แสงแดดสาดเข้ามาผ่านทางบานกระจกที่น้อยดึงผ่าม่านขึ้นแล้วเช็ดถูเสียจนใส ดูจะใสกว่าทุกวันเสียด้วยซ้ำเพราะยืนเหม่อเช็ดซ้ำเช็ดวนอยู่กับที่แบบนั้นจนจิ๊บมาถึงที่ร้านในตอนเช้าตรู่ของวันจันทร์ คืนก่อนเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเขายังไมม่อยากเชื่อ เรื่องแบบนั้นมันมีแต่ในละครหลังข่าวที่ดูอยู่เกือบทุกคืนหลังเลิกงานไม่ใช่หรือยังไง สมปองคิดพลางลงมือขัดกระจกแรงขึ้นอีก แล้วพอตื่นมาก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ปลุกพศวัตให้ตื่นรีบขับรถกลับบ้านไปเหมือนทุกที ดูท่าทางอีกฝ่ายยังมึนงงหนักข้อเขาเลยไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป
"ป่านนี่ไปงานแต่งเฮียแมนกะคุณมินแล้วม้าง.....จะมาสนใจอะไรผู้น้อยน้อ....." บ่นไปก็แปลกใจตัวเอง ปรกติไม่ได้คิดจะตั้งหน้าตั้งตาคอยให้เจ้านายร่างสูงใหญ่คนนั้นมาที่ร้านซักเท่าไร...เพราะมาทีไรเขาก็โดนตะคอกใส่อยู่เรื่อย ถ้ามีเฮียแมนเป็นหน่วยตะคอกหลังร้าน เขาคงยกให้พศวัตเป็นหน่วยตะคอกหน้าร้านเพราะโดนว่าโดนดุทีไรก็ที่หน้าร้านไม่ก็ตอนเอาของไปเสริฟให้ทุกที
ร่างสูงเพรียวของเด็กหนุ่มผิวขาวผมสีน้ำตาลในชุดพนักงานเดินเข้ามาในร้านที่เขาทำงานอยู่ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลากระเป๋าเป้สีแดงนั้นยังคงเด่นสะดุดตาเช่นทุกครั้ง
"ไง เจ้าน้อย ไม่ได้เจอหลายวัน สบายดีป่ะ? "อรรถนันท์ทักสมปองด้วยรอยยิ้มสดใส
"คร้าบ....คงไม่สบายไปมากกว่านี้แล้วล่ะ" เสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุดของที่ร้าน แต่ก็เป็นเวลาเรียนเวลาไปสอบของอรรถนันท์ด้วย เจอหน้ากันวันจันทร์ทีก็ทักกันแบบนี้ทุกรอบ แต่ท้ายเสียงของสมปองคราวนี้ดูอารมณ์จะไม่จอยเท่าไร
"พี่จิ๊บนี่ดีเนอะ หน้าชื่นตาบานได้ทุกกกกกกวัน...คนมีความรักก็งี้?"
"แกก็ลองมีแฟนดูดี่วะ "มือเรียวตบบ่าเด็กหนุ่มที่ดู..เปลี่ยนไป
" โห...ขาวขึ้นว่ะ ไปทำอะไรมา " ว่าแล้วก็จับตามเนื้อตัวสมปองใหญ่เลย ไหนจะเสื้อผ้าอีก
"คุณเทียนพาไปเที่ยว...อะไรปาๆ...ที่ลงอ่างอ่ะ แล้วมีพี่ผู้หญิงมาขัดๆอ่ะ" สมปองตอบตามตรง
"ก็ดีนี่หว่า น่ารักขึ้นว่ะ อีกหน่อยสาวตรึมแน่ เชื่อพี่ดี่ "คำตอบของสมปองทำให้อรรถนันท์หัวเราะร่า ก่อนจะเดินไปในครัวเพื่อเตรียมตัวทำงาน
"สาวเหรอ...ไว้ผมมีวันหยุดก่อนนะ จะได้ออกไปบริหารเสน่ห์ให้มันถูกที่ถูกทางเสียหน่อย" เด็กหนุ่มว่าพลางหัวเราะ
...แต่ไอ้เมื่อคืนก่อนนั่นมันเพราะอะไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดีล่ะว่า.....
