หนึ่งวันที่ลาป่วย จุนเจือก็พยายามทำให้ตัวเองสบายใจขึ้น แต่ดูเหมือนว่าอะไรๆจะไม่ได้ดั่งใจเลย เริ่มจาก สิวเม็ดเป้งขึ้นมาที่หน้าผาก อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เขากลุ้มใจเข้าไปใหญ่ แล้วไหนจะได้รับข่าวร้ายเมื่อมาถึงบริษัทอีกว่า บาสกับเก่งขอลางานกับทินกฤตแล้วนั่งรถทัวร์ไปเชียงใหม่แล้ว ทิ้งให้เขาต้องทำงานที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะคนเดียว
เด็กหนุ่มดูจะไม่สบอารมณ์กับทุกสิ่งทุกอย่างไปเสียหมด ทั้งงานตรงหน้า และ แผนการประกวดที่เหมือนจะมีแต่ทางบริษัทและตัวเขาที่ได้พูดคุยกัน ส่วน“ทีม” ของเขาอีกคนนั้น เมื่อลองโทรศัพท์ไปหาเบลล์น้องสาวของบาสแล้วก็ได้รับฟังวีรกรรมยาวเหยียดของเจ้าตัวมาเสียจนหูชา เด็กสาวรีบบอกเขาว่าจะเอาเรื่องนี้ไปโพสต์เสียให้ทั่ว หากแต่ตัวเขาได้ห้ามเอาไว้เพราะไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร อีกอย่าง ในเมื่อยังไม่ได้ประกวด ยังไม่ได้ซ้อมด้วยกัน เด็กคนนั้นอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็เป็นได้ จุนเจือพยายามปลอบใจตัวเองไปอย่างนั้น ยิ่งต้องมาเห็นงานที่ต้องทำบนโต๊ะแล้วก็อดเซ็งไม่ได้
สภาพของนักศึกษาฝึกงานที่ดูเหมือนจะเป็น "นายแบบ" มาตั้งแต่วันแรกของการทำงานเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อย่างเข้าสู่วันที่สองของการทำงานเพียงลำพัง เด็กหนุ่มยังคงทำไปบ่นไป แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการบ่นมากกว่าที่งานจะเดิน จุนเจือต้องอยู่ทำงานโอที เขาตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีทางเสร็จเป็นแน่
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตลอดเวลาที่นั่งทำงานไปบ่นไป นั้น มีสายตาของประธานบริษัทคอยมองอยู่ห่างๆตลอด จนเมื่อทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว ทินกฤตที่ตั้งใจจะกลับบ้าน เดินออกมาเห็นเด็กหนุ่มยังคงนั่งบ่นไปทำงานไปอยู่ที่โต๊ะทำงาน จนกระทั่งทำงานทุกชิ้นเสร็จเรียบร้อยก็ค่ำมืดไปเสียแล้ว..
