เช้าครู่ของวันรุ่นขึ้น เสียงแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาผ่านกระดาษโปร่งแสงที่ใช้ทำประตูห้องที่เปิดออกไปเป็นชานเรือนแบบญี่ปุ่น ช่วยปลุกให้ทินกฤตขยับตัว ยกแขนหมายจะบิดขี้เกียจแต่แล้วก็ต้องหยุด เมื่อรู้สึกหนักที่แขนข้างขวา ลืมตาขึ้นมองเห็นใบหน้าสวยของจุนเจือกำลังหลับพริ้ม ร่างผอมบางซุกเข้าหาไออุ่นใต้ผ้าห่ม ทินกฤตยิ้มเมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิจากร่างบางที่ยังคงเปลือยเปล่า ปลายนิ้วไล้เบาๆที่เส้นผมสีน้ำตาลแดงที่ตอนนี้ดูยุ่งเหยิงเล็กๆ ชายหนุ่มกุ้มลงจูบข้างแก้มคนที่ยังหลับสนิทอย่างนึกรัก
"เช้าแล้วเจือ...ตื่นเถอะ"
" อือ..เดี๋ยว.. "เสียงงัวเงียพึมพำรับคำให้มันจบๆแค่ก็ไม่ได้สนใจจะตื่น
"ถ้าไม่ตื่น...ป้าพนักงานเข้ามาจัดเตียงให้...จะเป็นลมเอานะ" ชายหนุ่มแหย่ ปลายนิ้วจิ้มแก้มของอีกฝ่าย ทินกฤตรออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมามองหน้าของเขา อยากจะเป็นคนแรกที่จุนเจือเห็นในเช้านี้
คิ้วเรียวขมวดเมื่อถูกกวนใจแต่เช้า ใบหน้าสวยมุ่ยอย่างขัดใจก่อนจะลืมตาหันแล้วหันมาหาที่มาของเสียงและเจ้าของนิ้วนั้น
" เป็นลมทำไมเหรอ? "จุนเจือถามอย่างสงสัย แทนที่จะพูดจาหวานๆในเช้าแรกของการอยู่ด้วยกัน
"ก็เห็นพี่นอนกอดเราอยู่แบบนี้...อะไรๆก็.....อล่างฉ่างขนาดนี้...."ดวงตาคมไล้มองจากผิวที่หัวไหล่เนียนของอีกฝ่าย
"ถ้าไม่เป็นลมไปเลยก็คงจะมีอารมณ์กลับไปหาลึงค์ เอ้ย หาลุงที่บ้านนั่นล่ะมั้ง" ทินกฤตว่าพลางก็หัวเราะกับมุกของตัวเอง
" ลามกอะ..ไม่อยากฟังแล้ว พูดบ้าๆแต่เช้าเนี่ย " ว่าแล้วก็พยายามลุกขึ้น แต่ความปวดที่สะโพกก็เล่นเช้ามาจนต้องกัดริมฝีปากแน่น
"พี่ช่วยดีกว่าไหม" ทินกฤตเอ่ยพลางถอยออกมาเล็กน้อย เพื่อยกร่างอีกฝ่ายขึ้นด้วยสองแขน
"เอ้า อุ้มแบบเจ้าหญิง...โป๊ๆ" ทินกฤตยิ้มยียวนให้กับอีกฝ่ายก่อนจะพาเด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำ น้ำร้อนดูเหมือนจะมีพร้อมไว้ตลอดสำหรับในที่พักที่ขึ้นชื่อเรื่องการแช่น้ำให้ได้ผ่อนคลายของที่โรงแรมนี้
+++++++++++++++
"อาบน้ำกันก่อน แล้วค่อยแช่น้ำ....อืม...." ทินกฤตชะโงกหน้าออกไปมองนาฬิกา