"เอ้อ..พี่จิ๊บ วันนี้วันแต่งเฮียแมนใช่ป่ะ เจ้าบ่าวจะเป็นไงบ้างเนอะ เจ้าสาวต้องสวยแน่เลยอ่ะ...เฮ้อ คนหน้าตาดีนี่มีทางเลือกเจรงเล้ยยย" สมปองบิดขี้เกียจที่หน้าประตูกระจกที่เลื่อนไปเช็ดถูอยู่เมื่อครู่
" ก็คงสวยอะ เห็นว่าเป็นลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน" พอพูดถึงเชฟคนเก่งของร้านเลยนึกขึ้นได้
" อ่าว งั้นวันนี้ขายกาแฟอย่างเดียวอะดิ "
"ก็ขายกาแฟอย่างเดียวมาเกือบอาทิตย์แล้ว...คุณแมกซ์มาช่วยบ้างบางวัน..." สมปองว่า
"บ้านนี้เขาดูแปลกๆกันนะว่าป่ะ...คุณมินก็ดูถือตัวไม่ค่อยอยากให้ใครเข้าใกล้เท่าไร...คุณแมกซ์ก็..." เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมา
"เหมือนพวกผีเข้าผีออก"
" นั่นไง ผีมาละ "เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหัวเราะพลางมองออกไปที่หน้าร้าน
" ยังไงนั่นก็เจ้าของร้านนะโว้ย "
ยังไม่ทันที่อรรถนันท์จะได้ทักทายอะไร "ผีที่เข้าๆออกๆ"อย่างพศวัตก็รีบเดินตรงมาทักก่อน ท่าทางสดชื่นผิดกับเมื่อคืนก่อนลิบลับ
" อ้าว น้องจิ๊บ สบายดีนะครับ ไม่ได้เห็นหน้าตั้งนาน "
" สวัสดีครับ คุณแมกซ์ " คนที่ถูกทักรีบยกมือไหว้ชายหนุ่ม สมปองหันไปมอง ก่อนจะยกมือไหว้เจ้าของร้านบ้าง
ท่าทางที่สดชื่นใบหน้าที่ยิ้มแย้มที่มีให้กับจิ๊บทำให้สมปองเผลอขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
...ไมทีพี่จิ๊บมายิ้มร่าเลยหนอ....
ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่า แมกซ์ก็มีท่าทีแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ไปแล้วไม่ใช่หรือยังไงกัน แล้วเขาจะรู้สึกขุ่นมัวอะไรกัน
"พี่จิ๊บ น้ำตาลในโถหมดรึยัง..." สมปองแกล้งถามออกไปแบบนั้น เพราะคิดว่าถ้ามันยังไม่หมดให้ไปสกัดออกจากสายตาของเจ้าของร้านยังได้
เด็กหนุ่มผิวขาวเช็คของที่เคาท์เตอร์ชงกาแฟของตนเอง ก่อนจะพึมพำ
" เออ นั่นดี่ .. อ่าว ไม่พอจริงด้วย " เป็นจังหวะเดียวกับที่พศวัตที่ทำท่าจะมาขอชิมกาแฟที่เขาชงเสียหน่อย
" คุณแมกซ์ครับ พอดีน้ำตาลไม่พอ จิ๊บว่าโทรสั่งอาจจะไม่ทัน ยังไงเดี๋ยวจิ๊บขอเบิกเงินไปซื้อที่เซเว่นนะครับ "
"ไม่พอเหรอ? เดี๋ยวพี่โทรสั่งให้ก็ได้นี่ "ชายหนุ่มยกมือขึ้นดูเวลา อีกไม่นานร้านก็ต้องเปิดแล้ว
"แต่ถ้ากลัวไม่ทัน ... "เจ้าของร้านล้วงกระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบธนบัตรใบละห้าร้อยออกมา
" น้อย มาหาพี่หน่อย "
"ฮะ?..." เจ้าของชื่อว่าพลางวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงแล้วเดินไปหา
" ไปซื้อน้ำตาลที่เซเว่นมา ห้ากิโล ที่เหลือก็ไปซื้อขนมมากิน เผื่อน้องจิ๊บด้วยละกัน "
"ห้ากิโล...ให้ผมเหมาหมดเซเว่นเลยนะครับ" สมปองคิดในใจ ให้ตายยังไงที่เซเว่นก็วางไว้ไม่เกินนั้นอยู่แล้ว
ก่อนจะมองไปทางจิ๊บ "พี่จิ๊บ...ถ้าอย่างนั้นฝากจัดโต้ะหน่อยได้ไหมอ่ะ..."