++++++++++++++++
"ทำงานเสร็จแล้วเหรอ" เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของเด็กหนุ่ม ไฟในออฟฟิศปิดมืดเป็นส่วนๆ เหลือเพียงแค่ตรงจุดโต๊ะทำงานของจุนเจือ
ใบหน้าสวยที่บัดนี้มีรอยใต้ตากับสิวเม็ดเป้งเงยหน้ามองต้นเหตุของสภาพเขาในวันนี้
" อือ..เสร็จแล้ว" ว่าพลางลุกขึ้นเก็บของใส่กระเป๋า
" คงจะพอใจพี่แล้วสินะ ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ตาเป็นแพนด้า สิวก็ขึ้นอีก .. รู้ไหมกว่าจะหายเนี่ยมันยากขนาดไหนกัน" ทินกฤตกลายเป็นตัวต้นเหตุสำหรับทุกสิ่งเสียแบบนั้น จุนเจือบ่นไปเรื่อยก่อนจะรูปซิปกระเป๋าทำงานของตน
"พี่ทำอะไร?..."ทินกฤตถามไปตามตรง
"ถ้าเราไม่เอาเวลาไปบ่น หรือเปิดเว็บไซต์นั่งเล่น ป่านนี้งานคงเสร็จแบบเพื่อนๆเขาไปแล้ว..." ทินกฤตเอ่ยขึ้น พลางเดินไปเปิดแฟ้มงานดู
"...ก็พอใช้ได้นะ แต่เดี๋ยวคงต้องให้ศักดิ์ชัยตรวจงานอีกรอบ" ทินกฤตวางแฟ้มเอกสารลง ก่อนจะหันไปมองอีกด้านของโต๊ะ ดูก็รู้ว่างานฝากนั้นยังเหลืออยู่อีก
"พรุ่งนี้ก็สู้ต่อก็แล้วกันนะ... เดี๋ยวก็เสร็จละ " ทินกฤตยกมือขึ้นขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ
"ไป พี่พาไปกินข้าว แล้วจะพากลับไปส่งบ้าน"
"วันนี้อยากจะกินอะไร...ทำงานเหนื่อยๆ พี่จะพาไป " ทินกฤตเอ่ย นึกชื่นชมในใจที่วันนี้จุนเจือ อดทนทำงานจนเสร็จแม้จะยังคั่งค้างอยู่บ้างแต่ก็คงดีกว่าการที่ต้องเห็นอีกฝ่ายนั่งทำตัวเป็นนกเสริมสวยหน้ากระจกแล้วทำหน้าแปลกๆไปวันๆ
" ไม่รู้ดี่..ไม่อยากอะไรเป็นพิเศษ เดี๋ยวเจออะไรน่ากิน ค่อยแวะก็แล้วกันครับ "น้องชายของภรรยาบอก ดูท่าจะไม่อยากใส่ใจอะไรมากนัก .. งานค้างมากมาย ทำเอาปวดหัวไปหมด
"โอเค...เอาเป็นว่าขับรถไปเรื่อยๆก่อนก็แล้วกัน เจออะไรที่อยากกินก็บอกพี่นะ" ทินกฤตหันไปมองหน้าของเด็กหนุ่มพลางขับรถต่อไปเรื่อยๆ
++++++++++++++++
รถเอสยูวีสีดำคันใหญ่ออกจากบริษัทที่เป็นย่านธุรกิจกลางกรุง ผ่านร้านรวงมากมาย แต่จุนเจือก็ไม่ได้บอกให้ทินกฤตจอดแต่อย่างใด จนกระทั่งขับรถออกมาจากตัวเมืองพอสมควร
" พี่เทียน.. "คนที่นั่งมองออกไปด้านนอก ท่าทางเหนื่อยๆจู่ๆก็เรียกชื่อพี่เขยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
"หืม?...อะไร?" ทินกฤตหันไปมองอีกฝ่ายเล็กน้อย
" แวะ..กินหมูกะทะไหม? " ว่าแล้วก็ชี้ไปตรงป้ายร้านหมูกะทะข้างทาง ซึ่งอยู่ติดกับตลาดนัดเปิดท้ายขายของ ผู้คนพลุกพล่าน ดูน่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
"หมูกะทะ?..." ทินกฤตเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