"นัดกินข้าวตอนแปดโมง...มีเวลาให้แช่น้ำอีกหน่อย"
มือเรียวกอดคอพี่เขยแน่นเมื่ออีกฝ่ายกำลังลงไปในอ่างน้ำร้อนส่วนตัว ริมฝีปากบางบางเม้ม เตรียมตัวรับความเจ็บแสบนั้นอย่างเต็มที่ แต่ทันทีที่ผิวกายของเขาโดนน้ำร้อน มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
"สบายไหม...." ทินกฤตนั่งข้างๆอ่างน้ำนั้นพลางยิ้มให้อีกฝ่ายเสียจนตาหยี ก่อนจะวักน้ำขึ้นไล้เบาๆที่หัวไหล่ของเด็กหนุ่ม เรื่อยมาจนที่แขนบาง
"เขาว่าน้ำร้อนที่นี่ช่วยรักษา พวกปวดเมื่อยๆ วันนี้คนจะปวดเมื่อยก็น่าจะหายนะ"
" ถ้าจะให้หายจริงๆ..สงสัยต้องแช่ทั้งวัน " เด็กหนุ่มบ่นอุบ ทินกฤตไม่รู้หรืออย่างไรว่าทำให้เขาปวดเมื่อยไปขนาดไหน
"จะให้พี่ไปบอกเขาไหมล่ะว่าเราไม่ค่อยสบาย" ได้ยินอีกฝ่ายบ่นออกมาเบาๆ ก็ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
ทินกฤตยังคงนั่งอยู่กับพื้นหินของห้องน้ำอยู่อย่างนั้น ...ส่วนของเขาน่ะไว้ค่อยอาบหลังจากที่อีกฝ่ายอาบเสร็จก็ได้
" ไม่ต้องหรอกครับ .. แค่เมื่อคืนที่ไม่ได้นอนที่ห้อง มันก็น่าสงสัยมากแล้ว..ถ้าพี่ไปบอก คงมีคนเดาถูกแน่ๆ " ร่างบางชันเข่าขึ้นมากอดเหมือนเด็กๆ
"ขอโทษนะ" เห็นอีกฝ่ายงุดหน้าลงไปแบบนั้นทินกฤตก็ยกมือขึ้นลูบผมนั้นด้วยอยากจะปลอบ
"ที่พี่เอาแต่ใจมากไป..." ทินกฤตว่าพลางก้มลงเล็กน้อย เขารู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของตัวเองแดงก่ำยิ่งกว่าคนที่นั่งแช่น้ำร้อนอยู่เสียอีก
จุนเจือเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ในเมื่อเขาเต็มใจให้มันเกิดขึ้นเอง
"นี่...รู้ไหม...ถ้าเราส่ายหน้าบ่อยๆแบบนี้ เกิดพี่ได้ใจขึ้นมาจะทำยังไง" ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางของอีกฝ่ายปลายนิ้วเรียวแตะที่ปลายจมูกของจุนเจือ ที่ตอนนี้ ดูเหมือนแมวเชื่องๆตัวนึง
.....น่ารักว่ะ.....เขาได้แต่คิดแบบนั้นในใจ ขืนบอกออกไปอีกฝ่ายมีหวังได้โวยวายแน่
" ผมว่าตอนนี้พี่คงหมดแรงแล้วล่ะ.. "ริมฝีปากบางขยับไปกัดปลายนิ้วเรียวเบาๆราวกับเป็นแมวตัวหนึ่ง
"พี่ยังฟิตหรอกน่า...แค่กลัวเราหมดแรงเท่านั้นล่ะ..."ชายหนุ่มอายุมากกว่าพลางเบ่งกล้ามโชว์ ก่อนจะลุกขึ้น
"ปล่อยให้เราแช่น้ำดีกว่า...."