" ได้สิ เดี๋ยวพี่ทำเองๆ แล้วก็ไม่ต้องซื้ออะไรมาเผื่อพี่นะ พี่ก้องให้ขนมมาเยอะแยะ "ชื่อที่ถูกเอ่ยถึงทำให้พศวัตแสดงออกถึงความไม่พอใจทางสีหน้าได้ทันที แต่ก็ไม่ว่าอะไรชายหนุ่มเร่งเด็กหนุ่มร่างเล็กแทน
" ไปได้แล้วๆ "ร่างสูงไล่สมปองเสียงดัง เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก
"ครับๆไปแล้วๆ... เฮ้อ..." ดวงตากลมเหลือบมองหน้าของพศวัตเล็กน้อย
...เข้าใจแล้ว.....เพราะพี่จิ๊บมาแล้วใช่ไหมล่ะ...
ก่อนจะเดินออกไปซื้อของอย่างเสียไม่ได้ตามคำสั่งของเจ้านาย
++++++++++++++
"พี่จิ๊บ..." เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาตอนจะเก็บร้าน หลายวันมานี่ หากเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากจะคุยหรือเสวนาอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก จนได้ยินจิ๊บเอ่ยถามด้วยความสงสัยอยู่หลายรอบว่า เป็นอะไรไปหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นยังไง แต่หลายวันที่พศวัตมาอยู่ช่วยที่ร้าน มันอาจจะดีตรงที่เขากับจิ๊บไม่ต้องปวดหัวเรื่องการเก็บเงินเก็บทอง แต่ที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึก....อยู่ไม่สุข....ก็ตรงที่เจ้าของร้านร่างสูงคนนั้นดูไม่หันมาเล่นหัวกับเขาเหมือนก่อนหน้าที่จิ๊บจะกลับมา
"เคยรู้สึกเหมือน...น้อยใจใครบ้างป่ะ"
" เคยสิ.. ไม่เห็นแปลกเลย "
อรรถนันท์ว่าพลางเก็บของใส่กระเป๋าเป้ นี่ก็ใกล้จะเลิกงานมากแล้ว
"คนเราเนี่ย ถ้ามาทำเหมือนเราพิเศษขึ้นมาเนี่ย...หมายความว่า เขาชอบเรารึเปล่าอ่ะ หรือ...อาจจะเป็นเพราะว่าสงสารอ่ะ"เด็กหนุ่มเอ่ยถาม สองไหล่ห่อลงอย่างเห็นได้ชัด
"ไอ้น้อย....หันมานี่มา"เจ้าของผมสีน้ำตาลบอกให้อีกฝ่ายสบตาเขาแล้วยิ้มให้
"เป็นอะไรไปวะ? พี่ว่าเราน่ารักขึ้นตั้งเยอะ มันก็ต้องมีคนชอบอยู่แล้ว มั่นใจหน่อยดิวะ"น้ำเสียงนั้นพูดอย่างอ่อนโยน อรรถนันท์รู้ดีว่าสมปองไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับเรื่องแบบนี้
