไม่ได้ไปโรงเรียนหรอกครับ" สมปองตอบคำถามนั้นอย่างไม่แน่ใจเท่าไรนักว่าอีกฝ่ายจะถามไปทำไม
"ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ...อ้าว...งั้นนี่ก็ทำงานที่ร้านนี่ตลอดเลยน่ะซิ่" ทินกฤตเอ่ยถาม
"อ่า...ก็นอนนี่บ้างเป็นบางวันครับ" ทินกฤตหันไปมองหน้าเพื่อน
"นอนนี่ด้วยเหรอ...ก็สะดวกซิ่นะ"
" หุบปากไปเลยมึง " ชายหนุ่มหันไปตวาดเพื่อน แต่เสียงไม่ดังนัก แล้วบอกกับเด็กคนที่ตั้งใจทำงานอยู่ตลอดคนนั้น
" ไม่มีอะไรแล้ว ไปทำงานเถอะ "
"อ่า...ครับๆ" สมปองพยักหน้าเร็วๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคนก่อนจะเดินไปดูลูกค้าอีกคนที่เดินเข้ามาพอดี
"ครับ...เชิญครับ....." ทินกฤตมองตามเด็กหนุ่มคนนั้นไปก่อนจะหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย
"สิบเจ็ดเว้ย...โทษไม่หนักจนเกินไป ถ้าแกจะเผลอเลยเถิด...แต่ ข้อตกลงเดิม จีบเด็กนั่นให้ติด.."
"เลยเถิด? ... นั่นมันสเปคกูที่ไหน "พศวัตดูเครียดหนักกว่าเดิม เด็กคนนี้ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาอะไรถูกใจเขาเลย บอกตรงๆว่าดูเด็กกว่าอายุจริงเสียอีก และสำหรับเขาแล้ว เด็กคนนี้ดูเด็กเกินกว่าที่เขาจะ"จีบ"ได้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองตามร่างผอมๆของสมปองไป ผิวคล้ำแดดบนใบหน้าและแขนนั้น แม้ว่าจะยิ้มให้กับแขกและกระตือรือร้นในการบริการก็เถอะ
"ไอ้พวกสเป็คสูงงงงง... เสียใจเว้ย งานนี้มึงไม่มีสิทธิเลือก...ฝีมือไม่ถึงก็ไม่ต้องมาอวดเลย อะไรที่ตัวเองไม่ถนัดก็ไม่ทำ...ก็บอกแล้วกะอีแค่ชุดทักซิ่โด้นี่ทำเป็นเรื่องมาก...อย่าหาว่ากูโหดนะมึงอ่ะเรื่องมากเอง" ทินกฤตชี้หน้าอีกฝ่ายราวจะประนาม ก่อนจะยกแก้วกาแฟหอมๆของรามินทร์ขึ้นดื่ม
"น้องมึงนี่ชงกาแฟเก่งจริงๆนั่นล่ะ"
"อย่างอื่นก็ดีด้วย จีบมินไหมล่ะ กูจะช่วย มึงก็แค่ยกเลิกงานแต่งซะ"พศวัตยื่นข้อเสนอใหม่ เขาพยายามทำให้ทินกฤตเปลี่ยนใจเรื่องแต่งงานมาตลอดตั้งแต่รู้เรื่องนั่นแหละ
"พี่ห่าที่ไหนเอาน้องมาเสนอให้เพื่อนวะ..."ทินกฤตเหลือบมองไปทางรามินทร์
"ไม่ว่ะ...ถ้ากูทำอะไรมิน นอกจากมึงจะแหกอกกูตายห่าแล้วอีกคนจะตามมาหักคอกูด้วย" ทินกฤตส่ายหน้า
"ให้กูตาย ไม่ก็ไปแต่งงานหนีโลกไปเลยดีกว่า เจอขุมนรกชื่อ แมน อ่ะ"
" ฮะ ฮะ มินมันเชื่อไอ้แมนมากกว่ากูอีก เด็กอะไรวะเห็นพี่มันเป็นหัวหลักหัวตอ อยากเถียงก็เถียงดื้อก็ดื้อกับไอ้แมนล่ะโคตรเชื่อง"ชายหนุ่มนินทาน้องชายเสียสนุกปาก
"พี่แมกซ์..." รามินทร์เดินโฉบมาที่โต้ะพร้อมกับถาดใส่เครื่องดื่มสำหรับลูกค้า "ผมได้ยินนะ" ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับหน้ามุ่ยๆที่เปลี่ยนเป็นหน้ายิ่มแย้มรับแขกทันควันเมื่อถึงตัวแขก
"ท่าจะจริงนะ หัวหลัก หัวตอ..." ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ
"เข้าเรื่องเดิมฉันว่าเด็กนั่นก็ไม่ได้เสียหายนะเว้ย ตั้งใจทำงานดี...หน้าตาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่หว่า...ผอมไปหน่อยแต่ดูแขนขาแล้ว ท่าจะแรงดีไม่หยอก ฮ่ะๆ"