หากแต่เมือเรียวกลับจับแขนของชายหนุ่มเอาไว้
" อาบด้วยกันซี่ "
"แน่ใจ..." ถึงจะรู้ว่าอ่างไม้ต่อเอาไว้ใหญ่ปานนี้ลงไปสองคนอ่างคงไม่แตกง่ายๆ แต่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะอาย หรือเพราะกลัวตัวเองจะเขินถ้าจะได้เห็นร่างเปลือยของคนที่ตัวเองได้บอกรักออกไปตรงๆเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนั้นอาจจะทำให้ตัวเองเผลอทำอะไรแปลกๆ ออกไปก็เป็นได้
" ก็แค่..อาบน้ำเฉยๆ อย่ามาคิดลามกเลยนะพี่ .. เดี่ยวเราต้องรีบไม่ใช่เหรอ? "นิ้วเรียวชี้อีกฝ่าย เมื่อได้ยินคำถามย้ำแบบนั้น
"เปล่า ใครว่าคิดลามก ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย ...."เมื่อเจอพูดใส่แบบนั้นทินกฤตก็หันกลับมาก้าวลงไปในอ่าง ท่าทางเก้ๆกังๆเหมือนจะสะดุดขอบอ่างเสียด้วยนั้นเป็นท่าทีประหม่าในแบบที่จุนเจือก็ไม่เคยเห็น
"โทษทีๆ..." ทินกฤตว่าพลางค่อยนั่งลงไปในอ่าง ได้ยินเสียงน้ำไหลออกจากอ่างไม้ไปเพราะมวลที่เพิ่มเข้ามา
" เดี๋ยวต้องออกไปกินข้าวรึเปล่า..ผมยังปวดตัวอยู่เลย พี่ให้เค้าเอามาให้ในห้องได้ไหม? "จุนเจือเอ่ยขอ ถึงน้ำร้อนจะพอช่วยได้บ้าง แต่เขายังไม่อยากจะเดินเหินไปไหนเท่าไหร่เลย
"ได้ซี่...พี่จะบอกให้เขาเอามาให้ อยากให้พี่อยู่ด้วยไหม?" ทินกฤตว่าพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะของอีกฝ่าย
" แต่ถ้าพี่หายไป..เขาจะว่าเอาได้นะ..ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมกินข้าวที่ห้องแล้วจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนพี่น่ะ ก็ไปกินข้าวที่ห้องอาหารโรงแรมเถอะครับ มันไม่ดี "
"อืม...พี่ว่าก็คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะ ...." ทินกฤตว่าพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกหน่อย
"หันหลังหน่อยซี่...จะถูกหลังให้"
เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เขานั่งหันหลังให้อีกฝ่าย ผิวกายขาวเนียนมีแต่รอยแดงจ้ำไปทั่ว แทบจะไม่เว้นที่ใดบนร่าง ด้วยริมฝีปากของคนที่อยู่ด้านหลัง
ทินกฤตวักน้ำร้อนขึ้นรดแผ่นหลังเนียน บรรจงใช้มือไล้บนแผ่นหลังของอีกฝ่ายแผ่วเบา
แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นดึงเอาร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดจนได้ ริมฝีปากได้รูปจูบลงบนไหล่เนียน อุ่นจนแทบจะเรียกได้ว่าร้อน เมื่อริมฝีปากประทับลงบนผิวกายนั้น ได้รสชาตของน้ำจากน้ำพุร้อน
"พี่...ไม่เคยกลัวอะไรนะ....ในชีวิตพี่ แต่ตอนนี้ ....พี่เริ่มไม่แน่ใจ"
" กลัวเหรอครับ? "เด็กหนุ่มในอ้อมแขนหันหน้าไปหาคนด้านหลัง
" พี่กลัวอะไร? "
"......................" ทินกฤตสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะจูบเบาๆกับริมฝีปากบางนั้น
"ไม่มีอะไรหรอก ...เราอาบน้ำไปก็แล้วกันนะ พี่ไปอาบฝักบัวแล้วเดี๋ยวจะแต่งตัวออกไป จะบอกให้เขาเอาข้าวมาให้ที่นี่ด้วยก็แล้วกัน"