"แล้วมันดีแน่เหรอพี่...ผมไม่เห็นจะเหมาะกับอะไรพวกนี้ซักหน่อย...บางที อาจจะเป็นแค่ตัวแทนของใครที่..ดูดีกว่าผมก็ได้" สมปองเอ่ยออกมา น้ำเสียงดูสับสนอย่างบอกไม่ถูก
"เป็นอะไรไปวะ?"มือเรียวขยี้ผมอีกฝ่าย
"พี่ว่าแกต้องชอบเขาแล้วล่ะ "
"ชอบ?" คำนั้นของอรรถนันท์ทำให้ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
" ก็ถ้าไม่ชอบ แกคงจะไม่สนใจหรอกว่าเขาจะคิดกับแกยังไง ใช่ปะ .. เอาน่า ค่อยๆดูไปไม่ต้องรีบ "
"ผมจะไปชอบเขาได้ยังไงอ่ะ...ไม่มีทางอ่ะ...เป็นไปไม่ได้เด็ดๆอ่ะ....." สมปองแทบโวยลั่นกระโดดผึงออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ทันที
" ฮะ ฮะ ..ก็บอกแล้วไง ว่าค่อยๆดูไปไม่ต้องรีบโว้ย "ท่าทางแบบนั้นทำให้รุ่นพี่เรื่องความรัก หัวเราะออกมา ก่อนจะรูดซิบกระเป๋าเป้ แล้วลุกขึ้น
" กลับดีกว่า .. แล้วเจอกัน "
"แล้วเจอกันฮะพี่..ผมว่าผมก็จะไปหาอะไรทำให้หัวมันโล่งๆหน่อย" เด็กหนุ่มว่าพลางขยี้หัวตัวเอง
...โว้ย....ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก....ไอ้น้อย
นั่นผู้ชายนะ....
++++++++++++++
งานเก็บกวาดล้างในคืนนี้มีน้อยเสียจนสมปองคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรทำ เพราะเปิดขายแต่กาแฟกับแซนวิซที่พศวัตเป็นคนลงมือทำเองเสริฟเอง เด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเองที่อยู่ที่ชั้นสองบนผนังมีโปสเตอร์หนังที่เขาชื่นชอบแต่ได้เพียงแค่ไปหาซื้อแผ่นมานั่งดูแปะเอาไว้ เด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียงเสียงลั่นดังเอี้ยดก่อนจะหันมองไปที่โปสเตอร์หนัง ภาพของพระเอกที่ยืนโอบเอวนางเอกฝรั่งผมสีทองตาสีฟ้าอยู่นั้นยิ่งตอกย้ำคำพูดของจิ๊บที่ได้ยินเมื่อช่วงเย็นก่อนจะออกจากร้านไป
...ผู้ชายมันก็ต้องผู้หญิงดิ่....
...จะไปชอบได้ยังไง....
...ผู้ชายมันก็ต้องกล้ามโตๆดิ่...คู่กะอกโตๆด้วย ....