" พอๆ แค่จีบให้ติดก็พอใช่ไหม? แล้วก็ไม่ใช้ตังค์ กูคงไม่ต้องถ่ายคลิปตอนฟันมันมาให้มึงดูหรอกนะ? "
มือแกร่งยกขึ้นเป็นเชิงห้ามไม่ให้ทินกฤตพูดอะไรต่อ
"ก็ใช่ว่ากูไม่เคยดูนี่" ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ
" มันยังเด็กอยู่ มองยังไง กูไม่ฟันมันหรอก"ชายหนุ่มตัดบท
"แต่กูจะฟันมึงแทน "
"ก็ถ้ามึงไม่เกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาจริงๆ" ดวงตาของทินกฤตฉายความมั่นใจ ริมฝีปากนั่นหยักยิ้มอีกครั้ง
"แต่ต่อให้มึงเป็นผู้ชายที่โชคดีในโลกหล้านี้ ...มันก็ไม่ใช่การตัดสินใจของกูที่จะยกเลิกงานแต่งหรอกว่ะ"
" กูบอกแล้วไงว่าจะทำให้มึงเปลี่ยนใจให้ได้ "พศวัตยกแก้วกาแฟนั้นดื่มจนหมดก่อนจะลุกขึ้น
" ไปเถอะ คืนนี้ย้ายที่เถอะว่ะ มีแต่หน้าเดิมๆ "
"เออๆ...ซักวันมึงคงเข้าใจกู ...แต่หลังจากนี้มึงไปซื้อของเป็นเพื่อนกูหน่อยจะเอาไปให้เด็กมัน..."ว่าพลางก็ควักสตางค์ขึ้นมาเดินไปที่เคาท์เตอร์ที่สมปองยินอยู่
"ของพวกพี่เท่าไร..."
"เอ่อ......ร้อยเจ็ดสิบครับ" สมปองหยิบบิลมากดเครื่องคิดเงินทันที
"แล้วเราชื่ออะไรนะ..."
"น้อยครับ...แต่เขาเรียก เจ้าน้อยกัน..ส่วนชื่อจริง ชื่อสมปองฮะ แม่บอกว่า โง่ๆแบบผมคิดทำอะไรจะได้สมหวังกะเขาบ้าง" เด็กหนุ่มตอบ ทินกฤตยิ้ม
"โอเค...ตั้งใจทำงานล่ะเจ้าน้อย คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงานนะ" ชายหนุ่มพูดพลางหันไปมองหน้าพศวัต
" ไป กูรีบ "พศวัตตัดบท ก่อนจะบอกกับคนที่เขาต้องจีบให้ติด
" ส่วนนั่นน่ะ ลงบัญชีไว้ละกัน "พูดแล้วก็เดินออกจาตรงนั้นไปเลย ทิ้งทินกฤตเอาไว้แบบนั้น
"อ้าวเฮ้ย...รอด้วยดิ่วะ...เอ้อ เจ้าน้อย เอาตังค์ไปกินหนมไป" ทินกฤตว่าพลางหยิบเงินใส่กระเป๋าเสื้อเด็กหนุ่มไปสองร้อยบาท ก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนอกไป
+++++++++++++++++
ค่ำคืนของทินกฤตกับพศวัตผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นเคย เครื่องดื่มราคาแพงไหลผ่านคอลงไปแก้วแล้วแก้วเล่า สองมือของทั้งสองคนก็ไม่เคยห่างจากคู่ควงที่หาได้แทบจะในทันทีเมื่อเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะกลับออกมาเมื่อผับปิด ทินกฤตดูจะดื่มหนักกว่าทุกครั้งจนขับรถไม่ไหวส่งมอบหน้าที่ให้พศวัตเป็นคนขับแทน
"พากูกลับให้ถึงบ้านนะมึง...พรุ่งนี้กูต้องไปกินข้าวบ้านเขาด้วย...." เสียงทินกฤตสั่งสารถีจำเป็น ก่อนจะเอนเบาะลงเล็กน้อย เสียงลมหายใจแรงมืออีกข้างก็ปลดกระดุมเสื้อลงอีกเล็กน้อยเพราะอุณหภูมิในร่างกาย
" มึงจะโกหกคนทั้งโลกอีกรอบแล้วรึไง? "น้ำเสียงของพศวัตห้วนด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวขึ้นมาได้ทุกครั้งที่เพื่อนรักพูดถึงสิ่งที่ต้องทำเพื่อตระกูล
"ชีวิตมันก็แบบนี้ล่ะ...ขับไปเหอะ" ทินกฤตเอ่ย เขาเองก็ไม่ชอบใจนักที่อีกฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของเขาอยู่ตลอดแบบนี้
"ขอกูพักตาซักหน่อย มึนว่ะ"
ทันทีที่ถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งตามหลักฮวงจุ้ยอย่างไม่มีผิดเพี้ยน รถสปอร์ตสีแดงคนนั้นก็เบรกอย่างแรง