....หน้าแบบนี้กินหมูกะทะเหรอเนี่ย.... ทำเอาใบหน้าสวยต้องหันมามองค้อน ราวกับจะถามว่า
.. มันแปลกนักหรือไง?.."ก็ดีนะ..พี่ไม่ได้กินหมูกะทะมานานแล้ว...ไม่ได้ว่าหรืออะไรหรอก" ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆที่มุมปากกับท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่าย
"กินครั้งสุดท้ายก็คงโน่น...หลังเรียนจบ ป.โทล่ะมั้ง... นอกนั้นก็เอาเงินไปลงเหล้าตลอด ไม่ได้ลงกะทะเท่าไร" พี่เขยสารถีจำเป็นว่าพลางเปิดไฟเลี้ยวเข้าหาที่จอดร้านหมูกะทะข้างทางทันที
++++++++++++++++
รถเอสยูวีคันนั้นดูจะไม่เข้าพวกกับรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดจนเต็มหน้าร้าน คนทั้งคู่ที่ลงจากรถมาในสภาพชุดนักศึกษาผูกเนคไท และ ชุดสูททำงานเต็มยศ ทำเอาใครต่อใครต้องหันมามอง
แต่เพียงไม่นานเมื่อได้ที่นั่ง จุนเจือก็เดินไปตักบรรดาหมูสไลต์ เนื้อไก่ เนื้อปลา รวมทั้งลูกชิ้นหมูลูกโต มาจนเต็มจาน โดยที่ไม่ถามทินกฤตซักคำ
"ผักล่ะ ไม่กินหรือไง..."ทินกฤตว่าพลางถอดเสื้อสูทพาดวางไว้กับพนักเก้าอี้ พลางพับแขนเสื้อเชิ๊ตขึ้นสูง
ใบหน้าสวยส่ายไปมาแล้วทำหน้าเบ้ " ไม่กินอะ..ของมันไม่ชอบก็คือไม่ชอบแหละ พี่ไปตักมาเองเลย .. ผมไม่รู้ว่าพี่กินอะไร ไม่กินอะไร "ว่าพลางก็ใช้ตะเกียวชี้ไปที่ไลน์ของสดกลางร้านแล้วหันมาตักหมูลงกะทะย่างจนเต็มไปหมด
คนอายุมากกว่ามองพฤติกรรมการกินของอีกฝ่ายก็ต้องถอนหายใจออกมา
"โอเค งั้นเดี๋ยวพี่มา..." ทินกฤตว่าพลางเดินไปตักที่อยากทานและที่คิดว่าอีกฝ่าย น่าจะต้องกินบ้างมาวางไว้ที่โต๊ะ
ก่อนที่จุนเจือจะได้ทัดทานอะไร ชายหนุ่มก็คีบข้าวโพดอ่อนวางลงในกะทะ ก่อนจะตามมาด้วย แครอท และข้าวโพดเป็นเม็ดๆ เทลงไป.... ทินกฤตมองผลงานตัวเองอย่างชอบใจ...นี่ถ้ามีฟักทองหรืออะไรให้ด้วยเขาคงจะใส่ลงไปแล้ว
ดวงตาคมนั่นสบตากับพี่เขย ก่อนจะเบ้ปาก แล้วคีบเนื้อหมูที่สุก จิ้มน้ำจิ้มใส่ปาก ไม่ได้สนใจทั้งข้าวโพดและแครอทนั่นเลย
" ถ้ากินไม่หมดโดนปรับ พี่จ่ายคนเดียวเลยนะ .. ผมบอกแล้วว่าไม่กินผัก "
"เลือกกินแบบนี้พี่สงสัยจริงว่าสูงมาได้ยังไง... " แต่ถึงปากจะบอกแบบนั้น ทินกฤตก็คีบแครอทใส่ในจานให้กับอีกฝ่าย
"หรือต้องให้พี่แกะเป็นรูปดาว รูปเดือนให้ด้วยไหม ถึงจะกิน"
จุนเจือคีบผักใส่จานของทินกฤตทันที " ก็บอกแล้วไงว่าของมันไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบ "
ใบหน้าสวยมุ่ยอย่างขัดใจ แล้วคีบลูกชิ้นใส่ปากแต่คงลืมไปว่า ลูกชิ้นที่ต้มในน้ำร้อนมัน..