...จะไปชอบก้ามปูได้ไง....คิดแบบนั้นเด็กหนุ่มก็ลงไปวิดพื้นเหมือนอย่างที่เคยทำตอนสมัยอยู่ค่ายมวย...กางเกงมวยที่ชอบใส่ตอนทำความสะอาดเป็นเหมือนของที่ระลึกจากเมื่อสองปีก่อนจะเข้ามาทำงานที่ร้านกาแฟร้านนี้
สมปองเคยเป็นนักมวยไทยรุ่นเล็ก เขาฝึกมวมาตั้งแต่สิบขวบ ชกมวยเด็กไปตามงานวัดแถวบ้าน มันแทบจะเป็นอาชีพของเขามาตั้งแต่ตอนนั้นเลยก็ว่าได้ เพราะขึ้นชกหนึ่งครั้งอย่างน้อยแม้จะไม่ชนะแต่ถ้ามีใครถูกใจลีลาแม่ไม้มวยไทยของเขา ก็จะมีเงินค่าขนมติดมือกลับบ้านซักสี่ห้าร้อย...ครอบครัวของสมปองไม่มีพ่อเป็นเสาหลักเหมือนใครๆ พ่อที่จำเค้าโครงหน้าได้เพียงลางๆนั้นสมปองจำได้ดีว่าพ่อชอบดูมวยมาก...เท่านั้นก็มากพอจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทนได้ทุกอย่างกับการฝึกในค่ายหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ เพราะคนรู้จักของน้าสาวนั้นไปทำงานอยู่ที่ค่ายมวย กลับมาบ้านมาเห็นเขาเข้าก็ชักชวนไปฝากฝังอยู่ที่ค่าย..จนได้ฝึกทุกอย่างอย่างนักมวยรุ่นพี่อย่างเข้มข้น จนเมื่อสองปีก่อนก็ถอนตัวออกมาจากวงการมวย เพราะการต่อสู้ในไฟท์ที่สามสิบของเขานั้น...คู่ชกส่งเขาด้วยจระเข้ฟาดหางรับเงินไปเป็นหมื่นกับลีลาสวยๆ ในขณะที่ตัวเขาเองหลับไปเกือบสามวัน...และหมอบอกว่าเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองอยู่ไม่น้อย หลังจากนั้นเป็นต้นมา สายตาที่เคยฉับไว ความคิดที่พร้อมจะปล่อยหมัดออกไปก็เชื่องช้า และมักจะทำอะไรซ้ำๆอยู่อย่างนั้น แม่ที่นั่งเฝ้าไข้อยู่ตลอดวันตลอดคืนก็ได้แต่ร้องไห้...สมปองจึงยอมที่จะลาออกจากค่ายมาทำงานรับจ้างทั่วไป เพราะมัวแต่ฝึกมวยการเรียนก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร หนำซ้ำยังแย่ลง...แต่กระนั้นก็คงดีกว่าฝืนแล้วทำให้แม่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา สมปองจึงได้เข้ามาทำงานที่ร้าน ตามคำที่กตัญญูชวน...เป็นเด็กเสิรฟในร้าน คงดีกว่าวิ่งแบกของอยู่ในตลาดเป็นแน่แท้
เกือบร้อยครั้งที่สมปองวิดพื้นลงไปเรียกเหงื่อได้ไม่น้อย ออกกำลังกายก็แล้วแต่ก็ยังไม่หายหงุดหงิด ความรู้สึกบางอย่างรบกวนจิตใจ โดยเฉพาะอิย่างยิ่งภาพการกระทำในคืนนั้นของพศวัต...
"....โว้ย....หงุดหงิดโว้ย..."
ไม่ตะโกนลั่นห้องเปล่า ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าคว้าโทรศัพท์มือถือราคาถูกของตัวเองกับกุญแจร้านและกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินอยู่ไม่เท่าไรออกจากห้องไปทันที กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มาโพล่อยู่ที่เวทีมวยชื่อดังเสียแล้วเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม นักมวยกำลังออกลายเล่นแม่ไม้สารพัด สมปองสอดส่ายสายตามองหาคนคุ้นเคย ที่เคยอุปการะเลี้ยงดูตัวเองมาเมื่อสองปีก่อน