ทินกฤตยิ้ม พยายามซ่อนความหวั่นไหวของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายจะต้องมารู้สึกเป็นกังวลอะไรไปด้วย กับความรู้สึกนี้ ความสัมพันธ์ที่กลายเป็นแบบนี้ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกับว่าคำตอบของคนรอบกายจะเป็นอย่างไร แต่ในตอนนี้ เขารู้เพียงแค่ว่า ....เขาอาจจะต้องหย่ากับเจนสุดาให้ได้เร็วที่สุด และผลสุดท้ายที่รอเขาอยู่นั้น....มันเป็นเหมือนกับหลุมลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ร่างสูงลุกออกจากอ่างไม้ก่อนจะเดินไปอาบน้ำอุ่นใต้ฝักบัว รู้สึกได้ถึงสายตาของจุนเจือที่มองมา เขาก็ได้แต่ยิ้มตอบให้อีกฝ่ายพอคลายความกังวลลงไปได้บ้าง
"อย่าแช่นานล่ะ เดี๋ยวเป็นลม" ทินกฤตไม่วายเตือนอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินออกจากห้องพักในชุดเสื้อเชิ๊ตสีอ่อนเขียวอ่อนกับกางเกงขาสี่ส่วนสีน้ำตาลอ่อน บรรยากาศดูสบายๆเหมือนจงใจแสดงออกให้ตัวเอง และ คนที่ได้มองรู้ว่า เขากำลัง "ผ่อนคลาย" มากแค่ไหน
+++++++++++++++
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทินกฤตก็พาเด็กหนุ่มออกจากห้องน้ำ ออกมาแต่งตัวด้วยชุดยูคาตะชุดเดิม จุนเจือนั่งมองเจ้าของห้องที่กำลังแต่งตัวออกไปทานอาหารเช้ากับคณะดูงาน
"หืม...มีอะไรเหรอ" ทินกฤตว่าพลางกลัดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีเขียวอ่อนเข้าด้วยกัน
" เปล่าครับ ไม่มีอะไร " ร่าเพรียวบางขยับนั่งดีๆ เขาใส่ชุดยูคาตะลำบากมากพอดู เพราะทินกฤตไม่สามารถช่วยได้เลยในเรื่องนี้
ที่จริงแล้วก็แค่กำลังคิดแปลกๆอยู่ว่า..ถ้าเขากับอีกฝ่ายได้มีโอกาสอยู่กันต่อไปแบบนี้มันจะดีแค่ไหน ก็เท่านั้น
"วันนี้พูดเพราะด้วยแฮะ" ทินกฤตยิ้มเขินๆกับคำพูดของอีกฝ่าย
" ก็... " ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ
" ผมอยากทำดีกับพี่บ้าง..เล็กๆน้อยๆก็ยังดีนี่นา "มือเรียวจับสาบเสื้อของชุดตนให้อยู่ดีๆ
"ขอบใจนะ" ทินกฤตยิ้ม
"งั้น...พี่ไปล่ะ รอซักเดี๋ยวคงมีคนเอาข้าวเช้ามาให้ ...ขอโทษนะ ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน "ร่างสูงว่า ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
+++++++++++++++
เมื่อเดินออกมาจากห้อง อากาศยามเช้าค่อนข้างจะเย็นสบายท้องฟ้าเป็นสีฟ้าคราม ทุกอย่างรอบตัวดูสดใส ทินกฤต เริ่มคิดอย่างเอาแต่ใจเล็กๆ หากว่าเขาไม่ต้องรับผิดชอบบริษัท...ไม่มีพ่อแม่....ไม่มีภรรยา รออยู่ที่บ้าน เขาคงอยากจะขอให้จุนเจือช่วยอยู่กับเขาที่นี่ตลอดไป...
แต่ในเมื่อภรรยาคนนั้นยังเป็นพี่สาวของอีกฝ่าย ...ถ้าเขาจะกักตัวเด็กหนุ่มคนนี้เอาไว้ตลอด.... คงเป็นเรื่องที่น่าประณามอยู่ไม่น้อย
แม้จะรู้สึกเศร้าจนหัวใจที่เต้นอยู่ภายในอกบีบตัวเสียจนเจ็บปลาบ ทินกฤตกลับเลือกที่จะปั้นรอยยิ้มจอมปลอมเหมือนอย่างที่มีให้ใครต่อใครขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารใหญ่ของโรงแรม ได้ยินเสียงทักทายอย่างอารมณ์ดีของลูกน้อง ยิ่งทำให้เขารู้ตัว...ว่าสิ่งที่นึกฝัน คงไม่มีทางเป็นจริง
อาหารเช้าแบบญี่ปุ่นวางเป็นชุดๆเรียงไว้ให้แขกของคณะทัวร์เกือบทุกคนที่ห้องจัดเลี้ยงใหญ่ ทุกคนต้องนั่งกับเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น บาสเดินมานั่งที่พลางมองหาเพื่อนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเห็นเก่งเสนอหน้าไปนั่งข้างศักดิ์ชัยแล้วเรียบร้อย ในขณะที่เพื่อนอีกคนยังคงหายตัว