" ไป "
"เอ้ย...." เสียงทินกฤตอุทานขึ้นด้วยสะดุ้งกับแรงกระชากของรถ ร่างสูงโปร่งขยับจะลุกขึ้น
"เออ...กูไปแน่ล่ะ....เบรกซะแรง"
แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดประตูรถ มือแกร่งนั้นกลับดึงข้อมือขาวเข้าหาตัวอย่างแรง
"เฮ้ย...อะไรวะ" อีกฝ่ายหันกลับมาเพราะแรงดึงนั้น คิ้วขมวดมุ่น "อะไรอึก..."ดวงตารีเรียวหรี่ลงมองหน้าอีกฝ่ายอย่างรำคาญใจไม่น้อย
" มึงนี่มัน แม่งน่าโมโหว่ะ แต่งงาน ? มึงจะแต่งทั้งๆที่มึง
ไม่เอากับผู้หญิงนี่นะ "คิ้วหนาขมวดอย่างไม่พอใจเอาเสียมากๆ มันมากทุกครั้งที่ทินกฤตพูดถึงเธอคนนั้น
"แล้วไง...หลับหูหลับตาไปแม่งก็เสร็จเหมือนกัน...มันเป็นรสนิยมไม่ได้หมายความว่ากูไร้สมรรถภาพเว้ย...ได้อุ้มหลานซักคนเตี่ยก็คงเลิกกะเกณฑ์กูละ" ทินกฤตถอนหายใจ ลมหายใจนั้นมีแต่กลิ่นปอลกอฮอล์ มือขาวเสยผมอย่างรำคาญใจ
"มึงจะอะไรกับกูนักหนา...ถ้ากูไม่ได้อยู่เที่ยวกับมึงตลอดเนี่ย มึงทนไม่ได้ขนาดนี้เลยรึไงวะ....มันไม่ได้จะมีอะไรอย่างใจมึงไปซะทุกอย่างหรอกนะเว้ย "
---ปึก---
พศวัตกดเบาะที่ทินกฤตนั่งให้เอนลงอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับที่ก้าวมาคร่อมร่างที่อยู่เบื้องล่าง
" เออ ! กูทนไม่ได้!!
มึงที่จะโกหกคนทั้งโลกกูไม่อยากเห็น "
มือแกร่งข้างหนึ่งจับที่ลำคอขาวที่แดงเพราะฤทธิ์เหล้า ส่วนมืออีกข้างล้วงเข้าไปในเสื้อราคาแพงของเพื่อนรัก ทินกฤตรู้สึกได้ถึงฝ่ามือของอีกฝ่ายบนตัวของเขา แต่ดวงตารีแบบคนที่มีเชื้อจีนนั้นไม่ได้แสดงความตกใจแต่อย่างใด
"มึงมันก็เป็นซะแบบนี้" ทินกฤตหัวเราะริมฝีปากเหยียดยิ้มหยัน
"
ไม่ได้ดั่งใจแม่งก็เอาเงินฟาดหัว แต่มึงฟาดหัวกูไม่ได้ เลยแม่งจะเอากูแทน...จะเอาให้ได้ดั่งใจมึงไปซะทุกอย่างใช่ไหม"
" ใช่ กูมันเป็นคนแบบนี้แหละ "พูดจบก็ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากแดงๆนั้นอย่างรุนแรง
ไม่มีสัมผัสตอบรับจากอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าทินกฤตจะตกใจกับการกระทำแบบนี้ สมัยเรียนมันก็เป็นเขากับพศวัตนี่ล่ะที่ช่วยกันและกันให้มีความสุขมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยจะมีอะไรมากมายไปกว่าการสัมผัสภายนอก
"กูรู้...และมึงก็ควรจะรู้นี่ ว่ากูเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรแล้วกูจะไม่คืนคำ
เหมือนที่กูเคยว่ากูจะไม่เอามึง"
ชายหนุ่มสบตาอีกฝ่ายนิ่งเมื่อพศวัตถอนริมฝีปากออกไป
" ถ้ามึงยังจะเป็น
คนโกหกแบบนั้น
กูจะเอามึง คอยดูไป "ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกร้าวก่อนจะไล่ทินกฤตลงจากรถร่างสูงกระชากรถคันงามนั้นออกจากหน้าบ้านหลังใหญ่ไปทันที่
ทินกฤตเองก็อารมณ์เสียไม่น้อยกับคำพูดและการกระทำของเพื่อน แต่มันก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องยอมรับความจริงบางอย่างในชีวิตเสียที
"...ห่าเอ้ย..." เสียงสบถดังพร้อมกับร่างสูงของทินกฤตที่ทั้งเตะทั้งถีบประตูไปพลางพยายามไขกุญแจเข้าบ้านไปพลาง