" โอ๊ย! ร้อน!! " ริมฝีปากบางแดงจัดขณะที่พยายามเป่าลมจากในปาก เพื่อช่วยลดความร้อนของลูกชิ้น
"เอ้า กินน้ำซักหน่อย ...รีบกินรีบยัด ปากพองพอดี " ทินกฤตหัวเราะเบาๆ พลางยื่นแก้วน้ำให้กับน้องเมีย
"กินไม่ได้ดูเลยคนเรา"
เด็กหนุ่มรับเอาแก้วน้ำเย็นๆขึ้นมาดื่มก่อนจะวางแก้วเปล่าลงกับโต๊ะ แล้วแลบลิ้นออกมา ราวกับจะผึ่งให้มันหายร้อน ใบหน้าสวย เชิด กวนประสาททินกฤตอยู่ตลอด ตอนนี้ดูหมดท่าไปเลยทีเดียว
ทินกฤตเท้าคางมองหน้าคนตรงหน้า ริมฝีปากหยักยิ้มน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆคีบเนื้อย่างเข้าปากไป
ท่าทางที่เหมือนเด็กทั่วไป แม้จะบ้าๆบอๆไปบ้างแต่ก็ดูแปลกตาชวนให้แปลกใจในความรู้สึกของทินกฤตอยู่เรื่อยๆ
เด็กหนุ่มคนนี้ ไม่ว่าจะทั้งหน้าตา รูปร่าง ดูยังไงก็เป็นแบบที่เขาชอบ เสียตรงที่ปากเสียกับดื้อด้าน แต่ก็น่ารักไปในแบบที่ไม่เคยเจอ
แต่ทำอย่างไรได้...ในเมื่อโชคชะตามันพามาพบในฐานะ "น้องเมีย" เช่นนี้ ก็คงต้องดูแลแบบนี้ต่อ...ถึงมองหน้าแล้วอีกฝ่ายจะไม่ค่อยอยากให้เขาดูซักเท่าไรก็ตามที
++++++++++++++++
ทั้งสองคนออกจากร้านหมูกะทะหลังจากใช้เวลากับมันไปเกือบชั่วโมงครึ่ง แต่ก่อนที่จะกลับไปที่รถ
" นี่ ..พี่ครับ เราแวะตลาดนัดไหม?.. ถ้ากินอิ่มๆแล้วไปนั่งรถ มีหวังอ้วกกันพอดี "นิ้วเรียวชี้ไปยังบริเวณทีมีตลาดนัดเปิดท้ายขายของที่อยู่ไม่ห่างจากร้านหมูกะทะนัก
"จะให้พี่พาเที่ยวนี่...หายโกรธแล้ว?..."ทินกฤตหันไปมองตามที่อีกฝ่ายชี้ ร้านรวงเปิดไฟส่องสว่าง ผู้คนเดินกันให้พลุกพล่านขวักไขว่ ดูคึกคักไม่น้อย
" ก็แค่ กลัวอาหารไม่ย่อยนี่นา "
"ครับๆ...แต่สรุปว่าหายโกรธพี่แล้ว?..."ยังไม่วายวกกลับเข้าตัวเรื่องเดิม
" ................. " คำตอบของเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาคือการเดินเข้าไปยังร้านขายซีดีและดีวีดีทันที มือเรียวทำการค้น แบบที่จะเรียกได้ว่าคุ้ยด้วยซ้ำ
"หาอะไร" อีกครั้งที่ทินกฤตโพล่มาแบบให้เสียงแต่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้ช่วงแขนยาวเอื้อมไปช่วยคุ้ยจากด้านหลัง คนที่เดินไปมาก็ดันเข้ามาเรื่อยจนพื้นที่ระหว่างสองคนเริ่มหายไป แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่กลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากต้นคอของเด็กหนุ่ม ทินกฤตเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบดึงสติกลับมาเหมือนเดิม
....ท่องไว้เทียนเอ้ย...น้องเมีย...น้องของเมีย.....สัมผัสจากแผ่นอกกว้างที่กระทบกับหลังผ่านเสื้อผ้านั่นทำเอามือเรียวที่กำลังค้นหาหนังที่อยากได้ต้องหยุดชะงัก ลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบกับคอทำให้ต้องย่นคอหนีโดยอัตโนมัติ
" หา..หลายเรื่องอยู่ "เสียงที่ตอบกลับมานั้นดูติดขัด แล้วก็ขยับตัวออกห่าง ไม่นานก็ได้แผ่นดีวีดีในซองพลาสติก มาหลายเรื่อง ในตะกร้าขนาดย่อมที่เจ้าของร้านให้มาเพื่อตัดรำคาญขณะที่นั่งค้นอย่างจริงจัง มือเรียวยื่นตะกร้าแผ่นดีวีดีให้เจ้าของร้าน
" เท่าไหร่ครับพี่? "
"อ่า.....สามร้อย....สามร้อยแปดสิบน้อง..."ว่าพลางก็จับซองทั้งหมดใส่ถุงยื่นให้กับเด็กหนุ่ม
"เอ้า สี่ร้อย ไม่ต้องทอน..." ทินกฤตว่าพลางยื่นแบงค์ร้อยให้คนขายไปสี่ใบ
จุนเจือหันไปมองเงินก่อนจะหันไปมองหน้าพี่เขย ก่อนจะรับเอาถุงใส่ดีวีดีนั้นมาแล้วออกจากร้านไปหน้าตาเฉย ..ไม่มีขอบคุณซักคำ ก็แน่ล่ะ เขาไม่ได้ขอให้มาจ่ายเงินให้เสียหน่อย..
"ขอบคุณก็ไม่มี.... เฮ้อ ....จะมีเด็กที่ไหนมีสัมมาคารวะแบบเจ้าน้อยบ้างไหมนะ สมัยนี้" ท่าทางของเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนนั้นทำให้นึกถึงเด็กที่ร้านกาแฟของทินกฤตขึ้นมากระทันหัน เด็กคนนั้นยกมือไหว้เขาทุกครั้งที่เขาซื้อของให้...
"แต่ก็เอาเถอะนะ...." ทินกฤตยักไหล่....
"เจ้าเจือมันสวยเลือกได้อยู่แล้วนี่"
พูดกับตัวเองแบบนั้นทินกฤตก็รีบก้าวเท้าเดินตาม "สวยเลือกได้" คนนั้นไปก่อนที่ผู้คนมากมายจะทำให้พวกเขาพลัดหลงกัน
++++++++++++++++
จากแผงดีวีดี ก็มาถึงแผงขายของเล่นเด็ก และ พวงกุญแจ ดูเหมือนจุนเจือจะหยุดยืนดูของเล่นเด็กๆอยู่นานเลยทีเดียว ริมฝีปากบางยิ้มอย่างพึงใจไม่น้อย กับของหน้าตาแปลกๆ เช่นถุงมือตุ๊กตา ที่เอาไว้หลอกเด็กรูปอุ้งเท้าหมี
"โฮก....." ทินกฤตเดินเข้าไปใกล้พลางทำเสียงคำราม เมื่อเห็นว่าจุนเจือกำลังลองเล่นอยู่กับถุงมือที่ทำเป็นรูปเท้าสัตว์มีกรงเล็บใหญ่
"นี่อะไรเนี่ย ตีนหมี? "
" ตกใจหมด! เดี๋ยวตะปบซะเลยนี่ "ว่าแล้วก็ทำท่าจะใช้อุ้งเท้าหมีที่สวมอยู่ตะปบหน้าหล่อๆของพี่เขยขึ้นมาจริงๆ
แต่มือแกร่งกลับคว้าข้อแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ พลางมองอุ้งเท้าหมีขนฟูนั่นอย่างพิจารณา ริมฝีปากยิ้มน้อยๆเหมือนทุกทีก่อนจะผิวปากออกมา
"โอ้ว...นี่อะไรเนี่ย ไม่ใช่อุ้งเท้าหมีล่ะมั้ง...แบบนี้มันเท้าแมวมากกว่า....เหมียวๆ...ไหนลองร้อง เหมียวซิ"