"เป็นยังไงบ้างคะคุณทินกฤต เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมคะ" หัวหน้าแผนกคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพร้อมรอยยิ้ม
"อ้อ ก็ดีครับ...เครียดมาหลายวัน เมื่อคืนเลยหลับเป็นตาย" ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะ
เสียงเด็กฝึกงานอีกสองสามคนที่ไม่ใช่กลุ่มของบาสส่งเสียงดัง เมื่อเห็นอาหารเช้ามื้อหรูต่างกันแย่งถ่ายรูปกันเป็นการใหญ่
"เอ...จะว่าไปเช้านี้ยังไม่เห็นน้องจุนเจือเลยนะคะ... เห็นว่าตามมาทีหลัง พวกเราก็นึกเป็นห่วงว่าจะตามเพื่อนทันไหม..." หญิงสาวว่า
"อ้อ เจือน่ะเหรอครับ เอ่อ...บาส...จุนเจือยังไม่ตื่นเหรอ" ว่าพลางก็หันไปโยนหน้าที่การตอบคำถามให้บาสที่ดูจะเป็นเพื่อนสนิท ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายอย่างมีความหมาย
หนุ่มอารมณ์ดี เพื่อนสนิทของจุนเจือที่มีเสียงดังโวยวายเป็นเอกลักษณ์คนนั้นหันขวับมาทางคนที่เรียกชื่อเขาทันที ดวงตาคู่คมสบตาของชายหนุ่มอยู่หลายวินาทีก่อนจะตอบกลับไป
" เอ่อ..คือ พอดีจุนเจือมันท้องเสียน่ะครับ .. เนี่ยผมเอายาให้มันแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับพี่ "
ทินกฤตยิ้มเย็นให้กับคำตอบนั้นก่อนจะหันกลับไปมองหน้าของคนที่เขายืนคุยด้วย
"แบบนั้นคงแย่... เดี๋ยวขอตัวนะครับ ผมไปคุยกับล่ามให้เขาบอกให้พนักงานเอาอะไรไปส่งให้กินก่อน ... " ว่าแล้วก็เดินเข้าไปลากแขนล่าม ให้ไปคุยกับพนักงาน ที่กำลังทยอยยกอาหารเช้าเข้ามาเรื่อยๆ ท่าทางของล่ามดูแปลกใจไม่น้อย เพราะเธอจำได้ว่าทินกฤตนั้นนอนคนเดียว แต่ถึงกระนั้นก็เลือกที่จะปิดปากเงียบไว้ตามจรรยาบรรณ
+++++++++++++++
ช่วงเวลาอาหารเช้าผ่านไปอย่างช้าๆ เพราะหลายคนยังมึนงงจากการดื่มหนักกันเมื่อคืน หลายคนก็เที่ยววิ่งถ่ายรูปเสียจนต้องลำบากล่ามวิ่งบอกว่าให้รีบไปเตรียมตัว และเปลี่ยนชุดจากชุดยูกาตะ ของโรงแรมกันได้แล้ว เพื่อที่จะได้รีบไปขึ้นรถบัสไปเที่ยวที่ศาลเจ้าชื่อดังใกล้ๆ ให้ได้ทันตามกำหนดการ
ทินกฤตพยายามหลบไม่พูดคุยกับทานากะตลอดมื้ออาหาร ก่อนจะรีบหลบเข้าไปที่ห้องส่วนตัวของตัวเองโดยอ้างว่าจะไปหยิบกล้องถ่ายรูป
"ได้กินข้าวรึยัง"
"............................................."
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ จากด้านใน มีเพียงแค่สำรับอาหารเปล่าๆ วางเอาไว้ ส่วนตัวคนนั้นหายไปแล้วเรียบร้อย
"ไปแล้วเหรอ......"
เป็นนานกว่าทินกฤตจะเอ่ยความคิดของตัวเองออกมาได้ ...เขาคาดหวังให้อีกฝ่ายอยู่รอเขาจนกว่าจะกลับมาหรือยังไงกัน..... มือแกร่งของชายหนุ่มกำแน่น เขาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจกับการกระทำนั้นของจุนเจือ เพียงแค่บางอย่างมันยิ่งตอกย้ำในความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคน
.....มันไม่สามารถเปิดเผยได้......
.....ไม่มีทางเลยใช่ไหม............
.....ทำไมไม่ชินล่ะ มันเป็นแบบนี้มานานแล้วไม่ใช่รึไง....ทินกฤตหัวเราะเบาๆกับความรู้สึกของตนเอง เขาควรจะชินได้แล้ว กับความสัมพันธ์ที่ต้องปิดบัง มันเป็นสิ่งที่เขาทำมาแทบจะตลอดชีวิต แต่ในตอนนี้ กับเด็กหนุ่มคนนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูใหม่มากจนเขาตั้งรับแทบไม่ทัน
+++++++++++++++