++++++++++++++
"สวัสดีครับพ่อสุธี..." เอ่ยพลางยกมือไว้นอบน้อม สองขาลดลงนั่งคุกเข่าข้างเก้าอี้ที่ชายร่างใหญ่เจ้าของชื่อนั่งอยู่ข้างเวที
"อ้าว เจ้าน้อยไปไงมาไงล่ะเนี่ย มาถึงนี่ได้ "สุธีเป็นเป็นชายวัยเกือบหกสิบ แต่เพราะเป็นนักมวยเก่าและออกกำลังกายอยู่เสมอจึงทำให้ดูหนุ่มกว่าวัย เขาทักทายนักมวยเด็กในสังกัดเมื่อเกือบสามปีก่อน อย่างเอ็นดู
"เรื่องมันยาวครับพ่อ...แต่...พ่อครับผมรู้ว่าผมหายไปนาน ไม่รู้ว่าพ่อจะว่าไหมผมอยากขอพ่อชกซักไฟท์...”เด็กหนุ่มว่าแม้ไม่มั่นใจเลยในผลที่จะออกมาแต่ความรู้สึกในอกตอนนี้ เขาไม่รู้จะระบายมันออกมาอย่างไรดี สิ่งที่เขาคิดออกได้ก็มีเพียงแค่เรื่องนี้และคนๆนี้จริงที่จะช่วยเขาได้
"เฮ่ย .. เอ็งก็รู้นี่หว่า ว่าถ้าไม่ฟิตมันจะแย่เอานา "มือแกร่งจับตามเนื้อตัวของอีกฝ่าย
" บัตรนักมวยก็ไม่มี เป็นอะไรไปขึ้นมาอีกข้าจะเอาหน้าไหนไปบอกแม่เอ็ง อีกอย่างตอนนี้เอ็งก็ไม่เหลือคราบนักมวยแล้ว กินดีอยู่ดีแล้ว อย่ามาหาเรื่องเจ็บตัวเลย... ลูกเอ๊ย "
"แต่พ่อครับผม....."สมปองหน้าเสียเมื่อถูกมองว่าตัวเองไม่เหลือคราบนักมวย...แต่เขาก็เป็นอย่างอรรถนันท์ไม่ได้อยู่ดี....ความสับสนในใจทวีคูณเช่นเดียวกับคำถามที่พอกพูนขึ้นมา
"ผม...ร้อนเงินจริงๆ พ่อก็รู้ว่าแม่ผมป่วย...อยากได้ค่ายาไปให้แม่ซักสองสามพันก็ยังดี ผมไม่ได้จะมาขอเอาเงินพ่อไปฟรีๆ ผมขอแค่ผมได้หาเงินด้วยตัวผมเอง"เด็กหนุ่มยกมือไหว้ท่วมหัวอีกทั้งๆที่ก็รู้ดีว่ากำลังโกหกคำโต...จริงอยู่ที่แม่เขาป่วยเจ็บออดๆแอดๆ จริงอยู่ที่เขาต้องทำงานส่งเงินให้แม่ใช้แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่เขาอยากจะชกในคืนนี้เลย ทุกอย่างเป็นเพราะความสับสนในใจเท่านั้น
" ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเรอะ... “ นายสุธีครุ่นคิด ดวงตามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างหนักใจ เขารู้ถึงอาการของอีกฝ่ายดี แต่ถ้าจะปล่อยไปแบบนี้ ก็เท่ากับเขาไม่ได้แสดงน้ำใจให้เด็กตาดำๆเลย
“เอางี้ เอ็งไปที่ข้าวสารนะ ไปหาเฮียแดง บอกว่าข้าฝากให้เอ็งขึ้นชกก็แล้วกัน "ชายชราลูบผมอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู " ยังไงก็อย่าให้โดนหัวอีกนะ "
"ครับพ่อ ขอบคุณมากครับพ่อ...ผมจะรีบไปหาเฮียแดงครับพ่อ" ใจชื้นขึ้น พ่อสุธีของเขายังมีเมตตาให้เหมือนเดิมแม้ว่าเขาจะชกให้ไม่ได้อีกแล้ว สมปองกราบลงแทบตักชายสูงวัยอีกครั้งรับศีลรับพรเรียบร้อย พ่อสุธียังอุตส่าห์ยัดเงินใส่มือมาให้อีกห้าร้อยบอกว่าเป็นค่ารถ เด็กหนุ่มรู้สึกผิดเล็กๆที่รับเงินมาด้วยคำโกหกคำโต แต่เขาก็รีบวิ่งหารถไปยังถนนข้าวสารตามที่พ่อสุธีของเขาบอกทันที