ไม่พูดเปล่าใช้ปลายนิ้วแตะที่ปลายคางของเด็กหนุ่มเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา
" โอ๊ย..ไม่เล่นแล้ว! " พออีกฝ่ายแหย่เขาราวกับเป็นเด็กแบบนี้ แถมยังทำหน้าตาออกจะกวนประสาทในความรู้สึกอีก เด็กหนุ่มก็เลยสะบัดๆมือออก สุดท้าย อุ้งเท้าหมีขนนุ่มก็ตกลงกับพื้นจนได้
ทำเอาเจ้าของร้านขายของเล่นต้องมองหน้าเด็กหนุ่ม ราวกับจะบอกว่า .. ทำตกพื้นแบบนี้ก็ต้องซื้อแล้วนะ
"งั้นเอาอันนี่ครับ...แล้วก็...อันนี้ด้วย" ทินกฤตรีบเข้ามาแก้สถานการณ์ให้โดยบอกเจ้าของร้านว่าจะซื้อก่อนที่สายตาจะหันไปเจอกับอะไรบางอย่าง แล้วหยิบมาใส่รวมในถุงด้วยกัน ก่อนจะยื่นเงินแลกกับอุ้งมือหมี
"เอ้า...เอาไปเล่นที่บ้านนะ" ทินกฤตว่าพลางยิ้ม
"กลับกันดีไหม?"
" อ่า..กลับเถอะ "ใบหน้าสวยพยักหน้าแรงๆ เพราะว่าทำของซื้อของขายเค้าเสียหาย ในตอนนี้รับกลับไปเลยจะดีกว่า ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอุ้งเท้าหมีตุ๊กตานั่นไปเล่นอะไรกับใครด้วยซ้ำ
++++++++++++++++
กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว เด็กหนุ่มนึกต่อว่าทินกฤตในใจอยู่ไม่น้อยที่ทำให้เขาต้องกลับบ้านดึก และอาจจะนอนไม่พอแบบนี้ เมื่อเดินขึ้นมาถึงบนห้องนอนก็โยนถุงใส่ของที่ทินกฤตบังคับซื้อให้เขาลงกับเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ..... และกว่าที่ นกหงษ์หยก อย่างจุนเจือจะออกมาจากห้องน้ำ คุณชายก็ใช้เวลาไปอีกชั่วโมงครึ่งในการอาบน้ำ และทาครีมสารพัด
หน้าสวยๆทำหน้าไม่พอใจกับสภาพของตัวเองในกระจก ก็เพราะสิวเม็ดเบ้อเริ่มนั้นยังไม่หายไปไหน แถมยังเริ่มจะเหมือนแพนด้าไปทุกที
สุดท้ายก็ลากตัวเองมายังที่นอนในที่สุด แล้วก็ต้องสะดุดกับของในถุงที่เขาโยนทิ้งเอาไว้ มือเรียวเทของในถุงลงกับเตียง แน่นอนว่าต้องมีอุ้งเท้าหมียัดนุ่นขนปุยหนึ่งข้าง และ พวงกุญแจแมวหน้ายุ่งอีกหนึ่งอัน มือเรียวหยิบเอาพวงกุญแจกับตุ๊กตาตัวเล็กๆขึ้นมาดู คิ้วเรียวขมวดเป็นรอบที่ร้อยของวัน
" คิดจะซื้อของหลอกเด็กรึไง ไอ้พี่เทียนบ้า! " ว่าแล้วก็โยนไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน
++++++++++++++++
talk : เริ่มมีฉากน่ารักๆโผล่มาให้เห็นบ้างแล้ว ถึงเจือจะมั่นเกิ๊น หรือ อาจจะไม่น่ารักไปบ้าง แต่ไรเตอร์ก็อยากจะฝากน้องไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ^^

..แปะรูป คนสวยเลือกได้..
สุดท้ายนี้...อย่าลืมโหวดดดดดด นะคะ